Thursday, 15 May 2025
World

ชาวมาเลย์แห่แบนร้าน Starbucks อาจต้องปิดเกือบ 100 สาขาทั่วประเทศ เหตุบริษัทกาแฟหนุนยิวทำสงครามกาซา

(1 พ.ย.67) มาเลเซียรายงานว่า บริษัท Berjaya Group บริษัทเครือข่ายธุรกิจยักษ์ใหญ่ ผู้ดูแลกิจการ Starbucks ในมาเลเซียได้รายงานผลประกอบการครึ่งปีแรกของ ปี 2024 พบว่าขาดทุนสุทธิอยู่ถึง 91.5 ล้านริงกิต และมีรายได้ลดลงจากปีก่อนถึง 35% จากเดิม 1.1 พันล้านริงกิต เหลือเพียง 730.3 ล้านริงกิตในปีนี้  

ผลประกอบการที่ลดลงเชื่อว่ามาจากสาเหตุที่แบรนด์ร้านกาแฟยักษ์ใหญ่ระดับโลกเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์สินค้าชาติตะวันตกที่ให้การสนับสนุนอิสราเอลในการโจมตีฉนวนกาซาและชาวปาเลสไตน์ ส่งผลให้ Starbucks กระทบยอดขายกาแฟกว่า 400 สาขาทั่วประเทศ ท่ามกลางกระแสข่าวลือว่าโดยจำนวนนี้มีความเป็นไปได้ที่อาจต้องปิดสาขาเป็นการถาวรเกือบ 100 สาขา

นอกเหนือจาก Starbucks แล้ว แบรนด์ใหญ่ ๆ อย่าง KFC, McDonald's และ Nestle ก็ประสบปัญหาเช่นเดียวกันในตลาดมาเลเซีย ที่มีจำนวนไม่น้อยเข้าร่วมกระแสการต่อต้านสงครามของอิสราเอล ที่ใช้กำลังทหารรุกรานพื้นที่พลเรือนในเขตฉนวนกาซา และ เลบานอน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว มากกว่า 50,000 ราย

MalaysiaNow ยังได้สำรวจข้อมูลผ่านทางเว็บไซต์ของ Starbuck พบว่ามีร้านกาแฟอย่างน้อย 60 สาขา ที่จะต้องถูกปิดในระยะเวลาอันใกล้ แม้บางแห่งจะเป็นการปิดเพื่อปรับปรุง แต่บริษัทก็ยังต้องแบกรับค่าเช่าที่ราคาสูง 

อย่างไรก็ตาม Starbucks มาเลเซียได้ออกมาปฏิเสธข่าวลือเรื่องการปิดสาขาเกือบ 100 แห่งแล้ว ยืนยันว่าจะปิดปรับปรุงแค่บางสาขาเท่านั้น

โดยทางแบรนด์ระบุผ่านแถลงการณ์ว่า 'Starbucks' ไม่เคยอยู่ในเป้าหมายของกระแสการบอยคอตโดยชาติมุสลิมในประเด็นเรื่องสงครามในกาซา นอกจากนี้ยังยืนยันด้วยว่า ผลประกอบการเริ่มกระเตื้องขึ้นแล้วเนื่องจากผู้บริโภคเริ่มตระหนักรู้ว่าข้อกล่าวหาที่ว่าธุรกิจของ Starbucks มีส่วนสนับสนุนกองทัพอิสราเอลนั้น 'ไม่เป็นความจริง'

ก่อนหน้านี้ วินเซนท์ ทาน เจ้าของกิจการ Berjaya Group ผู้ดูแล Starbucks ในมาเลเซีย ได้ออกมาเรียกร้องให้ยกเลิกกระแสคว่ำบาตร Starbucks ที่มองว่าเป็นส่วนหนึ่งของการคว่ำบาตรกลุ่มนายทุนชาวยิว เพราะจะส่งผลกระทบต่อการจ้างงานของ Starbucks ในมาเลเซียกว่า 5,000 คน

ทั้งนี้ นอกเหนือจากกระแสบอยคอตสินค้าที่สนับสนุนอิสราเอลแล้ว ธุรกิจ Starbucks ในมาเลเซียยังเผชิญแรงดันรูปแบบอื่นเช่นกัน โดยเฉพาะการแข่งขันอย่างดุเดือดของตลาดร้านกาแฟในประเทศต่างหาก ที่ส่งผลต่อยอดขายของ Starbucks โดยตรง ซึ่งตอนนี้ ZUS Coffee ร้านกาแฟสัญชาติมาเลเซีย ได้โค่น Starbucks คว้าตำแหน่งร้านกาแฟยอดนิยมอันดับ 1 ของประเทศไปแล้ว

เล็งเปิดซื้อขายไอพีโอในตลาดหุ้นฮ่องกง คาด China Telecom เข้าถือหุ้นใหญ่

(1 พ.ย. 67) Honor แบรนด์โทรศัพท์สมาร์ทโฟนจากจีน ประกาศความพร้อมในการเตรียมความพร้อมสำหรับการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะครั้งแรก (IPO) โดยได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนรายใหม่ที่คาดว่าอาจจะเป็นบริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ของจีน

รายงานระบุว่า Honor ซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของในฐานะบริษัทลูกของ Huawei กระทั่งทั้งสองบริษัทแยกจากกันเมื่อปี 2020 หลังจากที่ Huawei เผชิญการคว่ำบาตรจากรัฐบาลสหรัฐฯ

Honor ประกาศความตั้งใจในการเปิดตัวซื้อขายในตลาดหุ้นตั้งแต่ช่วงปลายปี 2023 ที่ผ่านมา โดยบริษัทระบุว่าจะเริ่มกระบวนการเปิดซื้อขาย IPO ได้หลังจากที่เสร็จสิ้นกระบวนการปรับปรุงโครงสร้างผู้ถือหุ้นเสร็จสิ้นช่วงไตรมาส 4 ของปี 2024 แต่ไม่ได้ระบุถึงมูลค่าการเปิดขาย IPO ในครั้งนี้ แต่คาดว่าจะเป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีที่เปิดซื้อขาย IPO ต่อสาธารณะเป็นมูลค่ามากที่สุด

รายงานได้อ้างแหล่งข่าวระดับสูงของบริษัทว่า มีความเป็นไปได้ที่ Honor จะเข้าเทรดซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกง ต่างจากกระแสข่าวเมื่อปลายปีก่อนที่ระบุว่าอาจเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ เนื่องจากว่าตลาดหุ้นฮ่องกงมีข้อบังคับบางประการที่เข้มงวดน้อยกว่าตลาดเซี่ยงไฮ้ สะท้อนจากบรรดาบริษัทเทคโนโลยีใหญ่หลายแห่งของจีนที่นิยมจดทะเบียนในตลาดฮ่องกง 

รายงานข่าวยังระบุว่า หนึ่งในนักลงทุนรายใหญ่ที่เล็งเข้าซื้อหุ้นคือบริษัท China Telecom ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่รายหนึ่งของประเทศ นอกจากนั้นยังมีกลุ่ม CICC Capital บริษัทบริหารเงินทุนของจีน Cornerstone และ SDG ซึ่งเป็นกองทุนที่เชื่อมโยงกับเขตเศรษฐกิจพิเศษเซินเจิ้น

สำหรับแบรนด์ Honor ถือเป็นผู้ผลิตสามารถโฟนรายใหญ่อันดับ 3 ของจีน โดยในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายมือถือไปแล้วกว่า 10.3 ล้านเครื่อง ชิงส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับสามที่ 15% รองจากแบรนด์ Vivo และ Huawei 

โพลเผยคนอเมริกันกังขา กว่าครึ่งมองประเทศตัวเอง 'ประชาธิปไตยไม่จริง'

เดอะ นิวยอร์ก ไทม์ส เผยแพร่ผลสำรวจผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วสหรัฐฯ ระหว่างวันที่ 20-23 ต.ค. จำนวน 2,516 คน ซึ่งพบว่าเกือบครึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่เชื่อมั่นความสามารถของรัฐบาลในการทำงานเพื่อประโยชน์ส่วนรวม

รายงานระบุว่าผู้ตอบแบบสำรวจร้อยละ 45 มองว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ล้มเหลวจะทำงานเพื่อประโยชน์ส่วนรวม และร้อยละ 62 มองว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ทำเพื่อประโยชน์ของตนเองและชนชั้นนำเป็นหลัก โดยความคับข้องหมองใจนี้รวมกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ ความแตกแยกทางการเมือง และปัญหาสังคมเรื้อรัง ฉุดความเชื่อมั่นในระบบประชาธิปไตยสหรัฐฯ

นอกจากนั้นผลสำรวจนี้ยังตอกย้ำความแตกแยกทางการเมืองที่ชัดเจน โดยร้อยละ 60 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งกล่าวโทษโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่าทำให้ความแตกแยกทางการเมืองเลวร้ายกว่าเดิม ขณะร้อยละ 37 ชี้ความผิดไปที่กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ

แรนดัล พาร์ เกษตรกรวัยเกษียณคนหนึ่ง เผยว่าไม่ใช่พรรคเดโมแครตหรือพรรครีพับลิกัน แต่เป็นพวกชนชั้นนำในรัฐบาลวอชิงตันที่กำกับควบคุมทุกอย่างและมองข้ามความต้องการของประชาชน

ผู้มีสิทธิเลือกตั้งบางส่วนผิดหวังกับการนิ่งเฉยของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน โดยซาราห์ วอชิงตัน พนักงานชั่วคราวคนหนึ่ง เผยว่าเกิดเหตุกราดยิงในโรงเรียนบ่อยครั้ง แต่ยังคงไม่มีการทำงานแก้ไขปัญหานี้ ได้แต่พูดถึงและปล่อยให้เกิดขึ้นซ้ำอีก

ทั้งนี้ ผู้ตอบแบบสำรวจราวหนึ่งในสามกังวลว่าปัญหาของสหรัฐฯ อาจร้ายแรงมากจนถึงขั้นประเทศชาติล้มเหลว ขณะร้อยละ 58 มองว่าต้องปฏิรูประบบการเงินและการเมืองของประเทศครั้งใหญ่หรือไม่ก็ยกเครื่องใหม่ทั้งหมด

'อินโดนีเซีย' สั่งแบนสมาร์ทโฟน 'Google Pixel' เหตุไม่ใช้ชิ้นส่วนผลิตในประเทศอย่างน้อย 40%

(1 พ.ย. 67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า อินโดนีเซีย ได้สั่งห้ามจำหน่าย 'Google Pixel’ สมาร์ทโฟนที่ผลิตโดยบริษัทกูเกิล ที่เป็นบริษัทลูกของอัลฟาเบต เนื่องจากตามระเบียบแล้วกำหนดให้สมาร์ทโฟนจะต้องใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศอินโดนีเซีย โดยก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน อินโดนีเซียก็เพิ่งสั่งห้ามจำหน่าย 'iPhone 16' ของบริษัทแอปเปิล ด้วยเหตุผลเดียวกันนี้

อินโดนีเซีย ห้ามจำหน่ายโทรศัพท์ 'Google Pixel’ เนื่องจากทางบริษัทไม่ได้ทำตามระเบียบที่กำหนดให้สมาร์ทโฟนที่จำหน่ายในอินโดนีเซียจะต้องใช้ส่วนประกอบที่ผลิตในประเทศอินโดนีเซียอย่างน้อยร้อยละ 40

โฆษกกระทรวงอุตสาหกรรมอินโดนีเซีย กล่าวว่า รัฐบาลผลักดันระเบียบนี้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่นักลงทุนทุกคนในอินโดนีเซีย ซึ่งผลิตภัณฑ์ของกูเกิลไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ ดังนั้น จึงไม่สามารถจำหน่ายในอินโดนีเซียได้

อย่างไรก็ดี ผู้บริโภคสามารถซื้อ 'Google Pixel’ ในต่างประเทศได้ หากว่าชำระภาษีอย่างถูกต้อง แต่ว่าทางการกำลังพิจารณาปิดการใช้งานโทรศัพท์ที่จำหน่ายอย่างผิดกฎหมาย 

ในขณะเดียวกันกูเกิล ระบุว่า ในขณะนี้ยังไม่มีการจำหน่ายโทรศัพท์ 'Google Pixel’ ในอินโดนีเซีย อย่างเป็นทางการแต่อย่างใด

อินโดนีเซีย สั่งแบนโทรศัพท์ 'Google Pixel’  หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ก่อน อินโดนีเซียสั่งปิดกั้นการจำหน่ายโทรศัพท์ 'iPhone 16' ภายในประเทศมาแล้ว เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามระเบียบเรื่องชิ้นส่วนประกอบของโทรศัพท์ที่ต้องมีส่วนประกอบที่ผลิตในประเทศ

Starbucks โตสดใสในจีน ทั้งปีเปิดสาขาใหม่แล้ว 790 แห่ง เจาะตลาดระดับอำเภอ สะท้อนนอกเมืองใหญ่กำลังซื้อสูง

เมื่อวานนี้ (31 ต.ค.67) สตาร์บัคส์ (Starbucks) เผยแพร่รายงานงบการเงินประจำปีที่ระบุว่าสตาร์บัคส์สร้างสถิติเปิดร้านสาขาใหม่รวม 790 แห่ง และเข้าสู่ตลาดระดับอำเภอใหม่ 166 แห่ง บนแผ่นดินใหญ่ของจีนในปีงบการเงินที่สิ้นสุดวันที่ 29 ก.ย. 2024 แม้ยอดจำหน่ายของร้านสาขาที่เปรียบเทียบได้ทั่วโลกลดลง

ยอดจำหน่ายของร้านสาขาที่เปรียบเทียบได้ทั่วโลกของสตาร์บัคส์ในไตรมาสสี่ของปีงบการเงินข้างต้นลดลงร้อยละ 7 เมื่อเทียบปีต่อปี ซึ่งเป็นผลจากธุรกรรมที่เปรียบเทียบได้ลดลงร้อยละ 8 โดยยอดจำหน่ายของร้านสาขาที่เปรียบเทียบได้ในตลาดจีนลดลงร้อยละ 14 ซึ่งเป็นผลจากยอดซื้อเฉลี่ยต่อใบเสร็จลดลงร้อยละ 8 และธุรกรรมที่เปรียบเทียบได้ลดลงร้อยละ 6

แม้ยอดจำหน่ายของร้านสาขามีแนวโน้มลดลง แต่สตาร์บัคส์เพิ่มร้านสาขาใหม่บนแผ่นดินใหญ่ของจีนในไตรมาสสี่ 290 แห่ง ซึ่งคิดเป็นกว่าร้อยละ 40 ของร้านสาขาเปิดใหม่ทั่วโลก 722 แห่ง โดยตัวเลขนี้ทำให้จำนวนร้านสาขาบนแผ่นดินใหญ่ของจีนรวมอยู่ที่ 7,596 แห่ง ครอบคลุมตลาดระดับอำเภอราวหนึ่งในสามของทั้งหมดในจีน

ทั้งนี้ จำนวนร้านสาขาในสหรัฐฯ และจีนคิดเป็นร้อยละ 61 ของร้านสาขาสตาร์บัคส์ทั่วโลก เมื่อนับถึงสิ้นไตรมาสสี่

จูตานเผิง นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมอาหาร กล่าวว่าตลาดระดับอำเภอกลายเป็น 'น่านน้ำสีน้ำเงิน' (blue ocean) หรือตลาดที่ยังมีคู่แข่งน้อยสำหรับการบริโภคกาแฟในจีนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของสตาร์บัคส์สะท้อนความเชื่อมั่นในตลาดกาแฟของจีน

มอลลี หลิว ซีอีโอของสตาร์บัคส์ ไชน่า เน้นย้ำว่าธุรกิจของสตาร์บัคส์ยังคงแข็งแกร่งและยืดหยุ่น โดยสตาร์บัคส์ยังคงมุ่งมั่นดำเนินการพัฒนาระยะยาวในตลาดจีนต่อไป

‘China Airlines’ เจอพายุ ลงจอดไม่ได้ บินวน เปลี่ยนเส้นทาง ผู้โดยสารชั้นธุรกิจ!! โกรธจัด ลั่น!! ให้พนักงาน ‘คุกเข่าขอโทษ’

เมื่อวานนี้ (1 พ.ย. 67) ที่ไต้หวัน China Airlines เที่ยวบิน CI782 โฮจิมินห์ซิตี้ ประเทศเวียดนาม เที่ยวบินเวลา 11.00 น. กำหนดถึงสนามบินเถาหยวนเวลา 15.15 น. เนื่องจากพายุ กองเร็ยขึ้นฝั่ง เครื่องบินไม่สามารถลงจอดได้ บินวน 3 รอบ ก่อนเปลี่ยนเส้นทางลงจอดสนามบินเกาสง 31.10.2024

หลังเครื่องลงจอด เกาสง ผู้โดยสารชั้นธุรกิจโกรธจัดให้พนักงานภาคพื้นคุกเข่าขอโทษ และให้อธิบาย ผู้โดยสารชายชั้นธุรกิจที่โกรธแสดงพฤติกรรมและท่าทางในลักษณะวางมือบนเอว จ้องไปที่พนักงาน คลิปถูกบันทึกจากผู้โดยสารท่านอื่น และแชร์บนโซเซียล 

หลังคลิปเผยแพร่ชาวเน็ตเดือด แสดงความเห็นจำนวนมากอาทิ เรียกร้องให้สายการบินออกมาปกป้องพนักงาน ปกป้องศักดิ์ศรี ,และบอกพนักงานไม่ผิดอย่าคุกเข่าจะทำให้ผู้โดยสารนิสัยเสีย คนอื่นๆทำตาม , ผู้โดยสารชั้นธุรกิจไม่ใช่พระเจ้า , รู้ทั้งรู้ว่ามีพายุไต้ฝุ่น พนักงานผิดอะไร…? , ทั้งพนักงานสายการบิน และพนักงานภาคพื้นต่างทำงานหนักช่วงพายุ เขาไม่ผิด ทำไมต้องให้คุกเข่า แค่ทำงานก็เหนื่อยมากพออยู่แล้ว

‘Anish Sarkar’ ผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ ปัจจุบัน ฝึกซ้อมอยู่ที่ Academy มีอยู่ 1,555 คะแนน

(3 พ.ย. 67) เจ้าหนู Anish Sarkar นับเป็นผู้เล่นที่ได้รับการจัดอันดับที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ด้วยวัย 3 ปี 8 เดือน

Anish เกิดเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2021 และทำคะแนนได้ 5.5/8 ในการแข่งขัน West Bengal State Under-9 Open ในเดือนตุลาคม โดยจบการแข่งขันในอันดับที่ 24 ทำคะแนนได้ 2/3 ในการแข่งขันกับผู้เล่นที่ได้รับการจัดอันดับในงานนี้ ซึ่งถือเป็นการแข่งขันระดับคลาสสิกครั้งแรกของเจ้าหนู

หนึ่งสัปดาห์ต่อมา เจ้าหนูได้แข่งขัน West Bengal State Under-13 Open ซึ่งเป็นการแข่งขันที่ยากมากสำหรับเจ้าหนู ที่ต้องเผชิญหน้ากับผู้เล่นที่ได้รับการจัดอันดับสองคนแต่ไม่ได้คะแนนเลย อย่างไรก็ตาม การแข่งขันก็เป็นไปตามเกณฑ์ เนื่องจากเจ้าหนูต้องเผชิญหน้ากับผู้เล่นที่ได้รับการจัดอันดับทั้งหมดห้าคน

ในรายชื่อการจัดอันดับของ #สหพันธ์หมากรุกสากล #ฟีเด (International Chess Federation หรือ #FIDE) เดือนพฤศจิกายน 2024 เจ้าหนูได้รับการจัดอันดับ 1,555 คะแนน ปัจจุบันกำลังฝึกซ้อมอยู่ที่ Dhanuka Dhunseri Dibyendu Barua Chess Academy

เราขออวยพรให้เด็กน้อยคนนี้ประสบความสำเร็จในอนาคต และเราจะคอยติดตามความคืบหน้าของเขาอย่างใกล้ชิดต่อไป

‘อาร์เนอ’ เปิดใจหลัง ‘ลิเวอร์พูล’ แซงชนะ ‘ไบรตัน’ อวย!! ลูกทีมเต็มที่ ครึ่งแรก-ครึ่งหลัง ‘หนังคนละม้วน’

(3 พ.ย. 67) ‘ลิเวอร์พูล’ โกงความตายอีกแล้ว พลิกสถานการณ์จากที่ตามหลัง ไบรตัน ไปก่อน 0-1 จากประตูของ แฟร์ดี คาดิโอกลู ในนาที 14 กลับมายิงสองลูกรวดช่วงครึ่งหลังจาก โคดี กักโป นาที 69 และโมฮาเหม็ด ซาลลาห์ นาที 72 แซงชนะ 2-1 ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2024-25 เมื่อวันที่ 2 พ.ย.

จากผลที่เกิดขึ้นทำให้ ‘หงส์แดง’ เก็บเพิ่มเป็น 25 คะแนนจาก 10 นัดแซง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นไปครองตำแหน่งจ่าฝูงอีกครั้งหลังมีแต้มมากว่า ‘เรือใบสีฟ้า’ 2 คะแนนในจำนวนนัดเท่ากัน ส่วน ไบรตัน หยุดอยู่ที่ 16 คะแนนจาก 10 นัดอยู่อันดับ 7 ตาราง

หลังเกม อาร์เนอ ซึ่งทำสถิติเป็นเฮดโค้ชของ ลิเวอร์พูล คนแรกที่พาทีมชนะในลีก 8 จาก 10 นัดแรก กล่าวถึงผลงานของทีม รวมถึงการขึ้นไปครองจ่าฝูงว่า 

“เราต้องการฟอร์มการเล่นในครึ่งหลังอีกครั้ง เพราะเราเล่นได้แย่ในครึ่งแรก พวกเขาเล่นได้ดีขึ้นเมื่อครองบอล เล่นเกมรุกได้ดีขึ้นเมื่อไม่มีบอล จากนั้นทุกอย่างก็เปลี่ยนไปในครึ่งหลังเพราะมันตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง”

“กองหน้าของเรายิงประตูได้ แต่ความแตกต่างหลักคือเราอยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่า และได้บอลมากขึ้น เมื่อไม่มีบอล พวกเขาสร้างปัญหาให้เรา แต่ในครึ่งหลังเรายังคงวิ่งต่อไป”

“(เกี่ยวกับตำแหน่งจ่าฝูง) มันสำคัญกว่าหากคุณเล่นกับ อาร์เซนอล ในสนามของพวกเขา และคุณสามารถเสมอได้นอกบ้าน ไบรตัน ก็เป็นทีมที่แข็งแกร่งมากเช่นกัน พวกเขาแสดงให้เห็นในฤดูกาลนี้ หากคุณเผชิญหน้ากับทีมแบบนี้ และตามหลังอยู่ 1-0 และสามารถกลับมาชนะ 2-1 ซึ่งในความคิดของผม มันสมควรแล้ว มันทำให้ผมมั่นใจมากขึ้น และมากกว่าตำแหน่งที่เราอยู่ตอนนี้”

นอกจากนั้นเฮดโค้ชวัย 46 ปียังอัพเดตอาการบาดเจ็บของ อิบราฮิมา โคนาเต กองหลังคนสำคัญซึ่งมีอาการเจ็บที่แขน และค้องถูกเปลี่ยนตัวออกช่วงพักครึ่งแรกว่า 

“เขาเจ็บมากในช่วงพักครึ่ง ดังนั้นคุณต้องเปลี่ยนตัว สิ่งดีคือเรามีตัวสำรองสองคนซึ่งดีมากคือ โจ โกเมซ และจาเรลล์ ควานซาห์ ผมเลือก โจ ในวันนี้เพราะ จาเรลล์ เหนื่อยมาก และเขาพิสูจน์ให้เห็นว่า ผมคิดถูก เพราะเขาเล่นได้โดดเด่นในครึ่งหลัง”

ผู้นำอิหร่าน ให้คำมั่นจะตอบโต้ อิสราเอล-สหรัฐ หากโจมตี!! รุกราน ‘เตหะราน-กลุ่มพันธมิตร’

(3 พ.ย. 67) อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดอิหร่าน ให้คำมั่นในระหว่างกล่าวกับกลุ่มนักศึกษาในกรุงเตหะรานของอิหร่าน เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนว่า จะตอบโต้การโจมตีของอิสราเอลและสหรัฐอเมริกา ชาติพันธมิตร ที่มุ่งเป้าหมายต่ออิหร่านและกลุ่มพันธมิตรที่ให้การสนับสนุนอิหร่านในภูมิภาคนี้

คาเมเนอีกล่าวว่าศัตรู ทั้งสหรัฐและระบอบไซออนิสต์ (อิสราเอล) ควรรู้ว่าพวกเขาจะได้รับการตอบโต้ที่ทำลายล้างอย่างแน่นอนต่อสิ่งที่พวกเขากำลังทำกับอิหร่าน ชาติอิหร่านและแนวร่วมต่อต้าน ซึ่งคาเมเนอีหมายถึงกลุ่มติดอาวุธที่อิหร่านให้การสนับสนุนทั้งกลุ่มฮูตีในเยเมน กลุ่มฮามาส กลุ่มติดอาวุธในดินแดนปาเลสไตน์ และกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน

คาเมเนอียังกล่าวยกย่องทหารอิหร่านที่ถูกสังหารเสียชีวิตจากการโจมตีอิหร่านของอิสราเอลเมื่อเร็วๆ นี้ว่า ความพยายามของนายทหารเหล่านั้นในการเผชิญหน้ากับอิสราเอลจะไม่มีวันถูกลืมเลือน และว่าอิหร่านกำลังทำทุกอย่างที่ควรทำเพื่อเตรียมพร้อมประเทศไม่ว่าจะในด้านการทหาร อาวุธหรือทางการเมืองในการตอบโต้โดยไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม

เป็นการแสดงท่าทีแข็งกร้าวอีกครั้งของผู้นำสูงสุดของอิหร่านอีกครั้งในการเผชิญหน้ากับชาติปรปักษ์สำคัญอย่างอิสราเอลท่ามกลางบรรยากาศที่ทวีความตึงเครียดหนัก หลังอิสราเอลเปิดการโจมตีทางอากาศถล่มเป้าหมายทางทหารในประเทศอิหร่านเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ซึ่งเป็นผลให้ทหารอิหร่านเสียชีวิต 4 นาย เป็นการตอบโต้ที่อิหร่านรัวยิงขีปนาวุธเกือบ 200 ลูกโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา

วันเดียวกันมีรายงานด้วยว่ากลุ่มติดอาวุธฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน ออกมากล่าวอ้างในเวลาต่อมาว่า ได้ยิงจรวดหลายลูกโจมตีฐานกลีล็อต ฐานที่มั่นของหน่วยข่าวกรองทหาร 8200 ของอิสราเอล ใกล้กับนครเทลอาวีฟ เมื่อเวลา 02.30 น.ของวันที่ 2 พฤศจิกายนตามเวลาท้องถิ่น นอกจากนี้กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ยังระบุด้วยว่าได้ยิงจรวดโจมตีพื้นที่ทางตอนเหนือของอิสราเอลด้วย โดยเฉพาะที่เมืองซาเฟด ซึ่งเป็นอีกเป้าหมายที่ถูกถล่มซ้ำ โดยมีรายงานจากฝ่ายอิสราเอลว่าการโจมตีที่เกิดขึ้นในวันนี้ส่งผลให้มีผู้คนในอิสราเอลได้รับบาดเจ็บ 19 ราย

กองทัพอิสราเอลระบุด้วยว่าวันเดียวกันนี้ยังสามารถสกัดโดรน 3 ลำที่ถูกส่งมาโจมตีในอิสราเอลจากทางตะวันออกของทะเลแดง โดยไม่ได้ระบุเจาะจงว่ามาจากที่ใด อย่างไรก็ดีบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่กลุ่มฮูตีเคลื่อนไหวอยู่

โครงสร้างการศึกษาของอินเดียและจีน!!

(3 พ.ย. 67) อินเดียกับจีนจำนวนประชากรเท่าๆกัน หากสังเกตุจีนมีกลุ่มการศึกษาแข่งขัน ระหว่าง 60-90% ทำให้การแข่งขันในเวทีโลกได้ดีมาก ส่วนอินเดียกลับมีแค่ 20-40%เท่านั้น...โครงสร้างการศึกษาแบบนี้ยากมาก ที่อินเดียจะตามจีน การมีคณะสังคมมากเกินไปนี่หน่วงนะ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top