Monday, 29 April 2024
กัญชาเสรี

‘ภูมิใจไทย’ ดัน นโยบายกัญชา สุดตัว ยกระดับจากสิ่งผิดกม. ให้เป็นพืชเศรษฐกิจ

ถึงจะโดนเรื่องโควิด-19 กลบ จนเรื่องกัญชา ต้องหายเงียบ แต่ในความเงียบ กลับมีความเคลื่อนไหว ที่สะท้อนความคืบหน้าในนโยบายกัญชา ซึ่งเป็นเดิมพันสำคัญของพรรค “ภูมิใจไทย”

รู้หรือไม่ ??? จากในอดีตที่กัญชา มีสถานะเป็น “สิ่งเสพติด” หากแม้นมีการครอบครอง ไปจนถึงนำมาใช้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดล้วน “ผิดกฎหมาย” เป็นผู้ร้ายตลอดกาล ปัจจุบัน ประเทศไทยคลายล็อกให้สามารถปลูกกัญชาได้อย่างถูกกฎหมายแล้ว กัญชากำลังค่อยๆ เปลี่ยนบทบาทให้กลายเป็น “พระเอก” มากยิ่งขึ้น จนไทยได้ชื่อว่ามีความก้าวหน้าในเรื่องการนำกัญชามาใช้ ที่ก้าวหน้าที่สุดในอาเซียน

รู้หรือไม่ ? วันนี้ ประชาชนสามารถเข้าถึงการปลูกกัญชาได้อย่างถูกกฎหมายแล้วกว่า 1.6 ล้านตารางเมตร

รู้หรือไม่ ? ในปี 2564 เพียงปีเดียวสินค้าที่มีกัญชาเป็นส่วนผสม มีมูลค่าในตลาดสูงถึงกว่า 7 พันล้านบาท

รู้หรือไม่ ? ประเทศไทย มีคลินิกกัญชาแล้วใน 760 โรงพยาบาลทั่วประเทศ

รู้หรือไม่ ? มีประชาชนกว่า 7.6 หมื่นคน ใช้บริการคลินิกกัญชา เป็นทางออกในการรักษาโรค

เหล่านี้คือปรากฏการณ์ ที่เกิดขึ้นแล้ว ในประเทศไทย และเป็นเครื่องยืนยันความคืบหน้าของนโยบายกัญชาเสรี

เป็นผลจากการทุ่มกาย เทพลัง ตลอด 2 ปีเศษ ที่พรรคภูมิใจไทย “ต้อง” ผลักดันนโยบายกัญชาทางการแพทย์ให้ไปข้างหน้า เนื่องเพราะเป็นนโยบายสำคัญที่ทำให้พรรคโกยคะแนนเลือกตั้ง กระทั่งได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล และหัวหน้าพรรคอย่างนายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อผลักดันให้นโยบาย เกิดความเป็นรูปธรรม ตามแผนบันได 3 ขั้น เริ่มจากแก้กฎหมาย ให้กลายเป็นพืชสมุนไพร ใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ไปจนถึงเป็นพืชเศรษฐกิจ แก้ปัญหาปากท้องประชาชน

ซึ่งการก้าวขึ้นบันไดแต่ละขั้นนั้น ไม่ใช่เรื่องหมู ต้องฝ่าฟัน “ความเชื่อ” จากสังคมไทย จำนวนไม่น้อย ที่ยังปฏิเสธกัญชา ขณะที่กฎเกณฑ์ระหว่างประเทศ ก็เป็นดั่งกำแพงที่ยากจะปีนข้าม มีเพียงการค่อยแก้กฎหมายทีละชั้นอย่างละเอียดรอบคอบที่สุด ถึงจะสามารถคลายล็อกกัญชาได้

ข้อเท็จจริงคือ ประเทศไทยอยู่ภายใต้อนุสัญญาเดี่ยวว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ค.ศ. 1961 แก้ไขโดยพิธีสาร ค.ศ. 1972 และอนุสัญญาว่าด้วยวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ค.ศ. 1971 ซึ่งอนุสัญญาทั้ง 2 ฉบับนี้ยินยอมให้ใช้กัญชาทางการแพทย์หรือวิทยาศาสตร์ได้ แต่รัฐบาลต้องคำนึงถึงความปลอดภัยต่อสุขภาพและการป้องกันการรั่วไหลไปยังตลาดมืด ซึ่งรัฐบาลต้องมีการข้อกำหนดที่ชัดเจนในการอนุญาตให้ผลิตปลูกหรือใช้กัญชาทางการแพทย์ที่จะต้องดำเนินการโดยมีระบบใบอนุญาต (Licensing System) เพื่อให้มั่นใจว่าตลาดกัญชาของรัฐนั้น ๆ จะไม่เกินความต้องการใช้ทางการแพทย์และทางวิทยาศาสตร์”

โดยมีคณะกรรมการการควบคุมยาเสพติดระหว่างประเทศจะเป็นหน่วยงานที่เป็นกลไกกำกับดูแลการปฏิบัติให้เป็นไปตามบทบัญญัติของอนุสัญญาฯ ประเทศภาคีสมาชิกจะต้องรายงานให้ทราบเกี่ยวกับการดำเนินการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดและวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทที่ผิดกฎหมาย

นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญ ที่ทำให้ประเทศไทย ต้องนำเรื่อง “การแพทย์” มานำร่องเรื่องกัญชา เป็นไฟต์บังคับ ที่นายอนุทิน ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขทราบดี ซึ่งนายอนุทิน ค่อย ๆ ขยับแก้กฎหมายไปทีละขยัก ผ่านอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เริ่มจากวันที่ 6 สิงหาคม ปี 2562 ได้ ลงนามระเบียบกระทรวงสาธารณสุข รับรองสถานะหมอพื้นบ้าน เปิดช่องให้หมอพื้นบ้านใช้กัญชา เป็นส่วนผสมในตำรับยา 

ขณะเดียวกัน ยังได้ผลักดันให้ “วิสาหกิจชุมชน” ทั่วประเทศ ปลูกกัญชา สำหรับส่งไปยังโรงพยาบาลสำหรับใช้ผลิตยา เพื่อเตรียมใช้ในคลินิกกัญชา ที่จะเกิดขึ้นในปีเดียวกัน พร้อมไปกับการปลดล็อกให้สารสกัดจากกัญชา ทั้ง THC และ CBD ไม่เป็นยาเสพติด ตามเงื่อนไขที่กำหนด เหล่านี้เกิดขึ้นเพื่อให้สามารถนำกัญชาไปในทางการแพทย์ได้ โดยมีเงื่อนไขน้อยที่สุด ขณะที่แหล่งผลิต ที่เกิดขึ้นจะกลายมาเป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบในเชิงเศรษฐกิจด้วย

ซึ่งการเปลี่ยนร่างกัญชาจากพืชสมุนไพร สู่พืชเศรษฐกิจนั้น ต้องย้อนกลับไป ในวันที่ นายอนุทิน นำกระทรวงสาธารณสุขออกประกาศกระทรวง เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 (ฉบับที่ 2) เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2563 ให้บางส่วนของต้นกัญชาและกัญชงไม่จัดเป็นยาเสพติด

ส่วนต่าง ๆ ของกัญชาที่ไม่จัดเป็นยาเสพติด ได้แก่ เปลือก ลำต้น เส้นใย กิ่งก้าน ราก ใบ ซึ่งไม่มียอดหรือช่อดอกติดมาด้วย สารสกัด CBD ที่มี THC ไม่เกินร้อยละ 0.2% และกากที่เหลือจากการสกัดกัญชา ซึ่งต้องมี THC ไม่เกิน 0.2%

ประชาชน เอกชน สามารถใช้ประโยชน์จากส่วนเหล่านี้ได้ แต่มีข้อกำหนดว่าต้องได้มาจากสถานที่ปลูกหรือผลิตในประเทศ ซึ่งได้รับอนุญาตแล้วเท่านั้น

เมื่อสามารถนำส่วนต่าง ๆ ของกัญชามาใช้ประโยชน์ได้ทั่วไปแล้ว จึงเห็นร้านค้าจำนวนมาก นำวัตถุดิบจากกัญชามาใช้เพิ่มมูลค่าในผลิตภัณฑ์ ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม และเครื่องสำอาง สร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการเป็นจำนวนมหาศาล จนกัญชาได้ชื่อว่าเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจสำหรับคนไทยจำนวนไม่น้อย จากที่กัญชาต้องหลบเร้นอยู่ในมุมมืด การแก้กฎหมายที่ผ่านมา ทำให้เราได้มีโอกาสทานบราวนี่กัญชา ชาที่ทำมาจากกัญชา ข้าวผัดกัญชา พิซซ่ากัญชา ไปจนถึงใช้เครื่องสำอาง ที่มามีส่วนผสมของกัญชาประกอบอยู่

ไขคำตอบสายเขียว!! ‘กัญชา’ เสรีจริงหรือไม่ ?? | Click on Clear THE TOPIC EP.142

📌  ไขปม!! ‘กัญชาเสรี’ จริง - ไม่จริง? ไปพร้อมกับ ‘ผศ.ดร.ฐนันดร์ศักดิ์ บวรนันทกุล’ ประธานคณะกรรมการบริหารหลักสูตรปริญญาเอก (นานาชาติ) มหาวิทยาลัยมหิดล 

📌 ใน Topic : ไขคำตอบสายเขียว!! ‘กัญชา’ เสรีจริงหรือไม่ ??

ร่วมจับประเด็น เน้นความรู้ได้ในรายการ Click on Clear THE TOPIC

ดำเนินรายการโดย ปริม กุญชนิตา กุญชร ณ อยุธยา PROGRAM DIRECTOR THE STATES TIMES

.

.

'วิษณุ' เคลียร์ชัดขอบเขต 'กัญชาเสรี' เริ่ม 9 มิ.ย.นี้ หวั่นเยาวชนเข้าถึงง่าย เล็งถกหาวิธีรับมือ

31 พ.ค.2565 - ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมการสำหรับประกาศกระทรวงสาธารณสุข ที่ปลดกัญชาออกจากการเป็นยาเสพติดประเภท 5 ที่จะมีผลวันที่ 9 มิ.ย. แต่ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ยังไม่ประกาศใช้ว่า ยังไม่มีความชัดเจน โดยตนได้ให้การบ้าน แต่ละหน่วยงาน เช่น ตัวแทนจากสำนักงานศาลยุติธรรม นักวิชาการ นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ รวมถึงอาจารย์แพทย์ร.พ.จุฬาลงกรณ์ แพทย์จาก ร.พ.ศิริราช และเจ้าหน้าที่จากกระทรวงสาธารณสุข ไปหาตัวเลขเพิ่มเติมในบางเรื่อง ทั้งนี้แต่ละหน่วยงานได้มาบอกให้ที่ประชุมทราบว่า ในวันที่ 9 มิถุนายนนี้ หากไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผลกระทบในด้านต่าง ๆ จะมีอะไรบ้าง แต่บังเอิญตัวเลขยังไม่ชัดเจน จึงให้ไปทำตัวเลขมาใหม่ แล้วมาหารือกันอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวถามว่าสิ่งที่หน่วยงานต่างๆมีความเป็นห่วงคืออะไร นายวิษณุ กล่าวว่า มีความเป็นห่วงเรื่องที่ครั้งก่อนเราทอดเวลา จากเดือนกุมภาพันธ์ มา 120 วัน ซึ่งจะมาครบในวันที่ 8 มิถุนายนนี้ เพราะเราคาดหมายว่า จะมีกฎหมายเข้าสภา เราต้องไม่ลืมว่าการออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ จากนั้นสภาปิด ก็คิดว่าจนถึงวันนี้กฎหมายจะเข้าสภาได้ อย่างน้อยเข้าไปแล้วยังไม่เสร็จก็ไม่เป็นไร เพราะช่วงปิดสมัยประชุมกรรมาธิการก็ยังทำงานได้ ซึ่งเราก็จะสามารถไปพูดกับต่างประเทศที่เราเป็นประเทศสมาชิกได้ แต่บังเอิญกฎหมายยังไม่ได้เข้าสภา เพราะ โควิด-19 ประธานสภามีการสั่งงดประชุม กฎหมายจึงยังไม่ถูกนำเข้าสภา ดังนั้นวันที่ 9 มิถุนายนที่จะเปิดเสรี อาจเกิดความหวาดระแวงจากต่างประเทศ รวมถึงครู ผู้ปกครองก็อาจระแวงลูกหลาน จึงฝากให้กระทรวงสาธารณสุขไปคิดว่าจะมีมาตรการอย่างไร ซึ่งอันที่จริงเขาก็มีอยู่แล้ว แต่อาจยังไม่รัดกุม จึงขอให้ไปคิดอีกทีอย่างไรก็ตามในวันที่ 8 มิถุนายน กฎหมายจะเข้าสภาวาระ1 เราคงพอเห็นหน้าเห็นหลังบ้างแล้ว

นายวิษณุ กล่าวด้วยว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อทำการบ้านมาเสร็จแล้ว ก็จะได้หารือกันอีกครั้งในเร็วๆนี้ เพราะตนอยากให้ได้ความชัดเจนก่อนที่กฎหมายจะเข้าสภา และไม่ต้องการให้เกิดสุญญากาศ หรือถ้าจะเกิดสุญญากาศจริงๆ ก็เป็นสุญญากาศที่สามารถมีคำอธิบายให้กับประชาชนได้ ระหว่างนี้กระทรวงสาธารณสุขก็จะงัดกฎหมายทุกฉบับที่มี ขึ้นมาใช้ควบคุมก่อน เช่น กฎหมายกำหนดให้กลิ่นและควัน กัญชากัญชง หรือพืชอื่นใดในทำนองเดียวกัน เป็นเหตุรำคาญ พ.ศ. ... ซึ่งจะมีความผิดในเรื่องการก่อเหตุรำคาญ หรือใครนำไปผสมอาหาร ก็จะผิดพระราชบัญญัติอาหาร ใครนำไปผสมในยาก็จะผิดพระราชบัญญัติยา ใครนำไปทำน้ำมันกัญชาโดยไม่ขออนุญาต ก็จะผิดตามกฏหมายของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ขณะเดียวกันกรมสรรพสามิตก็จะตามเก็บภาษี เพราะการผลิตน้ำมันกัญชาต้องเสียภาษี

'โรม' จวก 'ภท.' ใจแคบฟ้อง 'ปลื้ม' วิจารณ์กัญชาเสรี ไม่ต่างอะไรกับรัฐที่ไล่จับผู้เห็นต่างทางการเมือง

(11 มิ.ย.65) นายรังสิมันต์  โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ ว่า...

"การไปให้ สส-สมาชิกพรรค ไล่แจ้งตำรวจเอาผิดคนที่วิจารณ์นโยบายกัญชาตามจังหวัดต่างๆ ไม่ต่างอะไรจากการที่รัฐบาลเที่ยวจับกุมดำเนินคดีต่อผู้เห็นต่างทางการเมือง

"ปชช. ควรมีเสรีภาพที่จะวิจารณ์นโยบายของพรรคการเมืองได้ นี่คือบททดสอบความใจกว้างด้วยว่าพร้อมรับฟังความเห็นแย้งจาก ปชช. หรือไม่"

รู้เท่าทัน ‘คุณและโทษ’ หลังปลดล็อกกัญชา ความท้าทายใหม่ของสังคมไทย

หลังจากที่เป็นมหากาพย์มาค่อนข้างจะยาวนาน จากนโยบายการหาเสียงของพรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่ง สู่การนำมาใช้ปฏิบัติจริง จนกระทั่งกลายเป็นความขัดแย้งของหน่วยงานที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย 

สุดท้ายแล้ว เมื่อวันที่ (9 มิถุนายน 2565) ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่ต้องมีการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ไทย หลังประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องระบุยาเสพติดประเภทที่ 5 พ.ศ. 2565 มีผลบังคับใช้ ส่งผลให้ส่วนประกอบของกัญชาทุกอย่าง ยกเว้นสารสกัดจากกัญชาที่มีค่า THC (Tetrahydrocannabinol) ซึ่งเป็นสารที่ออกฤทธิ์เกิน 0.2 % มีสถานภาพที่ไม่ใช่สารเสพติดต่อไปอีกแล้ว



สำหรับกัญชานั้นเป็นพืชล้มลุกจำพวกหญ้าชนิดหนึ่ง มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Cannabis sativa L. เป็น mono specific มีชื่อสามัญหลากหลาย เช่น hemp, marijuana, pot, gandia เป็นต้น กัญชามักจะเป็นที่นิยมเรียกกันในกลุ่มผู้เสพว่าเนื้อ 

ก่อนที่จะถูกปลดล็อก กัญชาจัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ลักษณะใบกัญชา จะเรียวยาวแตกเป็นแฉกคล้ายใบละหุ่งหรือมันสำปะหลัง ส่วนที่นำมาใช้เสพก็คือ ใบและยอดช่อดอกตัวเมีย โดยการนำมาตากหรืออบแห้งแล้วบดหรือหั่นเป็นผงหยาบๆ นำมามวนบุหรี่สูบ หรืออาจสูบด้วยกล้อง หรือมีวัสดุสำหรับสูบ ทำจากไม้ไผ่เรียกว่าบ้องกัญชา บางครั้งอาจใช้วิธีเคี้ยวทาน หรือใช้เป็นส่วนประกอบกับอาหารรับประทานก็ได้ 

เมื่อเสพกัญชาเข้าไปในระยะแรกของการเสพ สาร THC ที่เป็นสารออกฤทธิ์ของกัญชาจะกระตุ้นประสาททำให้ผู้เสพมีอาการร่างเริง ช่างพูด หัวเราะง่าย หัวใจเต้นเร็ว ตื่นเต้นง่าย ต่อมาจะมีอาการคล้ายคนเมาเหล้าอย่างอ่อน เนื่องจากกัญชาออกฤทธิ์กดประสาท ผู้เสพจะมีอาการง่วงนอน ซึม หายใจถี่ เห็นภาพลวงตา ภาพหลอนต่าง ๆ เกิดอาการหู่แว่ว ตกใจง่าย วิตกกังวล หวาดระแวง บางรายคลื่นไส้อาเจียน ความจำเสื่อม ความคิดสับสน เพ้อคลั่ง ไม่สามารถควบคุมตนเองได้ มีอาการทางจิต 

การปลดล็อกกัญชาให้ออกจากการเป็นสารเสพติด โดยใช้เหตุผลหลักเพื่อให้ได้ใช้ประโยชน์จากกัญชาอย่างเต็มที่ ทั้งในเรื่องของการเป็นยารักษาโรค และใช้เป็นส่วนประกอบของอาหาร ซึ่งจะส่งผลให้กัญชากลายเป็นพืชเศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่งที่สามารถสร้างรายได้ให้กับผู้ปลูกได้ 
 


แต่อย่างไรก็ตามหลังจากการปลดล็อกกัญชาให้พ้นจากการเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 แล้วนั้น มีประเด็นที่ท้าทายสังคมไทยมากที่สุด คือการสร้างให้เกิดความสมดุลระหว่างประโยชน์และโทษของกัญชา 

ทั้งนี้การปลดล็อกกัญชาจากยาเสพติดนั้น จะต้องมีกระบวนการหรือมาตรการให้เกิดการนำเฉพาะส่วนที่เป็นข้อดีของกัญชาออกมาใช้ เพราะถึงแม้กัญชาจะมีประโยชน์มากมาย แต่ถ้าใช้ไม่ถูกวิธี หรือใช้เกินขนาดก็จะส่งผลให้เกิดโทษตามมาเช่นกัน โดยเฉพาะในส่วนของสารออกฤทธิ์ THC ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดว่าการใช้กัญชานั้นจะเป็นประโยชน์หรือเป็นโทษ  

โดยลักษณะการออกฤทธิ์ของสาร THC จะมีลักษณะเด่น ๆ คือ ถ้าได้รับในปริมาณที่เหมาะสม คือไม่สูงจนเกินไปจะมีผลในการลดอาการปวด ลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ ลดอาการคลื่นไส้ ทำให้เกิดการผ่อนคลาย ช่วยให้นอนหลับได้ดี 

ทั้งนี้ทางการแพทย์ได้มีการนำมาใช้เป็นยารักษาโรคต่าง ๆ เช่น บรรเทาอาการข้างเคียงของการได้รับเคมีบำบัดรักษาโรคมะเร็ง บรรเทาอาการภูมิแพ้ บรรเทาอาการที่เกิดจากเชื้อเอชไอวี บรรเทาอาการที่ทำให้เจ็บปวดเรื้อรัง บรรเทาอาการการติดเชื้อ หรืออักเสบของอวัยวะต่างในร่างกาย เป็นต้น 

‘ศุภชัย’ จวก ‘ชมรมแพทย์ชนบท’ ไร้มารยาท หลังวิจารณ์กัญชาเป็นยาเสพติด ทั้งที่สภาฯปลดล็อกแล้ว

‘ศุภชัย ใจสมุทร’ เดือดจัด! ซัด ‘ชมรมแพทย์ชนบท’ ไร้มารยาท ไม่รู้จักหน้าที่ตัวเอง หลังวิจารณ์กัญชาเป็นยาเสพติด เพราะที่ประชุมรัฐสภาปลดล็อกแล้ว

ขณะที่นายศุภชัย ใจสมุทร ในฐานะประธานกรรมาธิการร่างพรบ.กัญชา กัญชง กล่าวถึงกรณีชมรมแพทย์ชนบท โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กว่า ‘กัญชาเสรีคือยาเสพติด’ นายศุภชัย มองว่าโพสต์ดังกล่าวไร้มารยาท ผิดจรรยาบรรณแพทย์ กำลังทำผิดวัตถุประสงค์ที่แพทย์ชนบทรุ่นก่อนทำกัน มีการบิดเบือนและหลอกลวงประชาชนและไม่เหมาะสม สูญเสียความเป็นกลาง อีกทั้งยังเกินกว่าบทบาทหน้าที่ ซึ่งขณะนี้ประชาชนในประเทศใช้กัญชาอย่างแพร่หลาย

“ท่านกำลังก้าวล่วงมาในสิ่งที่ท่านกำลังทำในฐานะสิ่งที่ไม่ชอบต่อหน้าที่ของท่านด้วย เพราะล่าสุดก็คือวันนี้กัญชาไม่ใช่ยาเสพติด เพราะรัฐสภาแห่งนี้ได้ปลดล็อคกัญชาออกจากยาเสพติดจากพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษปี 2522 เพราะฉะนั้นสิ่งที่ท่านโพสต์บอกว่ากัญชาเป็นยาเสพติด กำลังบิดเบือนหลอกลวงประชาชน สองก็คือท่านเป็นแพทย์ที่มีหน้าที่ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามนโยบายของกระทรวง ก็คือการนำกัญชา มาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ แต่แทนที่ท่านจะทำหน้าที่ตรงนี้ท่านกลับไปพูดเท็จ ทำให้ชาวบ้านตื่นตระหนก”

นายศุภชัย ยังพูดถึงโรงพยาบาลจะนะ จังหวัดสงขลา ที่ประธานแพทย์ชนบทคนใหม่เป็นผู้อำนวยการ ก็มีการใช้กัญชารักษาอาการนอนไม่หลับ ยาแก้ไข้ แก้ลม รวมแล้วมีผู้ได้รับยาประมาณ 1,000 คน รวมถึงโรงพยาบาลในภาคใต้และทั่วประเทศมีการใช้กัญชามากกว่า 1 ล้านขวดและได้ประโยชน์กันถ้วนหน้า

'จิรายุ' ผวา!! กัญชาเสรี ทำคนเจ็บป่วยตายทุกวัน เสนอยกเลิกเสรีกัญ จนกว่าจะมีกฎหมายรองรับ

‘จิรายุ’ จี้!! รัฐบาลปุ๊น ๆ มีข่าวตายป่วยเจ็บเพราะกัญทุกวัน ยังทำนิ่ง เสนอนายกฯ ต้องยกเลิกเสรี กัญไปก่อนจนกว่าจะมีกฎหมายรองรับ โวยห่วงคนพื้นที่ สามวาจนต้องขึ้นป้าย ดูดปุ๊นขับรถเสี่ยงตาย

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีสถานการณ์ผลกระทบจากการเปิดเสรีกัญชาทั่วประเทศว่า วันนี้ อาการสังคมกำลังป่วยหนัก บ้านเมืองไร้ขื่อแปร เกิดยุคคล้ายกับ  ‘โรงฝิ่น’ ในศตวรรษที่ 19 แต่วันนี้ศตวรรษที่ 21 กำลังเป็นยุค ‘บ้องโจ๋ครองเมือง’ เสรียิ่งกว่า 

ตนขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลอย่านิ่งนอนใจ วันนี้เด็กและเยาวชน เข้าไปเกี่ยวข้องจำนวนมาก มีคนเจ็บคนป่วยคนตายทุกวัน ซึ่งดูแล้วหากรัฐบาลจะทำเนียน อ้างว่ารอ พรบ.ประกอบออกมาก็จะดีขึ้นนั้น ตนไม่เห็นด้วยเพราะวันนี้ทั้งสื่อโซเชียลวิทยุ โทรทัศน์โฆษณาสินค้าผสมกัญชากันอย่างโจ๋งครึ่ม ตู้กดน้ำใกล้สถานศึกษาโรงเรียน  โรงพยาบาล คอนโดมิเนียมมีเพียบ ซึ่งตนเชื่อว่าจะมีผลเสียมากกว่าผลดี จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาล ประกาศยกเลิก เสรีกัญชาไว้ก่อนจนกว่า พรบ.ประกอบจะประกาศใช้เพื่อคืนสังคมที่ดีให้กับครอบครัวคนไทย

เพจสถานทูตจีนแจงชัด ไม่ได้สั่งห้ามทัวร์มาไทย โต้ ‘จาตุรนต์’ ทัวร์จีนยกเลิกไม่เกี่ยวกัญชาเสรี

(19 ก.ค. 65) จากกรณีที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรี เขียนข้อความทางเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 14 ก.ค. แสดงความเห็นถึงนโยบายกัญชาเสรี ว่าอาจจะกลายเป็นซอฟท์พาวเวอร์ด้านลบ ที่ทำให้ชาวต่างประเทศเสื่อมความนิยมชมชอบที่มีต่อค่านิยมและวัฒนธรรมของไทย ยิ่งไปกว่านั้นในตอนหนึ่งได้อ้างว่า สถานทูตจีนออกมาเตือนประชาชนของตนและกำหนดโทษไว้อย่างร้ายแรง นำมาสู่การยกเลิกกำหนดการท่องเที่ยวในประเทศไทยของนักท่องเที่ยวจีนอีกด้วย

ล่าสุดเพจเฟซบุ๊ก Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย โดย โฆษกสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยตอบคำถาม กรณีร้อนจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรของไทย ซึ่งกำลังเปิดญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจกันอยู่

โดยโฆษกสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนฯ Q&A ดังนี้…

‘แกนนำเพื่อไทย’ ค้าน ‘กัญชาเสรี’ ถามผู้แทนราษฎร รู้หรือไม่กำลังมีส่วนในการปล่อยผีร้ายเข้าสู่สังคมไทย

เมื่อวันที่ (19 กรกฎาคม) นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล คณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย ในฐานะที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ 2  กล่าวว่า ขณะประชุมคณะอนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ 2 ในคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 66 ช่วงการพิจารณางบประมาณแผนงานบูรณาการป้องกัน ปราบปราม และบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด 

ซึ่งสำนักงานปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) เข้าชี้แจง มีหลายคำถามคาใจที่กรรมาธิการ โดยเฉพาะเรื่องกัญชาที่ถูกทำให้ ไม่เป็นยาเสพติด ทั้งนี้ กรรมาธิการตั้งคำถามว่า เหตุใดรัฐแจกต้นกัญชาที่มี THC เกิน 0.2% ได้ หากประชาชนมีอยู่ที่บ้านแล้วลองเสพช่อดอกก็คือสารสกัดที่มี THC เกิน 0.2 % อยู่ดี ซึ่งตรงนี้ ปปส. ยืนยันว่า ถ้าเสพแล้วมึนเมา ก็คือ THC เกิน 0.2% ด้วย ขณะที่ผู้แทนราษฎรก็บอกว่ารู้เรื่องนี้ แต่ขวางไม่ได้ ทีดอกฝิ่นสกัดมาเป็นเฮโรอีน ท่านยังบอกว่าผิดแต่กลับให้ประชาชนครอบครองช่อดอกกัญชาที่มี THC เกิน 0.2% ท่านบอกว่า “ไม่รู้ ไม่รู้ ไม่รู้”

นายวรวัจน์ กล่าวว่า  นอกจากนี้ กรรมาธิการถาม ปปส. ว่า หากหลังเลือกตั้งมีรัฐบาลใหม่ เข้ามาบริหารประเทศ จะสาทารถยกเลิกกัญชาเสรีได้หรือไม่ ผลจะเป็นอย่างไร จะสามารถแก้ไขระเบียบต่างๆได้ทันหรือไม่ คำตอบที่ได่รับคือ คงทำได้ลำบาก เพราะเมื่อเสพติดไปแล้วมีผลร้ายแรงกว่าบุหรี่หลายเท่า และที่สำคัญที่สุดคือ มีผลต่อการทำลายจิตประสาท ทำลายสมอง ทำให้มีนงง เฉื่อยชา กลายเป็นคนขี้เกียจซึ่งแก้ไขได้ยาก

“ท่านผู้แทนราษฏร ท่านรู้หรือไม่ว่า ท่านกำลังจะมีส่วนร่วมในการปล่อย ผีร้าย เข้าสู่ สังคมไทย เงินตรา หรือมนต์ตราเพียงไหนที่มาจูงใจท่านให้เดินผิดทางไปได้ ท่านจะถึงวัน ที่ลูกหลานท่านเสพกัญชา มึนเมา ขับรถ จิตหลอนจนเกินอุบัติเหตุร้ายแรงก่อนแล้วค่อยคิดแก้ไขหรือ ผมขออนุญาต ร่วมเรียกร้องไปยังหน่วยงานการศึกษา สถาบันศาสนา ทุกศาสนา ชุมชนทุกชุมชนฯลฯ เพื่อลูกหลาน และสังคมไทย ร่วมต่อต้านกัญชาเสรี ผมเชื่อว่า ถ้าเราช่วยกันส่งเสียงจะสามารถสกัดเรื่องนี้ได้” นายวรวัจน์ กล่าว

'เพื่อไทย' เตือน 'กัญชาเสรี' ทำเยาวชนแห่ลอง จี้ 'ประยุทธ์ - อนุทิน' ควรยกเลิกไปก่อน

'เพื่อไทย' จวก นโยบายกัญชาเสรี สร้างภัยมหันต์ให้กับการศึกษาไทย เอาเด็กและเยาวชนเป็นตัวประกันต่อรองผลประโยชน์ทางการเมือง ธุรกิจขายกัญชาผุดเป็นดอกเห็ด ห่วง เด็ก เยาวชนแห่ลอง เข้าถึงง่ายกว่าบุหรี่ จี้ 'ประยุทธ์ - อนุทิน' ยกเลิกไปก่อน คงไว้ใช้เพื่อการแพทย์ หวั่นอนาคตของชาติพังทลาย

(27 ก.ค. 65) น.ส.อรุณี กาสยานนท์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เป็นเวลาเกือบ 2 เดือนแล้วหลังกระทรวงสาธารณสุขออกประกาศยาเสพติดให้โทษประเภท 5 หรือ กัญชา-กัญชง เสรี ได้สร้างภัยมหันต์ให้กับระบบการศึกษาไทยที่อยู่ในภาวะร่อแร่อยู่แล้วให้ตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากมากขึ้น นับตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายนจนถึงกลางเดือนกรกฎาคม 2565 ได้เกิดสภาวะกัญชาระบาดในเด็ก มีเด็กป่วยจากการใช้กัญชาทั้งที่โดยตั้งใจและไม่ตั้งใจจำนวนมาก อายุน้อยสุดเพียง 4 ขวบครึ่ง มีนักเรียน จ.ลำปาง ลักลอบเสพและขายกัญชาในโรงเรียน เกิดอาการเมามายหวิดทะเลาะวิวาทกับครู และยังได้สร้างปัญหาทางสังคม สร้างความเห็นแก่ตัวให้กับผู้ประกอบการบางกลุ่มที่แอบผสมกัญชาในอาหารและเครื่องดื่มโดยไม่ละอายใจ โดยหวังผลให้ผู้บริโภคเสพติด

"ทั้งหมดล้วนเกิดจากความคิดน้อย ไม่รอบคอบ ครอบคลุมของรัฐบาล ไม่คำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมา คิดเพียงแค่ปล่อยผ่านให้พรรคร่วมรัฐบาลเจ้าของนโยบายนี้ได้ทำนโยบายที่ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนตามที่พูดไว้ เพียงเพื่อให้ยังคงเสียงสนับสนุนในกลุ่มพรรคร่วมรัฐบาลเท่านั้น หากเป็นเช่นนั้นจริงเท่ากับว่ารัฐบาลนี้กำลังเอาเด็กและเยาวชนเป็นตัวประกันต่อรองผลประโยชน์ทางการเมือง ทั้งที่ต้องตระหนักให้ได้ว่า กัญชาเสรีที่ไร้กฎหมายควบคุม กำลังจะกลายเป็นปัญหาที่ส่งผลต่อเด็กและเยาวชนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ในระยะยาว"


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top