Sunday, 19 May 2024
TheStatesTimes

🔎รู้จัก 'บ.ทุนธนชาต' กลุ่มธุรกิจการเงินไทยที่เน้นเติบโตอย่างยั่งยืน✨️

ถ้าพูดถึง ‘กลุ่มธนชาต’ หรือที่มีชื่อเต็ม ๆ ว่า บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) และชื่อย่อในตลาดหลักทรัพย์ฯ คือ TCAP คนส่วนใหญ่อาจจะนึกถึงธนาคารธนชาต ที่มีสีส้มสดใส เป็นสัญลักษณ์ให้คนได้จดจำ แต่ปัจจุบัน ธนชาต ได้เปลี่ยนเป็น ธนาคารทหารไทยธนชาต หรือ TTB ไปแล้ว ภายหลังจากมีการควบรวมกิจการระหว่างธนาคารทหารไทย และธนาคารธนชาต

ก่อนที่จะมาเป็น ‘ทุนธนชาต’ ในวันนี้ เส้นทางธุรกิจขององค์กรได้เริ่มต้นตั้งแต่เมื่อปี 2523 โดยนายบันเทิง ตันติวิท (ประธานกรรมการ) และนายศุภเดช หมู่ศิริเลิศ ได้เข้าไปฟื้นฟู แคปปิตอลทรัสต์ ซึ่งพัฒนามาจากลี กวง มิ้ง บริษัทส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูป โดยเปลี่ยนมาเป็น ‘บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ธนชาต’ ซึ่งได้ผ่านร้อนผ่านหนาวและวิกฤตทางเศรษฐกิจมาหลายครั้ง โดยเฉพาะวิกฤตปี 2540 จนสามารถขยายธุรกิจ จนยกระดับเป็นกลุ่มธุรกิจการเงินชั้นนำของประเทศ และเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางอย่างเช่นในปัจจุบัน

อย่างไรก็ดี ธุรกิจของกลุ่มธนชาตนั้น ไม่ได้มีเพียงแค่ธุรกิจการเงินเท่านั้น แต่มีการลงทุนในธุรกิจที่หลากหลาย โดยรูปแบบการดำเนินธุรกิจเน้นการลงทุนและเป็นบริษัทแม่ (Holding Company) ที่เข้าไปลงทุนในกิจการต่าง ๆ เพื่อสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นอย่างมั่นคงในระยะยาว

🔴ธุรกิจของกลุ่มธนชาต มีอะไรบ้าง?

อย่างที่เกริ่นไปว่า ‘กลุ่มธนชาต’ ดำเนินธุรกิจแบบ Holding Company จึงมีธุรกิจที่เข้าไปลงทุนหลากหลาย ตัวอย่างเช่น...

👉กลุ่มธุรกิจหลักทรัพย์ 
ดำเนินธุรกิจโดย บริษัทหลักทรัพย์ธนชาต จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ แบบ ก (Full License) และธุรกิจที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ เช่น การเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ การเป็นที่ปรึกษาทางการลงทุน การเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน การเป็นตัวแทนสนับสนุนการขายหรือรับซื้อคืนหน่วยลงทุน การเป็นนายทะเบียนหลักทรัพย์ เป็นต้น

👉 กลุ่มธุรกิจประกัน ประกอบด้วย...
บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหาชน) ให้บริการประกันภัย โดยครอบคลุมถึงการรับประกันวินาศภัย ได้แก่ การประกันภัยรถยนต์ การประกันอัคคีภัย การประกันภัยเบ็ดเตล็ด

👉 ธุรกิจการลงทุน
📌 บริษัท ที ไลฟ์ ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ให้บริการรับประกันชีวิตรายบุคคล ประกันชีวิตกลุ่ม ซึ่งเป็นหลักประกันด้านการออมเงิน ให้ความคุ้มครองชีวิตและสุขภาพ

📌 บริษัท ที เอ็ม โบรคเกอร์ จำกัด ประกอบธุรกิจในการเป็นนายหน้าประกันวินาศภัยและนายหน้าประกันชีวิต รวมถึงเป็นผู้แนะนำผลิตภัณฑ์ทางการเงินและการจัดฝึกอบรมให้ความรู้ในการเป็นนายหน้าประกันภัยหรือตัวแทนประกันภัย

📌 บริษัท เอ็ม ที เซอร์วิส 2016 จำกัด ประกอบธุรกิจให้บริการงานด้าน Back Office และ Business Support แก่เอ็มบีเค ไลฟ์ และทีเอ็ม โบรคเกอร์

👉 กลุ่มธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ประกอบด้วย...
📌 บริษัทบริหารสินทรัพย์ เอ็น เอฟ เอส จำกัด รับซื้อหรือรับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพของสถาบันการเงินในกลุ่มธนชาตและสถาบันการเงินอื่นมาบริหาร

📌 บริษัทบริหารสินทรัพย์ แม๊กซ์ จำกัด รับซื้อหรือรับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพของสถาบันการเงินอื่นมาบริหาร

📌 บริษัทบริหารสินทรัพย์ ที เอส จำกัด รับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพจากธนาคารนครหลวงไทยและธนาคาร ธนชาต ทั้งสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้และทรัพย์สินรอการขายมาบริหาร 

👉 กลุ่มธุรกิจลิสซิ่ง ประกอบด้วย...
📌 บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) ให้บริการสินเชื่อเพื่อเช่าซื้อ และสินเชื่อสัญญาเช่าทางการเงิน โดยมุ่งเน้นในตลาดรถยนต์ทั้งใหม่และเก่า ประเภทรถยนต์นั่งส่วนบุคคล และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ ได้แก่ รถกระบะ รถแท็กซี่ รถหัวลาก และรถบรรทุก เป็นต้น

📌 บริษัท อาร์ทีเอ็น อินชัวร์รันส์ โบรกเกอร์ จำกัด ประกอบธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัยและนายหน้าประกันชีวิตโดยให้บริการแก่ลูกค้าของราชธานีลิสซิ่งเป็นหลัก

👉 กลุ่มธุรกิจลงทุน ประกอบด้วย...
📌 บริษัท ธนชาต เอสพีวี 1 จำกัด จัดตั้งขึ้นเพื่อเข้าซื้อหุ้นราชธานีลิสซิ่งจากธนาคารธนชาต ตามแผนการปรับโครงสร้างธุรกิจ

📌 บริษัท ธนชาต เอสพีวี 2 จำกัด จัดตั้งขึ้นเพื่อเข้าซื้อหุ้นบริษัทอื่นๆ จากธนาคารธนชาต ตามแผนการปรับโครงสร้างธุรกิจ โดยบริษัทที่รับโอนมา เป็นกลุ่มบริษัทที่จะไม่มีการประกอบกิจการใหม่ และจะดำเนินการเลิกบริษัทและชำระบัญชีในที่สุด

นอกจากธุรกิจทางด้านการเงิน ซึ่งเป็นธุรกิจที่กลุ่มธนชาตมีความแข็งแกร่งและสร้างผลตอบแทนที่เติบโตมาอย่างต่อเนื่องแล้ว กลุ่มธนชาต ยังมีการลงทุนในธุรกิจแขนงอื่นๆ ด้วย เช่น บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) (MBK) ที่ถือหุ้นอยู่ประมาณ 20% ซึ่ง MBK ถือเป็นบริษัทชั้นนำของประเทศ มีการดำเนินธุรกิจที่หลากหลายทั้ง ธุรกิจศูนย์การค้า ธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว ธุรกิจอาหาร ธุรกิจการเงิน ธุรกิจกอล์ฟ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจอื่น ๆ 

และที่น่าสนใจ MBK คือผู้ถือหุ้นรายใหญ่สุดราว 48% ในบริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้นำในธุรกิจศูนย์การค้าที่เรียกได้ว่าเป็นระดับแลนด์มาร์กของประเทศไม่ว่าจะเป็น ไอคอนสยาม, สยามพารากอน, สยามดิสคัฟเวอรี, สยามเซ็นเตอร์, และสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ ซึ่งมีข่าวว่ากำลังจะ IPO เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ในเร็ว ๆ นี้อีกด้วย

ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่า กลุ่มธนชาต ไม่เพียงแต่เชี่ยวชาญด้านธุรกิจการเงินเท่านั้น แต่ยังกระจายการลงทุนเข้าไปในธุรกิจที่หลากหลาย จากจุดเริ่มต้นเป็นเพียงบริษัทหลักทรัพย์ แต่ผ่านมา 44 ปี ได้แผ่กิ่งก้านขยายการลงทุนเข้าไปยังธุรกิจต่าง ๆ มากมาย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กลุ่มธนชาตกลายเป็นองค์กรที่มีเครือข่ายธุรกิจใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเป็นองค์กรมีความชัดเจนด้านการดำเนินธุรกิจและเดินตามวิสัยทัศน์ที่ว่า 'เป็นบริษัทการลงทุนชั้นนำในธุรกิจหลากหลาย เป็นที่ยอมรับทั่วไป ในด้านความมั่นคง ยั่งยืน และมีผลตอบแทนที่ดี' อย่างแท้จริง

รู้จัก ‘ต้องตา สุพัตรา’ ผู้เปิดใจกับผลงาน ‘ลุงตู่’ ในจังหวะที่คนไทยบางคนปิดใจ  สู่ 'ด้อมพีระพันธุ์' หวังอาสาเปิดใจคนไทย 'รับรู้ผลงาน-ไม่ทิ้งคนดีให้สู้โดดเดี่ยว'

(6 พ.ค.67) จากรายการ 'UTN อินฟลูฯ อาสา' ที่เผยแพร่ทาง Youtube ช่อง UTN Today ใน EP.1 ได้นำเสนอบทสัมภาษณ์ของ ‘คุณต้องตา-สุพัตรา รังสิตสวัสดิ์’ ที่มาเล่าถึงจุดเริ่มต้นในการรวมตัวเป็น 'อาสามาด้วยใจ ทำให้เพราะรัก' หลังจากได้ติดตามผลงานของ ‘ลุงตู่’ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี และติดตามต่อเนื่องจนมาเป็น ‘ด้อมพีระพันธุ์’ กองเชียร์ที่ตามให้กำลังใจท่านพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เนื่องจากชื่นชอบที่ท่านเป็นนักการเมืองในอุดมคติ ใจซื่อมือสะอาด กล้าลุยเพื่อคนไทยทุกคน กล้าชนเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ 

คุณต้องตา เผยว่า ตนเป็นชาวบ้านธรรมดา เป็นชาวสวน เมื่อปี 2 ปีที่แล้ว ได้ดูพี่โน้สอุดม เขาเดี่ยวไมโครโฟนและเขาก็พูดถึงคนที่เรารักและเคารพนั่นก็คือ ท่านอดีตนายกฯ ‘พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา’ โดยพูดถึงไปอีกทางหนึ่ง ซึ่งค้านสายตาเรามากเลย กับสิ่งที่พี่โน้สเขาพูดบนเวที นั่นแสดงว่าขนาดดารายังไม่รู้เลยว่าผลงานของ ‘ลุงตู่’ นั้นมีอะไรบ้าง เราก็เลยออกมาแสดงความคิดเห็นว่าเราไม่เห็นด้วย กับพี่โน้สอุดม ด้วยการทำคลิปลง TikTok พอปล่อยข้ามคืนมีคนดูเป็นล้านวิวเลย แล้วก็มีด่าอีกประมาณ 4 หมื่นความคิดเห็น ทำให้เราเห็นว่ามีคนไม่รัก ‘ลุงตู่’ อยู่เยอะ แถมพอเราออกมาพูดเราก็ยังโดนโจมตีอีก ซึ่งเราก็ตอบเขาไปบ้างไม่ตอบบ้าง แต่อย่างน้อยๆ นั่นก็ทำให้เราเรียนรู้แล้วว่า เราควรจะพูดถึงลุงตู่ ที่ช่องทางไหนที่กระจายตัวได้ไวที่สุด นั่นก็คือ TikTok สิ่งนี้ก็เลยกลายเป็นจุดเริ่มต้น

คุณต้องตา เล่าต่อว่า เดิมตนใช้งานแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ แต่กับ TikTok นี้แทบไม่ได้ใช้เลย ส่วนใหญ่จะเปิดไว้ให้ลูกเฉยๆ แต่พอตนได้เอามาใช้ปุ๊บก็ทำให้เรารู้ได้เลยว่า TikTok เปรียบคือบิดาแห่งการโปรโมตคลิปเลย ตนจึงใช้ช่องทางนี้ให้เป็นประโยชน์ 

"ในเมื่อไม่มีใครมาทำ PR ให้ลุงตู่ งั้นเราก็เริ่มเป็นคนแรกเลย เพราะหากทุกคนเงียบหรือถ้าทุกคนอายหรือกลัวที่จะโดนด่า แล้วใครจะเล่าเรื่องจริงให้คนอื่นๆ ได้รู้ เราต้องอดทน เราโดนด่าเราก็ต้องอดทนเราต้องนำความจริงให้ปรากฏสู่สังคมให้ได้" 

หลังจากนั้น คุณต้องตา ก็เริ่มค้นหาผลงานของลุงตู่ แล้วก็ทำคลิปแบบไม่สนใจความคิดเห็น ทำไปเรื่อยๆ เริ่มต้นจากรถไฟฟ้า ซึ่งก็ประสบผลสำเร็จด้วยดีในการทำคลิป หรือพอได้เดินทางแล้วเห็นบ้านสีฟ้าริมคลอง (โครงการบ้านมั่นคง) ซึ่งแต่ก่อนเคยเป็นสลัม มันคือบ้านที่ลุงตู่สร้างไว้ ก็ทำคลิปโปรโมตเป็นเรื่องบ้านริมคลอง จากนั้นก็นำเสนอผลงานอีกมากมาย

ทั้งนี้ คุณต้องตา บอกกับตัวเองเสมอว่า อย่าเป็นแค่ ‘สลิ่มเฉยๆ’ ต้องเป็น ‘สลิ่มฟิวชั่น’ อย่าอนุรักษ์นิยมจ๋า ต้องปรับตัวเข้ากับคนรุ่นใหม่บ้าง ถ้าจะทำคลิปที่มันวิชาการเกินไป มันแก่เกินไป แล้วใครจะมาฟัง

หลังจากเริ่มมีผู้ติดตามระดับ 1,000 คน คุณต้องตา เผยว่า ก็เริ่มมีสถานีโทรทัศน์ Top New นำคลิปไปเผยแพร่ต่อประมาณ 30-40 คลิป ก็เริ่มทำให้ตนมีกำลังใจที่มีคนเห็นความตั้งใจนี้ และทำให้ตนไม่สนใจความคิดเห็นในด้านลบอีกต่อไป

"ถ้าเรารู้ แล้วเราเงียบ ประชาชน เขาก็จะเชื่อในกระแสสังคมอย่างนั้น ต่อไปเรื่อยๆ ประชาชนก็ใจเชื่อไปในแบบที่มันผิดไปเรื่อยๆ มันไม่มีความเป็นธรรมให้กับลุงตู่เลย คนทำงานเขาก็ต้องการกำลังใจ มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่ทำงานเหนื่อย แล้วได้ยินแต่เสียงด่า มันต้องมีเสียง ที่ชมเชยให้เขาได้ยินบ้าง ก็เลยทำคลิปผลงาน ต่อด้วยทำคลิปให้กำลังใจลุงตู่ บางคลิปก็เอาลูกมานั่งพูดคุยด้วย เราก็บอกลูกว่าลูกเห็นไหมข่าวไม่เคยนำเสนอนะ สื่อกระแสหลักไม่มีนะที่จะบอกว่า นี่คือบ้านที่สร้างให้ประชาชนโดยรัฐบาลลุงตู่ สร้างทางรถไฟไปถึงเชียงราย โดยรัฐบาลลุงตู่ ซึ่งสื่อกระแสหลักไม่มีใครนำเสนอเลย" คุณต้องตา เสริม

เมื่อพูดถึงช่วงโควิด19 กับประเทศไทยในยุคลุงตู่? คุณต้องตา กล่าวว่า "นี่ถ้าไม่มีวิกฤตโควิดนะ ประเทศไทยของเราจะไปไกลมากกว่านี้อีก อันนี้ต้องให้เครดิตในการทำงานของรัฐบาลลุงตู่นะ ซึ่งลุงตู่ไม่ได้ทำคนเดียว ลุงตู่ยังมีทีมงานอีกเยอะ ซึ่งถ้าคุณด่าลุงตู่ ก็หมายถึงว่าด่าทีมงานของลุงตู่ด้วย ซึ่งก็เป็นทีมงานพี่น้องชาวไทยด้วยกันทั้งนั้น ตัวเราเองนั้นไม่สำคัญเลย ชาติต้องมาก่อน"
.
เมื่อถามถึงนักการเมืองที่ชอบ? คุณต้องตากล่าวว่า "นักการเมืองที่ชอบ ก็ไม่มีใครเลยนะ เพราะว่าอย่างแรกเลยคือ ไม่รู้จัก และคำว่านักการเมืองมันไม่ใช่สิ่งที่เราอยากจะเข้าไปสัมผัส เราเจอมาเยอะ มาหาเสียงที่บ้านเราก็ยกมือไหว้เรา แต่พอได้รับการเลือกตั้งไปแล้ว ถังขยะหน้าบ้านเราเขายังไม่เคยเอามาให้เราเลย ซึ่งเราขอไปเขาก็ลืม ก็เลยไม่ได้ปลื้มนักการเมืองคนไหน แต่จุดเปลี่ยนก็คือ ลุงตู่ เพราะลุงตู่ไม่ใช่นักการเมือง ลุงตู่เป็นทหารที่ทำเพื่อชาติ ทำเพื่อประชาชนอย่างชัดเจน เอาประเทศชาติเป็นที่ตั้งไม่ใช่ผลประโยชน์ นักการเมืองพูดเก่งแต่เขาไม่ทำ ก็เลยไม่ชอบนักการเมือง จนกระทั่งได้มาเจอลุงตู่ พร้อมทั้งทีมงานของลุงตู่ เราก็ดูสิว่าใครทำงานให้ลุงตู่บ้าง เช่น ท่านพีระพันธุ์ ท่านช่วยรักษาผลประโยชน์ให้ประเทศชาติหมื่นล้าน (โฮปเวลล์) เราก็ค้นหาข้อมูลดู เขาเป็นผู้พิพากษาด้วยนิ เป็นคนเที่ยงตรง ยุติธรรม ซื่อสัตย์ ไม่เคยเห็นนักการเมืองที่มือสะอาดแบบนี้ ไม่เคยโดนสีแดงด่าไม่เคยโดนสีส้มด่า คนนี้เป็นมือขวาของลุงตู่"

คุณต้องตา กล่าวเสริมว่า "ดังนั้นต่อจากลุงตู่ ก็เลยประทับใจ ‘ลุงพี ท่านพีระพันธุ์’ เพราะประวัติท่านขาวสะอาด มีผลงานเป็นที่ประจักษ์รักษาผลประโยชน์ให้ประเทศชาติเป็นหมื่นล้าน ทำเพื่อประชาชน โดยไม่ต้องออกหน้าโปรโมตตัวเอง"

เมื่อถามว่าโครงการหรือผลงานไหนของลุงตู่ที่ประทับใจเป็นการส่วนตัว? คุณต้องตา เผยว่า "ชอบโครงการ EEC มันเป็นโครงการที่จะพลิกผืนแผ่นดินเรา สร้างรายได้ให้พี่น้องประชาชน ... ประเทศของเรามีทรัพยากรมากมาย ขาดแค่การพัฒนา และลุงตู่ก็เห็นถึงปัญหาในเรื่องนี้ จึงหวังที่จะทำพัฒนาโครงการดังกล่าวเพื่อให้พี่น้องประชาชนได้มีรายได้ที่สูงขึ้น ด้วยการยกระดับประเทศผ่าน EEC ซึ่งนี่คืออนาคตที่แท้จริงของประเทศไทย และมันไม่ใช่แค่การโฆษณาชวนเชื่อ...

"นอกจากนี้ยังมี ‘โครงการคนละครึ่ง’ ซึ่งมันไม่ใช่โครงการที่ดี แต่มันเป็นโครงการที่ดีมากๆๆๆ ทั้งใช้ง่ายและตอบโจทย์-ช่วยเหลือประเทศชาติได้จริง ทำให้เศรษฐกิจของประเทศมีการจับจ่ายใช้สอยอย่างบ้าคลั่ง มันทั่วถึงมากขนาด ‘รถขายลูกชิ้น’ ยังมีโครงการคนละครึ่งเลย แค่คุณมีมือถือก็ใช้ได้ทุกคน มันตอบโจทย์คนรุ่นใหม่มาก ส่วนคนรุ่นเก่าที่ใช้มือถือไม่เป็น ก็มาฝึกใช้เป็นเพราะโครงการคนละครึ่งนี่แหละ"

คุณต้องตา เสริมอีกว่า"หลังโควิดเราเปิดประเทศเป็นประเทศแรกๆ ซึ่งมีหลายๆ คนค้าน แต่ลุงตู่ใจกล้ามาก เพราะอะไร เพราะเขาเล็งเห็นและประชุมกันแล้ว ว่าเราจะต้องมี ‘โครงการภูเก็ต Sandbox’ ซึ่งตรงจุดที่คนกำลังโหยหาการท่องเที่ยว อยากจะใช้จ่ายเงิน และประเทศไทยก็เป็นเป้าหมายของคนทั้งโลกในการที่อยากจะมาท่องเที่ยว พอเปิดภูเก็ตคนก็มาจริงๆ และประสบผลสำเร็จอย่างดีมากจนถึงวันนี้ มันทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว จนทำให้เรากลายเป็นประเทศแห่งการท่องเที่ยว ส่วนกรุงเทพฯ ก็ถูกผลักดัน จนกลายเป็นเบอร์ 1 ของเมืองน่าท่องเที่ยวของโลก ประเทศเราชนะเลิศ ประเทศเราสามารถฟื้นตัวได้เลย พอมีการท่องเที่ยว เม็ดเงิน ก็ไหลเข้ามา นักท่องเที่ยวมาเป็นล้านคน มาท่องเที่ยวกรุงเทพฯ ก็ต้องไปเที่ยวต่อภูเก็ต นี่ก็คือจุดที่ประเทศไทยเริ่มฟื้นตัวได้ อันนี้ก็ต้องยกให้เป็นผลงานของลุงตู่และทีมงาน"

เมื่อถามถึงผลลัพธ์ของคนทำงานเพื่อประเทศกับผลลัพธ์ของการเลือกตั้งที่ออกมาครั้งล่าสุด? คุณต้องตา กล่าวว่า "หลังการเลือกตั้งเรารู้แล้ว ว่าเราผิดพลาดอะไรไป เราไม่ควรจะต่อสู้ไปอย่างโดดเดี่ยว ก็เลยมารวมตัวกับ ฟ้าคราม, พราหมณ์อิศรา, พี่เกี๊ยวซ่า มารวมตัวกันเชียร์จะได้ไม่โดดเดี่ยว เลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาเราผิดพลาดไปเราเสีย ‘ลุงตู่’ ไปและเราจะไม่ยอมเสีย ‘ลุงพี’ ไปอีก...

"ฉะนั้นการรวมตัวกันในฐานะอาสามาด้วยใจในครั้งนี้ ก็เพื่อจะแจ้งข้อมูลข่าวสาร ให้ข้อเท็จจริงให้ความจริงกับสังคม ทำให้สังคมได้รับรู้ในวงกว้าง แบบไม่ต้องโดดเดี่ยวโดนด่าอยู่คนเดียวอีกต่อไปแล้ว เราต้องมารวมตัวกันต่อสู้ในภาคส่วนของประชาชน...

"และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราได้มารวมตัวกัน ทำงานร่วมกัน เพื่อจะสื่อสาร เพื่อจะเป็นแรงใจและสนับสนุนคอยเชียร์ท่านพีระพันธุ์ต่อไป ต้องไม่ให้ท่านโดดเดี่ยว เราต้องเชียร์ให้คนดีได้บริหารบ้านเมือง เพราะเรามั่นใจแล้วว่า คนๆ นี้ คือ คนดี ที่จะมาเป็นตัวแทนของประชาชน เป็นนายกรัฐมนตรีที่คนไทยพึ่งพิงได้"

คุณต้องตา ย้ำในช่วงท้ายด้วยว่า "เราเห็น ‘โครงการโฮปเวลล์’ มาหลายปีแล้ว แล้วเราก็รู้ว่านี่คือความผิดพลาดของประเทศ เราแพ้คดี เราต้องจ่ายเงินค่าโง่ แต่ปรากฏว่ามี ‘ท่านพีระพันธุ์’ มากอบกู้ชัยชนะไว้ให้เราได้ ประเทศไทย เราไม่แพ้ เราไม่ต้องจ่ายเงินค่าโง่หลายหมื่นล้าน ให้กับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง ซึ่งเอาจริงๆ ประเทศของเราหมดหวังไปแล้ว แต่มีคนอยู่คนหนึ่งซึ่งเขาไม่ยอมแพ้ เขาสู้เพื่อชาติ เขาตื่นขึ้นมาแล้วเขาก็ทำงาน โดยที่ไม่ได้อยู่ในคราบของนักการเมือง แต่เขาคิดว่าเขาจะมาทำงานเพื่อบ้านเมือง นั่นจึงทำให้ส่วนตัวมองว่า ‘ท่านพีระพันธุ์’ คือนักการเมืองในอุดมคติ เฉกเช่นเดียวกันภายหลังจากที่ท่านได้เข้ามาดูแล ‘กระทรวงพลังงาน’ ท่านก็ได้ทำการ 'รื้อ ลด ปลด สร้าง' ซึ่งท่านมาถูกทางแล้ว"

ถึงบรรทัดนี้ คุณต้องตา อยากฝากให้คนไทยทุกคนช่วยกำลังใจคนทำงานแบบนี้ ช่วยกันส่งแรงใจไปให้ท่านพีระพันธุ์ เพราะมันคือการปกป้องท่านในอีกแบบหนึ่ง 

เพื่อให้คนๆ นี้มีพลัง ทำงานเพื่อคนไทยทุกคนต่อไป

ขอให้กำลัง 'ท่านพีระพันธุ์-รทสช.'

'มูลนิธิพระราหู' มอบเงินช่วยเหลือครอบครัว 'ด.ต.ปิยะนันท์' หลังประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ขณะปฏิบัติหน้าที่ช่วงสงกรานต์

เมื่อวันที่ 5 พ.ค.67 ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ในนามมูลนิธิพระราหู  มอบหมายให้ พ.ต.ต.เตชิต เขื่อนหมั่น เป็นผู้แทนนำเงินสมทบทุนช่วยเหลือมอบให้ ครอบครัว ด.ต.ปิยะนันท์ สีเสื้อ (ผบ.หมู่) สทล.3 กก.1 บก.ทล. ประสบอุบัติเหตุขณะปฏิบัติหน้าที่ ภาระกิจจัดการจราจร (เปิดช่องทางเดินรถพิเศษขาเข้า กทม.) บริเวณแยกดีลัง อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี เมื่อ วันที่ 16 เม.ย.67 ช่วงเทศกาลสงกานต์ และได้เสียชีวิต ในเวลาต่อมา เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่
 

'นายกฯ ฝรั่งเศส' ทัก "หนีห่าว" ต้อนรับ 'สีจิ้นผิง' พร้อมพิธีอันสมเกียรติ สะท้อน!! การทูตที่ฝรั่งเศสให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวดกับการมาเยือนนี้

(6 พ.ค.67) สำนักข่าวซินหัว รายงาน สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ได้เดินทางถึงกรุงปารีส เมืองหลวงของฝรั่งเศส เมื่อวันอาทิตย์ (5 พ.ค.67) เพื่อการเยือนฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการ โดยมีแกเบรียล อัททาล นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ให้การต้อนรับ ณ ท่าอากาศยานปารีส ออร์คลีย์ พร้อมกล่าวคำทักทายเป็นภาษาจีนว่า "หนีห่าว" หรือ "สวัสดี"

ทั้งนี้ ท่าอากาศยานฯ ได้ติดธงชาติจีนและธงชาติฝรั่งเศสที่โบกสะบัดตามสายลม พร้อมปูพรมแดงต้อนรับผู้นำจีน โดยมีคณะผู้แทนระดับสูงของรัฐบาลฝรั่งเศสเฉกเช่นอัททาลยืนรอต้อนรับการมาถึงของสีจิ้นผิง ซึ่งพิธีการทูตนี้สะท้อนว่าฝ่ายฝรั่งเศสให้ความสำคัญกับการมาเยือนครั้งนี้อย่างยิ่งยวด

อนึ่ง การเยือนครั้งนี้เป็นการเยือนฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการ ครั้งที่ 3 และการเยือนยุโรปครั้งแรกในรอบเกือบ 5 ปี ของสีจิ้นผิง ขณะความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-ฝรั่งเศส จะครบรอบ 60 ปี ในปีนี้

รายงานระบุว่าสีจิ้นผิง พร้อมด้วยเผิงลี่หยวน ผู้เป็นภริยา ก้าวออกจากห้องโดยสารของเครื่องบินและโบกมือให้กับฝูงชนที่มารอต้อนรับ ด้านอัลทาลก้าวเข้าหาสีจิ้นผิงที่เดินลงมาจากบันไดเทียบเครื่องบิน และกล่าวทักทายผู้นำจีนว่า "หนีห่าว" โดยทั้งสองฝ่ายได้เดินเคียงและพูดคุยขณะอัททาลนำพาผู้นำจีนขึ้นรถลีมูซีน

อัลทาลเผยกับสีจิ้นผิงว่าเขาเคยเดินทางเยือนจีนครั้งหนึ่งเมื่อยังดำรงตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติ รวมถึงเรียนภาษาจีนมานานหนึ่งปีแล้ว ด้านสีจิ้นผิงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่าอัลทาลพูดภาษาจีนได้ดีตามมาตรฐาน และแสดงความยินดีต้อนรับอัททาลเยือนจีน

ทั้งนี้ สีจิ้นผิงยังเป็นผู้สนใจวัฒนธรรมฝรั่งเศส โดยเฉพาะประวัติศาสตร์ ปรัชญา วรรณคดี และศิลปะของฝรั่งเศส เมื่อครั้งเยาว์วัย โดยสีจิ้นผิงระบุในบทความที่เผยแพร่ผ่านเลอ ฟิกาโร  (Le Figaro) สื่อฝรั่งเศส เมื่อวันอาทิตย์ (5 พ.ค.67) ว่าฝรั่งเศสมีมนต์เสน่ห์พิเศษอันน่าหลงใหลในสายตาชาวจีน

หวั่นใจ!! 'คลังชาติ' ใต้ความพยายามครอบงำ 'ธนาคารแห่งประเทศไทย' การกระทำที่แม้แต่จอมเผด็จการตัวจริงของไทย 'ยังไม่เคยคิดจะทำ'

จากคำปราศรัยของ 'อุ๊งอิ๊ง' แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยในงาน '10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10' จัดโดยพรรคเพื่อไทย โดยเธอกล่าวถึงปัญหา 3 เรื่องของธนาคารชาติคือ...

1. ความเป็นอิสระของแบงก์ชาติเป็นอุปสรรคในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
2. กฎหมายที่กำหนดให้แบงก์ชาติเป็นอิสระเป็นต้นเหตุของปัญหา
3. หากแบงก์ชาติไม่ยอมทำความเข้าใจและร่วมมือกับรัฐบาล จะยิ่งซ้ำเติมปัญหาเศรษฐกิจ

ด้วยเหตุที่ 'อุ๊งอิ๊ง' อ่านตามโพย จึงเกิดกระแสวิจารณ์ว่า เธอพูดโดยไม่ได้เข้าใจบทบาทและหน้าที่ของธนาคารชาติจริง ๆ แต่พูดตามที่มีคนเขียนบทให้ และทำให้คิดว่า พรรคเพื่อไทยใช้ 'อุ๊งอิ๊ง' และการปราศรัยในงานนี้ โจมตีธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งแสดงท่าทีที่ไม่ยอมตามนโยบายของรัฐบาลมาโดยตลอด โดยเฉพาะเรื่องการลดดอกเบี้ย และการดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ต

ทั้งนี้ ธนาคารกลาง หรือ ธนาคารชาติเป็นองค์กรอิสระที่มีความเฉพาะตัว โดยทั่วไป แม้ว่าหน่วยงานเหล่านี้จะเป็นองค์กรของรัฐ ได้รับงบประมาณจากรัฐบาล และผู้ว่าการได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาล แต่จะต้องเป็นอิสระจากรัฐบาล เพราะหากไม่เป็นอิสระแล้ว ก็จะเกิดความเสี่ยงร้ายแรงจากการบิดเบือนและการแสวงหาผลประโยชน์ทางการเมืองที่รออยู่อย่างแน่นอน ซึ่งส่งผลอย่างสำคัญให้เกิดภัยร้ายแรงที่คุกคามต่อเศรษฐกิจและโครงสร้างทางสังคมของประเทศ

ความเป็นอิสระของธนาคารชาติ และปฏิสัมพันธ์ระหว่างธนาคารชาติกับนโยบายของรัฐบาล มีข้อดีสำหรับทั้งสองฝ่าย 

***ในด้านหนึ่ง รัฐบาลสามารถได้รับประโยชน์จากคำแนะนำด้านเทคนิคจากธนาคารชาติ (ที่มีความเป็นอิสระ) ในเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบทางการเงินจากโครงการเศรษฐกิจและการคลังที่เสนอโดยรัฐบาล 

นอกจากนี้ ธนาคารชาติอาจอำนวยความสะดวกในการดำเนินนโยบายของรัฐบาลได้ด้วยการใช้มาตรการทางการเงินและสินเชื่อที่เหมาะสม และธนาคารชาติยังสามารถช่วยเหลือรัฐบาลได้โดยใช้ชื่อเสียงในฐานะสถาบันอิสระเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับจุดยืนของรัฐบาลในกรณีที่นโยบายทางเศรษฐกิจหรือการคลังที่รัฐบาลดำเนินการถูกมองว่าไม่มั่นคง ขาดเสถียรภาพ 

ดังนั้น ความเป็นอิสระของธนาคารชาติ จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการทำงานที่เป็นกลางและการดำเนินงานด้วยความยุติธรรมในระบบเศรษฐกิจ เมื่อธนาคารชาติเป็นอิสระจากกระทรวงการคลัง ธนาคารชาติก็สามารถตัดสินใจโดยพิจารณาจากปัจจัยทางเศรษฐกิจมากกว่าแรงกดดันทางการเมือง เพราะความเป็นอิสระนี้ จะช่วยรักษาเสถียรภาพด้านราคา ควบคุมอัตราเงินเฟ้อ และส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน 

***ในอีกมุมหนึ่ง มีหลายสถานการณ์ที่ธนาคารชาติต้องการหรืออย่างน้อยก็จะได้รับอานิสงส์จากมาตรการเสริมของรัฐบาล ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่จะพบว่าวัตถุประสงค์ของนโยบายการเงินที่กำหนดสามารถบรรลุผลได้ง่ายขึ้น หากมีการใช้มาตรการทางการคลังและมาตรการอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ทางการเงินร่วมกับมาตรการทางการเงินและสินเชื่อ 

สรุปแล้ว นโยบายการเงินและสินเชื่อสามารถช่วยเหลือรัฐบาลในการดำเนินโครงการของตนได้ แต่ถ้าธนาคารชาติมีความเห็นที่แตกต่าง ก็อาจเป็นปัญหาอุปสรรคต่อการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจและการคลังของรัฐบาล อย่างเช่น โครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งรัฐบาลย่อมไม่เต็มใจที่จะให้ธนาคารชาติดำเนินการอย่างอิสระอีกต่อไป และอยากให้ธนาคารชาติอยู่ภายใต้ขอบเขตอิทธิพลของตน

แน่นอนว่า แนวคิดและมุมมองเช่นนี้ แม้แต่จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ อดีตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรัฐประหาร ผู้ที่สังคมไทยมองว่าเป็น ‘จอมเผด็จการ’ ตัวจริงของไทยยังไม่เคยทำเลย เพราะจอมพลสฤษดิ์ไม่เคยเข้าไปวุ่นวายยุ่งเกี่ยวกับการทำงานของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย 

ดังนั้นแนวคิดเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นของพรรคเพื่อไทยหรือตัวหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จึงเป็นเรื่องที่น่าห่วงใยและเป็นกังวลในผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับระบบเศรษฐกิจ การเงิน และการคลังของชาติในอนาคตเป็นอย่างยิ่ง

'สุกฤษฏิ์ชัย' จี้รัฐบังคับใช้กฎหมายคุมวิกฤตอุตสาหกรรม ยกเหตุ 'กากแคดเมียม-ไฟไหม้โกดังหลายจังหวัด' ไม่ควรเกิดอีก

ไม่นานมานี้ นายสุกฤษฏิ์ชัย ธีระเริงฤทธิ์ ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์และผู้ช่วยผู้อำนวยการมูลนิธิสถาบันราชพฤกษ์ (หน่วยงานดีเด่นแห่งชาติสาขาอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) กล่าวว่า...

ช่วงเดือนที่ผ่านมา ต้องขอแสดงความห่วงใยและรู้สึกกังวลใจต่อหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา ทั้งการได้ลงพื้นที่เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ เพื่อสังเกตการณ์ ตั้งแต่มีข่าวเรื่องพบโกดังเก็บกากแคดเมียม ก็ติดตามการแก้ไขปัญหานี้อย่างใกล้ชิด มาจนถึงการจัดการขนย้ายกลับไปยังจังหวัดตาก ก็พบว่าในหลายขั้นตอนของการขนย้าย อาจไม่ปลอดภัยถูกต้องเพียงพอ แสดงให้เห็นถึงความไม่สนใจต่อปัญหานี้เท่าที่ควร ทั้งที่เป็นปัญหาใหญ่ระดับประเทศ รวมถึงเกิดเหตุไฟไหม้ที่มีสาเหตุเกี่ยวข้องกับพื้นที่โกดังเก็บกากอุตสาหกรรม กระดาษรีไซเคิลและสารเคมีในหลายพื้นที่ ทั้งชลบุรี, ระยอง, สมุทรสาคร รวมถึงล่าสุดที่พระนครศรีอยุธยา ซึ่งใกล้ชุมชนและโรงพยาบาล

เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นภัยต่อพี่น้องประชาชนทั้งทางตรงและทางอ้อม เป็นภัยต่อสิ่งแวดล้อมอย่างชัดเจน กระทบต่อระบบนิเวศและธรรมชาติของพื้นที่อย่างหลีกเลี่ยงมิได้ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เกิดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ฝุ่นพิษ ฟุ้งกระจายไปในอากาศเป็นจำนวนมาก เป็นการเร่งปฏิกิริยาต่อสภาวะโลกร้อน ทวีความรุนแรงอย่างที่เรากำลังเผชิญสภาพอากาศที่ร้อนกว่าปกติ ซึ่งจะเป็นวิกฤติทางสิ่งแวดล้อมที่พวกเราจะหลีกหนีไม่ได้อย่างถาวรในที่สุด

ภาครัฐควรบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ออกมาตรการจัดการกับผู้ประกอบการที่ไม่ปฏิบัติตามระเบียบ มีแผนเผชิญเหตุที่ทันสมัยและรวดเร็ว ผู้ทำหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งระดับนโยบาย ระดับบริหาร และระดับปฏิบัติการ ต้องเอาจริงเอาจัง หากปล่อยปละละเลย ควรได้รับบทลงโทษทั้งทางวินัยและทางกฎหมาย อีกทั้งต้องนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งการขอใบอนุญาต ตรวจสอบจำนวน การขนย้าย การนำเข้าหรือส่งออก การนำไปใช้ที่ต้องตรงกับวัตถุประสงค์ ต้องอยู่ในกำกับของภาครัฐทั้งหมด เพื่อป้องกันเหตุไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต ควรส่งเสริมให้ภาคธุรกิจลดการใช้สารเคมีที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและให้มีความรับผิดชอบต่อสังคมต่อธรรมชาติมากขึ้น 

"ในตอนนี้ เรากำลังเผชิญกับวิกฤตสิ่งแวดล้อม วิกฤตอุตสาหกรรม หรือวิกฤตการบังคับใช้กฎหมาย” นายสุกฤษฏิ์ชัย ทิ้งท้าย

‘เรวัช’ ฉะ!! ‘โน้ส’ ปมดรามาพอเพียง เล่นไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ชี้!! มุขอื่นมีเยอะแยะ จี้!! ให้ออกมาขอโทษสังคม

เมื่อวานนี้ (6 พ.ค.67) จากกรณีคลิปโปรโมตทอล์กโชว์ ‘เดี่ยวสเปเชียล ซูเปอร์ซอฟต์พาวเวอร์’ ของ ‘โน้ส อุดม แต้พานิช’ พร้อมทั้งเขียนแคปชันประกอบคลิปว่า…อยากพอเพียง อยากปลูกผักตามอินฟลูฯ แต่ลืมคิดว่าเขาลงจากรถตู้ พอกครีมกันแดดมาเกี่ยวข้าววว กลับมาคราวนี้ พี่โน้ส-อุดม เค้าจัดเต็ม ไม่กั๊ก ไม่เซนเซอร์ เชิญรับชมพร้อมกันได้ใน ‘เดี่ยว สเปเชียล ซูเปอร์ซอฟต์พาวเวอร์’ ยังคงเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างดุเดือดบนโลกโซเซียล

ล่าสุด พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร อดีต ผบช.ปส. ได้ไลฟ์สดผ่านยูทูบช่อง ‘โจ เรวัช กลิ่นเกษร’ โดยแสดงความคิดเห็นอย่างดุเดือดตามสไตล์บางช่วงบางตอนว่า ตนดูแล้วไม่เข้าท่า ทะลึ่งไม่เข้าเรื่อง ถามว่าโน้ตทำประโยชน์อะไรให้ประเทศชาติบ้าง เคยไปพูดฟรีให้งานกาชาดบ้างหรือเปล่า ไม่ควรอย่างยิ่งเลย เล่นไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ลืมตัวอีโก้สูง คิดว่าตัวเองเป็นดาราดังแล้วเหรอ คุณจะรวยเท่าไหร่คุณก็ไม่ได้ไปแจกสร้างมูลนิธิช่วยคนยากคนจน

"ปากเสียไม่เข้าเรื่องนะครับ ต้องดัดสันดาน ใครที่ยังศรัทธา อย่าไปซื้อบัตรไปดูมันนะครับ ไม่เข้าท่า ถ้าผมนั่งดูอยู่ด้วยวันนั้น จะขึ้นไปถีบบนเวทีเลย ไม่ให้พูดจบหรอก ไม่งั้นจะเอารองเท้าปาใส่ไปเลย มันไม่เข้าท่าจริง ๆ มีมุขอื่นให้เล่นเยอะแยะ ไม่ควรเอามุขแบบนี้มาเล่น พูดผิดแล้วก็ออกมาขอโทษสังคมเขาซะว่ากลอนพาไป" พล.ต.ท.เรวัช กล่าว

States TOON EP.161

ส่งมาที่ฉัน!! ฉันรับไว้เอง!!

***สงวนลิขสิทธิ์ภาพดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามมิให้ผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียนแบบ ดัดแปลง หรือนำส่วนใดส่วนหนึ่งไปใช้ แต่อนุญาตให้นำไปเผยแพร่ต่อได้ ตามต้นฉบับนี้ โดยไม่ต้องขออนุญาต

‘อนุทิน’ ชี้ ‘แบงก์ชาติ’ ต้องมีอิสระในการทำงานเพื่อบ้านเมือง ยัน!! พรรคร่วมพร้อมหนุนทุกนโยบายที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ

(7 พ.ค. 67) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกระแสวิจารณ์ถึงความเป็นกลางของแบงก์ชาติ ระบุว่า “ทุกหน่วยงานต้องมีอิสระในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นองค์กรอิสระ หรือหน่วยงานใดก็ตาม เราก็ต้องทำตามสิ่งที่เป็นประโยชน์กับชาติบ้านเมือง และทำตามนโยบายของรัฐบาล ตราบใดที่นโยบายนั้นเป็นนโยบายที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย ก่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศ และประชาชน หลักการมีแค่นี้”

“ในฐานะพรรคร่วม ย้ำว่านโยบายของรัฐบาล อย่าง เงินดิจิทัล 10,000 บาท นั้น เป็นนโยบายหรือไม่ อยู่ในสมุดปกขาวใช่หรือไม่ ก็ถือเป็นนโยบายรัฐบาล คือการที่จะทำนโยบายนี้ ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ แน่นอนจะต้องถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ถ้าหลักสำคัญเรื่องนี้ถูกพิสูจน์ได้ เช่นได้รับคำยืนยันจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งถือเป็นที่ปรึกษากฎหมายของรัฐบาลหรือจากสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติสิ่งเหล่านี้ก็ต้องถือว่าพรรคร่วม ก็ต้องสนับสนุน” นายอนุทินกล่าว

นายอนุทิน กล่าวเสริมว่า “ทั้งนี้ตนไม่ใช่นักกฎหมาย เราก็ต้องให้คนที่มีความชำนาญด้านกฎหมาย เป็นผู้ชี้แจงต่อรัฐบาล และประชาชน ในกรณีนี้รัฐบาลทุกรัฐบาล เรามีสำนักงานกฤษฎีกา ซึ่งเปรียบเหมือนเป็นที่ปรึกษากฎหมายแห่งรัฐ เราต้องฟังความเห็น”

'ขุนคลัง' รับ!! 'ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ' มีอิสระในเรื่องนโยบายการเงิน  แต่ทั้งหมดต้องเป็นไปเพื่อสนับสนุนนโยบายภาครัฐ

(7 พ.ค.67) นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางมาสักการะศาลพระภูมิเจ้าที่ และศาลตายายประจำทำเนียบรัฐบาล ภายหลังรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ

จากนั้น นายพิชัย ให้สัมภาษณ์ว่าวันนี้เป็นวันเข้าทำงานอย่างเป็นทางการของตน ซึ่งจะเข้าทำงานทั้งสองที่ คือที่ทำเนียบรัฐบาล และที่กระทรวงการคลัง ซึ่งจะมีการหารือเป็นการภายใน แต่ตนทราบอยู่แล้วว่าภารกิจเร่งด่วนคืออะไร ซึ่งตนจะใช้หน้าที่และความรับผิดชอบที่มีอยู่ในการสะสาง และจัดการปัญหาที่คิดว่าจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น และดีต่อผลประโยชน์ของประเทศโดยตนจะทำอย่างสุดความสามารถ

เมื่อถามว่า สัปดาห์นี้จะมีการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่ นายพิชัย กล่าวว่า ตนคิดว่าประเด็นดังกล่าวจะเป็นงานประจำไปแล้ว ซึ่งต้องมีการพูดคุย และมีการรายงานความคืบหน้าอยู่ตลอด

เมื่อถามว่า จะมีการแถลงข่าวหรือรายงานความคืบหน้าอย่างไรเมื่อมีการแบ่งงานให้กับรมช.คลัง นายพิชัย กล่าวว่า ตนขอหารือในช่วงบ่ายนี้ก่อน ซึ่งตนมีข้อมูลอยู่แล้ว

เมื่อถามถึงโปรเจกต์ของรัฐบาลด้านเศรษฐกิจจากนี้จะมีอะไรหรือไม่ นายพิชัย กล่าวว่า ตนคิดว่าทุกคนทราบผลลัพธ์ และเห็นปัญหาเหมือนกันหมด ไม่ว่าจะอยู่ในสายอาชีพใด เพียงแต่ทุกคนมองปัญหา และมีวิธีแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน ฉะนั้น เราคงต้องหาข้อยุติที่ตกผลึกแล้ว และพยายามทำให้ทุกคนเข้าใจร่วมกันมากที่สุดเพื่อนำมาซึ่งแนวปฏิบัติที่ดีที่สุด

เมื่อถามว่า จะต้องมีการพูดคุยปัญหากับทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือไม่ นายพิชัยกล่าวว่า เป็นเรื่องปกติที่ต้องมีการพูดคุยกัน ซึ่งเป็นทั้งหน้าที่ และความรับผิดชอบของตน ร่วมกับธปท. ที่เราจะต้องทำงานร่วมกันเพื่อผลักดันให้เครื่องจักรสองเครื่องทั้งนโยบายการคลัง และนโยบายการเงินให้สอดคล้อง และเดินไปในทิศทางเดียวกัน แต่ก่อนจะเดินทางได้เราต้องตกผลึก และทำความเข้าใจก่อนว่าปัญหาที่แท้จริงคืออะไร

เมื่อถามว่า หากมีโอกาสจะพูดคุยกับ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าธปท.หรือไม่ นายพิชัย กล่าวว่า แน่นอน เป็นหน้าที่ที่ต้องพูดคุยอยู่แล้ว

เมื่อถามว่า มองเป็นเรื่องยากหรือไม่ที่จะพูดคุยกับผู้ว่าธปท. นายพิชัย กล่าวว่า ตนเชื่อว่าผู้ว่าธปท. จะคุยด้วยข้อเท็จจริงและเหตุผล ประกอบกับในอดีตตนเคยสัมผัสกันอยู่แล้วบ้างในช่วงที่ทำงานด้านการธนาคาร ฉะนั้น จึงคิดว่าจะพูดคุยกัน และไปในทิศทางที่ใกล้เคียงกันได้

เมื่อถามถึงกระแสข่าวการแก้ไขกฎหมายให้ธปท. อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาล นายพิชัย กล่าวว่า ตนมองว่าเรื่องนี้มาดูกันอีกทีดีกว่าว่าใช่ปัญหาหรือไม่

เมื่อถามถึงกระแสต่อต้านเนื่องจากมองว่าธปท.ควรเป็นอิสระ นายพิชัย กล่าวว่า ก็เป็นธรรมชาติ และทุกคนต้องมีความเห็นต่าง แต่ถ้าคุยกันแล้วตกผลึกได้ ตนก็เชื่อว่าความเห็นต่างก็จะค่อย ๆ แคบลง และนำมาซึ่งข้อสรุปที่ดี

เมื่อถามว่า ในฐานะเป็นรองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจมองว่าธปท. ควรอยู่ภายใต้กำกับของรัฐบาลหรือเป็นอิสระ นายพิชัย กล่าวว่า จริง ๆ ท่านก็อิสระอยู่แล้วในเรื่องนโยบายการเงิน ซึ่งตนมองว่าความอิสระนั้นก็มีมาตลอด และสามารถกำหนด และตัดสินได้ด้วยวิจารณญาณ รวมถึงคนที่เข้ามาร่วมกันตัดสินนโยบาย ซึ่งทั้งหมดก็ต้องเป็นไปเพื่อสนับสนุนนโยบายภาครัฐ

เมื่อถามว่า เมื่อเข้ามาเป็นรมว.คลัง ปัญหาที่นายกฯ และพรรคเพื่อไทยพูดถึงจะหมดไปหรือไม่ นายพิชัย กล่าวว่า ตนยังไม่ขอตอบ ขอให้ได้หารือกับท่านก่อน ส่วนจะมีโปรเจกต์อื่น ๆ มาดูแลประชาชนในช่วงนี้หรือไม่นั้น ก็จะเป็นเรื่องคู่ขนานในการที่เราจะหาเครื่องมือมาผลักดันขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่พร้อมกับแก้ปัญหาเดิม ซึ่งคนร่วมผลักดันจริง ๆ คือประชาชนจริง และหน่วยงานทั้งหมด ฉะนั้น หากเราแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ก็จะมีแรงขับเคลื่อน ก็น่าจะเป็นวิถีทางที่ดีที่สุด


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top