Wednesday, 3 July 2024
TheStatesTimes

‘นทท.ต่างชาติ’ แห่ ‘เที่ยวไทย’ 5 เดือนแรก ทะลุ 14 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 6 แสนล้านบาท คาด!! สัปดาห์หน้ามาเพิ่มอีก

(28 พ.ค. 67) นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ภาพรวมการท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-26 พ.ค. 2567 ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมทั้งสิ้น 14,326,507 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 682,975 ล้านบาท

โดยจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน จำนวน 2,831,662 คน มาเลเซีย จำนวน 1,909,740 คน รัสเซีย จำนวน 836,868 คน อินเดีย จำนวน 810,513 คน และ เกาหลีใต้ จำนวน 785,600 คน

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 26 พ.ค. นักท่องเที่ยวหลายประเทศ อาทิ มาเลเซีย อินเดีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย หรือนักท่องเที่ยวตลาดระยะใกล้ (Short haul) เดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก หรือเพิ่มขึ้น 7.3%

โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวมาเลเซียที่เพิ่มขึ้นถึง 36,242 คน หรือ 44.49% จากสัปดาห์ก่อนหน้า ส่งผลให้ในภาพรวมสัปดาห์นี้ไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 596,552 คน เพิ่มขึ้น 4.30 %จากสัปดาห์ก่อนหน้า 24,595 คนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทย เฉลี่ยวันละ 85,222 คน

สำหรับในสัปดาห์ถัดไป คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้น จากปัจจัยส่งเสริม การเดินทาง ได้แก่ การมีวันหยุดในประเทศมาเลเซีย (Agong’s birthday) และการมีมาตรการ Ease of traveling ของรัฐบาล ช่วยเพิ่มการอำนวยความสะดวกในการเดินทางสู่ไทย

อาทิ การลงนามยกเว้นวีซ่าระหว่างไทย-จีน ที่มีผลช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยว เพิ่มการอำนวยความสะดวกในการเดินทาง และกระตุ้นให้สายการบิน เพิ่มจำนวนเที่ยวบิน รวมทั้งการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทาง หรือวีซ่าฟรี ให้แก่นักท่องเที่ยวอินเดีย ไต้หวัน และคาซัคสถาน และการยกเว้นบัตรตม.6 ในด่านทางบก 8 ด่าน แก่นักท่องเที่ยวมาเลเซีย และลาว

หนุ่มจีนดับ หลัง ‘ดื่มน้ำอัดลม 1.5 ลิตร’ 10 นาทีหมดขวด แพทย์เผย มีก๊าซสะสมในลำไส้ จนนำไปสู่ ‘ตับวายเฉียบพลัน’

(28 พ.ค. 67) วันที่ 27 พ.ค.67 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า วารสารการแพทย์ ‘肝臟病學與胃腸病學的臨床與研究’ ตีพิมพ์กรณีการเสียชีวิตของหนุ่มชาวจีนวัย 22 ปี ซึ่งมีสาเหตุการเสียชีวิตที่หาได้ยาก โดยผู้เสียชีวิตรายนี้ ดื่มน้ำอัดลม 1.5 ลิตร ต่อมามีอาการปวดท้องอย่างรุนแรงใน 6 ชั่วโมง และเสียชีวิต 18 ชั่วโมงหลังการรักษา อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ชาวอังกฤษ เชื่อว่าไม่น่าเป็นไปได้ที่ชายคนนี้จะเสียชีวิตจากการดื่มน้ำอัดลมมากเกินไป

ผลการศึกษากรณีดังกล่าวถูกตีพิมพ์โดยแพทย์ชาวจีนในวารสารระบุว่า หนุ่มวัย 22 ไม่มีโรคประจำตัว ดื่มน้ำอัดลม 1.5 ลิตร ใน 10 นาที เนื่องจากอากาศร้อนและกระหายน้ำ โดย 6 ชั่วโมงหลังจากดื่มเขารู้สึกท้องบวมและปวดอย่างรุนแรง จึงเดินทางไปที่โรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการรักษา ผลตรวจเบื้องต้นพบว่ามีอาการหัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตต่ำ และหายใจลำบาก ผลแอกซเรย์แสดงให้เห็นว่าเนื่องจากเขาดื่มน้ำอัดลมเร็วเกินไป ก๊าซจึงสะสมอยู่ในลำไส้ และรั่วเข้าไปในหลอดเลือดดำพอร์ทัล ซึ่งเป็นหนึ่งในหลอดเลือดหลักของตับ ทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรง

ต่อมา ชายคนดังกล่าวมีอาการขาดเลือดในตับ ซึ่งเป็นภาวะที่เรียกว่า ‘ตับวายเฉียบพลัน’ มีสาเหตุมาจากการขาดออกซิเจนไปยังอวัยวะต่าง ๆ เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์พยายามปล่อยก๊าซออกจากระบบย่อยอาหารของเขา และใช้ยาเพื่อควบคุมตับและอวัยวะอื่น ๆ ไม่ให้ได้รับความเสียหายเพิ่มเติม แต่อาการของเขายังคงแย่ลงเรื่อย ๆ กระทั่งเสียชีวิตใน 18 ชั่วโมงหลังได้รับการรักษา

อย่างไรก็ตาม สำนักข่าว Daily Mail รายงานเกี่ยวกับกรณีนี้โดยอ้างอิงจากความคิดเห็นของ ‘นาธาน เดวีส์’ นักชีวเคมีจากมหาวิทยาลัยคอลเลจลอนดอน เชื่อว่าไม่น่าเป็นไปได้ที่เขาจะ เสียชีวิตจากการดื่มน้ำอัดลมมากเกินไป พร้อมชี้ให้เห็นว่า "ความน่าจะเป็นที่จะเสียชีวิตจากการดื่มเครื่องดื่มทั่วไป 1.5 ลิตร หรือมากกว่า 3 ไพนต์เล็กน้อยนั้น เรียกได้ว่าน้อยมากเลยทีเดียว เชื่อว่าผู้ชายคนนี้อาจเสียชีวิตจากการติดเชื้อ"

เดวิสอธิบายเพิ่มเติมว่า แบคทีเรียอาจก่อตัวเป็นถุงก๊าซในผนังลำไส้แล้วรั่วไหลไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย และการบริโภคเครื่องดื่มอัดลมในปริมาณมากอาจทำให้อาการแย่ลงได้ แต่ไม่ใช่สาเหตุหลักของการเสียชีวิตของเขา 

"แน่นอนว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพฟัน นี่เป็นสิ่งสำคัญที่สุด การดื่มเครื่องดื่มอัดลมมาก ๆ จะส่งผลต่อการสร้างแร่ธาตุของกระดูก แต่เมื่อเทียบกับปริมาณน้ำตาลของคน การดื่มเครื่องดื่มอัดลมทุกวันแทบไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพ" และเมื่อพิจารณาจากการบริโภคเครื่องดื่มอัดลมทั่วโลกแล้ว หากสามารถก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้จริง ก็ควรมีกรณีที่คล้ายกันมากกว่านี้

นักแสดงหนุ่มถูกยิงดับ เพื่อหยุดโจรไม่ให้ขโมยรถ สะท้อนปัญหาใหญ่แห่งมหานครลอสแอนเจลิส

(28 พ.ค. 67) เพจ 'BrandThink' ได้เผยรายงานจากสำนักข่าวต่างประเทศ ระบุว่า ‘จอห์นนี แวกเตอร์’ (Johnny Wactor) นักแสดงหนุ่มชาวอเมริกัน ถูกยิงเสียชีวิตด้วยวัยเพียง 37 ปี ในเมืองลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ขณะพยายามเข้าไปหยุดโจรไม่ให้ขโมยชิ้นส่วนรถยนต์ จากรถของเขาในช่วงเช้าของวันที่ 25 พฤษภาคม ที่ผ่านมา

ตามรายงานระบุว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบริเวณหัวมุมถนนเวสต์พิโกบูเลอวาร์ดและถนนเซาท์โฮปสตรีท ในย่านดาวน์ทาวน์ของมหานครลอสแอนเจลิส โดยเกิดขึ้นขณะที่แวกเตอร์กําลังกลับไปที่รถหลังจากเลิกงาน แล้วพบว่ามีชายคนหนึ่งกําลังทำอะไรบางอย่างกับรถของเขา ซึ่งขณะนั้นแวกเตอร์คิดว่าชายผู้นี้อาจไม่ได้มีพิษมีภัยอะไร จึงเดินเข้าไปถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่แล้วจู่ ๆ ชายคนนี้ก็กลับชักปืนขึ้นมายิงไปที่นักแสดงหนุ่มทันที ก่อนจะหลบหนีไปพร้อมกับโจรอีกสองราย ที่ขณะนี้ตำรวจก็ยังไม่สามารถจับกุมตัวได้

ด้าน ‘สการ์เลตต์ แวกเตอร์’ ผู้เป็นแม่ของนักแสดงหนุ่มให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า เธอรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมาก เพราะสิ่งที่พวกโจรกระทำกับลูกของเธอ เป็นการกระทำที่ ‘ไร้หัวใจ’ ในขณะที่ ‘แกรนด์ แวกเตอร์’ น้องชายของอดีตนักแสดงระบุว่า ในวันที่เกิดเหตุนั้นแวกเตอร์ได้ไปทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์ในร้านแห่งหนึ่ง และกำลังเดินไปส่งเพื่อนร่วมงานหญิงที่รถของเธอ สำหรับเขา พี่ชายเป็นบุคคลที่มีเสน่ห์ที่สุดคนหนึ่งเท่าที่เขาเคยรู้จัก เพราะไม่ว่าเขาจะพูดหรือฟังอะไรก็ตาม เขาจะทำสิ่งนั้นออกมาจากใจจริง ๆ 

ทั้งนี้สำหรับ จอห์นนี่ แวกเตอร์ ถือเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงอยู่ไม่น้อย เพราะได้ฝากผลงานการแสดงทั้งภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ รวมทั้งสิ้นกว่า 44 เรื่อง โดยบทที่ทำให้เขาโด่งดังคือการแสดงเป็น ‘แบรนโด คอร์บิน’ (Brando Corbin) ในละครเรื่อง ‘General Hospital’ ที่ฉายทางสถานีโทรทัศน์ ABC ของอเมริกา โดยเรื่องนี้ได้รับการจดทะเบียนใน Guinness World Records ว่าเป็นละครอเมริกันที่ออกอากาศยาวนานที่สุดในโลก (ออกฉาย 61 ตอน) ซึ่งผลงานที่มากมายเช่นนี้ ทำให้แฟนคลับของเขาเสียใจอย่างมากที่อนาคตของนักแสดงหนุ่มต้องมาดับไปภายในเพียงเสี้ยววินาที จากฝีมือของโจรไร้ศีลธรรมและไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคม 

อย่างไรก็ตาม การเสียชีวิตของแวกเตอร์นี้ ได้สะท้อนปัญหาใหญ่ที่แก้ไขไม่ได้สักทีของมหานครลอสแอนเจลิส อย่างปัญหาเรื่อง ‘อาชญากร’ ที่ทำให้เมืองนี้ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่อันตรายมากที่สุดของสหรัฐอเมริกา โดยในปี 2023 ที่ผ่านมานั้น จากสถิติพบว่าอัตราการก่ออาชญากรรมต่อทรัพย์สินในนครลอสแอนเจลิสอยู่ที่ 27.53 ต่อประชากร 1,000 คน และมีจำนวนอาชญากรรมรุนแรงที่เกิดขึ้นเฉลี่ย 32,000 ครั้งต่อปี เลยทีเดียว 

และในส่วนตัวเลขของอาชญากรรมต่อทรัพย์สินนั้น มีแนวโน้มสูงขึ้นจากปี 2022 ถึง 3.5 เปอร์เซ็นต์ และตัวเลขด้านการโจรกรรมยานยนต์เพิ่มขึ้นเป็น 2 เปอร์เซ็นต์ โดยมีทรัพย์สินที่ถูกขโมยไปแล้วรวมมูลค่ากว่า 150,000 ดอลลาร์ หรือราวๆ 5.5 ล้านบาท แต่กลับจับกุมผู้ต้องหาได้เพียง 128 ราย และยึดอาวุธปืนได้ 15 กระบอกจากทั้งหมดเท่านั้น ซึ่งสถานการณ์หลังจากนี้ของลอสแอนเจลิสจะเป็นเช่นไร ก็เป็นเรื่องที่หลายฝ่ายเป็นกังวลและเรียกร้องให้รัฐแคลิฟอร์เนียออกมาจัดการกับปัญหานี้อย่างเป็นจริงเป็นจังเสียที

‘มาริษ’ จ่อไป ‘กัมพูชา’ ถกรื้อสันเขื่อนกินรวบ ‘เกาะกูด’  ชี้!! คงต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยน ไม่ใช่จะไปขอเขาอย่างเดียว 

(28 พ.ค.67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายมาริษ​ เสงี่ยม​พงษ์​ รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวงการ​ต่างประเทศ​ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่​ นายไพบูลย์​ นิติตะวัน​ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะนักกฎหมายอิสระ ทำหนังสือถึงผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย MOU 2544 ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ หลังพบไม่ได้มีการพิจารณาผ่านสภาฯ​ ว่า​ ยืนยันว่า MOU ไม่ได้มีบทบังคับอะไร หรือเป็นสนธิสัญญา และปัจจุบันเรายังไม่ได้ตกลงอะไรกันเลย ซึ่งประเด็นดังกล่าวก็เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด พร้อมยืนยันว่า MOU 2544 ไม่ได้ส่งผลต่อเขตแดนพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยกับกัมพูชา  

เมื่อถามว่าภายหลังที่นายฮุน​ มาเนต​ มาเยือนไทยได้มีการตั้งคณะกรรมการ​ร่วมเพื่อผลักดันเรื่องนี้หรือไม่​ นายมาริษ​ กล่าวว่า​ ยังไม่ได้มีการตั้งคณะกรรมการ​ เพราะท้ายที่สุดแล้วเราต้องพิจารณาให้ชัดเจน​ เรื่องผลประโยชน์​อยู่ตรงไหน​ และที่สำคัญตนกำลังหารือกันเป็นการภายในกระทรวงการต่างประเทศ​ เพื่อเคลียร์ทุกสิ่งทุกอย่าง​ โดยอยากให้กระทรวงการต่างประเ​ทศได้ชี้แจงและให้ความรู้กับ​ประชาชน​ ซึ่งตนขอเวลาให้ได้พูดคุยรายละเอียด​ให้เรียบร้อยก่อน​ ซึ่งตนตั้งใจที่จะให้ข้อมูลกับสารธารณะชนให้ได้มากที่สุด​ ไม่เช่นนั้นจะเกิดความสับสน​

เมื่อถามว่าทางกระทรวงกลาโหมเคยทำหนังสือมายังรัฐบาล​ ให้แบ่งผลประโยชน์​ทับซ้อนควบคู่กับการปักปันเขตแดน​ นายมาริษ​ กล่าวว่า​ ขอคุยรายละเอียด​ในกระทรวงการต่างประเทศก่อน​ เพราะตนก็ต้องดูทุกสิ่งทุกอย่าง​เป็นไปตาม​กฎหมายหรือไม่​ และต้องการให้ทุกคนเห็นชัดเจนว่าอะไรเป็นอะไร​

ส่วนกรณี​จะต้องรอดูว่าศาลรัฐธรรมนูญ​รับคำร้องของนายไพบูลย์​ หรือไม่นั้น​ นายมาริษกล่าวว่า​ ก็เป็นเรื่องของทางศาล​ แต่ในส่วนของการมานั่งพูดคุยกันของผู้ปฏิบัติงาน​ เพื่อให้เกิดความชัดเจน​ ก็สามารถดำเนินการไปได้​

เมื่อถามถึงกรณีที่ทางกัมพูชาสร้างสันเขื่อนลงทะเลอ่าวไทย ทางกระทรวงการต่างประเทศ​ต้องทำหนังสือ​ประท้วงไปอีกครั้งหรือไม่​ เนื่องจากก่อนหน้านี้เคย ดำเนินการไปแล้วเมื่อปี 2564 นายมาริษ​ กล่าวว่า​ เรื่องนี้สามารถพูดคุยกันได้ และตนมีแผนที่จะไปเยือนกัมพูชาเร็ว ๆ นี้ ซึ่งขณะนี้ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศดีมาก เราต้องดูเวลาว่าควรเป็นช่วงใด ซึ่งในกรอบของอาเซียน ไทยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกประเทศ อยากเน้นให้ได้สบายใจว่า ประเทศไทยจะมีบทบาทนั้น ในเรื่องของการช่วยกันแก้ไขปัญหา ซึ่งถือเป็นคาแรคเตอร์สำคัญของประเทศไทย ที่เป็นผู้ประสานประโยชน์ ให้กับทุกกลุ่มทุกประเทศได้ถือเป็นจุดแข็ง ซึ่งตรงนี้จะเอามาเน้น เพื่อมีบทบาทนำ ถือเป็นนโยบายของรัฐบาล ไม่ใช่เฉพาะในเวทีทวิภาคีเท่านั้น แต่ต้องรวมถึงเวทีพหุภาคีด้วย ยืนยันว่าตรงนี้อยู่ที่ช่วงเวลาที่เหมาะสมทั้งหมด

เมื่อถามว่าเราจะใช้ความสัมพันธ์ที่ดีกับกัมพูชาขอร้องให้รื้อสันเขื่อนดังกล่าวหรือไม่ นายมาริษ​ กล่าวว่า ขอดูระยะเวลาที่เหมาะสม เพราะเรื่องความสัมพันธ์ไม่มีปัญหา เป็นเพื่อนกัน ไม่ใช่ว่าจะไปขอเขาอย่างเดียว ก็ต้องดูว่าเรามีอะไร ที่จะไปแลกเปลี่ยนเขาได้​ 

เมื่อถามว่า คนไทยไม่สบายใจ เพราะกัมพูชา สร้างสรรค์เขื่อนดังกล่าว โดยยึดหลักเขตที่ 73 ซึ่งกินพื้นที่เกาะกูด​ จังหวัดตราด นายมาริษ​ กล่าวว่า​ ตนเข้าใจ

‘นพ.ตุลย์’ โต้ ‘อานันท์ ปันยารชุน’ ปมเยาวชนทำผิด ม.112

(28 พ.ค. 67) นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อหลากสี ได้ออกมาตอบโต้กรณี นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวปาฐกถาเปิดการเสวนา เรื่อง ‘ฉากทัศน์อนาคตสังคมไทย’ เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 67 โดยบางช่วงบางตอนได้พูดฝากถึงผู้ใหญ่ในสังคมว่า “สนุกมากหรือที่เห็นเด็กเข้าคุก สนุกมากหรือที่เห็นเด็กทรมาน และไม่ได้ประกันตัว ทำได้อย่างไร ไม่ละอายใจตัวเองบ้างหรือ จับเด็กเข้าคุกเป็นว่าเล่น” โดยระบุว่า…

"ถึงคุณอานันท์ ปันยารชุนที่ (ไม่) เคารพ (แล้ว) พวกเราไม่ได้ยินดีหรอก ที่เด็กๆ ต้องเข้าคุก และตายไป ท่านไม่ควรคิดตำหนิกระบวนการยุติธรรม ซึ่งทำหน้าที่ตามหน้าที่ดีแล้ว คนที่ทำผิดมาตรา 112 ศาลก็ให้ประกันตัวตามสิทธิ์ แต่มีเด็กบางคนที่ถูกปั่น (โดยใคร?) จนสุดโต่ง และจงใจทำผิดซ้ำอันเป็นการผิดเงื่อนไขประกัน จนศาลต้องถอนประกัน ท่านอานันท์ผ่านโลกมาจนแก่ป่านนี้ น่าจะสังเคราะห์ออก ถ้าสมองไม่เลอะเลือนจนเกินไป หวังว่าพูดครั้งหน้า จะเปลี่ยนเป้าไปต่อว่า 
พวกที่ชักจูงเด็กให้ทำผิด จะเหมาะสมกว่านะครับ

ขอแสดงความห่วงใย
ปล.เคยชื่นชมท่านมาก”

ไข่ไก่แพงขึ้นแผงละ 6 บาท ตกฟองละ 4 บาท เหตุจากไก่ออกไข่น้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ

(28 พ.ค. 67) Business Tomorrow รายงานว่า เมื่อไม่นานมานี้เครือข่ายสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ 4 แห่ง ได้แก่ สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่แปดริ้ว จำกัด, สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ชลบุรี จำกัด, สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่เชียงใหม่-ลำพูน จำกัด และสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ลุ่มแม่น้ำน้อย จำกัด ได้ประกาศปรับราคาแนะนำไข่ไก่คละไซซ์หน้าฟาร์มอยู่ที่ฟองละ 4 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 0.2 บาท จาก 3.80 บาทในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาแผงไข่ไก่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 29 พ.ค. 67 เป็นต้นไป

สำหรับการปรับขึ้นของราคาไข่ไก่ในครั้งนี้ ไม่ได้ขึ้นจากปัจจัยภาวะเศรษฐกิจประเทศไทยที่กำลังตกต่ำหรือเงินเฟ้อที่ปรับตัวเป็นบวกในช่วงที่ผ่านมา แต่เกิดจากการที่ไก่ออกไข่น้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้อุปทานลดลงอย่างรวดเร็วในขณะที่อุปสงค์ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตามไม่เพียงแต่ไข่ไก่เท่านั้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากไม่นานมานี้พริกขี้หนูสวนก็ได้ทำราคานิวไฮเช่นเดียวกันโดยตกกิโลกรัมละ 800 บาท สูงจากปีที่แล้วถึงเกือบ +200%

ค่าเงินพม่ายวบ จาก ‘1,500’ มาอยู่ที่ ‘4,400’ จ๊าดต่อดอลลาร์  สะท้อนความมั่งคั่งของคนพม่ากำลังลดลง 3 เท่าตัว 

(28 พ.ค.67) จากเพจ 'สานต่อเจตนารมณ์ อาจารย์สมเกียรติ โอสถสภา' ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า ค่าเงินจ๊าดพม่าหายไป 2 เท่าในห้วงเวลา 3 ปี จากมกราคม 2021 ถึงปัจจุบัน จาก 1,500 จ๊าดต่อดอลลาร์ มาอยู่ที่ 4,400 จ๊าดต่อดอลลาร์ แค่ช่วง 5 เดือนของปีนี้ค่าเงินจ๊าดอ่อนลงไปอีก 20%

คนไทยอยู่กันสบายมากแล้ว พร้อมทั้งแชร์ข้อความจากผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก 'Jojoe Sue' ที่โพสต์รายละเอียดเพิ่มเติมไว้ว่า “แหละแล้วสิ่งที่คาดการณ์ไว้ก้อมาถึง แต่คิดไม่ถึงว่ามันจะมาถึงไวกว่าที่คาดการณ์ไว้” 

เตือนเพื่อนคนพม่าไปหลายคนให้ระวังค่าเงิน 2 ช่วง

1. ช่วงแรกเดือนพฤษภาถึงมิถุนา

2. ช่วงที่สองเดือนกรกฎาถึงกันยา

ต้นเดือนมกรา ค่าเงินพม่าอยู่ที่ 99 จ๊าดต่อบาท วันนี้ได้ยินว่าไป 120 จ๊าดต่อบาท หรือประมาณ 4,400 จ๊าดต่อดอลล์แหละ โดยเฉพาะเดือนนี้ต้นเดือนอยู่ที่ 107 จ๊าดต่อบาท เดือนเดียวค่าเงินพม่าอ่อนไป 13% 

สงสัยจะได้เห็น 5,000 จ๊าดต่อดอลล์ตามที่ได้ยินข่าวลือในช่วงที่สองแน่นอนแหละ น่าสงสารคนพม่า จะอยู่กันยังไง ตอนมกราปี 2021 ค่าเงินยังไม่ถึง 1,500 จ๊าดต่อดอลล์เลย ผ่านมา 3 ปีกว่า ค่าเงินไป 4,400 จ๊าด ขึ้นมาเกือบ 3 เท่า หมายถึงความมั่งคั่งของคนพม่าลดลง 3 เท่าตัว 

แต่ผมยังเชื่อว่าพม่าจะกลับมาได้ เพราะประเทศนี้เต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ

ได้แต่รอวันนั้นครับ

'จีน-ญี่ปุ่น' พร้อมเดินหน้ายกระดับความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์ จับมือขับเคลื่อนหลากมิติ เพื่อผลประโยชน์ 2 ประเทศ

เมื่อวานนี้ (27 พ.ค.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า หลี่เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน เรียกร้องให้ญี่ปุ่นทำงานร่วมกับจีนในทิศทางเดียวกัน และดำเนินตามฉันทามติสำคัญที่บรรลุโดยผู้นำสองประเทศ

ทั้งนี้ ระหว่างการพบปะกับ ฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น นอกรอบการประชุมสุดยอดไตรภาคีจีน-ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ ครั้งที่ 9 โดยหลี่แสดงความหวังว่าทั้งสองประเทศจะเดินหน้าเสริมสร้างความเชื่อใจซึ่งกันและกัน ดำเนินความร่วมมืออย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น จัดการความแตกต่างอย่างเหมาะสม และสร้างความสัมพันธ์จีน-ญี่ปุ่นที่สร้างสรรค์และมีเสถียรภาพซึ่งสอดคล้องกับข้อกำหนดในยุคสมัยใหม่

หลี่กล่าวว่าสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน และคิชิดะได้บรรลุฉันทามติสำคัญระหว่างการพบปะกันในนครซานฟรานซิสโกเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยทั้งสองยืนยันจุดยืนของการเดินหน้าความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์และที่เป็นประโยชน์ร่วมกันระหว่างจีนและญี่ปุ่นอย่างครอบคลุมรอบด้าน ซึ่งส่งมอบการชี้นำทางการเมืองที่สำคัญสำหรับการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคี

หลี่ระบุว่าประวัติศาสตร์และไต้หวันเป็นประเด็นสำคัญของหลักการที่เกี่ยวข้องกับรากฐานทางการเมืองของความสัมพันธ์จีน-ญี่ปุ่น รวมถึงประเด็นพื้นฐานอย่างความเชื่อและความซื่อสัตย์ โดยปัญหาไต้หวันถือเป็นแกนกลางของผลประโยชน์หลักของจีน และเป็นเส้นแดงของจีน

หลี่เผยว่าจีนหวังว่าญี่ปุ่นจะปฏิบัติตามคำมั่นสัญญา พร้อมสร้างบรรยากาศที่ดีสำหรับการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีอย่างต่อเนื่อง

หลี่กล่าวว่าการพัฒนาของจีนและญี่ปุ่นนับเป็นโอกาสสำคัญของทั้งสองฝ่าย ปัจจุบันเศรษฐกิจของจีนและญี่ปุ่นมีความเกี่ยวพันกันอย่างใกล้ชิด นำผลประโยชน์ที่จับต้องได้แก่ประชาชนทั้งสองประเทศ พร้อมเสริมว่าความเกื้อกูลทางเศรษฐกิจระหว่างจีนและญี่ปุ่นจะคงอยู่ต่อไปอีกเนิ่นนาน อีกทั้งยังคงมีศักยภาพมหาศาลสำหรับความร่วมมือในด้านนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เศรษฐกิจดิจิทัล การพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการสำรวจตลาดแห่งที่สามอื่น ๆ

ขณะเดียวกัน หลี่กล่าวว่าจีนและญี่ปุ่นควรช่วยเหลือกันและกันให้ประสบความสำเร็จ ร่วมรักษาห่วงโซ่อุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทานที่มีเสถียรภาพและไร้อุปสรรค รวมทั้งปกป้องระบบการค้าเสรีทั่วโลก โดยจีนยินดีที่จะเดินหน้าดำเนินการแลกเปลี่ยนฉันมิตรกับญี่ปุ่นในด้านต่าง ๆ ผ่านหลายช่องทาง ณ ระดับที่หลากหลายต่อไป พร้อมเกื้อหนุนการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนและการแลกเปลี่ยนระหว่างคนรุ่นใหม่อย่างแข็งขัน เพื่อเสริมสร้างการสนับสนุนจากสาธารณชนสำหรับความร่วมมือฉันมิตรจีน-ญี่ปุ่น

หลี่กล่าวว่าการปล่อยน้ำเสียปนเปื้อนนิวเคลียร์จากโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะส่งผลต่อสุขภาพของมนุษยชาติ สภาพแวดล้อมทางทะเลทั่วโลก และผลประโยชน์สาธารณะระหว่างประเทศ พร้อมระบุว่าจีนเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียรายสำคัญ รัฐบาลและประชาชนจีนกังวลเกี่ยวกับประเด็นนี้อย่างมาก ซึ่งจีนหวังว่าญี่ปุ่นจะแสดงความจริงใจและทัศนคติที่สร้างสรรค์ในประเด็นดังกล่าว เช่น การจัดให้มีการเฝ้าติดตามระหว่างประเทศในระยะยาว การแก้ไขข้อกังวลอันชอบด้วยกฎหมายทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างจริงจัง ตลอดจนการปฏิบัติตามความรับผิดชอบและพันธกรณีของตนอย่างกระตือรือร้น

ด้านคิชิดะกล่าวว่าการรักษาแรงขับเคลื่อนการพัฒนาที่ดีของความสัมพันธ์ญี่ปุ่น-จีนไม่เพียงแต่เอื้อประโยชน์ต่อทั้งประเทศ แต่ยังเอื้อประโยชน์ต่อโลกอีกด้วย ญี่ปุ่นพร้อมที่จะทำงานร่วมกับจีนเพื่อปฏิบัติตามฉันทามติสำคัญที่บรรลุโดยผู้นำสองประเทศ รักษาการแลกเปลี่ยนระดับสูง เสริมสร้างความร่วมมือในด้านต่าง ๆ อาทิ เศรษฐกิจสีเขียว การดูแลทางการแพทย์ ตลาดแห่งที่สามอื่นๆ รวมถึงเกื้อหนุนการแลกเปลี่ยนบุคลากร กระชับความร่วมมือระดับภูมิภาคอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ตลอดจนร่วมกันจัดการการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และประเด็นอื่นๆ ทั่วโลก

นอกจากนั้น คิชิดะเผยว่าญี่ปุ่นยังยินดีที่จะสร้างความสัมพันธ์ญี่ปุ่น-จีนที่สร้างสรรค์และมีเสถียรภาพอย่างแข็งขัน ยกระดับความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์และที่เป็นประโยชน์ร่วมกันระหว่างจีนและญี่ปุ่นอย่างครอบคลุมรอบด้าน รวมถึงส่งเสริมการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีที่ดีในระยะยาว

คิชิดะกล่าวว่าญี่ปุ่นยึดมั่นในจุดยืนของตนต่อปัญหาไต้หวันตามที่ระบุในแถลงการณ์ร่วมญี่ปุ่น-จีนซึ่งลงนามเมื่อปี 1972 และสิ่งนี้ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง

ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะเสริมสร้างการเจรจาและการสื่อสารในทุกระดับ จัดการเจรจาทางเศรษฐกิจระดับสูงจีน-ญี่ปุ่น และการประชุมกลไกการปรึกษาการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างประชาชนระดับสูงรอบใหม่ในเวลาที่เหมาะสม เดินหน้าส่งเสริมการปรึกษาหารือและการเจรจาเกี่ยวกับการปล่อยน้ำปนเปื้อนนิวเคลียร์จากโรงไฟฟ้าฯ บนพื้นฐานความคืบหน้าที่มีอยู่ และรักษาการสื่อสารและการประสานงานในด้านกิจการระหว่างประเทศและภูมิภาค

อนึ่ง ทั้งสองฝ่ายยังได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นระหว่างประเทศและภูมิภาคที่เป็นข้อกังวลร่วมกันด้วย

‘สื่อต่างชาติ’ ยกนิ้ว!! 4 วันจัดการลิงลพบุรี เกือบ 300 ตัว ยกเป็นต้นแบบการแก้ไขปัญหาลิงรบกวนคนในเขตเมือง

(28 พ.ค. 67) นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่าตามที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร่วมกับเทศบาลเมืองลพบุรี และจังหวัดลพบุรี ได้เปิดยุทธการดักจับลิงในตัวเมืองลพบุรีที่สร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน ในช่วงระหว่างวันที่ 24 ถึง 28 พฤษภาคม 2567 ภายใต้แนวทางการแก้ไขปัญหา ‘ประชาชนพ้นทุกข์ ลิงเป็นสุข’ โดยมีการตั้งกองอำนวยการศูนย์สนับสนุนการบริหารจัดการจับและเคลื่อนย้ายลิงลพบุรี โดยดำเนินการดักจับลิงบริเวณตลาดมโนราห์ ได้จำนวน 30 ตัว ทั้งนี้ได้จัดทำทะเบียนและนำเข้ากรงที่ 1 (A67) จำนวน 27 ตัว ส่วนลิงท้องและแม่ลิงที่มีลูกเกาะอกรวม จำนวน 3 ตัว จะนำไปดูแลไว้ที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1(สบอ .1) สาขาสระบุรี เป็นการชั่วคราว

ขณะนี้รวมยอดลิงที่จับได้ทั้งหมด รวม 4 วัน จำนวน 288 ตัว แยกเป็น วันที่ 24-25 พ.ค. 67 จำนวน 227 ตัว วันที่ 26 พ.ค. 67 จำนวน 31 ตัว และวันที่ 27 พ.ค. 67 จำนวน 30 ตัว ทั้งนี้ในวันที่​ 28 พ.ค. -​ 4 มิ.ย. 2567 จะทำการทดสอบและปรับปรุงกรงที่ 1 (A67) และกรงที่ 2 (B67) เมื่อดำเนินการเสร็จเรียบร้อยและพร้อมสำหรับรับลิงเข้ากรงเพิ่ม กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จะบูรณาการร่วมกับจังหวัดลพบุรี​ เทศบาลเมืองลพบุรี​ และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการดักจับลิงบริเวณตลาดมโนราห์ และร้านชโยวานิช เพื่อนำไปไว้ในกรงที่ 1 (A67) และกรงที่ 2 (B67) ในช่วงวันที่ 5-15 มิ.ย. 67 ต่อไป

สำหรับปฏิบัติการดักจับลิงเมืองลพบุรี เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน กลายเป็นที่สนใจของสื่อต่างประเทศ ได้มาติดตามและเฝ้าสังเกตการณ์การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งประกอบด้วยสำนักข่าวรอยเตอร์ สำนักข่าว NHK สำนักข่าว AP เป็นต้น 

ทั้งนี้ได้รับการบอกกล่าวจากสื่อต่างประเทศ ว่าการแก้ไขปัญหาลิงเมืองลพบุรี เป็นที่สนใจอย่างมากของผู้รับชมชาวต่างประเทศ ซึ่งจะกลายเป็นโมเดลสำหรับใช้ในการแก้ไขปัญหาลิง ที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน โดยเฉพาะลิงที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เมือง ทั้งนี้สื่อต่างประเทศจะเฝ้าติดตามการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่องจนเสร็จสิ้นภารกิจ

‘รัดเกล้า’ เผย ครม.ไฟเขียว เพิ่มเงินประจำตำแหน่งตำรวจ ปรับมาตรฐานให้ทัดเทียมข้าราชการทหาร-พลเรือน

(28 พ.ค.67) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.อนุมัติร่างพระราชกฤษฎีกา การได้รับเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการตำรวจ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เสนอ โดยการตราพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว เพื่อให้สอดคล้องและเป็นไปตามที่พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 ที่กำหนดให้ข้าราชการตำรวจให้ได้รับเงินประจำตำแหน่งท้ายพ.ร.บ. ตำรวจแห่งชาติ 2565 ในอัตราใดให้เป็นไปตามที่พระราชกฤษฎีกากำหนด รวมทั้งเพื่อเป็นการปรับปรุงการได้รับเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการตำรวจเป็นไปตามมาตรฐานเดียวกับข้าราชการพลเรือน ข้าราชการทหาร และสอดคล้องกับการกำหนดลักษณะงานบริหารของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

นางรัดเกล้า กล่าวว่า สาระสำคัญของร่างฯ 3 ข้อ ดังนี้

1. ให้ข้าราชการตำรวจที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารของสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษา ระดับปริญญา ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการอีกประเภทหนึ่งอยู่ด้วยแล้ว ให้ได้รับเงินประจำตำแหน่งประเภทบริหาร โดยไม่ตัดสิทธิการได้รับเงินประจำตำแหน่งประเภทวิชาการของตนเองที่ครองอยู่

2. ข้าราชการตำรวจซึ่งมียศตั้งแต่ ‘พันตำรวจโท’ ขึ้นไป และดำรงตำแหน่งที่ปฏิบัติหน้าที่ในวิชาชีพเฉพาะได้รับเงินประจำตำแหน่งประเภทวิชาชีพเฉพาะ โดยเพิ่มสายงานที่ปฏิบัติวิชาชีพเฉพาะ ซึ่งเป็นงานที่ไม่อาจมอบหมายให้ผู้ทรงคุณวุฒิอย่างอื่นปฏิบัติงานแทนได้ เป็นงานมีผลกระทบกับชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอย่างเห็นได้ชัด ให้ได้รับเงินประจำตำแหน่งวิชาชีพเฉพาะ ซึ่งเพิ่มมา 5 สายงานจากเดิม 28 สายงาน ประกอบด้วยวิชาชีพเฉพาะกายบุคคล, วิชาชีพเฉพาะกิจกรรมบำบัด ,เทคโนโลยีหัวใจและทรวงอก, แพทย์แผนไทย และเวชศาสตร์การสื่อความหมาย เพื่อรองรับและปรับปรุงภารกิจที่จำเป็นต้องใช้บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถเฉพาะทาง และ

3. ข้าราชการตำรวจที่ดำรงตำแหน่ง รองผู้บังคับการ หรือเทียบเท่าขึ้นไป ที่ต้องปฏิบัติงานที่เป็นงานหลักของหน่วยงานและต้องใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ให้ได้รับเงินประจำตำแหน่งประเภทเชี่ยวชาญเฉพาะ โดยมีการเพิ่มลักษณะงานความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน 2 ด้าน คือ ด้านการสืบสวนสอบสวน และด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษ โดยได้รับเงินประจำตำแหน่งประเภทเชี่ยวชาญเฉพาะด้วย

ทั้งนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติระบุว่า ได้ดำเนินการได้ตามมาตรา 27 แห่งพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ 2561 โดยรายงานว่าการตราพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้จะไม่ก่อให้เกิดการสูญเสียรายได้ต่อรัฐหรือหน่วยงานของรัฐไม่ส่งผลกระทบต่องบประมาณหมวดเงินด่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top