Thursday, 15 May 2025
World

Bitcoin คึกคักขานรับชัยชนะ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ พุ่งทะลุ 81,000 ดอลลาร์ ทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง

(11 พ.ย.67) Bitcoin ยังรุ่ง ราคาพุ่งทะยานสู่ New High ล่าสุดวันนี้ที่ 81,700 ดอลลาร์ ขานรับข่าวดีที่ โดนัลด์ ทรัมป์ คว้าชัยชนะการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ 2024 อีกทั้งพรรครีพับลิกันยังครองที่นั่งส่วนใหญ่ในสภาสูง และกำลังลุ้นจำนวนที่นั่งในสภาล่างที่จะทำให้รัฐบาลทรัมป์ และพรรครีพับลิกันสามารถคุมเสียงในสภาคองเกรซได้อย่างเบ็ดเสร็จทั้ง 2 สภา

ตั้งแต่ช่วงค่ำคืนของวันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน หลังปิดหีบเลือกตั้งและผลคะแนนเผยแววชัยชนะของโดนัลด์  ทรัมป์ ราคา Bitcoin ก็พุ่งทะยานขึ้นแตะระดับที่ 75,000 ดอลลาร์ แต่ ณ วันนี้ ราคา Bitcoin ยังคงมุ่งหน้าสู่ดวงจันทร์ และทำสถิติ New High ที่ 81,700 ดอลลาร์ 

ปัจจัยที่ทำให้ตลาดคริปโตกลับมาคึกคัก ดันราคา Bitcoin พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ มาจากนโยบายที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้หาเสียงมาตลอดว่า เขาจะเปลี่ยนสหรัฐอเมริกาให้กลายเป็นเมืองหลวงแห่งเงินสกุลคริปโตของโลก ส่งผลราคา Bitcoin สูงขึ้นมากกว่า 80% ภายในปี 2024 เพียงปีเดียว และยังทำให้สกุลเงินคริปโตอื่น ๆ โดยเฉพาะ Dogecoin ที่ถูกโปรโมทโดย อีลอน มัสก์ ได้รับอานิสงส์ไปด้วย 

โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ชื่อว่าเป็นนักธุรกิจสาย Pro-Crypto ที่มีความศรัทธาในมูลค่าของเงินดิจิทัลต่อระบบเศรษฐกิจ โดยเขาตั้งเป้าหมายที่จะผลักดันนโยบายให้รัฐบาลสหรัฐฯ สะสมเงินคริปโตประหนึ่งเงินสำรองของชาติ

นอกจากนี้ เขายังมีพันธมิตรร่วมอุดมการณ์เดียวกันกับเขา ได้แก่ อีลอน มัสก์, โรเบิร์ต. เอฟ. เคนเนดี และ โฮเวิร์ด ลัทนิค CEO สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ Cantor Fitzgerald ซึ่งทั้งหมด มีเป้าหมายเดียวกันคือ 'เงินคริปโต'

และทรัมป์ได้ประกาศว่า สิ่งแรกที่เขาจะทำเมื่อได้เข้าทำเนียบขาวคือ ไล่ แกรี เจนสเลอร์ ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ได้รับแต่งตั้งในสมัยของโจ ไบเดน ออก ที่ดำเนินการตามนโยบายของไบไดนในการมุ่งหน้ากวาดล้างธุรกิจเงินคริปโตอย่างหนักในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา เพราะโจ ไบเดน มองว่าเงินคริปโตเป็นแหล่งเงินทุนนอกกฎหมายของจีน และ รัสเซีย 

ซึ่งตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับนโยบายของทรัมป์ ที่เขาต้องการให้รัฐบาลกลางถือครองเงิน Bitcoin ทั้งหมดที่มีอยู่ในสหรัฐฯ และยังตั้งเป้าไกลกว่านั้นว่าในอนาคตสหรัฐอเมริกาจะเป็นเหมือง Bitcoin เพียงแห่งเดียวของโลก เพื่อง่ายต่อการควบคุมค่าเงิน 

และเมื่อสหรัฐฯ ได้ผู้นำที่เป็นติ่ง Bitcoin ถึงขนาดนี้ นักวิเคราะห์ด้านการเงินจึงเชื่อว่าราคา Bitcoin จะพุ่งทะยานได้ไกลกว่านี้อีก และอาจไม่หยุดแค่ 100,000 ดอลลาร์/Bitcoin ด้วย 

แต่ในยุคของรัฐบาลทรัมป์ 2 จะพาเงิน Bitcoin ที่มุ่งหน้าสู่ดวงจันทร์แล้วจะต่อไปยังดาวอังคาร หรือ จะร่วงลงสู่พื้นโลกอีกครั้ง คงต้องรอดูผลงานกันต่อไป

Toyota ขยายการผลิตในจีน ตั้งเป้า 2.5 ล้านคันต่อปี สะท้อนตลาดรถแดนมังกรโตสูง

(11 พ.ย.67) รอยเตอร์รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าว 3 แหล่งว่า โตโยต้า ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น วางเป้าหมายผลิตรถยนต์ให้ได้อย่างน้อย 2.5 ล้านคันในจีนภายในปี 2573 ซึ่งนับเป็นการปรับกลยุทธ์ครั้งสำคัญที่จะเพิ่มความใกล้ชิดระหว่างการขายและการผลิตในจีน และเปิดโอกาสให้ผู้บริหารในจีนมีอิสระในการพัฒนาผลิตภัณฑ์มากขึ้น

รายงานระบุว่า แผนดังกล่าวสะท้อนกลยุทธ์ของโตโยต้าต่อจีน ซึ่งเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยเน้นย้ำถึงความพยายามที่จะฟื้นฟูธุรกิจหลังสูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับบีวายดี (BYD) และผู้ผลิตรายอื่น ๆ ในจีนช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

แผนของโตโยต้าแตกต่างจากผู้ผลิตรถยนต์รายอื่น รวมถึงผู้ผลิตสัญชาติญี่ปุ่นที่เลือกจะลดกำลังการผลิตหรือถอนธุรกิจออกจากจีน

แหล่งข่าวเผยว่า โตโยต้าตั้งเป้าเพิ่มการผลิตในจีนให้ได้ถึง 3 ล้านคันต่อปีภายในสิ้นทศวรรษนี้ แต่ยังไม่มีการประกาศเป้าหมายอย่างเป็นทางการ

เป้าหมายนี้ถือเป็นการเพิ่มขึ้นจากสถิติการผลิตสูงสุด 1.84 ล้านคันในปี 2565 หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 63% โดยปีที่แล้ว โตโยต้าผลิตรถยนต์ในจีนได้ 1.75 ล้านคัน

โตโยต้าได้แจ้งแผนนี้ให้ซัพพลายเออร์บางรายทราบแล้ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นเกี่ยวกับความทุ่มเทของโตโยต้าต่อตลาดจีนและการรักษาซัพพลายเชนให้มั่นคง

ในแถลงการณ์ โตโยต้าตอบคำถามรอยเตอร์ว่า “ด้วยการแข่งขันที่เข้มข้นในตลาดจีน เราจึงพิจารณาโครงการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง” และยืนยันว่าจะเดินหน้าผลิตรถยนต์ที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อตลาดจีนต่อไป

จีนใกล้สำเร็จ!!! สร้างเรือบรรทุกเครื่องบินพลังนิวเคลียร์ลำแรก คืบหน้าวิจัยเครื่องปฏิกรณ์ต้นแบบ

(11 พ.ย.67) จีนได้สร้างต้นแบบเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์บนบกสำหรับเรือผิวน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ชัดเจนที่สุดว่า จีนกำลังพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อนำไปสู่การสร้างเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ลำแรกของประเทศ จากการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมและเอกสารของรัฐบาลจีนที่มอบให้กับสำนักข่าว AP

ข่าวลือเกี่ยวกับแผนของจีนที่จะสร้างเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์มีมานานแล้ว แต่การวิจัยล่าสุดจากสถาบัน Middlebury Institute of International Studies ในรัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นการยืนยันครั้งแรกว่า จีนกำลังพัฒนาระบบขับเคลื่อนพลังงานนิวเคลียร์สำหรับเรือขนาดใหญ่เทียบเท่ากับเรือบรรทุกเครื่องบิน ซึ่งหากสำเร็จจีนจะกลายเป็นอีกชาติบนโลกที่มีเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ไว้เสริมแสนยานุภาพ เป็นลำแรกของกองทัพเรือจีน

ความสำคัญของการพัฒนาเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ของจีน กองทัพเรือจีนถือเป็นกองทัพเรือที่มีจำนวนเรือมากที่สุดในโลก และยังคงเดินหน้าพัฒนาทันสมัยอย่างรวดเร็ว การเพิ่มเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์เข้ามาในกองเรือ จะช่วยให้จีนเข้าใกล้เป้าหมายในการมี 'กองทัพน้ำลึก' หรือ blue-water navy ที่สามารถปฏิบัติการได้ทั่วโลก ซึ่งเป็นความท้าทายต่อสหรัฐอเมริกาที่เพิ่มขึ้น

แม้ว่าเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์จะใช้เวลาสร้างนานกว่าเรือบรรทุกเครื่องบินแบบปกติ แต่เมื่อสร้างเสร็จแล้วจะสามารถออกทะเลได้เป็นเวลานานกว่า เนื่องจากไม่จำเป็นต้องเติมเชื้อเพลิงบ่อย และมีพื้นที่สำหรับเชื้อเพลิงและอาวุธของเครื่องบินมากขึ้น ส่งผลให้ขีดความสามารถของเรือเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังสามารถผลิตพลังงานได้มากพอสำหรับระบบขั้นสูง

ในปัจจุบัน มีเพียงสหรัฐอเมริกาและฝรั่งเศสเท่านั้นที่มีเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ โดยสหรัฐฯ มีอยู่ทั้งหมด 11 ลำ ทำให้สามารถมีกองเรือประจำการทั่วโลกได้ตลอดเวลา รวมถึงในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก

กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ มีความกังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ เกี่ยวกับการพัฒนาและการขยายกองเรือของจีนอย่างรวดเร็ว รวมถึงการออกแบบและการสร้างเรือบรรทุกเครื่องบินรุ่นใหม่

ปัจจุบัน จีนมีเรือบรรทุกเครื่องบินอยู่ 3 ลำ รวมถึงเรือ Type 003 Fujian ที่เป็นลำแรกซึ่งออกแบบและสร้างขึ้นโดยจีนเอง อีกทั้งจีนยังระบุว่า กำลังดำเนินการสร้างเรือลำที่ 4 แล้ว แต่ยังไม่ได้ประกาศว่าจะใช้พลังงานนิวเคลียร์หรือพลังงานแบบปกติ

การปรับปรุงนี้สอดคล้องกับการเน้นหนักที่เพิ่มขึ้นของจีนต่อภาคส่วนทางทะเลและความต้องการที่เพิ่มขึ้นของกองทัพเรือในการปฏิบัติการระยะไกลจากแผ่นดินใหญ่ ตามรายงานล่าสุดของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ที่เสนอต่อรัฐสภาเกี่ยวกับกองทัพของจีน

มักส์ชู #EndtheFed หนุนทรัมป์แทรกแซง'แบงก์ชาติ' ให้ปธน.คุมธนาคารกลางสหรัฐด้วยตัวเอง

อีลอน มัสก์ ซีอีโอของ Tesla, X และ SpaceX ได้แสดงการสนับสนุนให้ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เข้ามามีบทบาทในการกำกับดูแลธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลต่อความเป็นอิสระขององค์กรนี้ได้

เมื่อวันที่ (8 พ.ย.67) ที่ผ่านมา มัสก์ได้โพสต์บนแพลตฟอร์ม X โดยให้การสนับสนุนต่อข้อความของ ไมค์ ลี วุฒิสมาชิกจากรัฐยูทาห์ ที่กล่าวว่า “องค์กรสำคัญต่าง ๆ ควรอยู่ภายใต้การควบคุมของประธานาธิบดี เพื่อสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ธนาคารกลางสหรัฐฯ ก็เป็นหนึ่งในหลาย ๆ ตัวอย่างที่เบี่ยงเบนไปจากแนวทางนี้” พร้อมติดแฮชแท็ก #EndTheFed เพื่อเสนอให้ยกเลิกหรือปรับปรุงการทำงานของธนาคารกลาง

ด้าน เจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed เคยกล่าวเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ว่าตนจะไม่ลาออกจากตำแหน่งแม้ทรัมป์จะเรียกร้อง ซึ่งเป็นท่าทีชัดเจนที่อาจสร้างแรงกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประธาน Fed กับประธานาธิบดีที่เข้ามารับตำแหน่งใหม่

การเผชิญหน้าครั้งนี้อาจเป็นประเด็นใหญ่ของทรัมป์ในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของเขา หากย้อนกลับไปในสมัยที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งแรก ทรัมป์ได้แต่งตั้งพาวเวลล์เป็นประธาน Fed ในปี 2018 ทรัมป์และพาวเวลมีความเห็นไม่ตรงกันในหลายประเด็น โดยเฉพาะเรื่องการผ่อนปรนค่าเงินดอลลาร์

นักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่าความเป็นอิสระของธนาคารกลางเป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินนโยบายการเงินที่ปราศจากการแทรกแซงทางการเมือง ซึ่งช่วยคงไว้ซึ่งความน่าเชื่อถือในการควบคุมเงินเฟ้อ แม้ว่า Fed อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมนี้ แต่หากเศรษฐกิจยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ก็มีความเป็นไปได้ที่นโยบายการลดอัตราดอกเบี้ยอาจถูกชะลอ

ก่อนหน้านี้ในระหว่างการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2024 ทรัมป์มักกล่าวถึงความต้องการที่จะมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายของ Fed หากเขากลับมาชนะการเลือกตั้งอีกครั้ง โดยเขากล่าวเมื่อเดือนสิงหาคมว่า “ผมเชื่อว่าประธานาธิบดีควรมีบทบาทในการกำหนดทิศทาง ผมเองก็มีประสบการณ์ในการสร้างผลกำไรและความสำเร็จ และผมคิดว่าผมมีวิจารณญาณที่ดีกว่าในบางเรื่องมากกว่าธนาคารกลาง”

คนจีนแห่ซื้อ ผงาดสินค้าขายดี งานโชว์นานาชาติ CIIE ที่เซี่ยงไฮ้

(11 พ.ย.67) ทุเรียนสดรสชาติหวานละมุนกองพะเนินถูกส่งตรงจากไทยสู่งานมหกรรมสินค้านำเข้านานาชาติจีน (CIIE) ครั้งที่ 7 ในมหานครเซี่ยงไฮ้ทางตะวันออกของจีน โดยกลิ่นและรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ได้ดึงดูดผู้บริโภคและผู้ค้าเข้าเยี่ยมชมบูธผลไม้กันอย่างคึกคัก

ไทยนั้นเป็นประเทศแรกที่ได้รับอนุญาตส่งออกทุเรียนตรงสู่จีนภายใต้ความร่วมมือทางการค้าระหว่างสองประเทศ ทำให้ทุเรียนไทยครองส่วนแบ่งตลาดจีนเป็นอันดับหนึ่ง และปีนี้ 'ราชาแห่งผลไม้' เป็นดาวเด่นของงานมหกรรมฯ อีกครั้งด้วยสารพัดผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ทุเรียนสดจนถึงของหวานหลายเมนู

เฝิงจี้เฉิงจากบริษัทค้าขายทุเรียนสดแห่งหนึ่งเผยว่าทุเรียนที่จัดแสดงมาจากฐานการผลิตหลักในไทย เวียดนาม และมาเลเซีย ซึ่งเกือบครึ่งหนึ่งมาจากไทย พร้อมเสริมว่าบริษัทเพิ่มความร่วมมือกับหุ้นส่วนในไทย เพื่อตอบสนองอุปสงค์ของตลาดทุเรียนในจีน ซึ่งเติบโตที่อัตราร้อยละ 20-30 ในปัจจุบัน

ด้านเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) ร่วมนำเสนอผลิตภัณฑ์ทุเรียนสดหลายสายพันธุ์ภายใต้แบรนด์ซีพี เฟรช ซีเล็คชัน (CPFresh Selection) ทั้งหมอนทอง หนามดำ แมวภูเขา ชะนี ก้านยาว และพวงมณี เพื่อผู้บริโภคชาวจีนได้มีตัวเลือกหลากหลาย ท่ามกลางโอกาสทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้นในตลาดจีน

เฉาจงหย่ง ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ทุเรียนของบริษัทค้าขายผลไม้แห่งหนึ่ง ซึ่งเข้าร่วมงานมหกรรมฯ ติดต่อกันเป็นปีที่ 7 เผยว่างานนี้ช่วยให้บริษัทได้เจรจาหารือกับบรรดาหุ้นส่วนจากไทยและประเทศอื่น ๆ ส่งผลให้เกิดความร่วมมือตามมาและการพัฒนาบริษัทอย่างต่อเนื่อง

บริษัทของเฉาได้ร่วมมือกับบริษัท ไทย มงกุฎ กรุ๊ป จำกัด ในจังหวัดจันทบุรี ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงงานแปรรูปทุเรียนขนาดใหญ่ที่สุด นำสู่การจ้างงานและพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น โดยมีการจ้างงานคนท้องถิ่นมากกว่า 200 คน ส่งออกทุเรียนและผลไม้อื่น ๆ ราว 5,000 ตู้คอนเทนเนอร์ และจ่ายภาษีกว่า 40 ล้านบาท ในปี 2023

อนึ่ง แม้งานมหกรรมสินค้านำเข้านานาชาติจีน ครั้งที่ 7 ระหว่างวันที่ 5-10 พ.ย. ได้ปิดฉากลงแล้ว แต่กลิ่นทุเรียนไทยยังคงหอมฟุ้งดึงดูดใจผู้บริโภค และความร่วมมือทางการค้าระหว่างสองประเทศยังคงเดินหน้าต่อไปอย่างสวยงาม

จีนเกินดุลการค้า 170 ประเทศ!! มูลค่าพุ่ง 7.85 แสนล้านดอลล์ จ่อแตะ 1 ล้านล้านสิ้นปีนี้ จับตาทรัมป์ตอบโต้แน่

(11 พ.ย.67) บลูมเบิร์กรายงานว่าดุลการค้าของจีนกำลังจะทำลายสถิติใหม่ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความขัดแย้งกับกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลักมากขึ้น โดยความไม่สมดุลทางการค้านี้อาจสร้างแรงกดดันให้กับโดนัลด์ ทรัมป์  

รายงานระบุว่าในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2024 จีนมียอดเกินดุลการค้ากว่า 785,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 26.9 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้น 23% เมื่อเทียบกับปี 2023 ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในช่วงเวลาเดียวกัน ทั้งนี้บลูมเบิร์กคาดการณ์ว่าจีนอาจเกินดุลแตะ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 34.32 ล้านล้านบาท) หากแนวโน้มยังคงเติบโตไปจนถึงสิ้นปีนี้

แบรด เซ็ตเซอร์ นักวิชาการอาวุโสจากสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ให้ความเห็นว่า แม้ว่าราคาสินค้าส่งออกของจีนจะลดลง แต่ปริมาณการส่งออกกลับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จีนจึงสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยการส่งออกอย่างแข็งแกร่ง

ภาวะเกินดุลการค้าของจีนที่เพิ่มขึ้นนี้ก่อให้เกิดแรงกดดันจากนานาประเทศ เช่น สหรัฐภายใต้รัฐบาลทรัมป์ที่อาจขึ้นกำแพงภาษีเพื่อลดการนำเข้าสินค้าจากจีน นอกจากนี้ หลายประเทศทั้งในอเมริกาใต้และยุโรปยังเริ่มกำหนดภาษีสินค้าจีน เช่น เหล็กและรถยนต์ไฟฟ้า (EVs) แล้วเช่นกัน

นอกจากนี้ บริษัทต่างชาติต่างถอนการลงทุนจากจีนตามข้อมูลที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในจีนลดลงต่อเนื่องในช่วง 9 เดือนแรกของปี และหากยังคงลดลงเรื่อย ๆ ก็จะนับเป็นปีแรกที่เงินทุนไหลออกมากกว่าทุกปีนับตั้งแต่มีการบันทึกในปี 1990

รัฐบาลจีนให้คำมั่นว่าจะให้การสนับสนุนเพิ่มเติมแก่บริษัทต่าง ๆ โดยเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน คณะมนตรีรัฐกิจของสาธารณรัฐประชาชนจีนได้ประกาศแผนสนับสนุนทางการเงินแก่ภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการจ้างงาน รวมถึงการส่งเสริมการค้า

ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา บริษัทจีนได้เพิ่มศักยภาพในการส่งออก แม้ภายในประเทศเศรษฐกิจจะชะลอตัว และมีการใช้สินค้าภายในประเทศทดแทนการนำเข้ามากขึ้นอีกด้วย ส่งผลให้อุปสงค์ต่อการนำเข้าลดลง

ดุลการค้าในเดือนตุลาคมที่ผ่านมาถือเป็นการเกินดุลมากเป็นอันดับสาม โดยดุลการค้าสูงสุดเคยเกิดขึ้นในปี 2015 และเมื่อคำนวณในสกุลเงินหยวน จีนมีดุลการค้าเกินดุลที่ 5.2% ของ GDP ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้

ตั้งแต่ต้นปี 2024 จีนมียอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐเพิ่มขึ้น 4.4% จากปีก่อนหน้า เกินดุลกับสหภาพยุโรป (EU) เพิ่มขึ้น 9.6% และเกินดุลกับชาติอาเซียนเพิ่มขึ้นเกือบ 36% 

ปัจจุบัน จีนเกินดุลการค้ากับประเทศเกือบ 170 ประเทศ ซึ่งสูงสุดตั้งแต่ปี 2021 และแนวโน้มยังคงเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ สงครามสกุลเงินอาจปะทุขึ้นได้ ธนาคารกลางอินเดียเผยว่าจะพร้อมอ่อนค่าเงินรูปีหากจีนเลือกตอบโต้สหรัฐด้วยการปล่อยให้เงินหยวนอ่อนค่าลง

หากเงินหยวนอ่อนลงต่อไปจะทำให้สินค้าส่งออกของจีนมีราคาถูกลง ส่งผลให้ดุลการค้าระหว่างจีนกับอินเดียอาจเกินดุลเพิ่มขึ้นกว่าเดิม โดยปีนี้จีนเกินดุลการค้ากับอินเดียกว่า 85,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 2.92 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้น 3% จากปีก่อนหน้า และมากกว่าสองเท่าเมื่อเทียบกับ 5 ปีที่แล้ว

ไบเดนอัดงบช่วยยูเครน ก่อนหน้าทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง

(12 พ.ย.67) นายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ ระบุว่า ทำเนียบขาวจะเร่งใช้เงิน 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 205,920 ล้านบาท ที่เหลืออยู่เพื่อสนับสนุนยูเครน ก่อนที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนมกราคมปีหน้า พร้อมกับเตือนถึงความเสี่ยงที่สหรัฐอาจจะยุติการให้การสนับสนุนยูเครน

ซัลลิแวนกล่าวว่า คาดว่าประธานาธิบดีไบเดนจะหารือกับประธานาธิบดีทรัมป์เกี่ยวกับประเด็นนโยบายต่างประเทศที่สำคัญเมื่อเขาพบกับทรัมป์ที่ห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาว ในวันพุธที่ 20 พฤศจิกายนนี้ เพื่ออธิบายให้ประธานาธิบดีทรัมป์ทราบว่าเขามองสิ่งต่าง ๆ อย่างไร และประธานาธิบดีทรัมป์คิดอย่างไรเกี่ยวกับการจัดการประเด็นเหล่านี้เมื่อเข้ารับตำแหน่ง

ซัลลิแวนยังกล่าวอีกว่า เขาคาดหวังถึงความคืบหน้าในความพยายามในการยุติการสู้รบในฉนวนกาซาและเลบานอนตอนใต้ และปล่อยตัวตัวประกันชาวอิสราเอลที่ถูกกลุ่มฮามาสจับตัวไว้

“ในบางจุด รัฐบาลอิสราเอลต้องการทำข้อตกลงเพื่อให้พลเมืองของตนกลับบ้าน” เขากล่าว “ผมไม่คิดว่าอิสราเอลจะทำข้อตกลงนั้นเพื่อตอบสนองต่อการเมืองของอเมริกัน แต่เป็นไปเพื่อพยายามรักษาความปลอดภัยให้กับอิสราเอล และผมคาดหวังว่าเราจะเห็นความคืบหน้าในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า”

เมื่อถูกถามถึงการตอบสนองของอิสราเอลต่อจดหมายร่วมของรัฐมนตรีต่างประเทศและกระทรวงกลาโหมของสหรัฐที่เรียกร้องให้อิสราเอลปรับปรุงสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซา ซัลลิแวนกล่าวว่า ในสัปดาห์นี้ เราจะตัดสินใจว่าพวกเขาทำความคืบหน้าไปมากเพียงใด และเราจะตอบสนองต่อสิ่งนี้อย่างไร

ทรัมป์มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ซึ่งกล่าวว่าชัยชนะในการเลือกตั้งของพรรครีพับลิกันเป็น “ชัยชนะครั้งใหญ่” และกล่าวว่า เขาได้พูดคุยกับทรัมป์ 3 ครั้ง ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

จีนปล่อยจรวด 'ลี่เจี้ยน-1 วาย5' ส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรในครั้งเดียว

(12 พ.ย.67) จีนปล่อยจรวดขนส่งเชิงพาณิชย์ลี่เจี้ยน-1 วาย5 (Lijian-1 Y5) ตอน 12.03 น. ของวันจันทร์ (11 พ.ย.) ตามเวลาปักกิ่ง จากเขตนำร่องนวัตกรรมการบินและอวกาศเชิงพาณิชย์ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน พร้อมส่งดาวเทียม 15 ดวง อาทิ ดาวเทียมจากตระกูลจี๋หลิน-1 เกาเฟิน (Jilin-1 Gaofen) ตระกูลอวิ๋นเหยา-1 (Yunyao-1) และตระกูลซีกวง-1 (Xiguang-1) รวมทั้งดาวเทียมสำรวจระยะไกลสำหรับโอมาน ขึ้นสู่วงโคจรที่กำหนดไว้

ซีเอเอส สเปซ (CAS Space) บริษัทการบินอวกาศเชิงพาณิชย์ที่จัดตั้งโดยสถาบันเครื่องกล สังกัดสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน ได้พัฒนาจรวดขนส่งลี่เจี้ยน-1 โดยจรวดรุ่นนี้ขึ้นบินเที่ยวแรกเมื่อวันที่ 7 ก.ค. 2022 และปัจจุบันปล่อยดาวเทียมรวม 57 ดวงในภารกิจการบิน 5 ครั้ง

จรวดลี่เจี้ยน-1 มีความยาว 30 เมตร มีน้ำหนักตอนออกตัว 135 ตัน และมีแรงขับขณะออกตัว 200 ตัน สามารถขนส่งอุปกรณ์บรรทุก (payload) หนัก 1.5 ตันไปยังวงโคจรสัมพันธ์กับดวงอาทิตย์ระยะทาง 500 กิโลเมตร หรือขนส่งอุปกรณ์บรรทุก 2 ตันสู่วงโคจรต่ำของโลกได้

จรวดขนส่งลี่เจี้ยน-1 วาย5 ใช้เพย์โหลด แฟริง (payload fairing) หรือฝาครอบส่วนปลายแหลมด้านหน้าจรวดที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 3.35 เมตร เพื่อใช้เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่สำหรับรองรับดาวเทียม อีกทั้งสามารถปรับการกำหนดค่าเพย์โหลด แฟริงได้ตามความจุอุปกรณ์บรรทุก และข้อกำหนดด้านพื้นที่ของดาวเทียมในภารกิจในอนาคต

หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านญี่ปุ่น รับ คบชู้นางแบบสาว หลังถูกมือดีแอบถ่ายภาพขณะออกจากบาร์

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวันที่ (11 พ.ย.67) นายยูอิจิโร ทามากิ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยเพื่อประชาชน (ดีพีพี) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านของประเทศญี่ปุ่น ได้ออกมายอมรับข่าวฉาวที่ว่าเขามีความสัมพันธ์นอกสมรสกับนางแบบคนหนึ่งเป็นเรื่องจริง

ก่อนหน้านี้ SmartFlash แท็บลอยด์ของประเทศญี่ปุ่นได้รายงานในวันเดียวกันว่า ทามากิวัย 55 ปีและนางแบบสาววัย 39 ปีมีความสัมพันธ์นอกสมรสกันในช่วงระหว่างเดือนกรกฎาคม – ตุลาคม โดยมีภาพถ่ายขณะที่ทามากิสวมเสื้อฮู้ดสีเทาเดินออกมาจากบาร์แห่งหนึ่ง ก่อนที่จะมีผู้หญิงคนดังกล่าวเดินตามออกมา 20 นาทีให้หลัง

ทามากิ กล่าวยอมรับว่า ผมขอโทษกับปัญหาที่เกิดขึ้นและข่าวที่เปิดเผยเมื่อเช้าวันนี้เป็นเรื่องจริง ภรรยาของผมบอกว่าคุณปกป้องประเทศไม่ได้ถ้าคุณยังปกป้องคนใกล้ตัวไม่ได้ ผมจะจำคำนี้ไว้อีกครั้งและพิจารณาการกระทำของตัวเอง และผมจะทำงานอย่างสุดความสามารถในลักษณะที่จะเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประเทศเพื่อให้เกิดผลสำเร็จตามนโยบาย

อย่างไรก็ตาม ทามากิยังคงได้รับการหนุนหลังจากสมาชิกพรรคดีพีพีให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคต่อไป โดยพรรคดีพีพีถือเป็นพรรคที่มีความสำคัญต่อการประชุมสภาญี่ปุ่นเพื่อตัดสินว่านายชิเงรุ อิชิบะของพรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) จะได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นต่อไปหรือไม่ โดยทามากิเคยกล่าวว่าสมาชิกพรรคดีพีพีของเขาจะไม่โหวตให้กับนายอิชิบะ แต่อาจสนับสนุนพรรคแอลดีพีเป็นรายนโยบาย อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่าอิชิบะจะยังได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นต่อไปแต่อาจเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย

สิงคโปร์เล็งออกกม. ให้ตร.ยึดบัญชีเหยื่อแทน ป้องกันก่อนถูกตุ๋น หากไม่เชื่อว่าเป็นมิจ

(12 พ.ย.67) รัฐบาลสิงคโปร์เตรียมใช้มาตรการใหม่เพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงทางการเงิน หลังพบว่ามีคนตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก แม้ว่ามาตรการใหม่นี้อาจกระทบต่อสิทธิส่วนบุคคล แต่รัฐบาลมีเป้าหมายในการป้องกันชาวสิงคโปร์ไม่ให้เสียเงินจำนวนมากแก่มิจฉาชีพ

ร่างกฎหมาย 'คุ้มครองจากการหลอกลวง' (Protection from Scams Bill) ที่เสนอเข้าสู่รัฐสภาเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน อาจทำให้สิงคโปร์เป็นประเทศแรกในโลกที่ให้สิทธิตำรวจในการควบคุมบัญชีธนาคารของเหยื่อที่ไม่ยอมรับว่าตนเองถูกหลอก แม้จะมีหลักฐานชัดเจน

กฎหมายใหม่นี้จะเปิดทางให้ตำรวจสามารถออกคำสั่งเพื่อจำกัดธุรกรรมทางการเงิน เช่น การโอนเงิน การใช้ ATM และการเข้าถึงวงเงินสินเชื่อ ซึ่งจะกระทบถึงการทำธุรกรรมของบุคคลในบัญชีธนาคารของตนเอง ทั้งที่ทำผ่านธนาคารโดยตรงหรือบริการชำระเงินยอดนิยมอย่าง PayNow

หากร่างกฎหมายผ่านการพิจารณา ตำรวจจะสามารถออกคำสั่ง RO เพื่อหยุดการโอนเงินได้ หากพบว่าเหยื่ออาจตกเป็นเป้าหมายของการหลอกลวง หรือเห็นว่าจำเป็นต้องปกป้องเหยื่อจากการเสียทรัพย์

รายงานเผยว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ชาวสิงคโปร์สูญเงินให้แก่มิจฉาชีพสูงถึง 385.6 ล้านดอลลาร์ จากคดีหลอกลวงรวมกว่า 26,587 คดี ซึ่งนับเป็นสถิติใหม่ของประเทศ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top