Thursday, 15 May 2025
World

‘เซเลนสกี’ มั่นใจ!! ‘ทรัมป์’ เชื่อสงครามยุติเร็วขึ้น หลังหวนนั่งเก้าอี้!! ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา

(17 พ.ย. 67) ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ระบุมั่นใจว่าสงครามกับรัสเซียจะยุติเร็วขึ้นเมื่อ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาอีกครั้ง

นายเซเลนสกี กล่าวว่าได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์กับนายทรัมป์ระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์หลังจากอดีตผู้นำสหรัฐคนดังได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งเมื่อต้นเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา โดยไม่ได้เปิดเผยว่านายทรัมป์เรียกร้องอะไรเกี่ยวกับการเจรจากับรัสเซียหรือไม่ แต่ย้ำว่านายทรัมป์ไม่ได้เอ่ยถึงสิ่งที่ขัดกับจุดยืนของยูเครน

นายทรัมป์กล่าวมาโดยตลอดว่าลำดับความสำคัญในนโยบายของตนคือการยุติสงครามในยูเครนซึ่งปะทุขึ้นหลังรัสเซียรุกรานเต็มรูปแบบเมื่อเดือนก.พ. 2565

เนื่องจากสงครามทำให้สหรัฐสิ้นเปลืองทรัพยากรด้านต่างๆ ในรูปแบบการช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครน เมื่อต้นปีที่ผ่านมาสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติอนุมัติความช่วยเหลือทางการทหารมูลค่า 61,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2.12 ล้านล้านบาท

สหรัฐเป็นผู้สรรหาอาวุธรายใหญ่ที่สุดของยูเครน ข้อมูลจากสถาบันคีลเพื่อเศรษฐกิจโลก องค์กรวิจัยของเยอรมนี ระบุว่าตั้งแต่เริ่มต้นสงครามจนถึงเดือนมิ.ย.2567 สหรัฐส่งมอบหรือให้คำมั่นที่จะส่งอาวุธยุทโธปกรณ์แก่ยูเครนมูลค่า 55,500 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.93 ล้านล้านบาท)

นายทรัมป์ให้คำมั่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในช่วงรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งว่าจะยุติสงครามในยูเครน ‘ในวันเดียว’ แต่ยังไม่มีการเปิดเผยว่าจะทำอย่างไร

แน่นอนว่าสงครามจะยุติลงเร็วกว่านี้ด้วยนโยบายของทีมที่นำทำเนียบขาวในขณะนี้ นี่คือแนวทางของพวกเขา คำมั่นสัญญาของพวกเขาต่อพลเมือง นายเซเลนสกีให้สัมภาษณ์สื่อยูเครน ก่อนเสริมว่ายูเครนต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้สงครามยุติลงภายในปีหน้า และยุติด้วยวิธีการทางการทูต

‘นายกฯ อิชิบะ’ ของประเทศญี่ปุ่น อ้างรถติด!! มาไม่ทันถ่ายรูป ชาวเน็ต!! ตำหนิอย่างแรง ขึ้นอันดับ 2 ของ Yahoo Japan

(17 พ.ย. 67) ‘Jaroensook Limbanchongkit Pone’ โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ ‘นายกฯ อิชิบะ’ โดยมีใจความว่า ...

นายกฯ #อิชิบะ ของ #ญี่ปุ่น พลาดการถ่ายรูปหมู่ผู้นำ #เอเปค2024 ที่ #เปรู เนื่องจากมาร่วมถ่ายภาพไม่ทัน เพราะรถติดหนัก หลังจากเดินทางไปเยี่ยมหลุมศพของอดีต ปธน.เปรู “อัลแบร์โต ฟูจิโมริ” ที่สร้างความขัดแย้งในเปรู จากนั้นได้หลบหนีมายังญี่ปุ่นหลายปีในช่วงต้นทศวรรษปี 2000 เพื่อหลีกเลี่ยงข้อกล่าวหาเรื่องการทุจริตและละเมิดสิทธิมนุษยชน 

นายกฯ #อิชิบะ อาจจะคิดว่านี่เป็นเพียงการถ่ายรูปหมู่ในกลุ่มผู้นำเท่านั้น ไม่ใช่การประชุมสำคัญ แต่ที่จริงการที่อิชิบะไม่มาร่วมถ่ายภาพนั้นถือเป็นความผิดพลาดทางการทูต

แม้ว่าการจราจรติดขัดนั่นเกิดจากอุบัติเหตุ ซึ่งอิชิบะไม่สามารถคาดเดาได้ อย่างไรก็ตาม การที่เขาพาดการถ่ายรูปหมู่ผู้นำเอเปค ได้กลายเป็นที่ชาวเน็ตญี่ปุ่นพากันกล่าวถึงมากติดอันดับ 2 ในการจัดอันดับความคิดเห็นของผู้ใช้มากที่สุดของ Yahoo Japan 

โดยชาวเน็ตญี่ปุ่นจำนวนมากพากันตำหนิอิชิบะสำหรับความผิดพลาดครั้งนี้

สีจิ้นผิง บอกลา ไบเดน ชี้สัมพันธ์จีนสหรัฐ สำคัญต่อมนุษยชาติ

(18 พ.ย. 67) ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนกล่าวกับประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐอเมริกาว่า ความสัมพันธ์ที่มั่นคงระหว่างสองประเทศไม่เพียงสำคัญต่อประชาชนของทั้งสองฝ่าย แต่ยังส่งผลต่ออนาคตของมนุษยชาติทั้งหมด

รายงานจากสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีของทางการจีนระบุว่า การสนทนานี้เกิดขึ้นในระหว่างการพบหารือนอกรอบการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มเอเปคครั้งที่ 31 ที่กรุงลิมา ประเทศเปรู เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยประธานาธิบดีสีแสดงความยินดีที่ได้พบประธานาธิบดีไบเดนอีกครั้ง พร้อมย้ำว่า แม้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศจะเผชิญความผันผวนในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา แต่การเจรจาและความร่วมมือที่เกิดขึ้นช่วยให้ความสัมพันธ์โดยรวมมีเสถียรภาพ

ประธานาธิบดีสีกล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐในช่วง 45 ปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าทุกครั้งที่ทั้งสองฝ่ายปฏิบัติต่อกันด้วยความเป็นมิตรและมองหาโอกาสความร่วมมือ พร้อมทั้งเคารพความแตกต่าง ความสัมพันธ์จะก้าวหน้าอย่างชัดเจน แต่หากปฏิบัติต่อกันในฐานะศัตรูหรือคู่แข่ง ความสัมพันธ์มักตกอยู่ในความวุ่นวายและถดถอย

นอกจากนี้ ประธานาธิบดีสียังเน้นย้ำถึงความสำคัญของความสัมพันธ์จีน-สหรัฐที่มั่นคง โดยระบุว่า ไม่เพียงแค่เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศ แต่ยังส่งผลต่อชะตากรรมของมนุษยชาติในอนาคต แม้ว่าสหรัฐเพิ่งเสร็จสิ้นการเลือกตั้งประธานาธิบดี แต่เป้าหมายของจีนในการสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนและมั่นคงกับสหรัฐยังคงไม่เปลี่ยนแปลง พร้อมย้ำว่าจีนพร้อมทำงานร่วมกับรัฐบาลสหรัฐเพื่อคงไว้ซึ่งการเจรจา ขยายความร่วมมือ และจัดการความแตกต่าง เพื่อผลักดันความสัมพันธ์ให้ราบรื่นและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนของทั้งสองชาติ

ด้านนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐกล่าวกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งจีนว่า สหรัฐไม่ต้องการทำสงครามเย็น และไม่ต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงระบบของจีน โดยพันธมิตรของสหรัฐเองก็ไม่ได้พุ่งเป้าที่จะต่อต้านจีน

ผู้นำสหรัฐกล่าวด้วยว่า สหรัฐไม่ได้ต้องให้ไต้หวันแยกตัวเป็นอิสระ รวมทั้งไม่ได้ต้องการที่จะขัดแย้งกับจีน และไม่ได้ต้องการให้นโยบายของประเทศที่มีต่อไต้หวันนั้นเป็นหนทางที่จะแข่งขันกับจีน

ทั้งนี้ นายไบเดนได้แสดงความคิดเห็นดังกล่าวกับนายสี จิ้นผิง นอกรอบการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก หรือ เอเปค (APEC) ที่กรุงลิมา ประเทศเปรู

'ชวีชุ่ยหรง' นายหญิงแห่ง KFC จีน เผยเคล็ดลับสำเร็จ ขยาย 10,000 สาขาในเวลาอันสั้น

(18 พ.ย. 67) โจอี้ วัต หรือ ชวีชุ่ยหรง ผู้บริหารหญิงที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจที่ประสบความสำเร็จที่สุดของจีน และติดอันดับหนึ่งใน 500 ผู้บริหารยอดเยี่ยมจากการสำรวจของนิตยสาร Fortune ได้ เผยเคล็ดลับการขยายธุรกิจร้านอาหาร Fast Food ในเครือ Yum China ซึ่งรวมถึง KFC, Pizza Hut, และ Taco Bell กว่า 10,000 สาขาทั่วประเทศจีน

ในปี 2024 KFC ได้ทะยานสู่เป้าหมาย 10,000 สาขา ครอบคลุม 2,000 เมืองทั่วจีน ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของแบรนด์ Fast Food ยอดนิยมจากต่างประเทศ ที่ยังคงครองใจผู้บริโภคจีนอย่างเหนียวแน่น

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ KFC สามารถขยายสาขาได้อย่างรวดเร็ว คือการสังเกตพฤติกรรมลูกค้าอย่างใกล้ชิดของ ชวีชุ่ยหรง ซึ่งไม่ได้พึ่งพาทีมการตลาดหรือการใช้ AI เท่านั้น แต่เธอใช้เวลามากกว่า 2-3 ชั่วโมงทุกวันในการนั่งดูลูกค้ากินอาหารในร้าน KFC เพื่อนำข้อมูลมาปรับปรุงบริการและเมนูต่างๆ ให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า

ตัวอย่างหนึ่งคือเมื่อเธอสังเกตเห็นว่าผู้บริโภควัยรุ่นชาวจีนชอบกินไก่ทอดคู่กับมันบด แต่พบว่ามันไม่สะดวกในการรับประทาน ชวีชุ่ยหรงจึงคิดค้นเมนู "เบอร์เกอร์มันบดไก่ไม่มีกระดูก" ซึ่งกลายเป็นเมนูยอดฮิตใน KFC จีน

ไม่เพียงแค่ใน KFC ชวีชุ่ยหรงยังได้สร้างสรรค์เมนูพิซซ่าหน้าทุเรียนในร้าน Pizza Hut หลังจากที่เธอสังเกตเห็นว่าคนจีนชื่นชอบทุเรียน โดยเฉพาะเมื่อหลายร้านอาหารต่างชาติไม่อนุญาตให้นำทุเรียนเข้ามาในร้าน เธอจึงตัดสินใจนำทุเรียนมาสร้างสรรค์เป็นพิซซ่าหน้าทุเรียนซึ่งกลายเป็นเมนูขายดีอันดับหนึ่งของร้าน Pizza Hut จีน โดยมียอดขายมากกว่า 30 ล้านถาดต่อปี

ภายใต้การบริหารของเธอ KFC และร้านในเครือ Yum China ได้เสนอเมนูใหม่ๆ ให้กับลูกค้าชาวจีนมากกว่า 500 เมนู และปรับรูปแบบการให้บริการให้ทันกับสถานการณ์ รวมถึงในช่วงการระบาดของ COVID-19 ที่ KFC เป็นหนึ่งในร้านแรกๆ ที่ปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการแบบ "ไร้การสัมผัส" และยังมีการตั้งกองทุนช่วยเหลือพนักงานในช่วงที่ร้านต้องปิดกิจการ

ชวีชุ่ยหรงกล่าวว่า ทักษะการบริหารที่ประสบความสำเร็จนี้ไม่ได้มาจากตำราเรียน แต่เกิดจากการสละเวลาลงไปสังเกตและเข้าใจลูกค้า รวมถึงการพูดคุยกับผู้จัดการร้านบ่อยๆ เพื่อเข้าใจปัญหาจริงจากหน้างานและสามารถแก้ไขได้ตรงจุด

นี่คือเคล็ดลับที่ทำให้ชวีชุ่ยหรงสามารถนำ KFC และร้านอาหารในเครือ Yum China ก้าวสู่ความสำเร็จระดับโลกได้ ด้วยการสังเกตและเข้าใจลูกค้าด้วยตาตัวเอง

สื่อตะวันตกยอมรับ อเมริกาตามหลัง ผู้นำตัวจริงในสงครามเทคโนโลยี

(18 พ.ย. 67) สถาบันวิจัยระดับโลกอย่าง Australian Politics Policy Institute และสื่อตะวันตกหลายแห่ง เช่น Bloomberg, The Economist และ Voice of America ได้ออกมายอมรับว่า จีนได้ชัยชนะในสงครามเทคโนโลยีและกลายเป็นผู้นำในด้านนี้ไปแล้ว ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงสำคัญในระเบียบโลกที่กำลังเกิดขึ้น

สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ถือเป็นชัยชนะของจีนมาแล้วนาน โดยสหรัฐฯ ยังประสบปัญหาการขาดดุลการค้า ขณะที่จีนยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แม้สหรัฐฯ จะพยายามใช้มาตรการปิดกั้น เช่น การเพิ่มภาษีสูงๆ เพื่อปกป้องเศรษฐกิจภายใน แต่สิ่งที่จีนทำสำเร็จคือการคว้าผู้นำในด้านเทคโนโลยีที่สำคัญ

รายงานจาก Australian Politics Policy Institute เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ระบุว่า จีนเป็นผู้นำในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีในสาขาที่สำคัญอย่างการป้องกันประเทศ, อวกาศ, พลังงาน, เทคโนโลยีชีวภาพ และเทคโนโลยีใหม่ๆ มากถึง 57 หมวดหมู่จากทั้งหมด 64 หมวดหมู่ เทียบกับสหรัฐฯ ที่ยังคงนำอยู่ใน 7 สาขา เช่น การประมวลผลภาษาธรรมชาติและควอนตัมคอมพิวติ้ง

The Economist และ Voice of America รายงานว่า จีนตอนนี้ได้แซงสหรัฐฯ ไปแล้วในด้านการวิจัยเทคโนโลยีชี้ขาด ที่สำคัญคืออำนาจในการพัฒนาเทคโนโลยีที่มีผลกระทบต่ออนาคตของโลก โดยจีนได้กลายเป็นศูนย์กลางในการกำหนดทิศทางของศตวรรษที่ 21

ในด้านเศรษฐกิจ ขณะนี้จีนใกล้จะแซงสหรัฐฯ ในเรื่องของอำนาจการซื้อ (Purchasing Power Parity) แม้เศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะยังคงมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก แต่การเติบโตทางเทคโนโลยีและอิทธิพลทางภูมิรัฐศาสตร์ของจีนทำให้จีนมีศักยภาพในการนำพาโลกเข้าสู่ยุคใหม่

การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่แค่การต่อสู้ทางเศรษฐกิจหรือการค้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการท้าทายระเบียบโลกเก่าที่ถูกนำโดยสหรัฐฯ โดยจีนกำลังก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในหลายด้าน โดยเฉพาะในเรื่องของนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่สำคัญ

อนาคตของเศรษฐกิจโลกจะถูกกำหนดโดยความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีน ไม่ว่าจะเป็นการร่วมมือกันหรือการแข่งขันอย่างดุเดือด แต่ที่แน่ๆ คือตอนนี้จีนได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในสงครามเทคโนโลยีที่สำคัญที่สุดของศตวรรษที่ 21

รู้จัก 'วิตาลิก บูเตริน' เจ้าพ่อ Ethereum อัจฉริยะผู้สร้างเหรียญเปลี่ยนโลก สู่เศรษฐีอายุน้อย

(18 พ.ย. 67) เพจ "ขาหมู แอนด์เดอะแก๊ง" ซึ่งเป็นช่องทางสื่อสารอย่างเป็นทางการของ "หมูเด้ง" และเพื่อนสัตว์แห่งสวนสัตว์เปิดเขาเขียว ได้โพสต์ภาพที่กลายเป็นกระแสในโลกออนไลน์ทันที ภาพดังกล่าวเผยให้เห็น **"พี่เบนซ์" อรรถพล ผู้ดูแลหมูเด้ง ยืนถ่ายรูปคู่กับชายชาวตะวันตกคนหนึ่ง  

ชายในภาพไม่ใช่ใครอื่น แต่คือ วิตาลิก บูเทริน (Vitalik Buterin) มหาเศรษฐีชาวรัสเซียและผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum ซึ่งเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มคริปโตเคอร์เรนซีที่ใหญ่ที่สุดในโลก หลังจากภาพนี้ถูกเผยแพร่ ผู้คนต่างให้ความสนใจอย่างล้นหลาม โดยเฉพาะในหมู่ชาวไทยที่จดจำเขาได้จากข่าวไวรัลก่อนหน้านี้ เมื่อเขาใช้บริการขนส่งสาธารณะทั้งในกรุงเทพฯ และสิงคโปร์ ภาพเหล่านั้นสร้างความประทับใจและถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในโซเชียลมีเดีย 

ถ้าคุณติดตามข่าวคริปโตเคอร์เรนซี คงคุ้นเคยกับชื่อของวิตาลิก บูเทริน ชายหนุ่มผู้เป็นต้นกำเนิด Ethereum แพลตฟอร์มบล็อกเชนที่เปลี่ยนโฉมโลกการเงินดิจิทัล แต่เรื่องราวของเขามีอะไรมากกว่าที่คิด

วิตาลิกเกิดที่รัสเซียในครอบครัวที่มีพ่อเป็นนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ ครอบครัวย้ายไปแคนาดาเพื่อหาโอกาสที่ดีกว่า เมื่ออยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เขาได้รับการจัดให้อยู่ในชั้นเรียนสำหรับเด็กที่มีพรสวรรค์ โดดเด่นในคณิตศาสตร์ การเขียนโปรแกรม และเศรษฐศาสตร์ วิตาลิกได้รู้จัก Bitcoin ครั้งแรกเมื่ออายุ 17 ปี จากคำแนะนำของพ่อ 

ปฏิเสธไม่ได้ว่า บูเทริน  มีความเชี่ยวชาญทางคณิตศาสตร์อย่างสูง ว่ากันว่าเขาสามารถ ‘บวกเลข 3 หลักในใจได้เร็วกว่าคนทั่วไป 2 เท่า’ ตอนอายุ 18 ยังได้รับรางวัลที่การันตีถึงความเก่งกาจด้วยรางวัลเหรียญทองแดงในการแข่งขันสนเทศศาสตร์โอลิมปิก  

หลังจากจบมัธยมปลาย วิตาลิกเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยวอเตอร์ลู และทำงานร่วมกับ เอียน โกลด์เบิร์ก (Ian Goldberg) ผู้เชี่ยวชาญด้านการเข้ารหัส ก่อนที่เขาจะคว้าเหรียญทองแดงจากการแข่งขันวิทยาการคอมพิวเตอร์โอลิมปิกในอิตาลี  

ในปี 2013 วิตาลิกตีพิมพ์เอกสารที่อธิบายแนวคิดของ Ethereum ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นคริปโตเคอร์เรนซี่ แต่ยังเป็นแพลตฟอร์มที่รองรับการพัฒนานวัตกรรมอย่าง dApps และ DAO ผ่านระบบบล็อกเชน  

เพื่อให้โปรเจกต์เป็นจริง เขาลาออกจากมหาวิทยาลัยหลังได้รับทุน 100,000 ดอลลาร์จาก Thiel Fellowship ซึ่งสนับสนุนผู้ที่มีความสามารถพิเศษในการสร้างสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อโลก  

บูเทริน เปิดตัวเหรียญ Ethereum ในปี 2015 และกลายเป็นบล็อกเชนอันดับสองรองจาก Bitcoin เขายังผลักดันให้เปลี่ยนระบบจาก Proof-of-Work เป็น Proof-of-Stake ในปี 2022 ซึ่งลดการใช้พลังงานได้ถึง 99%  

แม้ว่าจะประสบความสำเร็จในด้านการสร้าง Ethereum วิตาลิก บูเทริน ไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น เขายังมุ่งมั่นแก้ปัญหาความไม่เท่าเทียมทางเศรษฐกิจ โดยทำงานร่วมกับ เกลน เวย์ล (Glen Weyl) นักเศรษฐศาสตร์ผู้วิพากษ์ระบอบทุนนิยมและความเหลื่อมล้ำด้านความมั่งคั่ง  

บูเทรินได้รับแรงบันดาลใจจากข้อเสนอของเวย์ลเกี่ยวกับวิธีการเก็บภาษีความมั่งคั่งเพื่อกระจายรายได้อย่างเท่าเทียม เขาแสดงความสนใจจนถึงขั้นทวีตข้อความสนับสนุนแนวคิดดังกล่าว ก่อนที่ทั้งสองจะร่วมกันเขียนคำประกาศ "Liberation Through Radical Decentralization" (การปลดปล่อยผ่านการกระจายอำนาจแบบสุดโต่ง) คำประกาศนี้เน้นย้ำถึงจุดร่วมระหว่างการพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลของบูเทรินและแนวคิดเศรษฐศาสตร์ของเวย์ล โดยชี้ว่ากลไกตลาดสามารถถูกออกแบบใหม่ให้สร้างความเป็นธรรมและแก้ไขปัญหาสังคมได้  

บูเทรินและเวย์ลยังได้ร่วมมือกับ ซูอี้ ฮิตซิก (Zoe Hitzig) นักศึกษาปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และตีพิมพ์บทความในปี 2019 ชื่อ "A Flexible Design for Funding Public Goods" (การออกแบบที่ยืดหยุ่นสำหรับทรัพย์สินสาธารณะ) ซึ่งเสนอระบบการลงคะแนนเสียงแบบกำลังสอง (Quadratic Voting) แนวคิดในการช่วยจัดสรรทรัพยากรสาธารณะอย่างมีประสิทธิภาพและยุติธรรม 

ปัจจุบัน วิตาลิกในวัย 28 ปี ยังคงขับเคลื่อนการพัฒนา Ethereum พร้อมขยายขอบเขตของคริปโทเคอร์เรนซี่เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงในหลายด้าน นับตั้งแต่เทคโนโลยี การเงิน ไปจนถึงสังคม  

การที่บุคคลระดับมหาเศรษฐีระดับโลกอย่างวิตาลิกมาเยือนสวนสัตว์ในไทย รวมถึงเลือกโดยสารด้วยรถไฟฟ้าสาธารณะ แสดงให้เห็นถึงความเรียบง่ายในชีวิตส่วนตัวของเขาและการเปิดกว้างในการเชื่อมต่อกับผู้คนและสถานที่ใหม่ๆ

วิตาลิก บูเทริน ที่ปัจจุบันอายุ 30 ปี ณ เวลาที่นี้ มูลค่าสุทธิของ Vitalik ซึ่งได้มาจากการถือครองสกุลเงินดิจิทัลเป็นหลัก ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าเกิน 1.025 พันล้านดอลลาร์ โดยความมั่งคั่งส่วนใหญ่ของเขา มากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ ส่วนใหญ่มาจากการถือครอง ETH ของเขา

บทบาทของ บูเทริน จึงไม่ใช่แค่ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลที่สร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ทั่วโลก

สส.รัสเซียเตือน 'ไบเดน' คิดผิดมหันต์ หากอนุมัติอาวุธพิสัยไกลให้ยูเครน

(18 พ.ย. 67) มาเรีย บูทีนา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรัสเซีย วัย 36 ปี แสดงความกังวลว่ารัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน อาจกำลังผลักดันสถานการณ์ไปสู่ความขัดแย้งระดับโลก หากอนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธของสหรัฐในการโจมตีลึกเข้ามาในดินแดนรัสเซีย  

บูทีนา ซึ่งเคยถูกคุมขังในสหรัฐเป็นเวลา 15 เดือนในปี 2561 ข้อหาทำหน้าที่เป็นตัวแทนรัสเซียโดยไม่ขึ้นทะเบียน กล่าวกับรอยเตอร์ว่า รัฐบาลไบเดนดูเหมือนจะพยายามยกระดับความรุนแรงจนถึงจุดสูงสุดก่อนที่จะหมดวาระ เธอหวังว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมีกำหนดเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้งในเดือนมกราคมปีหน้า จะยุตินโยบายดังกล่าว เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครต้องการ  

คำเตือนนี้เกิดขึ้นหลังจากมีรายงานจากเจ้าหน้าที่สหรัฐและสื่อหลายแห่งว่า รัฐบาลไบเดนตัดสินใจอนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธพิสัยไกลที่ผลิตในสหรัฐเพื่อโจมตีดินแดนรัสเซีย การเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งนี้นับเป็นความเคลื่อนไหวสำคัญ หลังจากที่สหรัฐเคยวางเงื่อนไขไม่ให้อาวุธดังกล่าวถูกนำไปใช้โจมตีในดินแดนรัสเซีย แม้ว่ายูเครนจะร้องขอมาเป็นเวลานาน  

ก่อนหน้านี้ในเดือนกันยายน ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย เคยเตือนว่า หากชาติตะวันตกอนุญาตให้ใช้อาวุธของตนโจมตีรัสเซีย จะถือว่าเป็นการเข้าร่วมสงครามโดยตรงของนาโตและพันธมิตร ขณะที่ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา รัฐบาลรัสเซียได้ประกาศแผนตอบโต้หากเกิดกรณีดังกล่าว

ด้านยูเครน ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ไม่ได้ยืนยันหรือปฏิเสธรายงานนี้โดยตรง แต่ได้กล่าวในคลิปประจำวันว่า "ขีปนาวุธจะบอกทุกอย่างเอง" และย้ำว่า "ชัยชนะจะเป็นของยูเครน"  

ด้านนักวิเคราะห์มองว่าการอนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธพิสัยไกล ซึ่งมีระยะทำการถึง 300 กิโลเมตร อาจเป็นการยกระดับความขัดแย้งในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวนี้อาจช่วยให้ยูเครนได้เปรียบในด้านยุทธศาสตร์ โดยเฉพาะในแคว้นคุสค์ที่ยูเครนสามารถเข้ายึดครองพื้นที่ได้บางส่วนแล้ว  

แหล่งข่าวในสหรัฐเผยว่า หนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจนี้ คือรายงานว่ารัสเซียได้ใช้ทหารเกาหลีเหนือจำนวนมากถึง 11,000 นายในแคว้นดังกล่าว ซึ่งอาจเป็นการเพิ่มแรงกดดันในสนามรบ  

การตัดสินใจของสหรัฐอาจเพิ่มความซับซ้อนในวิกฤตยูเครนและยกระดับความขัดแย้งไปสู่ระดับนานาชาติ ในขณะที่รัสเซียยังไม่มีปฏิกิริยาอย่างเป็นทางการต่อข่าวนี้ แต่ประเด็นดังกล่าวอาจเป็นตัวแปรสำคัญในทิศทางของสงครามยูเครนในอนาคตอันใกล้ ซึ่งตรงกับช่วงไม่กี่เดือนสุดท้ายก่อนหน้าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะหมดวาระ

บริษัททัวร์หัวใสจัดทริปเอาใจอเมริกัน ใช้ชีวิตกลางทะเลหนีเงารัฐบาลทรัมป์

(18 พ.ย. 67) บริษัทวิลลา วี เรสซิเดนซ์ในรัฐฟลอริดา สหรัฐฯ เปิดตัวโปรแกรมท่องเที่ยวเอาใจชาวอเมริกันที่ไม่พอใจกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่ผ่านมา หลัง ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ชนะการเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 2 และต้องการหลีกหนีจากสถานการณ์ทางการเมืองในช่วง 4 ปีข้างหน้า โดยโปรแกรมนี้จะพาลูกค้าเดินทางล่องเรือสำราญเป็นเวลา 4 ปี ท่องเที่ยวไปยัง 425 เมืองในกว่า 140 ประเทศ

ราคาค่าทริปเริ่มต้นที่ 160,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 5.5 ล้านบาท) สำหรับห้องพักเดี่ยวตลอด 4 ปี หรือห้องพักคู่เริ่มต้นที่ 320,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 11 ล้านบาท) รวมบริการอาหาร เครื่องดื่ม ไวไฟ และบริการทางการแพทย์บนเรือ พร้อมทั้งแม่บ้านทำความสะอาดห้องและบริการซักรีด

โปรแกรมท่องเที่ยวมีให้เลือก 4 แบบ ได้แก่ "หนีจากความเป็นจริง" ล่องเรือ 1 ปี, "เลือกตั้งกลางเทอม" เดินทาง 2 ปี, "ที่ใดก็ได้ที่ไม่ใช่บ้าน" ล่องเรือ 3 ปี, และ "ข้ามเวลา 4 ปี" ที่ท่องเที่ยว 4 ปีเต็ม ซึ่งได้รับความสนใจจากลูกค้าชาวอเมริกันอย่างรวดเร็วหลังจากเปิดตัวทริป 

ไทยนำเข้า ATK ตรวจไข้เลือดออก จากญี่ปุ่น เริ่มจำหน่าย ม.ค. ปีหน้า

(19 พ.ย.67) นิเคอิรายงานว่า บริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติญี่ปุ่นเตรียมแผนเริ่มวางจำหน่ายชุดตรวจไข้เลือดออกแบบรู้ผลเร็วใน 15 นาที ในตลาดประเทศไทยช่วงเดือนมกราคมปีหน้า หลังจากที่บริษัทดังกล่าวได้รับการอนุญาตให้นำเข้าชุดตรวจมาจัดจำหน่ายได้อย่างเป็นทางการจากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของทางการไทยแล้ว

รายงานระบุว่าบริษัท VisGene ซึ่งเป็นหน่วยงานที่แยกตัวจากสถาบันวิจัยมหาวิทยาลัยโอซาก้า ได้คิดค้นชุดตรวจไข้เลือดออกแบบรู้ผลเร็วภายใน 15 นาที ซึ่งให้ผลการตรวจที่แม่นยำ อีกทั้งยังประหยัดเวลาการตรวจไข้เลือดออกแบบเก่า ที่ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 4 ชั่วโมงจึงจะรู้ผล

ข้อมูลจากเว็บไซต์ VisGene บริษัทได้พัฒนาชุดตรวจที่สามารถวินิจฉัยโรคไข้เลือดออก ซึ่งเป็นปัญหาระดับโลก โดยผสานเทคโนโลยีการผลิตชุดตรวจแบบอิมมูโนโครมาโทกราฟีเข้ากับแอนติบอดีจำเพาะสำหรับเชื้อไข้เลือดออก  

โรคไข้เลือดออกเป็นโรคไวรัสที่มียุงเป็นพาหะ ทำให้เกิดอาการไข้และผื่นขึ้น ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประเทศญี่ปุ่นแทบไม่มีรายงานการติดเชื้อภายในประเทศ มีเพียงไม่กี่สิบถึงร้อยรายที่เป็นผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศ  

อย่างไรก็ตาม ในระดับโลก การติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยมีผู้ป่วยราว 100 ล้านคนต่อปี ส่วนใหญ่อยู่ในประมาณ 100 ประเทศในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน ในจำนวนนี้ 250,000 คนมีอาการรุนแรง  

โรคไข้เลือดออกมี 4 สายพันธุ์ และเป็นที่ทราบกันว่าความเสี่ยงต่อการเกิดอาการรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อมีการติดเชื้อครั้งที่สองจากสายพันธุ์ที่ต่างจากการติดเชื้อครั้งแรก ชุดตรวจวินิจฉัยจำเพาะสำหรับสายพันธุ์ไข้เลือดออกนี้เป็นชุดตรวจแรกที่สามารถแยกแยะสายพันธุ์ได้ด้วยชุดนี้ในเดียว ซึ่งก่อนหน้านี้สามารถทำได้เฉพาะการตรวจแบบ PCR เท่านั้น นอกจากนี้ยังเป็นชุดตรวจเดียวที่สามารถช่วยป้องกันไม่ให้การติดเชื้อครั้งที่สองมีอาการรุนแรง  

ก่อนหน้านี้ บริษัทมีการทดลองทางคลินิกได้ดำเนินการที่โรงพยาบาลนครนายก ประเทศไทย ในช่วงฤดูร้อนปี 2021 และได้รับผลลัพธ์ที่น่าพอใจ จากผลการทดลองดังกล่าว ทำให้บริษัทตัดสินใจดำเนินการตามแผนเพื่อขยายตลาดในประเทศไทยในปี 2025 

ผู้นำอิเหนาเปิดแผนดันอินโดนีเซียเป็นชาติสมาชิก เผยอยากเข้าร่วม BRICS ตั้งแต่ 10 ปีก่อน

(19 พ.ย.67) สำนักข่าว sputnik รายงานว่า ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ปราโบโว ซูเบียนโต กล่าวต่อสื่อรัสเซียว่า เขามีแผนอยากให้ประเทศเข้าร่วมสมาชิกกลุ่ม BRICS ตั้งแต่ปี 2014 หรือเมื่อ 10 ปีก่อน ในสมัยที่เขาลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอินโดนีเซียสมัยแรก

"จริง ๆ แล้ว ผมเคยประกาศในช่วงตอนหาเสียงปี 2014 ว่าหากผมได้เป็นประธานาธิบดี ผมจะพาอินโดนีเซียเข้าร่วมกลุ่ม BRICS” ซูเบียนโตกล่าวต่อสื่อรัสเซียในระหว่างการประชุม G20 ที่ประเทศบราซิล

ซูเบียนโตย้ำถึงความตั้งใจของอินโดนีเซียที่จะเป็นสมาชิกของกลุ่ม BRICS และเสริมว่าเรื่องนี้มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก

อย่างไรก็ตาม ภายหลังที่ซูเบียนโตได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดี เขาเผยว่าเขาได้แต่งตั้งคณะทำงานชุดหนึ่ง พร้อมส่งรัฐมนตรีต่างประเทศบินไปยังเมืองคาซาน เพื่อเข้าร่วมประชุมสุดยอด BRICS ในฐานะรัฐผู้สังเกตการณ์ ... ซึ่งแสดงเจตนารมณ์ว่าเราต้องการเข้าร่วมกับ บราซิล อินเดีย และประเทศ BRICS อื่น ๆ เราคิดว่านี่จะเป็นองค์ประกอบใหม่ที่สำคัญในเศรษฐกิจโลก” ประธานาธิบดีกล่าว 

ผลการเข้าร่วมประชุมที่คาซาน ส่งผลให้อินโดนีเซียได้กลายเป็นรัฐพันธมิตรกลุ่ม BRICSในระหว่างการประชุมสุดยอดครั้งที่ 16 ของกลุ่ม BRICS ที่เมืองคาซานของรัสเซีย

ในฐานะชาติหุ้นส่วนจะช่วยให้อินโดนีเซีย สามารถเข้าร่วมการประชุมในวาระต่าง ๆ ของ  BRICS และการประชุมระดับรัฐมนตรีกลุ่มชาติ BRICS ได้มากขึ้น อาทิ การค้าและความมั่นคงแห่งชาติ และฟอรัมรัฐสภา ซึ่งในฐานะชาติหุ้นส่วนถือว่าเป็นก้าวแรกสู่การเข้าเป็นชาติสมาชิก BRICS ได้อย่างเต็มตัว

BRICS เป็นสมาคมระหว่างรัฐบาลที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2006 รัสเซียรับตำแหน่งประธานหมุนเวียนของกลุ่มเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2024 ปีเริ่มต้นด้วยการเข้าร่วมของสมาชิกใหม่เข้าเป็นสมาชิกของสมาคม นอกจากรัสเซีย บราซิล อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้แล้ว ปัจจุบัน BRICS ยังมีชาติหุ้นส่วนคือ อียิปต์ เอธิโอเปีย อิหร่าน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และซาอุดีอาระเบีย ตามเว็บไซต์ของตำแหน่งประธาน BRICS ของรัสเซียในปี 2024 มีรายงานว่าซาอุดีอาระเบียไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการในการเข้าร่วม แต่ได้เข้าร่วมการประชุม BRICS ที่เมืองคาซานที่ผ่านมา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top