Thursday, 15 May 2025
World

เจาะเบื้องลึกหลังม่านแคมเปญเลือกตั้งสหรัฐฯ กับ ‘วินท์ สุธีรชัย‘ การป้ายสีให้ทรัมป์เป็นปิศาจ vs นโยบายแก้ปัญหาพื้นฐานสหรัฐฯ

(13 พ.ย. 67) การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาผ่านพ้นไปแล้วประมาณ 2 สัปดาห์ เป็นที่แน่นอนว่า ‘โดนัลด์ เจ ทรัมป์’ จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 2 ท่ามกลางความโกลาหลของโลก

THE STATES TIMES ได้รับโอกาสนั่งจิบกาแฟพร้อมกับคุยถึงสถานการณ์การเมืองของสหรัฐอเมริกา รวมถึงผลกระทบต่อโลก และไทย ภายหลังการรับตำแหน่งของทรัมป์กับ ‘วินท์ สุธีรชัย‘ หนึ่งในนักการเมืองไฟแรง ความสามารถสูงโดยเฉพาะในส่วนของด้านเศรษฐกิจ 

บทสนทนาแรกเริ่มต้นจากการที่วินท์ได้เริ่มอธิบายภาพรวมการเลือกตั้งของสหรัฐอเมริกาในช่วงที่ผ่านมา ผ่านวิธีคิดของพรรคการเมืองทั้ง 2 ขั้วบนเวทีการเมือง

การเลือกตั้งครั้งนี้นับว่าเป็นความประสบสำเร็จเป็นอย่างสูงของทรัมป์ และพรรครีพับลิกัน เพราะสามารถชนะได้อย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นการเลือกผู้แทนรัฐสำหรับเลือกประธานาธิบดี(Electoral College) คะแนนรวม(Popular Vote) สว. และ สส. 

เป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี ที่พรรครีพับลิกันสามารถเอาชนะได้ทั้งการเลือกตั้งผู้แทนรัฐสำหรับเลือกประธานาธิบดี(Electoral College) คะแนนรวม(Popular Vote)

ก่อนวินท์จะเริ่มเล่าถึงกลยุทธ์ในการทำแคมเปญหาเสียง

พรรคเดโมแครตพยายามใช้กลยุทธ์คล้าย ๆ กับการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว คือสร้างภาพทรัมป์ให้เป็นเผด็จการที่จะมาทำลายระบอบประชาธิปไตยในอเมริกา เป็นคนบ้า เป็นคนเลวร้าย เป็นปิศาจ การสร้างแคมเปญแบบนี้ในการเลือกตั้งคือการสร้างภาพว่าทรัมป์คือ อดอร์ฟ ฮตเลอร์คนที่สอง และพยายามให้ภาพแบบนี้รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ 

จนกระทั่งวันที่ 13 กรกฎาคม 2567 ทรัมป์ถูกลอบสังหารระหว่างการปราศรัยหาเสียงที่ เมืองบัตเลอร์ รัฐเพนน์ซิลเวเนีย

เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เดโมแครตต้องลดโทนการหาเสียงลง เพื่อไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมเกิดขึ้น 

ทำให้คนเริ่มสงสัยว่าหากทรัมป์เป็นปีศาจเผด็จการจริง ต้องฆ่าให้ตายสิ แต่นี่มาปกป้อง แสดงว่าทรัมป์ก็เป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง เขาไม่ใช่ปิศาจเผด็จการ เป็นคนธรรมดาที่มีความดีความชั่วปน ๆ กันไม่ต่างจากประชาชนทั่ว ๆ ไป

การใช้แนวคิดหาเสียงแบบนี้ของเดโมแครตไม่ต่างอะไรกับการสร้าง ‘ปิศาจที่ไม่มีจริง’

พรรคเดโมแครตยังมีข้อครหาเรื่อง ‘กมลา แฮร์ริส’ ที่มาแทนที่ ‘โจ ไบเดน’ เพราะแม้ไบเดนจะชนะการเลือกตั้งไพรมารี่ภายในพรรคด้วยเสียงถึง 14 ล้านเสียง แต่พอการดีเบตออกมาไม่ดี ก็มีนายทุนพรรคไม่กี่คนมาบีบให้ลาออกและชูแฮร์ริสขึ้นมาแทนโดยไม่ผ่านการเลือกตั้งภายในพรรค

ที่ไบเดนต้องยอมถอยก็เพราะว่า แค่มีคำขู่ว่าถ้าไม่ยอมถอยออกไป เม็ดเงินในการเลือกตั้งจะหายไป 

นอกจากนี้แนวคิดในการหาเสียงของทีมกมลา แฮริส ยังมุ่งไปที่พยายามจะชูอัตลักษณ์ของตนเอง ที่เป็นผู้หญิงผิวสี มีเชื้อสายชนพื้นเมือง แต่ไม่ได้บอกอะไรเลยว่าจะพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวสหรัฐอย่างไร 

กมาลา แฮริส ไม่ได้โชว์ศักยภาพว่านโยบายของตัวเองดีอย่างไร หรือตัวเองที่เป็นตัวแทนของอัตลักษณ์จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของพวกเขายังไง ดังนั้นไม่แปลกเลยที่แฮริสจะได้คะแนนน้อยทั้งในสัดส่วนผู้หญิง และอัตลักษณ์ต่าง ๆ

กลับกันการหาเสียงของทรัมป์ถึงจะดูรุนแรง แต่ยังไงก็ตามล้วนแต่จี้เข้าไปที่ปัญหาพื้นฐานของสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นผู้อพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายที่มีสวัสดิการดูแลอย่างดี แต่ประชาชนอเมริกันแท้ ๆ กลับมีหลายคนใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก 

ดังนั้นนโยบายการผลักดันผู้อพยพอย่างผิดกฎหมายออกนอกประเทศอาจจะถูกโจมตีบ้าง แต่คนอเมริกันล้วนแต่ต้องการ เพราะตรงกับความรู้สึกที่ว่าได้รับการปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรมตลอดเวลา ซึ่งนโยบายนี้ได้รับการสนับสนุนอย่างมากแม้แต่กับชาวต่าชาติที่ได้รับสิทธิพลเมืองสหรัฐแล้ว 

นอกจากนี้ ‘วินท์’ ยังได้ยกตัวอย่างอีก 1 ปัญหาสำคัญของสหรัฐอเมริกา นั่นคือ ปัญหาเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากค่าครองชีพที่สูงอย่างต่อเนื่อง 

นโยบายของทรัมป์จี้ไปที่เรื่องนี้ผ่าน 2 เรื่อง คือ การสร้างกำแพงภาษีจากสินค้านำเข้า เพื่อดึงโรงงาน ดึงธุรกิจ กลับมาบนแผ่นดินอเมริกา เพื่อสร้างงานให้กับพลเมืองอเมริกา 

ไม่ใช่การอุดหนุนสวัสดิการอย่างเดียว ข้อความ(Message)หลักของทรัมป์คิดว่า บนแผ่นดินของอเมริกาคนสามารถหางานดี ๆ มีเงินเดือนดี ๆ และศักดิ์ศรีในหน้าที่การงาน ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นได้

กาแฟแก้วแรกหมดลงไปสำหรับการได้รับคะแนนเสียงถล่มทลายของทรัมป์ สำหรับกาแฟแก้วต่อไปจะเป็นการพูดคุยถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นภายหลังการดำรงตำแหน่งของโดนัลด์ ทรัมป์

ภูฏานปิ๊งเมกะโปรเจกต์ สร้างเมืองสีเขียวส่งเสริมสมาธิ

(13 พ.ย. 67) ภูฏาน ประเทศเจ้าของไอเดีย GDPความสุข เผยแนวคิดพัฒนาโครงการเมกะโปรเจกต์สร้าง "เมืองแห่งสติ" ในเมืองเกเลพู ผ่านการระดมทุนด้วยการออกพันธบัตรมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ 

สำหรับเมืองเกเลพูจะได้รับการจัดตั้งให้เป็นพื้นที่บริหารพิเศษที่มีกฎหมายและกฎระเบียบแยกเฉพาะ มีเป้าหมายให้เป็นระเบียงเศรษฐกิจเชื่อมภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เมืองนี้จะเน้นการส่งเสริมการเดินและการขี่จักรยานเพื่อลดมลพิษ รวมถึงจัดสรรพื้นที่สีเขียวสำหรับการทำสมาธิและการผ่อนคลาย ระบบการศึกษาจะมุ่งเน้นการปลูกฝังสติและส่งเสริมกิจกรรมชุมชน สุขภาพ สาธารณสุข การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และศูนย์ส่งเสริมสุขภาพ

เมืองเกเลพูจะครอบคลุมพื้นที่กว่า 2,500 ตารางกิโลเมตร ติดชายแดนอินเดีย โดยเปิดกว้างสำหรับธุรกิจด้านการเงิน การท่องเที่ยว พลังงานสีเขียว เทคโนโลยี การดูแลสุขภาพ เกษตรกรรม การบิน โลจิสติกส์ การศึกษา และการพัฒนาจิตวิญญาณ

เมื่อ 11 พ.ย. ผ่านมา ภูฏานได้ประกาศเริ่มโครงการระดมทุนจากชาวภูฏานในต่างประเทศ เพื่อนำเงินมาสร้างสนามบินนานาชาติและโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ ในเกเลพู การระดมทุนนี้จะอยู่ในรูปแบบพันธบัตรระยะ 10 ปี

อดีตนายกรัฐมนตรี โลเท เชอร์ริง ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ว่าการเมืองเกเลพู กล่าวว่า โครงการนี้จะเปลี่ยนโฉมเศรษฐกิจของภูฏาน โดยเน้นดึงดูดการลงทุน พัฒนาทักษะ และสร้างงานเพื่อความเจริญรุ่งเรือง

การพัฒนาเมืองเกเลพูจะดำเนินไปหลายระยะ และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 21 ปี โดยการลงทุนจากเอกชนจะครอบคลุมการก่อสร้างถนน สนามบิน ที่อยู่อาศัย โรงเรียน โรงพยาบาล และธุรกิจต่าง ๆ คาดว่าจะมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 150,000 คนภายใน 7-10 ปีแรก

เจ้าหน้าที่ระบุว่า อินเดียซึ่งเป็นคู่ค้าหลักของภูฏาน ได้ให้การสนับสนุนโครงการนี้ โดยมีแผนขยายถนนและทางรถไฟเชื่อมต่อมายังเมืองเกเลพู

ทรัมป์ตั้ง 'อีลอน มัสก์' นั่งกระทรวงใหม่ คุมประสิทธิภาพรัฐบาล

(13 พ.ย. 67) โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศแต่งตั้ง อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีเจ้าของ Tesla และ SpaceX เป็นหัวหน้ากระทรวงใหม่ "กระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล" หรือ Department of Government Efficiency (DOGE) ร่วมกับวิเวก รามาสวามี อดีตผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสายรีพับลิกัน การตั้งหน่วยงานนี้มีเป้าหมายเพื่อลดขนาดรัฐบาล ยกระดับประสิทธิภาพ และลดค่าใช้จ่ายด้านบริหาร 

ทรัมป์ระบุว่าทั้งมัสก์และรามาสวามีจะนำแนวทางการจัดการภาคเอกชนมาประยุกต์ใช้ เพื่อรื้อระบบราชการที่ซับซ้อน ลดกฎระเบียบที่ซ้ำซ้อน และปรับโครงสร้างหน่วยงานรัฐ การแต่งตั้งครั้งนี้ไม่ได้ผ่านการรับรองจากวุฒิสภา ทำให้มัสก์สามารถคงบทบาทในธุรกิจของเขาต่อไปได้

ทรัมป์กล่าวว่ากระทรวง DOGE จะทำงานร่วมกับทำเนียบขาวและสำนักงานบริหารจัดการและงบประมาณของสหรัฐฯ เพื่อผลักดันการปฏิรูปที่ยั่งยืนและท้าทายผ่านมุมมองแบบผู้ประกอบการ โดยตั้งเป้าหมายให้กระบวนการปฏิรูปเสร็จสิ้นภายในวันที่ 4 กรกฎาคม 2026 ซึ่งเป็นวาระครบรอบ 250 ปีการประกาศอิสรภาพของสหรัฐฯ 

มัสก์ ซึ่งได้รับการจัดอันดับให้เป็นบุคคลที่รวยที่สุดในโลกจากนิตยสาร Forbes คาดว่าจะมีบทบาทสำคัญในรัฐบาลทรัมป์ พร้อมรับโอกาสที่จะพัฒนาเทคโนโลยีในหลายด้าน รวมถึง AI และคริปโตเคอร์เรนซี โดยมัสก์เองได้สนับสนุนแคมเปญหาเสียงของทรัมป์อย่างต่อเนื่องและเคยขึ้นเวทีปราศรัยร่วมกันหลายครั้ง 

มัสก์ให้คำมั่นว่าการทำงานของ DOGE จะโปร่งใส โดยเผยว่าทุกขั้นตอนจะถูกเผยแพร่ผ่านสื่อออนไลน์เพื่อให้ประชาชนตรวจสอบได้

บริษัทแม่ 7-Eleven เล็งถอนหุ้น ทิ้งตลาดหลักทรัพย์โตเกียว แปรสภาพเป็นเอกชน

(13 พ.ย. 67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า Seven & i Holdings บริษัทญี่ปุ่นเจ้าของเครือร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ทั่วโลก กำลังพิจารณาซื้อหุ้นคืนจากนักลงทุนเพื่อนำบริษัทออกจากตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ซึ่งเป็นแผนป้องกันการเทกโอเวอร์จาก Alimentation Couche-Tard Inc. กลุ่มทุนค้าปลีกจากแคนาดาที่ได้ยื่นข้อเสนอซื้อกิจการของ Seven & i เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยหากดีลนี้สำเร็จ คาดว่าจะเป็นมูลค่าการซื้อหุ้นคืนอาจสูงถึง 2 ล้านล้านบาท

นิกเคอิ เอเชีย รายงานเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2024 โดยอ้างแหล่งข่าวว่า Seven & i Holdings กำลังอยู่ในขั้นตอนการติดต่อสถาบันการเงินเพื่อจัดหาทุนสนับสนุนในการซื้อหุ้นคืน เพื่อป้องกันการเข้าครอบครองจาก Couche-Tard อย่างไรก็ตาม ยังไม่แน่ชัดว่านักลงทุนและครอบครัวผู้ก่อตั้งจะตอบรับข้อเสนอนี้หรือไม่

ด้าน  Bloomberg ระบุว่ามูลค่าของดีลนี้อาจสูงถึง 9 ล้านล้านเยน (ประมาณ 2.02 ล้านล้านบาท) และทางตลาดหลักทรัพย์โตเกียวได้ประกาศระงับการซื้อขายหุ้น Seven & i ชั่วคราวตั้งแต่เวลา 11.43 น. ของวันที่ 13 พฤศจิกายน เพื่อสอบถามข้อมูลและตรวจสอบความถูกต้องของข่าวการซื้อคืนหุ้น

ทั้งนี้ ราคาหุ้นของ Seven & i ปรับตัวสูงขึ้น 23% เมื่อซื้อขายผ่าน Japannext หลังปิดตลาดภาคเช้า ขณะที่นิกเคอิรายงานว่า หากดีลซื้อหุ้นคืนสำเร็จ จะกลายเป็นดีลซื้อกิจการที่มีมูลค่าสูงสุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น

LG เปิดตัว Display ยืด-หดได้ ขยาย 12 นิ้วเป็น 18 นิ้ว ความละเอียดสูง-สีสันแจ่ม

(13 พ.ย. 67) LG Display เปิดตัวนวัตกรรมหน้าจอยืดได้แห่งอนาคต สามารถขยายขนาดจาก 12 นิ้วเป็น 18 นิ้วได้ถึง 50% ซึ่งเป็นความสำเร็จใหม่ในอุตสาหกรรมจอภาพ โดยหน้าจอนี้ซึ่งจัดแสดงครั้งแรกที่ LG Science Park กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ นอกจากจะสามารถขยายขนาดได้ยังคงความละเอียดสูงและสีสันสมบูรณ์ไม่ลดลง 

หน้าจอต้นแบบใหม่นี้มีความก้าวหน้าจากรุ่นเดิมของปี 2022 โดยการพัฒนาโครงสร้างซับสเตรตซิลิโคนแบบพิเศษและการออกแบบสายไฟที่ล้ำสมัย พร้อมด้วยการใช้ไมโคร LED ซึ่งเพิ่มความทนทาน สามารถยืดได้ถึง 10,000 ครั้ง และทนต่ออุณหภูมิและแรงกระแทกสูง 

หน้าจอแบบยืดได้ของ LG นี้ยังบาง เบา และสามารถติดกับพื้นผิวโค้งได้ง่าย เหมาะสำหรับการใช้งานในหลากหลายด้าน ทั้งในแฟชั่น อุปกรณ์สวมใส่ และอุตสาหกรรมที่ต้องการความคล่องตัว โดย LG ได้สาธิตการใช้งานในแนวคิดต่างๆ เช่น แผงหน้าจอยืดได้สำหรับรถยนต์และอุปกรณ์สวมใส่สำหรับนักดับเพลิง 

นวัตกรรมนี้เป็นผลมาจากโครงการวิจัยระดับชาติของเกาหลีใต้ นำโดย LG Display ร่วมกับภาคอุตสาหกรรมและสถาบันวิจัย และได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงการค้า อุตสาหกรรม และพลังงาน เพื่อมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีจอภาพแห่งอนาคต 

ซูยอง ยุน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี (CTO) และรองประธานบริหารของ LG Display กล่าวว่า "เราจะยังคงสร้างระบบนิเวศจอภาพที่ยั่งยืนในอนาคต ผ่านความร่วมมือใกล้ชิดระหว่างภาคอุตสาหกรรม สถาบันการศึกษา และผู้มีส่วนร่วมด้านการวิจัยในเกาหลีใต้"

ทรัมป์ตั้ง 'พีท เฮกเซธ' ผู้ประกาศข่าวฟ็อกซ์นิวส์ ดัน “อเมริกา เฟิร์สต์” สร้างกองทัพยิ่งใหญ่อีกครั้ง

(13 พ.ย. 67) นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า เขาได้เลือกนายพีท เฮกเซธ นักวิเคราะห์ข่าวจากสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์และอดีตทหารผ่านศึก เป็นผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนใหม่

นายทรัมป์กล่าวในแถลงการณ์ว่า นายเฮกเซธเป็นบุคคลที่อดทน ฉลาดหลักแหลม และยึดมั่นในนโยบาย "อเมริกาต้องมาก่อน" หรือ "America First" อย่างแท้จริง โดยเมื่อเขาเข้ารับตำแหน่ง ศัตรูของสหรัฐจะต้องรับรู้ว่ากองทัพอเมริกันจะกลับมายิ่งใหญ่และสหรัฐจะไม่มีวันยอมอ่อนข้อให้ใคร

นายเฮกเซธ วัย 44 ปี จะต้องผ่านการรับรองจากวุฒิสภาก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่ง โดยเขามีท่าทีที่วิพากษ์วิจารณ์นโยบาย “woke” ของผู้บริหารและนายทหารระดับสูงในกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นแนวคิดการตื่นรู้เพื่อความเป็นธรรมในสังคม เช่น การลดการกดขี่ทางเพศหรือสีผิว และลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ

ในส่วนของตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลาง (CIA) นายทรัมป์กล่าวว่าเขาได้เลือกนายจอห์น แรตคลิฟฟ์ พันธมิตรใกล้ชิด ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ (DNI) ในสมัยที่นายทรัมป์เป็นประธานาธิบดี และสิ้นสุดการทำงานพร้อมกับที่นายทรัมป์หมดวาระในเดือนมกราคม 2021

เครื่องดื่มแบรนด์ไทย ตีตลาดจีน ปีเดียวขยายแล้ว 160 สาขา

(14 พ.ย. 67) “โกโก้ร้านไอต้น” (Da HuZi Bing KeKe) เปิดตัวอย่างเป็นทางการในตลาดจีนเมื่อปี 2023 และเพียงหนึ่งปีให้หลัง แบรนด์ก็ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในหมู่วัยรุ่นจีน

ความสำเร็จของแบรนด์ส่วนหนึ่งมาจากเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของโลโก้ ซึ่งเป็นภาพ "นักเรียน" ที่มีลักษณะเหมือนเจ้าของแบรนด์ คุณต้น-ประชานารถ โพธิสาราช เมนูของร้านมุ่งเน้นที่โกโก้เป็นหลัก โดยใช้วัตถุดิบประมาณ 50% จากประเทศไทย ลูกค้าสามารถเลือกระดับความเข้มข้นได้ 4 ระดับ ได้แก่ "ละอ่อน" "เข้ม" "โคตรเข้ม" และ "โคตรหวาน" ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 18-22 หยวน (87-106 บาท) 

อีกจุดขายสำคัญของ “โกโก้ร้านไอต้น” คือการปรับเปลี่ยนภาพหนวดและการแต่งกายของตัวการ์ตูนบนแก้วตามเมนูและระดับความเข้มข้น เช่น หากสั่งโกโก้รสมินต์ หนวดจะเป็นสีเขียว หรือหากเป็นเมนูพิเศษช่วงคริสต์มาส ตัวการ์ตูนจะแต่งเป็นซานตาคลอส กลยุทธ์การตลาดสร้างสรรค์นี้ช่วยดึงดูดกลุ่มวัยรุ่นที่ชอบถ่ายภาพและแชร์ลงโซเชียลมีเดียอย่าง Little Red Book

กลยุทธ์การขยายสาขาของโกโก้ร้านไอต้นในจีนเน้นการลงทุนน้อย และเลือกขยายตามศูนย์การค้า โดยเปิดสาขาแรกในสิบสองปันนาเมื่อเดือนเมษายน 2023 ซึ่งต่างจากไทยที่เน้นสตรีทฟู้ด ปัจจุบัน ร้านได้ขยายสาขาไปแล้วกว่า 160 แห่งในหลายมณฑล เช่น ยูนนาน เหอเป่ย กว่างซี กวางตุ้ง เซี่ยงไฮ้ และอื่น ๆ 

นอกจากโลโก้และการตลาดที่โดดเด่น การเข้าถึงลูกค้าด้วยการสร้างอารมณ์ขันยังเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญของแบรนด์ การปรับภาพลักษณ์โลโก้ให้เข้ากับรสชาติและบรรยากาศเทศกาลสร้างความสนุกสนานและเข้าถึงง่าย ซึ่งเข้ากับกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการความผ่อนคลายในชีวิตประจำวัน ทั้งนี้ การใช้ต้นทุนการลงทุนที่ต่ำช่วยให้แฟรนไชส์ขยายสาขาได้รวดเร็ว ตอบโจทย์ผู้ที่มีงบประมาณจำกัด

ตลาดเครื่องดื่มชงในจีนยังมีแนวโน้มเติบโตสูง โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 421,300 ล้านหยวนในปี 2022 เป็น 1.18 ล้านหยวนในปี 2028 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ย 18.7% ซึ่งสูงกว่าอัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมเครื่องดื่มโดยรวม ปัจจุบันการบริหารและขยายสาขาของโกโก้ร้านไอต้นในจีนดำเนินการโดยบริษัทจีน 100% โดยใช้วัตถุดิบจากไทยราว 50%

จากการเติบโตของโกโก้ร้านไอต้นในจีน กลยุทธ์การตลาดที่สร้างสรรค์ การจัดการต้นทุน และการเลือกทำเลที่ตั้งอย่างมีประสิทธิภาพช่วยให้แบรนด์สามารถขยายตัวได้อย่างรวดเร็วและกว้างขวาง

ข้อมูลจาก สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ เมืองเซี่ยเหมิน

เผยอีก 3 ปีไม่ต้องพึ่งมนุษย์ AI แปลได้หมดทุกภาษา

(14 พ.ย. 67) Unbabel เปิดตัวบริการแปลภาษาใหม่ Widn.AI ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อก้าวเข้าสู่ตลาดแปลภาษาที่มีการแข่งขันสูง โดยซีอีโอของบริษัทเตือนว่าอีกเพียง 3 ปีข้างหน้า AI อาจพัฒนาได้ถึงขั้นที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการแปลโดยมนุษย์อีกต่อไป

Widn.AI สร้างขึ้นจากโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ที่บริษัทพัฒนาขึ้นเองในชื่อ Tower ซึ่งเป็นระบบ AI ที่คล้ายกับโมเดลเบื้องหลัง ChatGPT ของ OpenAI

วาสโก เปโดร ซีอีโอของ Unbabel ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่า LLM ของบริษัททำให้ AI สามารถแปลได้ถึง 32 ภาษา แต่จากการตรวจสอบบนเว็บไซต์ของบริษัท บริการนี้ยังไม่รองรับภาษาไทย

เปโดรกล่าวว่า “เมื่อเราเริ่มก่อตั้ง Unbabel เมื่อ 10 ปีก่อน AI ยังไม่สามารถทำงานได้ถึงระดับนี้ เราจึงพัฒนาโซลูชันที่ผสานมนุษย์กับ AI … แต่ตอนนี้เป็นครั้งแรกที่เราเชื่อว่าการแปลภาษาอยู่ในขอบเขตที่ AI สามารถทำได้เต็มรูปแบบ โดยไม่ต้องพึ่งพามนุษย์”

ผลิตภัณฑ์เดิมของ Unbabel เคยใช้ระบบ Machine Learning ร่วมกับการตรวจสอบโดยมนุษย์เป็นขั้นตอนสุดท้าย อย่างไรก็ตาม เปโดรชี้ว่า Widn.AI นั้นไม่จำเป็นต้องใช้มนุษย์เข้ามาช่วยอีกต่อไป

“ผมคิดว่ามนุษย์ยังมีข้อได้เปรียบเล็กน้อยในกรณีการใช้งานที่ซับซ้อนมาก แต่นั่นเป็นข้อได้เปรียบที่เล็กน้อยจริง ๆ ยกเว้นในงานที่ยากและท้าทายอย่างมาก เราเชื่อว่า AI กำลังจะถึงจุดที่สามารถทำงานแทนมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์ และในอีก 3 ปีข้างหน้า ผมมองไม่เห็นว่าเราจะยังจำเป็นต้องใช้มนุษย์ในการแปลอีกต่อไป”

นร.เกาหลีใต้กว่า 5 แสน เข้าสอบ'ซูนึง' เผยปีนี้เด็กสอบซิ่วเพียบ หลังคณะแพทย์รับนศ.เพิ่ม

(15 พ.ย. 67) จะเป็นวันสำคัญครั้งหนึ่งในชีวิตของบรรดานักเรียนชั้นมัธยมปลายในเกาหลีใต้ เนื่องจากถือเป็นวันสอบ “ซูนึง” (Suneung) หรือการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของเกาหลีใต้ ถือว่าเป็นการสอบครั้งสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของบรรดาวัยรุ่นแดนโสมขาว

สำหรับการสอบซูนึงในปีนี้ ยอนฮับ รายงานว่า มีจำนวนผู้เข้าสอบซ้ำทำสถิติสูงสุด ส่วนหนึ่งมาจากการเพิ่มจำนวนรับนักศึกษาในคณะแพทยศาสตร์ของหลายสถาบัน

ในปีนี้มีนักเรียนเข้าสอบทั้งหมด 522,670 คน แบ่งเป็นนักเรียนระดับมัธยมปลายมีจำนวน 340,777 คน คิดเป็น 65.2 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมด ในขณะที่ผู้สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมปลายแล้วเข้ามาสอบซ้ำ มีจำนวน 161,784 คน ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุดตั้งแต่ปี 2003 

โดยผู้สำเร็จการศึกษาประมาณ 93,195 คน เชื่อว่าเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยปีหนึ่งที่ต้องการสอบใหม่เพื่อเข้ามหาวิทยาลัยที่ดีกว่าในปีหน้า ตามข้อมูลจาก Jongro Academy

จำนวนผู้สำเร็จการศึกษาที่เข้าสอบสูงเชื่อมโยงกับการเพิ่มจำนวนรับนักศึกษาในคณะแพทยศาสตร์ปีหน้า โดยมีโรงเรียนแพทย์ 39 แห่งทั่วประเทศที่จะรับนักศึกษา 4,610 คน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีนี้ถึง 1,497 คน

การเพิ่มจำนวนดังกล่าวมาจากนโยบายของรัฐบาลประธานาธิบดียุน ซอก ยอล ที่ตัดสินใจเพิ่มตำแหน่งนักเรียนแพทย์ประมาณ 2,000 ตำแหน่งต่อปีในอีก 5 ปีข้างหน้า เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนแพทย์ภายในประเทศ

การสอบ CSAT หรือ ซูนึง ถือเป็นเหตุการณ์ทางวิชาการที่สำคัญที่สุดของประเทศ เพราะการเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังถือเป็นเส้นทางสำคัญในการมีอาชีพที่ดี

รัฐบาลประกาศว่าจะไม่มีข้อสอบยากพิเศษหรือ "killer" questions ในการสอบปีนี้ตามนโยบายที่วางไว้

การสอบจะเริ่มตั้งแต่ 8:10 น. ถึง 17:45 น. โดยในช่วงเวลานี้ ทางการจะควบคุมเสียงรบกวนบริเวณสนามสอบ 1,282 แห่งทั่วประเทศ

ในช่วงการสอบฟังภาษาอังกฤษตั้งแต่ 13:05 น. ถึง 13:30 น. จะห้ามเครื่องบินขึ้นและลงจอดทั้งหมด โดยมีการปรับตารางบินของเครื่องบิน 156 ลำเพื่อให้เหมาะสม

เครื่องบินที่กำลังบินอยู่จะต้องรักษาระดับความสูงไม่ต่ำกว่า 3 กิโลเมตร ยกเว้นกรณีฉุกเฉิน และการฝึกซ้อมทางทหารที่ทำให้เกิดเสียงรบกวนจะถูกระงับชั่วคราว

รัฐบาลกรุงโซลประกาศขยายเวลาให้บริการรถไฟใต้ดินช่วงชั่วโมงเร่งด่วนตอนเช้าเป็น 6:00 น. ถึง 10:00 น. จากปกติ 7:00 น. ถึง 9:00 น. เพื่อช่วยให้นักเรียนเดินทางไปยังสนามสอบได้ทันเวลา

ตำรวจจะจัดกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 10,000 นาย เพื่อดูแลการขนส่งเอกสารสอบไปยังสถานที่สอบและรักษาความสงบเรียบร้อยรอบโรงเรียน

‘ผู้นำพรรคฝ่ายค้านญี่ปุ่น’ ถูกชาวเน็ตถล่มยับ หลังผุดไอเดียจับผู้หญิงตัดมดลูกทิ้ง ถ้าไม่ยอมมีลูกก่อนอายุ 30

(14 พ.ย. 67) ชาวเน็ตญี่ปุ่นจัดทัวร์กฐิน ผ้าป่า ทัวร์สารทิศไปจอดลงที่บ้านนายฮายากุตะ นาโอกิ ผู้นำพรรคอนุรักษ์นิยมแห่งญี่ปุ่น หนึ่งในพรรคฝ่ายค้านโดยพร้อมเพรียง เมื่อเขานำเสนอไอเดียสุดพิสดารผ่านรายการ News Asahi 8 o'clock! ทาง Youtube เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ในการแก้ปัญหาเด็กเกิดน้อยในญี่ปุ่นด้วยการกดดันให้ผู้หญิงรีบแต่งงาน และมีลูกให้ได้ก่อนอายุ 30 ไม่เช่นนั้น ก็จับไปตัดมดลูกทิ้งซะ 

ฮายากุตะ ได้กล่าวถึงสมมติฐานที่ว่าทำไมญี่ปุ่นถึงประสบปัญหาเด็กเกิดน้อยมาก อาจเป็นเพราะ ผู้หญิงญี่ปุ่นส่วนใหญ่คิดว่าพวกเธอมีเวลาเหลือเฟือจะมีลูกเมื่อไหร่ก็ได้ จึงไม่คิดที่จะรีบมีในขณะที่ยังอยู่ในวัยสาว ดังนั้นเขามีแนวคิดที่จะกดดันให้ผู้หญิงควรรีบมีลูก ก่อนที่จะไม่มีโอกาส ด้วยการจำกัดช่วงเวลาที่จะให้ผู้หญิงสามารถแต่งงาน หรือตั้งครรภ์ได้ 

อาทิเช่น หากเราแบนผู้หญิงที่อายุเกิน 18 ปี เข้าเรียนในมหาวิทยาลัย ห้ามผู้หญิงอายุเกิน 25 ปี มีสิทธิ์แต่งงาน หรือ หากผู้หญิงไม่มีลูกก่อนอายุ 30 ต้องถูกตัดมดลูกทิ้ง จะทำให้ผู้หญิงเริ่มตระหนักถึงช่วงเวลาจำกัดของตนในการวางแผนครอบครัว ที่จะเป็นตัวเร่งให้พวกเธอต้องรีบเรียน รีบแต่งงาน และมีลูกไวขึ้น ซึ่งฮายากุตะเชื่อว่า จะทำให้มีเด็กเกิดใหม่ในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นได้ 

แต่เขายอมรับว่า ไอเดียเหล่านี้ เป็นเพียงจินตนาการในโลกนิยายวิทยาศาสตร์เท่านั้น ไม่อาจเกิดขึ้นจริงได้ 

เป็นการแสดงความเห็นแบบสุดโต่งที่ แม้แต่ อาริโมโตะ คาโอริ สมาชิกพรรคอาวุโส ที่ร่วมรายการด้วยกันยังท้วงติงว่าไม่เหมาะสม แม้จะอ้างว่าเป็นแค่เรื่องสมมติในนิยายก็ตาม แต่ทั้งนี้เขายืนยันว่าเป็นเพียงยกตัวอย่างเพื่ออธิบายให้ตระหนักถึงช่วงเวลาที่จำกัดของผู้หญิงในการมีลูกนั้นสั้นเพียงใด  

แต่คำแก้ตัวของหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน ไม่อาจยับยั้งคณะทัวร์จากสาวญี่ปุ่นทั่วประเทศ ที่ต่างออกมาตำหนิอย่างรุนแรงถึงการแสดงความเห็นผ่านสื่อออนไลน์เช่นนี้ เข้าข่ายเหยียดเพศ มีทัศนคติเชิงลบกับสตรี ไม่เข้ากับบริบทของสังคมปัจจุบัน แม้นาย ฮายากุตะ จะอ้างว่าเป็นเพียงเรื่องจินตนาการในนิยาย และตัวเขาเองก็เคยมีอาชีพเป็นนักเขียนนิยายมาก่อนที่จะมาเล่นการเมืองก็ตาม 

และล่าสุด นาย ฮายากุตะ นาโอกิ ต้องยอมออกมากล่าวขอโทษออกสื่อ จากความเห็นสาธารณะที่ได้กล่าวออกไปด้วยความคิดน้อยของเขา จนสร้างความไม่สบายใจในสังคม 

ฮายากุตะ นาโอกิ ถือเป็นนักการเมืองสายชาตินิยมขวาจัด โดยได้ตั้งพรรคอนุรักษ์นิยมแห่งญี่ปุ่น เพื่อต่อต้านพระราชบัญญัติส่งเสริมความหลากหลายทางเพศที่ได้ผ่านสภาในญี่ปุ่นเมื่อปี 2023  โดยพรรคมีนโยบายต่อต้านการเรียกร้องสิทธิ์ของกลุ่ม LGBT ในญี่ปุ่น หรือการรับชาวต่างชาติย้ายถิ่นเข้าประเทศ แล้วมักแสดงความเห็นเชิงเหยียดสตรี และ ชนกลุ่มน้อยทางเพศ ออกสื่ออยู่เสมอ นอกจากนี้ ฮายากุตะ ยังปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการสังหารหมู่ของกองทัพญี่ปุ่นในสงครามนานกิงเมื่อปี 1937 อีกด้วย  


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top