Monday, 9 June 2025
TheStatesTimes

'หนุ่ม กรรชัย' ลุยฟ้องอาจารย์ชื่อดัง อ้างถูกแซะ-แขวนประจาน ด้าน ‘อ.อ๊อด’ ออกโรงโต้ สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร

เมื่อวานนี้ 30 ส.ค. 66 หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย พิธีกรชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ‘หนุ่ม กรรชัย’ โดยระบุว่า…

สวัสดีครับ ผม กรรชัยเองครับ

ตั้งแต่ตุลาคมปีที่แล้วจนเกือบตุลาคมในปีนี้ เป็นเวลาเกือบหนึ่งปีเต็มที่ผมต้องทนให้บุคคลท่านหนึ่งซึ่งเป็นถึงอาจารย์ ด่าทอวิพากษ์วิจารณ์ แซะ แขวนประจานผมมาโดยตลอด และตลอดเวลาที่ผ่านมาผมไม่เคยพูด ไม่เคยตอบโต้อะไรเลย เพราะผมถือว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นเรื่องของวุฒิภาวะที่ควรจะมี สุดท้ายผมจึงต้องพึ่งกระบวนการทางกฎหมายในการพิสูจน์ว่าตัวผมไม่ได้เป็นอย่างที่เค้าพูด โดยการนำเรื่องฟ้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ว่า ผมได้ถูกหมิ่นประมาทว่าเป็นมาเฟีย เป็นผู้ชักจูงสังคมไปในทางที่ผิด เป็นคนไม่ดีสร้างเรื่องในสังคมให้เละเทะ

และบอกว่าผมเป็นหนึ่งในกลุ่มตัวตึงในการตบทรัพย์ชาวบ้าน ซึ่งทั้งหมดไม่เป็นความจริงเลย และในช่วงเวลาที่ผ่านมาผมได้รับการติดต่อจากคนรอบข้างว่าอาจารย์ท่านนั้นอยากจะขอโทษผม และจะโทรหาผมเพื่อขอโทษด้วยตัวเอง แต่สุดท้ายก็ไม่โทรมา แถมไม่เกินสองวัน อาจารย์ท่านนั้นกลับลงด่าทอผมอีก และยังได้ส่งเรื่องไปร้องเรียนที่ช่องสามว่าผมเป็นคนไม่มีจรรยาบรรณ และ ได้มีการลงแซะ รวมถึงหมิ่นผมใน Facebook ของตนเองเกือบทุกวัน ซึ่งทำแบบนี้ซ้ำ ๆ อยู่ตลอดมา

....วันนี้ที่ผมมาโพสต์เรื่องนี้เพราะอยากจะแจ้งว่า ตามที่ผมได้พึ่งกระบวนการทางกฎหมายในการฟ้องต่อศาลเพื่อพิทักษ์สิทธิตัวเอง ซึ่งในวันนี้คดีที่ผมฟ้องมีมูลนะครับ และศาลท่านได้รับไว้ในชั้นพิจารณาเรียบร้อยครับ ซึ่งทางเค้าเองก็มีสิทธิ์ที่จะต่อสู้คดีต่อไปนะครับ และผมอยากฝากถึงเค้าด้วยว่า นับจากวินาทีนี้ไปอย่าได้แขวะ แซะ หรือแม้กระทั่งวิพากษ์วิจารณ์ผมโดยทางตรงหรือทางอ้อมอีกเด็ดขาด เพราะทั้งหมดจะมีผลทางคดีทันที รวมถึงผมและทีมกฎหมายอาจจะพิจารณาในการฟ้องเพิ่มครับ ขอบคุณครับ

ปล.อยากฝากอีกนิดครับ การวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริตใจในฐานะที่ผมเป็นคนสาธารณะ กับ การหมิ่นประมาท มันต่างกันนะครับ ควรใช้วุฒิภาวะ และ สามัญสำนึกทางด้านความคิด แยกแยะให้ถูกนะครับ

ต่อมาวันที่ 31 ส.ค. 66 อาจารย์อ๊อด หรือ รศ. ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Weerachai Phutdhawong ระบุว่า..

สวัสดีครับผมอาจารย์อ๊อดนะครับ

ผมอยากให้ศาลประทับรับฟ้องเพื่อจะได้พิสูจน์กันในชั้นศาลและเวลานี้ก็มาถึงแล้ว เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายเอาพยานหลักฐานมาพิสูจน์กันในชั้นพิจารณาคดี

ผมไม่เคยคิดจะฟ้องดาราหนุ่มคนนี้เลย ตั้งแต่ต้น ผมพยายามตั้งรับ ซึ่งเขาฟ้องมาสองคดี และแจ้งความอีกห้าคดี 

ผมจะพิสูจน์ให้ศาลรู้ว่าความจริงเป็นอย่างไรและเมื่อขั้นตอนของดาราหนุ่มคนนี้เสร็จสิ้น ก็จะเป็นตาของผม บ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเบิกความเท็จ แกล้งให้คนอื่นได้รับโทษ ฟ้องเท็จก็ว่ากันไปนะครับ 

ใครอยากรู้ว่าต้นตอของเรื่องนี้เกิดจากอะไรให้ไปดูข่าวเที่ยงช่องสามวันที่ 19 มกราคม 2566 และต้นเรื่อง 25 ต.ค. 2565

สงครามยังไม่จบอย่าพึ่งนับศพทหาร 

รัก
อ.อ๊อด

‘Country Garden’ ยักษ์อสังหาจีนส่อวิกฤต หลังครึ่งปีขาดทุน 2.3 แสนลบ. อาจผิดนัดชำระหนี้

Country Garden Holdings Co. เตือน อาจผิดนัดชำระหนี้ และอยู่ในธุรกิจต่อไปยาก เพราะครึ่งปีแรกของปี 2566 ขาดทุน เกือบ 7 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.31 แสนล้านบาท) หวั่นเสียหายหนักกว่า China Evergrande Group 

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานวันนี้ (31 ส.ค.) Country Garden Holdings Co. ออกมาเตือนว่า อาจผิดนัดชำระหนี้ และกล่าวถึงความกังวลในความสามารถของการอยู่ในธุรกิจต่อไป หลังจากรายงานการขาดทุนมากเป็นประวัติการณ์ที่เกือบ 7 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.31 แสนล้านบาท) ในครึ่งปีแรกของปี 2566

โดย ผู้บริหารของ Country Garden กล่าวว่า หากผลการดำเนินงานทางการเงินของบริษัทยังคงตกต่ำลง กลุ่มบริษัทอาจไม่สามารถชำระมูลหนี้ทั้งหมดได้ “ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการผิดนัดชำระหนี้” ตามเอกสารที่ยื่นเมื่อวันพุธ 

พร้อมเสริมว่า “ความไม่แน่นอนที่มีนัยสำคัญ” หรือ Material Uncertainties ที่อาจก่อให้เกิด “การตั้งคำถามเกี่ยวกับความสามารถของกลุ่มในการดำเนินธุรกิจต่อไปในอนาคต”

ด้านบทวิเคราะห์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ระบุว่า คำเตือนดังกล่าวเน้นย้ำว่า วิกฤตอสังหาริมทรัพย์ของจีนที่ทวีความรุนแรงขึ้น และส่งผลกระทบต่อบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่หลายแห่ง 

โดย Country Garden ครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดของประเทศ หากประเมินตามยอดขาย ทว่ากลับประสบปัญหาหนี้สินที่อาจเลวร้ายกว่าคู่แข่งอย่าง China Evergrande Group เนื่องจากมีโครงการอสังหาริมทรัพย์มากกว่า 4 เท่า

‘มิว นิษฐา’ แจ้งข่าวดีกำลังตั้งท้องลูกคนที่ 2 พร้อมโชว์ภาพน่ารัก ‘น้องมาริน’ เดินจุ๊บท้อง

(31 ส.ค. 66) ถือว่าเป็นอีกหนึ่งข่าวดีที่ทำให้หลายคนอดอมยิ้มและดีใจตาม สำหรับสาว ‘มิว นิษฐา คูหาเปรมกิจ’ ที่ล่าสุดเจ้าตัวออกมาประกาศข่าวดีว่ากำลังตั้งท้องลูกคนที่ 2 แล้ว

โดย ‘มิว นิษฐา’ ได้โพสต์คลิปลูกสาว ‘น้องมาริน’ เดินไปจุ๊บท้องน้อย ๆ พร้อมแคปชันอิโมจิภาพครอบครัวพ่อแม่ลูกแล้วเครื่องหมายบวกเด็กน้อยเพิ่มอีกคน

งานนี้ก็มีเหล่าบรรดาเพื่อน ๆ ในวงการบันเทิงและแฟนคลับแห่เข้ามาร่วมแสดงความยินดีกับว่าที่คุณแม่ลูกสองกันเป็นจำนวนมาก

‘EA’ คว้ารางวัลใหญ่ ‘Corporate Excellence Award’ จาก ‘APEA 2023’ ตอกย้ำ ‘ผู้นำนวัตกรรมพลังงานสะอาด’

EA ผู้นำนวัตกรรมพลังงานสะอาด คว้ารางวัลใหญ่ ‘Corporate Excellence’ Category-Energy ในเวทีระดับสากล Asia Pacific Enterprise Awards (APEA) แห่งปี 2023 เชิดชูเกียรติกลุ่มพลังงานบริสุทธิ์ ในฐานะองค์กรที่เป็นเลิศด้านการบริหารงานและสร้างการเติบโตทางธุรกิจด้วยนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง จัดโดย Enterprise Asia Enterprise Asia ซึ่งได้คัดเลือกองค์กรที่มีผลงานดีเด่นในการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืนทั่วภูมิภาคเอเชีย

นายวสุ กลมเกลี้ยง Executive Vice President บริษัทพลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า EA มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้านพลังงานสะอาด ควบคู่ไปกับการรับผิดชอบสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยรางวัล Corporate Excellence Award APEA 2023 เป็นอีกหนึ่งรางวัล สะท้อนถึงการที่บริษัทฯ มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการบริหารจัดการองค์กรที่ดีเลิศ มีพัฒนาองค์กรการเติบโตที่มั่นคงแข็งแกร่งและยั่งยืน การันตีความสำเร็จของกลุ่ม EA จากการขับเคลื่อนองค์กรด้วยการนำเทคโนโลยีพัฒนานวัตกรรมด้วยฝีมือคนไทยในด้านพลังงานสะอาด สู่เวทีระดับสากล

โดยความสำเร็จที่เกิดขึ้น มีรากฐานจากกลยุทธ์การบริหารธุรกิจแบบ ‘Green Produt’ เพื่อประโยชน์ต่อสังคมที่ยั่งยืน โดยครอบคลุมในทุกมิติด้านพลังงานสะอาด ทั้งธุรกิจพลังงานทดแทน ที่มีการวิจัยและพัฒนาสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลผลิตปาล์มน้ำมันสู่ผลิตภัณฑ์ Biodiesel, Glycerin, Green Diesel และ Bio-PCM ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน โรงไฟฟ้าที่ได้จากพลังงานจากลม (Wind) และแสงอาทิตย์ (Solar) กำลังการผลิต 664 เมกะวัตต์ (MW) ธุรกิจผลิตแบตเตอรี่และยานยนต์ไฟฟ้า ธุรกิจที่จะยกระดับนวัตกรรมฝีมือถือคนไทยสู่ระดับนานาชาติ 

โดย EA มุ่งมั่นสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าที่ครบวงจร โดยมีโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน อมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) กำลังผลิตเริ่มต้น 1 กิกะวัตต์ชั่วโมง (GWh) ที่มีกำลังการผลิตขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ต่อยอดสู่ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ครบวงจรกำลังผลิตสูงสุดที่ 9,000 คันต่อปี อีกทั้งธุรกิจสถานีอัดประจุไฟฟ้า EA Anywhere มีสถานีชาร์จไฟฟ้าให้บริการทั่วประเทศกว่า 500 สถานี หรือกว่า 2,500 หัวชาร์จ ทั้งยังมีอาคารจอดรถ ‘รามาธิบดี-พลังงานบริสุทธิ์’ อาคารต้นแบบด้านการจัดการพลังงานสำหรับการชาร์จแห่งแรก ที่มีหัวชาร์จมากที่สุดในภูมิภาคอาเซียน

นอกจากนี้ EA ยังเดินหน้าพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์อย่างต่อเนื่อง ทั้งหัวรถจักรไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ (EV on Train) ซึ่งสามารถเพิ่มตู้แบตเตอรี่แยก (Power Car)  เพิ่มระยะทางการวิ่งรวมแบตเตอรี่ขนาด 4.1 MWh วิ่งได้ระยะกว่า 300 กิโลเมตรต่อการชาร์จ พร้อมมีการพัฒนาสถานีชาร์จขนาดใหญ่แห่งแรกของโลก 

“EA พร้อมจะขับเคลื่อนประเทศด้วยนวัตกรรม สร้าง Champion Product : Commercial EV ยกระดับขนส่งสาธารณะให้มีความสะดวก สบายและทันสมัย ทั้ง รถ-เรือ-ราง ที่ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะ และด้วยกลยุทธ์บริหารธุรกิจ EA Ecosystem จะเป็นกุญแจสำคัญให้อุตสาหกรรมใหม่ New S-Curve ได้เติบโตพร้อมกับการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานสะอาด สร้างโอกาสพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมให้ประเทศ ด้วยผลงานนวัตกรรมฝีมือคนไทยที่ภาคภูมิใจ” นายวสุกล่าวทิ้งท้าย

กองทัพทหาร บุกยึดอำนาจ ‘อาลี บองโก ออนดิมบา’ หลังคว้าชัยเลือกตั้งใหญ่ ล้มอำนาจผู้นำ 3 สมัยแห่งกาบอง

คลื่นกระแสการรัฐประหารในทวีปแอฟริกา ยังคงร้อนแรงต่อเนื่อง ล่าสุด กองทหารระดับสูงแห่งกาบอง ได้ประกาศผ่านช่อง Gabon 24 เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 66 แถลงข่าวยึดอำนาจประธานาธิบดี ‘อาลี บองโก ออนดิมบา’ ผู้นำกาบอง 3 สมัย หลังจากเพิ่งคว้าชัยจากการเลือกตั้งใหญ่ เมื่อวันที่ 26 ส.ค. ที่ผ่านมา ด้วยคะแนนเสียงขาดลอยถึง 63.4%

นับเป็นการเลือกตั้งที่มีเสียงวิพากษ์ วิจารณ์อย่างรุนแรงจากพรรคฝ่ายค้าน และชาวกาบอง ถึงความไม่โปร่งใส และทุจริต

แต่ทันทีที่คณะกรรมการการเลือกตั้งของกาบองได้รับรองผลการนับคะแนน และประกาศให้ ประธานาธิบดี อาลี บองโก ผู้นำคนปัจจุบัน เป็นผู้ชนะได้เพียงไม่กี่ชั่วโมง ก็มีกลุ่มกองทหารบุกยึดสถานีโทรทัศน์พร้อมออกแถลงการณ์ว่า “ได้ยึดอำนาจ ประธานาธิบดี อาลี บองโก แล้ว” โดยอ้างว่า “การเลือกตั้งที่ผ่านมาขาดความน่าเชื่อถือ จึงเป็นเหตุให้คณะทหาร ซึ่งเป็นตัวแทนของกองทัพที่หน้าที่ดูแลความมั่นคง และป้องกันประเทศ จำเป็นต้องยึดอำนาจรัฐบาล ให้ผลการเลือกตั้งเป็นโมฆะ และยุบสถาบันฝ่ายบริหารทั้งหมดในกาบอง”

ล่าสุด มีรายงานว่ามีการปิดพรมแดนของประเทศกาบอง และมีเสียงปืนดังขึ้นที่กลางกรุงลีเบรอวิล เมืองหลวงของกาบอง ตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้

นับเป็นการรัฐประหารครั้งที่ 8 ในระยะเวลาเพียง 3 ปี ที่เกิดขึ้นในทวีปแอฟริกา โดยเฉพาะในโซนภูมิภาคซาเฮล และประเทศใกล้เคียงอย่างกาบอง ที่ส่วนมากเป็นประเทศที่เคยเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศสมาก่อน

และหากรัฐประหารครั้งนี้สำเร็จ จะเป็นการสิ้นสุดการปกครองของตระกูลบองโก ที่ครองอำนาจในกาบองมานานถึง 56 ปี โดยประธานาธิบดี อาลี บองโก ผู้นำคนปัจจุบันที่ถูกรัฐประหารในวันนี้ ดำรงตำแหน่งมาแล้วถึง 14 ปี และสืบทอดอำนาจต่อจาก ‘โอมาร์ บองโก ออนดิมบา’ อดีตประธานาธิบดีคนก่อนหน้า ซึ่งเป็นพ่อของเขาเอง

ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดี อาลี บองโก เคยเกือบถูกรัฐประหารมาแล้ว เมื่อวันที่ เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2562 โดยกองทหารกลุ่มหนึ่งบุกยึดสถานีวิทยุแห่งชาติ ณ ใจกลางกรุงลีเบรอวิล ประกาศยึดอำนาจรัฐบาล ในขณะที่ อาลี บองโก ยังพักรักษาตัวจากอาการโรคหลอดเลือดสมองในประเทศโมร็อกโก แต่ครั้งนั้นทำการไม่สำเร็จ

แต่หากรัฐประหารในวันนี้ของกาบอง สามารถโค่นล้ม อาลี บองโก ผู้นำ 3 สมัยลงได้ ทวีปแอฟริกาคงสั่นสะเทือนแรงอีกครั้ง หลังจากเกิดรัฐประหารล่าสุดที่ไนเจอร์ ที่จะส่งผลต่อดุลอำนาจในภูมิภาคอย่างมาก

เนื่องจาก กาบองเป็นอีกหนึ่งชาติที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับฝรั่งเศส และในด้านทรัพยากร ก็ยังเป็นประเทศที่อุดมไปด้วยก๊าซธรรมชาติ แร่แมงกานีส และป่าไม้  อีกทั้งยังสะท้อนปัญหาการเมืองในหลายประเทศของแอฟริกา ที่สถาบันรัฐยังเปราะบาง สุ่มเสี่ยงต่อการถูกโค่นล้มจากคลื่นกระแสรัฐประหารในแอฟริกา เชื่อว่าจะไม่จบลงที่กาบองอย่างแน่นอน

เรื่อง : ยีนส์ อรุณรัตน์

‘หนุ่ม กรรชัย’ ซัดดรามา ‘ปังชา’ แนะ บางเรื่องควรปล่อยไปบ้าง พร้อมย้อนตำนาน ‘ไอซ์มอนสเตอร์’ ลั่น!! ผมคือเจ้าแรกในไทย

กรณีดรามาร้อนจนแฮชแท็ก #ปังชา ขึ้นเทรนด์ข้ามวันข้ามคืน หลังมีข่าวร้านดังยื่นฟ้องร้านค้ารายย่อยที่ใช้ชื่อว่า ‘ปังชา’ ว่าเป็นการละเมิดเครื่องหมายการค้า พร้อมฟ้องเรียกค่าเสียหาย 102 ล้านบาท

ล่าสุด ‘หนุ่ม กรรชัย’ ได้พูดในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ว่า…

“ปังชา มีรากมาจากร้านไอซ์มอนสเตอร์ของผมนี่แหละ เพราะผมเป็นเจ้าแรกในประเทศไทยที่นำเข้าน้ำแข็งไสเกล็ดหิมะไสละเอียดแบบนี้เข้ามา ผมไปซื้อสิทธิบัตรมาจากประเทศฟิลิปปินส์ ชื่อว่า ‘ไอซ์มอนสเตอร์’ (Ice Monster)”

“ปรากฏว่าผมเปิดร้านได้ราว 3 เดือน ร้านไอซ์มอนเตอร์ของผมก็โดนฟ้องจากร้านชื่อ ‘มอนสเตอร์ไอศกรีม’ เพราะทางนั้นไปจดคำว่า ‘มอนสเตอร์’ ไว้เป็นภาษาอังกฤษ โดยห้ามใช้คำว่า ‘Monster’ ขายน้ำแข็งไส ไอศกรีม ขายน้ำดื่ม ตอนนั้นโลโก้มีความคล้ายกัน ทางฝ่ายคู่กรณีเรียกค่าเสียหายมาเยอะมาก และบอกให้ผมฉีกถ้วยทิ้งด้วย”

“สุดท้าย ผมเลยให้น้องสาวของผมไปขอซื้อลิขสิทธิ์คำว่า ‘Monster’ มาถือไว้เอง แล้วปล่อยให้ทุกคนสามารถเอาไปใช้ได้”

“คือผมไม่ได้จะมาโอ้อวดว่าผมใจใหญ่อะไร แต่ผมมองว่าเรื่องแบบนี้ บางอย่างเราก็ต้องปล่อยไปบ้าง” หนุ่ม กรรชัย กล่าวทิ้งท้าย

สำหรับแบรนด์แฟรนไชส์ ‘ไอซ์มอนสเตอร์’ (Ice Monster) เปิดในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2549 เรียกว่าเป็นน้ำแข็งไสในตำนานเจ้าแรกในเมืองไทย ความแปลกใหม่คือเป็นน้ำแข็งที่ป่นละเอียดมากๆ เหมือนเกล็ดหิมะ ท็อปปิ้งด้วยผลไม้ตามฤดูกาล และน้ำเชื่อมก็เป็นสูตรเฉพาะที่ได้ลิขสิทธิ์จากฟิลิปปินส์

แต่ต่อมา ‘หนุ่ม กรรชัย’ ได้ถูกคนที่ร่วมเป็นหุ้นส่วนถอดชื่อออกจากการเป็นหุ้นส่วนโดยไม่ได้บอกกล่าว จนกลายเป็นคดีฟ้องร้องกันครั้งใหญ่

อย่างไรก็ตาม ชาวเน็ตต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า อยากให้หนุ่ม กรรชัย นำไอซ์มอนสเตอร์ กลับมาขายอีกครั้ง

'จับคาด่าน' ฉก.ทัพเจ้าตากร่วมกับตำรวจ สภ.แม่จัน ยึดยาบ้า 191,000 เม็ดคาด่านกิ่วทัพยั้ง

เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2566ที่ผ่านมา เวลา 00.15 นาฬิกา หน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก กองกำลังผาเมือง โดย หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 31 จัดกำลังพล ร่วมกับ ชุดสุนัขทหารที่ 6 หมวดสุนัขทหาร กองกำลังผาเมือง, กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 327 

และ สถานีตำรวจภูธรแม่จัน ทำการตั้งจุดตรวจเพื่อป้องกัน และสกัดกั้นการกระทำผิดกฎหมาย บริเวณ ด่านตรวจกิ่วทัพยั้ง บ้านปงตอง ตำบลแม่จัน อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย ตรวจพบและจับกุมผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติด จำนวน 3 คน พร้อมของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 31 ห่อๆ ละ  6,000 เม็ด และ ห่อละ 5,000 เม็ด อีก 1 ห่อ รวมยาบ้าจำนวนทั้งสิ้น 191,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ภายในรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ โตโยต้า รุ่น ไท

เกอร์ สีบอร์นทอง หมายเลขทะเบียน กจ 6838 สุโขทัย และ รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ อีซูซุ รุ่น ดีแม็กซ์ สีเทา หมายเลขทะเบียนป้ายแดง ก 4298 พิษณุโลก (รถนำขบวนยาเสพติด) หน่วยจึงได้นำตัวผู้ต้องหา และของกลาง ส่งให้สถานีตำรวจภูธรแม่จัน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

‘บิ๊กป้อม’ ต้อนรับ ‘รองประธาน อลป.จีน’ หารือยกระดับด้านกีฬา ส่งเสริมความร่วมมือ-เชื่อมสัมพันธ์ระหว่าง ‘ไทย-จีน’ อย่างยั่งยืน

(31 ส.ค. 66) ที่บ้านอัมพวัน คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ รอง โฆษก คณะกรรมการ โอลิมปิกฯ เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี / ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ ได้ให้การต้อนรับ ‘นายหวัง รุ่ยเหลียน’ (Mr.Wang Ruilian) รองประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งสาธารณรัฐ ประชาชนจีน และคณะ ในโอกาสที่เดินทางมาเข้าร่วมประชุม รัฐมนตรีอาเซียน - สาธารณรัฐประชาชนจีน ในด้านกีฬา

พล.อ.ประวิตร ได้ให้การต้อนรับพร้อมกล่าวขอบคุณนายหวัง รุ่ยเหลียน และคณะทุกท่าน ที่ให้เกียรติมาเข้าพบในวันนี้  ซึ่งประเทศไทยกับจีนมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน มาอย่างยาวนาน ในทุกระดับ รวมทั้งประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ ที่มีความรักความผูกพันกันอย่างแน่นแฟ้น ทั้งด้านการค้า วัฒนธรรม ประเพณี และอื่นๆ รวมถึงด้านการกีฬาด้วย

ซึ่งในโอกาสที่จีนจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ณ นครหางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่าง 23 ก.ย.- 8 ต.ค. 66 โดยมีนักกีฬาของไทยหลายประเภท เข้าร่วมการแข่งขันด้วย ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวอวยพรขอให้จีนประสบความสำเร็จ ในการจัดการแข่งขันด้วยดี

นายหวัง รุ่ยเหลียน ได้กล่าวขอบคุณ พล.อ.ประวิตร ที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ในวันนี้ และยืนยันความสัมพันธ์อันดีที่มีมาอย่างมั่นคงของทั้ง 2 ประเทศ ที่ผ่านมา พร้อมทั้งได้กล่าวเรียนเชิญ พล.อ.ประวิตร และคณะ เพื่อเป็นเกียรติเข้าร่วมพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ณ นครหางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีนด้วย

ต่อจากนั้นทั้งสองฝ่าย ยังได้หารือความร่วมมือทางด้านกีฬา เพื่อส่งเสริมการกีฬาของทั้ง 2 ประเทศ ให้มีการพัฒนาร่วมกัน และนำไปสู่ความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศให้มากยิ่งขึ้นต่อไปด้วย พร้อมกล่าวยินดีต้อนรับ และสนับสนุนนักกีฬา และเจ้าหน้าที่ของไทยอย่างเต็มที่ ในการเข้าร่วมแข่งขันครั้งนี้ ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ ทั้ง 2 ฝ่ายได้มอบของที่ระลึกระหว่างกัน ก่อน รองประธาน คณะกรรมการโอลิมปิกฯ ของจีน พร้อมคณะจะเดินทางกลับ สำหรับ พล.อ.ประวิตร ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโอลิมปิกฯของไทย ต่อเนื่องทันที

‘เจ้าของร้านปังชา’ ยอมรับ สื่อสารผิดพลาด ไม่มีเจตนาเรียกเก็บเงิน ยัน!! ‘ปังชา’ ใคร ๆ ก็ใช้ได้

จากกรณี ‘ร้านอาหารชื่อดัง’ ของไทยแห่งหนึ่ง ซึ่งมีเมนูขึ้นชื่อคือ ‘ปังชาเย็น’ เปิดเผยข่าวสำคัญว่าแบรนด์ได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้า (Trademark) ชื่อเมนูดังกล่าวทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษเรียบร้อยแล้ว พร้อมอ้างอิงพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534

นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำว่า ร้านสงวนสิทธิห้ามลอกเลียนแบบ ทำซ้ำ ดัดแปลง แก้ไข รวมทั้งห้ามนำชื่อแบรนด์ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษไปใช้เป็นชื่อร้าน หรือใช้เป็นชื่อสินค้าเพื่อจำหน่าย พร้อมกันนี้ยังแนบรายละเอียดกฎหมายโดยอ้างอิงข้อมูลจากกระทรวงยุติธรรม ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คุณแก้ม เจ้าของร้านลูกไก่ทอง เจ้าของตำรับปังชา ได้เปิดใจผ่านรายการ ‘เที่ยงวันทันเหตุการณ์’ ของ หนุ่ม กรรชัย ถึงประเด็นดังกล่าว ว่า ตนขออนุญาต กราบขอโทษ ตอนนี้เศร้ามาก ที่ทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนในการสื่อสารของทางร้าน ทั้งหมดเป็นความคลาดเคลื่อนที่ทำให้เกิดกระแสสังคม

คุณแก้ม กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ขอโทษร้านที่เชียงราย และร้านที่หาดใหญ่มาก ๆ หากมีโอกาส จะไปขอโทษด้วยตนเอง วันนี้ขอโทษประชาชนทั้งหมด ที่เกิดจากความคลาดเคลื่อนในการสื่อสารของทางเรา จนนำไปสู่เหตุการณ์ทุกวันนี้

เรื่องราวเกิดจากที่เพจร้านโพสต์เรื่องลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร แต่เราใส่ข้อความ แต่ไม่ได้อธิบายอย่างชัดเจน และการใส่ข้อความเป็นการสื่อสารที่ผิด ไม่อธิบาย และให้ความรู้อย่างครบถ้วน เมื่อถูกแชร์ออกไปจึงทำให้เกิดความเข้าใจผิด

หนุ่ม กรรชัย ถามว่า ใจดำไปหรือไม่ กับสิ่งที่คุณไปฟ้องชาวบ้านชาวช่อง 102 ล้าน หรือ 7 แสน ทำให้เขาลำบาก คุณแก้ม กล่าวว่า ทั้งหมดที่ออกโนติสไป ไม่มีเจตนาที่จะฟ้องไป และไม่สามารถที่จะฟ้องร้องเขาได้ ทั้งหมดที่เขียนไปในโนติสที่ถูกเขียนไป 102 ล้าน เรื่องเครื่องหมายการค้า เพราะเราดูแบบมาจากต่างประเทศ ที่ให้ความสำคัญกับเครื่องหมายการค้า ซึ่งเครื่องหมายแต่ละอันมันวัดค่าไม่ได้ และที่ผ่านมาจะเห็นเคส แบรนด์ไทยถูกต่างชาติเอาไปใช้ได้ จึงกลัวต่างชาติเอาไปใช้ได้

หนุ่ม กรรชัย ถามต่อว่า ที่กลัวต่างชาติเอาไปใช้ เข้าใจได้ แต่สิ่งที่คุณทำคือไปยื่นโนติสฟ้องคนไทย มันจำเป็นขนาดนั้นเลยหรือ คุณแก้ม กล่วาว่า เป็นความผิดพลาดของทางเราโดยตรง ซึ่งได้มีการคุยกับฝ่ายกฎหมายแล้ว โดยการรับการสื่อสารที่คลาดเคลื่อน และเข้าใจผิดทั้ง 2 ฝ่าย แต่ยืนยันว่าไม่มีเจตนาที่ฟ้องร้อง

หนุ่ม กรรชัยถามว่า ตกลงว่าปังชา ใช้ได้หรือไม่ คุณแก้ม กล่าวว่า ปังชา ใช้ได้ ทุกคนใช้ได้ ไม่ได้จองเป็นของคนเดียว ปังชา ปังเย็น น้ำแข็งไส ใช้ได้เลย และจะไม่มีการไปยื่นโนติสแล้ว

จากความผิดพลาดตรงนี้เราได้คุยกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา และได้รับข้อมูลที่ชัดเจนร่วมกัน ส่วนภาชนะถ้ามีคนใช้แล้วมันคล้ายกัน จะวัดกันตรงไหนนั้น ขึ้นอยู่ที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาพิจารณา ตนไม่ทราบรายละเอียดตรงนี้

ทั้งนี้ หนุ่ม กรรชัย สรุปเรื่องที่เกิดขึ้นไว้ว่า คำว่าปังชา คนไทยทุกคนสามารถใช้ได้ การที่ไปจดนั้น เป็นโลโก้ เครื่องหมายการค้า ปังชา เป็นตัวเขียน เป็นตัวหนังสือใช่หรือไม่ คุณแก้ม กล่าวว่า เครื่องหมายการค้าของคนคือ ภาพผู้หญิงไทยและมีตัวถ้วย อีกอันหนึ่งคือ PANG CHA ซึ่งอ่านว่าปังชา

หนุ่ม กรรชัย ถามว่า เมื่อปังชา ภาษาไทยใช้ได้ แล้วชื่อ PANG CHA ภาษาอังกฤษได้หรือไม่ คุณแก้ม กล่าวว่า ใช้ได้ ถ้าไม่ก่อให้เกิดความสับสน ซึ่งอันนี้ต้องให้กรมทรัพย์สินทางปัญญามาอธิบายให้ชัดเจน

หนุ่ม กรรชัย ได้พูดเรื่องเครื่องหมายการค้า ตอนหนึ่งว่า ในส่วนของผม เคยเจอกรณีนี้ คือ เคยโดนคำว่า MONSTER ซึ่งเขาไม่ได้จดคำว่า MONSTER ซึ่งเป็นคำธรรมดาสามัญ แต่เค้าจดว่ารูปตัวอักษรนี้ คือ เครื่องหมายการค้า คือ โลโก้ของเขา แล้วเค้าเอามาฟ้องผม ซึ่งในวันนั้น ผมได้ซื้อมาเก็บไว้ คนอื่นมาใช้ผมก็ไม่ได้ไปฟ้องเขานะ

ท้ายสุด คุณแก้ม ได้เปิดใจอีกครั้งว่า “ขอโทษมาก ๆ ตอนนี้แก้มแย่มาก ๆ ขอโทษที่สุด ขอโทษทุกคน เราไม่เคยจับจองอะไรเป็นของเรา ขอให้ทุกคนให้โอกาส และให้อภัยในทุก ๆ สิ่งของทางแบรนด์ด้วย หากมีสิ่งใดทำให้ทุกคนเสียใจ ผิดหวัง วันนี้น้อมรับ กราบขอโทษ และขอโอกาส”

‘แต้ว ณฐพร’ เปิดใจ!! กำลังฝึกใช้ชีวิตแบบ ‘คนชิล’ เผย!! ที่ผ่านมาจริงจังกับทุกเรื่องจนกดดันตัวเอง

นางเอกสาว แต้ว ณฐพร เตมีรักษ์ เปิดใจในรายการ WOODY FM อัปเดตชีวิตการเป็นนางเอกที่ต้องเป็นเพอร์เฟ็กชันนิสต์ จนกลายเป็นคนที่จริงจังกับทุกเรื่อง และเรื่องความรัก 3 ปี มีแพลนแต่งงานหรือไม่? พร้อมเผยคิดอยากมีทายาทเป็นลูกชาย

>> พี่เห็นคุณในหลากหลายเวอร์ชันมาก รู้สึกว่าแต้วชอบหาอะไรก็ตามที่จะได้พัฒนาตัวเอง ถ้าตัดเรื่องการแสดงออกไปตอนนี้จริงจังเรื่องอะไร?

แต้ว : อินมาก ๆ ก็เรื่องออกกำลังกายค่ะ เมื่อก่อนก็ออกเรื่อย ๆ แต่ตอนนี้ก็จะเซ็ตเป้าหมายไว้นิดหนึ่งว่าเราอยากปั้นก้น (หัวเราะ) แล้วก็กำลังจริงจังกับการที่จะไม่เป็นคนจริงจัง รู้สึกว่าทุกอย่างมันไม่ต้องจริงจังไปซะทุกเรื่องก็ได้ แบบใช้ชีวิตมาตลอดเป็นคนชิลล์ไม่เป็นเท่าไหร่ ก็เลยอยากจะสัมผัสตัวเองในเวอร์ชันนั้นบ้าง

>>เวลาเรามองแต้วด้วยบทบาทของการเป็นนางเอก แล้วบางทีคนก็ยังตีกรอบ รู้สึกยังไงกับเรื่องนี้บ้าง ?

แต้ว : เอาจริง ๆ ไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นนางเอกอะไรอย่างงั้นเลย แต่เพราะว่าความคิดที่ทำให้แต้วรู้สึกว่ามันยังเป็นอุปสรรค คือมันเป็นชุดความคิดที่รู้สึกว่าเราต้องดีในทุก ๆ อย่าง แล้วมันเหมือนมีความแอบกดดันตัวเองอยู่ ก็เลยน่าจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกอยากเป็นเพอร์เฟ็กชันนิสต์ด้วยเหมือนกันประมาณหนึ่ง แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นทางออกแต้วก็คือเวลาที่เป็นไลฟ์สไตล์ของแต้วเองก็เลยทำให้รู้สึกว่าอยากตามใจตัวเอง อยากแต่งตัวแบบนี้ อยากทำอะไร เป็นทางออกที่อยากจะโชว์ว่านางเอกก็ทำได้นะ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นปัญหากับเรามาก ก็แค่เรียนรู้ไปตามแต่ละช่วงเวลา

>> รู้จักกับ ประณัย มากี่ปีแล้ว?

แต้ว : 3 ปีค่ะ

>> 3 ปีที่ผ่านมาได้เรียนรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับความสัมพันธ์?

แต้ว : คิดว่าพอเข้าปีที่ 3 จะมีช่วงที่เหมือนเรากันเรียนรู้กันอยู่ ตั้งความหวังว่าเราอยากทำความเข้าใจเขา เพราะว่าเราไม่ได้เหมือนกันทุกอย่าง พยายามวิเคราะห์หรือว่าต้องอย่างงั้นอย่างงี้ แล้วบางทีเราก็เป็นทุกข์เอง ซึ่งแต้วก็เลยคิดว่าบางอย่างอาจจะเป็นสเตจที่ปล่อยให้เราได้เรียนรู้ธรรมชาติของกันและกัน โดยที่บางทีไม่ต้องไปพยายามทำความเข้าใจวิเคราะห์อะไรมากมาย ให้เขาเป็นธรรมชาติของเขาและให้เขาเห็นธรรมชาติของเรา ในช่วงแรก ๆ มันอาจจะมีแต่ด้านดี ๆ เห็นแต่ด้านดี ๆ กันหมด พอระยะเวลาผ่านไปก็เป็นปกติที่มันจะเห็นในหลาย ๆ ด้าน

>> เรื่องของการแต่งงานคุยกันบ้างหรือยัง?

แต้ว : ยังไม่ได้คุยกันจริงจังค่ะ

>> คุณพร้อมไหม ?

แต้ว : ก็น่าจะดีนะ หมายถึงว่าถ้าเราแบบ..

>> ถ้าเขาขอคุณวันนี้ คุณจะตอบตกลงไหม ?

แต้ว : อุ๊ย! ไม่ดีมั้งเดี๋ยวแม่ตี (หัวเราะ)

>> แต้วอยากมีลูกไหม ?

แต้ว : อยากค่ะ รู้สึกว่าเรา Respect กับคนเป็นแม่มาก รู้สึกว่ามันเป็นความเสียสละที่เราคิดว่าอยากจะสัมผัสตรงนั้น นั่นคือจุดที่รู้สึกว่าอยากเห็นตัวเองเป็นแบบนั้น กรูมมิ่งคนหนึ่งให้เขาเข้าใจโลกได้ดีกว่าที่เราเจอมา

>> อยากได้ลูกสาวหรือลูกชาย ?
แต้ว : ถ้าอยากได้ก็คงลูกชายมั้ง เพราะรู้สึกว่าห่วงผู้หญิง แต่ก็ไม่มายด์ ยังไงก็ได้ค่ะ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top