'วิษณุ' เคลียร์ชัดขอบเขต 'กัญชาเสรี' เริ่ม 9 มิ.ย.นี้ หวั่นเยาวชนเข้าถึงง่าย เล็งถกหาวิธีรับมือ

31 พ.ค.2565 - ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมการสำหรับประกาศกระทรวงสาธารณสุข ที่ปลดกัญชาออกจากการเป็นยาเสพติดประเภท 5 ที่จะมีผลวันที่ 9 มิ.ย. แต่ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ยังไม่ประกาศใช้ว่า ยังไม่มีความชัดเจน โดยตนได้ให้การบ้าน แต่ละหน่วยงาน เช่น ตัวแทนจากสำนักงานศาลยุติธรรม นักวิชาการ นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ รวมถึงอาจารย์แพทย์ร.พ.จุฬาลงกรณ์ แพทย์จาก ร.พ.ศิริราช และเจ้าหน้าที่จากกระทรวงสาธารณสุข ไปหาตัวเลขเพิ่มเติมในบางเรื่อง ทั้งนี้แต่ละหน่วยงานได้มาบอกให้ที่ประชุมทราบว่า ในวันที่ 9 มิถุนายนนี้ หากไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผลกระทบในด้านต่าง ๆ จะมีอะไรบ้าง แต่บังเอิญตัวเลขยังไม่ชัดเจน จึงให้ไปทำตัวเลขมาใหม่ แล้วมาหารือกันอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวถามว่าสิ่งที่หน่วยงานต่างๆมีความเป็นห่วงคืออะไร นายวิษณุ กล่าวว่า มีความเป็นห่วงเรื่องที่ครั้งก่อนเราทอดเวลา จากเดือนกุมภาพันธ์ มา 120 วัน ซึ่งจะมาครบในวันที่ 8 มิถุนายนนี้ เพราะเราคาดหมายว่า จะมีกฎหมายเข้าสภา เราต้องไม่ลืมว่าการออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ จากนั้นสภาปิด ก็คิดว่าจนถึงวันนี้กฎหมายจะเข้าสภาได้ อย่างน้อยเข้าไปแล้วยังไม่เสร็จก็ไม่เป็นไร เพราะช่วงปิดสมัยประชุมกรรมาธิการก็ยังทำงานได้ ซึ่งเราก็จะสามารถไปพูดกับต่างประเทศที่เราเป็นประเทศสมาชิกได้ แต่บังเอิญกฎหมายยังไม่ได้เข้าสภา เพราะ โควิด-19 ประธานสภามีการสั่งงดประชุม กฎหมายจึงยังไม่ถูกนำเข้าสภา ดังนั้นวันที่ 9 มิถุนายนที่จะเปิดเสรี อาจเกิดความหวาดระแวงจากต่างประเทศ รวมถึงครู ผู้ปกครองก็อาจระแวงลูกหลาน จึงฝากให้กระทรวงสาธารณสุขไปคิดว่าจะมีมาตรการอย่างไร ซึ่งอันที่จริงเขาก็มีอยู่แล้ว แต่อาจยังไม่รัดกุม จึงขอให้ไปคิดอีกทีอย่างไรก็ตามในวันที่ 8 มิถุนายน กฎหมายจะเข้าสภาวาระ1 เราคงพอเห็นหน้าเห็นหลังบ้างแล้ว

นายวิษณุ กล่าวด้วยว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อทำการบ้านมาเสร็จแล้ว ก็จะได้หารือกันอีกครั้งในเร็วๆนี้ เพราะตนอยากให้ได้ความชัดเจนก่อนที่กฎหมายจะเข้าสภา และไม่ต้องการให้เกิดสุญญากาศ หรือถ้าจะเกิดสุญญากาศจริงๆ ก็เป็นสุญญากาศที่สามารถมีคำอธิบายให้กับประชาชนได้ ระหว่างนี้กระทรวงสาธารณสุขก็จะงัดกฎหมายทุกฉบับที่มี ขึ้นมาใช้ควบคุมก่อน เช่น กฎหมายกำหนดให้กลิ่นและควัน กัญชากัญชง หรือพืชอื่นใดในทำนองเดียวกัน เป็นเหตุรำคาญ พ.ศ. ... ซึ่งจะมีความผิดในเรื่องการก่อเหตุรำคาญ หรือใครนำไปผสมอาหาร ก็จะผิดพระราชบัญญัติอาหาร ใครนำไปผสมในยาก็จะผิดพระราชบัญญัติยา ใครนำไปทำน้ำมันกัญชาโดยไม่ขออนุญาต ก็จะผิดตามกฏหมายของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ขณะเดียวกันกรมสรรพสามิตก็จะตามเก็บภาษี เพราะการผลิตน้ำมันกัญชาต้องเสียภาษี

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้สังคมเข้าใจว่าพอถึงวันที่ 9 มิถุนายน กัญชาจะเสรีได้ทันที ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ากังวล นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ใช่ๆ มันเสรีก็จริง แต่อยู่ที่ว่านำมาทำอะไรด้วย เช่นนำมาปลูกได้ แต่ถ้านำมาใช้อาจจะเป็นปัญหา เพราะถ้าเป็นใบไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็นช่อหรือดอกไม่ได้ ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุขจะต้องควบคุม เพราะมีกฎหมายควบคุมช่อ-ดอกอยู่แล้ว จะนำไปผสมในหม้อก๋วยเตี๋ยวไม่ได้เด็ดขาด ถือเป็นความผิด จะวันนี้หรือหลังวันที่ 9 มิ.ย.ถ้าทำก็ถือว่าเป็นความผิด ดังนั้นต้องรณรงค์ให้ประชาชนเข้าใจ

ทั้งนี้สำหรับหน่วยงานหลักที่จะรณรงค์เรื่องนี้คือกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมประชาสัมพันธ์ และสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)

"ตอนนี้ยอมรับว่าคนยังไม่เข้าใจอีกมาก เด็กจะสูบหรือเสพได้หรือไม่ เด็กอายุเท่าไหร่ ขายได้หรือไม่ เสพแล้วขับรถส่ายไปมาได้หรือไม่ หรือมีเครื่องมือใดที่จะตรวจวัดได้หรือไม่ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะต้องประกาศออกมาให้ชัดเจน ขณะนี้ก็จะโกลาหลหน่อย แต่ก็ต้องงัดกฎหมายหลายฉบับออกมาควบคุม แต่ถ้าเรามีพระราชบัญญัติกัญชาที่กำลังจะเข้าสภาเพียงฉบับเดียวออกมา ก็สามารถทดแทนหรือควบคุมได้หมด ตอนนี้ต้องพลิกตำรากันวุ่นไปหมด"

ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้วัยรุ่นคิดว่าเมื่อเสรีแล้วจะสามารถเสพหรือสูบได้โดยไม่ผิดกฎหมาย นายวิษณุ กล่าวว่า ก็อาจจะเป็นอย่างที่เขาคิดจริงๆ เหมือนกรณีคนสูบบุหรี่ เราไม่ได้เอาผิดคนสูบ แต่เอาผิดคนขาย แต่ในกรณีของกัญชาไม่เหมือนกับบุหรี่ ที่ไม่ต้องไปซื้อหรือขาย แค่ปลูก ก็เด็ดมาใช้ได้เลย อย่างไรก็ตามเราไม่ได้ตั้งใจจะเอาผิดคนเสพอยู่แล้ว แต่ก็จะต้องมีคำเตือน ตามสถานที่ต่างๆที่ผู้คนจะไปใช้บริการ แต่ก็ยอมรับว่าคนไม่ค่อยกลัว เพราะบ้านเราการเตือนคนไม่กลัว แต่ที่สุดแล้วทุกอย่างจะนำไปสู่กฎหมายที่กำลังจะออกมาจากสภา

เมื่อถามว่า แสดงว่าสามารถให้สูบหรือเสพโดยเสรีได้ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ในหลักปฏิบัติ จะมีการเตือน และขั้นต่อไปก็ใช้กฎหมายในการควบคุม เช่น ในโรงเรียน หรือ สถานเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ต่างๆ แต่ถ้านั่งเสพคนเดียวในบ้านก็ไม่เป็นไร อย่างไรก็ตามในที่ประชุมทุกคนมองเห็นประโยชน์และโทษจากกัญชา ซึ่งในเรื่องของประโยชน์ไม่เป็นไรแต่ในเรื่องของโทษนั้น เราต้องมาดูว่าจะควบคุมอย่างไร ถ้าเราจะเอาโทษเป็นใหญ่แล้วคุมหมด ห้ามหมด ก็จะทำให้สิ่งที่เป็นประโยชน์เสียไปด้วย เช่นอาจทำให้สมุนไพร หรือยาไทย ไม่สามารถนำมาใช้ทำอะไรได้


ที่มา : https://www.thaipost.net/hi-light/152527/