Sunday, 18 May 2025
World

‘ยูเครน’ โวย!! Starlink ให้กองทัพรัสเซียใช้ได้ไง ด้าน ‘อีลอน มัสก์’ แจง!! “มันเป็นแค่ข่าวปลอม”

สำนักหน่วยข่าวกรองของยูเครน ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่าน Telegram ว่า ตอนนี้กองทัพรัสเซียกำลังใช้บริการอินเทอร์เน็ตดาวเทียม Starlink ของ อีลอน มัสก์ ในเขตพื้นที่ยึดครองของรัสเซียในยูเครน พร้อมแนบหลักฐานเป็นคลิปสนทนาสั้น ๆ ที่ระบุว่าเป็นทหารรัสเซียที่คุยกันว่า ‘พวกเขากำลังใช้อินเทอร์เน็ตของ Starlink อยู่’ 

ด้าน อังเดรย์ ยูซอฟ ตัวแทนจากหน่วยข่าวกรองของยูเครนออกมากล่าวว่า ทางยูเครนมีหลักฐานการแอบใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม Starlink ของกองทัพรัสเซียเป็นจำนวนมาก เชื่อว่าเรื่องนี้จะนำไปสู่ปัญหาในเชิงระบบในไม่ช้า อีกทั้งยังเปิดเผยด้วยว่า กองกำลังฝ่ายรัสเซีย และพื้นที่ที่พบการใช้งาน ก็คือ กองพลจู่โจมทางอากาศที่ 83 ที่ปักหลักโจมตีในเมือง Klishchiivka และ Andriivka ในเขตแคว้นโดเนตสค์ ซึ่งตอนนี้อยู่ในพื้นที่ยึดครองของรัสเซีย

Starlink เป็นบริษัทผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมของอีลอน มัสก์ ปัจจุบันมีดาวเทียมส่งสัญญาณมากถึง 5,289 ดวง ครอบคลุมการใช้งานถึง 70 ประเทศในทุกทวีปทั่วโลก โดยอีลอน มัสก์ ได้เปิดให้ยูเครนใช้บริการ Starlink เป็นกรณีพิเศษ ตั้งแต่ช่วงเริ่มสงครามรัสเซีย-ยูเครน เพื่อสนับสนุนการตอบโต้ของกองทัพยูเครน 

แต่ทว่า ต่อมาความสัมพันธ์ของอีลอน มัสก์ และ รัฐบาลยูเครนเริ่มเย็นชาต่อกัน ตั้งแต่ที่อีลอน มัสก์ สั่งให้ระงับสัญญาณในบริเวณพื้นที่ชายฝั่งทางคาบสมุทรไครเมีย ทำให้กองทัพยูเครนต้องพับแผนการโจมตีไครเมียด้วยโดรนพิฆาตไป โดยอีลอน อ้างว่า การโจมตีของฝ่ายยูเครนในพื้นที่ไครเมียอาจทำให้สงครามเข้าสู่จุดที่เลวร้ายมากกว่าเดิม จนถึงขั้นสงครามนิวเคลียร์ได้ 

จนกระทั่งวันนี้ที่หน่วยข่าวกรองยูเครนออกมาแถลงว่า พบหลักฐานว่ากองทัพรัสเซียสามารถเข้าถึงบริการ Starlink ของอีลอน มัสก์ ได้แล้ว พร้อมข่าวลือแพร่สะพัดว่า รัสเซียซื้ออุปกรณ์สัญญาณถูกลิขสิทธิ์ของ Starlink ผ่านทางรัฐบาลดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

เป็นเหตุให้อีลอน มัสก์ ต้องออกมาโพสต์ผ่าน X ว่า “มีการปล่อยข่าวปลอมมากมายว่า SpaceX กำลังจะเปิดสัญญาณ Starlink ให้รัสเซีย ซึ่งมันเป็นแค่ข่าวปลอม สิ่งที่พวกคุณควรรู้ไว้คือ เราไม่เคยขาย Starlink ให้รัสเซีย ไม่ว่าจะทางตรง หรือ ทางอ้อม ใด ๆ ทั้งสิ้น”

เช่นเดียวกับทางรัสเซีย ดมิตริ เพสคอฟ โฆษกประจำทำเนียบเครมลิน ก็ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาของยูเครนที่ว่า กองทัพรัสเซียแอบมาขโมยเสาสัญญาณ Starlink ไปใช้ หรือได้ใช้อินเทอร์เน็ต Starlink ในเขตยึดครองโดเนตสค์

แต่ก็มีความเป็นไปได้เหมือนกันที่ฝ่ายกองทัพรัสเซียจะเข้าถึงสัญญาณอินเทอร์เน็ตของ Starlink ได้ เนื่องจากอินเทอร์เน็ตดาวเทียม ส่งสัญญาณตามขอบเขตทางภูมิศาสตร์ ทหารรัสเซียก็มีโอกาสเข้าถึง Starlink ในพื้นที่ของยูเครน และอาจทำการปลอมแปลงข้อมูลเขตภูมิศาสตร์ให้แสดงว่ากำลังใช้งานอยู่ในพื้นที่ที่ถูกบล็อก หรืออยู่นอกเขตบริการ Starlink ก็ทำได้เช่นกัน

ในยุค Internet of Things ทุกอย่างเสกสรรได้ด้วยอินเทอร์เน็ต ไม่เว้นแต่ความได้เปรียบในการทำศึกสงครามที่ไม่ได้วัดด้วยปริมาณกำลังพลเสมอไป ดังนั้นการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่เสมอกันของฝั่งศัตรู ไม่ว่าจะซื้อใช้เอง ขอยืมใช้ หรือแอบใช้ ก็สร้างความระแวงได้เหมือนกัน

‘จีน’ เฮ!! อุตสาหกรรม ‘โลจิสติกส์’ ปี 2023 โตต่อเนื่อง สร้างรายได้ให้ประเทศรวม 66 ล้านล้านบาท

เมื่อวานนี้ (12 ก.พ. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สหพันธ์โลจิสติกส์และการจัดซื้อแห่งประเทศจีน รายงานว่าภาคโลจิสติกส์ของจีนมีรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2023

ทั้งนี้ รายงานระบุว่า อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ของจีนทำรายได้ในปี 2023 รวม 13.2 ล้านล้านหยวน (ราว 66 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.9 เมื่อเทียบปีต่อปี

ขณะเดียวกันภาคโลจิสติกส์ของจีนมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2023 โดยอัตราส่วนต้นทุนโลจิสติกส์ทางสังคมต่อผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) อยู่ที่ร้อยละ 14.4 ลดลงจากปีก่อนหน้า 0.3 จุด

ส่วนการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางโลจิสติกส์ของจีนก้าวหน้ามั่นคงในปี 2023 โดยการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเกี่ยวกับโลจิสติกส์ตลอดปี เช่น การขนส่ง คลังสินค้า และการบริการทางไปรษณีย์ เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 10 เมื่อเทียบปีต่อปี

‘จนท.สหรัฐฯ’ ยัน!! มีผู้เสียชีวิตจาก ‘ฝีดาษอะแลสกา’ คาด!! ได้รับเชื้อจาก ‘แมวข่วน’ และอาจเป็นพาหะนำโรค

(14 ก.พ.67) เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอะแลสกา ของสหรัฐฯ รายงานว่าพบผู้ป่วยฝีดาษอะแลสกาเสียชีวิต โดยเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าผู้เสียชีวิตรายนี้ (ไม่มีการเปิดเผยอายุที่แน่ชัด) ซึ่งมาจากคาบสมุทรคีนาย ทางตอนใต้ของรัฐอะแลสกา ได้รับการรักษาอาการป่วยในโรงพยาบาล หลังจากติดเชื้อฝีดาษอะแลสกา และเขาได้เสียชีวิตช่วงปลายเดือนมกราคม ที่ผ่านมา ขณะที่มีรายงานว่าชายสูงอายุผู้นี้มีประวัติระบบภูมิคุ้มกันบกพร่องอีกด้วย

เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ระบุว่า ผู้เสียชีวิตอาศัยอยู่ตามลำพังในพื้นที่ป่าและรายงานว่าไม่มีการเดินทางและไม่มีการสัมผัสใกล้ชิดกับใคร แต่มีรายงานว่า เขาเคยดูแลแมวจรจัดที่บ้านของเขา โดยแมวทดสอบไวรัสเป็นลบ แต่ก่อนหน้านี้แมวข่วนผู้เสียชีวิตบ่อยครั้ง แถลงการณ์ระบุ ทำให้มีความเป็นไปได้ที่แมวอาจจะมีไวรัสติดอยู่ที่เล็บเมื่อมันข่วนผู้เสียชีวิต โดยพบว่า พบรอยขีดข่วนที่เห็นได้ชัดเจนใกล้บริเวณรักแร้ซึ่งเป็นจุดแรกที่ผู้เสียชีวิตแสดงอาการป่วยด้วย

เจ้าหน้าที่สาธารณสุข กล่าวว่า ยังไม่มีรายงานกรณีการแพร่เชื้อฝีดาษอะแลสกาจากคนสู่คน แต่แนะนำให้ผู้ที่มีอาการทางผิวหนังซึ่งอาจเกิดจากฝีดาษอะแลสกาใช้ผ้าพันแผลปิดบริเวณที่ได้รับผลกระทบ ทางแพทย์ก็ยังได้แนะนำอีกว่า ประชาชนทุกคนควรล้างมือให้สะอาด หลีกเลี่ยงการใช้เสื้อผ้าที่อาจสัมผัสกับผื่นแผล

‘จีน’ เตรียมดึง ‘ครูเกษียณ’ กลับมาทำงาน หวังช่วยพัฒนาการศึกษาโรงเรียนเอกชน

(14 ก.พ.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า หนังสือเวียนจากกระทรวงศึกษาธิการของจีนเผยว่าจีนกำลังพยายามปรับปรุงคุณภาพการศึกษาในโรงเรียนเอกชน ด้วยการส่งเสริมให้ครูเกษียณอายุที่มีประสบการณ์เข้ามาสนับสนุนการทำงาน

หนังสือเวียนระบุว่าจะมีการเปิดตัวโครงการรณรงค์พิเศษเพื่อส่งเสริมให้ครูเกษียณอายุมีส่วนร่วมสนับสนุนการสอนและการวิจัยในโรงเรียนเอกชน ซึ่งคาดว่าหลังจากเปิดตัวโครงการดังกล่าวจะมีการคัดเลือกครูเกษียณอายุราว 20,000 คนทุกๆ ปี

โดยครูเกษียณอายุได้รับการส่งเสริมให้ช่วยทำงานในโรงเรียนเอกชนในภูมิภาคทางตะวันตกของจีนและภูมิภาคของกลุ่มชาติพันธุ์ส่วนน้อย โดยระหว่างนี้คาดการณ์ว่าบรรดาโรงเรียนเอกชนจะพัฒนาระบบพี่เลี้ยงสำหรับครูเกษียณอายุ เพื่อเป็นการแบ่งปันความรู้และประสบการณ์กับเพื่อนร่วมอาชีพรุ่นใหม่

‘Huawei’ โชว์เหนือ ผุดแท่นชาร์จ EV 1 วินาทีต่อ 1 กิโลเมตร ใช้เวลาพอๆ กับเติมน้ำมัน-เร็วกว่าแท่นชาร์จ Tesla ถึง 2 เท่า

(15 ก.พ. 67) รายงานข่าวระบุว่า Huawei Technologies ได้เปิดตัวสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าความเร็วสูง ซึ่งเป็นผลงานของ Huawei Digital Power มีความสามารถในการอัดประจุไฟฟ้าได้มากถึง 600 kW และโฆษณาว่า “ทุกการชาร์จ 1 วินาที จะได้ระยะเพิ่มขึ้น 1 กม.” นั่นหมายความว่า ชาร์จเพียง10 นาทีจะวิ่งได้ระยะทางไกล 600 กม. ซึ่งใช้ระยะเวลาใกล้เคียงกับการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงและเร็วกว่าสถานี Supercharger ของ Tesla ถึง 2 เท่า

ทั้งนี้ Huawei วางแผนขยายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าความเร็วสูงดังกล่าวด้วยจำนวนกว่า 1 แสนแห่งในประเทศจีนภายในปีนี้ โดยผ่านการร่วมมือกับเจ้าของพื้นที่ต่าง ๆ เช่น ศูนย์การค้า รวมถึงบริเวณใกล้เคียงมอเตอร์เวย์ เพื่อให้ผู้บริโภคที่ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น ซึ่งสถานีชาร์จความเร็วสูงของ Huawei นั้นสามารถชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้ทุกรุ่นทุกแบรนด์

ปัจจุบัน ประเทศจีนมีสถานีชาร์จราว 2.7 ล้านแห่ง ตามข้อมูลของพันธมิตรส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของจีน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นราว 40% ภายในปีนี้ แต่มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่เป็นหัวชาร์จเร็ว

‘ปธน.เม็กซิโก’ กุมขมับ!! การลักลอบขน ‘อาวุธสหรัฐฯ’ เกิดขึ้นถี่ ชี้!! 70% มาจาก ‘เท็กซัส’ ร้อง รบ.สหรัฐฯ แล้ว แต่ยังไม่เห็นผล

(15 ก.พ.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า อันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ ประธานาธิบดีเม็กซิโก กล่าวระหว่างการแถลงข่าวว่าอาวุธจากสหรัฐฯ ที่ถูกลักลอบขนส่งเข้าเม็กซิโกครึ่งหนึ่งนั้นมาจากรัฐเท็กซัส

โลเปซ โอบราดอร์ ได้ตั้งคำถามว่าเหตุใดเกร็ก แอบบอตต์ ผู้ว่าการรัฐเท็กซัสของสหรัฐฯ จึงยินยอมให้สถานการณ์ดังกล่าวดำเนินต่อไป ขณะที่แอบบอตต์เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนหลักในการกระชับการควบคุมชายแดนให้เข้มงวดยิ่งขึ้น พร้อมตั้งคำถามว่าผู้ว่าการรัฐเท็กซัสจะตอบสนองต่อประเด็นนี้อย่างไร

โลเปซ โอบราดอร์ ระบุว่านับตั้งแต่ตัวเขาเริ่มเข้ามารับตำแหน่งบริหารประเทศเมื่อเดือนธันวาคม 2018 ได้มีการยึดอาวุธเกือบ 50,000 ชิ้น โดยร้อยละ 70 มาจากสหรัฐฯ ซึ่งครึ่งหนึ่งมาจากเท็กซัส

เม็กซิโกเรียกร้องสหรัฐฯ หลายต่อหลายครั้งให้ดำเนินการมากขึ้นเพื่อควบคุมการลักลอบนำเข้าอาวุธปืนสู่เม็กซิโก ซึ่งกระตุ้นให้เกิดความรุนแรง โดยเฉพาะระหว่างองค์กรอาชญากรรมที่เป็นคู่อริกัน

ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลเม็กซิโกได้เรียกร้องให้สหรัฐฯ และแคนาดาช่วยต่อต้านการลักลอบขนส่งอาวุธ ‘พลังงานสูง’

2 เหตุผลที่ลูกค้าเริ่มส่งคืน Apple Vision Pro เพื่อรับเงินคืนเต็มจำนวน ใช้แล้วเหมือนคนเมารถ-ครีเอเตอร์ทำคอนเทนต์รีวิวจบแล้วจาก

เมื่อวานนี้ (15 ก.พ.67) รายงานจากหลายแหล่งบนโซเชียลมีเดียกำลังพูดถึงการส่งคืนอุปกรณ์ Apple Vision Pro เพื่อขอรับเงินคืนเต็มจำนวนกำลังเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน สาเหตุนั้นเป็นเพราะอะไร?

Apple Vision Pro อุปกรณ์เพื่อการเข้าสู่โลก Mixed-reality หรือ Spatial computer ตามที่ Apple ชอบเรียก หลังจากเปิดจำหน่ายและส่งมอบสินค้าออกไปให้ผู้ที่สั่งจองในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก็ได้สร้างกระแสในโซเชี่ยลกันอย่างคึกคัก มีการโพสต์ข้อมูลและการรีวิวจากผู้ใช้ รวมถึงการโชว์ประสิทธิภาพการทำงานที่ตื่นตาตื่นใจออกมามากมายสำหรับผู้ที่ได้สินค้ากันไปการส่งมอบล็อตแรก 

แล้วทำไมถึงมีคนส่งคืนอุปกรณ์เพื่อขอรับเงินคืนกันแล้ว?

ประการแรก คาดว่ามาจากกลุ่มคนที่วางแผนไว้ตั้งแต่ตอนสั่งซื้อ Vision Pro พวกเขาตั้งใจที่จะส่งคืนอุปกรณ์ภายในกรอบเวลาการรับประกันความพึงพอใจของ Apple ซึ่งเป็นมาตรฐานในต่างประเทศที่กำหนดเอาไว้เป็นเวลา 2 สัปดาห์ เพื่อขอรับเงินคืนเต็มจำนวน โดยส่วนใหญ่พวกเขามักจะเป็นเหล่าบรรดาครีเอเตอร์ ผู้ที่รับสินค้ามาเพื่อจัดทำคอนเทนต์ เมื่อถ่ายวิดีโอหรือโพสต์บนโซเชียลมีเดียสำเร็จแล้ว การเก็บสินค้าไว้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีกต่อไป เพราะฉะนั้นก่อนวันศุกร์ซึ่งเป็นเส้นตายที่จะถึงนี้ พวกเขาที่ได้สินค้ามาเป็นล็อตแรกจะต้องรีบทำเรื่องขอส่งคืนเพื่อจะได้ประหยัดเงินเป็นจำนวน 3,499 ดอลลาร์ไปในกระบวนการนี้นั้นเอง

แต่ก็มีอีกกลุ่มหนึ่งที่ดูเป็นเรื่องน่ากังวลมากกว่าสำหรับ Apple นั้นคือ กลุ่มลูกค้าจริงที่พวกเขาได้ตัดสินใจแล้วว่า อุปกรณ์สวมใส่ตัวนี้ไม่เหมาะสำหรับพวกเขาในการใช้งาน

เมื่อดูตามความคิดเห็นบนโซเชียลมีเดียจะพบว่า เหตุผลของคนจำนวนมากที่ขอส่งคืนอุปกรณ์ Vision Pro มาจากอาการที่เกิดขึ้นเป็นประจำอยู่แล้วในอุปกรณ์สวมใส่บนใบหน้า มันคืออาการ Motion Sickness นั้นเอง พวกเขามีอาการปวดหัวคล้ายกับคนเมารถในขณะใช้งาน มันเกิดขึ้นประจำกับอุปกรณ์ประเภทนี้แม้ทาง Apple จะพยายามเพิ่มความคมชัดและปรับให้ระบบโฟกัสสามารถทำงานร่วมกับสายตามนุษย์ได้อย่างดีที่สุดแล้วก็ตาม อาการเหล่านี้ก็ยังคงไม่หายไป บางคนสามารถทนใช้งานได้นานโดยที่ไม่รู้สึกอะไร แต่กับบางคนพวกเขาใช้งานได้เพียงในเวลาไม่นานเท่านั้นก็จะเกิดอาการเวียนหัวหรือปวดหัวแบบคนเมารถในทันที

แม้ว่ารายงานข่าวจะพูดถึงการส่งคืนอุปกรณ์ Vision Pro จะดูเป็นเรื่องน่าตื่นตระหนกสำหรับอุปกรณ์ราคาหลักแสนบาท แต่ก็ยากที่จะบอกว่าปัญหาใหญ่สำหรับ Apple เพราะเราก็ไม่เห็นตัวเลขที่แท้จริงของการส่งมอบสินค้าคืน แต่สิ่งหนึ่งที่เชื่อได้คือเหตุผลที่ผู้คนบอกแก่ Apple ในการส่งคืนสินค้า จะเป็นการกระตุ้นให้วิศวกรและนักออกแบบนำไปพัฒนาเพื่อเริ่มสร้างอุปกรณ์รุ่นถัดไป
เพราะแม้ทีมพัฒนาของ Apple เอง ที่ทำงานอยู่กับ Vision Pro พวกเขาก็ยังเชื่อว่าอาจจะต้องใช้เวลามากถึง 4 เจนเนอเรชั่นกว่าอุปกรณ์จะเป็นรูปเป็นร่างตามอุดมคติที่ตั้งใจของเขานั่นเอง

‘ไมโครซอฟท์’ เดินหน้าขยายความเป็นผู้นำโลกด้านการแข่งขัน จ่อลงทุน 'โครงสร้างพื้นฐาน AI' ใน ‘เยอรมนี’ 1.24 แสนล้านบาท

(16 ก.พ.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ไมโครซอฟท์ (Microsoft) เปิดเผยแผนการลงทุนระยะ 2 ปี มูลค่า 3.2 พันล้านยูโร (ราว 1.24 แสนล้านบาท) เพื่อขยายโครงสร้างพื้นฐานด้านคลาวด์และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในเยอรมนี ซึ่งเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดของไมโครซอฟท์ในประเทศนี้

ไมโครซอฟท์จะขยายภูมิภาคคลาวด์ที่มีอยู่ในแฟรงก์เฟิร์ต อัมไมน์ ของรัฐเฮสส์ และเพิ่มขีดความสามารถด้านคลาวด์ในนอร์ธ ไรน์-เวสต์ฟาเรีย มากกว่าสองเท่า ผ่านโครงสร้างพื้นฐานใหม่ พร้อมกับวางแผนฝึกอบรมทักษะทางดิจิทัลแก่ประชาชนในเยอรมนีมากกว่า 1.2 ล้านคนภายในสิ้นปี 2025

ด้าน แบรด สมิธ รองประธานและประธานของไมโครซอฟท์ กล่าวว่า ไมโครซอฟท์อยากทำให้เศรษฐกิจเยอรมนีได้ประโยชน์จากปัญญาประดิษฐ์ เพื่อเดินหน้าขยายความเป็นผู้นำโลกในด้านความสามารถทางการแข่งขัน โดยความต้องการปัญญาประดิษฐ์เพิ่มขึ้นในภาคส่วนสำคัญอย่างการผลิต ยานยนต์ และเภสัชภัณฑ์

โอลาฟ ชอลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี กล่าวว่า การลงทุนมูลค่านับพันล้านยูโรของไมโครซอฟท์ถือเป็นข่าวดีมากสำหรับเยอรมนี โดยโครงการดังกล่าวสะท้อนว่าเยอรมนีมีทำเลที่ตั้งอันน่าดึงดูดใจและได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุน

อนึ่ง ก่อนหน้านี้เมื่อสิ้นปี 2023 รัฐบาลเยอรมนีประกาศการลงทุนด้านการวิจัย พัฒนา และประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ มูลค่า 1.6 พันล้านยูโร (ราว 6.22 หมื่นล้านบาท) ภายในปี 2025
ไมโครซอฟท์เสริมว่าบริษัทเยอรมนีชื่อดังหลายแห่ง เช่น ซีเมนส์ ไบเออร์ และคอมเมิร์ซแบงก์ กำลังใช้งานแอปพลิเคชันปัญญาประดิษฐ์ของไมโครซอฟท์แล้ว

ผลสำรวจจากบิตคอม (Bitkom) สมาคมดิจิทัล พบว่าชาวเยอรมนีส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าปัญญาประดิษฐ์จะเปลี่ยนแปลงสังคมอย่างชัดเจนภายในไม่กี่ปีข้างหน้า และมีทัศนคติเปิดกว้างต่อปัญญาประดิษฐ์ในหลายด้าน ซึ่งรวมถึงความปลอดภัยทางไซเบอร์

‘ผู้โดยสาร’ ช็อก!! เจอ ‘ฝูงหนอน’ ตกใส่ ขณะนั่งอยู่บนเครื่อง สืบต้นตอพบ ‘ปลาเน่าเป็นเหตุ’ วุ่น!! จนต้องบินกลับไปจอดต้นทาง

เที่ยวบินลำหนึ่งของสายการบินเดลตา แอร์ไลน์ มุ่งหน้าสู่สหรัฐฯ ต้องวกกลับไปลงจอด ณ ท่าอากาศยานต้นทางในเนเธอร์แลนด์ หลังหนอนยั้วเยี้ยจากช่องเก็บสัมภาระเหนือศีรษะร่วงใส่ผู้โดยสาร ตามรายงานของสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์ 2 ในดีทรอยต์

เมื่อวันที่ 13 ก.พ.67 เที่ยวบิน 133 ของสายการบินเดลตา แอร์ไลน์ ได้ขึ้นบินออกจากอัมสเตอร์ดัม สู่เมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน แต่หลังจากผ่านไป 1 ชั่วโมง เครื่องบินโบอิ้ง A330-300 ต้องเลี้ยวกลับไปยังท่าอากาศยานสคิปโพล หลังจากได้รับแจ้งว่ามีหนอนจากช่องเก็บสัมภาระเหนือศีรษะร่วงลงมาใส่ผู้โดยสารรายหนึ่ง

ฟิลิป ชอตต์ ผู้โดยสารชายเนเธอร์แลนด์ ซึ่งปัจจุบันพำนักอยู่ในรัฐไอโอวา เล่าว่าเขาเห็นหนอนหลายสิบตัวหล่นใส่ผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งถัดไปจากเขา "เธอแตกตื่นอย่างที่สุด พยายามทำทุกอย่างเพื่อปัดหนอนพวกนี้ออกไป แน่นอนว่ามันเป็นสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนมาก ผมทำอะไรไม่ถูก เรารอจนกว่าจะมีคนเข้ามาช่วยเหลือ"

ชอตต์ เล่าต่อว่า สุดท้ายแล้วพนักงานต้อนรับบนเที่ยวบินสามารถแกะรอยหาต้นทางพวกหนอนเหล่านี้จนเจอ โดยมันมาจากกระเป๋าใบหนึ่งของผู้โดยสาร ซึ่งภายในบรรจุปลาเน่าห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ และกระเป๋าถูกเคลื่อนย้ายไปบริเวณท้ายเครื่อง และกัปตันประกาศแจ้งว่าเครื่องบินกำลังเลี้ยวกลับไปยังอัมสเตอร์ดัม

ผู้โดยสารรายนี้บอกกับฟ็อกซ์ 2 ว่าเขาจำเป็นต้องขึ้นเครื่องบินอีกลำ สำหรับมุ่งหน้าสู่สหรัฐฯ ในไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น อย่างไรก็ตาม ซีเอ็นเอ็นไม่ขอยืนยันรายละเอียดคำกล่าวอ้างของชอตต์

อ้างอิงข้อมูลจาก FlightAware เว็บไซต์ติดตามการบิน พบว่าเที่ยวบิน 133 บินอยู่บนท้องฟ้าแค่ราว 1 ชั่วโมง 49 นาที ส่วนสายการบินเดลตา แอร์ไลน์ ยืนยันกับซีเอ็นเอ็น ว่าเที่ยวบินจำเป็นต้องเลี้ยวกลับ แต่ไม่ตอบคำถามตรงๆ เกี่ยวกับปัญหาหนอนบนเครื่อง

"เราขออภัยคุณลูกค้าของเที่ยวบิน 133 AMS-DTW ซึ่งการเดินทางของท่านต้องติดขัดสืบเนื่องจากกระเป๋าถือที่บรรจุหีบห่อที่ไม่เหมาะสม" เดลตา แอร์ไลน์ ระบุในถ้อยแถลงที่ส่งถึงซีเอ็นเอ็น "เครื่องบินกลับสู่ประตูเทียบท่า และผู้โดยสารถูกพาขึ้นเที่ยวบินถัดไป และเครื่องบินถูกถอดจากการให้บริการเพื่อทำความสะอาด"

ทั้งนี้ เดลตา แอร์ไลน์ ไม่มีกฎระเบียบห้ามนำวัตถุดิบอาหารเน่าเปื่อย ในนั้นรวมถึงปลาขึ้นเครื่อง ตราบใดที่มันไม่ละเมิดข้อจำกัดด้านการเกษตรของประเทศจุดหมายปลายทาง

‘NASA’ ค้นพบ ‘ซูเปอร์เอิร์ธ’ โลกใหม่ที่ใหญ่กว่าโลกของเรา อยู่ห่างไปเพียง 137 ปีแสง ชี้!! หลายปัจจัยเอื้อต่อการอยู่อาศัย

(17 ก.พ. 67) องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (NASA) ได้เผยการค้นพบ ‘TOI-715b’ ดาวเคราะห์นอกระบบ ที่เป็น ‘ซูเปอร์เอิร์ธ’ (Super-Earth) หรือโลกที่ใหญ่กว่าโลกของเรา ที่อาจเอื้อต่อการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิต โดยดาวเคราะห์ดวงนี้ อยู่ห่างจากโลกประมาณ 137 ปีแสงเท่านั้น

ในการค้นพบซูเปอร์เอิร์ธในครั้งนี้ เป็นผลมาจากภารกิจที่ให้ดาวเทียมสำรวจดาวเคราะห์นอกระบบ (TESS) ของ NASA สำรวจอวกาศอันกว้างใหญ่ และได้พบดาวเคราะห์นอกระบบ ซึ่งได้ถูกตั้งชื่อว่า ‘TOI-715b’ โดยโคจรรอบดาวแคระแดงที่เย็นและเล็กกว่าดวงอาทิตย์ของเรา

นักดาราศาสตร์ได้ระบุถึงดาวเคราะห์ดวงนี้ว่า อาจมีขนาดกว้างกว่าโลกของเราหนึ่งเท่าครึ่ง ใช้เวลา 19 วัน ในการโคจรรอบดาวแคระแดงในระบบของตัวเอง โดยดาวเคราะห์ TOI-715b อยู่ใกล้ดาวฤกษ์มากพอที่จะทำให้มันกลายเป็นพื้นที่ที่เหมาะแก่การอยู่อาศัย คือมันมีระยะห่างจากดาวฤกษ์ที่เหมาะสมคล้ายกับโลกของเรา จนทำให้อุณหภูมิภายในดาวอาจสร้างสิ่งที่สิ่งมีชีวิตได้ และยังอยู่ห่างออกไปประมาณ 137 ปีแสงเท่านั้น

‘Georgina Dransfield’ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮม สหราชอาณาจักร กล่าวว่า ระยะที่ห่างจากดาวฤกษ์ที่เหมาะสม ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เอื้อต่อการอยู่อาศัยมักจะคำนวณ จากปัจจัยต่างๆ เช่น ขนาด อุณหภูมิ และมวลของดาว การค้นพบนี้ถือเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น เนื่องจากเป็นซูเปอร์เอิร์ธดวงแรกจากภารกิจ TESS

“นี่จะเป็นหนึ่งในการค้นหาที่ทุกคนต่างรอคอยมากที่สุด เพราะมันจะช่วยให้เราเห็นว่าดาวเคราะห์ทั่วไปมีความคล้ายคลึงหรือแตกต่างกับโลกเพียงใด” เขากล่าว

ในอนาคตข้างหน้า นักดาราศาสตร์หวังว่าจะมีความสามารถมากพอ ในการค้นหาดาวเคราะห์ที่อยู่รอบๆ ดาวฤกษ์ที่คล้ายกับดวงอาทิตย์ของเราเพิ่มมากขึ้น โดยเร็วๆ นี้ จะมีภารกิจเพลโต (PLATO) ขององค์การอวกาศยุโรป (PLAnetary Transits and Oscillations of stars) ที่จะใช้กล้องจำนวน 26 ตัว เพื่อศึกษาและค้นหาดาวเคราะห์ที่เหมือนโลกในโซนที่อยู่อาศัยได้ หรือโคจรรอบดาวที่เหมือนดวงอาทิตย์


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top