Wednesday, 3 July 2024
TheStatesTimes

'ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์' ประกาศรับสมัครให้ทุนการศึกษา ปี 67  ระดับปริญญาเอก และหลังปริญญาเอก รวมจำนวน 126 ทุน

เมื่อไม่นานมานี้ เพจเฟซบุ๊ก 'สำนักงาน ก.พ.' ได้เผยแพร่ประกาศจาก ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ที่รับสมัครให้ทุนการศึกษา ตามโครงการทุนเฉลิมพระเกียรติเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระชนมายุ 60 พรรษา เพื่อพัฒนาผู้มีอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ และบุคลากรทางการแพทย์ด้านภัยพิบัติ ไปศึกษาต่อ ณ ต่างประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 (ครั้งที่ 2)

โดยเป็นทุนการศึกษาระดับปริญญาเอก และหลังปริญญาเอก รวมจำนวน 126 ทุน สามารถยื่นใบสมัครด้วยตนเอง หรือส่งไปรษณีย์ไปที่ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ตั้งแต่วันนี้ - วันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม 2567 มีรายละเอียดของทุน ดังนี้...

>> ประเภท และจํานวนทุน

1. ระดับปริญญาเอก
- เพื่อพัฒนาอาจารย์ แพทย์นักวิจัย และอาจารย์สาขาวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม จํานวน 15 ทุน
- เพื่อพัฒนาอาจารย์ สาขาพยาบาลศาสตร์ จํานวน 42 ทุน
- เพื่อพัฒนาอาจารย์ด้านภัยพิบัติ/ฉุกเฉินการแพทย์ จํานวน 19 ทุน

2. หลังปริญญาเอก (Postdoc)
- เพื่อส่งเสริมการวิจัวิยด้านวิทยาศาสต์การแพทย์ จำนวน 50 ทุน

>> สำหรับงบประมาณ และระยะเวลาศึกษา กําหนดให้ทุนการศึกษาในแต่ละปีงบประมาณ ดังนี้…

1. ระดับปริญญาเอก 
- เพื่อพัฒนาอาจารย์ แพทย์นักวิจัย และอาจารย์สาขาวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม งบประมาณทุนละ 2,500,000 บาท/คน/ปี ระยะเวลาศึกษาไม่เกิน 5 ปี
- เพื่อพัฒนาอาจารย์ สาขาพยาบาลศาสตร์ งบประมาณทุนละ 2,500,000 บาท/คน/ปี ระยะเวลาศึกษาไม่เกิน 5 ปี
- เพื่อพัฒนาอาจารย์ด้านภัยพิบัติ/ฉุกเฉินการแพทย์ 2,500,000 บาท/คน/ปี ระยะเวลาศึกษาไม่เกิน 5 ปี

2. หลังปริญญาเอก (Postdoc)
- เพื่อส่งเสริมการวิจัยด้านวิทยาศาสต์การแพทย์ งบประมาณทุนละ 1,000,000 บาท/คน/ปี ระยะเวลาศึกษาไม่เกิน 2 ปี

>> ลักษณะการให้ทุน

- เป็นการศึกษาในสาขาวิชาตามที่ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ กําหนด
- เป็นหลักสูตรในสถาบันการศึกษาที่สํานักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนรับรอง และที่ความเห็นชอบจากคณะกรรมการพิจารณาให้ทุนฯ ของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์

สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถสอบถามเพิ่มเติม โทร. 02-576-6000 ต่อ 8711 (คุณณัชชา) หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม และดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ >> https://drive.google.com/drive/folders/1dMcWLaHX100ugssECBwcUNkEQaKwhrb5?usp=sharing

‘นางแบบเวเนซุเอลา’ ถูกรถไฟดูดร่าง ดับสลดที่เม็กซิโก หลังพยายามถ่ายรูป ให้มีรถไฟแล่นผ่านเป็นฉากหลัง

เมื่อวานนี้ (27 พ.ค.67) นสพ.The Sun ของอังกฤษ รายงานข่าว Model, 30, killed after clothes became tangled in passing high-speed train during photoshoot near tracks in Mexico ซึ่งระบุว่า ที่ประเทศเม็กซิโก เกิดอุบัติเหตุรถไฟชนคนเสียชีวิต โดยผู้ตายคือ ซินเธีย นาเยลี ฮิกาเรดา เบอร์เมโฮ (Cinthya Nayeli Higareda Bermejo) อายุ 30 ปี นางแบบสาวชาวเวเนซุเอลา เหตุเกิดที่บริเวณในเมืองซาโกอัลโก เดอ ตอร์เรส ใกล้เมืองกวาดาลาฮารา ทางภาคตะวันตกของเม็กซิโก

โดยรายงานว่า ก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายได้เข้าไปยืนใกล้กับรางรถไฟ โดยหวังจะถ่ายภาพตนเองให้มีรถไฟแล่นผ่านเป็นฉากหลัง กระทั่งเมื่อรถไฟแล่นมาด้วยความเร็วสูง ได้เกิดแรงลมดูดเสื้อผ้าพร้อมดึงร่างของผู้ตายเข้าไป ส่งผลให้ถูกรถไฟชนเสียชีวิตดังกล่าว โดยหน่วยกู้ภัยได้นำร่างของนางแบบสาวรายนี้ส่งไปชันสูตร ก่อนจะมอบให้ญาตินำไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ขณะที่ โจอาคิน เมนเดซ รุยซ์ (Joaquin Mendez Ruiz) อัยการรัฐฮาลิสโก ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองซาโกอัลโก เดอ ตอร์เรส กล่าวว่า จากคำให้การของผู้เห็นเหตุการณ์ เบื้องต้นชี้ว่าคดีนี้เป็นอุบัติเหตุ อย่างไรก็ตาม ยังมีการสืบสวนเพิ่มเติม

ขณะที่ Enstarz สำนักข่าวออนไลน์ในเมืองนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ซึ่งเน้นเสนอข่าวบันเทิง รายงานข่าว Model Killed After Clothes Get Tangled In High-Speed Train During Photoshoot ระบุว่า เหตุสลดที่เกิดขึ้นกับนางแบบสาววัย 30 ปี ชาวเวเนซุเอลารายนี้ เกิดขึ้นเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

‘คัลแลน-พี่จอง’ ควง ‘น้องแดน-จูดี้’ บริจาคเงิน 3 ล้านบาท  สมทบทุนช่วยทารกคลอดก่อนกำหนด ผ่านมูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก

(28 พ.ค.67) คัลแลน-พี่จอง นำทีม น้องแดน-จูดี้ มอบเงิน 3 ล้านบาท บริจาคมูลนิธิรพ.เด็ก โครงการ Little Miracle แฟนคลับร่วมอวยพรอย่างล้นหลาม

เรียกว่าเป็นขวัญใจคนไทยทั้งประเทศในตอนนี้ สำหรับ 2 หนุ่มยูทูบเบอร์ชาวเกาหลีใต้ ‘คัลแลน - พี่จอง’ จากช่องยูทูบ Cullen Hateberry ที่พาทุกคนเที่ยวทั่วไทย ล่าสุดมี ‘น้องแดน’ และ ‘จูดี้’ มาร่วมด้วยบางคลิป ด้วยความน่ารักเป็นธรรมชาติ จึงตกแฟน ๆ เข้าด้อมใจฟู ได้ทุกเพศ ทุกวัย สร้างปรากฏการณ์ฟีเวอร์ไปทั่วบ้านทั่วเมือง

ล่าสุดวันที่ 27 พ.ค. 67 ทางมูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก ได้ลงโมเมนต์ใจฟูในโซเชียล ระบุข้อความเอาไว้ว่า “ขอบคุณ พี่คัลแลน พี่จอง น้องแดน พี่จูดี้ หอบกำลังใจดี ๆ มาให้เด็ก ๆ ใจฟู ที่ #มูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก #กองทุนอาคารเฉลิมพระเกียรติฯ 

พร้อมมอบเงินบริจาค จำนวน 3,000,000 บาท สมทบโครงการLittle Miracle ปาฏิหาริย์ต่อลมหายใจให้ทารกคลอดก่อนกำหนด โดยมีนพ.อัครฐาน จิตนุยานนท์  ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี รับมอบ”

หลายคนพอเห็นโพสต์ต่างเข้ามาคอมเมนต์อนุโมทนาบุญ และขอบคุณทีมงาน Cullen Hateberry ที่ได้มอบเงินบริจาคในครั้งนี้ เป็นโมเมนต์ที่ใจฟูมาก

โจรกบฏที่ถูกเลือกมาจากพี่น้องประชาชน หวังถอนทำลาย 112 ให้ 'สถาบันฯ' สิ้นสูญ

พรรคการเมืองพรรคหนึ่งที่โกหกสังคมเป็นอาชีพ นอกจากมีเป้าหลักที่หวังจะล้มล้างการปกครองของไทยให้ได้ ถึงวันนี้ก็ยังคงโป้ปดออกสื่อหลอกต้ม 'สาวกทึ่ม ๆ' ให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับกฎหมายมาตรา 112 ไม่เลิกรา ด้วยยอดเขาลูกใหญ่ยังโค่นล้มไม่สำเร็จ ก็ใช้วิธีขุดแซะดินรอบ ๆ เนินให้กร่อนทีละนิด ดีกว่าปล่อยเวลาชั่วไปเสียเปล่า

เมื่อเลือกจะรับบทเป็น 'โจรรับจ้างต่างแดน' เพื่อล้มบ้านล้มสถาบันของตัวเองแล้ว ก็ต้องไปให้สุด เพราะทุกยุคสมัย 'โจรกบฏคิดคดต่อชาติ' อายุขัยมักจะสั้น ถ้าไม่ได้เป็นใหญ่ในแผ่นดินโดยเร็ว ก็มีลูกกรง กับลูกปืนถามหาเท่านั้น เดิมพันนี้จึงมีทางเลือกไม่ค่อยมาก 

เห็นชัดเจนว่าการได้เข้ามาเป็น สส. กินเงินเดือนจากภาษีของประชาชน แต่วัน ๆ กลับไม่คิดจะใช้สติปัญญาทำคุณประโยชน์ให้กับบ้านกับเมือง ไม่มีอะไรเป็นแก่นสาร มีแต่เรื่องมัวหมองจนเป็นคดีความติดตัวต้องเดินขึ้นศาลไม่รู้กี่คนต่อกี่คน ถือเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ที่ใหม่แต่ชื่อ แต่ฝีมือล้วนต่ำกว่ามาตรฐาน ผิดจากที่คุยโวเอาไว้ชนิดหน้ามือกับหลังเท้าเลยทีเดียว 

คนที่จะมาเป็นผู้แทนราษฎร สมควรต้องเป็นคนที่มีมาตรฐานทางจริยธรรมสูงกว่าคนปกติทั่วไป เพราะถูกเลือกมาจากพี่น้องประชาชนให้มาทำหน้าที่แทนเขา 

มิใช่เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายเสียเอง?! 

ยิ่งเป็นกฎหมายมาตรา 112 อันเกี่ยวข้องกับสถาบันเบื้องสูง และผูกโยงไปถึง 'ความมั่นคง' ของชาติโดยตรง นอกจากไม่สมควรไปเกี่ยวข้องในทางหมิ่นเหม่ให้สังคมต้องมีคำถาม ยังต้องสนับสนุนกฎหมายมาตรานี้ให้มีอยู่อย่างเข้มแข็ง ต้องคอยปกป้องสถาบันให้ปลอดภัยจากกลุ่มคนที่มาอาฆาตมาดร้าย เพราะคนที่ไม่มีอคติ ไร้ความอิจฉาริษยาชีวิตของคนอื่น หรือรับงานใครมาเพื่อเดินหน้าเซาะกร่อนสถาบัน มีหรือที่จะโดนมาตรา 112 

กฎหมายมาตราไหนก็รังแกใครไม่ได้ ถ้าไม่มีใคร 'เดินแกว่งเท้าโง่ ๆ' เข้าไปหามัน 

คนไทยแบบไหนกันนะที่เอาแต่เดินหน้าใส่ร้ายกฎหมาย ที่สร้างมาไว้เพื่อปกป้องคุ้มครองสถาบันหลักของชาติ ถ้าไม่ใช่คนคิดชั่ว หัวใจคด ทรยศแผ่นดิน 

แล้วจะต่างอะไรจากการเป็น 'นักการเมืองก่อการร้าย'

เกลียดทหาร แต่กลับแสดงแต่พฤติกรรมที่ล่อทหารชัด ๆ 

5 มิถุนายน ของทุกปี ‘องค์การสหประชาชาติ’ กำหนดเป็น ‘วันสิ่งแวดล้อมโลก’ ปลุกสังคมให้ตื่นตัวในเรื่องวิกฤตการณ์สิ่งแวดล้อม

สำหรับจุดเริ่มต้นของวันสิ่งแวดล้อมโลก หรือ World Environment Day นั้น จัดทำขึ้นเพื่อให้เกิดความตื่นตัวในด้านวิกฤตการณ์สิ่งแวดล้อมขึ้นทั่วโลก จึงมีมติให้จัดประชุมใหญ่ที่กรุงสตอกโฮล์ม ระหว่างวันที่ 5-16 มิถุนายน พ.ศ. 2515 ที่มีรัฐบาลของสวีเดนเป็นเจ้าภาพ โดยเรียกการประชุมนี้ว่า ‘การประชุมสหประชาชาติเรื่องสิ่งแวดล้อมของมนุษย์’ หรือ ‘UN Conference on the Human Environment’

โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมกว่า 1,200 คน จาก 113 ประเทศ รวมถึงมีผู้สังเกตการณ์อีกกว่า 1,500 คนจากหน่วยงานของรัฐ องค์การสหประชาชาติ และสื่อมวลชนแขนงต่าง ๆ ทั้งนี้เพื่อร่วมกันหาหนทางแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ประเทศต่าง ๆ กำลังเผชิญอยู่ ซึ่งผลจากการประชุมครั้งนั้นได้มีข้อตกลงร่วมกันหลายอย่าง เช่น การจัดตั้งโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP : United Nations Environment Programme) ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงไนโรบี ประเทศเคนยา และรัฐบาลประเทศต่าง ๆ ก็ได้รับข้อตกลงจากการประชุมคราวนั้นไปจัดตั้งหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมขึ้นในประเทศของตน ดังนั้นเพื่อเป็นการระลึกถึงจุดเริ่มต้นของการร่วมมือจากหลากหลายชาติในด้านสิ่งแวดล้อม องค์การสหประชาชาติจึงได้ประกาศให้วันที่ 5 มิถุนายนของทุกปีเป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก

กิจการร่วมค้าฟิวเจอร์สกาย จัดอบรมพนักงานให้บริการผลิตใบอนุญาตทำงานและให้บริการคำขอ สำหรับแรงงานต่างด้าว

วันนี้ 28 พฤษภาคม 2567 นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมพนักงานในโครงการผลิตใบอนุญาตทำงานและให้บริการรับคำขอและการแจ้งการทำงานของคนต่าวด้าว ณ โรงแรม เจซี เควิน สาทร กรุงเทพ โดยมี ดร.ศรัณญู สอนกำเนิด ผู้จัดการฝ่ายปฎิบัติการ กิจการร่วมค้า ฟิวเจอร์ สกาย พร้อมผู้บริหารและพนักงานให้การต้อนรับ 

นายสมชาย กล่าวว่า ในวันนี้ รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้มาเป็นประธานเปิด การอบรมพนักงาน ในโครงการผลิตใบอนุญาตทำงานและให้คำบริการคำขอและการแจ้งการทำงานของคนต่างด้าว โดยโครงการนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อให้บริการระบบสารสนเทศแด่แรงงานต่างด้าวอย่างสะดวก รวดเร็ว โปร่งใส โดยมีการอบรมตั้งแต่การทำความรู้จักการทำงานด้านต่าง ๆ ทั้งทางด้านการทำงานศูนย์แรกรัย  ศูนย์บริการ ศูนย์โมบายยูนิต ศูนย์ออกบัตร เป้นระยะเวลา 5 วัน เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรม ได้เรียนรู้ขั้นตอนการดำเนินงาน และสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวได้ 

ทั้งนี้ นายสมชาย ยังเปิดเผยว่า ในช่วงเดือนต้นสิงหาคม 67 จะมีการเปิดให้บริการศูนย์ เพื่อรองรับการเข้ามาทำงานของคนต่างด้าว กว่า 46 ศูนย์และมีหน่วยให้บริการเคลื่อนที่อีก 8 คัน เพื่อตอบสนองความต้องการของแรงงานต่างด้าวในประเทศไทย 

ส่วน นายจำรัส สว่างสมุทร  ผู้อำนวยการสายงานปฎิบัติงาน ของกิจการร่วมค้า ฟิวเจอร์ สกาย ได้กล่าวว่า โครงการนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อแรงงานต่างด้าวทุกสัญชาติที่จะเข้ามาทำงานในประเทศไทย เพราะจะใช้ระบบออนไลน์ ในการขับเคลื่อนการระบบการทำงาน

6 มิถุนายน พ.ศ. 2487 ‘วันดี-เดย์’ (D-Day) ปฏิบัติการยกพลขึ้นบกที่นอร์มังดี เพื่อปลดปล่อยประเทศที่ถูกนาซียึดครอง ใน WW2

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2487 เป็นวันที่กองกำลังฝ่ายสัมพันธมิตรจากสหราชอาณาจักร สหรัฐฯ แคนาดา และฝรั่งเศส ยกพลขึ้นบกที่หาดนอร์มังดี ชายฝั่งตอนเหนือของฝรั่งเศส เพื่อปลดปล่อยประเทศในยุโรปเหนือและยุโรปตะวันตกให้หลุดพ้นจากการยึดครองของกองทัพนาซี ในสงครามโลกครั้งที่สอง

โดยวันดังกล่าวถูกเรียกว่าวัน ‘ดี-เดย์’ (D-Day) ซึ่งย่อมาจาก ‘Deliverance Day’ มีความหมายว่าวันแห่งการปลดปล่อย ยุทธการในวันดีเดย์ถือเป็นการร่วมของทหารเรือ ทหารบก และทหารอากาศ ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด และมีรหัสที่ใช้เรียกยุทธการนี้ว่า ‘Overload’

ยุทธการในวันดีเดย์ใช้กำลังพลถึง 156,000 นาย พร้อมกับยานพาหนะ 10,000 คัน และเรืออีก 7,000 ลำขึ้นไปยังหาดทั้ง 5 แห่งตามแนวชายฝั่งนอร์มังดี ซึ่งจะเป็นไปไม่ได้เลยหากขาดการสนับสนุนจากกองกำลังทางอากาศและทางเรือที่มีความแข็งแกร่งกว่าฝ่ายเยอรมันอยู่มาก สุดท้ายฝ่ายสัมพันธมิตรก็สามารถยกทัพจากแคว้นนอร์มังดีเข้าไปปลดปล่อยกรุงปารีสได้สำเร็จในช่วงปลายเดือนสิงหาคมในปีเดียวกัน

ซึ่งยุทธการในครั้งนี้ ฝ่ายสัมพันธมิตรต้องสูญเสียกำลังพลไปถึง 4,400 นาย และบาดเจ็บหรือสูญหายกว่า 9,000 นาย ในขณะที่ฝ่ายเยอรมันมีตัวเลขการสูญเสียอย่างไม่แน่ชัดอยู่ที่ประมาณ 4,000-9,000 นาย นอกจากนี้ยังมีพลเรือนชาวฝรั่งเศสที่โดนลูกหลงจากการทิ้งระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตรอีกหลายพันคนเช่นกัน

การยกพลขึ้นบกที่นอร์มังดี ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ที่เป็นจุดเปลี่ยนของสงครามโลกครั้งที่สอง และยังเป็นมรดกทางประวัติศาสตร์สงครามที่โด่งดังไปทั่วโลก นอกจากนี้เหตุการณ์วันดีเดย์ยังถูกนำมาถ่ายทอดผ่านภาพยนตร์ดังหลายเรื่อง เช่น Saving Private Ryan, The Longest Day และ D-Day เป็นต้น

‘รมว.ปุ้ย’ กำหนดมาตรฐานใหม่ ‘ถุงพลาสติกบรรจุอาหาร’ เร่งยกระดับเป็นสินค้าควบคุม ป้องกันปนเปื้อน ‘โลหะหนัก’

(28 พ.ค. 67) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (กมอ.) เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา ได้มีมติเห็นชอบมาตรฐานถุงพลาสติกสำหรับบรรจุอาหาร และถุงพลาสติกบรรจุอาหารสำหรับอุ่นในไมโครเวฟ โดยเป็นการยกเลิกมาตรฐานฉบับเดิม และกำหนดใหม่ เพื่อให้มีความปลอดภัยกับประชาชนมากยิ่งขึ้น 

ทั้งนี้ ตนได้เร่งรัดให้ สมอ. ดำเนินการประกาศเป็นสินค้าควบคุมโดยเร็ว เนื่องจากถุงพลาสติกเป็นสินค้าที่ประชาชนนิยมใช้ใส่อาหารและเครื่องดื่มอย่างแพร่หลายในชีวิตประจำวัน หากเป็นถุงพลาสติกที่ผลิตโดยไม่ได้มาตรฐาน เมื่อนำไปใส่อาหารที่มีความร้อนสูง หรืออาหารที่มีความเป็นกรด อาจเสี่ยงที่จะมีสารโลหะหนักที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพปนเปื้อนออกมากับอาหารได้ 

นอกจากนี้ ยังได้กำชับให้ สมอ. เร่งควบคุมสินค้าที่สัมผัสกับอาหารโดยตรงอื่น ๆ เช่น ภาชนะพลาสติกใส่อาหาร กระดาษสัมผัสอาหาร และภาชนะสแตนเลสสำหรับอาหาร เป็นต้น เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชน

นายบรรจง สุกรีฑา รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กล่าวว่า การประชุมบอร์ด สมอ. ในครั้งนี้ นอกจากจะมีมติเห็นชอบมาตรฐานถุงพลาสติกสำหรับบรรจุอาหาร และถุงพลาสติกบรรจุอาหารสำหรับอุ่นในไมโครเวฟแล้ว ยังเห็นชอบมาตรฐานอื่น ๆ อีกจำนวน 97 มาตรฐาน เช่น โต๊ะ เก้าอี้นักเรียน เก้าอี้พลาสติกแบบมีพนักพิง ไม้ยางพาราแปรรูป บานประตู แผ่นไม้ประกอบ อนุภาคนาโนกักเก็บสารสกัดมะขามป้อม และอนุภาคนาโนกักเก็บสารสกัดกวาวเครือขาว เป็นต้น 

รวมทั้งเห็นชอบมาตรฐานที่จะกำหนดเพิ่มเติมอีก จำนวน 90 มาตรฐาน เช่น เครื่องทำน้ำอุ่นและเครื่องทำน้ำร้อนระบบก๊าซ เต้านมเทียมซิลิโคนใช้ฝังในร่างกาย ข้อเข่าเทียม เครื่องมือรักษารากฟัน ที่นอนลดแผลกดทับ เลนส์ตาเทียม สารน้ำฟอกไต เครื่องกระตุกหัวใจด้วยไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ ยางล้อรถยนต์ ลวดเหล็กเคลือบสังกะสี เม็ดพลาสติก และล้ออัลลอย์ เป็นต้น ซึ่งจัดทำโดย สมอ. และองค์กรกำหนดมาตรฐาน (SDOs) ที่เป็นสถาบันเครือข่ายของ สมอ. ได้แก่ สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สถาบันยานยนต์ สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ และสถาบันพลาสติก 

ด้าน นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า มาตรฐานถุงพลาสติกสำหรับบรรจุอาหาร และถุงพลาสติกบรรจุอาหารสำหรับอุ่นในไมโครเวฟ สมอ. ได้เคยมีการกำหนดมาตรฐานไว้แล้ว แต่เพื่อให้มีความปลอดภัยกับประชาชนมากยิ่งขึ้น จึงได้มีการทบทวนมาตรฐานโดยยกเลิกมาตรฐานฉบับเดิม และกำหนดใหม่ โดยมีข้อกำหนดด้านความปลอดภัยที่สำคัญ ได้แก่ การควบคุมปริมาณโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว อะลูมิเนียม แบเรียม โคบอลต์ ทองแดง เหล็ก ลิเทียม แมงกานีส นิกเกิล สังกะสี พลวง สารหนู แคดเมียม โครเมียม ปรอท ยูโรเพียม แกโดลิเนียม แลนทานัม และเทอร์เบียม ให้อยู่ในเกณฑ์ที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ การทนความร้อนความเย็น เช่น ทนความร้อนได้ถึง 100 องศาเซลเซียส 

สำหรับถุงใส่อาหารร้อน ทนความร้อนได้ไม่เกิน 60 องศาเซลเซียส สำหรับถุงใส่อาหารเย็น และทนความเย็นได้ถึง -18 องศาเซลเซียส สำหรับถุงใส่อาหารเยือกแข็ง และสำหรับถุงพลาสติกบรรจุอาหารสำหรับอุ่นในไมโครเวฟ สามารถทนความร้อนได้ไม่ต่ำกว่า 80 องศาเซลเซียส 

นอกจากนี้ มีการควบคุมการใช้สีที่พิมพ์ลงบนถุง โดยถุงพลาสติกสำหรับบรรจุอาหาร ต้องเป็นสีสำหรับใช้กับผลิตภัณฑ์สัมผัสอาหาร (Food Grade) เท่านั้น สำหรับถุงพลาสติกบรรจุอาหารสำหรับอุ่นในไมโครเวฟ จะต้องเป็นสีที่ผ่านการตรวจสอบสารอันตรายตามมาตรฐาน มอก.1069 สีสำหรับพลาสติกทำผลิตภัณฑ์สัมผัสอาหาร เป็นต้น 

โดยหลังจากนี้ สมอ. จะเร่งรัดดำเนินการเพื่อประกาศเป็นสินค้าควบคุมโดยเร็ว รวมถึงสินค้าสัมผัสอาหารอื่น ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความปลอดภัยของประชาชนตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมต่อไป” เลขาธิการ สมอ. กล่าว

'สภาพัฒน์ฯ' เผยผลสำรวจ คนไทยยื่นแบบภาษีเงินได้เพียง 35.7% อึ้ง!! ภาพรวมความรู้ด้านภาษีต่ำ แถมไม่รู้ว่าเป็นหน้าที่ตามกฎหมาย

(28 พ.ค. 67) รายงานภาวะสังคมไทยไตรมาสหนึ่ง ปี 2567 ของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ เปิดเผยมุมมองการยื่นและเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของคนไทย ระบุว่า การจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของไทยยังมีข้อจำกัดด้านความครอบคลุมและครบถ้วน ซึ่งเกิดจากแรงงานไทยมากกว่าครึ่งเป็นแรงงานนอกระบบ ทำให้การตรวจสอบรายได้มีข้อจำกัดและเป็นช่องโหว่ให้คนบางกลุ่มเลือกไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ฯ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่คนทั้งหมดที่มีเจตนาไม่ยื่นแบบฯ แต่เป็นผลจากสาเหตุอื่น อาทิ ขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการยื่นแบบฯ

สศช. จึงร่วมกับ บริษัท ศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาสังคมและธุรกิจ จำกัด ดำเนินการสำรวจและศึกษาทัศนคติของประชาชนต่อหน้าที่การยื่นแบบฯ และการจ่ายภาษีในกลุ่มประชาชนอายุ 25 ปีขึ้นไป โดยพบว่า มีกลุ่มตัวอย่างเพียง 35.7% ที่ยื่นแบบฯ ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบอาชีพที่มีเงินเดือนประจำ และกว่า 80.8% มีสถานะทางการเงินที่รายได้เพียงพอกับรายจ่าย ทั้งนี้ กลุ่มตัวอย่าง 50.5% ไม่ได้ยื่นแบบฯ แม้ว่าจะอยู่ในเกณฑ์ที่ต้องยื่นแบบฯ ซึ่งพบว่ากลุ่มนี้ส่วนใหญ่มีระดับการศึกษาไม่เกินมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือ ปวช. เป็นแรงงานนอกระบบ มีรายได้เฉลี่ย 12,115 บาทต่อเดือน อีกทั้ง มากกว่าครึ่งมีการใช้จ่ายแบบเดือนชนเดือน หรือมีรายจ่ายสูงกว่ารายได้

เมื่อพิจารณาระดับความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา พบว่า ภาพรวมคนไทยมีความรู้ในระดับต่ำ โดยบางส่วนไม่รู้ว่าการยื่นแบบฯ และเสียภาษีเป็นหน้าที่ตามกฎหมาย และกว่า 65.6% ไม่ทราบว่าการยื่นแบบฯ ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเสียภาษี อีกทั้ง มากกว่าครึ่งไม่ทราบว่า หากมีเงินได้สุทธิไม่เกิน 150,000 บาท จะได้รับการยกเว้นการเสียภาษี

ด้านทัศนคติเกี่ยวกับความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา พบว่า คนไทยส่วนใหญ่มองว่าระบบการจัดเก็บภาษีเงินได้ฯ ในปัจจุบันมีความเป็นธรรมในระดับปานกลางถึงค่อนข้างต่ำ จากประเด็นปัญหา อาทิ ระบบตรวจสอบที่ไม่ครอบคลุม ทำให้มีผู้ที่มีรายได้ถึงเกณฑ์บางส่วนไม่ยื่นแบบฯ ผู้มีรายได้สูงบางกลุ่มอาศัยช่องโหว่ทางกฎหมายในการหลบเลี่ยงภาษี เกณฑ์เงินได้ขั้นต่ำที่ต้องเสียภาษีต่ำเกินไป ไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพในปัจจุบัน

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาความเต็มใจในการยื่นแบบฯ และเสียภาษีของคนไทย พบว่า ประมาณ 70% ของกลุ่มตัวอย่าง เต็มใจที่จะยื่นแบบฯ และเสียภาษี หากมีรายได้ถึงเกณฑ์ หรือหากได้รับสวัสดิการที่ดีขึ้นมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังพบว่า 1 ใน 3 ของกลุ่มตัวอย่างไม่เห็นด้วยที่จะกำหนดให้ทุกคนที่มีรายได้ต้องยื่นแบบฯ โดยไม่ต้องมีเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำ

สำหรับปัจจัยที่จูงใจให้คนไทยยื่นแบบฯ พบว่า กลุ่มที่มีการยื่นแบบฯ อยู่แล้ว ให้ความสำคัญกับความสะดวกในการกรอกข้อมูลมากที่สุด ขณะที่กลุ่มที่ไม่ได้ยื่นแบบฯ แม้จะมีรายได้ถึงเกณฑ์ต้องการให้ไม่ตรวจสอบข้อมูลภาษีย้อนหลัง และไม่ขอเอกสารหรือหลักฐานเพิ่มเติม ส่วนปัจจัยที่สามารถจูงใจให้เสียภาษีคือ การมีรายได้มากกว่ารายจ่าย โดยเฉพาะกับกลุ่มที่ไม่ได้ยื่นแบบฯ แม้จะมีรายได้ถึงเกณฑ์ขณะที่กลุ่มที่ยื่นแบบฯ จะให้ความสำคัญกับการจัดสวัสดิการของรัฐมากกว่า

ดังนั้น การส่งเสริมและพัฒนาการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของไทยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อาจต้องดำเนินการ ดังนี้

1. การสร้างความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้แก่ประชาชน ตั้งแต่วัยเด็ก และมีการสื่อสารอย่างต่อเนื่องด้วยรูปแบบข้อมูลที่เข้าใจง่าย 

2. การสร้างการรับรู้เกี่ยวกับการนำภาษีไปใช้ของรัฐ รวมถึงประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับจากการเสียภาษีโดยการประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินนโยบายและการจัดสวัสดิการที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน การดำเนินนโยบายที่เกิดผลได้อย่างเป็นรูปธรรม และการสื่อสารสถานการณ์การเงินการคลังของประเทศ

3. การมีแนวทางส่งเสริมการเข้าระบบภาษีโดยสมัครใจ อาจพิจารณาการยกเว้นหรือลดบทลงโทษต่าง ๆ รวมถึงมีมาตรการจูงใจอื่น 4. การตรวจสอบและลงโทษผู้ที่ปฏิบัติไม่ถูกต้องอย่างเข้มงวด โดยพัฒนาระบบการตรวจสอบให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงอาจมีบทลงโทษสำหรับผู้ที่จงใจทำผิดเป็นการเฉพาะเพื่อให้เกิดความเกรงกลัว และ 5. การอำนวยความสะดวกให้ผู้ยื่นแบบฯ ซึ่งหากพัฒนาระบบให้สามารถประมวลผลข้อมูลรายได้จากแหล่งต่าง ๆ ได้มากขึ้น รวมถึงมีบุคลากรคอยสนับสนุนและช่วยเหลือในแต่ละกระบวนการ

ทั้งนี้ ภาครัฐต้องให้ความสำคัญกับการสร้างและกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมถึงดำเนินการส่งเสริมให้ประชาชนมีรายได้ที่เพียงพอ เพื่อให้เกิดความพร้อมและความรู้สึกสบายใจในการยื่นแบบฯ และเสียภาษีซึ่งจะเป็นการขยายฐานภาษีและจะเป็นผลดีในระยะยาว สำหรับการออกแบบนโยบายและมาตรการต่าง ๆ ในอนาคต จากการมีฐานข้อมูลที่ครบถ้วนมากขึ้น

'แม่น้องไนซ์' วิ่งวุ่น!! ตามหาทนายดังๆ มาสู้คดี หลังหลากคู่กรณี เข้าแจ้งความเอาผิด ‘สำนักเชื่อมจิต’

(28 พ.ค.67) ยังคงเป็นประเด็นร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง สำหรับดรามาน้องไนซ์ ที่อ้างตัวเป็นลูกของพระพุทธเจ้า สอนธรรมะด้วยวิธีการเชื่อมจิต ซึ่งทางสำนักพระพุทธศาสนาเอง ก็ออกมาคอนเฟิร์มแล้วว่าสิ่งเหล่านี้ ไม่ได้มีระบุไว้ในพระไตรปิฎก

ขณะเดียวกัน ประเด็นที่สืบเนื่องมาจากข้อกังขาในลัทธิเชื่อมจิต ก็เรียกว่ามีสตอรี่ใหม่ ๆ ผุดขึ้นมาไม่เว้นแต่ละวัน ซึ่งทางครอบครัวของน้องไนซ์เอง ก็ไม่ยอมลดลาวาศอกเลยแม้แต่น้อย ทั้งออกมาตอบโต้เองทางโซเชียลมีเดีย แถมยังให้ทนายธรรมราช ดำเนินคดีทางกฎหมาย กับคนที่เกี่ยวข้องควบคู่กันไปอีกต่างหาก

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เหล่าตัวแทนองค์กรต่าง ๆ นำโดยทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ในฐานะประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม ก็ได้บุกแจ้งความจับแบบกราวรูดทั้งสำนัก เนื่องจากเห็นว่าลัทธิดังกล่าว บ่อนทำลายพระพุทธศาสนา ขณะที่หนุ่ม กรรชัย พิธีกรชื่อดัง ได้ประกาศด้วยว่า ส่งทนายไปแจ้งความกับลัทธิเชื่อมจิตแล้ว พร้อมยืนยันว่า พ่อแม่กับน้องไนซ์มีความผิดตาม พรบ.คุ้มครองเด็ก

ไม่เพียงเท่านั้น ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ก็เดินเครื่องถล่มเชื่อมจิตแล้วเช่นกัน โดยนายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักพุทธฯ ได้มอบหมายให้ทางผู้อำนวยการนิติกร ของสำนักพุทธฯ รวบรวมพยานหลักฐาน เมื่อ 2 วันก่อน ซึ่งก็ได้รับรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะนี้มีหลักฐาน ที่ส่อว่าการกระทำของกลุ่มบุคคลดังกล่าว เข้าข่ายนำข้อมูลอันเป็นเท็จ เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยคณะทำงานได้เร่งถอดเทปย้อนหลัง รวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนแจ้งความดำเนินคดี ต่อ สภ.พุทธมณฑล ฐานความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ภายในสัปดาห์หน้า นอกจากแจ้งดำเนินคดีกับผู้ร่วมขบวนการลัทธิเชื่อมจิตแล้ว ยังเตรียมแจ้งเบาะแสประเด็นเดียวกันนี้ ไปยังตำรวจไซเบอร์ เพื่อให้ดำเนินการเอาผิดอีกช่องทางหนึ่งด้วย

และต้องบอกว่า งานงอกอย่างต่อเนื่อง เมื่อนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ เปิดเผยว่า ทางกระทรวง พม. โดยกรมกิจการเด็กและเยาวชน ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ขออุทธรณ์กรณีที่เกิดขึ้น อยากให้ทางศาลรับเคสน้องไนซ์เป็นกรณีเร่งด่วน ซึ่งหากการอุทธรณ์ของกระทรวง พม.ได้ผล ศาลก็จะนัดไต่สวนทันที

ที่ผ่านมาแม้คณะสหวิชาชีพ และเจ้าหน้าที่ของกระทรวง พม. จะเจอตัวน้องไนซ์ แต่การที่จะพูดคุยเพื่อประเมินสภาพจิตใจของตัวน้อง ยังไม่สามารถทำได้ ซึ่งหากศาลไต่สวนฉุกเฉิน เราจะดำเนินการคุ้มครองได้สองกรณี คือ 

1.ขอให้ผู้ปกครองของน้องไนซ์ หยุดหาประโยชน์จากตัวน้องไนซ์ 

และ 2.ให้ผู้ปกครองเข้าร่วมวางแผนกับทีมงาน และเจ้าหน้าที่ในการเลี้ยงดูน้องไนซ์ 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตอนนี้ ศาลจะไม่ได้รับเรื่องไว้เป็นกรณีฉุกเฉิน แต่ภายในสัปดาห์นี้ทาง จะมีการยื่นคำร้องไต่สวนฉุกเฉินอีกครั้ง เพื่อแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงของกระทรวง พม. ที่อยากจะให้มีการไต่สวนเป็นกรณีฉุกเฉินเร่งด่วน

งานนี้บอกเลยว่าหนักมากสำหรับคนที่เป็นทนายความให้ฝั่งเชื่อมจิต เพราะยิ่งกว่าพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก ซึ่ง ‘เพจอีซ้อขยี้ข่าว’ ได้โพสต์แชตหลุด 2 หน้า อ้างว่าเป็นแชตของทางกลุ่มเชื่อมจิตทักหาทนายความคนหนึ่ง โดยเป็นการติดต่อไปหาเพื่ออยากให้ว่าความให้ พร้อมบอกด้วยว่า พวกเราอยากมีทนายเก่ง ๆ ขณะที่ทางเพจเขียนแคปชันประกอบว่า “แชทหลุด…ลัทธิเชื่อมจิตติดต่อหาทนายชื่อดังระดับประเทศมาดูแลแทนทนายคนเดิมเพราะกลัวจะแพ้คดีเหมือนที่ผ่านๆ มา” / “แฉต่อ วิ่งวุ่นเปลี่ยนทนาย แต่คนเดิมก็เก่งนะโดยเฉพาะปาก”

นอกจากนี้ทางเพจยังได้โพสต์ข้อความในคอมเมนต์ด้วยว่า…

-ทนายคนนี้ดังนะคะ เอ่ยชื่อมาทุกคนรู้จัก สื่อทุกสำนักเอาไปตีข่าวได้ค่ะ ของแทร่

-ไม่ต้องมาสตอ ว่าเป็นแชทปลอมนะคะ เพราะมีแชทฉบับเต็ม 10 หน้าจ้า

-ลืมบอกค่ะ พี่ทนายเค้าไม่เอาด้วยค่ะ ไม่ต้องมาจีบ ไม่ต้องมาถาม ถึงคิวว่างก็บอกไม่ว่าง เค้าไม่เอาค่ะ

-ประเด็นคือ สังเกตนะคะว่าแชทมาจากทางไหน ฉันอ่ะวงในของแทร่ ปล.แอดมินเทอมีหนอนค่ะ ไปเสาะเอาเอง รู้หน้าไม่รู้ใจ ต่อหน้าดีลับหลังส่งข้อมูลให้เพจ น้องบอกเรื่องนี้ป่ะคะแม่

งานนี้ไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร แต่เชื่อว่าทางเชื่อมจิตต้องออกมาเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top