Thursday, 15 May 2025
World

สหราชอาณาจักร ขึ้นค่าเทอมมหาวิทยาลัย ในรอบ 8 ปี หลังเงินเฟ้อพุ่ง ส่งผลให้ค่าเรียนต่อปีทะลุ 9.5 พันปอนด์

(5 พ.ย. 67) ลอนดอน, 5 พ.ย. สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า - บริดเจ็ท ฟิลลิปสัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการของสหราชอาณาจักร ประกาศว่า ค่าธรรมเนียมการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยในอังกฤษจะปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 ในปี 2025 ซึ่งนับเป็นการปรับเพิ่มครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2016

การปรับเพิ่มครั้งนี้เป็นผลพวงมาจากภาวะเงินเฟ้อ โดยจะทำให้ค่าธรรมเนียมการศึกษารายปีสูงสุดอยู่ที่ 9,535 ปอนด์ (ราว 4.2 แสนบาท) ขณะที่สินเชื่อเพื่อการดำรงชีพสำหรับนักศึกษาจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 เพื่อให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน

ฟิลลิปสัน เน้นย้ำถึงความท้าทายทางการเงินในระดับอุดมศึกษา และกล่าวเป็นนัยถึงการปฏิรูปที่กำลังจะเกิดขึ้นซึ่งมีเป้าหมายขยายการเข้าถึงสำหรับนักศึกษาที่ด้อยโอกาสอีกด้วย

ด้านลอรา ทรอทต์ รัฐมนตรีเงาว่าการกระทรวงฯ ได้วิพากษ์วิจารณ์ถึงการเคลื่อนไหวดังกล่าว โดยเสนอให้เพิ่มนักศึกษาเข้าในรายชื่อผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการตัดสินใจด้านงบประมาณครั้งล่าสุด

บริษัททัวร์จีนโกยรายได้อู้ฟู้ จัดโปร 11.11 กรุงเทพฯ ติดท็อปเมืองคนจีนแห่เที่ยววันคนโสด

(3 พ.ย. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ขณะที่ชาวจีนกำลังจับจ่ายซื้อของออนไลน์ในเทศกาลวันคนโสด “11.11” (วันที่ 11 เดือน 11) ประจำปีนี้ ดูเหมือนว่าแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอย่างเถาเป่า (Taobao) จะไม่ใช่แหล่งชอปปิงเดียวที่นักชอปชาวจีนสนใจอีกต่อไป เพราะชาวจีนต่างก็กำลังใช้เวลาไปกับการท่องแพลตฟอร์มเอเจนซี่ท่องเที่ยวออนไลน์ (Online Travel Agency) ชั้นนำของประเทศ เช่น ฟลิกกี (Fliggy) และ ซีทริป (Ctrip) กันมากขึ้น เนื่องจากได้รับแรงกระตุ้นด้วยแพ็กเกจจองโรงแรมสุดพิเศษในเทศกาลวันคนโสด ซึ่งมักมาในรูปแบบโปรโมชันลดกระหน่ำสำหรับการเข้าพักหลายคืนตามโรงแรมบูติก รีสอร์ท และ เกสต์เฮาส์

ฟลิกกีได้เห็นถึงกระแสที่ร้อนแรงหลังเริ่มจำหน่ายแพ็กเกจท่องเที่ยววันคนโสด “11.11” ของปีนี้ เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 21 ต.ค. เพราะในเวลาเพียง 53 วินาที ก็กวาดรายได้ไปมากกว่า 1 พันล้านหยวน (ประมาณ 4.75 พันล้านบาท) เพิ่มขึ้นอย่างมากจากที่เคยใช้เวลานานถึง 13 นาทีในปีที่แล้ว และยอดขายก็แซงหน้ายอดขายรวมในวันแรกของปีที่แล้วได้ในเวลาเพียง 52 นาที

หลังจากที่ลูกค้าจองแพ็กเกจท่องเที่ยวเสร็จแล้ว ก็จะสามารถเลือกวันเช็กอินใดก็ได้ภายในระยะเวลาที่แพ็กเกจนั้นยังไม่หมดเขต ซึ่งทั่วไปแล้วจะอยู่ได้นานหลายเดือน แล้วจึงค่อยชำระเงินหลังลูกค้ายืนยันวันเข้าพัก

รายงานจากเมดิน (Meadin) ผู้ให้บริการข้อมูลอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ชี้ว่า แพ็กเกจเหล่านี้ตอบโจทย์อุปสงค์ของผู้บริโภคชาวจีนที่ต้องการผลิตภัณฑ์และบริการที่มีความคุ้มค่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และเนื่องจากเวลาที่ต้องใช้ในการตัดสินใจซื้อมักมีจำกัด ความยืดหยุ่นของแพ็กเกจและความสะดวกสบายจึงเป็นปัจจัยที่สำคัญมากขึ้น เวลาที่ต้องเลือกซื้อที่พักสำหรับการท่องเที่ยว

สำหรับบรรดาโรงแรมต่างๆ ยอดขายช่วงเทศกาลคนโสดถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางของตลาดการท่องเที่ยวที่คึกคักของจีน ข้อมูลจากกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของจีนระบุว่า ช่วงหยุดยาววันชาติจีนระยะ 7 วันเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศจีน 765 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.9 เมื่อเทียบเป็นรายปี และยอดจับจ่ายของนักท่องเที่ยวในประเทศมีมูลค่าเกิน 7 แสนล้านหยวน (ราว 3.32 ล้านล้านบาท) ในช่วงหยุดยาวข้างต้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.3 เมื่อเทียบเป็นรายปี และเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.9 จากปี 2019

ข้อสังเกตที่น่าสนใจคือนักท่องเที่ยวที่ต้องการทริปที่สามารถปรับเปลี่ยนให้ตอบโจทย์ของตัวเองได้ รวมถึงนักท่องเที่ยวที่สนใจทริปสัมผัสประสบการณ์พิเศษนั้นเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้การท่องเที่ยวในระดับอำเภอเพิ่มสูงขึ้น และการจองโรงแรมขนาดเล็กก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเมื่อมองจากด้านปริมาณแล้วโรงแรมประเภทนี้มีอัตราการเติบโตสูงสุดในเดือนกันยายนที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับที่พักประเภทอื่นๆ

รายงานที่เผยแพร่โดยเสี่ยวจู (Xiaozhu) แพลตฟอร์มการจองที่พักพร้อมอาหารเช้า (B&B) ระบุว่าในช่วงวันหยุดยาววันชาติ ปริมาณการจองที่พักพร้อมอาหารเช้าของตนเพิ่มขึ้นร้อยละ 37 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

“การแข่งขันในตลาดท่องเที่ยวปีนี้รุนแรงมาก หลายธุรกิจก็ต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่” ซ่วยเมิ่งถิง เจ้าหน้าที่ฝ่ายขายช่วงเทศกาลคนโสดของฟลิกกีกล่าว โดยเธอเชื่อว่าการขายในช่วงเทศกาลคนโสดจะเป็นโอกาสสำคัญสำหรับบรรดาผู้ประกอบการโรงแรมในช่วงนอกฤดูกาล เพื่อใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้อย่างเต็มที่รวมถึงเพิ่มยอดการจองห้อง โรงแรมต่างๆ จึงได้ขยายช่องทางการขายแพ็กเกจด้วยการไลฟ์สดและเชิญผู้ทรงอิทธิพลมาโปรโมตผลิตภัณฑ์ของตน

ฟลิกกีก็เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่ขยับขยายช่องทางการขายตามเทรนด์ดังกล่าว โดยในการขายช่วงเทศกาลคนโสดของปีนี้ ข้อมูลด้านการตลาดของฟลิกกีตามโซเชียลมีเดียยอดนิยมของจีน เช่น วีแชต เสี่ยวหงซู และ เวยโป๋ เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว  “ในแง่ของความคุ้มค่า ผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวช่วงเทศกาลคนโสด 11.11 ในปีนี้ถือได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดของเราในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา” ซ่วยกล่าวทิ้งท้าย

ทั้งนี้ ข้อมูลจากเว็บไซต์ tripzilla.com พบว่า 5 อันดับจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวนิยมจองทริปเดินทางช่วงวันคนโสดอันดับหนึ่งประจำปี 2024 คือ กรุงโตเกียว อันดับสองคือกรุงเทพฯ, กรุงโซล, นครโอซาก้า และไทเป ตามลำดับ

โลกระทึก 7 Swing States ทรัมป์ คะแนนนำ แฮร์ริส 4 ต่อ 2 รัฐ

(6 พ.ย. 67) ยังสูสีพร้อมพลิกกลับได้เสมอ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ขณะนี้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาปิดหีบไปแล้วส่วนใหญ่ที่ 41 รัฐจากทั้งหมด 50 รัฐ โดยหัวใจสำคัญอยู่ที่รัฐสวิงสเตต (Swing States) ซึ่งจากผลคะแนนตอนนี้โดนัลด์ ทรัมป์" แทบจะสูสีกันแบบคนละครึ่งกับ "คามาลา แฮร์ริส"

ทรัมป์มีคะแนนนำใน 4 รัฐ คือ จอร์เจีย, มินเนโซตา, นอร์ทแคโรไลนา และวิสคอนซิน 

ส่วนแฮร์ริสมีคะแนนนำในรัฐ 2 รัฐ คือ มิชิแกน และเพนซิลเวเนีย 

ก่อนหน้านี้ด้านสำนักข่าว NBC เผยผลสำรวจผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งชาวสหรัฐช่วงระหว่างวันที่ 30 ต.ค. ถึง 2 พ.ย. โดยพบว่าจากผลสำรวจทั้งนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกกัน และนางกมลา แฮร์ริส ผู้ท้าชิงจากพรรคเดโมแครต มีคะแนนผลสำรวจที่สูสีเท่ากับ ซึ่งเป็นไปตามคาดการณ์ของนักวิเคราะห์หลายฝ่ายที่เชื่อว่า ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2024 นี้ผู้สมัครทั้งสองจะต้องอาศัยการชิงชัยในพื้นที่รัฐสวิงสเตท (Swing States) ที่จะเป็นตัวตัดสินว่าใครจะก้าวสู่ทำเนียบขาว

สำหรับรัฐสวิงสเตทที่จะเป็นตัวชี้ขาดของทั้งสองฝ่ายประกอบด้วย รัฐเนวาดา, รัฐแอริโซนา, รัฐวิสคอนซิน, รัฐมิชิแกน, รัฐเพนซิลเวเนีย, รัฐนอร์ทแคโรไลนา, และรัฐจอร์เจีย

สำหรับผลโพลสำรวจผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงในแต่ละรัฐสวิงสเตทพบว่า ทั้งกมลา แฮร์ริสและนายโดนัลด์ ทรัมป์มีคะแนนเสียงสูสีในสวิงสเตททั้ง 7 รัฐ โดยผลสำรวจล่าสุดแสดงให้เห็นว่า รองประธานาธิบดีแฮร์ริสมีคะแนนนำเพียงเล็กน้อยในรัฐเนวาดา นอร์ทแคโรไลนา และวิสคอนซิน ส่วนอดีตประธานาธิบดีทรัมป์มีคะแนนนำเพียงเล็กน้อยในรัฐแอริโซนา ขณะที่ทั้งคู่มีคะแนนสูสีกันในรัฐมิชิแกน จอร์เจีย และเพนซิลเวเนีย

รัฐเพนซิลเวเนีย
เพนซิลเวเนียเคยเป็นรัฐที่เดโมแครตวางใจได้ แต่ปัจจุบันเดโมแครตไม่สามารถยึดฐานเสียงในรัฐคีย์สโตนได้อีกต่อไป ทรัมป์จากพรรครีพับลิกันเคยชนะเสียงข้างมากในรัฐนี้ ซึ่งมีประชากร 13 ล้านคน ด้วยคะแนนนำ 0.7% ในปี 2016 จากนั้นไบเดนก็สามารถเอาชนะในรัฐนี้ได้ด้วยคะแนนนำ 1.2% ในปี 2020

รัฐแอริโซนา
โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะในรัฐแอริโซนาในปี 2016 ด้วยคะแนนเกือบ 4 เปอร์เซ็นต์ แต่แพ้รัฐนี้ให้กับโจ ไบเดนในปี 2020 ด้วยคะแนนน้อยกว่าครึ่งเปอร์เซ็นต์ การสำรวจความคิดเห็นในปีนี้พบว่าทรัมป์และกมลา แฮร์ริสมีคะแนนเท่ากัน

รัฐวิสคอนซิน
วิสคอนซินเป็นรัฐที่แข่งขันกันอย่างดุเดือดระหว่างพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกัน โดยโดนัลด์ ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งที่นั่นในปี 2016 ด้วยคะแนนน้อยกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ ส่วนโจ ไบเดนชนะการเลือกตั้งที่นั่นในปี 2020 ด้วยคะแนนน้อยกว่า 1 เปอร์เซ็นต์เช่นกัน

รัฐจอร์เจีย
โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะในรัฐจอร์เจียในปี 2016 ด้วยคะแนนประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ แต่แพ้ให้กับโจ ไบเดนในปี 2020 ด้วยคะแนนน้อยกว่า 12,000 คะแนน การแข่งขันในปีนี้เป็นการเสี่ยงดวง โดยทรัมป์และแฮร์ริสมีคะแนนเท่ากันในการสำรวจความคิดเห็น

รัฐมิชิแกน
โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งในรัฐมิชิแกนในปี 2016 สร้างความประหลาดใจให้กับพรรคเดโมแครตในรัฐที่พรรครีพับลิกันไม่เคยชนะเลยตั้งแต่ปี 1988 โจ ไบเดนชนะในรัฐนั้นในปี 2020 โดยเอาชนะทรัมป์ไป 3 เปอร์เซ็นต์ เมื่อกมลา แฮร์ริสและทรัมป์มีคะแนนเท่ากันในทางสถิติ จึงเป็นการเสี่ยงดวงก่อนวันเลือกตั้ง

รัฐเนวาดา 
พรรคเดโมแครตชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเนวาดาใน 2 ครั้งล่าสุด แต่ผลสำรวจและแนวโน้มการลงคะแนนในรัฐทำให้รัฐนี้กลายเป็นเป้าหมายที่น่าสนใจสำหรับโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อพยายามเปลี่ยนรัฐให้หันมาสนใจเขา กมลา แฮร์ริสและทรัมป์มีคะแนนเท่ากัน และรัฐนี้ถือเป็นรัฐที่ “เสี่ยงดวง”

รัฐนอร์ทแคโรไลนา
รัฐนอร์ทแคโรไลนาไม่ได้ลงคะแนนให้พรรคเดโมแครตเป็นประธานาธิบดีตั้งแต่ปี 2008 แต่ทีมหาเสียงของกมลา แฮร์ริสตั้งเป้าว่ารัฐนี้จะเป็นรัฐที่เธอสามารถชนะได้ โดยได้รับการสนับสนุนจากประชากรผิวดำจำนวนมาก โดนัลด์ ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งในรัฐนี้ในปี 2016 ด้วยคะแนน 3 เปอร์เซ็นต์ และในปี 2020 ด้วยคะแนน 1 เปอร์เซ็นต์

ยูเครนรบเกาหลีเหนือครั้งแรก เซเลนสกี โวยตะวันตกเมินเฉยไม่จัดการคิม

โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ยืนยันรายงานที่ว่ากองทัพยูเครนได้ปะทะกับทหารเกาหลีเหนือเป็นครั้งแรก พร้อมชี้ว่านี่ถือเป็นบทใหม่ของความไม่มั่นคงระดับโลก

สำนักข่าวยอนฮับรายงานว่า เซเลนสกีแถลงผ่านวิดีโอบนเว็บไซต์ประธานาธิบดียูเครนเมื่อวันอังคาร (5 พ.ย.) ว่า "การสู้รบครั้งแรกกับทหารเกาหลีเหนือได้เปิดบทใหม่ของความไม่มั่นคงในโลกใบนี้" 

เซเลนสกีกล่าวขอบคุณชุมชนระหว่างประเทศที่แสดงการตอบสนองต่อการส่งทหารเกาหลีเหนือไปประจำการในรัสเซีย โดยไม่เพียงแต่แสดงความห่วงใย แต่ยังเตรียมมาตรการสนับสนุนยูเครนในการป้องกันตนเอง "เราต้องทำทุกวิถีทางเพื่อทำให้ความพยายามของรัสเซียในการขยายสงครามล้มเหลว ทั้งในกรณีของรัสเซียและเกาหลีเหนือ" เขากล่าวเสริม

รุสเตม อูเมรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมยูเครน ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ KBS ของเกาหลีใต้ ยืนยันว่าการปะทะระหว่างกองทัพยูเครนและทหารเกาหลีเหนือได้เกิดขึ้นแล้ว แม้จะเป็นการสู้รบระดับไม่รุนแรง แต่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดของสถานที่และเวลา โดยระบุว่าอาจถือได้ว่าเกาหลีเหนือได้เข้ามามีส่วนร่วมในสงครามรัสเซีย-ยูเครนอย่างเป็นทางการแล้ว

ด้านแมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ (4 พ.ย.) ว่ามีทหารเกาหลีเหนือประมาณ 10,000 นายอยู่ในแคว้นคุสค์ ทางตะวันตกของรัสเซีย และอาจเข้าร่วมการสู้รบในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้ง โกยคะแนนแตะ 270 ผงาดปธน.คนที่ 47

(6 พ.ย. 67) นายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 45 กำลังจะกลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนต่อไปถัดจากนายโจ ไบเดน โดยผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการระบุว่า นายทรัมป์จากรีพับลิกันชนะเลือกตั้งด้วยคะแนน Electoral College 266 เสียง มีชัยเหนือนางกมลา แฮร์ริส คู่แข่งจากพรรคเดโมแครตที่ได้คะแนน 194

แม้ว่าผลการประกาศคะแนนรัฐสวิสสเตตทั้ง 7 รัฐจะยังไม่ครบ แต่ก็มีโอกาสสูงที่ทรัมป์จะคว้าชัย หลังพรรครีพับลิกันยึดครองรัฐที่เป็นสมรภูมิรบอย่างเพนซิลเวเนีย นอร์ทแคโรไลนา และจอร์เจีย และครองตำแหน่งนำในอีก 4 รัฐ ซึ่งทำให้นางแฮร์ริสโอกาสริบหรี่จะตีคะแนนขึ้นนำได้

นายทรัมป์ได้ขึ้นเวทีที่ศูนย์ประชุมเมืองปาล์มบีช รัฐฟลอริด้า ประกาศชัยชนะเหนือพรรคแดโมแครต ซึ่งถือเป็นการกลับมาอย่างน่าทึ่งทางการเมือง 4 ปีหลังจากที่เขาออกจากทำเนียบขาว

ทรัมป์ได้รับเสียงเชียร์จากผู้สนับสนุนในงานเลี้ยงฉลองการเลือกตั้งที่ Palm Beach Convention Center ในฟลอริดา โดยมีครอบครัวและ JD Vance เพื่อนร่วมทีมของเขาขึ้นเวทีร่วมด้วย

ทรัมป์กล่าวที่ Palm Beach County Convention Center ว่า "ผมกลับมาแล้ว ... อเมริกาได้มอบอำนาจที่ไม่เคยมีมาก่อนและทรงพลังให้กับเรา"

'ทรัมป์' ลั่นสร้างยุคทองของอเมริกา ประกาศชัยชนะเหนือแฮร์ริส คว้าเก้าอี้ว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 47

(6 พ.ย.67) โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นเวทีประกาศชัยชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลังผลการนับคะแนนเบื้องต้นชี้ว่า เขาในฐานะผู้สมัครจากพรรครีพับลิกกันมีคะแนนนำนางกมลา แฮร์ริส คู่แข่งจากพรรคเดโมแครตแบบทิ้งห่างกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยนายทรัมป์ได้กวาดคะแนนเสียงในรัฐสำคัญทั้ง จอร์เจีย เพนซิลเวเนีย นอร์ทแคโรไลนา เซาท์แคโรไลนา และฟลอริด้า ได้ทั้งหมด ทำให้คามาลา แฮร์ริส แคนดิเดตพรรคเดโมแครตเหลือโอกาสน้อยลงทุกทีในการคว้าชัยชนะ เนื่องจากขณะนี้ทรัมป์มีคะแนนนำในสะวิงสเตตอีก 3 รัฐที่เหลือ ขณะที่คะแนนรวมขณะนี้อยู่ที่ 195 ต่อ 266 เรียกได้ว่าทรัมป์ใกล้คว้าชัยเต็มทีที่ต้องการคะแนน 270 เสียง

ในการขึ้นเวทีอ้างชัยชนะ นายทรัมป์กล่าวกับบรรดาผู้สนับสนุนเขาที่มารวมตัวกันที่ศูนย์ประชุมปาล์มบีช เคาน์ตี้ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ ในรัฐฟลอริดา ว่า

“ผมขอขอบคุณประชาชนชาวอเมริกันสำหรับเกียรติอันยิ่งใหญ่ที่ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีคนที่ 47 และประธานาธิบดีคนที่ 45 ของท่าน” ทรัมป์กล่าวต่อผู้สนับสนุนที่ศูนย์ประชุมในเวสต์ปาล์มบีช รัฐฟลอริดา โดยมีครอบครัวและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทีมหาเสียงของเขายืนเคียงข้าง

“เราจะช่วยเยียวยาประเทศของเรา … เราจะแก้ไขทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับประเทศของเรา” ทรัมป์กล่าว และเสริมว่า “เราสร้างประวัติศาสตร์ในค่ำคืนนี้เพื่อเหตุผลบางอย่าง … นี่จะเป็นยุคทองของอเมริกาอย่างแท้จริง”

ในระหว่างที่นายทรัมป์กล่าวปราศรัย เขายังได้กล่าวยกย่องนายอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลก เจ้าของเทสลา และสเปซเอ็กซ์ ที่ทุ่มเงินราว 120 ล้านดอลลาร์ในการสนับสนุนการหาเสียงของนายทรัมป์ โดยนายทรัมป์กล่าวว่า เขาจะแต่งตั้งนายทรัมป์ให้เป็นประธานคณะกรรมาธิการด้านประสิทธิภาพของรัฐบาล

Foxnews สื่อสายอนุรักษนิยมถือเป็นสื่อแรกที่ออกมาประกาศว่าทรัมป์เป็นผู้คว้าชัยและจะกลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 47 และเป็นบุคคลที่ 2 ในประวัติศาสตร์ของสหรัฐที่ได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในสมัยที่ 2 ที่ไม่ต่อเนื่องกัน

ด้านสำนักข่าวซีเอ็นบีซี (CNBC) รายงานว่า ก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์ว่าแฮร์ริสจะกล่าวสุนทรพจน์ต่อผู้สนับสนุนของเธอในคืนวันอังคารที่มหาวิทยาลัยฮาเวิร์ดในวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งเธอเป็นศิษย์เก่า แต่แฮร์ริสเลือกตัดสินใจที่จะไม่กล่าวสุนทรพจน์ในวันดังกล่าว และจะเลื่อนไปกล่าวสุนทรพจน์ในวันพุธแทนเพื่อรอความชัดเจนของผลคะแนน

‘ไต้หวัน’ ขอเข้าร่วมกิจกรรม ‘ตำรวจสากล’ เล็งประสานข้อมูลอุดช่องโหว่อาชญากรรมข้ามชาติ

(6 พ.ย. 67) ไต้หวันเรียกร้องขอมีส่วนร่วมในองค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ หรือตำรวจสากล (INTERPOL) เพื่อร่วมรับมืออาชญากรรมใหม่ ทั้งการฉ้อโกงหลอกลวงทางดิจิทัล, การโจมตีทางไซเบอร์, การค้ายาเสพติด, อาชญากรรมข้ามชาติและการก่อการร้าย

นายจางจวิ้นฝู ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเปประจำประเทศไทย ได้เผยแพร่บทความเรื่อง 'จับมือกับไต้หวัน ร่วมกันสร้างโลกที่ปลอดภัย ให้ไต้หวันได้ร่วมกิจกรรมของอินเตอร์โพล' เนื้อหาสำคัญระบุว่า

การประชุมองค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ (International Criminal Police Organization, INTERPOL) หรืออินเตอร์โพล ประจำปี 2024 กำลังจะจัดขึ้นในต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 2 แห่งธรรมนูญของอินเตอร์โพล ตามวัตถุประสงค์ขององค์การตำรวจสากล เพื่อเป็นหลักประกันและผลักดันความร่วมมือเกื้อกูลระหว่างหน่วยงานตำรวจทั่วโลกอย่างกว้างขวางที่สุด หลายปีมานี้ เนื่องด้วยพัฒนาการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่รวดเร็ว แนวโน้มอาชญากรรมข้ามชาติข้ามพรมแดนที่สูงขึ้น การก่อคดีอาชญากรรมซึ่งกลายเป็นระบบแบ่งงานอย่างละเอียด เกิดการซ่อนเร้นแอบแฝงตัวตนและพัฒนาการของกระแสเงินเสมือน ทำให้ประชาชนทุกประเทศล้วนมีโอกาสตกเป็นผู้เสียหาย ฉะนั้น หัวข้อสำคัญของประชาคมโลกในขณะนี้คือ จะร่วมมือข้ามชาติแข็งขันมากขึ้นอย่างไร ยกระดับสมรรถนะการใช้กฎหมายอย่างไร จึงจะสามารถร่วมกันรักษาแนวป้องกันนี้ไว้ได้

อาชญากรรมข้ามชาติในลักษณะใหม่ต่างๆ เป็นดังที่อาเหม็ด นาเซอร์ อัล-ไรซี ประธานอินเตอร์โพลเคยแถลงในวันความร่วมมือตำรวจสากลเมื่อวันที่ 7 กันยายนปีนี้ว่า “การแบ่งปันข่าวกรอง กลยุทธ์และทรัพยากรอย่างเปิดเผย ช่วยให้เราพร้อมที่จะรับมือกับภัยคุกคามระดับโลก เช่น อาชญากรรมข้ามชาติ การค้ามนุษย์และการก่อการร้ายได้ดีขึ้น” ไต้หวันมีองค์กรตำรวจ หน่วยงานยุติธรรม การค้าการเงิน ระบบขนส่งทางอากาศและทางน้ำ ประกอบกับระบบการควบคุมการเข้าเมือง อันเป็นเอกเทศ และมีประสบการณ์ที่หลากหลายกับการร่วมมือปราบปรามการฉ้อโกงหลอกลวงทางดิจิทัลข้ามพรมแดน การค้ายาเสพติด การโจมตีทางไซเบอร์ การต่อต้านอาชญากรรมและการก่อการร้าย การปราบอาชญากรรมของไต้หวันเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ โลกปัจจุบันมีความปลอดภัยร่วมกันอย่างใกล้ชิด การจับมือกับไต้หวันของอินเตอร์โพลจะเป็นการเสริมสร้างความมั่นคงและปลอดภัยยิ่งขึ้นแก่ประชาคมโลก

ความปลอดภัยของไต้หวันมีชื่อเสียงระดับโลก กลไกสำคัญการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติขึ้นอยู่กับการแลกเปลี่ยนข้อมูลให้ทันเวลา

จากการสำรวจดัชนีทางเศรษฐกิจประจำปี 2024 (Business Climate Survey 2024 Report) ของหอการค้าสหรัฐอเมริการะบุว่า สมาชิกนักธุรกิจชาวอเมริกันมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่า “ความปลอดภัยของบุคคล” เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่ดึงดูดให้ชาวต่างชาติมาพำนักถาวรและมาทำงานในไต้หวัน และตั้งแต่ปี ค.ศ.2017 เป็นต้นมา รายการนี้เป็นหัวข้อที่นักธุรกิจชาวต่างชาติพึงพอใจมากที่สุดตลอด 8 ปี 

นางซานดรา ออดเคิร์ก (Sandra Oudkirk) อดีตผู้อำนวยการ สถาบันอเมริกันในไต้หวัน (AIT) ก็เคยยกย่องว่า “ไต้หวันเป็นแหล่งพำนักอาศัยที่ปลอดภัยที่สุดของข้าพเจ้า” และจากข้อมูลของนัมเบโอ (Numbeo) ดัชนีความปลอดภัยของไต้หวันติดอันดับที่ 4 ของโลก รองจากประเทศอันดอร์รา สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และกาตาร์เท่านั้น ส่วนอัตราการเกิดอาชญากรรมจัดอยู่ 4 อันดับท้ายสุด จากรายงานของเอ็กซ์แพท อินไซเดอร์ (Expat Insider) ประจำปี ค.ศ. 2023 ที่ประกาศโดยอินเตอร์เนชั่น (InterNations) พบว่าในประเทศที่เหมาะกับการอยู่อาศัยทั่วโลก ดัชนีโดยรวมของไต้หวันติดอันดับ 5 คุณภาพชีวิตอันดับ 2 และความปลอดภัยอันดับที่ 8 การรักษาพยาบาลดูแลสุขภาพยิ่งสูงเป็นอันดับที่ 1

ทว่า แม้ไต้หวันจะมีสมรรถภาพสูงในการบังคับใช้กฎหมาย แต่ระหว่างการสืบสวนอาชญากรรมนอกจากความร่วมมือกับมิตรภาพซึ่งทรงความสำคัญอย่างยิ่งยวดแล้ว การได้รับหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกันอย่างทันเวลาก็เป็นกลไกสำคัญในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติเช่นกัน แต่ด้วยอุปสรรคที่ไม่สามารถเข้าร่วมเป็นสมาชิกอินเตอร์โพล ไต้หวันจึงได้แต่แสวงหาความร่วมมือกับนานาประเทศทางอ้อม และต้องเสียเวลาไม่น้อยกว่าจะได้ข้อมูลที่ต้องการ ซึ่งเมื่อได้มาก็อาจพลาดโอกาสหรือล่วงเลยเวลา สภาพที่เป็นอุปสรรคอันไม่น่าจะเป็นเช่นนี้มักทำให้อาชญากรข้ามชาติมีเวลากระทำความผิดมากกว่าเดิม และก่อให้เกิดความสูญเสียระดับโลกอย่างใหญ่หลวง

ตัวต่อจิ๊กซอว์การรักษาความปลอดภัยสากล ถ้าขาดไต้หวันจะไม่สมบูรณ์

ดังที่ประธานอัล-ไรซีกล่าวไว้ หัวข้อการประชุมความร่วมมือตำรวจสากลประจำปีนี้คือ “ความซื่อสัตย์ ความรับผิดชอบและการกำกับดูแลของตำรวจ” ซึ่งล้วนเป็นค่านิยมสำคัญของงานตำรวจและความปลอดภัยของโลก หลักการเหล่านี้เป็นรากฐานความมั่นใจของมหาชน และมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดในการป้องกันอาชญากรรม พิทักษ์ผู้ด้อยโอกาสและผดุงไว้ซึ่งความยุติธรรมของไต้หวัน แน่นอนที่ความร่วมมือของตำรวจสากลคือพลังสำคัญที่สุด ไต้หวันตั้งอยู่ในตำแหน่งยุทธศาสตร์ที่มีเอกลักษณ์ มีความสามารถในการเชื่อมโยงและแบ่งปันข้อมูลกับนานาประเทศอย่างต่อเนื่อง และยินดีร่วมมือกับทุกประเทศในการธำรงสันติภาพ ความปลอดภัยและความเจริญรุ่งเรือง

ปัจจุบัน ไต้หวันได้รับสิทธิในการยกเว้นวีซ่าเข้าประเทศจากหนึ่งร้อยกว่าประเทศ จึงทำให้พาสปอร์ตของไต้หวันกลายเป็นหนึ่งในเป้าหมายการช่วงชิงของอาชญากรข้ามชาติ ขณะนี้ ทางการตำรวจไต้หวันได้ทลายแหล่งซื้อขายพาสปอร์ตไต้หวันของกลุ่มมิจฉาชีพในหลายประเทศ อาชญากรมักใช้พาสปอร์ตปลอมของไต้หวันในประเทศต่างๆ เพื่อหลบซ่อนหนีคดีหรือไม่ก็กระทำการไม่สุจริต เป็นภัยต่อความปลอดภัยของนานาประเทศและเกิดช่องโหว่ร้ายแรงต่อความปลอดภัยของโลก อย่างไรก็ตาม ไต้หวันสูญเสียสมาชิกภาพใน “องค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ” นานถึง 40 ปีด้วยสาเหตุทางการเมือง จึงไม่อาจใช้ข้อมูล ระบบการติดต่อและข้อมูลอาชญากรจากคลังข้อมูลของอินเตอร์โพล และยิ่งไม่สามารถได้รับข้อมูลอาชญากรรมอย่างทันท่วงที หรือแม้แต่การแจ้งให้ทราบถึงคดีใหญ่ (เช่น การฉ้อโกง การค้ายาเสพติด เป็นต้น) หมายจับอาชญากร อีกทั้งไม่อาจนำเสนออาชญากรรมรูปแบบใหม่และประสบการณ์การสืบสวน ข้อมูลการปลอมแปลงพาสปอร์ตของไต้หวันตลอดจนข้อมูลสำคัญต่างๆ แก่ประเทศทั่วโลก ซึ่งยากที่จะสกัดการลุกลามของคดีอาชญากรรมด้วยการตัดไฟแต่ต้นลม

ไต้หวันยินดีร่วมมือกับมิตรประเทศในการปราบอาชญากรรมข้ามชาติ
ลิซา ไลน์ส (Lisa Lines) หญิงชาวออสเตรเลีย เป็นผู้ต้องหาคดียุยงให้คนรักใหม่ใช้ขวานสังหารอดีตสามีจนพิการเป็นอัมพาตเมื่อปี ค.ศ. 2017 หลังจากนั้นก็หนีมากบดานและทำงานในไต้หวัน แม้อินเตอร์โพลจะออกหมายจับแดงตั้งแต่เดือนกันยายน ค.ศ. 2022 พร้อมกับออกหมายเหลืองช่วยลูกน้อยของเธอที่ถูกระบุว่าสาบสูญ แต่เนื่องจากไต้หวันไม่ได้รับข้อมูลชิ้นนี้ จนกระทั่งเดือนตุลาคม ค.ศ. 2023 ทางการตำรวจออสเตรเลียจึงได้ร้องขอให้ไต้หวันช่วยสืบสวนคดีนี้ ตำรวจไต้หวันจึงรับทราบคดีดังกล่าว หลังสืบตามเบาะแส ทางการตำรวจไต้หวันพบว่า ลิซา ไลน์สได้พาบุตรสาวไปท่องเที่ยวสาธารณรัฐปาเลาและแจ้งให้ตำรวจออสเตรเลียทราบ ตำรวจปาเลาจึงได้จับกุมตัวที่นั่นและส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปพิจารณาคดีพร้อมกับช่วยเหลือเด็กให้ได้กลับประเทศของตน

ในปี 2024 นี้เอง หน่วยงานคดีละเมิดลิขสิทธิ์ออนไลน์ของอินเตอร์โพล (INTERPOL Stop Internet Piracy, I-SOP) ได้ระบุในรายงานที่ใช้ชื่อว่า “โอลิมปิกปารีส 2024 : ภัยคุกคามแฝงการละเมิดลิขสิทธิ์ดิจิทัล” (Paris 2024 Olympic Games : Awareness for Potential Digital Piracy Services) ระบุว่า ไต้หวันเคยคลี่คลายคดีการถ่ายทอดกีฬาโอลิมปิกโดยใช้กล่องรับสัญญาณอย่างมิชอบ (Unblock Tech TV Box) และได้ขอให้ไต้หวันช่วยแบ่งปันประสบการณ์สืบสวนสอบสวน ขณะเดียวกันก็ขอให้แจ้งการสืบสวนเกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วยวิธีนี้ที่อาจปรับใช้ในอนาคต เพื่อคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา

เพื่อเครือข่ายความปลอดภัยนานาชาติที่สมบูรณ์ โปรดสนับสนุนให้ไต้หวันได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมของอินเตอร์โพล

วันที่ 30 เมษายน ปีนี้ (2024) บอนนี่ แกลเซอร์ (Bonnie Glaser) ผู้อำนวยการฝ่ายแผนเอเชียกองทุนเยอรมันมาร์แชล (The German Marshall Fund of the United State) และฌาคส์ เดอ ลีส์ (Jacques deLisle) นักกฎหมาย ซึ่งต่างเป็นที่ปรึกษาระดับนโยบายของรัฐบาลวอชิงตันได้ให้ความเห็นข้อกฎหมายระบุว่า มติที่ 2758 ขององค์การสหประชาชาติ ไม่ควรตั้งอยู่บนฐานของ “จีนเดียว” ต่อจากนั้นในวันที่ 27 มิถุนายน สถาบันนโยบายทางยุทธศาสตร์แห่งออสเตรเลีย (Australian Strategic Policy Institute, ASPI) ได้ตีพิมพ์บทความของ ดร.จอห์น คอยน์ (John Coyne) ว่า “การกีดกันไต้หวันออกจากอินเตอร์โพลเป็นความสูญเสียของโลก” (Taiwan’s exclusion from Interpol is the world’s loss) บทความระบุว่า ไต้หวันมีความสามารถใหญ่หลวงด้านการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพต่อการปราบอาชญากรข้ามชาติ เช่น การค้ามนุษย์ ซึ่งแม้จะได้รับการสนับสนุนจากหลายประเทศ แต่ไต้หวันยังคงไม่มีโอกาสได้รับข้อมูลและระบบความร่วมมือจากอินเตอร์โพล เท่ากับจำกัดประสิทธิภาพที่ควรมี การให้ไต้หวันได้มีฐานะเป็นผู้สังเกตการณ์ของอินเตอร์โพลจะเพิ่มพูนความปลอดภัยของนานาประเทศ ผดุงความยุติธรรมและลดผลทางลบด้านการปราบอาชญากรรมของโลกที่เกิดจากปัจจัยทางการเมือง

ด้วยเหตุนี้ จึงขอเรียนเชิญทุกประเทศสนับสนุนไต้หวันให้ได้เข้าร่วมการประชุมใหญ่อินเตอร์โพลในฐานะผู้สังเกตการณ์ ให้ตำรวจไต้หวันได้มีส่วนร่วมในกิจกรรม การประชุม การฝึกอบรมและการแลกเปลี่ยนขององค์กร เพื่อสร้างการติดต่อกับสมาชิกต่างๆ ช่วยกันปิดช่องโหว่ด้านอาชญากรรมอันเกิดจากข้อมูลไม่ครบถ้วน ตำรวจไต้หวันจะยึดมั่นในการธำรงไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยของสังคม ลดความสูญเสียของชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และจะร่วมมืออย่างเต็มที่กับนานาประเทศเพื่อปราบอาชญากรรมข้ามชาติ

รัสเซียชูไอเดีย 'รีเซ็ตการทูต' ฟื้นสัมพันธ์สหรัฐฯ หลังทรัมป์ชนะ

(6 พ.ย. 67) สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นาย Kirill Dmitriev ผู้บริหารกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของรัสเซีย ซึ่งใกล้ชิดทำเนียบเครมลินกล่าว ว่า โอกาสใหม่ๆ ในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างมอสโกและวอชิงตันได้เปิดขึ้นแล้ว หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ โดยความสัมพันธ์ของทั้งสองชาติบั่นทอนลงอย่างมากในรอบ 4 ปีนับตั้งแต่สงครามขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ปะทุขึ้นในปี 2022 ทำให้ความสัมพันธ์ของวอชิงตันกับมอสโกย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตการณ์ขีปนาวุธคิวบาในปี 1962

Dmitriev กล่าวว่า ชัยชนะของทรัมป์และพรรครีพับลิกันทั้งในทำเนียบขาวและวุฒิสภาสะท้อนว่าคนอเมริกันทั่วไปเบื่อหน่ายกับการโกหก ความไร้ความสามารถ และความอาฆาตพยาบาทที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนของรัฐบาลไบเดน

Dmitriev  อดีตนายธนาคารโกลด์แมนแซคส์ ซึ่งเคยมีสายสัมพันธ์กับทีมงานของทรัมป์ยังกล่าวอีกว่า “นี่เปิดโอกาสใหม่ๆ สำหรับการรีเซตความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและสหรัฐฯ” 

ทั้งนี้ ในปี 2009 ฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ในขณะนั้น เคยเสนอแนวคิดการ "รีเซ็ต" ความสัมพันธ์กับมอสโก แต่เนื่องจากข้อผิดพลาดในการแปลที่ชัดเจน ประกอบกับสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศโดยเฉพาะประเด็นการผนวกดินแดนไครเมีย ทำให้การรีเซ็ตความสัมพันธ์ระหว่างประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และบารัค โอบามา ก็ยังไม่ดีเท่าที่ควร

ผู้นำนานาชาติร่วมยินดี 'โดนัลด์ ทรัมป์' คัมแบ็คปธน.สหรัฐ

(6 พ.ย. 67) ภายหลังที่โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน ประกาศชัยชนะในศึกการเลือกตั้งเหนือนางกมลา แฮร์ริส ผู้ท้าชิงจากพรรคแดโมแครต ซึ่งนับเป็นการหวนคืนกลับทำเนียบขาวอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่ในรอบ 4 ปี

บรรดาผู้นำจากหลากหลายประเทศเริ่มส่งข้อความแสดงความยินดีแก่นายทรัมป์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ในหลายแพลตฟอร์ม อาทิ

โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน โพสต์ข้อความบน X ว่า "ย้อนกลับไปเดือนกันยายน ตอนที่ผมพบกับประธานาธิบดีทรัมป์ เพื่อปรึกษาเกี่ยวกับความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างยูเครนและสหรัฐ  แผนแห่งชัยชนะ และวิธียุติการรุกรานยูเครนของรัสเซีย

ผมชื่นชมความมุ่งมั่นของประธานาธิบดีทรัมป์ต่อแนวทางสันติภาพด้วยความแข็งแกร่ง ซึ่งเป็นหลักการนำสันติภาพอันแท้จริงมาสู่ยูเครน เรามองเห็นยุคสมัยแห่งความเข้มแข็งภายใต้ภาวะผู้นำอันเด็ดขาดของประธานาธิบดีทรัมป์ และยูเครนยังคงพึ่งพาการสนับสนุนทวิภาคีอันเข้มแข็งจากสหรัฐต่อไป
เราทั้งสองชาติยังคงสนใจที่จะพัฒนาผลประโยชน์ทางการเมืองและเศรษฐกิจร่วมกัน ยูเครนในฐาน

ที่เป็นหนึ่งในกองกำลังทหารที่แข็งแกร่งที่สุดของยุโรป ให้คำมั่นว่าจะรักษาความสงบสุขและความมั่นคงในยุโรป ชุมชนพันธมิตรลุ่มสมุทรแอตแลนติกต่อไป หากยังมีการสนับสนุนจากพันธมิตร"

เบนจามิน เนทันยาฮู  นายกรัฐมนตรีอิสราเอล โพสต์บนแพลตฟอร์ม X ว่า “ถึง โดนัลด์ และเมลาเนีย ทรัมป์ ขอแสดงความยินดีกับการหวนคืนทำเนียบขาวครั้งยิ่งใหญ่ของประวัติศาสตร์ ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับอเมริกาและคำมั่นสัญญาอันทรงพลังต่อพันธมิตรอันยิ่งใหญ่ระหว่างอิสราเอลและอเมริกา ”

นเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย โพสต์ข้อความบน X แสดงยินดีกับทรัมป์ว่า “ขอแสดงความยินดีอย่างสุดหัวใจเพื่อนของผม @realDonaldTrump สำหรับชัยชนะการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ของคุณ”

เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ส่งสารแสดงความยินดีมีใจความว่า "ขอแสดงความยินดีกับชัยชนะอันยิ่งใหญ่ครั้งประวัติศาสตร์ของทรัมป์ ผู้ได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดี ผมรอคอยที่จะได้ร่วมทำงานกับคุณไปอีกหลายปีต่อจากนี้

ในฐานะพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุด เราเคียงบ่าเคียงไหล่กันเพื่อปกป้องคุณค่าที่เรายึดถือร่วมกัน ทั้งเสรีภาพ ประชาธิปไตย และกิจการสำคัญต่างๆ ผมรู้ว่าสหราชอาณาจักรและสหรัฐจะยังคงเจริญไมตรีของทั้งสองฟากฝั่งของแอตแลนติกต่อไปอีกหลายปีจากนี้”

เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีของฝรั่งเศส โพสต์ว่า “ขอแสดงความยินดีกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พร้อมที่จะทำงานร่วมกันเหมือนอย่างที่รู้ดีว่าจะทำอย่างไรในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ด้วยความเชื่อมั่นของคุณกับผม ด้วยความเคารพและความทะเยอทะยาน เพื่อสันติภาพและเจริญมากขึ้น”

จอร์เจีย เมโลนี นายกรัฐมนตรีหญิงของอิตาลี ระบุผ่านโพสต์ว่า ขอแสดงความยินดีกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อิตาลีและสหรัฐฯถือเป็นพันธมิตรที่มั่นคง มันเป็นสายสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งฉันมั่นใจว่าเราจะยิ่งแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก

ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย ซึ่งปัจจุบันเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงในหน่วยงานด้านความมั่นคงของรัสเซียโพสต์ทางบัญชีเทเลแกรมว่า “ทรัมป์ มีคุณสมบัติหนึ่งที่เป็นประโยชน์สำหรับเรา เขาเป็นนักธุรกิจโดยแก่นแท้ เขาไม่ชอบใช้จ่ายเงินให้กับพวกคนสอพลอ พันธมิตรสอพลอ โครงการการกุศลที่ไม่ดี และพวกองค์กรระหว่างประเทศที่โลภมาก”

ทั้งนี้ นายทรัมป์ วัย 78 ปี เคยกล่าวให้คำมั่นในหลายครั้งว่า เขาจะยุติสงครามในยูเครนอย่างรวดเร็วหากได้รับการเลือกตั้ง แม้ว่าเขาจะไม่ได้อธิบายว่าเขาจะทำได้อย่างไรก็ตาม

เปิดปัจจัย คามาลา แฮร์ริส พ่ายแพ้ แม้แต่ผู้ใช้แรงงานยังโหวตทรัมป์

(7 พ.ย.67) นางคามาลา แฮร์ริส ได้ประกาศยอมรับความพ่ายแพ้หลังทราบผลการเลือกตั้ง ต่อนายโดนัลด์ ทรัมป์ โดยกล่าวกับผู้สนับสนุนว่า จะต้องยอมรับผลการเลือกตั้ง และเผยว่าก่อนหน้านี้ได้ต่อสายถึงโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกัน พร้อมแสดงความจำนงว่าร่วมมือถ่ายโอนอำนาจการบริหารประเทศ พร้อมกับโจ ไบเดน ผู้นำคนปัจจุบัน

ภายหลังการทราบผลเลือกตั้ง สำนักข่าวรอยเตอร์ได้เผยบทความวิเคราะห์ถึงความพ่ายแพ้ของนางแฮร์ริสซึ่งถือว่าเธอทำคะแนนได้แย่กว่าที่คาดคิด โดยรอยเตอร์วิเคราะห์ว่า นางแฮร์ริสซึ่งมาจากพรรคเดโมแครตนั้นกลับไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจากสหภาพแรงงานทรงอิทธิพลแห่งหนึ่งซึ่งเคยเป็นพันธมิตรของพรรคเดโมแครตมาอย่างยาวนาน กลายเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้เธอพ่ายแพ้ 

ในการประชุมระหว่างแฮร์ริสกับสหภาพแรงงาน (International Brotherhood of Teamsters) ซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญของเดโมแครตเมื่อวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา แฮร์ริสกล่าวว่าเธอเองจะปกป้องงานของสหภาพแรงงานและความเป็นอยู่ของคนงานได้ดีกว่า โดนัลด์ ทรัมป์  

แต่สหภาพแรงงานกลับไม่เชื่อมั่นในคำพูดของเธอ แม้เธอจะแย้งว่าทรัมป์ไม่ใช่ผู้สนับสนุนชนชั้นแรงงาน ผู้นำสหภาพแรงงานจึงถามเธอว่า ตัวเธอเองและประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้ช่วยเหลือคนงานเพียงพอแล้วหรือยัง ไม่กี่วันหลังจากนั้นสหภาพแรงงานทีมสเตอร์ได้ออกมาปฏิเสธที่จะสนับสนุนผู้ชิงตำแหน่งจากพรรเดโมแครต ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 28 ปี ที่สหภาพแรงงานออกมาเคลื่อนไหวไม่สนับสนุนพรรคฝ่ายซ้ายอย่างเดโมแครต

รอยเตอร์ยังวิเคราะห์ต่อว่า แคมเปญหาเสียงของทีมแฮร์ริสก็เป็นอีกปัญหาที่ทำให้เธอต้องพ่ายแพ้ เพราะเธอนอกจากผู้สมัครชิงตำแหน่งแล้วยังถือเป็นรองประธานาธิบดีที่อยู่ในรัฐบาลไบเดน ซึ่งประสบปัญหาในการเอาชนะเงินเฟ้อและการย้ายถิ่นฐาน ซึ่งเป็นประเด็นคู่ขนานที่การสำรวจความคิดเห็นแสดงให้เห็นว่าทรัมป์ได้คะแนนจากเรื่องเหล่านี้ 

“การพ่ายแพ้ของเธอเน้นย้ำถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการการเมืองของอเมริกาในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เนื่องจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เป็นคนใช้แรงงาน (Blue-collar voter) หันมาสนับสนุนพรรครีพับลิกันมากขึ้น" เมลิสสา เด็กแมน (Melissa Deckman) นักรัฐศาสตร์และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทวิจัย พับลิก รีลิเจียน รีเสิร์ช อินสทิทิวต์  ให้ความเห็นว่า แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐในยุคหลังโควิด-19 จะเติบโตค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่ชาวอเมริกันส่วนใหญ่กลับรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เจริญก้าวหน้าขึ้นในทางเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ ทีมหาเสียงของแฮร์ริสอธิบายได้ไม่ดีนักว่านโยบายของเธอจะช่วยเหลือชนชั้นกลางได้อย่างไร ข้อความในการหาเสียงของเธอไม่ได้สร้างความประทับใจให้กับผู้มีสิทธิเลือกตั้งมากนัก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top