Wednesday, 14 May 2025
World

เมืองผู้ดีวิกฤต!! ‘คนไร้บ้าน’ พุ่งแตะ 7.9 หมื่นครัวเรือน แนวโน้มเพิ่มจำนวนต่อเนื่อง ขณะที่รัฐบาลยังไร้ทางแก้

คนไร้บ้านในอังกฤษเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และตอนนี้แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลเปรียบเทียบในช่วงต้นทศวรรษ 2000 ตามรายงานที่เผยแพร่โดยหน่วยงานอิสระด้านเฝ้าระวังการใช้จ่ายสาธารณะ เมื่อไม่นานที่ผ่านมา

(26 ก.ค. 67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินของสหราชอาณาจักรเปิดเผยรายงานระบุว่า แม้มีกฎหมายลดคนเร่ร่อนในประเทศปี 2017 แต่สถานการณ์คนไร้บ้านยังคงเลวร้ายลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่นั้น และคาดหมายว่าจะเสื่อมทรามลงไปมากกว่านี้อีก

รายงานพบว่าจากช่วง 3 ไตรมาสของปี 2018-2019 จนถึงช่วงเวลาเดียวกันของปี 2023-24 จำนวนครัวเรือนที่ได้รับการรับรองจากทางการท้องถิ่นของพวกเขาในฐานะคนไร้บ้าน เพิ่มขึ้น 23% เป็น 78,980 ครัวเรือน ขณะที่จำนวนครัวเรือนที่ต้องพักอาศัยในที่พักพิงชั่วคราว เพิ่มขึ้น 35% เป็น 112,660 ครัวเรือน

ในรายงานของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน บอกต่อว่า จำนวนคนเร่ร่อนที่เพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เกี่ยวข้องกับปัจจัยต่าง ๆ ในนั้นรวมถึงขาดแคลนที่พักอาศัยเพื่อสังคมหรือโครงการบ้านของทางรัฐ ต้นทุนค่าบ้านที่ค่อนข้างสูง และการระงับโครงการเงินสงเคราะห์ช่วยจ่ายค่าเช่าสำหรับผู้เช่าบ้าน

ทั้งนี้ ในรายงานยังพบด้วยว่า ทางการท้องถิ่นต้องใช้จ่ายเงินในด้านบริการคนเร่ร่อนเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวนับตั้งแต่ปี 2010-11 แตะระดับ 2,440 ล้านปอนด์ในปี 2022-23

นอกจากนี้ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินระบุด้วยว่า มีพบเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นบ้าง "แต่รัฐบาลยังคงไม่มียุทธศาสตร์และเป้าหมายสำหรับลดจำนวนคนเร่ร่อน" 

ขณะที่กระทรวงยกระดับบ้านและชุมชน (DLUHC) ล้มเหลวในการเพิ่มจำนวนอุปทานล้าน ทั้งนี้ ทางกระทรวง DLUHC ได้เปลี่ยนชื่อเป็นกระทรวงบ้าน ชุมชนและรัฐบาลท้องถิ่น เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา

"งบประมาณยังคงกระจัดกระจายและโดยทั่วไปเป็นแบบระยะสั้น ขัดขวางการทำงานเพื่อป้องกันคนไร้บ้าน และมีการลงทุนอย่างจำกัดจำเขี่ยในด้านที่พักอาศัยชั่วคราวคุณภาพดีและรูปแบบบ้านอื่น ๆ" รายงานระบุ

"คนไร้บ้านในทุก ๆ เคส ล้วนแต่เป็นเรื่องเศร้าของมนุษย์" เกรซ วิลเลียมส์ สมาชิกระดับสูงของสภาลอนดอน ด้านที่อยู่อาศัยและการฟื้นฟู กล่าว พร้อมเน้นย้ำถึงความจำเป็นสำหรับการมีหนทางใหม่ ๆ ในการจัดการกับปัญหานี้

‘5 แบรนด์จีน’ ทุ่มเงินเป็นสปอนเซอร์ศึก ‘ยูโร 2024’ พร้อมผงาดขึ้นแท่นประเทศที่สนับสนุนมากที่สุด

(26 ก.ค. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (UEFA European Football Championship) เป็นหนึ่งในการแข่งขันฟุตบอลที่มีมายาวนานและได้รับความสนใจจากบรรดาแฟนบอลทั่วโลก โดยเฉพาะแฟน ๆ ชาวจีนที่ตื่นเต้นกับการแข่งขันยูโร 2024 ในปีนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากมีแบรนด์จีนที่ได้เฉิดฉายในสนามฟุตบอลด้วยองค์ประกอบที่โดดเด่น แสดงให้เห็นถึงความทรงอิทธิพลของแบรนด์จีนที่กำลังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในตลาดโลก

โดยในรายชื่อผู้สนับสนุนการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรประดับโลกอย่างเป็นทางการจำนวนทั้งสิ้น 13 รายประจำปีนี้ มีแบรนด์จีนถึง 5 ราย อันได้แก่ ไฮเซนส์ (Hisense) ผู้ผลิตอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำ, อาลีเพย์ (Alipay) แพลตฟอร์มการชำระเงินออนไลน์, อาลีเอ็กซ์เพรส (AliExpress) แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน, วีโว (Vivo) ผู้ผลิตโทรศัพท์สัญชาติจีน และบีวายดี (BYD) ยักษ์ใหญ่ด้านยานยนต์ไฟฟ้า

นับเป็นครั้งที่สองติดต่อกันที่จีนกลายเป็นประเทศที่ครองรายชื่อผู้สนับสนุนการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปมากที่สุด

เนื่องจากขยายตัวอย่างรวดเร็วของการค้ากับต่างประเทศและการเติบโตของการส่งออกสินค้าจีน ทำให้แบรนด์จีนกำลังได้รับความนิยมและขยายอิทธิพลในตลาดต่างประเทศทั่วโลกมากขึ้น

ด้าน สภาการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของจีน (CCPIT) รายงานว่า ปัจจุบันมีแบรนด์จีนอยู่ในตลาดกว่า 200 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก และมี 48 แบรนด์สัญชาติจีนที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นแบรนด์ที่มีมูลค่าสูงสุด 500 อันดับแรกของโลก ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าส่งออก

แบรนด์จีนจำนวนมากขึ้นได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคในต่างประเทศเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ขณะแบรนด์เองก็พยายามขยายตลาดพร้อมกับพัฒนาตนเองอย่างมีคุณภาพ ด้วยนวัตกรรมและการปรับตัวให้ตอบโจทย์ลูกค้าในท้องถิ่น

'อดีตทูตนริศโรจน์' วิจารณ์พิธีเปิดโอลิมปิก ขัดแย้งต่อการ 'รู้แพ้-รู้ชนะ-รู้อภัย' หลังฝรั่งเศสนำเรื่องราวทารุณกรรม พระนางมารีอังตัวเนตต์ มาแสดง

(27 ก.ค.67) นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Fuangrabil Narisroj' ว่า…

โดยส่วนตัวผมไม่เห็นด้วยกับการนำเอาเรื่องราวของบุคคลในประวัติศาสตร์การเมืองที่ถูกประหารชีวิตอย่างทารุณกรรมด้วยการบั่นคอ เช่น พระนางมารีอังตัวเนตต์มาแสดงประกอบในพิธีเปิดงานมหกรรมกีฬา ที่เน้นเรื่องการรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ไม่เน้นความรุนแรง 

ใครจะมองว่าเป็น art อะไรก็ตาม แต่ผมมองว่ามันขัดแย้งกับ spirit ของการกีฬาของคนทั้งโลก !

กอปรกับเคยได้อ่านการวิเคราะห์ทางประวัติศาสตร์ว่า พระนางมารีอังตัวเนตต์ นั้น ถูกใส่ร้ายป้ายสีจากคณะปฏิกษัตริย์อย่างบิดเบือน จนทำให้พระนางดูร้ายเกินจริงจนมากมาย เลยทำให้ภาพองค์รวมของพิธีเปิดโอลิมปิคปารีสเกมส์ดู drop ลง ! 

Spirit Of Sport Not Violence !

พร้อมกันนี้ นายนริศโรจน์ ยังได้กล่วเสริมอีกว่า "นำเสนอเรื่องราวต่างๆได้หมด แฟชั่น สถาปัตยกรรม ความศิวิไลซ์ ไม่เว้นแต่ความรุนแรงในประวัติศาสตร์ของชาติตัวเอง...ยกเว้นเรื่องเดียวที่ไม่นำเสนอคือ การเข้าไปยึดครองประเทศอื่นเป็นอาณานิคมด้วยวิธีการเจ้าเล่ห์เพทุบาย เข้าไปสร้างความแตกแยกในประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะในอินโดจีน"

‘กองทัพสหรัฐฯ’ ส่งจดหมาย สารภาพความผิดให้ ‘ฟิลิปปินส์’ ยอมรับ!! อยู่เบื้องหลังดิสเครดิต ‘วัคซีนซิโนแวค’ ของจีน

(28 ก.ค. 67) กองทัพสหรัฐฯ ยอมรับสารภาพแล้วว่า เป็นผู้ดำเนินยุทธการลับ มีเป้าหมายทำลายความน่าเชื่อถือวัคซีนโควิด-19 ซิโนแวคของจีนในฟิลิปปินส์ รวมถึงทั่วเอเชียและตะวันออกกลาง ตามรายงานของรอยเตอร์

‘มันเป็นความจริงที่ (กระทรวงกลาโหม) ส่งสารถึงผู้รับฟิลิปปินส์ ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีนซิโนแวค’ พวกเจ้าหน้าที่เพนตากอนเขียนถึงเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมฟิลิปปนส์ ในจดหมายลงวันที่ 25 มิถุนายน และทางรอยเตอร์หยิบยกมารายงานในวันศุกร์ (26 ก.ค.)
.
ในจดหมายดังกล่าว กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) ยอมรับว่าพวกเขาได้กระทำการผิดพลาดบางอย่างในด้านการส่งสารที่เกี่ยวข้องกับโควิด แต่ได้รับประกันกับมะนิลาว่า เพนตากอนได้ระงับปฏิบัติการดังกล่าวไปตั้งแต่ช่วงปลายปี 2021 และนับตั้งแต่นั้นยกระดับการกำกับดูแลและเพิ่มความรับผิดชอบต่อปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารต่างๆ แล้ว

ปฏิบัติการที่เป็นเรื่องเป็นราวเริ่มขึ้นในปี 2020 หลังจากจีนประกาศว่าจะแจกจ่ายวัคซีนซิโนแวคให้ฟิลิปปินส์แบบไม่คิดค่าใช้จ่าย ในความพยายามตอบโต้ผลประโยชน์ทางประชาสัมพันธ์ที่ปักกิ่งจะได้รับจากโครงการนี้ ทางเพนตากอนออกคำสั่งให้ศูนย์ปฏิบัติการจิตวิทยาในฟลอริดา จัดตั้งบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ปลอมขึ้นมาอย่างน้อย 300 บัญชี เพื่อใส่ร้ายป้ายสีวัคซีนจีน อ้างอิงผลการสืบสวนของรอยเตอร์ที่ออกมาแฉเมื่อเดือนที่แล้ว

โควิดมาจากจีนและวัคซีนมาจากจีน อย่าไปเชื่อใจจีน หนึ่งในรูปแบบข้อความที่สร้างโดยทีมงานปฏิบัติการทางจิตวิทยา ขณะที่อีกข้อความเน้นว่า PPE (ชุดป้องกันเชื้อโรค) หน้ากากอนามัย วัคซีน ล้วนเป็นของปลอม แต่โคโรนาไวรัสเป็นของจริง

รอยเตอร์อ้างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเพนตากอน ยอมรับว่าเจ้าหน้าที่ทหารหลายนายที่เกี่ยวข้องกับยุทธการนี้รู้ดีว่าเป้าหมายของแผนการไม่ได้ปกป้องชาวฟิลิปปินส์จากวัคซีนที่ไม่ปลอดภัย แต่เป็นการสร้างความแปดเปื้อนแก่ชื่อเสียงของจีน

รายงานของรอยเตอร์ระบุว่า ไม่นานยุทธการโฆษณาชวนเชื่อดังกล่าวก็ถูกขยายวงออกไปนอกฟิลิปปินส์ โดยผู้รับสารมุสลิมทั่วเอเชียกลางและตะวันออกกลาง ได้รับการบอกเล่าว่าวัคซีนซิโนแวคปนเปื้อนเจลลาตินหมู เพราะฉะนั้นมันจึงเป็นสิ่งฮะรอมหรือเป็นสิ่งต้อมห้ามตามกฎหมายอิสลาม ยุทธการนี้บีบให้ทางซิโนแวคเผยแพร่ถ้อยแถลงยืนยันว่าวัคซีนผลิตโดยปราศจากส่วนประกอบของหมูใดๆ

เพนตากอนไม่ยอมรับต่อสาธารณะว่าได้ส่งหนังสือยอมรับสารภาพไปยังกองทัพฟิลิปปินส์ ขณะที่รัฐบาลของสหรัฐฯ และฟิลิปปินส์ปฏิเสธแสดงความคิดเห็นต่อรายงานของรอยเตอร์

อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนที่แล้วโฆษกรายหนึ่งของเพนตากอนชี้แจงกับรอยเตอร์ ว่ากองทัพอเมริกา ใช้แพลตฟอร์มต่างๆ ในนั้นรวมถึงสื่อสังคมออนไลน์ ตอบโต้อิทธิพลมุ่งร้ายที่เล็งเป้าโจมตีสหรัฐฯ พันธมิตรและคู่หู และอ้างว่าวอชิงตีนแค่ตอบโต้ ยุทธการบิดเบือนของมูลของจีนที่กล่าวโทษอันเป็นเท็จ ว่าสหรัฐฯ เป็นผู้แพร่กระจายโควิด-19

กระทรวงการต่างประเทศของจีนบอกกับรอยเตอร์ว่า พวกเขาเน้นย้ำมานานแล้วว่า สหรัฐฯ เป็นผู้แพร่กระจายข้อมูลบิดเบือนเกี่ยวกับจีน

ฟิลิปปินส์ รายงานของรอยเตอร์กระตุ้นให้คณะกรรมาธิการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของวุฒิสภาเปิดการสืบสวน และระหว่างการพิจารณาเมื่อเดือนที่แล้ว วุฒิสมาชิกไอมี มาร์กอส ประธานคณะกรรมาธิการ ประณามยุทธการของเพนตากอนว่าเป็น ปีศาจ ชั่วร้าย อันตรายและไม่มีจริยธรรม  และแย้มว่ามะนิลากำลังตรวจสอบความเป็นไปได้ว่าจะสามารถดำเนินการทางกฎหมายกับวอชิงตันได้หรือไม่

'เหล่าคนดัง-บิชอป' ประณาม!! การแสดงช่วงหนึ่งในพิธีเปิดโอลิมปิก หลังล้อเลียนภาพอาหารค่ำมื้อสุดท้ายของพระเยซู ด้วยธีม LGBTQ

(28 ก.ค. 67) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก 'Jaroensook Limbanchongkit Pone' ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับหลายภาคส่วนที่มีความกังวลใจและไม่พอใจกับเนื้อหาบางส่วนในพิธีเปิดโอลิมปิก 2024 ที่ฝรั่งเศส ระบุว่า...
.
บรรดาบิชอป (Bishop) ใน #ฝรั่งเศส ออกแถลงการณ์ประณามพิธีเปิด #โอลิมปิก2024 ที่ตั้งใจ 'ล้อเลียนศาสนาคริสต์' (French bishops condemn Olympic ‘mockery of Christianity)
.
โดยเหล่าบิชอป ประณามผู้จัดงานโอลิมปิกเกมส์จากการล้อเลียนภาพอาหารมื้อสุดท้ายในธีม LGBTQ ในระหว่างพิธีเปิดการแข่งขัน ที่ผู้จัดงานอ้างว่า การแสดงดังกล่าวสะท้อน 'คุณค่าและหลักการ' ของพวกเขา
.
ทั้งนี้ พิธีดังกล่าว ซึ่งจัดขึ้นที่ใจกลางกรุงปารีสเมื่อคืนวันศุกร์ (26) ได้ปิดท้ายด้วยคณะแดร็กควีน คนรักร่วมเพศ และบุคคลข้ามเพศที่วางตัวที่โต๊ะ เหมือนกับฉากหนึ่งที่พระเยซูคริสต์และอัครสาวกของพระองค์ปรากฏในภาพยนตร์เรื่อง 'The Last Supper' ของเลโอนาร์โด ดาวินชี 
.
โดยหลังจากนั้นจานเสิร์ฟขนาดยักษ์ ที่ปรากฏร่างของชายเปลือย ซึ่งมีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับไดโอนีซัส (Dionysus) เทพเจ้าแห่งไวน์และการเฉลิมฉลองของกรีก ได้ถูกเลื่อนออกไปที่หน้าโต๊ะ และตลอดการแสดง สามารถมองเห็นลูกอัณฑะของนักเต้นชายที่โผล่ออกมาด้านหลังโต๊ะ
.
“พิธีนี้น่าเสียดายที่มีฉากที่ศาสนาคริสต์ถูกล้อเลียนและเยาะเย้ย ซึ่งเราเสียใจอย่างสุดซึ้ง” การประชุมเหล่าบิชอป ระบุในแถลงการณ์เมื่อวันเสาร์ (27)
.
“เราขอขอบคุณสมาชิกของนิกายทางศาสนาอื่นๆ ที่ได้แสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับเรา” ถ้อยคำหนึ่งจากคำแถลงดังกล่าวเผยและว่า “เช้านี้เรานึกถึงชาวคริสต์ทุกคนในทุกทวีปที่ได้รับบาดเจ็บจากฉากบางฉากที่เกินจริงและยั่วยุ”
.
ด้าน บิชอป โรเบิร์ต บาร์รอน แห่งมินนิโซตา เผยด้วยว่า "พิธีเปิดดังกล่าวถูกประณามโดยชาวคริสเตียนและกลุ่มอนุรักษ์นิยมทั่วโลก เพราะการแสดงนี้ ถือว่าเป็น 'การเยาะเย้ยอาหารมื้อสุดท้าย' อย่างเลวร้าย" ในขณะที่รองนายกรัฐมนตรีอิตาลี มัตเตโอ ซัลวินีประกาศว่า "การเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกด้วยการดูหมิ่นคริสเตียนหลายพันล้านคนทั่วโลกถือเป็นการเริ่มต้นที่แย่มากสำหรับฝรั่งเศส"
.
ฟาก Elon Musk ซีอีโอของ SpaceX และ Tesla ได้กล่าวถึงปรากฏการณ์นี้ว่า "เป็นการไม่เคารพคริสเตียนอย่างยิ่ง" ในขณะที่ Dr. Eli David ผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยี เผยว่า "แม้จะเป็นชาวยิว แต่เขาก็คงรู้สึกโกรธเคืองกับการดูถูกเหยียดหยามพระเยซูและศาสนาคริสต์อย่างอุกอาจ"
.
ขณะที่ บริษัทโทรคมนาคม C Spire ผู้ให้บริการไร้สายรายใหญ่อันดับหกในสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศถอนโฆษณาทั้งหมดออกจากการแข่งขันกีฬา #โอลิมปิก2024 เหตุสุดทนที่ผู้จัดงานได้จัดแสดงเยาะเย้ยศาสนาคริสต์ในช่วงพิธีเปิดการแข่งขัน
.
“เราตกใจมากกับการเยาะเย้ยพระกระยาหารมื้อสุดท้ายระหว่างพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ปารีส C Spire จะถอนโฆษณาของเราออกจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก” C Spire ประกาศบนแพลตฟอร์ม X
 

บัญชีอย่างเป็นทางการ ‘โอลิมปิก’ ได้ลบคลิปพิธีเปิด ‘ปารีสเกมส์’ หลังทั่วโลก เดือด!! ไม่พอใจ ‘ล้อเลียน-ดูหมิ่น’ ศาสนาคริสต์

(29 ก.ค. 67) บัญชีอย่างเป็นทางการของโอลิมปิกได้ลบคลิปพิธีเปิดปารีสเกมส์ 2024 ออกจากช่องยูทูบของพวกเขา ตามหลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างกวาง โดนไฟย้อนศรจากทั่วโลก จากรณีที่ปล่อยให้มีการแสดงล้อเลียนภาพวาดชื่อดัง The Last Suppe (พระกระยาหารมื้อสุดท้ายของพระเยซูในศาสนาคริสต์) โดยกลุ่มคนหลากหลายทางเพศ ซึ่งถูกชาวคริสเตียนมองว่าเป็นการดูหมิ่นศาสนา

พวกผู้ชมที่พยายามเข้าถึงวิดีโอนี้ต้องเจอกับข้อความที่เน้นว่า ‘ไม่มีวิดีโอนี้’ อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นทั้งคณะกรรมการโอลิมปิก หรือฝ่ายจัดปารีสเกมส์ 2024 ต่างยังไม่ออกมาชี้แจงใดๆ ต่อการลบคลิปดังกล่าว

ในพิธีเปิด ซึ่งนำเสนอในรูปแบบแปลกแหวกแนว มีตัวแสดงที่หลากหลายเข้าร่วม ในนั้นรวมถึงนางแบบ นายแบบ แดนเซอร์ บุคคลที่มีชื่อเสียงด้านแฟชั่น รวมถึงแดร็กควีน แต่หนึ่งในส่วนอันเป็นที่ถกเถียงมากที่สุดคือฉากล้อเลียนพระกระยาหารมื้อสุดท้ายของพระเยซูในศาสนาคริสต์ ตามภาพวาด ‘The Last Supper’ ของเลโอนาร์โด ดาวินชี ซึ่งโหมกระพือไฟย้อนศรอย่างหนัก

‘พิธีนี้น่าเสียดายที่มีฉากที่ศาสนาคริสต์ถูกล้อเลียนและเยาะเย้ย ซึ่งเราเสียใจอย่างสุดซึ้ง’ การประชุมเหล่าบิชอป ระบุในแถลงการณ์เมื่อวันเสาร์ (27 ก.ค.) ‘เราขอขอบคุณสมาชิกของนิกายทางศาสนาอื่นๆ ที่ได้แสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับเรา’ ถ้อยคำหนึ่งจากคำแถลงดังกล่าวและว่า ‘เช้านี้เรานึกถึงชาวคริสต์ทุกคนในทุกทวีปที่เจ็บปวดจากฉากบางฉากที่เกินจริงและยั่วยุ’

บิชอป เอ็มมานูเอล โกบิลลาร์ด โฆษกตัวแทนกลุ่ม Holy See for the 2024 Paris Olympics ให้สัมภาษณ์กับเอ็นบีซีนิวส์ ว่าฉากการดัดแปลงภาพ The Last Supper สร้างความเจ็บปวดเป็นอย่างมาก

ข้อเท็จจริงคือศาสนาของเราอาจถูกล้อเลียนเป็นปกติและเราเคยชินกับการถูกดูหมิ่นในฝรั่งเศส แต่ในบริบทนี้ไม่เหมือนกัน พระองค์กล่าว มันคือมหกรรมที่นำพาผู้คนทั่วโลกหรือบางส่วนของประชากรโลกมาเป็นหนึ่งเดียวกัน ข้าพเจ้าพบว่าการแสดงนี้เจ็บปวดอย่างที่สุดและอยู่ผิดทิศผิดทาง

ต่อมา หลังจากถูกวิพากษิวิจารณ์อย่างหนัก แอนน์ เดส์ช็องป์ส โฆษกปารีสเกมส์ 2024 เผยแพร่ถ้อยแถลงขอโทษ อธิบายว่าพวกเขาไม่เคยมีเจตนาแสดงความไม่เคารพต่อกลุ่มศาสนาไหนๆ และแสดงความเสียใจที่การแสดงดังกล่าวก่อความขุ่นเคืองใดๆ

ด้วยคลิปที่มีภาพฉากอันเป็นที่ถกเถียงถูกลบไปแล้วและบางคลิปของพิธีเปิดถูกปิดไม่ให้แสดงความคิดเห็น ผู้คนบนสื่อสังคมออนไลน์จึงไหลบ่ากันไปยังวิดีโอพิธีเปิดโอลิมปิกเกมส์ครั้งก่อนๆ ในนั้นรวมถึงลอนดอน 2012 และโซชิเกมส์ปี 2014 ซึ่งทั้ง 2 ครั้ง ย้อนให้เห็นถึงแนวทางที่ทำให้พิธิเปิดประสบความสำเร็จ และแสดงความผิดหวังต่อพิธีเปิดของปารีสเกมส์

อีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลาและแพลตฟอร์มเอ็กซ์ เป็นหนึ่งในคนดังที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ โดยบอกว่า หากไม่มีความกล้าหาญที่จะยืนหยัดเพื่อสิ่งที่ยุติธรรมและถูกต้องมากขึ้น ศาสนาคริสต์ก็จะพินาศไป

พอมีชาวเน็ตเขียนก่อกวนและล้อเลียนพระเยซูว่า หากคุณกำลังจะกลับไปเกิดใหม่อีกครั้งเราพร้อมเสมอที่จะช่วยคุณ ทาง อีลอน มัสก์ เขียนตอบโต้กลับไปว่า ผมเชื่อในหลักการของศาสนาคริสต์ เช่น รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตัวเอง หมายถึง มีความเห็นอกเห็นใจกับทุกคน และหันแก้มอีกข้างให้ หมายถึง ยุติวัฏจักรแห่งการจองเวรซึ่งกันและกัน

แม้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ แต่ฝ่ายสร้างสรรค์การแสดงชุดดังกล่าวออกมาปกป้องตนเอง โดยบอกว่า มันจะไปสนุกอะไรถ้าไม่มีประเด็นถกเถียง มันคงจะน่าเบื่อน่าดู หากทุกๆ คนบนโลกครั้งเห็นพ้องตรงกันหมด

นอกจากบุคคลทั่วไปและในแวดวงศาสนาแล้ว การแสดงในพิธีเปิดปารีสเกมส์ ยังถูกตำหนิจากบรรดาสื่อมวลชนกระแสหลัก ในนั้นรวมถึงนิวยอร์กไทม์สและนิวยอร์กโพสต์ ซึ่งสำนักข่าวหลังให้คำจำกัดความว่าเป็นพิธีเปิดที่ น่าเบื่อ คิดไม่ดีและไม่ปะติดปะต่อ ส่วน Le Figaro หนังสือพิมพ์ฝรั่งเศส บอกว่าการแสดงมีความทะเยอทะยาน แต่ยอมรับว่าบางองค์ประกอบนั้นเลยเถิดจนเกินไป

.
 

ระวัง!! 'เมียนมาอพยพ' หวังฮุบ 'มหาชัย' เป็นเมืองหลวงแห่งที่ 2 ท่ามกลางความมั่นใจ 'ข้าราชการไทยซื้อได้-NGO คุ้มกะลาหัว'

ประเด็นเรื่องแรงงานเมียนมาในไทย ยังมีไม่จบไม่สิ้น จากที่ เอย่า กล่าวไปแล้วในบทความก่อน ก็มีโซเชียลมีเดียกลุ่มแรงงานเมียนมาบางกลุ่มมาโวยวายว่า 'คนไทยควรสำนึกบุญคุณที่แรงงานเขาสร้างไทยให้พัฒนา' และที่สำคัญคือ เขาได้จ่ายภาษีให้แก่ไทยด้วย โดยเฉพาะกลุ่มแรงงาน MOU

มาถึงจุดนี้ เอย่า ถึงกับตกใจว่า คนเหล่านี้ไปเอาคำกล่าวนี้มาจากไหน?

เอาเป็นว่าวันนี้ เอย่า มาอธิบายเรื่อง ภาษีรายได้ของคนต่างชาติที่มาทำงานกันให้ทราบดีกว่า...

เมื่อปีที่แล้วทางรัฐบาลทหารเมียนมามีการประกาศเกี่ยวกับการเก็บภาษีบุคคลที่ทำงานในต่างประเทศโดยมีรายละเอียดที่ปรากฎเมียนมาระบุว่า...

1. แรงงาน MOU และ กลุ่ม Blue Collarจะถูกหัก 2% ของรายได้ โดยทางการรัฐบาลเมียนมาจะ Fix ว่าคนกลุ่มนี้มีรายได้ที่ 7,500 บาท ดังนั้นคนกลุ่มนี้จะเสียภาษี 150 บาท/เดือน หรือ 1,800 บาท/ปี โดยทางสถานทูตจะกำหนดให้จ่ายทุก 6 เดือน หรือ 9 เดือน

2. สำหรับงาน White collar หรือกลุ่ม Expat จะเสียภาษี 2% เช่นกัน แต่เนื่องจากกลุ่มนี้มีการจ่ายภาษีให้ไทย จึงสามารถนำภาษีไทยมาหักภาษีได้ เช่น รายได้ 15,000 บาท จะต้องเสียภาษี 5% ให้ไทย แปลว่าภาษีส่วนนี้ก็ไม่ต้องจ่ายให้ทางเมียนมา ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาการจ่ายภาษีซ้ำซ้อนหรือ doubble tax เช่นกัน หากจ่ายภาษีที่ไทยต่ำกว่า 2% ก็ให้นำหลักฐานการเสียภาษีในไทยมาหักกับภาษีที่ต้องจ่ายแล้วจ่ายส่วนต่างแทน

ฉะนั้นกลุ่มแรงงานและ Blue Collar ควรเข้าใจได้แล้วนะว่า พวกคุณไม่เคยเสียภาษีรายได้ในไทย แต่คุณเสียภาษีให้แก่รัฐบาลของคุณ (เมียนมา) ตามกฎหมายนั่นเอง

เอย่า ขอกล่าวว่า แรงงานไม่ว่าชาติใด ก็มีส่วนในการขับเคลื่อนประเทศไทยทั้งสิ้น ไม่ใช่แค่เมียนนมา แต่การขับเคลื่อนนั้น แลกมาด้วยค่าแรงที่นายจ้างจ่ายนะ ไม่ใช่พวกคุณมาทำให้ฟรีๆ ดังนั้นจึงถือเป็นบุญคุณคงไม่ได้ และถ้าพวกคุณจะไม่พอใจ ก็กลับไปได้เลย เพราะเชื่อว่ายังมีแรงงานชาติอื่นๆ ที่พร้อมจะเข้ามาเป็นแรงงานแทนพวกคุณ  

พวกคุณควรจะขอบคุณนายจ้างที่ยังจ้างพวกคุณทำงานมากกว่า!!

ส่วนเรื่อง 'มหาชัย' คุณจะตั้งเมียนมาทาวน์ เหมือนเยาวราชที่เป็นไชน่าทาวน์ หรือ พาหุรัดที่เป็นลิตเติลอินเดียก็ได้ แต่ถ้าไม่ปฏิบัติตนตามกฎหมายไทย คุณก็อย่าคิดว่าจะได้อยู่อย่างเป็นสุข เพราะที่นี่ไม่ใช่เมืองหลวงนอกประเทศของเมียนมา จำเอาไว้ด้วย

สุดท้าย เอย่า ขอเตือนข้าราชการไทยไว้ว่า ในโซเชียลของชาวพม่า ต่างดูถูกดูแคลนพวกข้าราชการไทย บ้างก็ว่าข้าราชการไทยเอาเงินจ่ายก็จบ บ้างก็ว่าข้าราชการไทยทำอะไรพวกเขาไม่ได้ เพราะพวกเขามี NGO คุ้มกะลาหัวอยู่ 

เป็นข้าของแผ่นดินไทยนะคะ ถ้าจะไม่อายคนที่มีชีวิตอยู่ ก็ควรอายผีบรรพบุรุษบ้าง!!

เอย่า ขอฝากไว้ให้คิดแค่นี้

‘สมาร์ตโฟนจีน’ เขี่ย ‘แอปเปิ้ล’ ร่วง Top 5 ในไตรมาส 2 ‘วีโว่’ ขึ้นแท่นผู้นำในจีน โกย!! ยอดขาย 13.1 ล้านเครื่อง

(29 ก.ค. 67)  สำนักข่าวซีเอ็นบีซี เผยว่า ส่วนแบ่งตลาดของแอปเปิ้ลในจีนร่วงลงสู่ระดับ 14% ในไตรมาสสองปี 2567 จากระดับ 15% ในไตรมาสหนึ่ง และจากระดับ 16% ในช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปีก่อน

จากข้อมูลดังกล่าวทำให้ผู้ผลิตไอโฟน ที่ครองส่วนแบ่งตลาดในจีนมากเป็นอันดับที่ 3 ในไตรมาสสองของปีก่อน ร่วงลงไปครองตำแหน่งแบรนด์ที่มีส่วนแบ่งตลาดมากสุดอันดับที่ 6 ในจีน ซึ่งจากการคำนวณของซีเอ็นบีซี พบว่า แอปเปิ้ลมียอดจัดส่งสมาร์ตโฟนราว 9.7 ล้านเครื่อง

‘ลูคัส จง’ นักวิจัยจากคานาลิส (Canalys) กล่าวว่า

“นี่ถือเป็นไตรมาสแรกของประวัติศาสตร์ที่แบรนด์ของจีนครองส่วนแบ่งตลาดทั้ง 5 อันดับแรก”

ทั้งนี้ ยอดจัดส่งสมาร์ตโฟนของแอปเปิ้ลลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาสแรก ซึ่งร่วงมากถึง 25% สู่ระดับ 10 ล้านเครื่อง เมื่อเทียบแบบปีต่อปี

‘แอปเปิ้ล’ กำลังเผชิญกับภาวะคอขวดในตลาดจีน ขณะที่บริษัทพยายามรักษาเสถียรภาพด้านราคาขายปลีก และปกป้องกำไรตามช่องทางการจำหน่ายของพาร์ตเนอร์

คานาลิส ระบุ อีก 12 เดือนข้างหน้าบริการ "แอปเปิ้ล อินเทลลิเจนซ์ " (Apple Intelligence) ท้องถิ่นในจีน จะเป็นความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญ เพื่อแข่งขันกับแบรนด์สมาร์ตโฟนจีนที่กำลังพัฒนาการนำเอไอรู้สร้าง หรือเจนเอไอ (GenAI) ไปใช้ในผลิตภัณฑ์ของตน

ตั้งแต่เดือน เม.ย. ถึง มิ.ย. วีโว่ (Vivo) ขึ้นเป็นแบรนด์อันดับ 1 ที่ครองส่วนแบ่งตลาด 19% และมียอดขาย 13.1 ล้านเครื่อง อานิสงส์จากยอดขายแพลตฟอร์มออฟไลน์ และออนไลน์แข็งแกร่ง ในช่วงเทศกาลชอปปิงออนไลน์ 618

ขณะที่ออปโป้ (OPPO) ยังคงครองส่วนแบ่งตลาดอันดับที่ 2 เหมือนเดิม มียอดขาย 11.3 ล้านเครื่อง เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากรุ่น Reno 12 ส่วนออเนอร์ (Honor) ครองอันดับที่ 3 มียอดขาย 10.7 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 4 %

หัวเว่ย (Huawei) อยู่อันดับที่ 4 ครองส่วนแบ่งตลาด 15% โดยมียอดขาย 10.6 ล้านเครื่อง ขณะที่ปีก่อนหน้าหัวเว่ยยังไม่สามารถขึ้นเป็นแบรนด์ท็อป 5 ได้ แต่ขณะนี้ธุรกิจที่จำหน่ายสินค้าสู่ผู้บริโภคโดยตรง (consumer business) ของหัวเว่ยฟื้นตัวได้ดีในจีน หลังออกสมาร์ตโฟนรุ่น Mate 60

ด้านเสียวหมี่ (Xiaomi) ที่เพิ่งเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าที่สร้างความฮือฮาอย่าง SU7 ครองส่วนแบ่งตลาดอันดับที่ 5 และยอดขายโทรศัพท์มือถือ K70 และรุ่นเรือธงอย่าง เสียวหมี่ 14 เติบโตแข็งแกร่ง

โดยรวมแล้วตลาดสมาร์ตโฟนจีนเติบโต 10% ในไตรมาสสองเมื่อเทียบแบบปีต่อปี และมียอดขายมากกว่า 70 ล้านเครื่อง

‘โนวัค โยโควิช’ นักเทนนิสระดับโลก โชว์ ไม้กางเขนคริสเตียน อย่างภาคภูมิใจ เพื่อส่งสารอันทรงพลัง ท่ามกลางความขัดแย้ง กรณี ‘พิธีเปิดโอลิมปิก’ ที่ปารีส

(29 ก.ค. 67) โนวัค โยโควิช นักเทนนิสระดับโลกชาวเซอร์เบีย ส่งข้อความอันทรงพลังด้วย #ไม้กางเขนคริสเตียน (CHRISTIAN CROSS) ใน #โอลิมปิก ที่ #ปารีส

โนวัค โยโควิช แชมป์เทนนิสโชว์ไม้กางเขนคริสเตียนอย่างภาคภูมิใจระหว่างโอลิมปิกที่ปารีส ส่งสารอันทรงพลังท่ามกลางความขัดแย้ง
โอลิมปิกที่ปารีสเผชิญกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากข้อกล่าวหาล้อเลียนศาสนาคริสต์ระหว่างพิธีเปิด

นอกจากนี้ งานนี้ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าใช้ DMCA (Digital Millennium Copyright Act หรือรัฐบัญญัติลิขสิทธิ์แห่งสหัสวรรษดิจิทัล) เป็นอาวุธเพื่อลบโพสต์บนโซเชียลมีเดียที่มีเนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์

เมื่อ 'เสรีภาพการแสดงออก' เกินเบอร์ในพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิก 2024 ทำลาย ‘ความศรัทธา’ จนก่อให้เกิด ‘ความบาดหมางและแตกแยก’

พิธีเปิดกีฬาโอลิมปิก 2024 เมื่อวันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม 2024 ที่ผ่านนั้นมา มีการแสดงต่าง ๆ มากมายที่เน้นประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของฝรั่งเศส และกองเรือ 85 ลำบรรทุกนักกีฬา 6,800 คน ล่องไปตามแม่น้ำแซนเป็นระยะทาง 3 ไมล์ครึ่งท่ามกลางสายฝนที่เทลงมาอย่างหนัก ก่อนจะปิดฉากอย่างอลังการด้วยม้าเงินแอนิมาโทรนิกส์ที่วิ่งไปตามทางน้ำสู่ทรอคาเดโร ในพิธีเปิดที่กินเวลานานถึง 4 ชั่วโมงนี้แตกต่างจากพิธีเปิดที่ผ่านมาในรอบ 128 ปีของการแข่งขันโอลิมปิกสมัยใหม่

แต่การแสดงบางส่วนต้องเผชิญกับการวิพากษ์วิจารณ์คริสต์ศาสนิกชนอย่างหนัก เนื่องจากมีการใช้การแสดงล้อเลียนภาพจิตรกรรมฝาผนัง ‘The Last Supper’ ซึ่งวาดขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 15 โดย Leonardo Da Vinci ภาพนี้แสดงให้เห็นพระเยซูกับอัครสาวกทั้ง 12 คน ซึ่งเป็นภาพช่วงเวลาที่พระองค์ประกาศว่าอัครสาวกคนหนึ่งจะทรยศต่อพระองค์ เป็นภาพวาดเหตุการณ์เกี่ยวกับอาหารค่ำมื้อสุดท้ายของพระเยซูกับอัครสาวก ก่อนที่พระองค์จะทรงถูกนำไปตรึงกางเขน โดยการแสดงดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหลังจากมีวิดีโอเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย

การแสดงดังกล่าว มีฉากที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงท้ายของการแสดงในพิธีเปิดที่กินเวลานานถึง 4 ชั่วโมง มีนักแสดงประมาณ 18 คนยืนโพสท่าอยู่หลังโต๊ะยาว โดยมีแม่น้ำแซนและหอไอเฟลเป็นฉากหลัง โดยในจำนวนนี้ มีนักแสดง Drag queen (ชายแต่งกายเป็นหญิง) ชื่อดัง 3 คนจาก Drag Race France ร่วมแสดงด้วย ตรงกลางมีนักแสดง Drag queen นางหนึ่ง ซึ่งแต่งตัวอย่างประณีตสวมผ้าโพกศีรษะสีเงินขนาดใหญ่คล้ายรัศมีตามที่เห็นในภาพพระเยซู เธอยิ้มและทำมือเป็นรูปหัวใจ ในขณะที่กลุ่มนักแสดง Drag queen คนอื่นๆ โพสท่าให้กล้องถ่ายก่อนจะเข้าสู่การแสดงท่าเต้นที่ออกแบบไว้ 

นอกจากนั้นแล้ว ยังรวมถึงแฟชั่นโชว์แบบสด ๆ โดยผู้ที่เข้ามาชมได้ร่วมเต้นรำไปตามข้างสนาม นอกจากนี้ ในช่วงท้ายของฉาก มีถาดเสิร์ฟวางอยู่บนเวที และชายที่แต่งกายบางเบาและทาตัวด้วยสีฟ้าแวววาวทั้งตัว ออกมาปรากฏตัวออกมาจากข้างใน เพื่อเพิ่มความตระการตา บัญชี X อย่างเป็นทางการของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกระบุว่า “นี่คือ การตีความของเทพเจ้ากรีก Dionysus ซึ่งทำให้เราตระหนักถึงความไร้สาระของความรุนแรงระหว่างมนุษย์"

อย่างไรก็ตาม การแสดงดังกล่าวได้ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่า เป็นการล้อเลียนคริสต์ศาสนา แม้กระทั่ง Elon Musk CEO ของ Tesla และ SpaceX ยังได้แสดงความเห็นว่า “การกระทำดังกล่าวเป็นการไม่ให้เกียรติคริสต์ศาสนาเป็นอย่างยิ่ง” Musk ตอบโต้ต่อการพรรณนาถึงไดโอนีซัส เทพเจ้ากรีกผู้ทำไวน์และความอุดมสมบูรณ์ โดยกล่าวว่า “ทำไมถึงมีสิ่งนี้ในพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิก ไนเมื่อคนบนโลกกำลังจะย้ายไปดาวอังคาร” 

ส่วน Marion Marechal นักการเมืองฝรั่งเศสและสมาชิกรัฐสภายุโรป ถึงกับต้องออกปากขอโทษว่า “ถึงคริสต์ศาสนิกชนทั่วโลกที่รับชมพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิก 2024 และรู้สึกไม่พอใจกับการแสดงล้อเลียนภาพ ‘The Last Supper’ ขอให้รู้ไว้ว่า นี่ไม่ใช่เสียง(ความคิดเห็น)ของชาวฝรั่งเศสส่วนใหญ่ แต่เป็นเสียงของกลุ่มคนฝ่ายซ้ายส่วนน้อยที่พร้อมและต้องการที่จะยั่วยุในทุกวิถีทาง” Marion Marechal เป็นหลานย่า/ยายของ Jean-Marie Le Pen ผู้ก่อตั้งพรรคแนวร่วมแห่งชาติ และเป็นหลานสาวของ Marine Le Pen ประธานกลุ่มชุมนุมแห่งชาติในรัฐสภา

Auguste Pfluger สมาชิกพรรครีพับลิกันจากมลรัฐ Texas โพสต์บน X ว่า “เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ที่พิธีเปิดมีการล้อเลียนคริสต์ศาสนาและภาพอาหารค่ำมื้อสุดท้าย แล้วยังให้เด็กเข้าร่วมการแสดง Drag queen” 

Daniel French บาทหลวงแห่งเมือง Salcombe และ Marlborough ได้วิจารณ์การแสดงดังกล่าวอย่างรุนแรงเช่นกัน โดยกล่าวว่า “พิธีเปิดการแข่งขันโอลิมปิกเป็นการล้อเลียนศาสนาคริสต์ และ ภาพ ‘The Last Supper’ ในลักษณะที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับศาสนาอื่น” ทั้งได้เรียกร้องให้ Justin Welby ซึ่งเป็น Archbishop แห่ง Canterbury ได้สะท้อนความคิดเห็นของ Robert Barron บาทหลวงชาวสหรัฐฯ ผู้ดูแลสังฆมณฑลวิ Winona-Rochester ใน Southern Minnesota ผู้ที่กล่าวถึงการแสดงครั้งนี้ว่าเป็นการ “ล้อเลียน” คริสต์ศาสนาอย่างร้ายแรง

ผู้ใช้โซเชียลมีเดียหลายคนยังได้วิพากษ์วิจารณ์การแสดงดังกล่าวว่ามีเด็กเกี่ยวข้องด้วย “โอลิมปิก 2024 ที่ปารีสถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า มีการนำ ‘เด็ก’ มาประกอบในการแสดง ‘The Last Supper’ ซึ่งเป็นการล้อเลียนศาสนาและดูหมิ่นศาสนาแบบสุดโต่ง แทนที่จะนำผู้คนมารวมกันเพื่อความสมัครสมานสามัคคี แต่ผู้จัดงานกลับต้องการล้อเลียนศาสนาที่มีผู้คนนับถือถึง 2.4 พันล้านคน” ผู้ใช้โซเชียลมีเดียรายหนึ่งระบุ

ทางด้านโฆษกของโอลิมปิก 2024 กล่าวที่กรุงปารีสว่า “เห็นได้ชัดว่า การแสดงไม่มีเจตนาที่จะไม่เคารพต่อศาสนาหรือความเชื่อใด ๆ แต่ตรงกันข้าม ภาพในพิธีเปิดโอลิมปิกปารีส 2024 แต่ละภาพมีจุดประสงค์เพื่อเฉลิมฉลองชุมชนและการยอมรับในความแตกต่าง” พวกเขายังกล่าวเสริมว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ศิลปินได้รับ “แรงบันดาลใจจากภาพวาดชื่อดังของ Leonardo Da Vinci” เพราะมีมาตั้งแต่ “Andy Warhol ไปจนถึง The Simpsons ซึ่งศิลปินหลาย ๆ คนได้เคยทำมาแล้ว” กีฬาโอลิมปิกปารีส 2024 ได้เริ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา และการแข่งขันจะดำเนินต่อไปจนถึงวันที่ 11 สิงหาคม 2024


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top