Monday, 19 May 2025
World

เปิดตัวเลขโครงการ ‘ทำงานเพื่อบรรเทาทุกข์’ ของจีน  สร้างงาน 2.5 ล้านอัตราให้ ‘ผู้มีรายได้น้อย’ ในปี 2023

(17 ม.ค.67) สำนักข่าวซินหัว เผย ข้อมูลทางการที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร (16 ม.ค.) ระบุว่า โครงการทำงานเพื่อบรรเทาทุกข์ของจีนได้สร้างงานมากกว่า 2.53 ล้านอัตราแก่ประชากรผู้มีรายได้น้อย ส่งผลให้รายได้ต่อหัวเพิ่มกว่า 14,000 หยวน (ราว 70,600 บาท)

คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน ระบุว่าช่วงปีที่ผ่านมาคณะกรรมการฯ ได้ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐอื่น ๆ ดำเนินงานส่งเสริมโครงการทำงานเพื่อบรรเทาทุกข์อย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มการสนับสนุนการลงทุนเพื่อวัตถุประสงค์พิเศษจากรัฐบาลกลาง และให้คำแนะนำแก่ภูมิภาคท้องถิ่นเพื่อผลักดันแนวทางดำเนินโครงการทำงานเพื่อบรรเทาทุกข์ในโครงการวิศวกรรมสำคัญ รวมถึงโครงการโครงสร้างพื้นฐานด้านการเกษตรและชนบทในหลายท้องถิ่น

รายงานระบุว่าความพยายามดำเนินงานเหล่านี้ได้สร้างช่องทางการจ้างงานสำหรับประชากรชนบทที่มีรายได้น้อย รวมถึงผู้ประสบปัญหาการหางานในเขตเมืองและชนบท

ในขั้นถัดไป คณะกรรมการฯ จะยังคงทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรัฐบาลท้องถิ่นเพื่อขยายขอบเขตของโครงการทำงานเพื่อบรรเทาทุกข์ รวมถึงเพิ่มขนาดการจัดสรรเงินอุดหนุนแรงงาน ใช้ประโยชน์จากบทบาทสำคัญของนโยบายการทำงานเพื่อบรรเทาทุกข์ในการรักษาเสถียรภาพการจ้างงาน ปกป้องการดำรงชีวิตของผู้คน และส่งเสริมการพัฒนา

อนึ่ง โครงการทำงานเพื่อบรรเทาทุกข์ หมายถึงนโยบายสนับสนุนซึ่งรัฐบาลลงทุนก่อสร้างโครงการโครงสร้างพื้นฐาน และมอบค่าตอบแทนให้กับผู้ทำงานในโครงการเหล่านั้น ซึ่งทดแทนการบรรเทาทุกข์โดยตรง

'นักวิจัยจีน' พบไวรัสโคโรนาตัวใหม่ 'GX-P2V'  ชี้!! เชื้อรุนแรง อัตราการตาย 100% หลังทดลองกับหนู

(18 ม.ค.67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าทีมนักวิจัยชาวจีน จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีชีวภาพชั้นนำในกรุงปักกิ่ง ได้ค้นพบไวรัสที่มีความสามารถในการกลายพันธุ์สูง มีชื่อรหัสว่า GX-P2V (จีเอ็กซ์ พี 2 วี) ซึ่งเป็นไวรัสคล้ายกับโคโรนาไวรัส ซึ่งได้ทดลองกับ 'หนู' จากการทดลองพบว่าไวรัสมีความรุนแรง รวดเร็วและน่าตกใจมาก สามารถทำให้สัตว์ทดลองตายภายใน 8 วัน มีอัตราการตาย 100 % และพบว่าเชื้อไวรัสนั้นสามารถทำลายสมองโดยตรง 

ทีมนักวิจัยยังค้นพบอีกว่า มีปริมาณเชื้อจำนวนมากในสมองและดวงตาของหนูที่ถูกทดลอง แม้ว่าเชื้อ GX-P2V จะมีลักษณะทางพันธุกรรมที่ใกล้เคียงกับเชื้อโคโรนาไวรัส แต่ก็มีความแตกต่างในด้านการแบ่งตัวและการแพร่กระจายในร่างกายการทดลองนี้มีความสำคัญเนื่องจากหนูมีการผลิตโปรตีนที่คล้ายมนุษย์ ทำให้ผลที่ได้จากการทดลองในหนูอาจสะท้อนถึงผลที่อาจเกิดขึ้นกับมนุษย์ได้ อย่างไรก็ตามรายงานการทดลองนี้ยังไม่ได้เปิดเผยแก่สาธารณะ

ไวรัส GX-P2V ถูกค้นพบครั้งแรกในปี 2017 จากตัวนิ่มในมาเลเซีย เป็นที่ทราบกันดีว่าตัวนิ่มนั้นเป็นแหล่งรวมของเชื้อไวรัสโคโรนาหลายชนิด ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นตัวกลางที่แพร่เชื้อไวรัสไปสู่ค้างคาวและต่อยอดไปถึงมนุษย์

ทีมนักวิจัยจีนได้ทำการเพาะเชื้อ GX-P2V และเก็บรักษาเป็นอย่างดีไว้ในห้องแล็บที่กรุงปักกิ่ง พบว่า เชื้อนี้มีการกลายพันธุ์เกิดขึ้นก่อนที่จะถูกนำมาทดลองในหนูแต่ไม่มีการระบุชัดเจนว่าการทดลองเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ 

ศาสตราจารย์ ฟรองซัวส์ บัลลูซ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ จากมหาวิทยาลัยคอลเลจ แสดงความคิดเห็นผ่านทาง X (ทวิตเตอร์) ว่าเขาเห็นถึงความไม่เป็นประโยชน์ต่อการทดลองครั้งนี้และแสดงความคิดเห็นในเชิงกังวลว่าการทดลองนี้จะนำไปสู่ความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ โดยการทดลองนี้ “เป็นการศึกษาที่แย่มาก ไร้จุดหมายทางวิทยาศาสตร์โดยสิ้นเชิง”

ซัมซุงเปิดตัว Galaxy S24 มี AI ล่ามแปลภาษาให้แบบสดๆ หวังทวงคืนเจ้าตลาดคืนจาก Apple เบื้องต้นคลุม 13 ภาษา

(18 ม.ค. 67) จากเพจ 'เดือดทะลักจุดแตก' ได้เผยเนื้อหาถึง เทคโนโลยี AI กับ ซัมซุง ที่เปิดตัว Galaxy S24 โทรคุยกับคนต่างชาติ แล้วล่ามแปลภาษาให้แบบสด ๆ ได้ ระบุว่า...

อัศจรรย์ แล้วมันก็เป็นไปได้จริง สิ่งที่เราชาวโลกจินตนาการจากในการ์ตูนหรือหนังไซไฟ

น้องหนูนักเรียนไม่ต้องนั่งท่องศัพท์ภาษาอังกฤษยากบรรลัย cat dog mountain sea bikini ...

ชีวิตจะไปยากเย็นอะไรอีก ในเมื่อโทรศัพท์มือถือสามารถแปลให้เองด้วยอิทธิเดชแห่ง AI

เพียงปลายสายพูดฟุดฟิดฟอไฟภาษาฝรั่ง เมื่อสัญญาณพุ่งมาสู่เครื่องมือถือของคุณ มันก็พลันกลายเป็นภาษาไทยแสนไพเราะเสนาะหู

คุณจะคุยกับจีน ญี่ปุ่น ก็เช่นกัน อิคึ อิคึ

ในลิสต์ตอนนี้ มี 13 ภาษา ซึ่งยังไม่ได้ไล่รายละเอียดว่ามีอะไรบ้าง แต่แน่นอน หลัก ๆ ของโลกอย่างอังกฤษ, จีน, ญี่ปุ่น, เกาหลี, สเปน ต้องมี-ส่วนมีไทยหรือเปล่า เดี๋ยวลุ้นกัน

(เชื่อว่ายังไง เริ่มต้น 13 ไปก่อน อีกสักพักขยายถ้วนทั่ว)

มีฟีเจอร์ ฟังก์ชั่นอีกสารพัดแสนอัศจรรย์นะครับ ผมคงไม่ต้องมานั่งแจกแจงรายละเอียด สักพักซัมซุงย่อมเอาข้อมูลนี้ไปถวายถึงหน้าคุณเองอยู่แล้ว

แหม ทันใจนะครับ มันต้องยังงี้สิ เมื่อวานข่าวเปรี้ยงปร้าง ซัมซุงตกบัลลังก์จากเจ้าตลาดมือถือสมาร์ตโฟน หลุดอันดับ 1 เป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปี โดนแอปเปิ้ลแซง

ก็นั่นล่ะครับ ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อกำชัยคืนมา ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ก็ต้องล่อด้วย AI

‘สื่อเยอรมัน’ เผยแผนลับ!! 5 ขั้นตอนของ ‘ปูติน’ เตรียมโจมตี 'ยูเครน' ก่อนนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3

(18 ม.ค.67) หนังสือพิมพ์ BILD ของเยอรมันตีพิมพ์ข่าวใหญ่ ระบุชัดว่า 'วลาดิมีร์ ปูติน' ผู้นำรัสเซีย มีแผนที่จะยกระดับสงครามยูเครน ไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 ภายในปี 2025 โดยอ้างอิงจากเอกสารลับสุดยอดของกระทรวงกลาโหมเยอรมันเป็นประกัน!!

สื่อเยอรมัน เปิดเผยว่า กระทรวงกลาโหมและกองกำลังในยุโรปเริ่มเตรียมความพร้อมรอรับการโจมตีของรัสเซียแล้ว โดยมีการประเมินสถานการณ์ว่า ปูตินมีแผนที่จะทำสงครามแบบผสม ‘Hybrid War’ โจมตีชาติพันธมิตร NATO ในหลายรูปแบบ ทั้งการโจมตีทางไซเบอร์, ใช้กำลังทหารรุกราน รวมถึงการโจมตีด้วยข้อมูลข่าวสาร ที่จะก่อให้เกิดความรุนแรงขึ้น

เอกสารลับ (ที่ตอนนี้ไม่ลับแล้ว) ของกลาโหมเยอรมันระบุว่าชื่อ ‘Alliance Defense 2024’ ได้คาดการณ์แผนการยกระดับสงครามยูเครน สู่สงครามโลกครั้งที่ 3 พอสรุปคร่าวๆ ไว้ 5 ขั้น

โดยขั้นแรกนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2023 นี้ ที่ปูตินจะประกาศระดมพลเพิ่มอีก 2 แสนนาย โดยอ้างว่าเตรียมไว้สำหรับเปิดฉากสงครามในยูเครนอีกครั้งในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ที่ยังดูเป็นสงครามภายในระหว่างรัสเซีย-ยูเครนปกติ

แต่สื่อเยอรมันชี้ว่า แผนการขั้นสอง จะยกระดับขึ้นในช่วงกรกฎาคมปีนี้ ด้วยการใช้ยุทธวิธีโจมตีทางไซเบอร์ในกลุ่มประเทศบอลติค อันได้แก่ประเทศ เอสโตเนีย ลัทเวีย และ ลิทัวเนีย

ขั้นที่สามจะตามมาในเดือนกันยายน ที่มีการตั้งชื่อแล้วว่า แผน ‘Zapad 2024’ ที่จะมีการซ้อมรบใหญ่ตามแนวชายแดนรัสเซียตะวันตกและเบลารุส เพื่อกลบเกลื่อนการเคลื่อนพลใหญ่ และขีปนาวุธพิสัยกลางไปประจำในแคว้นคาลินินกราด เพื่อประชิดชายแดนโปแลนด์และลิทัวเนีย 

และนำไปสู่แผนการขั้นที่ 4 ในเดือนธันวาคม ช่วงที่มีการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐ ที่รัสเซียวางแผนที่จะโจมตีด้วยข้อมูลข่าวสาร และปั่นกระแสให้เกิดจลาจลบริเวณเขตแนวชายแดนระหว่างโปแลนด์ และ ลิทัวเนีย ที่เรียกว่า ‘Suwalki Gap’ หลังวางกองกำลังของตนไว้ในคาลินินกราดแล้ว

แผนขั้นที่ 5 จะเริ่มในเดือนมกราคม 2025 เมื่อพันธมิตร NATO จะพุ่งเป้ามาที่รัสเซียว่าเป็นต้นเหตุที่ก่อให้เกิดความไม่สงบในประเทศแถบบอลติก ที่ปูตินจะใช้เป็นข้ออ้างในการระดมพลใหญ่อีกครั้งทั้งในรัสเซียและเบลารุส ซึ่งกองกำลัง NATO คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องประกาศรวมพลเช่นกัน ซึ่งจุดแตกหักที่อาจกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 ได้ ในเอกสารของกลาโหมเยอรมันระบุว่า ตั้งแต่มีนาคม 2025 เป็นต้นไป

เป้าหมายที่ฝ่ายกลาโหมเยอรมัน จัดทำเอกสารประเมินสถานการณ์สงครามของรัสเซียฉบับนี้ ก็เพื่อกระตุ้นเตือนให้พันธมิตรในยุโรปตระหนักว่า รัสเซียเป็นภัยคุกคามที่อันตรายมากกว่าที่คิด จำเป็นต้องเร่งเตรียมความพร้อมในกองทัพของแต่ละประเทศในการป้องกันดินแดนของตน และทางเยอรมันได้เริ่มแล้วนั่นเอง

จากหัวข้อข่าวที่ BILD ได้ออกมาเผยแพร่ ก็ได้สร้างความฮือฮาและแตกตื่นพอสมควรว่า รัสเซียคิดจะเปิดศึกในยุโรปแน่หรือ? และเอกสารที่สื่อเยอรมันหยิบมาอ้างถึงนั้นเป็นเอกสารจริงหรือไม่?

และเมื่อมีการสอบถามไปยังกลาโหมเยอรมัน โฆษกประจำกระทรวงก็ออกมาปฏิเสธที่จะออกความเห็นถึงเนื้อหาที่มีอยู่ในเอกสารลับ ‘Alliance Defence 2025’ แต่กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า โดยปกติแล้ว ฝ่ายกองทัพมีการประเมินสถานการณ์เป็นประจำอยู่แล้ว ซึ่งมันก็เป็นส่วนหนึ่งในงานของทหาร ไม่ต่างจากการฝึกซ้อมประจำวันนั่นแหละ"

ด้าน วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ที่ถูกโยงให้เป็นตัวเอก และตัวร้ายในรายงานเอกสารลับของเยอรมัน ก็ออกมาปฏิเสธว่า นี่มันนิยายอะไรกัน รัสเซียไม่ต้องการขยายขอบเขตสงครามออกไปไกลเกินยูเครนแล้ว จะยุให้เราไปรบกับใครอีก?

แม้สื่อตะวันตกจะสนใจเรื่องเอกสารลับของเยอรมันกันค่อนข้างเยอะ แต่ก็ต้องพึงระลึกเสมอว่า ‘ฟังหู ไว้หู’ เพราะลำพังกองกำลังพลที่จะระดมเพิ่มแค่ 2 แสน กับขยายกองกำลังไปประจำที่คาลินินกราด กับขีปนาวุธพิสัยกลางอีกนิดหน่อย คิดจะเปิดฉากรบยุโรปทั้งทวีปได้เชียวหรือ?

แต่ทั้งนี้ แอดฯ ก็เคยเชื่อว่ารัสเซียไม่น่าจะบุกยูเครน และทำสงครามเต็มรูปแบบมาก่อน แต่สุดท้ายปูติน ก็บุกจริงๆ ดังนั้น คงยังฟันธงไม่ได้ว่า รายงานประเมินสถานการณ์ ‘Alliance Defence 2025’ ถูกเขียนขึ้นเพราะ ‘เชื่อในสิ่งที่เห็น’ หรือ ‘เห็นในสิ่งที่เชื่อ’

Startup จีนเจ๋ง พัฒนาแบตเตอรีนิวเคลียร์เล็กเท่าเหรียญ จุดเด่นอยู่ได้ 50 ปี ไม่ต้องชาร์จ ไม่ต้องซ่อม

Betavolt บริษัท Startup ด้านนวัตกรรมพลังงานของปักกิ่งเปิดตัวแบตเตอรีพลังงานนิวเคลียร์รุ่นล่าสุด ที่มีขนาดเล็กเท่าเหรียญบาท แต่สามารถให้พลังงานได้ยาวนานถึง 50 ปี โดยไม่จำเป็นต้องชาร์จ

สร้างความฮือฮาในวงการนวัตกรรมพลังงานอย่างมาก เมื่อ Startup จีน สามารถพัฒนา BV-100 แบตเตอรี่นิวเคลียร์ตัวแรกของบริษัทออกมาได้สำเร็จ และยังสามารถเคลมว่าเป็นแบตเตอรีนิวเคลียร์ตัวแรกของโลก ที่พัฒนาให้ประชาชนทั่วไปได้ใช้จริง

โดยทาง Betavolt ได้ใช้ Nickel-63 ไอโซโทปรังสีนิวเคลียร์ชนิดหนึ่งบรรจุเข้าไปในอนุภาคขนาดเล็กที่มีขนาดเพียง 15×15×15 มิลลิเมตร ทำให้ได้แบตเตอรีที่มีขนาดเล็กมากพอๆ กับเหรียญบาท ที่สามารถให้กำลังไฟฟ้า 100 ไมโครวัตต์ และแรงดันไฟฟ้า 3 โวลต์ ได้ในเวลา 50 ปี

แต่ต้องยอมรับว่า แบตเตอรีรุ่นแรกของบริษัทให้กำลังไฟค่อนข้างต่ำ จึงไม่แรงพอที่จะชาร์จอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างสมาร์ตโฟนได้ ทางบริษัทจึงแนะนำให้ใช้ BV100 แบบอนุกรม หรือ ควบคู่ไปกับอุปกรณ์จ่ายไฟอื่นๆ ไปก่อน

ทั้งนี้ Betavolt มีเป้าหมายในการพัฒนาแบตเตอรีรุ่นต่อๆ ไปให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น จนสามารถใช้เป็นพลังงานหลักให้กับอุปกรณ์ดิจิทัลทั่วไป อย่าง สมาร์ตโฟน หรือ โดรน ได้ ขณะเดียวกันยังสามารถนำไปปรับใช้กับเครื่องมือเทคโนโลยีอื่นๆ ได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น อากาศยาน, เครื่องมือแพทย์, อุปกรณ์ AI, เครื่องตรวจจับสัญญาณ หรือแม้แต่หุ่นยนต์ขนาดเล็ก ให้ได้ในอนาคตอันใกล้ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทั่วโลก ที่จะสามารถใช้อุปกรณ์ดิจิทัลของตนได้อย่างต่อเนื่องหลายสิบปี โดยไม่จำเป็นต้องชาร์จไฟอีกต่อไป 

(ทางบริษัทยังรับรองความปลอดภัยของตัวแบตเตอรีนิวเคลียร์ ที่จะไม่ติดไฟ หรือระเบิดออกเมื่อถูกกระทบกระเทือน และยังสามารถใช้งานได้ดีภายใต้อุณหภูมิ -60 จนถึงระดับ 120 องศาเซลเซียส)

สำหรับการคิดค้นเทคโนโลยีพลังงานนิวเคลียร์  นักวิทยาศาสตร์ชาวโซเวียต และ ชาวอเมริกัน เคยนำมาใช้แล้วตั้งแต่ยุคสำรวจอวกาศ ที่มักใช้ในยานสำรวจใต้ทะเล หรือสถานีอวกาศ แต่ทั้งนี้ ตัวแบตเตอรี่มีขนาดใหญ่เทอะทะ และราคาสูงมาก จึงจำกัดการใช้งานแต่เพียงโครงการของรัฐบาลเท่านั้น

ซึ่งรัฐบาลจีนต้องการท้าทายขีดจำกัดดังกล่าว ด้วยการบรรจุแผนการพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานนิวเคลียร์เชิงพาณิชย์ไว้ในแผนยุทธศาสตร์ชาติ 5 ปี ฉบับที่ 14 (2021-2025) จนสามารถเปิดตัวแบตเตอรีนิวเคลียร์จิ๋วรุ่นแรกออกมาได้ก่อนชาติตะวันตกอย่าง สหรัฐอเมริกา และ ยุโรป

และยังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการแข่งขันด้านนวัตกรรมของจีน ที่พร้อมก้าวขึ้นมายืนในตำแหน่งแถวหน้าของโลกได้อย่างไม่น้อยหน้าใครอีกด้วย

เรื่อง: ยีนส์ อรุณรัตน์

‘จีน’ กังวล!! เหตุอัตราการเสียชีวิตพุ่ง-การเกิดต่ำ หวั่นสะเทือนการเติบโตของเศรษฐกิจในอนาคต

(18 ม.ค.67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนเปิดเผยรายงานว่า จำนวนประชากรในจีนลดลง 2.08 ล้านคน หรือ 0.15% เป็น 1,409 ล้านคน ในปี 2566 โดยลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับปี 2565 ที่มีประชากรลดลง 850,000 คน และเป็นการลดลงครั้งแรกนับจากปี 2504 ช่วงภาวะอดอยากครั้งใหญ่ในยุคเหมาเจ๋อตง

ขณะที่ในปี 2566 มีจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 6.6% เป็น 11.1 ล้านคน โดยอัตราการเสียชีวิตอยู่ในระดับสูงสุดนับจากปี 2517 ช่วงการปฏิวัติวัฒนธรรม และจำนวนเด็กเกิดใหม่ในปี 2566 ลดลง 5.7% เป็น 9.02 ล้านคน และอัตราการเกิดทำสถิติต่ำที่สุดคือ 6.39 คนต่อประชากร 1,000 คน  ลดลงจาก 6.77 คนในปี 2565 และเป็นอัตราการเกิดต่ำที่สุดนับตั้งแต่สถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนในปี 2492 นอกจากนี้จำนวนประชากรวัยแรงงานที่อายุ 16-59 ปี ลดลง 10.75 ล้านคนจากปี 2565 และจำนวนผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 16.93 ล้านคนในปี 2565

ซึ่งข้อมูลประชากรที่สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนเปิดเผยนั้นสร้างความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนจะชะลอลง เนื่องจากมีจำนวนแรงงานและผู้บริโภคลดลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นสำหรับการดูแลผู้สูงอายุ และสวัสดิการหลังเกษียณจะสร้างภาระหนักยิ่งขึ้นแก่ทางการท้องถิ่นที่มีภาระหนี้สิน

ขณะเดียวกันสำนักงานสถิติแห่งชาติ รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจว่า มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เติบโต 5.2% ในปี 2566 ซึ่งฟื้นตัวมากขึ้นกว่าปี 2565 ที่ GDP เติบโต 3% แต่ยังคงเป็นตัวเลขการเติบโตต่ำที่สุดนับจากปี 2533 ยกเว้นช่วงการระบาดของโควิด-19 และในปี 2567 จะยังคงเป็นปีที่ท้าทายสำหรับเศรษฐกิจจีนเนื่องจากการชะลอตัวอย่างต่อเนื่องของอสังหาริมทรัพย์และความมั่นใจของผู้บริโภคที่ลดน้อยลง

‘Uniqlo’ เอาจริง!! ยื่นฟ้อง ‘Shein’ ปมก๊อปกระเป๋ารุ่นฮิต เรียกร้องให้หยุดขาย พร้อมชดเชยค่าเสียหายที่เกิดขึ้น

(18 ม.ค.67) สำนักข่าวต่างประเทศ บีบีซี รายงานว่า Uniqlo แบรนด์เสื้อผ้าดังในเครือบริษัท ฟาสต์ รีเทลลิง ของญี่ปุ่น ยื่นฟ้อง Shein แบรนด์ฟาสต์แฟชันยักษ์ใหญ่จีน ปมก๊อปกระเป๋าสะพายข้างของ Uniqlo ที่เป็นไวรัลในโลกโซเชียลจนได้ฉายาว่ากระเป๋า Mary Poppins ขาย

ตามรายงานเบื้องต้น เผยว่า Uniqlo ได้มีการยื่นคำร้องต่อศาลแขวงโตเกียว เพื่อฟ้อง Shein Japan และบริษัทในเครืออีก 2 แห่ง หลังกระเป๋าบางรุ่นของ Shein มีความคล้ายคลึงกับกระเป๋าสะพายข้างของ Uniqlo ซึ่งมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในแบรนด์สินค้าได้

นอกจากนี้ ทางยูนิโคล่ยังเรียกร้องให้ Shein หยุดขายกระเป๋ารุ่นดังกล่าว พร้อมทั้งยังเรียกค่าชดเชยสำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้น ส่วนทาง Shein ยังไม่ได้ตอบสนองหรือให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้

อย่างไรก็ตาม กระเป๋าสะพายข้างรุ่นนี้ของ Uniqlo ได้รับความนิยมอย่างมากบนโลกออนไลน์ โดยกระเป๋ารุ่นนี้สามารถจุของได้หลายชิ้น เปรียบได้กับกระเป๋าวิเศษของ แมรี ป๊อปปินส์ ตัวละครเอกในภาพยนตร์แนวแฟนตาซีชื่อดังเมื่อปี 1964

โดยคลิปวิดีโอแสดงให้เห็นการใช้งานกระเป๋ารุ่นนี้ยังเรียกยอดกดไลก์ได้หลายล้านครั้งในปีที่แล้ว สำหรับราคาของกระเป๋าสะพายรุ่นนี้ที่ทำจากไนลอน มีราคาขายในอังกฤษที่ใบละ 14.90 ปอนด์หรือราว 674 บาท และถือว่าเป็นสินค้าขายดีที่สุดของ Uniqlo ณ ขณะนี้

ทั้งนี้ ตามข้อมูลบนเว็บไซต์ Shein เป็นแบรนด์ฟาสต์แฟชันของจีนก่อตั้ง เมื่อปี 2551 มียอดขายสินค้าพุ่งสูงขึ้นอย่างมากในช่วงเกิดการแพร่ระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 ผลจากการล็อกดาวน์ที่ทำให้คนหันมาจับจ่ายซื้อของทางออนไลน์อย่างก้าวกระโดด และกลยุทธ์ทางการตลาดของ Shein ที่มุ่งเน้นไปที่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย

อีกทั้ง ปัจจุบัน Shein มีพนักงานอยู่ทั่วโลกรวมกันประมาณ 10,000 คน และจำหน่ายสินค้าในมากกว่า 150 ประเทศ โดยมีฐานดำเนินงานอยู่ในสิงคโปร์และมีรายงานข่าวว่า Shein กำลังพิจารณาที่จะเข้าสู่ตลาดหุ้นนิวยอร์กอีกด้วย

ขณะที่ ทางบริษัท ฟาสต์ รีเทลลิง ผู้ค้าปลีกเสื้อผ้ารายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ได้เปิดร้าน Uniqlo สาขาแรกในปี 2527 ปัจจุบันมีร้านสาขาราว 2,500 แห่งทั่วโลก โดยสาขาส่วนใหญ่อยู่ในประเทศจีน

‘IMF’ ชี้!! ‘เศรษฐกิจจีน’ ปี 66 โตทะลุเป้า หลังปรับเปลี่ยนจากส่งออกเป็นรูปแบบบริโภค

(18 ม.ค. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า คริสตาลินา จอร์จีวา กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในปี 2023 ถือเป็นข่าวดีสำหรับจีนและทั่วโลก

จอร์จีวาได้มีการเปิดเผยกับสำนักข่าวนอกรอบการประชุมสภาเศรษฐกิจโลก (WEF) ครั้งที่ 54 ในเมืองดาวอสว่า เศรษฐกิจของจีนบรรลุเป้าหมายระดับชาติซึ่งตั้งไว้ที่ราวร้อยละ 5 และเติบโตสูงกว่านั้น สิ่งนี้เป็นข่าวดีทั้งสำหรับจีน เอเชีย และทั่วโลก เนื่องจากจีนครองส่วนแบ่งการเติบโตหนึ่งในสามของการเติบโตทั่วโลก

เมื่อวันพุธ (17 ม.ค.) สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนรายงานว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนในปี 2023 สูงถึง 126.06 ล้านล้านหยวน (ราว 638 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.2 เมื่อเทียบปีต่อปี

จอร์จีวาชี้ว่ารัฐบาลจีนกำลังมุ่งมั่นเดินหน้าสู่การเติบโตที่มีคุณภาพสูง และเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเติบโตจากที่เน้นการส่งออกเป็นหลัก ไปเป็นรูปแบบที่การบริโภคมีบทบาทสำคัญมากขึ้น

จอร์จีวากล่าวว่าเราเป็นพันธมิตรที่ดีมากกับจีน จีนมีศักยภาพอย่างมากในการดึงเอาผลิตภาพออกมามากขึ้น และสร้างแรงงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมเสริมว่าการปฏิรูป การเปิดกว้าง และการบูรณาการในเศรษฐกิจโลกถือเป็นหนทางที่ถูกต้องในการเดินหน้าต่อของจีน

อนึ่ง เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2023 กองทุนฯ ได้ปรับขึ้นการคาดการณ์เศรษฐกิจจีนในปี 2023 จากร้อยละ 5 เป็นร้อยละ 5.4 และในปี 2024 จากร้อยละ 4.2 เป็นร้อยละ 4.6 เมื่อเทียบกับรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่กองทุนฯ เผยแพร่เมื่อเดือนตุลาคม

‘แฟนบอลเวียดนาม’ เผย!! เหตุถือธงชาติไทยเชียร์ทัพช้างศึก เพราะแฟนบอลไทยน่ารัก ร่วมยินดีเวียดนามได้แชมป์ U23

(19 ม.ค. 67) เพจ ‘หลังสนามบอลไทย’ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับแฟนบอลชาวเวียดนามที่โบกสะพัดธงชาติไทย เชียร์นักเตะไทยในศึกเอเชียน คัพ 2023 โดยระบุว่า…

“มีไวรัลในโลกโซเชียลอย่างมากถึงกรณีที่แฟนบอลเวียดนามถือธงชาติไทยเชียร์ทัพ ‘ช้างศึก’ ซึ่งทำให้คนสงสัยกันว่าเพราะเหตุใดถึงมาเชียร์ติดขอบสนาม

ล่าสุด ‘Trần Duy Đạt’ แฟนบอลเวียดนามรายดังกล่าวเปิดใจถึงเรื่องนี้ว่า “ผมสนิทกับกองเชียร์ชาวไทยบางคน ทัวร์นาเมนต์ U23 ชิงแชมป์อาเซียน ที่ประเทศไทย เวียดนามได้แชมป์ กองเชียร์ไทยก็มาช่วยเชียร์เวียดนาม ส่วนตัวผมไปเชียร์ทีมชาติไทยในทัวร์นาเมนต์นั้นด้วย พวกเราคว้าแชมป์ได้ พวกคุณมาดีใจกับเรา นี่คือเหตุผลที่ผมมาเชียร์ทีมชาติไทยในวันนี้””

สำหรับ ‘Trần Duy Đạt’ แฟนบอลชาวเวียดนาม 🇻🇳 ถือธงเชียร์ทีมชาติไทย 🇹🇭 ปรากฏตัวที่สนามอับดุลลาห์ บิน คาลิฟา สเตเดียม⁣ ในเกมเอเชียน คัพ 2023 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม F นัดแรก เกมที่เอาชนะ คีร์กีซสถาน 2-0 เมื่อวันที่ 16 มกราคม ที่ผ่านมา

Trần Duy Đạt เป็นแฟนบอลพันธุ์แท้ของทัพดาวทอง เคยเดินทางมาเชียร์ชาติบ้านเกิดในทัวร์นาเมนต์ฟุตบอล U23 ชิงแชมป์อาเซียน 2023 ที่จังหวัดระยอง เมื่อปีที่แล้ว

นอกเหนือจากความสมหวังที่เวียดนามก้าวขึ้นไปคว้าแชมป์ในทัวร์นาเมนต์นั้นได้สำเร็จแล้ว สิ่งที่ Trần Duy Đạt ได้รับกลับไป คือ #มิตรภาพฟุตบอล จากแฟนบอลช้างศึกนั่นเอง

‘ฝรั่งเศส’ เตรียมทดลอง ‘แต่งชุด นร.’ หวังลดความเหลื่อมล้ำ พร้อมเพิ่มวิชาให้ศึกษาความหมายของ ‘เพลงชาติ’ ให้ลึกซึ้ง

เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 67 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ว่า ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง กล่าวถึงเครื่องแบบนักเรียน ว่าสามารถลดความไม่เท่าเทียม หรือความเหลื่อมล้ำระหว่างครอบครัว... 

ในเวลาเดียวกัน เครื่องแบบนักเรียนคือการกำหนดแนวทาง ที่เป็นเงื่อนไขของการเคารพและการให้เกียรติ ด้วยเหตุนี้ นับตั้งแต่ปีการศึกษาปัจจุบันเป็นต้นไป กระทรวงศึกษาธิการฝรั่งเศส มีแผนการให้สถานศึกษาของรัฐ 100 แห่งในประเทศ ร่วมโครงการนำร่องการสวมเครื่องแบบนักเรียน โดยสถานศึกษาสามารถเข้าร่วมได้ตามความสมัครใจ

หากการทดลองดังกล่าวได้ผลดี จะมีการบัญญัติเป็นกฎหมาย และบังคับใช้ในระดับเดียวกัน สำหรับสถานศึกษาของรัฐทั่วประเทศ ในปี 2569 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่มาครงจะดำรงตำแหน่งผู้นำฝรั่งเศส ก่อนการเลือกตั้งครั้งใหม่ ในปี 2570 และจะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศส ที่นักเรียนในโรงเรียนของรัฐต้องสวมเครื่องแบบ

นอกจากนี้ ผู้นำฝรั่งเศสกล่าวถึงแผนการให้นักเรียนตั้งแต่ระดับประถมศึกษา เรียนรู้และมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ต่อความหมายของเพลง ‘ลามาร์แซแยซ’ (La Marseillaise) ซึ่งเป็นเพลงชาติ และการกำหนดให้วรรณกรรม ภาพยนตร์ และการละครเป็นวิชาบังคับ ตั้งแต่เดือน ก.ย. 2568 โดยผู้นำฝรั่งเศสเชื่อว่า เป็นวิชาที่จะสามารถสร้างความมั่นใจ ฝึกฝนการพูดในสถานที่สาธารณะ และการเรียนรู้เนื้อหาที่มีคุณค่า


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top