Tuesday, 14 May 2024
กัญชาเสรี

‘รัฐบาล’ ยัน มีกฎหมายควบคุมอาหารผสมกัญชา ย้ำ!! ร้านต้องขึ้นป้ายแจ้งชัดเจน ฝ่าฝืนปรับ 5 หมื่นบาท

(4 มี.ค. 66) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่มีรายงานข่าวระบุถึง กรณีทางการของต่างประเทศ ได้มีคำเตือนประชาชนที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทย ให้ระมัดระวังการบริโภคอาหารที่มีส่วนผสมของกัญชา ที่อาจพบได้โดยทั่วไปนั้น ขอชี้แจงว่ารัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุข ได้ดำเนินดูแลและควบคุมในเรื่องนี้อย่างรัดกุม มีกฎหมายกำหนดให้ร้านอาหารทุกแห่งที่จำหน่ายเมนู ซึ่งมีส่วนผสมของกัญชา กัญชง ต้องดำเนินการปิดป้ายแสดงให้ลูกค้าทราบอย่างจัดเจน เพื่อให้ผู้บริโภครวมถึงนักท่องเที่ยวทราบ และตัดสินใจเลือกได้ ว่าจะรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมนั้นหรือไม่ โดยหากเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่ามีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม จะมีโทษปรับ 50,000 บาท ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การสาธารณสุข พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2560 โดยรายละเอียดแนวทางปฏิบัติสำหรับผู้ประกอบการร้านอาหารจะอยู่ใน ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ การควบคุมคุณภาพและการจัดการ สุขลักษณะของการจำหน่ายอาหารประเภทปรุงสำเร็จในสถานที่จำหน่ายอาหาร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2565 มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค. 2565 เป็นต้นมา

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ตามประกาศฯ ได้กำหนดให้ร้านอาหารที่มีการนำกัญชาหรือกัญชง มาเป็นส่วนประกอบต้องดำเนินการ ดังต่อไปนี้

1.) แสดงข้อความหรือป้ายสัญลักษณ์ว่าเป็นสถานที่จำหน่ายอาหาร ที่มีการใช้กัญชา หรือกัญชง เป็นส่วนประกอบ

2.) แสดงรายการอาหารที่มีการใช้กัญชา หรือกัญชง เป็นส่วนประกอบ

3.) แสดงข้อแนะนำความปลอดภัยในการบริโภค อาทิ บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี สตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตร ควรงดเว้นรับประทาน, ถ้ามีอาการผิดปกติ ควรหยุดรับประทานทันที รีบพบแพทย์หากมีอาการรุนแรง, รับประทานแล้วเกิดอาการง่วง ซึม ให้หลีกเลี่ยงการขับขี่ยานพาหนะหรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล เป็นต้น (อ่านประกาศฉบับเต็ม : bit.ly/3ENUOti)

'ศุภชัย' ถาม 'ชูวิทย์' หลากพรรคถ่วง 'กัญชาเสรี' ดันไม่ร้อง แต่ข้อง ภท. ทั้งที่ไม่เคยปล่อยพี้เสรี-ให้มีไว้ใช้ทางการแพทย์

เมื่อวันที่ 13 มี.ค.66 นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคภูมิใจไทย และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย ได้ออกมาโต้กลับ กรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่ได้ออกมาพูดว่ากัญชาเสรี คือการปล่อยให้เยาวชนนำกัญชามาพี้ โดย นายศุภชัย ได้ออกมายืนยันด้วยตัวเองว่า 'ไม่ใช่'

นายศุภชัย ได้เปิดเผยว่า การปลดล็อกกัญชาออกจากรายชื่อบัญชียาเสพติด โดยคณะกรรมการป้องกันและปรามปรามยาเสพติด ซึ่งมีนายกฯ เป็นประธาน เริ่มตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2565 และหลังจากนั้น ก็ได้มีการเสนอ พ.ร.บ. กัญชา เข้าสภาฯ ในวันที่ 26 มกราคม 2565 และมีการปลดล็อกเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2565 ซึ่งได้ร่างกฎหมายเข้าสภาไปแล้ว วาระ 1 และเสียงส่วนใหญ่ในสภาได้เห็นชอบกับร่างกฎหมายตัวนี้ ซึ่งพอได้มีการส่งกลับมาวาระ 2 ก็มีพรรคการเมืองที่ดึงเรื่องไม่ให้กฎหมายผ่าน เช่น พรรคเพื่อไทย, พรรคประชาธิปัตย์, พรรคก้าวไกล, พรรคประชาชาติ

"พรรค ‘ภูมิใจไทย’ ไม่เคยทำกัญชาให้พี้กันได้อย่างเสรี แต่กัญชาที่เสรีคือ ให้เกษตรกรปลูกไว้ใช้ทางการแพทย์ แต่ทั้งนี้ก็มีกฎหมายรองรับเพื่อควบคุมเอาไว้ แต่ดันถูกสภา พรรคการเมืองถ่วงไว้” นายศุภชัย ได้ย้อนถามกลับ นายชูวิทย์ ว่าเช่นนี้ทำไมถึงไม่ไปโจมตี

พร้อมยังยืนยันอีกด้วยว่า “กฎหมายที่ได้เสนอร่างเข้าไป ถือว่าเป็นกฎหมายที่ครอบคลุมที่สุด ซึ่งในกฎหมายมีกำหนดไว้ว่า เยาวชนอายุต่ำกว่า 20 หากสูบ จะมีโทษจำคุก 5 ปี ปรับ 2 แสนบาท และห้ามสูบในสถานที่สาธารณะ ห้ามค้าขายกัญชาทางออนไลน์ ซึ่งกฎหมายมีบังคับไว้หมด แต่ดันถูกพรรคการเมืองเตะถ่วง”

‘ชูวิทย์’ แซะแรง!! คนดูดบ้องกัญชาหลอน กลางถนนข้าวสาร เหน็บ!! เปลี่ยนชื่อ ‘ถนนกัญชา’ แทน ถาม!! “มาถึงจุดนี้เพราะใคร”

(22 เม.ย.66) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง โพสต์คลิปพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ระบุว่า...

ดูดบ้องกัญชาหลอนกลางถนนข้าวสาร

เข้าไส้สายเขียว กัญชาเสรีกลางถนนข้าวสาร โชว์ให้ฝรั่งมั่งค่าเห็นกันไปทั่วว่า

“ไทยแลนด์เป็นแดนกัญชาเสรี”

ถือบ้องกัญชาดูดสด เต้นท่าเพี้ยน เพราะกัญชากินสมอง

‘กรมแพทย์แผนไทยฯ’ ห่วงเด็กไทย หลังพี้กัญชาว่อนโซเชียล ย้ำ!! ห้ามขายกัญชาให้เด็ก-เยาวชน ฝ่าฝืนมีโทษ มุ่งเน้นกัญชาทางการแพทย์เท่านั้น

เมื่อวานนี้ (26 เม.ย.66) นายแพทย์เทวัญ ธานีรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ตามสื่อสังคมออนไลน์ จะพบภาพของเด็กและเยาวชนสูบกัญชา กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก มีความห่วงใย ต่อเหตุการณ์เหล่านี้และขอชี้แจงให้ทราบว่า การสูบกัญชา หรือการจำหน่าย ขาย แจก แลกเปลี่ยนกัญชาแก่เด็ก และ เยาวชน เป็นสิ่งผิดกฎหมาย ถือเป็นการจำหน่าย สมุนไพรควบคุม คือกัญชา โดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษอาญาถึงขั้นจำคุก ตามประกาศ “สมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ.2565” ข้อ 1.3 กำหนดชัดในเรื่อง ห้าม จำหน่ายแก่เด็ก และ เยาวชนที่อายุต่ำกว่า 20 ปี

ซึ่งการจำหน่ายหมายความรวมถึง การขาย จ่าย แจก หรือแลกเปลี่ยน การกำกับดูแลในประเด็นนี้ จะเห็นว่า เด็ก และ เยาวชนนำกัญชามาใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม ได้ 2 ทาง ทางที่ 1 คือ ได้รับการจำหน่าย จ่าย แจก มา ตามข้อนี้ กฎหมายสามารถเอาผิดกับผู้ที่จำหน่าย จ่าย แจกกัญชาให้เยาวชนได้ตามมาตรา 78 ซึ่งต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือ ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือ ทั้งจำ ทั้งปรับ ทางที่ 2 คือ เด็ก และ เยาวชน ปลูกกัญชาเพื่อไว้เสพ กรณีนี้ ผู้ปกครองที่ดูแลบุตรหลาน ต้องมีการควบคุมดูแล เช่นเดียวกับการห้ามสูบบุหรี่ หรือ ดื่มสุรา ผู้ปกครอง หรือผู้ใกล้ชิด จึงมีบทบาทที่ต้องเข้ามาเฝ้าระวัง และให้แนวทางที่ถูกต้องแก่เด็ก และ เยาวชน

‘ประสิทธิ์ชัย’ ฟาด ‘พิธา’ พลิกลิ้นปมกัญชา ชี้!! หลังๆ ชักแนบแน่นกับ ‘ชูวิทย์’ หลายเรื่อง

แกนนำเครือข่ายกัญชาฯ ฟาด ‘พิธา’ ไม่เหมาะเป็นผู้นำ ไม่ใช่นักประชาธิปไตย คบ ‘ชูวิทย์’ ผลักกัญชาไปเป็นเกมการเมือง ทั้งที่เคยสนับสนุนถึงขั้นรับร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ จากประชาชน และให้ตนเป็นกรรมาธิการฯ ในนามของพรรค แต่กลับเปลี่ยนจุดยืน ถึงขั้นฟ้องศาลให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติด หวังเอาคืนหลัง พ.ร.บ.สุราฯ ไม่ผ่านสภาฯ เตือน!! แน่ใจแล้วใช่ไหมว่าจะเอาแบบนี้ เพราะอีกไม่กี่วันกระแสเลือกตั้งจะจบลง จะได้เห็นความจริง

(5 พ.ค. 66) นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล แกนนำเครือข่ายประชาชนเพื่อการมีกฎหมายควบคุมกัญชาในประเทศไทย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ‘ประสิทธิ์ชัย หนูนวล’ สื่อสารถึงนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โดยระบุว่า…

พิธา หัวหน้าพรรคก้าวไกล เมื่อไหร่คุณจะพูดเรื่องกัญชาให้ตรงกันเสียที คนที่เป็นนักประชาธิปไตยต้องพูดความจริงและพูดให้ตรงกันในทุกวาระ ไม่ใช่พูดตอนนี้อย่างหนึ่ง พูดตอนอื่นก็พูดอีกอย่างหนึ่ง มันไม่ใช่ลักษณะของผู้นำ ตนเข้าใจว่า พรรคก้าวไกล มีกระแสดี เหตุเพราะมีความชัดเจน และคนรุ่นใหม่ชอบความชัดเจน 

“ผมเจ็บปวดที่สุด วันที่พรรคก้าวไกลยื่นฟ้องศาลให้กัญชากลับไปสู่ยาเสพติด ขอย้ำว่า มันคือการฟ้องศาล พรรคก้าวไกลไม่ได้ทำแบบพรรคเพื่อไทย ประชาธิปัตย์ หรือ ประชาชาติ ที่แสดงความเห็นกัญชาในเชิงนโยบายของพรรค แต่พรรคก้าวไกล เชื่อมั่นยิ่งกว่าว่ากัญชาต้องเป็นยาเสพติด นั่นคือการดำเนินการมากกว่าพรรคอื่น คือ ดำเนินการฟ้องศาลให้เป็นยาเสพติด นี่คือจุดยืนของพรรคก้าวไกล” 

นายประสิทธิ์ชัย กล่าวถึงเหตุผล ทำไมภาคประชาชนถึงเจ็บปวดกับพรรคก้าวไกล กรณีกัญชา ว่า ตนเป็นกรรมาธิการ (กมธ.) พ.ร.บ.กัญชาฯ ในนามพรรคก้าวไกล ร่วมกับนายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.พรรคก้าวไกล เหตุที่ตนได้เป็น กมธ.ในนามพรรคก้าวไกล ทั้งที่ไม่ได้เป็น ส.ส.ก็เพราะว่า ภาคประชาชนได้ยื่น ร่าง พ.ร.บ.กัญชา ให้พรรคก้าวไกล รับไปดำเนินการต่อในขั้นตอนการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร

“ตรงนี้แหละครับ คือ ประเด็นของความเจ็บปวด ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นลองนึกตามนะครับ หากมีพรรคการเมืองพรรคหนึ่งที่ประกาศอยู่เคียงข้างประชาชนมาตลอด และยินดียิ่งที่ภาคประชาชนจัดทำร่าง พ.ร.บ.กัญชา ยื่นให้กับพรรค เพราะพรรคเห็นด้วยกับหลักการที่ภาคประชาชนนำเสนอ พรรคจึงอาสานำไปดำเนินการต่อ อยู่มาวันหนึ่ง พรรคก้าวไกลประกาศว่าจะเอากัญชากลับสู่ยาเสพติด และไม่ได้ประกาศเป็นแค่นโยบายพรรค แต่ยังเอากัญชาไปฟ้องศาลให้กลับไปสู่ยาเสพติดอีกด้วย

“คำถามที่สำคัญคือ หลักการ พ.ร.บ.กัญชาของประชาชน ถูกพรรคหยิบทิ้งไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ตลอดระยะเวลาของการทำหน้าที่ของ กมธ.พ.ร.บ.กัญชา ทำไมพรรคก้าวไกลไม่นำเสนออะไรเลย ว่าค้นพบข้อเท็จจริงใหม่ หรือ พรรคมีมติใหม่ ต้องเอากัญชากลับสู่ยาเสพติด กี่เดือนที่ทำงานกันมาแต่พรรคไม่พูดเรื่องนี้เลย แถมยังมีข้อเสนอที่ก้าวหน้าไปอีก” 

นายประสิทธิ์ชัย กล่าวอีกว่า เพื่อให้ชัดขึ้น ทุกคนต้องกลับไปฟังการให้สัมภาษณ์ของพิธา เรื่องกัญชา สมัยยังมีพรรคอนาคตใหม่ แล้วไปดูจุดยืนการรับร่าง พ.ร.บ.กัญชาของภาคประชาชน แล้วมาดูพิธา หัวหน้าพรรคก้าวไกลในวันนี้ คำพูดและจุดยืนของเขาเกี่ยวกับกัญชาตรงกันหรือไม่ ดังนั้น จึงมีคำถามถึง พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่าที่ผู้นำที่คนรุ่นใหม่สนับสนุน

1.) จุดยืนของคุณเรื่องกัญชา เปลี่ยนไปตามกระแสและผลประโยชน์ทางการเมืองหรือไม่ ตลอดระยะเวลาพวกคุณไม่เคยพูดถึงกัญชาในแง่ไม่ดีเลย จนกระทั่ง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้าไม่ผ่านสภาผู้แทนราษฎร พวกคุณจึงเริ่มมีท่าทีเกี่ยวกับกัญชาเปลี่ยนไป คิดเอาคืนทางการเมืองกับพรรค ซึ่งคาดหวังว่าจะยกมือสนับสนุน พ.ร.บ.สุรา แต่แล้วพรรคนั้นไม่ยกมือให้ในนาทีสุดท้ายใช่หรือไม่

ความพลาดหวังครั้งนี้ ทำให้พวกคุณลุกขึ้นมาทำอะไรบางอย่าง ที่นักการเมืองรุ่นก่อนเขานิยมทำกัน คือ การเอาคืนทางการเมือง และการเอาคืนนี้ต้องเลือกประเด็นที่สังคมอ่อนไหวอยู่แล้ว คือเรื่องกัญชา (อาจเพราะพวกคุณดูโพลสำรวจแล้วพบว่า จากการสำรวจคนยังกลัวกัญชา จึงใช้กระแสความกลัวนี้ให้เป็นประโยชน์ เพื่อทำลายพรรคนั้น และกัญชาเริ่มกลายเป็นเหยื่อ) โดยหลังจาก พ.ร.บ.สุราก้าวหน้าไม่ผ่านสภาฯ ปฏิบัติการเกี่ยวกับกัญชาของพรรคคุณเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือนับแต่บัดนั้น คำถามคือ พวกคุณเปลี่ยนเรื่องกัญชาจากหน้ามือเป็นหลังเพราะอะไร

2.) คำถามที่สำคัญคือ มีเหตุผลอะไรที่พรรคก้าวไกลจะเอากัญชากลับไปสู่ยาเสพติด ประเด็นนี้ต้องพูดกันด้วยข้อเท็จจริง และเพื่อเป็นการเทียบเคียงจุดยืนของพรรคนี้ จึงต้องยกอ้าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้ามาเปรียบเทียบ ถ้าพรรคใช้หลักการตัดสินเรื่องนี้ด้วยข้อเท็จจริง พรรคต้องแสดงข้อเท็จจริงและงานวิจัยที่มี เพื่อเปรียบเทียบโทษระหว่างกัญชากับสุราให้ชัดเจน ย้ำว่าต้องเป็นงานวิทยาศาสตร์ไม่ใช่ข้อมูลจากความรู้สึก สุราทำให้เกิดอุบัติเหตุอย่างไร ทำลายสุขภาพอะไรบ้าง ประจักษ์กันมานานแล้วมิใช่หรือ ส่วนกัญชานั้นมีงานวิจัยสนับสนุนทั่วโลกนับ 100 สถาบัน ซึ่งพูดถึงกัญชาในฐานะยารักษา พรรคต้องเอาข้อมูลวิทยาศาสตร์เปรียบเทียบมาแสดงโดยด่วน ถ้าจะแสดงความจริงใจว่าไม่ได้เปลี่ยนจุดยืนเรื่องกัญชาเพราะการเมือง

ขุดอีก!! ชาวเน็ตจับโป๊ะ!! ‘พิธา’ พลิกลิ้น จุดยืนเรื่องกัญชา ปี 62 บอกหนุนเต็มอัตรา แต่ล่าสุดบอกยัดเข้าบัญชียาเสพติด

(6 พ.ค. 66) โดนอีกระลอก หลังชาวเน็ตขุดคลิปที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล เคยใช้ประเด็น ‘กัญชาสันทนาการ’ หาเสียงเมื่อปี 62 โดยระบุว่า…

“ประเทศไทย จะต้องเป็น Medical Hub และเป็น Tourism Hub เกี่ยวกับกัญชา เป็นอันดับ 1 ของเอเชียให้ได้ ผมได้ไปที่ประเทศจาไมก้า บ้านเกิดของ ‘บ็อบ มาเลย์’ ซึ่งเป็นพื้นที่พิเศษ ที่สามารถมีการสูบกัญชาแบบสันทนาการได้ หรือตอนที่ผมอยู่ประเทศสหรัฐอเมริกา การทำให้กัญชาเป็นเรื่องของสันทนาการไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวเลย และการที่ผมได้ไปเยี่ยมบ้านเกิดของ ‘บ็อบ มาเลย์’ ในครั้งนั้น ทำให้ผมได้ ‘จ๊อย’ (กัญชาแบบพันลำ) มา 1 จ๊อย โดยจ่ายเงินประมาณ 2,000 บาท

“เขานำเงินที่ได้จากกัญชาสันทนาการ มาทำให้กลายเป็นภาษีที่นำไปช่วยในส่วนของภาคการศึกษา โรงเรียนที่เป็นโรงเรียนสาธารณะมีเงินจากตรงนี้ โอกาสมีมากมายมหาศาล เงินที่ได้จากกัญชา ที่เป็นภาษี สามารถนำไปช่วยเหลือคนในสังคมได้อีกมากมายแค่ไหน การที่เราปลดล็อกกัญชา มันมีสิ่งที่สามารถช่วยได้มากมายแค่ไหน”

‘อนุทิน’ ร่วมงาน ‘กัญชา’ ชี้ มากสรรพคุณทั้งการแพทย์-ศก. เชื่อ ฝ่ายที่ต่อต้าน หากถอดหมวกการเมืองออก ก็ล้วนหนุนกัญชา

(7 พ.ค. 66) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ห้อง อดุล วิเชียรเจริญ คณะศิลปศาสตร์ กรุงเทพมหานคร สถานที่จัดงาน โค้งสุดท้าย ‘รวมพลกำหนดอนาคตกัญชาของประชาชน’ มี นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต, นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ร่วมวงเสวนา บรรยากาศ เป็นไปอย่างคึกคัก

ระหว่างกิจกรรมดำเนินอยู่ พบว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้เดินทางมาเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวได้ และให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวสั้นๆ ว่า…

‘กรณิศ’ ยัน!! ไม่เอากัญชาเสรี หนุนใช้เพื่อการแพทย์-ศก.เท่านั้น ขอโอกาส ปชช. หนุน ‘ภท.’ เข้าสภาฯ เพื่อเร่งออก กม.ควบคุม

(8 พ.ค. 66) นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตคลองเตย-วัฒนา เบอร์ 1 พรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวว่า ตอนนี้ประชาชนบางส่วนสงสัย และสอบถามกันเยอะว่าพรรค และตนสนับสนุนกัญชาเสรีหรือไม่ เพราะบางพรรคหาเสียงโจมตีนโยบายกัญชาเพื่อการแพทย์ของพรรค จนประชาชนเกิดความสับสน ตนขอย้ำกับทุกฝ่ายว่า ตนและพรรคไม่สนับสนุนกัญชาเสรี เพราะผู้บริหารพรรค สมาชิกพรรค และตนมีจุดยืน คือ สนับสนุนกัญชาเพื่อการแพทย์เท่านั้น สำหรับการดูแลรักษาสุขภาพของประชาชน

“ที่ผ่านมาพรรคได้แสดงจุดยืนด้วยการเสนอร่างพระบัญญัติกัญชา กัญชง เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร เพราะประเทศไทย จะต้องมีกฎหมายควบคุมการใช้กัญชา จึงจะทำให้การใช้และการคุ้มครองผู้บริโภคเกิดความสมดุล แม้ว่าร่างกฎหมายดังกล่าวได้รับการขัดขวางจากกลเกมทางการเมือง และต้องตกไป กรณีนี้คิดว่าสังคมน่าจะเข้าใจได้กับเกมการเมืองในบางช่วงที่เกิดขึ้นเพื่อไม่ให้พรรคได้คะแนนนิยมในเรื่องร่างกฎหมายดังกล่าว” นางกรณิศ กล่าว

‘ดร.เอ้’ เห็นต่าง ‘กาสิโนเสรี’ ชี้ ประเทศไทยยังไม่พร้อม ย้ำ!! ต้องศึกษาให้ละเอียด ‘ไม่ฉาบฉวย-ไม่เร่งร้อน’ เกรงกระทบต่อสังคม

(31 มี.ค.67) ศาสตราจารย์ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กทม. ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวแสดงความเห็นในฐานะ พลเมืองไทยและพ่อคนหนึ่ง ที่ในขณะนี้นายกรัฐมนตรี พูดเรื่อง "กาสิโนเสรี" 

ดร.เอ้ สุชัชวีร์ กล่าวว่า ไทยเรายังไม่พร้อม ทั้งเรื่องโครงสร้างกฎหมาย และการบังคับใช้จากเจ้าหน้าที่รัฐ อีกทั้งเรายังไม่มีภูมิคุ้มกันให้แก่เยาวชน สุดท้ายจะกลายเป็น "ปัญหาร้ายแรง" ที่แก้ไขยาก เช่นเดียวกับ "กัญชาเสรี" และอาจรุนแรงกว่าด้วยซ้ำ! 

อีกทั้งไม่ได้การันตีว่า "บ่อนออนไลน์" และ "บ่อนเถื่อน" จะหมดไปแต่อย่างใด อาจเฟื่องฟูกว่าเดิมก็เป็นไปได้ โดยสุดท้าย ส่งผลให้ "คุมผลกระทบไม่ได้" เกิดการบานปลาย และสังคมพัง

ขณะเดียวกัน ยกตัวอย่างจาก “ผู้นำสิงคโปร์” เตรียมความพร้อม "ด้านการศึกษา" มาเป็นอันดับแรก เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันแก่พลเมือง และ มุ่งสร้างรายได้ประชาชาติจาก "เศรษฐกิจมูลค่าเพิ่ม" ที่แท้จริง ก่อนจะทำเรื่องอื่น

หากจะเลียนแบบสิงคโปร์ ที่มีกาสิโน ก็ควร "ศึกษาปัญหาอย่างละเอียดถี่ถ้วน" ไม่ฉาบฉวย ไม่เร่งร้อน รับฟังประชาชนรอบด้าน ทั้งสิงคโปร์เป็นประเทศเล็ก พลเมืองน้อย เจ้าหน้าที่รัฐเข้มแข็ง ทำหน้าที่ตรงไปตรงมา ปกป้องลูกหลาน ได้อย่างเต็มที่ เราทำแบบเขาได้ไหม? 

ซึ่งให้ความคิดเห็นต่อ “นายกรัฐมนตรีไทย”  ที่เน้นแต่จะสร้าง "รายได้เฉพาะหน้า" โดยไม่คำนึงถึง “การพัฒนาคน” และจะส่งผลกระทบ ต่อเด็ก ครอบครัว สังคม และประเทศชาติ ซึ่งจุดนี้ตนอดห่วงในลูกหลานเสียไม่ได้

ดร.เอ้ สุชัชวีร์ ขอพูดในฐานะ พลเมืองไทยและพ่อคนหนึ่ง ที่ไม่ต้องการให้ประเทศไทย เดินทางแบบมั่วซั่ว ลองผิดลองถูก สุดท้ายลูกๆหลานๆ ต้องมาเสียคน อะไรก็ทดแทนกันไม่ได้


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top