Monday, 19 May 2025
World

‘จีน’ เปิดกำไร ‘ภาคอุตสาหกรรม’ เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.8 สะท้อน!! ภาคการผลิต-เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 27 ม.ค. 67 สำนักข่าวซินหัว, ปักกิ่ง รายงานข่าว สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน รายงานว่าบริษัทอุตสาหกรรมรายใหญ่ภายในประเทศ ซึ่งมีรายได้ทางธุรกิจหลักรายปีอย่างน้อย 20 ล้านหยวน (ราว 100 ล้านบาท) ทำกำไรรวมในเดือนธันวาคม 2023 เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.8 เมื่อเทียบปีต่อปี ซึ่งเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5

รายงานระบุว่า กำไรรวมของบริษัทอุตสาหกรรมรายใหญ่ในจีนของทั้งปี 2023 อยู่ที่ 7.69 ล้านล้านหยวน (ราว 39 ล้านล้านบาท) ซึ่งลดลงร้อยละ 2.3 เมื่อเทียบปีต่อปี และลดลงน้อยลง 2.1 จุดจากช่วง 11 เดือนแรก (มกราคม-พฤศจิกายน) ของปีเดียวกัน

ภาคการผลิตและจ่ายพลังงาน ความร้อน ก๊าซ และน้ำ กลายเป็นกลุ่มผู้ทำกำไรชั้นนำในปีที่ผ่านมา โดยมีกำไรรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 54.7 เมื่อเทียบปีต่อปี ซึ่งการเพิ่มขึ้นดังกล่าวมีส่วนส่งเสริมการเติบโตโดยรวมของกำไรทางอุตสาหกรรมในประเทศ 3.1 จุด

ขณะกำไรของภาคการผลิตอุปกรณ์ในจีน ช่วงปี 2023 เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.1 ซึ่งสูงกว่าอัตราการเติบโตของปีก่อนหน้า 2.4 จุด ส่วนอุตสาหกรรม 27 ประเภทจากทั้งหมด 41 ประเภท มีกำไรเติบโตในปีที่ผ่านมา

'ซินเนอร์' นักหวดชาวอิตาลี โค่น 'เมดเวเดฟ' รอบชิงดำ 3-2 เซต  ผงาดคว้าแชมป์ 'ออสเตรเลียน โอเพน' แกรนด์สแลมหนแรกในชีวิต

(29 ม.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ‘จานนิก ซินเนอร์’ นักเทนนิสมือ 4 ของโลก พลิกชนะ ‘ดานีล เมดเวเดฟ’ จาก รัสเซีย 3-2 เซต 3-6, 3-6, 6-4, 6-4, 6-3 ในศึกออสเตรเลียน โอเพน 2024 รอบชิงชนะเลิศ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 ม.ค. ที่ผ่านมา

เมดเวเดฟ รองแชมป์ 2 สมัย เบรกเสิร์ฟเซตละ 2 ครั้ง ตลอด 2 เซตแรก นับจากนั้น ซินเนอร์ ดีกรีรองแชมป์ เอทีพี ไฟนอลส์ 2023 ยกระดับเกมเสิร์ฟ อัด 11 จาก 14 เอซ เฉพาะ 3 เซตสุดท้าย  และโจมตีด้วยโฟร์แฮนด์วินเนอร์ลูกถนัด เบรกคืนเกม 10 ของเซต 3 กับ เซต 4 เสมอกัน 2-2 เซต

เมดเวเดฟ วัย 27 ปี เริ่มออกอาการอ่อนล้าจากการดวลถึง 5 เซต 2 แมตช์ล่าสุด พบ ฮูเบิร์ต ฮูร์คัชซ์ จาก โปแลนด์ และ อเล็กซานเดอร์ ซเวเรฟ จาก เยอรมนี จึงตกที่นั่งลำบาก ตามหลัง 0-40 เกมที่ 6 ของเซตตัดสิน สมนาคุณ 3 เบรกพอยน์ตแก่ ซินเนอร์ วัย 22 ปี

ซินเนอร์ มือ 4 รายการ ใช้โอกาสครั้งที่ 2 เปลี่ยนเบรกพอยน์ตสำเร็จ ขึ้นนำ 4-2 เกม แล้วรักษาเสิร์ฟเพื่อปิดแมตช์ด้วยลูกโฟร์แฮนด์วินเนอร์ กลายเป็นแชมป์ชาวอิตาเลียนคนแรก เฉพาะรายการนี้ และแชมป์ แกรนด์ สแลม ประเภทชายเดี่ยว คนที่ 3 ของอิตาลี ถัดจาก นิโกลา ปิเอทรานเจลี แชมป์ เฟรนช์ โอเพน 1959, 1960 กับ อาเดรียโน ปานัตตา แชมป์ เฟรนช์ โอเพน 1976

‘หวังอี้’ เข้าเฝ้าฯ ‘กรมสมเด็จพระเทพฯ’ ระหว่างเยือนไทย ย้ำชัด!! พระองค์ทรงเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพไทย-จีน

(29 ม.ค. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (28 ม.ค.) หวังอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน และกรรมการกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ กรุงเทพมหานคร

หวัง กล่าวว่า เขาได้พบปะกับปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย เมื่อวันอาทิตย์ (28 ม.ค.) เพื่อการประชุมหารือประจำปี ซึ่งทั้งสองฝ่ายบรรลุฉันทามติสำคัญว่าด้วยการสร้างประชาคมจีน-ไทยที่มีอนาคตร่วมกันให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

หวังกล่าวว่าทั้งสองฝ่ายลงนามข้อตกลงการยกเว้นการตรวจลงตราหรือวีซ่าซึ่งกันและกัน ซึ่งจะเกื้อหนุนการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน พร้อมเสริมว่าจีนและไทยมีความใกล้ชิดสนิทสนมดังครอบครัวเดียวกัน และการแลกเปลี่ยนที่เพิ่มขึ้นจะช่วยให้ทั้งสองประเทศผูกพันแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ หวังแสดงความหวังว่าราชวงศ์ไทย ซึ่งให้ความสำคัญยิ่งยวดกับสัมพันธไมตรีระหว่างจีนและไทยเสมอมา จะยังคงมีส่วนส่งเสริมการพัฒนามิตรภาพจีน-ไทยภายใต้สถานการณ์ใหม่

หวัง กล่าวว่า กรมสมเด็จพระเทพฯ ทรงเป็นสหายที่ดีและเพื่อนเก่าของประชาชนชาวจีน โดยพระองค์ทรงเคยได้รับเหรียญมิตรภาพและเสด็จฯ เยือนจีนมากกว่า 50 ครั้ง ซึ่งส่งเสริมความเข้าใจซึ่งกันและกันระหว่างประชาชนสองประเทศ และพระองค์ทรงเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพจีน-ไทย

หวังกล่าวว่าทั้งสองประเทศจะเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตในปีหน้า โดยจีนพร้อมรักษาการแลกเปลี่ยนระดับสูงกับฝ่ายไทย ดำเนินการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น และยกระดับความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์รอบด้านระหว่างสองประเทศสู่ระดับใหม่

ด้านกรมสมเด็จพระเทพฯ ตรัสว่าพระองค์ทำนุบำรุงสัมพันธไมตรีกับจีน และมักให้นักเรียนนักศึกษาของพระองค์ได้ชมเหรียญมิตรภาพดังกล่าว โดยพระองค์หวังว่าการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือระหว่างสองประเทศจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นในด้านการศึกษา การแพทย์แผนโบราณ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และการบินและอวกาศ

กรมสมเด็จพระเทพฯ ตรัสว่าพระองค์คาดหวังจะได้เยี่ยมเยือนสถานที่ต่างๆ ในจีนเพิ่มเติมในอนาคต

2 สาวนักเคลื่อนไหว บุกสาดซุปใส่ 'ภาพวาดโมนาลิซ่า' สร้างกระแสเรียกร้องสิทธิเรื่องอาหารให้โลกเหลียว

ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เกิดกระแสใหม่ในกลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการบุกโจมตี สาดสี สาดโคลนใส่ภาพวาด งานศิลปะชื่อดังระดับโลก เพื่อดึงความสนใจจากสังคม และพื้นที่บนหน้าสื่อในการส่งผ่านข้อเรียกร้องที่พวกเขาต้องการจะสื่อ สู่สังคมทั่วโลกให้ดังที่สุด

แม้ว่า การกระทำของพวกเขาจะถูกมองว่าเป็นการแสดง 'ความหิวแสง' และไม่เป็นที่ยอมรับจากสังคมโดยส่วนใหญ่ก็ตาม 

และล่าสุด ภาพวาดที่เรียกได้ว่า โด่งดังที่สุดในโลก อย่าง โมนาลิซ่า ของจิตรกรเอก เลโอนาร์โด ดา วินชี ก็ไม่รอด โดน 2 นักเคลื่อนไหวสาวจากกลุ่ม Riposte Alimentaire (การตอบโต้ด้วยอาหาร) บุกเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ เพื่อสาดซุปฟักทองใส่ภาพวาดชื่อดัง จนเลอะเทอะไปทั้งกำแพง เมื่อวันอาทิตย์ (28 มกราคม 67) ที่ผ่านมา

แต่ทั้งนี้ ภาพวาดโมนาลิซ่า ที่มีความงามเป็นอมตะ ตั้งแต่ยุคศตววรษที่ 16  รวมถึงภาพวาดระดับมาสเตอร์พีซอื่นๆ ภายในพิพิธภัณฑ์ มีการป้องกันอย่างดีในกรอบกระจกนิรภัย จึงไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด

ด้าน 2 สาว หลังก่อเหตุสาดซุปใส่ภาพวาดชื่อดังแล้ว ก็ออกยืนประกาศผลงานของตนรอสื่อมวลชนมาทำข่าว พร้อมกล่าวว่า "คิดว่าอะไรสำคัญกว่ากัน ระหว่างงานศิลปะ กับ สิทธิในการเข้าถึงอาหารที่ยั่งยืน และ ปลอดภัย" 

"ระบบการเกษตรของประเทศเรามันห่วย เกษตรกรจำนวนมากกำลังจะตาย คาสวน คาไร่ของพวกเขา"

และในขณะเดียวกัน ทางกลุ่ม Riposte Alimentaire ก็ได้โพสต์ข้อความผ่าน X ยอมรับว่าการโจมตีภาพวาดโมนาลิซ่าครั้งนี้เป็นฝีมือของทางกลุ่ม เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลฝรั่งเศส บรรจุสวัสดิการด้านอาหารเข้าไปในระบบประกันสังคม เพราะการเข้าถึงอาหารเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน โดยเรียกร้องให้รัฐบาลแจกคูปองมูลค่า 150 ยูโรให้ประชาชนทุกเดือนเพื่อนำไปซื้ออาหาร

Riposte Alimentaire เป็นหนึ่งในเครือข่าย A22 Network อันประกอบด้วยกลุ่มนักเคลื่อนไหวหลายกลุ่ม รวมถึงกลุ่ม Just Stop Oil ที่เคยบุกโจมตีภาพ 'ดอกทานตะวัน' ของ 'วินเซนต์ แวนโก๊ะ' ในหอศิลป์แห่งชาติ ที่กรุงลอนดอน เมื่อปี 2022 มาแล้ว 

สำหรับ เหตุการณ์นี้ ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะเหตุผลที่ต้องนำภาพวาดโมนาลิซา ไปใส่กรอบกระจกนิรภัยตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษที่ 1950 ก็เพราะเคยมีผู้เข้าชม เทกรด ใส่ จนภาพวาดได้รับความเสียหายมาแล้ว

ต่อมาในปี 2019 ทางพิพิธภัณฑ์ ก็ได้มีการติดตั้งกระจกกันกระสุนเข้าไปเพิ่ม เพื่อป้องกันภาพวาดอีกชั้นหนึ่ง และในปี 2022 โดยชายวัย 36 คนหนึ่ง ที่เข้าชมพิพิธภัณฑ์ด้วยเก้าอี้รถเข็น และได้ปาเค้กใส่รูปโมนาลิซ่า พร้อมตะโกนว่า "คิดถึงโลกซะบ้าง ผู้คนมากมายกำลังทำลายมันอยู่" ก่อนที่เขาจะถูกส่งตัวเข้าศูนย์บำบัดทางจิตในเวลาต่อมา

ทั้งนี้ ตามระเบียบขั้นตอนต่อไป ทางพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ก็จะทำรายงานร้องเรียนเพื่อดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุต่อไป ไม่ว่าเจตนาของกลุ่มนักเคลื่อนไหวจะเพื่อต้องการหาพื้นที่สื่อเพื่อเรียกร้องประเด็นเพื่อสังคมใดๆ ก็ตาม 

ด้าน ราชิดา ดาติ รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมของฝรั่งเศส ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่าน X ว่า "ภาพวาดก็เหมือนมรดกของชาติ ที่ควรถนอมรักษาให้รุ่นลูกหลานในอนาคตของพวกเราได้ชมด้วย" 

อยากจะบอกว่า แสงอยู่กับเราไม่นาน และหากต้องการให้เกิดกระแสเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมได้จริงและยาวนาน ควรหาวิธีที่สร้างสรรค์และทำซ้ำๆ อาจจะนานหน่อยกว่าคนจะตระหนัก แต่คงดีกว่ามาทำอะไรที่เป็นการ 'หิวแสง' แบบนี้

‘จีน’ เฮ!! โคลน ‘วัวทิเบต’ ใกล้สูญพันธุ์สำเร็จ ถือเป็นการโคลนสำเร็จครั้งแรกของโลก

(29 ม.ค. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า คณะนักวิทยาศาสตร์ของจีน ประกาศความสำเร็จในการโคลนวัวจางมู่และวัวอาเพ่ยเจี่ยจา ซึ่งเป็นวัวสองสายพันธุ์ใกล้สูญพันธุ์ในเขตปกครองตนเองทิเบต (ซีจ้าง) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน

ทั้งนี้ รายงานระบุว่า มีลูกวัวเพศผู้ของสองสายพันธุ์ข้างต้นเกิดใหม่สายพันธุ์ละ 4 ตัว ในอำเภออวิ๋นหยาง เทศบาลนครฉงชิ่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เมื่อไม่นานนี้ ซึ่งนับเป็นการโคลนวัวจากทิเบตสำเร็จครั้งแรกของโลก

Texas เหลืออด!! 'ไบเดน' ปล่อยชายแดนทางใต้เป็นจุดเสี่ยงผู้อพยพเถื่อน ชนวนขัดแย้งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จนอาจถึงขั้นแยกตัวจากสหรัฐฯ


ความขัดแย้งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนระหว่างมลรัฐ Texas และรัฐบาลกลางบริเวณชายแดนทางใต้ของมลรัฐ Texas ยังคงดำเนินต่อไป


CBS News Texas ได้พูดคุยกับ Haim Vasquez ทนายความด้านการย้ายถิ่นฐานของ North Texas เพื่อแจกแจงเรื่องราวทั้งหมดและสิ่งที่อาจเกิดขึ้นต่อไป “เราไม่เคยเห็นจุดที่เรามีในตอนนี้” Haim Vasquez ทนายความด้านคนเข้าเมืองกล่าว “อย่าไปถึงจุดนั้นที่เรามีกองกำลังพิทักษ์ชาติของมลรัฐ Texas เจ้าหน้าที่จากสำนักงานความปลอดภัยสาธารณะของมลรัฐ Texas (The Texas Department of Public Safety : DPS) โดยพื้นฐานแล้วปิดกั้นทางเข้าและรับอำนาจหรือควบคุมชายแดน”


เมื่อวันจันทร์ (22 ม.ค.) ศาลฎีกาสหรัฐฯ กล่าวว่า รัฐบาลกลางมีอำนาจในการถอดลวดหนามที่มลรัฐ Texas ติดตั้งไว้ที่ชายแดนทางใต้ กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ กล่าวว่า มลรัฐ Texas มีเวลาจนถึงวันศุกร์ในการให้หน่วยงานรัฐบาลกลางเข้าถึง Eagle Pass แต่ผู้ว่าการ Abbott กำลังเพิ่มความมั่นใจเป็นสองเท่าโดยกล่าวว่าเขาจะเพิ่มการลาดตระเวนตามชายแดน เพิ่มเครื่องกีดขวางและลวดหนามให้มากขึ้น “เราอยู่ในประเด็นที่วิกฤตมากในขณะนี้ เพราะเรากำลังทดสอบแก่นแท้ของความเป็นสาธารณรัฐของสหรัฐอเมริกา และศาลฎีกามีอำนาจหรือไม่ ไม่ว่ามลรัฐต่าง ๆ จะต้องปฏิบัติตามหรือหาทางตีความหรือไม่ก็ตาม ในแบบที่พวกเขาต้องการ” Vasquez กล่าว

แนวกีดขวางป้องกันผู้อพยพผิดกฎหมายในแม่น้ำของมลรัฐ Texas

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา Ken Paxton อัยการสูงสุดของมลรัฐ Texas ปฏิเสธคำขอของรัฐบาลกลางในการเข้าถึงชายแดน และเรียกร้องหลักฐานที่ระบุว่ารัฐบาลกลางมีอำนาจเปลี่ยนสวนสาธารณะของมลรัฐ Texas ให้เป็นช่องทางเข้าได้ Vasquez บอกว่าจะต้องรอดูว่าใครจะเริ่มลงมือเพื่อดำเนินการต่อไป “หากรัฐบาลกลางถอยห่างจากเรื่องนี้ พวกเขาจะสูญเสียอำนาจที่พวกเขามีตามคำสั่งของศาลฎีกาแห่งสหรัฐฯอย่างสิ้นเชิง” Vasquez กล่าว

ผู้ว่าการมลรัฐต่าง ๆ ที่เป็นสมาชิกพรรค Republican 25 คนสนับสนุนจุดยืนของผู้ว่าการ Abbott พวกเขากล่าวว่า มลรัฐ Texas มีสิทธิตามรัฐธรรมนูญในการป้องกันตัวเอง ผู้ว่าการ Abbott กล่าวว่าเขาเชื่อว่ามลรัฐเหล่านั้นยินดีส่งทหารของกองกำลังพิทักษ์ชาติไปยังชายแดนหากจำเป็น “ผมคิดว่าตอนนี้เราได้ก้าวข้ามเส้นในความพยายามในการแก้ไขปัญหาแล้ว และตอนนี้พวกเขากำลังทำให้มันกลายเป็นประเด็นทางการเมือง” Vasquez กล่าว

แถลงการณ์ของ Gregg Abbott ผู้ว่าการมลรัฐ Texas เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2024

รัฐบาลกลางได้ทำลายข้อตกลงระหว่างสหรัฐอเมริกาและมลรัฐต่าง ๆ ฝ่ายบริหารของสหรัฐอเมริกามีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญในการบังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลกลางที่คุ้มครองรัฐต่าง ๆ รวมถึงกฎหมายคนเข้าเมืองที่มีอยู่ในหนังสือในขณะนี้ ประธานาธิบดี Biden ได้ปฏิเสธที่จะบังคับใช้กฎหมายเหล่านั้นและยังฝ่าฝืนกฎหมายเหล่านั้นอีกด้วย ผลก็คือเขาได้ทำลายข้อตกลงการเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย

แม้ว่าจะมีการแจ้งเป็นชุดจดหมาย - ฉบับหนึ่งซึ่งข้าพเจ้าได้ส่งไปถึงมือเขาเอง - แต่ประธานาธิบดี Biden กลับเพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องของมลรัฐ Texas ที่ให้เขาปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ 

- ประธานาธิบดี Biden ละเมิดคำสาบานของเขาที่จะปฏิบัติตามกฎหมายคนเข้าเมืองที่สภาคองเกรสตราขึ้นอย่างซื่อตรง แทนที่จะดำเนินคดีกับผู้อพยพฐานก่ออาชญากรรมต่อรัฐบาลกลางในการเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย ประธานาธิบดี Biden ได้ส่งทนายความของเขาไปที่ศาลรัฐบาลกลางเพื่อฟ้องร้องมลรัฐ Texas ในการดำเนินการเพื่อรักษาความมั่นคงบริเวณชายแดน 
- ประธานาธิบดี Biden ออกคำสั่งให้หน่วยงานของเขาเพิกเฉยต่อกฎเกณฑ์ของรัฐบาลกลางที่บังคับใช้ในการควบคุมตัวผู้อพยพผิดกฎหมาย ผลที่ตามมาคือการอนุญาตให้มีทัณฑ์บนจำนวนมากในสหรัฐอเมริกาอย่างผิดกฎหมาย 
- ประธานาธิบดี Biden ต้องใช้เงินภาษีเพื่อเปิดโครงสร้างพื้นฐานด้านความมั่นคงชายแดนของมลรัฐ Texas เพื่อล่อลวงผู้อพยพผิดกฎหมายออกจากจุดเข้าเมืองตามกฎหมาย 28 จุดตามแนวชายแดนทางใต้ของรัฐนี้ ซึ่งเป็นสะพานที่ยังไม่มีใครเคยจมน้ำ และต้องเสี่ยงลงไปในแม่น้ำริโอแกรนด์ที่อันตราย 

ภายใต้นโยบายชายแดนที่ผิดกฎหมายของประธานาธิบดี Biden ผู้อพยพผิดกฎหมายมากกว่า 6 ล้านคนได้ข้ามชายแดนทางใต้ของเราในเวลาเพียง 3 ปี ซึ่งมากกว่าจำนวนประชากรของมลรัฐต่าง ๆ 33 รัฐในประเทศนี้ การปฏิเสธในการปกป้องประเทศอย่างผิดกฎหมายได้ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนต่อผู้คนทั่วทั้งสหรัฐอเมริกา 

James Madison, Alexander Hamilton และบรรดาคนอื่น ๆ ผู้ที่เขียนรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ เล็งเห็นล่วงหน้าว่ามลรัฐต่าง ๆ ไม่ควรตกอยู่ภายใต้อำนาจของประธานาธิบดีที่ไม่เคารพกฎหมาย ซึ่งไม่ได้ทำอะไรเพื่อหยุดยั้งภัยคุกคามจากภายนอก เช่น แก๊งค้ายาที่ลักลอบขนผู้อพยพผิดกฎหมายหลายล้านคนข้ามพรมแดน นั่นคือเหตุผลที่ผู้วางกรอบรวมทั้งมาตรา IV § 4 ซึ่งสัญญาว่ารัฐบาลกลาง “จะปกป้อง (มลรัฐ) แต่ละแห่งจากการรุกราน” และมาตรา I § 10 ข้อ 3 ซึ่งยอมรับ “ผลประโยชน์อธิปไตยของรัฐในการปกป้อง พรมแดนของพวกเขา” Arizona กับสหรัฐอเมริกา 567 U.S. 387, 419 (2012) ((Scalia, J., ผู้คัดค้าน) 

ความล้มเหลวของฝ่ายบริหารของ Biden ในการปฏิบัติหน้าที่ที่กำหนดโดยมาตรา IV § 4 ได้ก่อให้เกิดมาตรา I § 10 ข้อ 3 ซึ่งขอสงวนสิทธิ์ในการป้องกันตัวเองสำหรับรัฐนี้ ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ข้าพเจ้าจึงได้ออกประกาศภายใต้มาตรา 1 § 10 ข้อ 3 เพื่อเรียกร้องอำนาจตามรัฐธรรมนูญของมลรัฐ Texas ในการปกป้องและคุ้มครองตัวเอง อำนาจนั้นเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศและแทนที่กฎเกณฑ์ของรัฐบาลกลางใด ๆ ที่ตรงกันข้าม กองกำลังรักษาดินแดนแห่งชาติของมลรัฐ Texas สำนักงานความปลอดภัยสาธารณะของมลรัฐ Texas และเจ้าหน้าที่ของมลรัฐ Texas อื่น ๆ กำลังดำเนินการตามอำนาจดังกล่าว เช่นเดียวกับกฎหมายของรัฐ เพื่อรักษาความปลอดภัยบริเวณชายแดนของมลรัฐ Texas

Gregg Abbott ผู้ว่าการมลรัฐ Texas

‘BYD’ เฮ!! กำไรสุทธิปี 2023 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังเพิ่งแซง ‘เทสลา’ ครองยอดขายอีวีเบอร์ 1 ของโลก

(30 ม.ค.67) BYD ยักษ์ใหญ่รถไฟฟ้าสัญชาติจีน ผู้นำโลกในภาคอุตสาหกรรมนี้ เปิดเผยว่าทางบริษัทมีกำไรสุทธิพุ่งขึ้นในปี 2023 และคาดหมายว่าตัวเลขในขั้นท้ายที่สุดจะสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์รอบใหม่ จากรายงานผลประกอบการเบื้องต้นที่เผยแพร่ออกมาในวันจันทร์ (29 ม.ค.)

โดยบริษัท BYD คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิสำหรับปีที่แล้ว จนถึงฤดูใบไม้ร่วง อยู่ระหว่าง 29,000 ล้านหยวนถึง 31,000 ล้านหยวน (4,100 ล้านถึง 4,4000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) เพิ่มขึ้นราวๆ 74.5% ถึง 86.5% เมื่อเทียบกับหนึ่งปีก่อนหน้านั้น

คาดหมายว่า BYD จะเผยแพร่ตัวเลขขั้นท้ายสุดในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

บริษัทที่มีสำนักงานใหญ่ในเมืองเซินเจิ้น เพิ่งแซงหน้า เทสลา ของอีลอน มัสก์ ในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2023 ผงาดขึ้นมาเป็นบริษัทที่มียอดขายรถไฟฟ้าสูงสุดในโลก

อย่างไรก็ตาม แม้สูญเสียบัลลังก์ยอดขายสูงสุดรายไตรมาส แต่ เทสลา ยังคงครองอันดับ 1 ในแง่ของรายปี โดยได้ส่งมอบรถอีวีแก่ลูกค้ามากกว่า 1.8 ล้านคัน ตั้งแต่ช่วงต้นปีจนถึงเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 38%

กระนั้นแม้ตัวเลขดังกล่าวจะอยู่เหนือกว่ายอดขายระดับไม่ถึง 1.6 ล้านคันของ BYD แต่สำหรับ BYD นั้น พบว่ามียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 73% เมื่อเทียบเป็นรายปี

BYD วางจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าของพวกเขาในเกือบ 60 ประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุโรป เมื่อปีที่แล้ว พวกเขากลายเป็นบริษัทแรกที่ก้าวผ่านหลักหมายเชิงสัญลักษณ์ในการผลิตรถยนต์ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้าล้วนทะลุ 5 ล้านคัน

นอกจากนี้แล้ว BYD ยังเป็นผู้จัดหาแบตเตอรีป้อนแก่บรรดาผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของโลก ในนั้นรวมถึงเทสลา, บีเอ็มดับเบิลยู, เมอร์เซเดสและออดี

'นิวรัลลิงก์' ฝังชิปในสมองของมนุษย์คนแรก ด้าน 'อีลอน' ฟุ้ง!! การทดสอบเป็นที่น่าพอใจ

(30 ม.ค.67) บริษัทนิวรัลลิงก์ (Neuralink) บริษัทด้านการพัฒนาเทคโนโลยีระบบประสาทของสหรัฐ ที่ก่อตั้งโดยอีลอน มัสก์ เปิดเผยว่า นิวรัลลิงก์ ได้ทำการปลูกถ่ายฝังไมโครชิปในสมองคนไข้มนุษย์รายแรกแล้วและคนไข้ฟื้นตัวเป็นอย่างดีเยี่ยม 

อีลอน มัสก์ ผู้ก่อตั้งบริษัทนิวรัลลิงก์ ได้โพสต์ข้อความลงใน X ส่วนตัว ข้อความว่า การทดสอบในเบื้องต้นพบการทำงานของเซลล์ประสาทในระดับที่น่าพอใจ ผลิตภัณฑ์แรกของพวกเขาชื่อว่า Telepathy จะทำให้ผู้ใช้สามารถควบคุมโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์ได้โดยใช้ความคิด โดยเริ่มต้นจะใช้กับผู้ที่ไม่สามารถใช้แขนและขาได้ อีลอน มัสก์ หวังว่ามันจะช่วยให้พวกเขาสื่อสารได้เร็วเท่ากับการพิมพ์จากมืออาชีพ

โดยเมื่อปีที่แล้ว สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯ (FDA) ได้อนุมัติ ให้ทางนิวรัลลิงก์ (Neuralink) สามารถดำเนินการการทดลองทางคลินิกในมนุษย์เป็นครั้งแรก ซึ่งแสดงถึงก้าวแรกที่สำคัญ ที่จะทำให้เทคโนโลยีของเราสามารถช่วยเหลือผู้คนจำนวนมากได้ในอนาคต ซึ่งนิวรัลลิงก์ ดำเนินการใช้หุ่นยนต์ฝังชิปเข้าไปที่สมองส่วนที่ใช้ควบคุมการเคลื่อนไหว โดยเป้าหมายในเบื้องต้นคือการทำให้คนสามารถควบคุมเคอร์เซอร์ของคอมพิวเตอร์ หรือแป้นพิมพ์ คีย์บอร์ด ด้วยการใช้ความคิดเพียงอย่างเดียว

'ชาวญี่ปุ่น' ถกสนั่น หลัง 'ชิอิโนะ คาโรลินา' คว้ามงนางงามญี่ปุ่น แม้ถือสัญชาติญี่ปุ่นแล้ว แต่ไม่แคล้วเหมือนสาวยุโรป 100%

ญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในประเทศที่มีความอนุรักษ์นิยมสูง อีกทั้งยังมีความภูมิใจในวัฒนธรรม ความงดงามตามแนววิถีญี่ปุ่นมาก แต่ทว่า แนวความคิดนี้เริ่มถูกท้าทายจากยุคสมัยที่เปลี่ยนไป จากกระแสการเคลื่อนที่ ลื่นไหล หลอมรวมของผู้คนต่างสังคม ตามวัฒนธรรมที่หลากหลายจากทั่วโลก

และล่าสุด สังคมญี่ปุ่นถูกท้าทายด้วยคำถามอีกครั้ง จากเวทีประกวดสาวงามประจำปี 2024 ที่จัดขึ้นเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ที่ปรากฏว่า สาวงามที่สามารถคว้ามงกุฎจากเวที Miss Nippon Grand Prix ในปีนี้ไปได้ คือ 'ชิอิโนะ คาโรลินา' สาวสวยเชื้อสายยูเครน ที่เกิดในเมืองเทอร์โนพิล ประเทศยูเครน ก่อนจะย้ายตามแม่มาใช้ชีวิตในประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่ 5 ขวบ 

ถึงแม้ว่า ชิอิโนะ คาโรลินา จะสามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้อย่างไร้ที่ติ มีรูปร่าง หน้าตางดงามสมตำแหน่งเป็นที่ประจักษ์ แต่ทว่ารูปลักษณ์ภายนอกของเธอคือสาวยุโรป 100% ไม่มีเค้าโครงความงามแบบพิมพ์นิยมของชาวญี่ปุ่นอยู่เลย 

จากประวัติศาสตร์เวทีประกวดสาวงามญี่ปุ่น ก็เคยมีสาวงามลูกครึ่งมาคว้ามงกุฎ Miss Japan มาก่อนในปี 2015 โดย มิยาโมโตะ อาเรียนา สาวลูกครึ่งผิวสี แอฟริกัน - ญี่ปุ่น ที่ก็เคยสร้างประเด็นร้อนแรงในสังคมญี่ปุ่นมาก่อนว่า หญิงสาวลูกครึ่งควรมีสิทธิ์ประกวดนางงามญี่ปุ่นได้หรือไม่ 

แต่กรณีของ ชิอิโนะ คาโรลินา ดูเหมือนจะหนักกว่า มิยาโมโตะ อาเรียนา เสียอีก เนื่องจากเธอย้ายตามแม่ของเธอมาอยู่เมืองนาโกย่า ประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่ 5 ขวบ หลังจากที่ได้หย่ากับพ่อชาวยูเครนของเธอ มาแต่งงานใหม่กับชาวญี่ปุ่น คาโรลินา จึงได้เปลี่ยนนามสกุล และ ใช้ชีวิตในญี่ปุ่นตั้งแต่นั้น แต่เพิ่งมาได้สัญชาติญี่ปุ่นเมื่อปี 2022 ที่ผ่านมานี้เอง หลังเกิดเหตุสงครามรัสเซีย-ยูเครน 

จึงเป็นเหตุให้คุณสมบัติของเธอกลายเป็นประเด็นถกเถียงอย่างมากว่า ชิอิโนะ คาโรลินา มีสิทธิ์ลงสมัครประกวดนางงามญี่ปุ่นได้อย่างไร ในเมื่อเธอไม่ได้มีเชื้อสายญี่ปุ่นอยู่เลย แต่ทั้งนี้กองประกวดไม่ได้กำหนดว่า ผู้เข้าประกวดต้องมีเชื้อสายญี่ปุ่น หรือ เกิดในญี่ปุ่น ขอแค่ถือสัญชาติญี่ปุ่นก็มีสิทธิ์เข้าประกวดได้

ชิอิโนะ คาโรลินา กล่าวขอบคุณที่มอบตำแหน่งชนะเลิศนี้ให้กับเธอ ที่เธอยังนึกว่าฝันไปเมื่อได้ยินชื่อของเธอได้รับตำแหน่งนางงามญี่ปุ่น เธอยอมรับว่ากำแพงเชื้อชาติเป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตของเธอในญี่ปุ่นเสมอมา ที่สังคมญี่ปุ่นมักมองเธอเป็นชาวต่างชาติ ไม่ใช่คนญี่ปุ่น โดยเป้าหมายในชีวิตของเธอคือ ต้องการสร้างสังคมที่ผู้คนเปิดใจอยู่ด้วยกันได้โดยไม่ตัดสินผู้อื่นจากภาพลักษณ์ภายนอก 

แต่ถึงแม้งานประกวดจะจบไปแล้ว แต่ดูเหมือนสังคมญี่ปุ่นยังไม่จบกับประเด็นนี้ ที่ต้องยอมรับว่ายังมีชาวญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยมีทัศนคติต่อต้านชาวต่างชาติ และมองว่า ชิโนะ คาโรลินา ไม่เหมาะที่จะได้รับเลือกเป็นตัวแทน ที่สื่อถึงเอกลักษณ์ความเป็นญี่ปุ่นที่แท้จริงได้ บางคนมองถึงประเด็นการเมือง และตั้งข้อสงสัยว่า หาก คาโรลินา มีเชื้อสายรัสเซีย ไม่ใช่ยูเครน เธอคงไม่มีสิทธิ์ชนะการประกวดในครั้งนี้อย่างแน่นอน 

ในขณะเดียวกัน ชาวญี่ปุ่นในยุคสมัยใหม่เริ่มเปิดใจรับวัฒนธรรมที่หลากหลายจากต่างชาติมากขึ้นเรื่อย ๆ จากการสำรวจของ Pew Research Centre พบว่า 59% ของกลุ่มสำรวจชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าการย้ายถิ่นฐานของชาวต่างชาติจะช่วยให้ประเทศญี่ปุ่นแข็งแกร่งขึ้น จากปัญหาสังคมผู้สูงอายุของญี่ปุ่นในอนาคต

ดังนั้น ชาวญี่ปุ่นกลุ่มนี้มองว่า คาโรลินา ได้ถือสัญชาติญี่ปุ่นตามกฎหมายแล้ว ก็ถือว่าเธอเป็นพลเมืองญี่ปุ่นคนหนึ่ง ที่มีสิทธิ์เป็นตัวแทนประเทศได้ไม่ต่างจากคนญี่ปุ่นทั่วไปเช่นกัน แทนที่จะมองว่าการคว้ามงกุฎบนเวทีประกวดความงามญี่ปุ่นของ ชิโนะ คาโรลินา เป็นการท้าทายสังคมญี่ปุ่น ควรมองว่าเป็นสัญญาณแห่งความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยมากกว่า 

เช่นเดียวกับการพยายามกล่าวย้ำบนเวทีของคาโรลินา ว่า "ใคร ๆ ก็บอกฉันตลอดว่า ฉันไม่ใช่คนญี่ปุ่น แต่ฉันนี่แหละ 'คนญี่ปุ่น' เพราะความเชื่อมั่นนั้น ได้พาฉันมายังเวทีแห่งนี้ ซึ่งวันนี้ฉันดีใจมากจริง ๆ ที่พวกคุณยอมรับในตัวฉันแล้ว" 

อย่างไรก็ตาม วันนี้ชาวญี่ปุ่นก็ได้นางงามคนใหม่แล้ว ถึงภายนอกจะเป็นฝรั่ง แต่หัวใจเป็นญี่ปุ่น 100% เดส!!

เรื่อง: ยีนส์ อรุณรัตน์

‘จีน-ไทย’ เตรียมก้าวสู่ ‘ยุคปลอดวีซ่า’ 1 มีนาคมนี้ เดินหน้าสนับสนุน ‘ตลาดท่องเที่ยว’ สองประเทศเต็มที่

เมื่อวานนี้ (29 ม.ค.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า จีนและไทยเตรียมดำเนินนโยบายฟรีวีซ่าให้แก่กันตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. นี้ หลังจากคณะเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองฝ่ายได้ลงนามข้อตกลงยกเว้นวีซ่าซึ่งกันและกัน ณ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันอาทิตย์ (28 ม.ค.) โดยความคืบหน้านี้จะช่วยอำนวยความสะดวกแก่การแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนของสองประเทศยิ่งขึ้น

จูหงอิง จากบริษัท อวิ๋นหนาน จิ่นอ้าย ทัวริซึม กรุ๊ป จำกัด ในมณฑลอวิ๋นหนาน (ยูนนาน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน มองว่าตอนนี้จีนและไทยเตรียมเข้าสู่ ‘ยุคปลอดวีซ่า’ อันเกื้อหนุนนักท่องเที่ยวของสองประเทศเดินทางไปมาหาสู่กันได้ตามต้องการทุกเมื่ออย่างแท้จริง ซึ่งจะส่งผลประโยชน์ต่อตลาดการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศ

หากอ้างอิงข้อมูลการท่องเที่ยวแบบหมู่คณะหรือกรุ๊ปทัวร์ของบริษัทฯ จูกล่าวว่ากรุ๊ปทัวร์เพื่อท่องเที่ยวไทยช่วงหยุดยาวเทศกาลตรุษจีนปีนี้ ซึ่งตรงกับวันที่ 10-14 ก.พ. ถูกจับจองจนเต็มแล้ว โดยจุดหมายท่องเที่ยวหลัก ได้แก่ กรุงเทพฯ พัทยา และภูเก็ต ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าร่วมกรุ๊ปทัวร์แต่ละวันอยู่ที่ 60-70 คน และส่วนใหญ่เป็นครอบครัวเดียวกัน

วังเทา จากบริษัท เอเจนซีการท่องเที่ยวต่างประเทศ อวิ๋นหนาน เหม่ยถู จำกัด เผยว่านโยบายฟรีวีซ่าไม่เพียงเกื้อหนุนการเดินทางของนักท่องเที่ยว แต่ยังสะท้อนให้เห็นมิตรภาพอันดีระหว่างประชาชนชาวจีนและชาวไทย ซึ่งจะส่งเสริมการพัฒนาตลาดการท่องเที่ยวของสองประเทศ

ไทยนั้นเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่มีลูกค้าสอบถามถึงมากที่สุดของบริษัทฯ เสมอมา โดยวังเสริมว่าหากพิจารณาจากกระแสตอบรับของนักท่องเที่ยว นโยบายฟรีวีซ่ามีผลต่อความรู้สึกของนักท่องเที่ยวอย่างมาก เพราะไม่ใช่เพียงเรื่องประหยัดค่าธรรมเนียมวีซ่า แต่ยังเกี่ยวพันกับการยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย

ปัจจุบันอวิ๋นหนานมีเที่ยวบินโดยสารสู่หลายเมืองของไทย เช่น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ และภูเก็ต จำนวน 54 เที่ยวต่อสัปดาห์ โดยข้อมูลจากสถานีตรวจสอบการเข้า-ออกเมืองของนครคุนหมิงระบุว่าตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2024 จำนวนนักเดินทางจากอวิ๋นหนานไปยังไทยสูงเกิน 30,000 คนแล้ว

ด้านข้อมูลจากสายการบินไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์ส ในอวิ๋นหนาน ระบุว่าตั้งแต่วันขึ้นปีใหม่ (1 ม.ค.) จนถึงช่วงเทศกาลตรุษจีนในเดือนกุมภาพันธ์ สายการบินฯ ให้บริการเที่ยวบินโดยสารสู่ไทยเฉลี่ย 8 เที่ยวต่อวัน ส่วนช่วงวันที่ 9-17 ก.พ. มีผู้โดยสารจองการเดินทางสูงถึง 11,000 คนแล้ว

อนึ่ง ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของไทยระบุว่าจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยในปี 2023 สูงเกิน 28 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 151 เมื่อเทียบปีต่อปี โดยจีนเป็นแหล่งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติขนาดใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของไทยด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวมากกว่า 3.51 ล้านคน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top