Saturday, 5 July 2025
World

อินเดียเดือด!! ไอดอลจีนล้อแรง เพิ่งซื้อเครื่องบินก็โดนยิง ‘ปากีสถาน’ กระหน่ำแชร์!! จนกลายเป็นไวรัลทั่วโลก

(17 พ.ค. 68) สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างอินเดียและปากีสถานไม่ได้จำกัดอยู่แค่สนามรบหรือเวทีการทูตอีกต่อไป แต่ลุกลามไปถึงโลกโซเชียลมีเดีย เมื่อเน็ตไอดอลจีนผู้มีเลือดรักชาติเข้มข้นชื่อดัง '豪哥哥' (หาวเกอเกอ) จุดกระแสความฮาแบบดุดัน ด้วยการปล่อยคลิปเพลงล้อเลียนเหตุการณ์ที่อินเดียสูญเสียเครื่องบินรบผลิตโดยฝรั่งเศส 'Dassault Rafale' ซึ่งเพิ่งซื้อมาใหม่ ในมูลค่าสูงถึง 9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 328,500 ล้านบาท) แต่กลับถูก เครื่องบินรบ J-10C ของฝั่งปากีสถานซึ่งซื้อจากจีน ยิงตก

หาวเกอเกอ และทีมงานสวมผ้าโพกหัวสีแดงสด ทาหน้าคล้ำ และพูดภาษาจีนสำเนียง 'อินเดีย' อย่างชัดเจน พร้อมร้องเพลงที่เขาแต่งขึ้นใหม่ชื่อว่า《刚买的飞机被打啦 (เพิ่งซื้อเครื่องบินก็โดนยิงแล้ว!) เนื้อเพลงตลกร้ายสุดสะเทือนใจอินเดีย เช่น '雷达都是坏哒,九十亿全部白花!' (เรดาร์ก็เสีย เก้าพันล้านเสียไปเปล่าๆปลี้ๆ)

เนื้อหาและการแสดงที่ขยี้จุดเจ็บของอินเดียโดยตรง ทำให้คลิปนี้กลายเป็นไวรัลในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียหลักทั่วโลก โดยมียอดวิวและยอดแชร์ทะลุหลักร้อยล้านทั้งในประเทศจีนและทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศปากีสถานที่คลิปดังกล่าวถูกนำไปแชร์ต่อในทุกแพลตฟอร์ม ทั้ง TikTok, X (อดีต Twitter), Facebook และ YouTube

ชาวเน็ตแดนภารตะตอบโต้ทันควัน พากันเข้าไปถล่มคอมเมนต์คลิปดังกล่าว บางส่วนแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรงถึงขั้นเรียกร้องให้ TikTok

ลบคลิปนี้ทิ้ง ขณะที่อีกกลุ่มถึงกับกล่าวหาว่าเป็นการดูหมิ่นชาติและกองทัพอินเดียอย่างชัดเจนแต่ยิ่งมีเสียงคัดค้าน คลิปล้อเลียนนี้ก็ยิ่งดังมากขึ้น ค่ายสื่อหลายรายในต่างประเทศเริ่มรายงานข่าวเกี่ยวกับกระแสดังกล่าว พร้อมกับตั้งคำถามอย่างจริงจังถึง "ความพร้อมของกองทัพอินเดีย" ที่ใช้เงินมหาศาลซื้อเครื่องบินรบจากฝรั่งเศส แต่กลับถูกยิงตกตั้งแต่ยังไม่ทันได้ใช้งานอย่างคุ้มค่า

อนึ่ง คลิปล้อเลียนของชาวเน็ตจีนชิ้นนี้ ถูกจัดทำขึ้นหลังจากเหตุการณ์กองทัพปากีสถาน ใช้เครื่องบินขับไล่ผลิตโดยจีน สอยเครื่องบินรบของอินเดียอย่างน้อยสองลำร่วง เมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา

ขณะที่ทางการอินเดียไม่ยอมเปิดเผยจำนวนเครื่องบินของฝ่ายตนที่ถูกทัพปากีสถานสอยร่วง รัฐมนตรีกลาโหมแห่งปากีสถาน Khawaja Muhammad Asif เปิดเผยว่า กองทัพปากีฯได้ใช้เครื่องบินขับไล่J-10 ผลิตโดยจีน ยิงเครื่องบินรบของกองทัพภารตะร่วงไป 5 ลำ ซึ่งประกอบด้วยเครื่องบินขับไล่ Rafale ผลิตโดยฝรั่งเศส3 ลำที่อินเดียเพิ่งจัดซื้อมาประจำการในกองทัพ เครื่องบินรบของรัสเซีย 2 ลำ คือ MiG-29 และ Su-30 ทั้งนี้ เครื่องบินขับไล่J-10 และ Rafaleเป็นเครื่องขับไล่รุ่น 4.5 ถือเขี้ยวเล็บใหม่ของกองกำลังฝูงบินรบ

สื่อทางการจีน ซินหัว ยังได้รายงานข่าวด้วยท่าทีภาคภูมิใจในเทคโนโลยีการทหารจีน โดยเรียกขานว่า 'รุ่งอรุณแห่งยุคใหม่ของการทำสงคราม'

เหตุการณ์กองทัพปากีสถานยิงเครื่องบินรบของคู่อริตกในศึกปะทะที่จุดชนวนจากเหตุทัพฟ้าภารตะโจมตีเขตควบคุมของปากีฯในแคชเมียร์ ซึ่งทางอินเดียอ้างเหตุผลในการโจมตีฯนี้ว่าเพื่อโต้ตอบการจู่โจมกลุ่มนักท่องเที่ยวในเขตควบคุมของอินเดียในแคชเมียร์เมื่อวันที่ 22 เม.ย. แต่ทางปากีฯปฏิเสธว่าตนไม่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ จีนเป็นซับพลายเออร์ป้อนอาวุธยุทโธปกรณ์รายใหญ่สุดให้กับปากีสถาน

‘ทรัมป์ – ปูติน’ เตรียมพบกัน ในวันจันทร์นี้ เทียบได้กับการเจรจา!! ในช่วงสงครามเย็น

(18 พ.ค. 68) เพจเฟซบุ๊ก ‘Jaroensook Limbanchongkit Pone’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ...

การพบกันระหว่างทรัมป์และปูตินในวันจันทร์นี้คือฝันร้ายที่สุดของยูเครน

หนังสือพิมพ์ The Telegraph รายงานว่าทรัมป์ได้ทรยศต่ออุดมคติของประชาธิปไตยระดับโลกอีกครั้ง และ “ปูตินผู้เจ้าเล่ห์จะดึงดูดความสนใจของทรัมป์ทั้งหมด” ในการประชุมโดยไม่ต้องมีคนกลาง

The Telegraph บ่นอุบอิบว่าบรรดาผู้นำยุโรปต่างหวังว่าการที่ประธานาธิบดีรัสเซียไม่เข้าร่วมการเจรจาสันติภาพกับยูเครนในอิสตันบูลจะทำให้ทรัมป์หมดความอดทน แต่แทนที่จะเข้าข้างยุโรปและใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียที่เข้มงวดยิ่งขึ้น ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กลับตัดสินใจ "ตอบแทน" ประธานาธิบดีรัสเซียด้วยการพบปะเป็นการส่วนตัว

The Telegraph ระบุว่า จากมุมมองของปูติน การเจรจาโดยตรงกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะช่วยเสริมสร้างสถานะของรัสเซียในฐานะมหาอำนาจ และการพบปะดังกล่าวจะเทียบได้กับการเจรจาระหว่างมหาอำนาจในช่วงสงครามเย็น

The Telegraph ระบุหลายครั้งในบทความว่าสำหรับชาวยูเครน การพบปะกันแบบนี้ถือเป็นฝันร้ายที่สุด เนื่องจากปูตินจะดึงดูดความสนใจของทรัมป์ได้อย่างเบ็ดเสร็จ และจะไม่มีคนกลางที่สามารถปกป้องผลประโยชน์ของเคียฟได้

แบนหนัง ‘พระร่วง’ เมื่อโซเชียลเป็นเหตุ นักแสดงไม่ช่วย แถมสื่อช่วยเหยียบซ้ำ

(18 พ.ค. 68) วันนี้เอย่าขอมานอกเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับพม่ากันสักครั้งนะคะเพราะมาถึงนาทีนี้คงไม่มีกระแสภาพยนตร์เรื่องไหนดังเท่า พระร่วง มหาศึกสุโขทัยได้อีกแล้ว  เพราะกระแสคนแห่แบนภาพยนตร์เรื่องนี้รุนแรงจนแทนที่จะกลายเป็นว่าภาพยนตร์ที่ดูมีแววรุ่งกลับกลายเป็นมีแววดับเสียอย่างนั้น

จากประเด็นเรื่องความเห็นในโซเชียลของนักแสดงกัมพูชาที่แสดงออกถในการเคลมชุดไทยเป็นการจุดชนวนแอนตี้ภาพยนตร์เรื่องนี้จนกลายเป็นกระแสแบนในวงกว้างอีกทั้งมีการขุดอีกว่าในช่วงบวงสรวงเปิดกล้องภาพยนตร์เรื่องนี้  สื่อทางกัมพูชารายงานว่ามีหนังไทยฟอร์มยักษ์ จ้างดาราสาวชาวกัมพูชาอย่าง เยม สตรีเพชรด้วยค่าตัวสูงลิ่ว นั่นยิ่งสร้างให้เกิดความโมโหโกรธาโดยเฉพาะกลุ่มคนไทยที่ไม่ได้ชอบชาวเขมรเป็นทุนเดิมอยู่แล้วให้หนักขึ้นไปอีก 

ประเด็นนักแสดงสร้างความฉิบหายให้แก่ภาพยนตร์ที่ตนแสดงไม่ใช่เพิ่งขึ้นครั้งแรกหรือเกิดแค่ในฝั่งบ้านเรา  ไม่นานมานี้ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อย่างสโนไวท๋ก็พังไม่เป็นท่า แม้จะด้วยสาเหตุมากมายหลายอย่างไม่ว่าจะนางเอกไม่ตรงปกบทหนังอิหยังวะ หรือคนแคระซีจี บลาๆอะไรก็ตาม  แต่สิ่งหนึ่งที่น่าจะเป็นประเด็นเลยคือการที่นางเอกอย่าง  ราเชล เซเกลอร์ ประกาศกลางโซเชียลว่าเธอสนับสนุนปาเลสไตน์จนทำให้แฟนหนังจำนวนหนึ่งเลือกจะไม่ดูภาพยนตร์เรื่องนี้

ปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปไม่ได้เสพแค่คุณภาพของผลงานแต่มองถึงปูมหลังที่ผ่านมา รวมถึงทัศนคติด้วย ดังนัันทำให้ผลงานของนักแสดงหรือผู้กำกับรวมถึงนักร้องบางคนที่ควรจะปังได้มากกว่านี้แต่กลับปังได้เท่าที่เห็นเพราะหลายคนติดบ่วงจากภาพลักษณ์ในอดีต

ที่สำคัญวงการภาพยนตร์โดยเฉพาะนายทุนภาพยนตร์อาจจะต้องเรียนรู้ถึงการควบคุมดารา ศิลปิน รวมถึงทีมงานทุกคนให้มีภาพลักษณ์ที่ดีอันจะไม่ส่งผลเสียต่อภาพยนตร์ที่กำลังจะฉายซึ่งนี่อาจจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในวงการบันเทิงก็เป็นได้

อย่างไรก็ตามถ้าเราเลือกไม่ให้ค่าดาราคนนั้นภาพยนตร์เรื่องพระร่วงก็เป็นภาพยนตร์ที่ดีที่อุดมไปด้วยนักแสดงมากฝีมือแถมเป็นภาพยนตร์ที่ได้รับทุนสร้างจากกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ด้วย ดังนั้นถ้าเราตัดจุดนี้ได้เอย่าก็อยากให้ไปสนับสนุนกันนะคะ   แต่ถ้าไม่งั้นก็อาจจะมีฉบับรีคัทที่ตัดฉากดาราเขมรออกไปนั่นก็อาจจะทำให้กระแสดีขึ้นก็เป็นได้  ไม่เชื่อลองดูตัวอย่างของ Aquaman and the lost kingdom ดูคะ

‘ทหารรัสเซีย’ ยืนยัน!! พวกเขาพร้อมที่จะลุย จนกว่าจะปลดปล่อย ดินแดนรัสเซียได้สำเร็จ

(18 พ.ค. 68) เพจเฟซบุ๊ก ‘Jaroensook Limbanchongkit Pone’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ...

รายงานผลสำรวจความเห็นของทหารรัสเซียเกี่ยวกับแนวคิดการหยุดยิง

ทหารรัสเซียยืนยันว่าพวกเขาพร้อมที่จะสู้จนกว่าจะปลดปล่อยดินแดนรัสเซียได้สำเร็จ
จากการสอบถามทหารรัสเซียทั้งหมด 11 นาย ทั้งหมดปฏิเสธข้อเสนอของยูเครนและชาติตะวันตกในการหยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไข

“เราต้องการยึดครองทุกพื้นที่ เพื่อที่ในอนาคตเราจะไม่ต้องต่อสู้เพื่อพวกมันอีก ไม่เช่นนั้นแล้ว พวกคนเหล่านี้จะต้องตายไปเปล่าๆ ใช่ไหม” ทหารคนหนึ่งชื่อเซอร์เกย์บอกกับหนังสือพิมพ์

ก่อนหน้านี้มีรายงานว่าคณะผู้แทนที่เจรจาในนามของประธานาธิบดีรัสเซียได้ยื่นข้อเรียกร้องต่อยูเครนให้ออกจาก 4 ภูมิภาคซึ่งตามรัฐธรรมนูญระบุว่าเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธรัฐรัสเซียแล้ว

BYD ตั้งศูนย์กลางยุโรปแห่งใหม่ในฮังการี ดันเป็นฐานผลิต-ทดสอบรถ EV ครบวงจร

(19 พ.ค. 68) BYD บริษัทรถยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ของจีน ประกาศแผนจัดตั้งศูนย์กลางยุโรปแห่งใหม่ในประเทศฮังการี โดยซีอีโอและประธานบริษัท หวัง ฉวนฝู เปิดเผยในงานแถลงข่าวร่วมกับนายกรัฐมนตรีฮังการี วิกเตอร์ ออร์บาน ที่กรุงบูดาเปสต์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

CEO หวังระบุว่า ศูนย์กลางแห่งใหม่นี้จะสร้างงานกว่า 2,000 ตำแหน่ง และจะมีบทบาทสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ การเป็นศูนย์กลางด้านการขายและบริการหลังการขาย การทดสอบผลิตภัณฑ์ และการพัฒนาเวอร์ชันของรถยนต์ที่เหมาะสมกับความต้องการของตลาดในยุโรป โดยโครงการนี้ตอกย้ำความมุ่งมั่นของ BYD ที่จะขยายฐานในทวีปยุโรปอย่างจริงจัง

ก่อนหน้านี้ BYD ได้เปิดโรงงานแห่งแรกในยุโรปเมื่อปี 2016 ที่เมืองโคมารอม ทางตะวันตกเฉียงเหนือของฮังการี โดยเน้นการประกอบรถโดยสารไฟฟ้าเป็นหลัก ปัจจุบันบริษัทกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานแห่งที่สองในประเทศ ซึ่งจะเน้นการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับผู้บริโภคทั่วไป ซึ่งถือเป็นการขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่องในภูมิภาคนี้

ทั้งนี้ ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีออร์บัน ฮังการีได้กลายเป็นพันธมิตรด้านการค้าและการลงทุนที่สำคัญของจีนในยุโรป แตกต่างจากบางประเทศในสหภาพยุโรปที่เริ่มถอยห่างจากจีน ออร์บานเริ่มกระชับความสัมพันธ์กับปักกิ่งตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งในปี 2010 และนโยบายดังกล่าวได้นำไปสู่กระแสการลงทุนจากจีนในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่และรถยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศอย่างต่อเนื่องในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา

‘โจ ไบเดน’ ป่วยมะเร็งต่อมลูกหมาก ชนิดรุนแรง ขณะที่แพทย์ตรวจพบลุกลามเข้าสู่กระดูกแล้ว

(19 พ.ค. 68) สำนักงานส่วนตัวของโจ ไบเดน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปิดเผยว่าไบเดนได้รับการวินิจฉัยเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ชนิดรุนแรง เมื่อวันศุกร์ (16 พ.ค.) โดยมีลักษณะตามคะแนนกลีสัน (Gleason) ที่ 9 (กลุ่มระดับ 5) ซึ่งจัดอยู่ในขั้นรุนแรง และได้ลุกลามเข้ากระดูกแล้ว

รายงานระบุว่าก่อนหน้านี้ไบเดนมีอาการผิดปกติในระบบทางเดินปัสสาวะ นำสู่การที่แพทย์ตรวจพบ "ตุ่มเนื้อขนาดเล็ก" บริเวณต่อมลูกหมาก โดยแม้เป็นมะเร็งชนิดรุนแรง แต่ยังตอบสนองต่อฮอร์โมน จึงสามารถดำเนินการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งไบเดนและครอบครัวกำลังหารือทางเลือกร่วมกับทีมแพทย์

อนึ่ง ไบเดน อายุ 82 ปี ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระหว่างเดือนมกราคม 2021-มกราคม 2025 โดยเป็นประธานาธิบดีที่มีอายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ

ม.นิวยอร์ก ระงับมอบปริญญาแก่ ‘โลแกน โรโซส’ หลังนักศึกษาพูดหนุนปาเลสไตน์ ประณามสหรัฐฯ กลางเวทีจบการศึกษาว่า ได้ทำการ ‘ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์’ ในกาซา ผ่านเงินภาษีของประชาชน

(19 พ.ค. 68) มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก (NYU) ระงับการมอบปริญญาบัตรให้ โลแกน โรโซส (Logan Rozos) นักศึกษาปริญญาตรี หลังเขาใช้เวทีรับปริญญาเมื่อวันพุธที่ผ่านมา เพื่อกล่าวประณามสหรัฐฯ ว่ามีส่วนสนับสนุน “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในกาซา” คำพูดของเขาทำให้เกิดเสียงเชียร์และโห่ปะปนกันในหมู่ผู้ชม

“การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ ได้รับการสนับสนุนทางการเมืองและทางทหารจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งมาจากการสนับสนุนทางการเงินจากภาษีของเรา” เขายังกล่าวเพิ่มเติมว่า “ผมขอประณามการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์นี้ รวมถึงผู้ที่มีส่วนร่วมในนั้น” โรโซส กล่าว

ขณะที่ โฆษกของ NYU ระบุว่า โรโซสไม่ได้แจ้งเนื้อหาที่จะพูดตามที่กำหนดไว้ และใช้โอกาสดังกล่าวเพื่อแสดงมุมมองการเมืองด้านเดียวอย่างไม่เหมาะสม พร้อมกล่าวว่าสถาบันรู้สึกเสียใจอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์นี้ ขณะเดียวกัน NYU ยืนยันว่าจะดำเนินการสอบสวนทางวินัย และยังไม่มอบปริญญาบัตรให้เขา

สำหรับการเคลื่อนไหวสนับสนุนปาเลสไตน์ในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ของสหรัฐฯ กลายเป็นประเด็นทางการเมือง โดยเฉพาะภายใต้รัฐบาลทรัมป์ที่มีท่าทีแข็งกร้าวต่อกรณีที่ระบุว่าเป็น “การต่อต้านชาวยิว” ส่งผลให้เกิดข้อถกเถียงเรื่องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นในสถาบันการศึกษาอย่างกว้างขวาง 

ทั้งนี้ NYU เป็นหนึ่งใน 10 สถาบันที่อยู่ระหว่างการสอบสวนของคณะทำงานต่อต้านการต่อต้านยิวของรัฐบาลทรัมป์ นับตั้งแต่สงครามอิสราเอล-กาซาเริ่มต้นในเดือนตุลาคม 2023

นายกฯ ญี่ปุ่นชี้หนี้สาธารณะพุ่งเกิน 260% ของ GDP เปรียบเทียบวิกฤตคล้ายกรีซแต่เลวร้ายยิ่งกว่า

(19 พ.ค. 68) นายกรัฐมนตรีชิเกรุ อิชิบะ ของญี่ปุ่น เปิดเผยว่าสถานการณ์การคลังของประเทศอยู่ในภาวะที่ย่ำแย่กว่าของกรีซ โดยหนี้สาธารณะของญี่ปุ่นสูงถึง 260% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่สูงที่สุดในบรรดาประเทศพัฒนาแล้ว

อย่างที่ทราบกันดีว่า กรีซเคยประสบวิกฤตการคลังรุนแรงในช่วงปี 2009–2015 จากหนี้สาธารณะที่พุ่งสูงกว่า 180% ของ GDP รัฐบาลขาดความสามารถในการชำระหนี้ ต้องพึ่งพาเงินช่วยเหลือจากสหภาพยุโรปและ IMF รวมมูลค่ากว่า 260,000 ล้านยูโร พร้อมมาตรการรัดเข็มขัดเข้มงวด ส่งผลให้เศรษฐกิจถดถอย ประชาชนว่างงานสูงและเกิดความไม่สงบในประเทศอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ดี นายกอิชิบะได้ออกมาปฏิเสธข้อเสนอจากพรรคร่วมรัฐบาลบางกลุ่มและสมาชิกฝ่ายนิติบัญญัติที่เรียกร้องให้มีการลดภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เขายืนยันว่าฐานะทางการเงินของประเทศในปัจจุบันอยู่ในจุดที่ไม่สามารถรองรับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลดรายได้ของรัฐได้อีกต่อไป โดยชี้ว่าหากดำเนินการลดภาษีในขณะนี้จะยิ่งทำให้ภาระหนี้สาธารณะของประเทศเพิ่มขึ้นอย่างไม่ยั่งยืน

ด้านนักเศรษฐศาสตร์เตือนว่าหนี้สาธารณะที่สูงของญี่ปุ่นอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ โดยเฉพาะหากอัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะทำให้ภาระดอกเบี้ยของรัฐบาลเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ทั้งนี้ ญี่ปุ่นยังมีข้อได้เปรียบที่หนี้ส่วนใหญ่ถือโดยนักลงทุนภายในประเทศ และรัฐบาลมีการควบคุมสกุลเงินของตนเอง ซึ่งแตกต่างจากสถานการณ์ของกรีซที่พึ่งพาหนี้จากต่างประเทศและใช้สกุลเงินยูโร

ผู้ลี้ภัยโรฮิงญาอ้าง!..ถูกบังคับขึ้นเรือรบอินเดีย ถูกปิดตา-ทุบตี ก่อนโยนลงทะเลให้ว่ายกลับเมียนมา

(19 พ.ค. 68) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เจ้าหน้าที่อินเดียบังคับผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาจำนวนอย่างน้อย 40 คน ซึ่งรวมถึงผู้หญิง เด็ก และผู้สูงอายุ ให้ลงจากเรือของกองทัพเรืออินเดีย โดยมีการอ้างว่าบางคนถูกปิดตา ถูกทุบตี และถูกโยนลงทะเลบริเวณน่านน้ำสากลใกล้ชายแดนเมียนมา และให้ว่ายน้ำกลับเข้าฝั่งเอง

กลุ่มผู้ลี้ภัยเหล่านี้ถูกควบคุมตัวในกรุงนิวเดลีเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม และถูกส่งตัวโดยเครื่องบินไปยังหมู่เกาะอันดามันและนิโคบาร์ ก่อนที่จะถูกนำขึ้นเรือของกองทัพอินเดีย

สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) ได้แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อรายงานดังกล่าว โดย ทอม แอนดรูว์ส ผู้รายงานพิเศษของสหประชาชาติด้านสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในเมียนมา กล่าวว่า “แนวคิดที่ว่าผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาถูกโยนลงทะเลจากเรือของกองทัพเรือนั้นเป็นสิ่งที่น่าขุ่นเคืองอย่างยิ่ง” เขาเรียกร้องให้รัฐบาลอินเดียหยุดการปฏิบัติที่ไร้มนุษยธรรมและเป็นอันตรายต่อชีวิตของผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญา รวมถึงการส่งตัวพวกเขากลับไปสู่สภาพที่อันตรายในเมียนมา

ด้าน ทนายความ ดิลาวาร์ ฮุสเซน ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้ลี้ภัย ได้ยื่นคำร้องต่อศาลสูงสุดของอินเดีย เพื่อขอให้รัฐบาลนำผู้ลี้ภัยเหล่านี้กลับมายังกรุงนิวเดลี อย่างไรก็ตาม กองทัพเรืออินเดียและกระทรวงการต่างประเทศยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นต่อกรณีนี้

ทั้งนี้ อินเดียไม่ได้เป็นภาคีของอนุสัญญาผู้ลี้ภัยปี 1951 หรือพิธีสารปี 1967 แต่มีผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาประมาณ 40,000 คนอาศัยอยู่ในประเทศ โดยประมาณ 22,500 คนได้รับการลงทะเบียนกับสำนักงาน UNHCR หลายคนอาศัยอยู่ในสภาพความเป็นอยู่ที่ย่ำแย่ และเผชิญกับการกดขี่ข่มเหงจากกลุ่มชาวฮินดูที่เรียกร้องให้ขับไล่พวกเขาออกจากประเทศ

‘ทรัมป์’ ชม ‘กาตาร์’ เจตนาดีให้ฟรี Boeing 747-8 เปรียบเหมือน ‘เทพีเสรีภาพ’ ไม่จำเป็นต้องตอบแทน

(19 พ.ค. 68) สตีฟ วิทคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา เปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ว่า การที่สหรัฐฯ รับมอบเครื่องบิน Boeing 747-8 มูลค่า 400 ล้านดอลลาร์ (ราว 14,400 ล้านบาท) จากประเทศกาตาร์ เป็นการทำธุรกรรมระหว่างรัฐที่ชอบด้วยกฎหมาย และผ่านการตรวจสอบจากที่ปรึกษาทำเนียบขาว กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานกฎหมายแล้ว

ขณะที่ สก็อตต์ เบสเซนต์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในรัฐบาลทรัมป์ กล่าวปกป้องการตัดสินใจดังกล่าว โดยเปรียบเปรยว่า “ฝรั่งเศสเคยมอบเทพีเสรีภาพให้เรา และอังกฤษเคยมอบโต๊ะทำงานให้เรา ผมไม่แน่ใจว่าพวกเขาเรียกร้องอะไรล่วงหน้าหรือไม่” พร้อมชี้ว่ากาตาร์มีคำสั่งซื้อเครื่องบินจาก Boeing มูลค่าสูงถึง 100,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นคำสั่งซื้อที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท

ด้านทรัมป์กล่าวเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า เขาคง ‘โง่มาก’ หากปฏิเสธ ‘เครื่องบินฟรี’ ลำนี้ โดยตามรายงานของสื่อสหรัฐฯ เครื่องบินลำนี้ได้เดินทางมาถึงรัฐเท็กซัสแล้วนานกว่าหนึ่งเดือน

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ปัจจุบันของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า อาจต้องใช้เวลาอีกหลายปีและใช้งบประมาณมหาศาลในการปรับแต่งเครื่องบินลำดังกล่าวให้ผ่านมาตรฐานด้านความปลอดภัยระดับผู้นำประเทศ โดยเฉพาะหากมีการใช้งานในภารกิจของประธานาธิบดีในอนาคต


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top