Tuesday, 29 April 2025
TheStatesTimes

ILINK สร้างปรากฏการณ์นำเทรนด์จัดงานอัปเดตนวัตกรรมใหม่ พลิกโฉมโลกการสื่อสารพร้อมก้าวสู่เทคโนโลยีแห่งอนาคต

ครั้งแรกในไทย กับที่สุดของโซลูชั่น ด้วย INNOVATION ที่ล้ำสมัย บมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น ตอกย้ำคุณภาพจากการเป็นผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในภูมิภาคอาเซียน และเป็นผู้นำเข้า และจัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวของ LINK AMERICAN CABLING และ 19” GERMANY EXPORT RACK ประกาศอัปเดตนวัตกรรมขั้นสุดแห่งปี 2025 ที่พร้อมพลิกโฉมโลกแห่งการสื่อสาร ในงาน NEW PRO TECH INTERLINK BASE UPDATE: NEW & NEXT INNOVATION ที่นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัย และมีประสิทธิภาพสูงสุด รองรับความต้องการของอุตสาหกรรม และภาคธุรกิจในยุคดิจิทัล ที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้พบกับโซลูชั่นที่ครบวงจรทั้งในปัจจุบัน และอนาคต อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ

เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2568 บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ยกระดับไปอีกขั้น ล่าสุดได้ตั้งใจพัฒนา นำนวัตกรรมใหม่ที่จะมาขับเคลื่อนอนาคต เนื่องจากปัจจุบันเทคโนโลยีดิจิทัล เข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้น และเพื่อรับมือกับความท้าทายที่กำลังจะมาถึง ในฐานะที่บริษัทฯ เป็นผู้นำเข้า และจัดจำหน่ายสายสัญญาณที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน พร้อมทั้งเป็นผู้นำเข้า และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ LINK จากสหรัฐอเมริกา และ 19”GERMANY EXPORT RACK มากว่า 38 ปี โดยได้ประกาศศักดิ์ดา นำเสนอ 12 โซลูชั่น ที่เป็นขั้นสุดแห่งโครงสร้างพื้นฐาน “THE UNRIVALED OF INFRASTRUCTURE” ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถปรับใช้ได้ง่าย และมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยมี ผู้เชี่ยวชาญของอินเตอร์ลิ้งค์ฯ เป็นผู้บรรยายรายละเอียดนวัตกรรมแบบเจาะลึก พร้อมทั้งได้รับเกียรติจาก ดร.เตชทัต บูรณะอัศวกุล ประธานคณะกรรมการสาขาวิศวกรรมไฟฟ้า วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ร่วมเสวนาในหัวข้อ พลังงานแสงอาทิตย์ ไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นพลังงานหลักของโลกอนาคต ในงานนี้อีกด้วย 

โดยนายสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ฯ EXCLUSIVE AUTHORIZED DISTRIBUTOR จาก LINK และเจ้าของลิขสิทธิ์ 19”GERMANY EXPORT RACK กล่าวว่า “ด้วยวิสัยทัศน์ที่มุ่งเน้นการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อินเตอร์ลิ้งค์ฯ พร้อมขับเคลื่อนวงการเทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง และรองรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนทั้งในระดับประเทศ และระดับสากล ดังนั้น การนำผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมใหม่เข้ามาจะเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการพัฒนาเทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารให้มีความล้ำหน้า จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของภาคธุรกิจไทยให้สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่ง LINK ให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกงานระบบ เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า ทั้งในภาคธุรกิจ และลูกค้าทั่วไป ตั้งแต่ระบบเครือข่ายขนาดใหญ่สำหรับองค์กร ไปจนถึงโซลูชั่นที่เหมาะกับการใช้งานภายในที่พักอาศัย นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับมาตรฐานคุณภาพสูงสุด เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดจากผลิตภัณฑ์ และบริการ"

สำหรับนวัตกรรมใหม่จาก LINK AMERICAN CABLING & 19” GERMANY EXPORT RACK ภูมิใจเสนอผลิตภัณฑ์ และโซลูชั่นใหม่ที่ล้ำสมัย ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อรองรับความต้องการในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลอย่างครบวงจร โดยการผสานเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อให้การเชื่อมต่อ และการสื่อสารในทุกระดับเป็นไปอย่างราบรื่น ตอบโจทย์การใช้งานในระบบเครือข่ายที่มีความซับซ้อน และมีประสิทธิภาพสูงสุด ดังนี้ 

• SUPER S SERIES มาพร้อมกับ UTP CAT6A และ FTTR SOLUTIONS ซึ่งเป็นเทคโนโลยีนวัตกรรมขั้นสูงที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบโครงสร้างสายสัญญาณแบบเปิด (OPEN CABLING) โดยมีแนวคิดหลัก "SMART, SMALL, SAVE"
o SMART : ล้ำสมัยด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ
o SMALL : ขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา แต่ให้ประสิทธิภาพสูง
o SAVE : ประหยัดพื้นที่ติดตั้ง ลดต้นทุนค่าบำรุงรักษา 
• LINK SOLAR CABLING SOLUTION: พลังงานที่สำคัญสำหรับอนาคต เป็นโซลูชั่นที่ดีที่สุดสำหรับระบบพลังงานแสงอาทิตย์ที่ได้มาตรฐาน และสะดวกในการติดตั้ง ทั้งผู้ใช้งาน และผู้ติดตั้ง ซึ่งสามารถใช้งานกับ SOLAR ROOF, SOLAR FARM และ FLOATING SOLAR และยังทดสอบผ่านมาตรฐาน AD8 สามารถจมน้ำได้ 1 เมตรโดยที่ยังนำไฟฟ้าได้สมบูรณ์ 

• LINK TRANSCEIVER CLINIC FOR ALL : SFP (SMALL FORM-FACTOR PLUGGABLE) MODULE เป็นส่วนสำคัญของชั้น PHYSICAL LAYER ในระบบสื่อสารผ่านไฟเบอร์ออปติก โดยทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมต่อที่ช่วยให้การสื่อสารระหว่างอุปกรณ์ต่าง ๆ ผ่านเทคโนโลยีไฟเบอร์ออปติกเป็นไปอย่างราบรื่น และมีประสิทธิภาพสูง LINK เข้าใจถึงความสำคัญของการเชื่อมต่อที่ราบรื่นระหว่างอุปกรณ์สวิตช์ แต่ด้วยความหลากหลายของแบรนด์ และรุ่นของสวิตช์ในตลาด อาจเกิดปัญหาความเข้ากันได้ (COMPATIBILITY) ซึ่งทำให้การเชื่อมต่อเกิดความไม่เสถียร ดังนั้น LINK TRANSCEIVER CLINIC FOR ALL จึงเป็นคำตอบ พร้อมให้บริการช่วยเหลือ และแก้ไขทุกปัญหา เพื่อให้การเชื่อมต่อของเป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบ และไม่มีสะดุด

จุดเด่นของบริการ LINK TRANSCEIVER CLINIC FOR ALL:
ALL COMPATIBILITY : LINK เป็นเจ้าของสิทธิ์ในการเข้ารหัสสวิตช์ของทุกแบรนด์ ซึ่งหมายความว่า ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความเข้ากันได้ของแบรนด์หรือความยาวสายไฟเบอร์ นอกจากนี้เรายังมีบริการ การสาธิตการใช้งาน เพื่อให้คุณมั่นใจในสินค้าก่อนตัดสินใจซื้อ จัดส่งภายใน 3 วัน : มั่นใจได้แน่นอนว่าการดำเนินงานของคุณจะไม่สะดุด ด้วยบริการจัดส่งสินค้ารวดเร็วภายใน 3 วัน รับประกัน 3 ปี : มอบความมั่นใจในคุณภาพ ด้วยการรับประกันที่ยาวนานที่สุดในตลาด 

หากพบปัญหา รับประกันการเปลี่ยนสินค้าใหม่ 100% ทันที

19” GERMANY EXPORT RACK : นวัตกรรมใหม่ของ GERMAN RACK แข็งแกร่งที่สุดที่เคยมีมาGERMAN RACK ได้รับการยอมรับในระดับสากลว่าเป็นมาตรฐานสูงสุดของตู้แร็ค ซึ่งถูกนำไปใช้ในโครงการขนาดใหญ่ทั่วโลก วันนี้ NEW GERMAN RACK ได้พัฒนาขีดจำกัดไปอีกขั้น ด้วยเทคโนโลยี จากวิศวกรรมขั้นสูงจากเยอรมนี สู่การสร้างตู้แร็คที่แข็งแกร่งที่สุด ดังนี้

ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น 2 เท่า : ผลิตจากเหล็กอีเล็คโตร-กัลวาไนซ์หนา 2.5 มม. ซึ่งมีความทนทานมากกว่าถึง 2 เท่า

เทคโนโลยีการออกแบบขั้นสูง : การออกแบบ MODULAR KNOCKDOWN ที่ล้ำสมัย ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของโครงสร้าง พร้อมทั้งยังติดตั้งง่ายกว่าเดิม

ZEROGAP ZEAL – ระบบปิดผนึกอากาศ : เทคนิค ZEROGAP ZEAL ช่วยปิดผนึกประตูได้อย่างแน่นหนา พร้อมทั้งระบายอากาศร้อนออกด้านบนได้อย่างรวดเร็ว ปกป้องอุปกรณ์ภายในจากความร้อน

การออกแบบเพื่อการใช้งานที่เต็มประสิทธิภาพ : ดีไซน์ใหม่ ช่วยเพิ่มพื้นที่ในการติดตั้งอุปกรณ์ได้สูงสุด โดยไม่มีสิ่งกีดขวาง ทำให้ใช้พื้นที่เต็มตาม U ที่ระบุ และใช้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

NEW & NEXT นวัตกรรมที่จะขับเคลื่อนอนาคต การก้าวสู่อนาคต LINK ไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนา และคิดค้น ซึ่งในอนาคตอันใกล้ โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลจะกลายเป็นส่วนสำคัญยิ่งของทั้งธุรกิจ และการดำเนินชีวิตประจำวัน ซึ่งสะท้อนถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย ในปี 2025 กระแส ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น (DIGITAL TRANSFORMATION) จะผลักดันให้ ดาต้าเซ็นเตอร์ (DATA CENTER) มีบทบาทที่สำคัญยิ่งขึ้น และในยุคที่ DATA CENTER มีความซับซ้อน ร่วมกับความต้องการในการขยายระบบที่สูงขึ้น และต้องประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่มากขึ้น รวมไปถึงการเติบโตของ AI และ CLOUD COMPUTING ที่เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย ด้วยเหตุนี้ โซลูชันที่มีประสิทธิภาพจึงจำเป็นต้องสามารถจัดการได้ง่าย ปรับเปลี่ยนได้สะดวก และยังคงรักษาความน่าเชื่อถือ ความยืดหยุ่น และความพร้อมใช้งานที่สูงสุดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ LINK ตระหนักถึงความจำเป็นในการพัฒนา "LINK DATA CENTER INTERCONNECT CABLING SYSTEM" เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงนี้ ได้แก่ 

• DOUBLE Q SERIES : LINK FIBER OPTIC ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ PIGTAIL, PATCH CORD, CONNECTOR และ ADAPTER ออกแบบมาเพื่อความทนทาน ประสิทธิภาพสูงในสภาวะสุดขั้ว และวัสดุคุณภาพเยี่ยม 

ล่าสุด LINK ได้เปิดตัว DOUBLE Q SERIES ซึ่งมีจุดเด่น ดังนี้
วัสดุคุณภาพสูง (HIGH-QUALITY COMPONENTS)
LINK คัดสรรวัสดุพรีเมียม เช่น แกนเซรามิก (CERAMIC FERRULES) เพื่อลดการสูญเสียสัญญาณ และเพิ่มความทนทานสูงสุด โดย DOUBLE Q SERIES ผลิตภายใต้มาตรฐานอุตสาหกรรมที่เข้มงวด การจัดส่งที่รวดเร็ว (QUICK RESPONSE)

LINK มีสต็อกสินค้าจำนวนมาก และมีแผนโลจิสติกส์ขั้นสูง เพื่อให้สามารถจัดส่งสินค้าได้อย่างรวดเร็ว ตรงเวลา และรองรับความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รองรับทุกการเชื่อมต่อด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครบวงจร

LINK มีสายไฟเบอร์ PIGTAIL & PATCH CORD หลากหลายรุ่น เช่น SC, LC, ST, FC, MTRJ, MTP และ MPO รองรับทั้ง SINGLE MODE และ MULTI-MODE โดยผลิตภัณฑ์ทั้งหมดเป็นไปตามมาตรฐาน FOCIS และ ANSI/TIA-568.3-D

BAS CONTROL CABLE: ระบบอัตโนมัติ (AUTOMATION SYSTEMS) กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว LINK จึงใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิต สายควบคุม BAS (BUILDING AUTOMATION SYSTEM) ที่มีความทนทาน และประสิทธิภาพสูง ดังนี้ 

การออกแบบที่คำนึงถึงทุกรายละเอียด
ใช้ SPIRAL WAY FOIL SHIELD ที่ช่วยป้องกันสัญญาณรบกวน EMI/RFI ได้ถึง 120% มีสายกราวด์ (DRAIN WIRE) ทำจากทองแดงเคลือบดีบุก เพื่อเพิ่มความทนทาน
ผลิตตามมาตรฐาน และผ่านการทดสอบจากสถาบัน UL เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด

• LIYCY CONTROL CABLE เป็นสายควบคุมที่มีความยืดหยุ่นสูง และมีการป้องกันสัญญาณ ซึ่งออกแบบมาเพื่อการส่งสัญญาณในโรงงานอุตสาหกรรม แผงควบคุม และอาคารที่มีสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย เหมาะสำหรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักร ระบบการวัด และระบบควบคุมอื่น ๆ

LIYCY CONTROL CABLE : LINK ได้พัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์ LIYCY CONTROL CABLE เพื่อตอบสนองต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ และภาคอุตสาหกรรมที่กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รองรับเทคโนโลยีแห่งอนาคต เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพ และความมั่นคงให้กับภาคอุตสาหกรรม ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ระบบอุตสาหกรรมดำเนินไปได้อย่างราบรื่น ทั้ง รองรับอุตสาหกรรมยุคใหม่ และเพื่อระบบที่เสถียร และยืดหยุ่น มีความสำคัญต่อการดำเนินงานในภาคอุตสาหกรรม

'อลงกรณ์' ผนึกเครือข่าย 'Green Alliance' ร่วมมือธนาคารเอสเอ็มอี.เดินหน้าโครงการซอฟท์โลน1หมื่นล้านยกระดับท่องเที่ยวสีเขียว(Green Tourism) สู่มิติใหม่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย สอดรับนโยบาย 'รัฐมนตรี ทส. ดร.เฉลิมชัย'

นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและประธานสถาบันเอฟเคไอไอ ไทยแลนด์(FKII Thailand)กล่าวสุนทรพจน์เรื่อง การขับเคลื่อนการท่องเที่ยวสีเขียว( Green Tourism ) : มิติใหม่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทย
ในงานโครงการ “GO SMART GO GREEN FOR SUSTAINABLE TOURISM”จัดโดย SME D Bank เมื่อเร็วๆนี้ ซึ่งเป็นประเด็นเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมที่น่าสนใจจึงเห็นควรนำมาถ่ายทอดผ่านสื่อเพื่อประโยชน์ในการรับรู้ของสาธารณชน โดยอดีตรัฐมนตรีอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ปัจจุบันเป็นประธานที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า

“…ในวันนี้ ผมขอใช้โอกาสนี้กล่าวถึงความจำเป็นในการขับเคลื่อนGreen Tourism หรือการท่องเที่ยวสีเขียว ซึ่งเป็นแนวทางที่ประเทศไทยไม่อาจละเลยได้อีกต่อไป ตามที่ท่านพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank กล่าวในพิธีเปิดโครงการ “GO SMART GO GREEN FOR SUSTAINABLE TOURISM”เกี่ยวกับธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่องมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบเศรษฐกิจไทย ด้วยมูลค่าอุตสาหกรรมรวมมากกว่า 2 ล้านล้านบาทต่อปีในปี 2567 ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาไทยจำนวนสูงกว่า 35 ล้านบาท

ทั้งนี้ในปัจจุบันภาวะโลกร้อนก่อให้เกิดภัยธรรมชาติทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ ทั่วโลกจึงหันมาให้ความสำคัญต่อการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึง มีกฎกติกาสากลและมาตรฐานทั้งภายในและภายนอกประเทศมาควบคุมการท่องเที่ยว โดยข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่า นักท่องเที่ยวกว่า 60% ให้ความสำคัญและต้องการสร้างความยั่งยืนให้แก่การท่องเที่ยว ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวของไทยมากกว่า 60% สนใจและต้องการยกระดับสู่มาตรฐาน Green Tourism แต่มีผู้ประกอบการที่พร้อมจะปรับตัวเพียงแค่ประมาณ 10% เนื่องจากยังขาดความรู้ ขาดเงินทุนเพื่อปรับตัว และขาดเครื่องมือในการยกระดับ  ขณะที่โรงแรมที่ผ่านเกณฑ์ Green Tourism ในประเทศไทยมีเพียง 2% เท่านั้น หากผู้ประกอบการไทยไม่สามารถปรับตัวสู่มาตรฐานท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีความเสี่ยงที่ชาวต่างชาติจะย้ายฐานการท่องเที่ยวไปยังประเทศที่มีความพร้อมแทน 

ผมคิดว่า เราต้องมองหาทุกโอกาสในวิกฤติโลกเดือดโลกรวนน้ำท่วมภัยแล้งสุดขั้ว ก่อนหน้านี้ธนาคารโลกเรียกร้องให้ประเทศไทยเร่งการเปลี่ยนแปลงสู่เศรษฐกิจที่มีคาร์บอนต่ำ โดยชี้ให้เห็นว่า “มีโอกาสในการลงทุนที่ยั่งยืนถึงประมาณ 632 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (23 ล้านล้านบาท) ”ในขณะเดียวกัน ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้เร่งรัดผลักดันให้กระทรวงฯ.นำเสนอ ร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ พ.ร.บ. Climate Change ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อเสนอรัฐสภาภายในปีนี้เพื่อให้มีผลบังคับโดยเร็ว กฎหมายฉบับนี้เป็นเครื่องมือสำคัญที่จะทำให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) เป็นกลางในปี ค.ศ.2050และสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ. 2065 และกฎหมายดังกล่าวยังสร้างโอกาสในการเกิดเศรษฐกิจใหม่คือเศรษฐกิจคาร์บอน (Carbon Economy) จะเกิดการสร้างงานสร้างอาชีพสร้างธุรกิจใหม่ๆ ตั้งแต่ต้นน้ำ การปลูกป่าไม้ป่าโกงกาง การกักเก็บคาร์บอนด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ การซื้อขายคาร์บอนเครดิต การวิจัยและพัฒนาใหม่ๆ การมีกองทุนคาร์บอน พันธบัตรคาร์บอน สินเชื่อคาร์บอน ภาษีคาร์บอน หรือการเกิดนวัตกรรมใหม่ๆ เช่นข้าวรักษ์โลก ซีเมนต์ไฮดรอลิก(ซีเมนต์คาร์บอนต่ำ)รวมทั้งอุตสาหกรรมท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ สอดคล้องต่อมุมมองของธนาคารโลก จึงเป็นโอกาสในวิกฤติโลกเดือดโลกรวนน้ำท่วมภัยแล้งสุดขั้วที่จะเร่งขับเคลื่อน เศรษฐกิจคาร์บอน (Carbon Economy) หมายถึงระบบเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและการบริโภคสินค้าหรือบริการที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ ซึ่งมีผลกระทบต่อสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อม ระบบเศรษฐกิจนี้มักรวมถึงภาคอุตสาหกรรม การขนส่ง การค้า การท่องเที่ยว พลังงาน และเกษตรกรรมที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ

ประเทศไทยมีเป้าหมาย สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับโลก โดยจะบรรลุ Carbon Neutrality ภายในปี 2050 และ Net Zero Emissions ภายในปี 2065 ซึ่งหมายความว่าทุกภาคส่วน รวมถึงภาคการท่องเที่ยว ต้องมีบทบาทในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้มากที่สุด และชดเชยการปล่อยที่เหลือด้วยมาตรการต่าง ๆ เช่น การเพิ่มพื้นที่สีเขียว การใช้พลังงานหมุนเวียน และการพัฒนาเทคโนโลยีลดคาร์บอน การใช้พลังงานสะอาด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ลม และชีวมวล
การปรับปรุงระบบการจัดการพลังงานเพื่อลดการใช้ไฟฟ้าและน้ำ และลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว ตลอดจนเปลี่ยนไปใช้วัสดุที่ย่อยสลายได้และสนับสนุนโครงการปลูกป่าและการกักเก็บคาร์บอนเพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

 อดีตรัฐมนตรีอลงกรณ์ยังได้กล่าวถึงหัวข้อสำคัญๆดังนี้
1. แนวโน้มและความสำคัญของการท่องเที่ยวสีเขียว( Green Tourism)

เมื่อปี2019ใน COP 25 มีGlasgow Declaration กำหนดเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจก50%ในปี2030 และNet Zeroในปี 2050

ทั้งนี้เพราะภาคการขนส่งของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว(Tourism transport)มีสัดส่วนถึง5%ของGHG
และมีอัตราเพิ่ม25%ต่อปี 

ดังนั้นในเดือนมีนาคมปี2023 จึงได้กำหนดGuidance Tourism ของ UNFCCC และCOP28

2. โอกาสทางธุรกิจสำหรับโรงแรมและผู้ประกอบการ

อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยเป็นหนึ่งในเสาหลักของเศรษฐกิจ คิดเป็นสัดส่วน ประมาณ 12-18% ของ GDP แต่ในขณะเดียวกัน การเติบโตของการท่องเที่ยวกลับนำมาซึ่งปัญหาสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ขยะพลาสติก มลพิษทางอากาศ ไปจนถึงการทำลายระบบนิเวศ ซึ่งกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นจุดขายสำคัญของการท่องเที่ยวไทย

ข้อมูลจากองค์การการท่องเที่ยวโลก (UNWTO) ระบุว่า นักท่องเที่ยว 73% ทั่วโลกให้ความสนใจการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และนักเดินทางกลุ่มนี้มักมีกำลังซื้อสูงกว่าปกติ ซึ่งหมายความว่าการปรับตัวสู่ Green Tourism ไม่เพียงช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับอุตสาหกรรมอีกด้วย


นอกจากนี้จากข้อมูลของ Sustainable Hospitality Alliance พบว่า โรงแรมที่ดำเนินนโยบายสีเขียวสามารถลดต้นทุนพลังงานได้ 20-30% และลดต้นทุนการใช้น้ำได้กว่า 15% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแนวทางนี้ไม่ใช่ภาระ แต่เป็นโอกาสในการเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนระยะยาว

ตัวอย่างโรงแรมในประเทศไทยที่ใช้แนวทาง Green Tourism แล้วประสบความสำเร็จ เช่น โรงแรมศรีพันวา ภูเก็ต และ เกาะกูดรีสอร์ท ที่นำพลังงานสะอาด ระบบรีไซเคิลน้ำ และแนวคิด Zero-Waste มาใช้ ซึ่งช่วยให้ได้รับนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง และได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ

3. บทบาทของภาครัฐและนโยบายสนับสนุน
การผลักดัน Green Tourism ไม่ใช่หน้าที่ของภาคเอกชนเพียงอย่างเดียว ภาครัฐต้องมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุน ผ่านมาตรการจูงใจ เช่น มาตรฐานโรงแรมสีเขียว และการส่งเสริมการตลาดเชิงรุกสำหรับแหล่งท่องเที่ยวที่มีความยั่งยืน

4. บทบาทของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมภายใต้วิสัยทัศน์และนโยบายของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีภารกิจสำคัญในการส่งเสริมและกำกับดูแล Green Tourism ผ่านการออกนโยบายและมาตรการต่าง ๆ เช่น โครงการโรงแรมสีเขียว (Green Hotel) การส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน และการอนุรักษ์แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ กระทรวงยังสนับสนุนการใช้มาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมสำหรับภาคธุรกิจ เช่น การกำหนดเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อมในการออกใบอนุญาตให้สถานประกอบการท่องเที่ยว รวมถึงการร่วมมือกับภาคเอกชนในการลดขยะพลาสติกและควบคุมการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ การพัฒนาการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมยังได้รับการสนับสนุนผ่านนโยบาย Thailand Greenhouse Gas Management Organization (TGO) ซึ่งช่วยให้สถานประกอบการสามารถลดปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ได้ และได้รับการรับรองเป็นองค์กรสีเขียวในระดับสากล
5.มาตรฐาน GSTC: กรอบแนวทางสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

หนึ่งในมาตรฐานสากลที่โรงแรมและผู้ประกอบการท่องเที่ยวสามารถนำมาใช้เพื่อพัฒนาให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมคือมาตรฐาน GSTC (Global Sustainable Tourism Council) ซึ่งเป็นเกณฑ์ระดับโลกที่ช่วยกำหนดแนวทางปฏิบัติสำหรับธุรกิจท่องเที่ยวให้มีความยั่งยืนมากขึ้นโดยมีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นหน่วยสนับสนุนที่สำคัญ ยิ่งกว่านั้นการขับเคลื่อนGreen Tourism อย่างจริงจัง โดยกลุ่ม Green Alliance ที่ประกอบไปด้วยภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และ แหล่งเงินทุน เช่น SMEd Bank จึงเกิดขึ้นเพื่อร่วมมือกันยกระดับ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศไทยให้เป็น การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนที่แท้จริง
การขับเคลื่อน Green Tourism ไม่ใช่เพียงแค่กระแส แต่เป็นความจำเป็นเชิงกลยุทธ์สำหรับประเทศไทย โรงแรมที่ปรับตัวเร็วจะได้รับโอกาสทางธุรกิจใหม่ ภาครัฐที่สนับสนุนจะช่วยให้เกิดการเติบโตที่ยั่งยืน และสุดท้าย ประเทศไทยจะสามารถอนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไว้ให้กับคนรุ่นต่อไป

หวังว่าเราจะร่วมมือกันในการพัฒนาการท่องเที่ยวไทยให้เป็นต้นแบบแห่งความยั่งยืน และขอบคุณSME D Bank ที่มีบทบาทสำคัญในโครงการGreen Loan

โดยการสนับสนุนผู้ประกอบการที่ต้องการยกระดับปรับเปลี่ยนสู่ธุรกิจสีเขียวซึ่ง SME D Bank พร้อมสนับสนุนสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษ ได้แก่ สินเชื่อ “SME Green Productivity” วงเงินรวมกว่า 10,000 ล้านบาท สำหรับนำไปลงทุนติดตั้งระบบ เครื่องจักร อุปกรณ์ ปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิต หรือเทคโนโลยี เพื่อใช้พลังงานสะอาด เช่น ติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ เปลี่ยนเครื่องจักร ใช้เทคโนโลยี รวมถึง เชื่อมโยงไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เป็นต้น วงเงินกู้สูงสุด 10 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 3%ต่อปี  คงที่ตลอด 3 ปีแรก ผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี ปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 12 เดือน นอกจากนั้น ยังมีสินเชื่ออื่นๆ ไว้รองรับครบทุกความต้องการ เช่น สินเชื่อ “BCG Loan” สนับสนุนยกระดับพัฒนาสู่ “BCG Model” (Bio-Circular-Green Economy) ผลักดันธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน วงเงินกู้ต่อรายสูงสุด 50 ล้านบาท  อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นประมาณ 4.55%ต่อปี  ผ่อนนานสูงสุด 15 ปี  และปลอดชำระเงินต้นสูงสุด 24 เดือน เป็นต้น

นับเป็นก้าวใหม่ที่สำคัญในการเดินหน้าสู่Green Tourismอย่างจริงจังเพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนตลอดไป ขอบคุณครับ..”

กำลังพลหน่วยเฉพาะกิจ ของหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง พร้อมปฏิบัติหน้าที่

(27 มี.ค.68) พลเรือตรี เอตม์ ยุวนางกูร ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง เป็นประธานในพิธีส่งกำลังพลชุดผลัดเปลี่ยนหน่วยเฉพาะกิจของหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง วงรอบการผลัดเปลี่ยน เมษายน 2568 โดยมีหน่วยเฉพาะกิจที่จะผลัดเปลี่ยนกำลังพล จำนวน 10 หน่วย มีกำลังพล รวมทั้งสิ้น 177 นาย เพื่อไปผลัดเปลี่ยนกำลัง ตามวงรอบการปฏิบัติราชการ ของหน่วยเฉพาะกิจที่หน่วยบัญชาการ ต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ณ กองบัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ได้ให้โอวาทและแนวทางในการไปปฏิบัติราชการ โดยขอให้กำลังพลร่วมแรง ร่วมใจกันปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง อดทน และมีระเบียบวินัย ในการไปปฏิบัติราชการในพื้นที่ต่างๆ นั้นมีความเสี่ยงในการปฏิบัติงาน ขอให้กำลังพลทุกนายปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง อย่าอยู่ในความประมาท ขอให้มีสติอยู่ตลอดเวลา พร้อมทั้งปฏิบัติหน้าที่ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต หลีกเลี่ยงการกระทำในสิ่งใดๆ ที่ไม่ถูกต้องตามระเบียบกฎเกณฑ์ หรือผิดกฎหมายบ้านเมือง และให้เชื่อฟังผู้บังคับบัญชาโดยเคร่งครัด และที่สำคัญพึงระลึกอยู่เสมอว่า ท่านคือทหารหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง หากประสบปัญหาระหว่างการปฏิบัติงาน ให้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบโดยทันที เพื่อสนับสนุนและแก้ไขปัญหาต่อไป พร้อมทั้งขอให้กำลังพลและครอบครัว จงประสบแต่ความสุข ความเจริญ  มีสุขภาพ พลานามัยที่สมบูรณ์ กำลังใจเข้มแข็ง พร้อมที่จะไปปฏิบัติราชการเพื่อนำความเจริญมาสู่ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง กองทัพเรือ และประเทศชาติต่อไป 

จีนรุกคืบโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล วางสายเคเบิลใต้น้ำ 70,000 กม. ครอบคลุม 3 มหาสมุทร เสริมศักยภาพอินเทอร์เน็ตข้ามทวีป

(27 มี.ค. 68) บริษัทเทคโนโลยีจากจีนกำลังเร่งขยายโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมระดับโลก ด้วยการวางสายเคเบิลใต้น้ำลึกกว่า 70,000 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ในมหาสมุทรแปซิฟิก, มหาสมุทรอินเดีย และมหาสมุทรแอตแลนติก เพื่อเสริมศักยภาพการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตข้ามทวีป

โครงการสายเคเบิลใต้น้ำนี้เป็นหนึ่งในแผนยุทธศาสตร์ของจีนในการขยายอิทธิพลด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลทั่วโลก โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความสามารถด้าน การสื่อสารโทรคมนาคม และรองรับ ความต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

บริษัทจีนหลายแห่งได้รับบทบาทสำคัญในการดำเนินโครงการนี้ ซึ่งรวมถึง China Mobile, China Telecom และ China Unicom โดยคาดว่าเมื่อโครงการเสร็จสมบูรณ์ จะช่วยให้การเชื่อมต่อระหว่างภูมิภาคเป็นไปอย่าง รวดเร็วและมีเสถียรภาพมากขึ้น

การขยายโครงข่ายเคเบิลใต้น้ำของจีน อาจส่งผลต่อการแข่งขันในตลาดโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบริษัทเทคโนโลยีจากสหรัฐและยุโรปที่ครองตลาดโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลมาอย่างยาวนาน ขณะเดียวกัน หลายประเทศเริ่มจับตาดูการลงทุนครั้งใหญ่ของจีน เนื่องจากอาจเกี่ยวข้องกับประเด็นด้านความมั่นคงทางไซเบอร์และข้อมูล

ปัจจุบัน สายเคเบิลใต้น้ำถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของอินเทอร์เน็ตทั่วโลก โดยมากกว่า 95% ของการส่งข้อมูลระหว่างประเทศพึ่งพาระบบเคเบิลใต้น้ำ ทำให้โครงการขนาดใหญ่ของจีนอาจ เปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ด้านการสื่อสารทั่วโลก อย่างมีนัยสำคัญ

มู่ชุนโป๋ วิศวกรอาวุโสของสถาบันโทรคมนาคมจีนเปิดเผยว่า การขยายตัวของเครือข่ายสายเคเบิลใต้น้ำของบริษัทจีน ไม่เพียงแต่ช่วยให้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทั่วโลกมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ยังช่วย ลดต้นทุนเครือข่าย สำหรับประเทศกำลังพัฒนา และส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล

นอกจากนี้ มู่ชุนโป๋เปรียบเทียบว่า สายเคเบิลใต้น้ำเพื่อการสื่อสาร มีความสำคัญไม่ต่างจาก คลองสุเอซ หรือ รถไฟด่วนจีน-ยุโรป เนื่องจากเป็น โครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ที่เอื้อต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและการเชื่อมโยงระหว่างประเทศ โดยโครงการนี้จะช่วยให้ ประเทศกำลังพัฒนา สามารถเข้าถึงโครงข่ายอินเทอร์เน็ตคุณภาพสูงได้ในราคาที่ถูกลง

ทั้งนี้ ในยุคที่การสื่อสารทางดิจิทัล กลายเป็นหัวใจของเศรษฐกิจโลก มู่ชุนโป๋เน้นย้ำว่า การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านเครือข่ายจะช่วยสร้างงานและขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกไปข้างหน้า โดยสายเคเบิลใต้น้ำของจีนอาจเป็นหนึ่งในโครงการที่มีอิทธิพลสูงสุดต่อระบบอินเทอร์เน็ตในอนาคต

ตำรวจไซเบอร์ แถลงจับ ‘เอ็ม เอกชาติ’ อินฟลูเอนเซอร์ดัง สายตรงเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ ยึดทรัพย์กว่า 50 ล้านบาท

(27 มี.ค. 68) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) แถลงข่าวการจับกุม นายเอกชาติ มีพร้อม หรือ 'เอ็ม เอกชาติ' อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง หลังพบพยานหลักฐานชัดเจนว่า มีบทบาทเป็นระดับผู้บริหารในขบวนการฟอกเงินและรับผลประโยชน์จากเว็บพนันออนไลน์

พล.ต.ท.ไตรรงค์ เปิดเผยว่า การสืบสวนเริ่มต้นจากกรณีที่ เอ็ม เอกชาติ เคยมีประเด็นเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ 'แบงค์ เลสเตอร์' หลังจากถูกชักชวนให้ดื่มสุราจนเสียชีวิต ต่อมาจากการตรวจสอบเชิงลึก พบว่า เฟซบุ๊กของนายเอ็มมีการแปะลิงก์เชื่อมโยงกับเว็บพนัน ทำให้ตำรวจไซเบอร์เริ่มขยายผลการสืบสวน

หลังจากเจ้าหน้าที่ เก็บรวบรวมพยานหลักฐานอย่างต่อเนื่อง และพบว่ามีเส้นทางการเงินที่น่าสงสัย รวมถึงความเกี่ยวข้องของนายเอ็มกับกลุ่มเว็บพนันออนไลน์ เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2568 เจ้าหน้าที่จึงได้ขอ ศาลอนุมัติหมายจับและหมายค้น ก่อนเข้าจับกุมตัว เอ็ม เอกชาติ พร้อมตรวจสอบเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ในการตรวจค้นและยึดทรัพย์ เจ้าหน้าที่พบ ทรัพย์สินหลายรายการ มูลค่ารวมกว่า 50 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าอาจเป็นผลประโยชน์ที่ได้มาจากเว็บพนันออนไลน์ ทั้ง รถยนต์หรูหลายคัน เงินสด และทรัพย์สินอื่นๆ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการตรวจสอบเส้นทางการเงินเพื่อติดตามผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

ขณะนี้ เอ็ม เอกชาติ ถูกควบคุมตัวอยู่ที่กองบังคับการตำรวจไซเบอร์ และให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา อย่างไรก็ตาม ตำรวจยังคงเดินหน้าสอบสวนขยายผล และคาดว่าจะสามารถเปิดโปงเครือข่ายที่อยู่เบื้องหลังขบวนการฟอกเงินและเว็บพนันออนไลน์ที่เกี่ยวข้องได้ในเร็วๆ นี้

นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 3/2568 

(27 มี.ค.68) เวลา 14.00 น. ที่ห้องประชุมศรียานนท์  ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร.ครั้งที่ 3/2568 โดยมีวาระการประชุม 5 วาระ ประกอบด้วย วาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งที่ประชุมทราบ วาระที่ 2 รับรองรายงานการประชุมครั้งที่ผ่านมา สำหรับวาระที่ 3 เรื่องที่เสนอเพื่อทราบ ที่ประชุมพิจารณารายงานการดำเนินการของ อ.ก.ตร. ในด้านต่างๆ อาทิ งานด้านกฎหมาย การบริหารทรัพยากรบุคคล รวมถึงผลการดำเนินการตามมติ ก.ตร. ในเรื่องสำคัญ เช่น การประเมินความพึงพอใจของประชาชนต่อการให้บริการของตำรวจ ตาม พ.ร.บ.ตำรวจฯ ประจำปี 2567 และรายงานสถานการณ์เกี่ยวกับการขอรับสิทธิ การนับเวลาราชการเป็นทวีคูณและ พ.ส.ร. ของเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยที่ไปปฏิบัติหน้าที่ขององค์การสหประชาชาติในติมอร์ตะวันออก ในวาระที่ 4 เรื่องเสนอเพื่อพิจารณา มีประเด็นสำคัญ ได้แก่ ร่างระเบียบ ก.ตร. ว่าด้วยเงินเพิ่ม สำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษตำแหน่งผู้ปฏิบัติงานด้านการสาธารณสุข พ.ศ.... และการคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และการพิจารณาคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจตามคำวินิจฉัยของ ก.พ.ค.ตร. และวาระที่ 5 เรื่องอื่นๆ (ถ้ามี)

โดยบรรยากาศก่อนประชุม นายกรัฐมนตรีได้ยิ้มทักทายสื่อมวลชนที่มารอทำข่าว จากนั้นได้เข้าห้องประชุมศรียานนท์ ก่อนจะเปิดการประชุมโดยเน้นย้ำให้ กรรมการ ก.ตร. และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่านที่เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ ช่วยกันพิจารณาตามวาระการประชุมให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

หลังเสร็จสิ้นการประชุม พล.ต.ท.อนุชา รมยะนันทน์ ผบช.สง.ก.ตร. ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน เกี่ยวกับรายละเอียดที่ได้ประชุมในวันนี้

กฟผ. จับมือ ทัพเรือภาคที่ 1 จัดกิจกรรมฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมทางทะเล พร้อมสนับสนุนการปรับปรุงซ่อมแซม ท่าเทียบเรือและสะพานทางเดินศึกษาธรรมชาติ เทิดพระเกียรติ รอบเกาะขาม

(27 มี.ค. 68) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ร่วมกับทัพเรือภาคที่ 1 จัดกิจกรรมฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมทางทะเล พร้อมสนับสนุนการปรับปรุงซ่อมแซมท่าเทียบเรือและสะพานทางเดินศึกษาธรรมชาติเทิดพระเกียรติ รอบเกาะขาม โดยมีนาวาเอก ธวัชชัย สอนซี รองเสนาธิการทัพเรือภาคที่ 1 เป็นประธาน พร้อมด้วย นายรณภูมิ แสงทอง ผู้อำนวยการโครงการปรับปรุงและขยายระบบส่งไฟฟ้าที่เสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน (อค-ปส.) และผู้ปฏิบัติงาน กฟผ. รวมทั้งกำลังพลทัพเรือภาคที่ 1 หน่วยงานภาครัฐ ภาคประชาชนในพื้นที่อำเภอสัตหีบ เข้าร่วมกิจกรรม ณ อุทยานใต้ทะเลเกาะขาม อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี นาวาเอก ธวัชชัย สอนซี รองเสนาธิการทัพเรือภาคที่ 1 ประธานในพิธี กล่าวว่า อุทยานใต้ทะเล เกาะขาม อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบดูแลโดยทัพเรือภาคที่ 1 ซึ่งการจัดกิจกรรมพัฒนาฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมทางทะเลครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อร่วมกันพัฒนาสภาพแวดล้อมทางทะเลและชายฝั่ง คืนความอุดมสมบูรณ์ รักษาสมดุลของระบบนิเวศน์ให้เหมาะสมต่อการดํารงชีวิตของสัตว์ทะเล รวมทั้งสร้างรากฐานที่มั่นคง ปลูกจิตสำนึกให้กับเยาวชนและประชาชนทั่วไป มีความรัก หวงแหนและใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ขอขอบคุณ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ที่สนับสนุนงบประมาณฯ และอุปกรณ์ที่เป็นประโยชน์ในการอนุรักษ์ระบบนิเวศทางทะเล รวมทั้งเข้าร่วมกิจกรรมในภาคประชาชนและเยาวชนในการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ กิจการท่องเที่ยว ทัพเรือภาคที่ 1 จะนำสิ่งต่างๆ ที่ได้รับมอบไปใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ต่อไป

นายรณภูมิ แสงทอง ผู้อำนวยการโครงการปรับปรุงและขยายระบบส่งไฟฟ้าที่เสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน (อค-ปส.) กฟผ. กล่าวว่า เกาะขาม เป็นหนึ่งในเกาะที่อยู่ในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) ที่มีความสมบูรณ์ของแนวปะการัง และยังเป็นแหล่งพักอาศัยของสัตว์ทะเล รวมทั้งพื้นที่บนบกยังมีพันธุ์ไม้หายากนานาชนิด ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินเท้าเยี่ยมชมความสวยงามและศึกษาธรรมชาติบนเกาะ เป็นจำนวนมาก เพื่อความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว จึงมีความจำเป็นต้องปรับปรุงซ่อมแซม สะพานท่าเรือเกาะขาม สะพานทางเดินและทางเดินขึ้นจุดชมวิวเกาะขาม ให้มีความแข็งแรงปลอดภัยอยู่ตลอด ซึ่ง กฟผ. ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญและร่วมดำเนินกิจกรรม สนับสนุนการอนุรักษ์อุทยานใต้ทะเลเกาะขามมาโดยตลอดระยะเวลา กว่า 7 ปีแล้ว

การจัดกิจกรรมครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ กฟผ. ให้ความสำคัญมาโดยตลอดและยังช่วยสร้างความสัมพันธ์อันดีกับกำลังพลทัพเรือภาคที่ 1 และประชาชนในพื้นที่สัตหีบ รวมถึงการสร้างจิตสํานึกและทัศนคติที่ดี ในการช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมของทุกภาคส่วนและสนับสนุนส่งเสริมการท่องเที่ยวทางทะเล ในพื้นที่ภาคตะวันออก ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้กับชุมชนต่อไป

โดยกิจกรรมในวันนี้ ประกอบด้วย การมอบงบประมาณและเสื้อชูชีพ สนับสนุนกิจการท่องเที่ยวทัพเรือภาคที่ 1 ฟังบรรยายจากอาจารย์ ประสาน แสงไพบูร ประธานมูลนิธิกิจกรรมวิทยาศาสตร์ทางทะเลและการอนุรักษ์ ร่วมปลูกปะการังและปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำสู่ท้องทะเล และร่วมเก็บขยะชายหาดบนเกาะขาม 

นิราช/พิชญ์ฐญา ทิพย์ศรี ชลบุรี 0909535645

‘ทรัมป์’ เปรยอาจลดภาษีนำเข้าจากจีน หากปักกิ่งยอมขาย TikTok ให้กับบริษัทต่างชาติ

(27 มี.ค. 68) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า เขาอาจพิจารณาการลดอัตราภาษีการนำเข้าสินค้าจากจีน หากรัฐบาลจีนอนุมัติการขายแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียชื่อดัง “ติ๊กต๊อก” (TikTok) ให้กับบริษัทต่างชาติที่ไม่ใช่ชาวจีน ท่ามกลางความตึงเครียดด้านการค้าและความปลอดภัยทางไซเบอร์ระหว่างสองประเทศ

โดยช่วงระหว่างการให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ (26 มี.ค.) ทรัมป์ได้กล่าวว่า สหรัฐฯ พร้อมที่จะขยายระยะเวลาเพิ่มเติมให้กับบริษัท ByteDance เพื่อให้มีเวลาเพียงพอในการติดต่อทาบทามนักลงทุนรายอื่นๆ ที่จะมาซื้อกิจการ TikTok ภายในระยะเวลาใหม่ โดยในตอนแรกทางการสหรัฐฯ ได้กำหนดเส้นตายให้ ByteDance ตัดสินใจขายกิจการภายในวันที่ 5 เมษายน 2568 

“การขยายระยะเวลานี้เป็นการให้โอกาสในการเจรจาและทำให้การตัดสินใจในการขายกิจการเกิดขึ้นอย่างรอบคอบและไม่เร่งรีบ” ทรัมป์กล่าว

“หากจีนยอมให้การขาย TikTok สำเร็จ ผมก็ยินดีที่จะพิจารณาลดภาษีนำเข้าจากจีน เพื่อเป็นการตอบแทน” ทรัมป์กล่าว พร้อมระบุว่า นี่เป็นโอกาสที่ดีในการแก้ไขข้อพิพาทด้านการค้าระหว่างทั้งสองประเทศ

สำหรับ แอปพลิเคชั่น TikTok ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ได้รับความนิยมทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ และมีผู้ใช้ประมาณ 170 ล้านคนในอเมริกา ซึ่งถูกจับตามองจากหลายประเทศในเรื่องของการเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้งาน ซึ่งจีนสามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้ตามกฎหมายของประเทศตัวเอง จึงเป็นประเด็นสำคัญในการเจรจาทางการเมืองและการค้าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

แม้ว่าเรื่องการขายติ๊กต๊อกยังคงอยู่ในขั้นตอนการเจรจา แต่การเปิดเผยของประธานาธิบดีทรัมป์นี้อาจเป็นการบ่งชี้ถึงทิศทางที่รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องการให้จีนทำการตอบสนองต่อข้อเรียกร้องต่างๆ ในการแก้ไขข้อขัดแย้งที่มีอยู่

ทั้งนี้ การลดภาษีการนำเข้าเป็นหนึ่งในเครื่องมือทางเศรษฐกิจที่ทรัมป์ใช้ในการเจรจาทางการค้า เพื่อผลักดันให้จีนยอมรับข้อตกลงต่างๆ ที่สหรัฐฯ ต้องการในการแก้ไขปัญหาทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ

กบง. ตรึงราคาก๊าซหุงต้ม 423 บาทต่อถังอีก 3 เดือน เริ่มตั้งแต่ 1 เม.ย. - 30 มิ.ย. 68 ช่วยบรรเทาค่าครองชีพประชาชน

(27 มี.ค.68) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เพื่อพิจารณาการทบทวนการกำหนดราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ภายหลังจากการประชุม นายพีระพันธ์ฯ กล่าวว่า ที่ประชุมได้มีมติให้คงราคาขายส่งก๊าซ LPG หน้าโรงกลั่นที่ 20.9179 บาทต่อกิโลกรัม (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยมีกรอบเป้าหมายให้ราคาขายปลีก LPG อยู่ที่ประมาณ 423 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2568 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568 และให้คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.)พิจารณาบริหารจัดการเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงให้สอดคล้องกับแนวทางการทบทวนการกำหนดราคาก๊าช LPG ต่อไป

นายพีระพันธุ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุม กบง. ยังได้มีการพิจารณาแนวทางการลดค่าไฟฟ้าจากค่าใช้จ่ายตามนโยบายของรัฐ (Policy Expense) ที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เสนอให้ทบทวนและปรับปรุงเงื่อนไขการสนับสนุนการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ทั้งในรูปแบบ Adder และ Feed -in Tarff เพื่อให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ซึ่งจะส่งผลให้ข้อเสนอการปรับลดค่าไฟฟ้าของ กกพ. สามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้จริง และไม่ขัดต่อกฎ ระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่างคำสั่งคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เรื่อง แต่งตั้งอนุกรรมการพิจารณาแนวทางการกำหนดอายุสัญญาการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Non-Firm เพื่อลดผลกระทบค่าไฟฟ้า และมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอร่างคำสั่งต่อประธาน กบง. พิจารณาลงนามต่อไป

28 มีนาคม พ.ศ. 2524 สลัดอากาศยึดเครื่องบินอินโดนีเซีย ขอลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินดอนเมือง

ย้อนกลับไปช่วงเย็นวันที่ 28 มีนาคม 2524 เกิดเหตุระทึกขึ้นที่สนามบินดินเมือง เมื่อหอบังคับการบิน ได้รับการติดต่อจากกัปตันสายการบินการูด้า ของประเทศอินโดนีเซีย ถูกสลัดอากาศยึดเครื่อง จะขอลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินดอนเมือง แม้จะพยายามเจรจาแต่ไม่เป็นผล เครื่องบินของสลัดอากาศลงจอดที่ดอนเมืองได้สำเร็จ

เมื่อเครื่องลงจอดถึงพื้น ชุดคอมมานโดของไทยก็วางกำลังล้อมเครื่องบินทันที ก่อนจะเจรจากันจนทราบว่า สลัดอากาศที่เข้าใจกันตอนแรกว่ามี 7 คน มีข้อเรียกร้อง 3 ประการ
1. ปล่อยนักโทษการเมืองที่ถูกคุมขังในอินโดนีเซีย จำนวน 20 คน
2. จัดส่งนักบินมาดอนเมือง เพื่อบินไปศรีลังกา
3. ต้องปล่อยนักโทษภายใน 28 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นจะระเบิดเครื่องบิน

ทางการข่าวของเจ้าหน้าที่ ทราบว่าสลัดอากาศมีกันทั้งหมด 7 คน อาวุธปืนกลมือและระเบิด ส่วนผู้โดยสารบนเครื่องมี 37 คน ขึ้นเครื่องที่จาการ์ตา และ 14 คน ขึ้นที่ ปาเล็มบัง ซึ่งเอกอัครราชทูตอินโดนีเซีย ร้องขอทางการไทย อย่าใช้ความรุนแรง แต่ พลโท เบนนี โบคานี อธิบดีกรมประมวลข่าวกลางอินโดนีเซีย ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นสุดยอดมือปราบ เดินทางมาพร้อมกับหน่วยคอมมานโดแม่นปืนของอินโดนีเซียอีก 20 นาย

การเจรจาระหว่างอินโดนีเซียกับสลัดอากาศเริ่มมีบรรยากาศที่ดีขึ้น เมื่ออินโดนีเซียมีท่าทีอ่อนลงคล้ายจะทำตามข้อเรียกร้องของสลัดอากาศ แต่ทางการไทย มองว่าเป็นเพียงการเจรจายื้อเวลาเท่านั้น เพราะมีข้อมูลแล้วว่า ประเทศศรีลังกา ไม่ต้อนรับสลัดอากาศกลุ่มนี้ ซึ่งตลอดการเจรจา มีคนคอยนำอาหารและเสบียงไปส่งที่เครื่องบินเป็นระยะ โดยสลัดอากาศใช้ให้แอร์โฮสเตสเป็นคนออกมารับ แน่นอนว่าคนเหล่านั้นมีท่าทีที่หวาดกลัวชัดเจน

เวลาประมาณ 11.10 น. วันที่ 29 มีนาคม 2524 ผู้โดยสารชาวอังกฤษคนหนึ่ง เปิดประตูที่ใช้รับส่งอาหารเพื่อหลบหนีออกมา ก่อนจะวิ่งสุดแรงเกิดมายังพุ่มไม้ด้านข้าง แล้วหนีรอดออกมาได้ ก่อนมาทราบภายหลังว่าเป็น นายโรเบิร์ต เวนไรท์ อายุ 27 ปี ให้ข้อมูลว่า สลัดอากาศมีเพียง 5 คน ไม่ใช่ 7 คน และคนเหล่านั้นทะเลาะกันบ่อยครั้ง จากนั้นเวลาประมาณ 17.00 น. เสียงปืนดังขึ้น มีชายชาวอเมริกันร่วงลงมาจากเครื่องบิน เจ้าหน้าที่เร่งนำส่งโรงพยาบาล เพื่อว่าถูกยิงเพราะพยายามจะหลบหนี นั่นจึงเป็นสาเหตุให้รัฐบาลไทย ยอมให้กองกำลังคอมมานโดของอินโดนีเซียชุดสำคัญ เข้ามาในประเทศ เพราะชาวอเมริกันถูกยิง หลังจากนั้นจึงเป็นการวางแผนร่วมกันระหว่างไทยและอินโดนีเซียเพื่อช่วยเหลือผู้โดยสารทั้ง 49 ชีวิต

เข้าสู่ค่ำคืนของวันที่ 30 ต่อเนื่อง 31 มีนาคม 2524 หน่วยคอมมานโดไทยกับอินโดนีเซีย นำกำลังเข้าปฏิบัติการ ย่องเงียบไปยังท้ายเครื่องบิน หน่วยกล้าตายของอินโดนีเซีย ลุยเข้าไปในเครื่องบิน เสียงปืนรัวดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว เพียงไม่กี่อึดใจ ประตูด้านข้างก็เปิดออก หน่วยคอมมานโดชุดแรงยังคงตบเท้า กรูเข้าไปในเครื่องบิน ส่วนอีกชุดที่อยู่รอบนอก ตีวงบีบเข้ามาเป็นระยะ เพื่อคอยรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด จังหวะนั้นเอง พบชายคนหนึ่งกระโดดลงมาจากเครื่องบิน ก่อนจะถูกยิงทันที พบว่าเป็นสลัดอากาศ ส่วนอีกคนพยายามจะวิ่งหลบหนี ก็โดนเจ้าหน้าที่จับกุมเอาไว้ได้ ด้วยเวลาประมาณ 6 นาที เจ้าหน้าที่ก็สามารถยึดเครื่องบินกลับคืนมาได้

เหตุการณ์ครั้งนี้ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 คน คือสลัดอากาศ กัปตันเครื่องบิน และคอมมานโดอินโดนีเซีย ซึ่งทั้ง 3 คน เสียชีวิตในเวลาต่อมา ทำให้เหตุการณ์ครั้งนี้ สลัดอากาศเสียชีวิตทั้งหมด 4 คน โดนจับ 1 คน ส่วนผู้โดยสารรอดชีวิตทั้งหมด แต่สุดท้าย สลัดอากาศอีกคนก็รอดมาได้เพียง 1 ปีเท่านั้น เมื่อศาลมีคำพิพากษาประหารชีวิต


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top