Wednesday, 14 May 2025
World

‘ศาลสูงเกาหลี’ ตัดสินให้ ‘คู่รักLGBTQ’ ได้รับสิทธิด้านสุขภาพ เท่าเทียมคู่รักอื่น  ชี้!! มีคุณค่าในความเป็นมนุษย์ ควรได้รับสิทธิอย่างเท่าเทียม มีเสรีภาพในส่วนตัว

(21 ก.ค.67) ศาลสูงเกาหลีใต้ตัดสินว่า ให้คู่รักเพศเดียวกันมีสิทธิ ได้รับสวัสดิการจากประกันสุขภาพของรัฐ ซึ่งถือเป็นชัยชนะของสิทธิของกลุ่ม LGBTQ

คดีนี้ฟ้องโดย โซ ซองอุก และคิม ยองมิน คู่รักเกย์ที่อยู่กินกันโดยไม่จดทะเบียน ซึ่งการแต่งงานเพศเดียวกันในปี 2019 ถือว่าไม่ถูกกฎหมาย ทั้งคู่ได้ฟ้องสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (NHIS) เนื่องจากสำนักงานฯ ได้ระงับสิทธิประโยชน์คู่ครองของเขา หลังจากพบว่าทั้งคู่เป็นคู่รักเกย์

คำตัดสินในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ศาลชั้นสูงของโซลตัดสินให้คู่รักคู่นี้ชนะคดี โดยกำหนดให้ NHIS คืนสิทธิประโยชน์คุ้มครองให้กับคู่รักที่อยู่กินกันโดยไม่จดทะเบียนได้การอุทธรณ์คำตัดสิน ส่งผลให้คดีดังกล่าวต้องส่งเรื่องไปยังศาลฎีกา

ประธานศาลฎีกา โจ ฮีเด กล่าวว่า การปฏิเสธสิทธิประโยชน์ดังกล่าวแก่คู่รักเพศเดียวกันเพียงเพราะเรื่องเพศ ถือเป็นการเลือกปฏิบัติที่ละเมิดศักดิ์ศรีและคุณค่าของมนุษย์ สิทธิในการแสวงหาความสุข เสรีภาพในการมีความเป็นส่วนตัว และสิทธิที่จะได้รับความเท่าเทียมกันต่อหน้ากฎหมาย และการละเมิดดังกล่าวถือเป็นเรื่องร้ายแรง

ไขความลับ 'ซินเจียงอุยกูร์' ใต้ผืนทะเลทราย-ภูเขาหิมะ-อากาศแปรปรวน' แต่กลับมี 'น้ำใช้-ไม่แล้ง-ไม่ท่วม' จนสร้างผลผลิตทางเกษตรได้ดีเกินคาด

เมื่อวานนี้ (21 ก.ค.67) เพจ ‘ตี๋น้อย’ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ ภูมิปัญญาการวางแผนระบบวิศวกรรมน้ำแบบครบวงจร ที่เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ประเทศจีน โดยได้ระบุว่า ...

ช่วงสัปดาห์ที่แล้ว ทางมหาวิทยาลัยสือเหอจื่อ เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ประเทศจีนได้พานักศึกษาต่างชาติรวมถึงตี๋น้อยมีโอกาสได้ไปเรียนรู้ระบบวิศวกรรมด้านน้ำมาครับ

อย่างที่ทุกคนรู้ครับว่า เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ประเทศจีนเป็นพื้นที่ทะเลทราย แต่ก็มีพื้นที่ที่เป็นภูเขาหิมะด้วย สภาพอากาศค่อนข้างแตกต่างกันมากๆ หนาวสุด -30 องศาเซลเซียส หิมะหนามาก ๆ ถนนเป็นน้ำแข็ง ร้อนสุดที่ 35-38 องศาเซลเซียส ซึ่งจะเห็นได้ว่า สภาพอากาศแตกต่างกันมาก ๆ

แล้วทีนี้ในสภาพอากาศที่สุดขั้วแบบนี้ทำไมที่นี่ซินเจียงถึงมีน้ำใช้ได้ตลอด ไม่ท่วม ไม่แล้ง แถมทำการเกษตรได้ดีด้วย

คำตอบอยู่ที่นี่ครับ ทุกอย่างอยู่ที่สมอง และการจัดการของมนุษย์ล้วน ๆ ที่นี่เองมีการวางแผนระบบวิศวกรรมน้ำแบบครบวงจรทั้งเมือง นำธรรมชาติและเทคโนโลยีวิศวกรรมมากประยุกต์ใช้ร่วมกันให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ที่นี่มีการวางผังระบบน้ำทั้งระบบของทั้งเมือง ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และ ปลายน้ำ โดยที่ต้นน้ำจะมีสถานีรับน้ำจากภูเขาหิมะ โดยที่น้ำจะเป็นหิมะละลายมาจากภูเขา และที่สถานีรับน้ำมีท่อรับน้ำเพื่อเก็บแทงค์น้ำใต้ดิน มีทั้งระบบน้ำล้น น้ำผุด นอกจากนี้ที่นี่ยังมีประตูระบายน้ำอัตโนมัติ รวมถึงการควบคุมการส่งน้ำผ่านแม่น้ำลำคลองที่มนุษย์สร้างด้วย ที่สำคัญคือ ทุกอย่างควบคุมผ่านเอไอทั้งหมดด้วย ทำให้ที่นี่เวลาหิมะละลาย น้ำไม่ท่วม หน้าแล้งก็มีน้ำใช้ตลอด ทุกอย่างเพียงพอสำหรับการเกษตร และการใช้น้ำในชีวิตประจำวัน ไม่มีแล้ง แถมมีผลไม้ให้กินตลอดด้วย

‘มาเลเซีย’ เริ่มใช้เส้นจราจรเรืองแสง เพิ่มความสว่าง คาด!! ช่วยลดอุบัติเหตุ ในเวลากลางคืนได้ดี

(22 ก.ค.67) เพจ ‘Motor Thailand’ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับถนนในประเทศมาเลเซีย โดยได้ระบุว่า ...

มาเลเซียเริ่มใช้เส้นจราจรเรืองแสง เพื่อความปลอดภัยบนถนนแล้ว

โครงการก่อสร้างถนน Shining Line ที่บาตูปาฮัต รัฐยะโฮร์ ในมาเลเซีย ใช้การตีเส้นจราจรแบบเรืองแสง ยิ่งมืด เส้นจราจรจะยิ่งสว่างเพื่อความปลอดภัยบนถนน เส้นจราจรเรืองแสงจะช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุได้ดีในเวลากลางคืน

การประยุกต์ใช้เครื่องหมายจราจรเรืองแสงในที่มืดนี้จะเน้นไปที่บริเวณที่ไม่มีสายไฟฟ้า หรือบริเวณที่ไม่เหมาะสมสำหรับการติดตั้งเสาไฟฟ้า รวมไปถึงบริเวณที่มืด บริเวณทางโค้งอันตราย และบนถนนที่เชื่อมต่อเมืองต่าง ๆ

มาเลเซียจัดเป็นประเทศที่มีคุณภาพถนนดีที่สุดเป็น อันดับ 2 รองจากสิงคโปร์ที่ครองอันดับ 1 ส่วนไทยอยู่ในอันดับที่ 4 จากการจัดอันดับของ World Global Economy

ข้อมูลเพิ่มเติม https://motor-th.com/?p=434

‘กรณ์’ ชี้ ‘ไบเดน’ ตัดสินใจถอนตัว พลิกเกม ดึงเงินบริจาค กลับมาเข้าพรรค มอง!! ‘กมลา แฮร์ริส’ เก่ง-ฉลาด สามารถแข่งกับ ‘ทรัมป์’ ได้แต่ยังเสียเปรียบ

(22 ก.ค.67) นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ ไบเดนถอนตัว…แล้วไงต่อ? ระบุว่า ไบเดน เสนอรองประธานาธิบดี Kamala Harris เป็นผู้สมัคร แต่ยังสรุปไม่ได้ อาจจะต้องเปิดให้มีการแข่งขันในที่ประชุมพรรคที่เรียกว่า ‘Open Convention’ (หลายชั่วโมงที่ผ่านมา คลินตั้นสนับสนุน Harris แต่โอบาม่า โน้มเอียงไปทาง Open Convention) ตัวเต็งคือ Harris ส่วนตัวผมว่าเธอโอเค เก่ง ฉลาด แข่งกับ Trump ได้ แต่ในขณะนี้เสียเปรียบอยู่แน่นอน

ส่วนตัวผมไม่แปลกใจที่ไบเดนถอนตัว ก่อนหน้านี้ที่หลายคนลุ้นอยู่คือไบเดนจะแค่ถอนตัวจากการเป็นผู้สมัคร หรือจะถอยให้ Harris เป็นประธานาธิบดีด้วยเลย ผมคิดว่าแค่นี้ดีแล้ว ดีสำหรับไบเดน ดีสำหรับ Harris ดีสำหรับการเมืองอเมริกัน

ผมว่าการตัดสินใจครั้งนี้อยู่ในระดับเปลี่ยนเกมส์ได้เลย เงินบริจาคเข้าพรรคน่าจะกลับมา

'โพลมะกัน' ชี้!! 'แฮร์ริส' ยังเป็นรอง 'ทรัมป์' อยู่หลายขุม เพราะถูกมองเป็นเพียงภาพเงาสะท้อนไบเดน-ไร้บารมี

ข่าวใหญ่ที่สุดของวันนี้ หนีไม่พ้นการยอมสละตำแหน่งตัวแทนพรรคเดโมแครต ในการชิงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ 2024 ของ 'โจ ไบเดน' และขอส่งไม้ต่อให้กับ 'กมลา แฮร์ริส' รองประธานาธิบดีคู่หูของเขา ขึ้นไปแข่งขันกับ 'โดนัลด์ ทรัมป์' แทน  

ถึงจะเป็นข่าวดังทั่วโลก แต่ไม่ได้สร้างความประหลาดใจเท่าใดนัก หากได้ติดตามข่าวการเดินสายหาเสียง และปฏิบัติภารกิจในฐานะผู้นำสหรัฐฯ ของไบเดน ในปีที่ผ่านมาก็สามารถจับสัญญาณถึงความร่วงโรยสังขารของผู้นำวัย 81 ปีได้ และจากผลงานการดีเบตระหว่างเขา และ โดนัลด์ ทรัมป์ ล่าสุดที่ผ่านมา เป็นการตอกตะปูย้ำอย่างชัดเจนเป็นประจักษ์ว่า ไบเดนควรถอยให้คนรุ่นใหม่จะดีกว่า

โดย โจ ไบเดน ประกาศสนับสนุน กมลา แฮร์ริส ให้ขึ้นมาทำหน้าที่ตัวแทนพรรคเดโมแครตแทนที่เขาอย่างสุดกำลัง เพื่อหวังที่จะดึงคะแนนเสียงทั้งกลุ่มสตรี กลุ่มคนผิวสี กลุ่มชาวเอเชีย หรือแม้แต่กลุ่มผู้สนับสนุนไบเดนเดิม ด้วยการชูประเด็นที่จะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ด้วยการเลือกประธานาธิบดีหญิงคนแรก และ ประธานาธิบดีผิวสีคนที่ 2 ให้กับสหรัฐฯ

แม้จะได้รับการสนับสนุนจากประธานาธิบดีในตำแหน่งคนปัจจุบัน แต่ กมลา แฮร์ริส ก็ยังไม่ถือว่าเป็นตัวแทนพรรคอย่างเป็นทางการ จนกว่าจะมีการลงมติโดยผู้แทนในการประชุมใหญ่ของพรรคเดโมแครตในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้เสียก่อน ที่ไม่รู้ว่าจะพลิกโผหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ ในวันนี้คือ โพลมาแล้ว 

โดยสำนักโพล Decision Desk HQ (DDHQ) ร่วมกับสำนักข่าวสายการเมือง The Hill ได้สำรวจกลุ่มตัวอย่างชาวอเมริกันผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั่วประเทศ ว่าระหว่าง กมลา แฮร์ริส และ โดนัลด์ ทรัมป์ ใครนำ? ใครตาม? อย่างไร?

จากผลโพลจาก DDHQ ชี้ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ยังนำ กมลา แฮร์ริส ในสัดส่วน 47% ต่อ 45%  ซึ่งแทบไม่ต่างจากผลโพลล่าสุดระหว่างทรัมป์ และ ไบเดน เลย ที่ทรัมป์ ยังนำ ไบเดน ด้วยคะแนน 46% ต่อ 43.5%

นี่เป็นคะแนนสูงสุดที่ กมลา แฮร์ริส ทำได้ในเวลานี้ ที่ยังไม่ประกาศว่าใครจะมาเป็นคู่หูของเธอในศึกเลือกตั้งครั้งนี้ แต่จากผลสำรวจล่าสุดพบว่า ถ้า โรเบิร์ต เคนเนดี จูเนียร์ กระโดดเข้าร่วมการแข่งขันอีกคนในฐานะผู้สมัครอิสระ จะยิ่งฉุดคะแนนของ กมลา แฮริส และทรัมป์ มีโอกาสนำผู้สมัครของเดโมแครตสูงถึง 6% เลยทีเดียว 

ส่วนโพลด้านคะแนนความนิยมส่วนตัวของกมลา แฮร์ริส ก็ดูยังน่าเป็นห่วง 

จากโพลสำรวจกว่า 102 สำนักพบว่าแฮร์ริสมีคะแนนความนิยมอยู่ที่  37.7% แต่คะแนนความไม่นิยมในตัวเธอกลับสูงกว่าเกือบเท่าตัวที่ 55.5% 

สก็อต แทรนเตอร์ ผู้อำนวยการสำนักโพล DDHQ กล่าวว่า ความนิยมในตัวแฮร์ริสนั้นเป็นเพียงภาพเงาสะท้อนตัวตนของไบเดน ซึ่งไม่เป็นผลดีกับเธอเท่าไหร่ เพราะ โจ ไบเดน ออกจากสนามแข่งด้วยภาพลักษณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก และ กมลา แฮร์ริส ก็ยังไม่มีบารมีเทียบเท่าไบเดน ซึ่งสิ่งที่ผู้ลงคะแนนเสียงอยากจะเห็นคือ เธอมีอะไรสดใหม่มานำเสนอให้กับชาวอเมริกันบ้าง

แต่ก็มีผลสำรวจของบางสำนักที่สนับสนุน กมลา แฮร์ริส ด้วยเช่นกัน อาทิ โพลของ Economist/YouGov ที่ชี้ว่า 8 ใน 10 ของชาวเดโมแครตสนับสนุน แฮร์ริส และมีโอกาสที่จะเอาชนะทรัมป์ได้ ในขณะที่โพลจากสำนักข่าว CBS และ CNN เผยว่า ทั้งไบเดน และ แฮริส ล้วนมีคะแนนตามหลังทรัมป์ แต่ แฮร์ริส มีส่วนต่างของคะแนนที่ตามหลังทรัมป์น้อยกว่าไบเดน และยังมีโอกาสได้เงินสนับสนุนหาเสียงมากกว่าผู้สมัครคนอื่น ๆ ของพรรค 

แต่เมื่อมองมาที่ฟากฝั่งของพรรครีพับลิกัน ต่างมองว่าโดนัลด์ ทรัมป์ ยังมีภาษีเหนือกว่า กมลา แฮร์ริส อยู่มาก และสามารถเอาชนะได้ง่ายกว่าแข่งกับไบเดนเสียอีก  

จุดเสียเปรียบของแฮร์ริส คือ เธอต้องแข่งกับ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ไม่ใช่คนเดิมเมื่อ 4 หรือ 8 ปีก่อน แต่เป็นนักการเมืองที่ผ่านสนามรบมาอย่างหนักหน่วงทั้งนิติสงคราม และ การลอบสังหารอย่างจริงจังมาแล้ว

นอกจากนี้ เธอยังต้องต่อสู้กับค่านิยมการเหยียดเพศ เหยียดเชื้อชาติ และสีผิว ที่ยังฝังรากลึกในสังคมอเมริกัน ในขณะที่เธอมีเวลาเหลือเพียง 4 เดือนสำหรับแคมเปญหาเสียงที่ต้องปรับกลยุทธ์ใหม่ทั้งหมด 

ดังนั้น แฮร์ริส 2024 ไม่ใช่งานง่ายจริง ๆ 

เรื่อง: ยีนส์ อรุณรัตน์

“อเมริกากำลังจะล้มละลายแล้ว” เสียงกู่ร้องจาก ‘อีลอน มัสก์’ มหาเศรษฐีติดท็อปโลก

(23 ก.ค. 67) อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน ซีอีโอของเทสลา สเปซเอ็กซ์ และโซเชียลมีเดีย X ได้โพสต์ข้อความผ่านบัญชี X ส่วนตัวของตนเอง ระบุว่า “อเมริกากำลังจะล้มละลายแล้ว”

การโพสต์ในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากกรณีหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ มีจำนวน 34 ล้านล้านเหรียญ มีภาระดอกเบี้ยปีละ 1.14 ล้านล้านเหรียญ โดยสหรัฐฯ ต้องเจียดออกมาจากภาษีที่เก็บเข้ารัฐถึงปีละ 76%

ปล่อยทำกันเป็นขบวนการแบบเกลื่อนโซเชียล 'นายหน้าขนแรงงาน-สายรายงาน-เจ้าหน้าที่'

เอย่า เคยรายงานเรื่อง VIP Pass ที่คนพม่าอยากมาไทยจ่ายแค่หลักพัน แล้วสามารถผ่าน ตม. มาได้แบบไม่ต้องมีหลักฐานการจองโรงแรม ไม่ต้องสำแดงเงิน แถมนายหน้าบางคนนี่ ยังช่วยนำรูปถ่ายของผู้ใช้บริการในเครือข่ายตน มาโพสต์บนสื่อโซเชียลตัวเอง ว่ามีรถกอล์ฟรับจากด้านในออกมาด้านนอกเลย VIP ... ระดับนี้ขนาด Elite card ยังทำไม่ได้!!

การกระทำเช่นนี้ ไม่สามารถทำคนเดียวได้ หากไม่มีคนของการท่าอากาศยานอยู่เบื้องหลัง ซึ่งจนถึงวันนี้ ก็ไม่มีคำตอบจากการท่าอากาศยานออกมาสักที

นอกจากนี้ เชื่อไหมว่าในสื่อโซเชียลของนายหน้าชาวเมียนมา ถึงขั้นมีการประกาศอย่างโจ๋งครึ่มด้วย ว่าสามารถรับขนคนจากย่างกุ้ง, เมียวดี, ท่าขี้เหล็ก มากรุงเทพฯ ได้อย่างปลอดภัย 

อยากถามหน่อยว่าเข้ามาได้อย่างไร? ตม. สามารถปล่อยให้เข้ามาได้ง่ายขนาดนั้นเลยอย่างนั้นหรือ? รึว่ามีผู้มีอิทธิพลหรือข้าราชการชายแดนใดได้ผลประโยชน์ร่วมกับนายหน้าเหล่านี้ จึงง่ายดายเสียขนาดนั้น

ที่เด็ดกว่า คือ มีโพสต์หนึ่งที่ถูกแขวนประกาศบนเพจมองพม่า (LOOK Myanmar) ว่ามีคนไทยรายหนึ่งสามารถพิมพ์ภาษาพม่าได้ เป็นสายคอยแจ้งข่าวคราวความเคลื่อนไหวในการออกพื้นที่ของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง โดยระบุวันไว้อย่างละเอียด พร้อมแจ้งให้คนพม่าที่เข้าเมืองอย่างไม่ถูกต้อง อย่าออกมาค้าขายให้เก็บตัวอยู่ในบ้านในช่วงเวลาดังกล่าวเสียด้วย

ดังที่ทราบกันว่า ตอนนี้มีคนต่างด้าวที่เข้ามาแบบผิดกฎหมายในไทยมากขึ้น ทั้งทางช่องทางธรรมชาติและผ่านการใช้วีซ่าแล้ว Overstay เมื่อวีซ่าขาด หลายคนมาแบบใช้วีซ่าท่องเที่ยวที่จะอยู่ไทยได้ 60 วัน และ Extend visa ต่อได้อีก 30 วัน เพื่อหางานและให้ได้ Work permit ในช่วงเวลาดังกล่าว 

ที่กล่าวมา เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมไทยแล้ว และก็คงได้แต่คอยตั้งคำถามว่า ทางการไทยไม่ทำงานประสานกันเลยอย่างนั้นหรือ?

ไม่ว่ายุคไหน สมัยไหน คงไม่มีใครทำร้าย ทำลายชาติตนเองได้เท่ากับคนในชาติดังปรากฏให้เห็นในประวัติศาสตร์มาตั้งแต่สมัยอยุธยาแล้ว 

เอย่า ไม่ได้จะกล่าวโทษว่าการมีคนต่างด้าวหรือต่างชาติเข้ามาทำงานพัฒนาประเทศเป็นสิ่งไม่ดี แต่การเข้ามาที่ไม่ถูกต้อง ... ย้ำทุกครั้งว่า 'ไม่ถูกต้อง' จะนำพาซึ่งปัญหามากมาย ทั้งอาชญากรรม รวมถึงแก๊งสเตอร์ ระดับที่ว่า มีชาวพม่าผู้ยิ่งใหญ่ในสมุทรสาคร สามารถปิดซอยจัดงานเลี้ยงวันเกิดลูกกันได้เลยทีเดียว...

ฉะนั้น ยาเสพติด ลักขโมย และปัญหาอื่น ๆ อีกมากมาย คงไม่ต้องให้บรรยายแล้วเนาะ...

'อังกฤษ’ แนะ!! แพทย์ ‘ควรลดใช้ใบจ่ายยา-ลดการตรวจเลือดที่ไม่จำเป็น’ เหตุกิจกรรมในระบบสาธารณสุข มีส่วนพ่นก๊าซพิษถึง 40% ของราชการทั้งหมด

(23 ก.ค. 67) รายงานข่าวระบุว่า ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งลอนดอน หรือ RCP ออกคำแนะนำทางการแพทย์ที่เรียกว่า ‘Green Physician Toolkit’ ที่เป็นการดำเนินการต่าง ๆ ที่แพทย์สามารถช่วยลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ ตั้งแต่การลดจ่ายใบสั่งยา และการตรวจเลือดที่ไม่จำเป็น ไปจนถึงการแนะนำวิธีป้องกันตัวจากผลกระทบของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มขึ้นให้แก่คนไข้

“แน่นอนว่าการให้ความสำคัญกับความยั่งยืนอาจเป็นเรื่องท้าทายทางการแพทย์ ที่ต้องรักษาคนไข้ แต่เราต้องระลึกว่าการลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและผลกระทบต่อสุขภาพ จะช่วยลดการใช้ระบบบริการสาธารณสุขแห่งชาติ หรือ NHS ในระยะยาวได้” ศาสตราจารย์ราเมช อาราสารัดนาม รองประธานฝ่ายวิชาการของ RCP กล่าว

ในปี 2565 ระบบบริการสุขภาพแห่งชาติปล่อยก๊าซเรือนกระจกคิดเป็น 40% ของการปล่อยก๊าซในหน่วยงานภาครัฐทั้งหมดจากสหราชอาณาจักร และคิดเป็น 4% ของการปล่อยก๊าซทั้งหมดของประเทศ โดย NHS เป็นระบบสุขภาพระบบแรกของโลกที่ตั้งเป้าหมายเข้าสู่ Net Zero ในปี 2583 

ประเทศอื่น ๆ ในยุโรปเองก็กำลังมองหาวิธีการกำจัดมลพิษด้านการดูแลสุขภาพด้วยเช่นกัน และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการพยายามลดใช้ใบจ่ายยา ในปี 2566 แพทยสภาแห่งสหภาพยุโรป หรือ CPME  กล่าวว่า “ควรลดการใช้ยาโดยไม่จำเป็น และต้องพิจารณาแง่มุมต่าง ๆ ของการปฏิบัติตามข้อกำหนดที่เข้มงวดขึ้น เนื่องจากมีการจ่ายยาจำนวนมากที่ไม่ได้ใช้ และสุดท้ายต้องทิ้ง”

หากต้องการลดการสั่งจ่ายยาที่ไม่จำเป็น RCP แนะนำให้ใช้แพทย์พูดคุยทางเลือกการรักษาต่าง ๆ กับผู้ป่วย ซึ่งอาจจะเสนอการรักษารูปแบบอื่นก่อนการสั่งจ่ายยา หรือหันไปใช้ระบบดิจิทัลในการสั่งจ่ายยาแทน

เนื่องด้วย ยาและสารเคมีคิดเป็น 20% ของการปล่อยก๊าซคาร์บอนของ NHS ดังนั้นการลดการจ่ายยาจึงสามารถช่วยลดก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีนัยสำคัญ

จากข้อมูลของ CPME ระบุว่า ยาจำนวนมากที่ใช้กันอยู่ในยุโรปต้องนำเข้ามาจากทวีปอื่น ๆ หากสามารถลดการใช้ยาที่นำเข้าจากทวีปอื่นได้ ก็จะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ทั้งจากการผลิต และการขนส่ง อีกทั้งยังสามารถติดตามผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศจากกระบวนการผลิตยาได้อีกด้วย

นอกจากประเด็นสั่งจ่ายยาแล้ว ใน Green Physician Toolkit ยังมีประเด็นอื่น ๆ อีกมากมายที่สามารถลดความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศได้ ไม่ว่าจะเป็นแนะนำให้คนไข้ไม่ทิ้งยาลงในชักโครก เพราะจะทำให้แหล่งน้ำปนเปื้อน และควรส่งยาเก่า หรือยาที่ไม่ใช้แล้วให้แก่ร้านขายยาที่สามารถกำจัดได้อย่างปลอดภัย

อีกทั้งยังแนะนำให้แพทย์ควรคิดให้รอบคอบก่อนที่จะขอตรวจเลือด หรือดูว่าสามารถทำการทดสอบค่าต่าง ๆ จากตัวอย่างเดียวกันได้หรือไม่ เพราะการวิจัยก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่าการตรวจเลือดในแต่ละครั้งก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า 49-116 กรัม รวมถึงการปล่อยก๊าซที่เกี่ยวข้องกับการผลิต การขนส่ง การแปรรูป ตลอดจนการกำจัดอุปกรณ์และบรรจุภัณฑ์ด้วย

รวมถึงแนะนำให้แพทย์ส่งหมายนัดทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น อีเมล เพื่อรวมถึงต้นทุนการใช้พลังงานและการพิมพ์ หากไม่จำเป็นต้องทำการรักษาหรือเป็นเพียงการติดตามผลการรักษา อาจทำการรักษาผ่านระบบอออนไลน์แทน เพื่อลดการเดินทาง ซึ่งอาจสร้างผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม และช่วยประหยัดเงินได้

แพทย์ถือเป็นบุคลากรที่คนทั่วทั้งชุมชนเชื่อถือและรับฟังเมื่อพูดถึงภัยคุกคามด้านสาธารณสุข องค์การอนามัยโลก หรือ WHO แนะนำเคล็ดลับการสื่อสารที่จะช่วยให้ผู้ฟังยอมรับฟังเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ดูไกลตัว (ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้ทุกคน ไม่ใช่เพียงแค่แพทย์) 

WHO แนะนำให้ สื่อสารด้วยเนื้อหาที่ให้เข้าใจง่าย พูดคุยเกี่ยวกับเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วที่เห็นภาพผลกระทบชัดเจน และเน้นย้ำถึงประโยชน์ต่อสุขภาพจากการแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ตัวอย่างของการเริ่มต้นการสนทนาที่ Green Physician Toolkit แนะนำ เช่น ‘การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้คลื่นความร้อนเกิดบ่อยขึ้น ซึ่งความร้อนจะทำให้ร่างกายเครียด และส่งผลต่อสุขภาพ’ หรือ ‘ยาจะทำให้คุณเสี่ยงต่อความร้อนมากขึ้นได้อย่างไร’

“รถยนต์สันดาปจะปล่อยมลพิษทางอากาศที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพของคุณ ดังนั้นอย่าลืมพกอุปกรณ์ช่วยหายใจ สวมหน้ากากอนามัยเมื่อต้องไปในพื้นที่การจราจรหนาแน่น”

นอกจากนี้ RCP ยังแนะนำให้ แพทย์ควรบอกให้กลุ่มผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงในปัญหาด้านสุขภาพระยะยาว รวมถึง ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และสตรีมีครรภ์ ตื่นตัวต่อผลกระทบด้านสุขภาพจิต ที่อาจเกิดขึ้นได้จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงความทุกข์ทรมานทางสิ่งแวดล้อม และภาวะซึมเศร้า โรควิตกกังวล โรค PTSD ที่เกิดหลังจากการประสบภัยทางธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม

RCP คาดว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะทำให้มีผู้เสียชีวิตเกิน 250,000 รายต่อปีภายในปี 2593 และแม้ว่ามากกว่าครึ่งหนึ่งมีแนวโน้มที่จะอยู่ในแอฟริกา แต่สหราชอาณาจักรก็จะได้รับผลกระทบโดยตรงจากความร้อนจัดและน้ำท่วม หรือ มีผู้ลี้ภัยสภาพภูมิอากาศจำนวนมากอพยพมาอยู่ในอังกฤษ โฆษก

NHS กล่าวว่า “เจ้าหน้าที่ NHS ต้องให้ความสำคัญกับความต้องการของผู้ป่วยเป็นอันดับแรกเสมอ แนวทางการแก้ปัญหาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมควรถูกนำมาใช้เฉพาะเมื่อมีความเหมาะสมทางคลินิกเท่านั้น และต้องสามารถช่วยประหยัดเงินของผู้เสียภาษีได้”

ห้างใหญ่เซี่ยงไฮ้ ‘กระตุ้นชอปปิง-ท่องเที่ยว’ ชาวต่างชาติ แค่แสดงหนังสือเดินทาง รับคูปองส่วนลด 5,500 บาท

(23 ก.ค.67) ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในนครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของจีน ได้แจกบัตรของขวัญให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติไว้ใช้จับจ่ายซื้อของเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว

โดย สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีของทางการจีนรายงานว่า ห้างสรรพสินค้าใหญ่บนถนน อีสต์ นานจิง แหล่งท่องเที่ยวสำคัญในนครเซี่ยงไฮ้ แจกบัตรของขวัญให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ เพียงแค่แสดงหนังสือเดินทาง ก็จะได้รับคูปองที่ไม่มีเงื่อนไขมูลค่า 8 หยวน หรือประมาณ 40 บาท และคูปองส่วนลดอีก 2 ใบ มูลค่า 1,100 หยงน หรือประมาณ 5,500 บาท ไว้ใช้จับจ่ายซื้อของเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว ขณะที่บรรดานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ต่างพอใจกับมาตรการแจกคูปองดังกล่าว เพราะจะช่วยให้พวกเขาตัดสินใจซื้อสินค้าและกิจกรรมต่าง ๆ ขณะท่องเที่ยวในเซี่ยงไฮ้ได้ง่ายขึ้น

ซึ่งมาตรการแจกบัตรของขวัญให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติดังกล่าว เป็นหนึ่งในกิจกรรมหลากหลายเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติของนครเซี่ยงไฮ้ หลังจากจีนประกาศใช้นโยบายวีซ่าฟรี แก่นักท่องเที่ยวจาก 15 ประเทศทั่วโลก คาดว่าการให้ส่วนลดในการช้อปปิ้ง จะทำให้นักท่องเที่ยวใช้จ่ายและบริโภคมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมจูงใจอื่น ๆ เช่น การทำให้ผู้ถือบัตรเครดิตธนาคารต่างประเทศสามารถชำระเงินได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

ขณะที่ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนนครเซี่ยงไฮ้แล้วมากกว่า 2 ล้านคน คิดเป็น 2.8 เท่าจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนในช่วงครึ่งปีแรก มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาจีนกว่า 14 ล้านคนเพิ่มจากเมื่อปีที่แล้วกว่า 150% ในจำนวนนี้ มากกว่า 8 ล้านคนเข้าประเทศด้วยนโยบายวีซ่าฟรี

‘แฮร์ริส’ ภูมิใจได้รับแรงหนุนจากคนในพรรค หลัง ‘ไบเดน’ ถอนตัว พร้อมลงชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สู้!! ‘โดนัลด์ ทรัมป์’

(23 ก.ค.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ‘กมลา แฮร์ริส’ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า เธอได้รับการสนับสนุนจากคณะผู้แทนของพรรคเดโมแครตมากพอจะได้รับการเสนอชื่อเป็นตัวแทนพรรคฯ ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ใกล้จะเกิดขึ้น

โดยแถลงการณ์จากแฮร์ริสระบุว่า เธอภูมิใจที่ได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวางที่จำเป็นต่อการได้รับเสนอชื่อเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต และหวังว่าจะได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการเร็ว ๆ นี้

อนึ่ง โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศเมื่อวันอาทิตย์ (21 ก.ค.) ว่าเขาจะถอนตัวออกจากการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2024 ภายใต้แรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากภายในพรรคเดโมแครต โดยไบเดนยังแสดงการสนับสนุนอย่างเต็มที่ในการเสนอให้แฮร์ริสเป็นแคนดิเดตชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของพรรคฯ

แฮร์ริสได้รับแรงหนุนจากบุคคลสำคัญของพรรคเดโมแครตหลายคน ซึ่งรวมถึงอดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรอย่างแนนซี เพโลซี ที่เรียกร้องให้พรรคฯ รวมพลังและคว้าชัยเหนืออดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top