Friday, 9 May 2025
World

‘เซเลนสกี้’ มีแผนสำรอง!! กรณี ‘ยูเครน’ แพ้สงครามที่สู้รบกับ ‘รัสเซีย’ ผู้เชี่ยวชาญ ชี้!! เตรียมลี้ภัยไปฝรั่งเศส หลังพบ มีบัญชีธนาคารในเครือรอธไชลด์

(22 ก.พ. 68) เพจ ‘Ethan Hunts’ ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า ...

นิวยอร์กโพสต์ อ้างแหล่งข่าววงใน เซเลนสกี้มีแผนสำรองกรณียูเครนแพ้สงครามลี้ภัยไปฝรั่งเศส 

ข่าวข้างต้น ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเมื่อติดตามความเคลื่อนไหวเมียเซเลนสกี้ นางโอเรน่า ซาเลนสก้า ในปี 2023 ไปเปิดบัญชีถึง 3 แห่งที่ธนาคารในเครือรอธไชลด์ ซึ่งเป็นบัญชีพิเศษที่ตรวจสอบไม่ได้

ด้วยอภินันทนาการจากมาครง บัญชีเหล่านั้นไม่สามารถตรวจสอบจากระบบธนาคารกลางของยุโรปอีกด้วย และแน่นอนถ้าขนาดยุโรปตรวจสอบไม่ได้ สหรัฐก็ไม่มีทางตามธุรกรรมจากบัญชีเหล่านี้ได้ด้วยเช่นกัน (อาจเป็นเรื่องบังเอิญที่มีเงินที่สหรัฐอ้างว่าส่งให้ยูเครนแล้ว แต่เซเลนสกี้แถลงว่าไม่รู้ว่าหายไปไหน)

จากข้อมูลข้างต้น สื่อฯจึงกล้าฟันธงที่ที่เซเลนสกี้และครอบครัว จะใช้เป็นที่ลี้ภัย ถ้าถึงตอนนั้นยังมีชีวิตอยู่จนถึงเมื่อสงครามจบลง ต้องเป็นยุโรป และให้เจาะจงกว่านั้นคือฝรั่งเศส

‘อ.เจษฎา’ ฟาดใส่!! ‘ทรัมป์’ คนโง่เท่านั้น ที่บอกว่า ‘ยูเครน’ เริ่มสงครามก่อน ชี้!! ‘รัสเซีย’ บุกรุกรานเข้ายึด ‘ไครเมีย’ ของยูเครน ตั้งแต่ปี 2014 แล้ว

(22 ก.พ. 68) รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า …

เห็นด้วยตามนั้นครับ ‘คนโง่เท่านั้น ที่บอกว่า ยูเครนเริ่มสงครามก่อน’

สิ่งที่เกิดขึ้นจริงก็คือ รัสเซียบุกรุกรานเข้ายึดไครเมียของยูเครนได้สำเร็จไปรอบนึงแล้ว ตั้งแต่ปี 2014 .. และปี 2022 นี้ ก็ยกกำลังเข้ามาบุกรุกราน จนจะถึงเมือง เคียฟ อยู่แล้ว ด้วยความตั้งใจที่จะยึดประเทศให้ได้ใน 3 วัน (แต่ 3 ปีแล้ว ก็ยังคืบหน้าไปได้ไม่เยอะ)

ส่วนที่บางคนอ้างถึงสนธิสัญญามินซ์ อ้างว่ายูเครนทำผิดที่คิดจะเข้าเนโต้ .. จริงๆในสนธิสัญญา ไม่ได้มีเขียนระบุ เรื่องที่บอกว่าเนโต้จะไม่ขยายพื้นที่ ไม่มีเขียนระบุว่ายูเครนห้ามเข้า nato 

และที่ผ่านมาก็มีหลายชาติที่เคยเป็นสมาชิกสหภาพโซเวียต และมีพรมแดนติดกับประเทศรัสเซีย ก็เข้าร่วมเนโต้ไปตั้งนานแล้ว แต่ไม่ถูกรุกราน ไม่ถูกหาเรื่องจากรัสเซีย 

คนที่ฉีกสัญญาจริง ๆ คือรัสเซียต่างหาก ที่ละเมิดสนธิสัญญาบูดาเปสต์ ให้ยูเครนยอมมอบอาวุธนิวเคลียร์ทั้งหมดที่มีให้กับรัสเซีย เพื่อแลกกับสันติภาพ และการันตีว่าจะไม่บุกรุกราน แต่ปูตินก็ฉีกสัญญานั้น

สุดท้ายคือ เลิกโทษคนยูเครนหรือประธานาธิบดียูเครน ที่พยายามต่อสู้รักษาเอกราชของประเทศตน ได้แล้ว อันนั้นมันคือการ blame victim การไปโทษเหยื่อ ที่ขัดขืนคนร้ายขัดขืนฆาตกร จนถูกทำร้ายหรือเสียชีวิต 

สงครามเลวร้ายนี้หยุดได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่ปูตินยอมถอนทัพกลับไปประเทศตัวเอง ซึ่งนานาชาติต้องร่วมกันผลักดันให้เห็นว่าเขาคิดผิดที่ก่อสงครามนี้

‘ม็อบต้านขวาจัด’ บุกบ้าน!! ‘Alice Weidel’ ตะโกน ‘Nazis Out’ สะเทือนเลือกตั้งเยอรมัน

เมื่อวานนี้ (22 ก.พ. 68) ประชาชนประมาณ 250 คนได้รวมตัวกันประท้วงต่อต้าน Alice Weidel ผู้นำพรรคขวาจัด Alternative for Germany (AfD) ในเมือง Einsiedeln ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เธอมีบ้านพัก ส่งผลให้เกิดการชุมนุมต่อต้านและการเผชิญหน้าระหว่างกลุ่มผู้เห็นต่าง ทำให้เจ้าหน้าที่จับกุมผู้ประท้วง 5 คน

ตำรวจเปิดเผยว่ามีผู้ชุมนุมหลายร้อยคนออกมาตอบโต้การประท้วง โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายเข้มงวดด้านการอพยพของพรรค AfD ขณะที่ผู้ประท้วงตะโกนคำขวัญ ‘Nazis Out’ และชูป้ายที่มีข้อความเช่น ‘1933 Never Again’ ซึ่งอ้างอิงถึงปีที่ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ขึ้นสู่อำนาจ

การเลือกตั้งรัฐสภาเยอรมันที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์นี้ คาดการณ์ว่าพรรค AfD จะได้รับคะแนนเสียงประมาณ 20% ทำให้พรรคอยู่ในอันดับสองของการแข่งขัน โดย Weidel วัย 46 ปี เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค

เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่าบรรยากาศของการประท้วงเป็นไปอย่างเคร่งเครียด มีการปะทะกันเล็กน้อยแต่ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ อย่างไรก็ตาม มีผู้ถูกจับกุม 5 รายเนื่องจากพกพาวัตถุต้องห้ามหรือฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าหน้าที่

บ้านพักของ Weidel ในสวิตเซอร์แลนด์ถูกตั้งคำถามโดยนักข่าวเยอรมันในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง โดยเธอออกมายืนยันในเดือนนี้ว่าเธอจ่ายภาษีทั้งหมดในเยอรมนี

‘ทรัมป์’ บีบ!! ‘ยูเครน’ มอบทรัพยากรครึ่งประเทศ แลกเงินช่วย โดยไม่มี!! ‘หลักประกันด้านความมั่นคง’ ตอบแทน

เมื่อวานนี้ (22 ก.พ. 68) ‘ยูเครน’ กำลังพิจารณาข้อเสนอใหม่จาก ‘รัฐบาลทรัมป์’ ซึ่งกำหนดให้ต้องแบ่งรายได้จากทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงแร่ ก๊าซ และน้ำมัน ให้กับสหรัฐฯ โดยไม่มีหลักประกันด้านความมั่นคงใดๆ ตอบแทน

เอกสารร่างข้อตกลงฉบับล่าสุดลงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ระบุว่า ยูเครนต้องแบ่งรายได้ครึ่งหนึ่งจากทรัพยากรธรรมชาติให้สหรัฐฯ รวมถึงรายได้จากท่าเรือและโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นเงื่อนไขเดียวกับร่างข้อตกลงก่อนหน้านี้ที่ยูเครนเคยปฏิเสธเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เพราะเห็นว่าเป็นภาระเกินไป

อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงใหม่นี้ยังคง ไม่มีหลักประกันด้านความมั่นคงจากสหรัฐฯ ตามที่ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี เรียกร้อง ก่อนหน้านี้ยูเครนเสนอให้สหรัฐฯ เป็นพันธมิตรด้านทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อแลกกับการสนับสนุนทางทหารเพิ่มเติม แต่ข้อตกลงเดิมไม่มีข้อผูกพันด้านความมั่นคง ทำให้เซเลนสกีปฏิเสธการลงนาม

ข้อตกลงฉบับล่าสุดยังระบุว่า รายได้จากทรัพยากรของยูเครนจะถูกส่งเข้าสู่กองทุนที่สหรัฐฯ ถือสิทธิทางการเงิน 100% โดยยูเครนต้องจ่ายเข้ากองทุนจนกว่าจะถึง 500,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่ทรัมป์เรียกร้องเป็น “ค่าตอบแทน” สำหรับความช่วยเหลือที่สหรัฐฯ มอบให้ยูเครน

ตัวเลข 500,000 ล้านดอลลาร์ สูงกว่ารายได้จากทรัพยากรของยูเครนเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่เพียง 1,100 ล้านดอลลาร์ และมากกว่าสี่เท่าของมูลค่าความช่วยเหลือสหรัฐฯ ที่ให้ยูเครนจนถึงปัจจุบัน ก่อนหน้านี้ตัวเลขนี้ไม่เคยถูกระบุในร่างข้อตกลง แต่ทรัมป์เคยพูดไว้ต่อสาธารณะว่าเป็นจำนวนที่เขาต้องการ

ยูเครนเจอแรงกดดันหนักจากทรัมป์

เจ้าหน้าที่ในเคียฟกำลังศึกษาข้อตกลงและยังไม่มีการตัดสินใจว่าจะยอมรับหรือไม่ รัสลัน สเตฟานชุก ประธานรัฐสภายูเครนเผยว่า ยูเครนต้องการหลักประกันด้านความมั่นคง หากจะต้องยอมให้สหรัฐฯ เข้าถึงทรัพยากรของตน

ในช่วงไม่กี่วันมานี้ ความสัมพันธ์ระหว่างเซเลนสกีกับทรัมป์ตกต่ำลงอย่างหนัก ทรัมป์เรียกเซเลนสกีว่า “เผด็จการที่ไร้การเลือกตั้ง” ขณะที่เซเลนสกีโต้กลับว่า ทรัมป์ติดอยู่ใน “ใยข้อมูลเท็จ” หลังจากทรัมป์กล่าวหาอย่างผิดๆ ว่ายูเครนเป็นฝ่ายเริ่มสงครามกับรัสเซีย

เอกสารระบุว่า หากยูเครนได้รับความช่วยเหลือทางทหารเพิ่มเติมจากสหรัฐฯ หลังลงนามข้อตกลง ยูเครนจะต้องจ่ายคืนเป็นมูลค่าถึง 2 เท่าของเงินที่ได้รับ

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของทำเนียบขาวระบุว่า ข้อตกลงนี้ถือเป็น “หลักประกันความมั่นคง” ของยูเครน เนื่องจากการมีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในยูเครนจะช่วยป้องกันประเทศจากรัสเซีย

ไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า “เซเลนสกีจะต้องลงนามในข้อตกลงนี้ และคุณจะเห็นสิ่งนั้นเกิดขึ้นในเวลาอันใกล้”

ขณะที่ทรัมป์กล่าวในทำเนียบขาวว่า “เราจะต้องได้ข้อตกลง หรือจะเกิดปัญหาใหญ่กับพวกเขา”

‘อ.เจษฎา’ ชี้!! ประธานาธิบดียูเครน ‘โวโลดีมีร์ เซเลนสกี’ ไม่ใช่ เผด็จการ เผย!! ประเทศต้องอยู่ภายใต้กฎอัยการศึก ทำให้การเลือกตั้ง ถูกระงับไปก่อน

(23 ก.พ. 68) รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า …

วันนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ โกหกอะไร ? 
สลิ่มไทยหัวใจรัสเซีย ออกมาเชียร์กันใหญ่ เมื่อฮีโร่คนใหม่ของพวกเขา อย่างประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา (ประเทศที่พวกเขาเคยเกลียดเข้ากระดูกดำกัน แถมประกาศจะยึดครองกาซ่าด้วย) ..

..ออกมาโจมตีประธานาธิบดียูเครน โวโลดีมีร์ เซเลนสกี ว่าเป็น "เผด็จการ ที่ประชาชนไม่สนับสนุน" เหมือนอย่างกับยืมคำของจอมเผด็จการตัวจริงอย่าง ปูติน มาใช้

โดย ทรัมป์ ได้โพสต์บนโซเชียลมีเดียกล่าวหาประธานาธิบดีเซเลนสกี ว่าเป็น "เผด็จการ ที่ไม่มาจากการเลือกตั้ง" เหมือนที่ปูตินเคยให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อ 28 มกราคม ที่ผ่านมา กล่าวหาว่าเซเลนสกีนั้นไร้ความชอบธรรมในการเป็นประธานาธิบดี

เพราะยูเครนไม่ได้จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2019 (ซึ่งตอนนั้น เซเลนสกีชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายถึง 73%) และวาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปี ได้สิ้นสุดลงในเดือนพฤษภาคม 2024 

แต่ จริงๆ แล้ว ยูเครนอยู่ภายใต้กฎอัยการศึก มาตั้งแต่ที่โดนรัสเซียบุกรุกรานในเดือนกุมภาพันธ์ ปึ 2022 ทำให้การเลือกตั้ง ปธน. ถูกระงับไปก่อน
โดยกฎหมายกฎอัยการศึกนี้ ร่างขึ้นตั้งแต่ปี 2015 หลังจากที่รัสเซียบุกเข้ามายึดคาบสมุทรไครเมียของยูเครน เมื่อปี 2014 เนื่องจากอดีตประธานาธิบดียูเครน ที่ฝักใฝ่รัสเซีย ถูกประชาชนประท้วงขับไล่ออกจากตำแหน่ง

ซึ่งนั่นก็คือ กฎหมายนี้มีมาหลายปี ก่อนที่เซเลนสกี จะได้เป็นประธานาธิบดี (ไม่ใช่ว่าเขาเขียนกฎหมาย หรือแก้กฎหมาย เพื่อต่ออำนาจต่อเอง แบบที่ปูตินเคยทำ) 

เซเลนสกี ก็เคยประกาศให้คำมั่นแล้ว ว่าจะจัดการเลือกตั้งขึ้นใหม่ หลังจากสงครามสิ้นสุดลง 

ในโลกความจริง ใครจะจัดเลือกได้ ถ้าประเทศยังมีสงครามแบบนี้ รัสเซียยังคงโจมตีหลายเมืองของยูเครนทุกวัน ยิงจรวดใส่ยูเครนทุกวัน 
และมีชาวยูเครนนับล้านคน ต้องอพยพลี้ภัยไปต่างประเทศ รวมถึงอีกจำนวนที่ติดอยู่ในพื้นที่ที่รัสเซียกำลังยึดครองอยู่

นายอาร์เซนีย์ ยัตเซนยุค อดีตนายกรัฐมนตรียูเครน ให้สัมภาษณ์กับบีบีซีว่า "โวโลดีมีร์ เซเลนสกี เป็นประธานาธิบดีที่ชอบธรรมโดยสมบูรณ์ เราไม่สามารถจัดการเลือกตั้งภายใต้กฎอัยการศึกได้"

กระแสโต้ทรัมป์จากฝั่งยุโรป

เซอร์ เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าเขาสนับสนุนประธานาธิบดีเซเลนสกี ในการสนทนาทางโทรศัพท์กับผู้นำยูเครน

เซอร์เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีของประเทศสหราชอาณาจักร แสดงการสนับสนุนว่า "การระงับการเลือกตั้งในช่วงสงครามเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง เช่นเดียวกับที่สหราชอาณาจักรเคยทำ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 "

ที่แย่กว่านั้นคือ ทรัมป์ไม่ได้แสดงความเห็นอะไรถึงการตัดสินใจของปูติน ที่สั่งรุกรานยูเครนแม้แต่น้อย .. 

กลายเป็น victim blame โทษแต่เหยื่อฝ่ายเดียว ว่าเป็นฝ่ายไปเริ่มก่อน และไม่ยอมหยุดขัดขืน (ซึ่งจริงๆ คือการปกป้องอธิปไตยของตนเอง) จึงมีคนบาดเจ็บล้มตายนับล้าน 

ปูตินบุกยูเครน โดยอ้างว่าจะกำจัดลัทธินาซี ของรัฐบาลเซเลนสกี และห้ามไม่ให้ยูเครนเข้าร่วมกับนาโต

ทั้งที่เซเลนสกี จริงๆ แล้วเป็นชาวยิว พรรคของเขาเป็นพรรคสายกลาง และผลการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาของยูเครน ก็มีผู้สมัครกลุ่มขวาจัด ได้คะแนนเสียงเพียง 2% 

แถมเจ้าหน้าที่ระดับสูงของนาโต ระบุในปี 2021 ด้วยว่ายูเครนเป็นเพียง "ผู้สมัคร" ที่อาจเข้าร่วมพันธมิตรในอนาคต แต่ยังไม่ได้อยู่ในกระบวนการ อย่างเป็นทางการใด ๆ

แถมทรัมป์ยังโกหกด้วยว่า ความนิยมของเซเลนสกี ในยูเครน ตอนนี้มีเพียง 4% .. ทั้งที่ผลสำรวจที่จัดทำในเดือนกุมภานี้ พบว่า 57% ของชาวยูเครนให้ความไว้วางใจกับประธานาธิบดี

‘มือมีด’ ไล่แทงผู้คน!! ในฝรั่งเศส พร้อมตะโกนสรรเสริญ ‘อัลเลาะห์’ ‘มาครง’ ออกประณาม!! เป็นการกระทำของ ‘ผู้ก่อการร้ายอิสลาม’

(23 ก.พ. 68) เกิดเหตุชายคนร้ายใช้อาวุธมีดไล่แทงผู้คนในเมืองมูว์ลูซ ทางตะวันออกของประเทศฝรั่งเศส เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น.ของวันเสาร์ที่ผ่านมา ตามวันเวลาท้องถิ่น ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 ราย และมีตำรวจได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ในจำนวนนี้มีอาการสาหัส 2 นาย

รายงานข่าวแจ้งว่า ชายคนร้ายขณะใช้อาวุธมีดไล่แทงผู้คน ได้ตะโกนสรรเสริญอัลเลาะห์ว่า อัลลอหุอักบัร หรืออัลเลาะห์ผู้ยิ่งใหญ่ ระหว่างเกิดเหตได้มีพลเรือนเป็นชาวโปรตุเกส อายุ 69 ปี พยายามเข้ามาขัดขวางชายคนร้าย ก่อนถูกแทงเสียชีวิต ส่วนตำรวจที่เข้ามาระงับเหตุถูกแทงได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ก่อนที่จะจับกุมชายคนร้ายเอาไว้ได้ ซึ่งจากการสอบสวน พบว่า เป็นชาวแอลจีเรียอพยพ อายุ 37 ปี ไม่พอใจที่ฝรั่งเศสไม่ยอมรับการอพยพลี้ภัย และพยายามผลักดันให้เขาออกนอกประเทศ

ภายหลังเกิดเหตุ ประธานาธิบดีแอมานุแอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส ได้ออกมาแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต พร้อมทั้งกล่าวระบุด้วยว่า เป็นการกระทำของผู้ก่อการร้ายอิสลาม (Islamic terror act.) เมื่อพิจารณาคำพูดของผู้ก่อการร้ายขณะก่อเหตุ

‘ยิว’ เข้ายึด!! ‘ปาย’ เพราะ ‘ไกลปืนเที่ยง - ค่าครองชีพถูก’ ปลอดผู้มีอิทธิพล!! เจรจาง่าย ถ้าได้ผลประโยชน์ที่ลงตัว

(24 ก.พ. 68) เมื่อเอย่าไปหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับพวกยิวที่เข้ามายึดเมืองปายในบทความที่แล้วก็ทำให้เอย่าได้พบกับเรื่องที่น่าสนใจอีกเรื่อง นั่นคือเหตุผลว่าทำไมชาวยิวถึงเลือกจะมาสร้างชุมชนที่เมืองปาย ซึ่งหลายเหตุผลที่เอย่าได้มาเป็นอะไรที่น่าสนใจมากจนเอย่าต้องมาเขียนให้ทุกท่านได้อ่านกัน

ประการแรกคือ  ปายเป็นเมืองไกลปืนเที่ยง แม้จะเป็นเมืองท่องเที่ยวแต่ถือว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวแบบไปกลับเพราะความเจริญในปายยังมีน้อยหากเทียบกับเชียงใหม่หรือเชียงราย  อีกทั้งหน่วยราชการเป็นหน่วยเล็กๆสามารถใช้เงินเพื่ออำนวยความสะดวกได้ไม่ยากและคงไม่มีใครมาตรวจสอบ

ประการที่สอง คนที่อยู่ปายจริงๆจะเป็นคนที่มีวิถีชีวิตเรียบง่าย  และสามารถเจรจาได้ง่ายหากมีผลประโยชน์ลงตัว

ประการที่ 3 ปายมีศาสนาหลักคือพุทธ แม้จะมีชุมชนมุสลิมอยู่แต่ก็เป็นชุมชนเล็กๆที่รักสงบ

ประการที่ 4 ค่าครองชีพในปายถือว่าถูกมากๆหากเทียบกับเมืองที่มีชาวต่างชาติเข้าไปตั้งรกรากเพื่อทำธุรกิจ

ประการที่ 5 ปายเป็นเมืองท่องเที่ยวแต่ยังขาดแคลนหลายสิ่งหลายอย่างที่เป็นส่วนที่ชาวต่างชาติต้องการและนั่นเองคือสิ่งที่ชาวยิวมองเห็น

ประการที่ 6 ปายยังเป็นดินแดนปลอดผู้มีอิทธิพลและต่อให้มีผู้มีอิทธิพลก็มีจำนวนน้อย ซึ่งชาวยิวส่วนใหญ่มีเงินสามารถซื้อคนเหล่านี้ได้ ไม่ต้องจ่ายเงินจำนวนมากให้แก่ผู้มีอิทธิพลหลายคน หลายส่วนหากเทียบกับในเมืองใหญ่

เหตุผลที่กล่าวมา 6 ข้อนี้เป็นอะไรที่น่าคิดเป็นอย่างมากแต่ก็ต้องขอบคุณที่ปายมีชุมชนที่แข็งแกร่งผลักดันให้เรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ อีกทั้งชาวยิวเหล่านี้ไม่มีกลุ่มการเมืองหนุนหลังในไทยที่ส่งผลให้การจัดการยุ่งยากมากขึ้น ก็หวังว่าปัญหาชาวยิวยึดเมืองปายนี้จะถูกแก้ไขได้ในเร็ววัน

กองทัพอากาศสวิตเซอร์แลนด์ ครั้งหนึ่ง เคยทำการบินสกัดกั้น เฉพาะในวัน-เวลาทำการเท่านั้น เหตุ!! ถูกลด ‘งบการทหาร’

(24 ก.พ. 68) เรื่องราวสุดเหลือเชื่อนี้เกิดขึ้นจริงในปี 2014 วันที่ 17 กุมภาพันธ์ เมื่อเที่ยวบินที่ 702 ของสายการบิน Ethiopian ซึ่งเดินทางจากกรุงแอดดิสอาบาบาไปยังนครมิลานโดยผ่านกรุงโรม โดยเครื่องบินลำดังกล่าว เป็นเครื่องบินโดยสารแบบ Boeing 767-3BGER หมายเลข MSN 30563 หมายเลขทะเบียน ET-AMF ถูกจี้ระหว่างบินจากกรุงแอดดิสอาบาบาไปยังกรุงโรมโดย Hailemedhin Abera Tegegn นักบินผู้ช่วยซึ่งไม่มีอาวุธเลย 

เครื่องส่งสัญญาณฉุกเฉินของเที่ยวบินที่ 702 เริ่มส่งสัญญาณ 7500 ซึ่งเป็นรหัสสากลสำหรับแสดงสถานะเครื่องบินถูกจี้ ขณะบินไปทางเหนือของซูดาน เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อนักบินออกจากห้องนักบินเพื่อเข้าห้องน้ำ นักบินผู้ช่วยได้จัดการล็อกประตูห้องนักบินและทำการบินต่อเพียงลำพัง เที่ยวบินดังกล่าวมีกำหนดเดินทางมาถึงท่าอากาศยานเลโอนาร์โด ดา วินชี–ฟิอูมิชิโนในกรุงโรม อิตาลี เวลา 04:40 น. แล้วจะเดินทางต่อไปยังท่าอากาศยานมัลเปนซาในนครมิลาน แต่เครื่องบินเที่ยวบินที่ 702 นี้กลับบินไปยังนครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ โดยนักบินผู้ช่วยได้บินวนอยู่หลายรอบในขณะที่ติดต่อกับหอบังคับการบินของท่าอากาศยานนานาชาติเจนีวา ซึ่งนักบินผู้จี้เครื่องบินรายนี้ได้เจรจาถึงเรื่องการขอสถานะผู้ลี้ภัยทางการเมืองให้กับตนเอง อีกทั้งขอคำมั่นสัญญาจากรัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ว่า จะไม่ส่งตัวเขากลับไปดำเนินคดียังเอธิโอเปีย

เวลา 06:02 น. ของเช้าวันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2014 เที่ยวบินที่ 702 ของสายการบิน Ethiopian ได้ลงจอดที่สนามบินนานาชาติเจนีวา โดยมีเชื้อเพลิงเหลืออยู่พอบินได้อีกประมาณ 10 นาที และเครื่องยนต์เครื่องหนึ่งดับ Hailemedhin นักบินผู้ช่วยออกจากเครื่องบินโดยปีนเชือกที่เขาโยนออกไปนอกหน้าต่างห้องนักบิน ก่อนจะเดินไปหาตำรวจเพื่อมอบตัว หลังจากระบุว่า ตนเองเป็นผู้ก่อเหตุ และถูกควบคุมตัว สนามบินนานาชาติเจนีวาถูกสั่งปิดเป็นการชั่วคราวในระหว่างเหตุการณ์ดังกล่าวซึ่งไม่มีผู้โดยสารหรือลูกเรือคนใดได้รับบาดเจ็บ

เครื่องบินที่ถูกจี้ลำดังกล่าวบินเข้าน่านฟ้าของสวิตเซอร์แลนด์โดยไม่มีการสกัดกั้นจากเครื่องบินขับไล่ของกองทัพอากาศสวิสเซอร์แลนด์เลย มีเพียงการบินประกบคุ้มกันโดยเครื่องบินขับไล่ของกองทัพอากาศฝรั่งเศสและอิตาลีจนกระทั่งลงจอดที่สนามบินนานาชาติเจนีวา ด้วยเพราะในช่วงเวลานั้นกองทัพอากาศสวิสก่อตั้งขึ้นในปี 1914 ถูกลดค่าใช้จ่ายด้านการทหารลดลง จนแทบไม่มีการซื้อเครื่องบินขับไล่แทนเครื่องบินขับไล่แบบเก่าซึ่งกำลังจะหมดสภาพใช้งาน และทำให้นักบินรบหลายคนต้องกลายเป็นกำลังสำรองไป โดยเวลาในการปฏิบัติการของเครื่องบินขับไล่สังกัดกองทัพอากาศสวิสเซอร์แลนด์ในตอนนั้นคือ วันจันทร์ถึงวันศุกร์ เวลา 08.00-17.00 น. (โดยมีเวลาพักเที่ยงอีกหนึ่งชั่วโมงครึ่ง) เท่านั้น 

ดังนั้นเครื่องบินขับไล่ฝรั่งเศสและอิตาลีจึงต้องทำหน้าที่บินคุ้มกันเครื่องบินเที่ยวบินที่ 702 ของสายการบิน Ethiopian ที่ถูกจี้ไปลงจอดยังสนามบินเจนีวาอย่างปลอดภัยในเช้าวันจันทร์ เนื่องจากเมื่อเวลา 06.02 น. ยังต้องรออีกเกือบ 2 ชั่วโมงก่อนที่กองทัพอากาศสวิสเซอร์แลนด์จะเริ่มปฏิบัติงาน ซึ่งแหล่งข่าวของทางการสวิสเซอร์แลนด์ระบุว่า “สวิตเซอร์แลนด์ไม่สามารถเข้าแทรกแซงได้ เนื่องจากฐานทัพอากาศของประเทศปิดทำการในตอนกลางคืนและวันหยุดสุดสัปดาห์ อันเนื่องมาจากเรื่องของงบประมาณและเจ้าหน้าที่” ทำให้ช่วงเวลานั้น สวิสเซอร์แลนด์ต้องพึ่งพาศักยภาพด้านการทหารของเพื่อนบ้าน เพื่อให้ความสามารถในการตอบสนองการป้องภัยทางอากาศตลอด 24 ชั่วโมงด้วยเครื่องบินขับไล่สกัดกั้น รัฐบาลสวิสเซอร์แลนด์จึงมีข้อตกลงกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะอิตาลีและฝรั่งเศส อนุญาตให้เครื่องบินขับไล่ของกองทัพอากาศทั้งสองสามารถบินเข้าสู่พื้นที่น่านฟ้าของสวิตเซอร์แลนด์ได้ทุกเมื่อที่จำเป็นเพื่อจัดการกับภัยคุกคามทางอากาศ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความเสี่ยงที่อีกมาก เพราะหากเครื่องบินถูกจี้บินเหนือสวิตเซอร์แลนด์ และถูกสั่งให้โจมตีเป้าหมายที่มีความอ่อนไหวภายในประเทศ เครื่องบินขับไล่จากฝรั่งเศสหรืออิตาลีจะมีโอกาสน้อยมากที่จะบินเข้ามาสกัดกั้นได้ทันเวลา” ในระหว่างการประชุมเวิลด์อีโคโนมิกฟอรัมที่เมืองดาวอส สวิสเซอร์แลนด์เมื่อเดือนมกราคม 2014 รัฐบาลสวิสเซอร์แลนด์ถึงกับต้องร้องขอให้กองทัพอากาศออสเตรียช่วยดูแลน่านฟ้าของตน

สวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศเล็ก ๆ ที่รักษาความเป็นกลางมาโดยตลอด ดังนั้น กำลังทางอากาศจึงมีขนาดจำกัด และไม่สามารถรับมือกับความขัดแย้งทางอากาศในระยะยาวได้ ภารกิจหลักของกองทัพอากาศสวิสฯ คือการรับประกันอธิปไตยทางอากาศและการป้องกันทางอากาศทั่วประเทศ ซึ่งทำได้โดย (1) รักษาการเพื่อควบคุมน่านฟ้าทั่วไปป้องกันการบุกรุกน่านฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาตผ่านเรดาร์ตลอด 24 ชั่วโมง (โดยมีการขยายขอบเขตโดยการเปิดใช้งานหน่วยป้องกันภัยทางอากาศภาคพื้นดิน (GBAD)) และ (2) ควบคุมดูแลทางอากาศตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันเพื่อปกป้องน่านฟ้า โดยมีภารกิจรองคือ การดำเนินการขนส่งทางอากาศ การลาดตระเวน และการรวบรวมและวิเคราะห์ข่าวกรองสำหรับผู้นำรัฐบาลและผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพ 

หลังจากเหตุการณ์จี้เครื่องบินเที่ยวบินที่ 702 ของสายการบิน Ethiopian มาลงจอดยังสนามบินนานาชาติเจนีวาแล้ว มีการปรับปรุงขีดความสามารถในการป้องกันภัยทางอากาศของกองทัพอากาศสวิสเซอร์แลนด์อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2017 เครื่องบินขับไล่ของกองทัพอากาศสวิสเซอร์แลนด์สามารถปฏิบัติการบินสกัดกั้น ในเวลา 8.00-18.00 น. ได้ทุกวันตลอดทั้งปี ต่อมาในปี 2019 เพิ่มเวลาปฏิบัติการเป็น 06.00-22.00 น. และตั้งแต่สิ้นปี 2020 เครื่องบินขับไล่ของกองทัพอากาศสวิสเซอร์แลนด์มีขีดความสามารถในปฏิบัติการบินสกัดกั้นได้ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันตลอดทั้งปี และเมื่อเปรียบเทียบกับกองทัพอากาศไทยของเราแล้ว เครื่องบินขับไล่ของกองทัพอากาศไทยจากทุกฐานบิน มีขีดความสามารถในปฏิบัติการบินสกัดกั้นตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันตลอดทั้งปีมาอย่างต่อเนื่องยาวนานหลายสิบปีแล้ว ซึ่งเป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุดของคำถามที่ว่า “ทหาร มีไว้ทำไม?”

‘บอริส จอห์นสัน’ เผย!! ยุโรปใช้ยูเครน เป็นตัวแทน ทำสงครามกับรัสเซีย ชี้!! สนับสนุนน้อยไปหน่อย จึงรบได้ไม่เต็มที่ คล้าย!! คนถูกมัดมือข้างหนึ่ง

(24 ก.พ. 68) เพจ ‘Ethan Hunts’ ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า ...

โบโจ้ เอเคเอ บอริส จอห์นสัน อดีตนายกอังกฤษ ให้สัมภาษณ์และสารภาพออกสื่อ สงครามรัสเซีย-ยูเครน ยุโรปใช้ยูเครน เป็นตัวแทนทำสงครามกับรัสเซีย โดยมียุโรป ในนามเนโต้หนุนหลัง

เขาเผยว่า สงครามตัวแทนนี้ ยุโรปในฐานะผู้ยุยงส่งเสริม ให้การสนับสนุนยูเครนน้อยจนเกินไป ยูเครนจึงอยู่ในสภาพคล้าย คนถูกมัดมือข้างหนึ่ง จึงรบได้ไม่เต็มที่

‘สีจิ้นผิง’ แอบยิ้ม!! ‘ทรัมป์’ กลับมาเป็น ปธน. เข้าทางจีน หลังจัดการ!! ลงดาบ ‘USAID’ ฐานที่ไปยุ่งเรื่องชาวบ้าน

(24 ก.พ. 68) รองศาสตราจารย์ ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Aksornsri Phanishsarn เกี่ยวกับ สีจิ้นผิง และทรัมป์ โดยมีใจความว่า ...

#สีจิ้นผิง แอบอมยิ้ม  อีกปรากฏการณ์ที่ช่วยอธิบายว่า ทำไม #ทรัมป์ กลับมา คือ #เข้าทางจีน  #Trump  

พรรคฝ่ายค้านของ #ฮ่องกง คือพรรคประชาธิปไตยแห่งฮ่องกง (Democracy Party of Hong Kong) เตรียมจะยุบพรรคด้วยตัวเอง !! (สีจิ้นผิงไม่ได้สั่งนะ) 

โปรดสังเกตว่า เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลทรัมป์ โดยอิลอน มัสถ์ จัดการลงดาบกับ  #USAID ที่ละเลงงบประมาณไปยุ่งกับเรื่องชาวบ้าน 
#ท่อน้ำเลี้ยงจากต่างประเทศ แห้งเหือดลง แก๊งการเมืองไม่ถูกใจสีจิ้นผิงใน #ฮ่องกง ก็คงไปต่อยากนะคะ  #HongKong


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top