Monday, 9 June 2025
TheStatesTimes

'ดร.สุวินัย' ฟันธง!! ขั้วขัดแย้งเหลืองแดงยาวนานกำลังสลายตัว 'คนไทย-สังคมไทย' ก้าวสู่ Land of Compromise อย่างแท้จริง

(30 ส.ค. 66) ดร.สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Suvinai Pornavalai' ในหัวข้อ 'แลไปข้างหน้า' โดยมีรายละเอียดดังนี้...

- การสลายขั้วขัดแย้งเหลืองแดงที่ดำรงมายาวนานกว่า 15 ปี ... นี่คือ ‘ข่าวดี’ สำหรับคนไทยและสังคมไทย Land of Compromise

- พร้อม ๆ กับการปรับตัวของ ‘ระบบการเมืองไทย’ ที่กลับสู่การเมืองแบบธนาธิปไตย หรือ Money Politics ในสมัยพรรคไทยรักไทย ปี พ.ศ. 2544 หรือเมื่อ 22 ปีก่อน ... ก่อนที่จะเกิด ‘การเมืองที่แบ่งขั้วขัดแย้งรุนแรง’ (polarized politics) 

- ตามมาด้วยการยุติ หรือหมดหายไปของ ‘วาทกรรมฝ่ายประชาธิปไตย vs ฝ่ายเผด็จการ’ ที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาเพื่อครอบงำคนเสื้อแดง (เพื่อไทย) และด้อมส้ม (ก้าวไกล) ในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา

- รัฐบาลใหม่ที่ครองอำนาจรัฐได้ อันที่จริงคือ เพื่อไทย+รัฐบาลชุดเดิม ที่เขี่ยก้าวไกลออกจากวงจรอำนาจให้กลายเป็น ‘พรรคฝ่ายค้านถาวร’ ของระบบการเมืองไทย

- การกลับเมืองไทย เพื่อ ‘ติดคุกแบบ VVIP’ ของโทนี่ ... มิใช่การฟื้นคืนชีพของ ‘ระบอบทักษิณ’ อย่าเข้าใจผิดอย่างนั้น แต่ควรมองว่า เป็นการปรองดองทางการเมืองระหว่างตระกูลชินวัตรกับขั้วอำนาจเดิมมากกว่า ... ทั้งสองฝ่ายต่างมีบทเรียนจากความขัดแย้งกันในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา ... จนตอนนี้สามารถปรับตัวเข้าหากันได้แบบ วิน-วิน ที่ไม่มีใครกินรวบหรือได้หมด

- หลังจากนี้ พรรคการเมืองที่เอาใจใส่ แก้ปัญหาปากท้องของประชาชนได้จริงและทำงานเป็น จะได้ใจประชาชนแน่นอน ... และเป็นเรื่องเร่งด่วนของรัฐบาลใหม่ด้วย

- เราผ่านวิกฤต ‘ชักศึกเข้าบ้าน’ มาได้อย่างหวุดหวิด หลังจากนี้ การเมืองไทยจะเดินไปตามระบบของมัน ... วิกฤตสงครามโลกครั้งที่สามและสถานการณ์ต่างประเทศต่างหากที่น่าห่วง

เปิดภาพ ‘อ๋อม อรรคพันธ์’ ร่วมทำบุญแจกอาหารเด็ก แฟนคลับ-คนบันเทิง กระหน่ำคอมเมนต์ส่งความคิดถึง

ห่างหายจากวงการไปนานเกือบ 1 ปี เพื่อพักรักษาตัวจากอาการป่วยด้วยโรคมะเร็งบริเวณกล้ามเนื้อหัวใจ ล่าสุดเมื่อคืนนี้ (29 ส.ค. 66) อ๋อม อรรคพันธ์ ก็มีความเคลื่อนไหวผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว โดยเขาโพสต์ภาพขณะนำอาหารไปมอบให้เด็ก ๆ โดยระบุว่า…

“สุขสันต์วันเกิดพี่ลึกแห่ง @bansdivingresort คับ ขอบคุณที่ชวนผมไปร่วมทำบุญกับไปแจกอาหารน้องๆ ที่โรงเรียนบ้านเกาะเต่าด้วยคับ😁”

ทำเอาเพื่อนๆ รวมถึงแฟนๆ ที่ได้เห็น พากันเขียนข้อความ ทั้งบอกคิดถึง รวมทั้งดีใจที่เห็นเขากลับมาสดใส แข็งแรง เช่น คิดถึงมากๆ ค่ะดีใจที่น้องอ๋อม ดูสดใสแข็งแรงแล้ว เป็นกำลังให้เสมอค่ะ❤❤, เย้ๆ​ แข็งแรงแล้ว❤️❤️, ดูแล้วสดชื่นเลยค่ะ สดใสมากเลย 😍, หน้าสดใสมากค่ะ ร่างกายแข็งแรงๆ นะคะเย๊!!!!….. กลับมาแล้ว!!!! 🎉😍 แฟนคลับใจพองเลยค่ะ💕🥰

นอกจากนี้ พี่น้องในวงการบันเทิง ทั้ง มดดำ คชาภา, บุ้ง ใบหยก, โก้-วศิน อัศวนฤนาท, แชป-วรากร ศวัสกร ก็แวะมาส่งความคิดถึงด้วย

‘ญาญ่า’ หลุด!! ฤกษ์แต่งอาจปีหน้า เตรียมจัดงานที่นอร์เวย์ พร้อมโบ้ยให้ไปถาม ‘ณเดชน์’ รอบหน้า แพลนสร้างเรือนหอ

(30 ส.ค. 66) เผลอหลุดปากมาเต็มๆ สำหรับนางเอกสาว ‘ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์’ ถึงฤกษ์งานแต่งกับ ‘ณเดชน์ คูกิมิยะ’ ถึงแม้ฝ่ายชายจะขอรูดซิบปากไว้ก่อน โดยเจ้าตัวยังได้เผยถึงสถานที่ที่รีเควสไว้นั่นก็คือ ต้องมีจัดงานที่ประเทศนอร์เวย์อย่างแน่นอน

จากนั้น ‘ญาญ่า’ ยังได้เผยถึงการทุ่มงบสร้างบ้านหลังใหม่ให้กับคุณพ่อที่เขาใหญ่ ว่าไม่มีลิมิต พร้อมบอกยังไม่ใช่เรือนหอ พร้อมโบ้ยให้ไปถามฝ่ายชายเรื่องเรือนหอในครั้งต่อไป

>> ถามถึงปาร์ตี้สละโสดของ คิมเบอร์ลี่ เป็นยังไงบ้าง?
"สนุกมากค่ะ เป็นคืนที่สนุกที่สุดในชีวิต กิจกรรมเยอะมาก เป็นหลายอย่างที่เราไม้เคยทำด้วยกันด้วยค่ะ คิดอยากวาดรูป อันนั้นเป็นสิ่งเดียวที่คิมขอ เราก็เช่ารถยาวให้ค่ะ"

>> มีความในใจอะไรบอกเขาไหม?
"ยังค่ะ เก็บไว้พูดวันงานแต่ง (ยิ้ม)"

>> เห็นล่าสุดก็ไปร่วมงานแต่งเพื่อนสนิทมา?
"โห เป็นคืนที่ร้องไห้มากที่สุด เขาเป็นเพื่อนคนแรกในกลุ่มหนูค่ะที่แต่งงานด้วย ประทับใจมากด้วย สวยมากเลย"

>> เห็นถึงภาพงานแต่งของเราเลยไหม?
"จริงๆ ญ่าเป็นคนไม่ได้ร้องไห้ในทุกสถานการณ์ อย่างตอนที่พี่แบร์ขอ ทุกคนก็ถามไม่ร้องไห้เหรอ เลยรู้สึกตกใจตัวเองที่นั่งดูเพื่อนเดินออกมาแล้วร้องไห้เฉย คิดอยู่ว่างานตัวเองจะร้องไห้หรือไม่ร้อง"

>> งานของเราคือปีหน้าใช่ไหม?
"น่าจะประมาณนั้นแหละ ปีหน้าแต่ไกลหน่อย หรือไม่ก็ปีถัดไปค่ะ ถ้ามีอะไรคืบหน้าเดี๋ยวจะมาบอก ส่วนเรื่องการตัดสินใจในการจัดงานเราจะไม่ค่อยทะเลาะกันอยู่ ญ่าไม่ได้ตัดสินใจทุกเรื่องนะ ปกติพี่แบร์จะเป็นคนฟันธงค่ะ คือก็ครึ่งๆ ค่ะ"

"ญ่ารีเควสแค่เรื่องเดียว คือสถานที่ที่นอร์เวย์ค่ะ ซึ่งก็ยังไปไม่ถึงไหนเลย ก็เลยยังบอกอะไรไม่ได้ เหมือนตอนนี้เราคุยกับตัวเองอยู่"

>> ถามถึงเรื่องสร้างบ้านให้คุณพ่อที่เขาใหญ่?
"เริ่มแล้วค่ะ จริงๆ คุณพ่อเพื่อนเยอะและไปบ่อย เรารู้สึกว่ามันไกลพอสมควร 3 ชม. ถ้ามีที่พักอยู่ที่นั่นก็น่าจะดี ก็เป็นบ้านพักตากอากาศค่ะ ตอนนี้ลงเสาแล้ว เพิ่งเริ่มค่ะ คาดว่าน่าจะเสร็จปีหน้า คุณพ่อก็แฮปปี้ ท่านตีกอล์ฟก็เลยชอบค่ะ มีพื้นที่ด้วย"

>> ตอนนี้มีที่ที่เขาใหญ่ 2 แปลง?
"ใช่ค่ะ ตอนนี้การสร้างบ้านญ่าก็ตัดสินใจ ถ้าพ่ออยู่ไทยท่านก็จะไปทุกอาทิตย์เลย"

>> ทุ่มงบเท่าไหร่?
"ไม่มีลิมิต เอาที่เราว่าสวยค่ะ ไม่ใช่เรือนหอนะคะ อันนั้นณเดชน์ต้องสร้าง แต่ยังค่ะ ครั้งหน้าพี่ๆ ถามเลยนะ (หัวเราะ)"

ว่าที่ รมว.อุตสาหกรรม ภายใต้ครม. 'เศรษฐา1' ดีกรี เคมีอุตสาหกรรม  ประสบการณ์ สส. 4 สมัย เข้าใจภาคอุตสาหกรรม

เมื่อวานนี้ (29 ส.ค. 66) จากกรณีการจัดสรรตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี ที่นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ที่มีชื่อนักการเมืองหลายคนร่วมเป็น 1 ใน 35 รัฐมนตรี ที่จะเข้ามาทำหน้าที่บริหารประเทศต่อจากนี้

โดยหนึ่งในรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีที่น่าสนใจคือ ‘พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล’ สส.นครศรีธรรมราช พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่เป็นผู้ซึ่งถูกคาดว่าจะเป็น ว่าที่ รมว.อุตสาหกรรม ในโควตารัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ

ทั้งนี้ น.ส.พิมพ์ภัทรา เกิดเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2522 เป็นบุตรสาวของ นายมาโนชญ์ วิชัยกุล กับนางสำรวย วิชัยกุล เข้ารับการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาที่ โรงเรียนเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช และโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย ระดับปริญญาตรี วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาเคมีอุตสาหกรรม จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และปริญญาโท รัฐศาสตรมหาบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง โดย น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล สมรสกับนิติรักษ์ ดาวลอย มีบุตร 2 คน

>> เส้นทางการเมือง

โดย น.ส.พิมพ์ภัทรา เข้าสู่งานการเมืองโดยการลงสมัครรับเลือกตั้ง สส.นครศรีธรรมราช แทน นายมาโนชญ์ วิชัยกุล ซึ่งวางมือทางการเมือง ในการเลือกตั้ง สส.เป็นการทั่วไปปี 2550 และได้รับเลือกตั้งเป็น สส.สมัยแรก ในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์

ต่อมาในการเลือกตั้งปี 2554 ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งและได้รับเลือกเป็น สส.อีกสมัย กระทั่งในปี 2562 ยังคงลงสมัครรับเลือกตั้ง สส.ในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ และได้รับเลือกเป็น สส.สมัยที่ 3

หลังจากนั้นในช่วงต้นปี 2566 น.ส.พิมพ์ภัทรา ได้ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ต่อมาได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ในสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ และได้รับการเลือกตั้ง เป็น สส.นครศรีธรรมราช พรรครวมไทยสร้างชาติ

>> เครื่องราชอิสริยาภรณ์

พ.ศ. 2563 –  เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)
พ.ศ. 2556 –  เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)

กระจ่าง!! 'แก้เกณฑ์เบี้ยคนชรา' ลดภาระ 'คลัง-รบ.ใหม่' หลังผู้แตะวัย 60 เพิ่มพุ่ง ส่วนผู้รับเบี้ยซ้ำซ้อนก็มีอยู่มาก

เมื่อไม่นานมานี้ TikTok บัญชี @thestandardwealth ได้โพสต์คลิปบทสนทนาของ ‘คุณประกิต สิริวัฒนเกตุ’ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ ที่ได้ออกมาให้ความรู้เกี่ยวกับปัญหา ‘เบี้ยคนชรา’ ในอีกมุมมองหนึ่งที่หลายคนอาจยังไม่รู้ ซึ่งจะส่งผลถึงสถานะการคลัง จนต้องมีการแก้เกณฑ์เบี้ยคนชรา โดย คุณประกิต ได้เล่าให้ฟังว่า…

ถ้าบอกว่าเบี้ยคนชราตอนนี้ กระทบการคลังในปัจจุบันหรือยัง? ผมคิดว่ายัง…เพราะว่าผู้ที่เคยได้รับอยู่แล้ว ก็ยังคงได้รับต่อไป โดยเกณฑ์ใหม่นี้จะเป็นเกณฑ์ของคนที่อายุต่ำกว่า 60 ที่กําลังจะเข้าสู่อายุ 60 ที่ต้องไปรอลุ้นว่ามันมีเงื่อนไขอะไรบ้าง ซึ่งขึ้นอยู่กับคณะกรรมการผู้สูงอายุเป็นคนกําหนดเกณฑ์

ทีนี้หากถามว่า แล้วทําไมต้องมีการปรับเปลี่ยนด้วย นั่นก็เพราะภาครัฐเขารู้แล้วว่า หากแนวโน้มผู้สูงอายุยังเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ (เพิ่มขึ้น) อนาคตตายแน่…เพราะถ้าลองคํานวณดูอัตราการเสียชีวิตของประชากรเทียบกับคนที่จะมีอายุ 60 เข้ามาเติมในระบบ มันมีช่องว่างที่น่าสนใจ โดยในแต่ละปี เราจะมีคนที่อายุ 60 เข้ามาสู่ระบบราวๆ 8-9 แสนคน ขณะเดียวกันประชากรที่เสียชีวิตในแต่ละปีมีอยู่ประมาณ 5-6 แสนคน แปลว่าจะมีช่องว่างจากผู้ที่ไม่ได้รับเบี้ย 900,000 – 600,000 อยู่ที่ประมาณ 3 แสนกว่าคน”

แล้วในอนาคตตัวเลขก็จะไปในทิศทางนี้ คือ การเติมผู้ได้รับสิทธิเข้ามาเฉลี่ยปีละ 6 แสนบ้าง 7 แสนบ้าง 8 แสนคนบ้าง ซึ่งนั่นแปลว่าภาระของรัฐบาลจะมีเพิ่มมากขึ้น การคลังของเราจะเจอปัญหาหนักมาก นั่นก็เพราะในอดีตเรากู้มาเยอะตอนดอกเบี้ยต่ำ แต่ในอนาคตดอกเบี้ยมันอาจจะสูงขึ้น หากมีการเดินหน้าโครงการต่อไปในขณะที่ดอกเบี้ยต่ำ ก็ยังไม่มีปัญหา แต่ในอนาคตเมื่อภาระดอกเบี้ยตรงนี้มันสูงขึ้นเมื่อไร รัฐบาลก็ต้องมีภาระค่าใช้จ่ายมากขึ้นตาม

ฉะนั้นการปรับแก้เกณฑ์ของรัฐบาล (ประยุทธ์) จึงเหมือนกับยอมที่จะโดนด่าแต่เนิ่นๆ เพราะเขามองออกว่าถ้ายังปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ในอนาคตรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาดูแลต่อลําบากแน่ๆ จึงต้องรีบจัดการตั้งแต่ตอนนี้”

นอกจากนี้ การแก้เกณฑ์ดังกล่าว มันเป็นการเข้าไปเขย่าปัญหาหมักหมมของตัวเบี้ยผู้สูงอายุในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเดิมมีผู้รับเบี้ยซ้ำซ้อนเยอะ หลายคนได้รับสวัสดิการด้านอื่นๆ อยู่แล้ว ได้รับบําเหน็จบํานาญด้านอื่นๆ และก็ยังขอตัวเบี้ยผู้สูงอายุ ซ้ำๆ เติมๆ เข้าไป เพราะเกณฑ์ก่อนที่จะมีการแก้ไข มันมีการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ที่ได้รับอย่างไม่ละเอียดมากพอ

การล้างไพ่ใหม่ แล้วตรวจสอบสิทธิใหม่ จึงเป็นหนึ่งในสิ่งที่เขาคิดว่าต้องๆ ทำและต้องแก้ไข ดังนั้น อย่าเพิ่งไปมองว่าเราจะไม่ได้หรือคนที่สูงอายุ 60 ปี จะไม่ได้สิทธิ เขาแค่อยากจะล้างเกณฑ์เดิม เพราะว่ามันมีช่องโหว่อยู่ เพื่อไม่ทำให้เกิดการรับเบี้ยซ้ำซ้อน จนกระทบภาวะการคลัง ซึ่งจะทำให้ในอนาคตระยะยาวผู้ที่ควรได้รับสิทธิที่เหมาะสมจริงๆ ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ต่อไป

'วิโรจน์' แซะ!! คนยังสนข่าว 'ชลน่าน' ออกอีกหรือ  ชี้!! ออกไปก็ได้นั่ง รมต. คงมีคนอยากออกเยอะ 

(30 ส.ค. 66) ที่รัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้ความเห็นต่อกรณี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เตรียมลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค มองว่าเป็นการรับผิดชอบที่ไปจับมือกับพรรค 2 ป. หรือไม่

นายวิโรจน์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของ นพ.ชลน่าน แต่ยังมีคนสนใจข่าวนี้อยู่อีกหรือ คิดว่าการประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรคแล้วก็ไปเป็นรัฐมนตรี ส่วนตัวมองข้ามช็อตไปแล้ว

เมื่อถามว่าการลาออก นพ.ชลน่าน จะช่วยลดแรงเสียดทานที่พรรคเพื่อไทยโดนโจมตีได้หรือไม่ นายวิโรจน์ ย้อนว่า นักข่าวถามก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นการเพิ่มหรือลดแรงเสียดทาน เพราะไม่ใช่การลาออกไปตัวเปล่าเล่าเปลือย

"ถ้าลาออกแบบนี้ ก็คงมีคนอยากลาออกเยอะแยะไปหมด เพราะคำว่าลาออกในมุมมองของประชาชนคือการแสดงความรับผิดชอบ แต่การลาออกลักษณะนี้เหมือนลาออกไปรับตำแหน่งที่ใหญ่โตขึ้น ให้คุ้มกับสิ่งที่ตนเองได้ทำ" นายวิโรจน์ กล่าว

‘กรมวิชาการเกษตร’ เร่งยกระดับ ‘สมุนไพรไทย’ สู่มาตรฐาน GAP ป้อนอุตสาหกรรม ‘อาหาร-เวชสำอาง’ สร้างรายได้เกษตกรยั่งยืน

จากกระแส รักสุขภาพ (Health Conscious) ที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับ แนวทางขับเคลื่อนพืชสมุนไพรเพื่อรองรับภาคอุตสาหกรรม ของกระทรวงสาธารณสุขในปี 2566-2570 โดยมีเป้าหมายเร่งการส่งเสริมการแปรรูปพืชสมุนไพรเพื่อเพิ่มมูลค่าสู่ ‘อาหารสุขภาพและอาหารสัตว์สมุนไพร’ ที่หลากหลาย เช่น อาหารฟังก์ชัน, อาหารใหม่ (Novel Food) อาหารนวัตกรรมใหม่ (innovative food) อาหารทางการแพทย์ (Medical Food) และอาหารอินทรีย์

นอกจากนี้ภาครัฐเร่งส่งเสริมการฟื้นฟูผู้ป่วยระยะหลังโควิด-19 ด้วยพืชสมุนไพร อาโวคาโด เป็นต้น การส่งเสริมการผลิตพืชสมุนไพรเพื่อป้อน ‘โรงงานสกัดสารมูลค่าสูง’ ในพื้นที่เศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ผ่านการส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอ ที่ได้รับอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนแล้วหลายโครงการ คิดเป็นมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท ร่วมไปถึง การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาพืชสมุนไพรสู่ ‘อุตสาหกรรมอาหารสัตว์สมุนไพร’ ล้วนส่งผลให้มีความต้องการวัตถุดิบพืชสมุนไพรจำนวนมาก พืชสมุนไพรมีการปลูกมากถึง 1.15 ล้านไร่ แต่ผ่านการรับรองมาตรฐานเพียง 6.4 หมื่นไร่ หรือ 5.6% ทำให้มาตรฐานการผลิตสินค้าพืชสมุนไพร ยังไม่ตอบสนองของอุตสาหกรรม เกิดปัญหาด้านคุณภาพที่หลากหลาย ล้วนต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานทางการแพทย์

‘กรมวิชาการเกษตร’ เป็นหนึ่งในหน่วยงานสำคัญที่ทำการวิจัยพืชสมุนไพรและเครื่องเทศเศรษฐกิจมากกว่า 20 ชนิด เพื่อให้ได้ผลผลิตตามมาตรฐาน GAP พืชอาหาร (มกษ.9001-2556) เดิมมุ่งพัฒนาด้านเพิ่มผลผลิตต่อไร่ ยกระดับคุณภาพและปลอดโรค รวมทั้งยังได้รวบรวมและอนุรักษ์พันธุ์พืชสมุนไพรไทยจากทั่วประเทศไม่น้อยกว่า 200 ชนิด

ปัจจุบัน กรมวิชาการเกษตร เร่งวิจัย เพื่อยกระดับพืชสมุนไพรสู่มาตรฐานใหม่ GAP พืชสมุนไพร (มกษ.3502-2561) ตามเป้าหมายของกระทรวงสาธารณสุข 11 ชนิด ได้แก่ ขมิ้นชัน บัวบก กระชายดำ มะขามป้อม ฟ้าทะลายโจร พลูคาว ว่านหางจระเข้ หญ้าหวาน มะแขว่น กระดอม และจันทน์เทศ (แผนแม่บทว่าด้วยสมุนไพรแห่งชาติ ฉบับที่ 1) รวมถึงศึกษากระตุ้นการเพิ่มสารสำคัญในกล้วยไม้สมุนไพรไทยและการเพาะเลี้ยงรากของตังกุยและโสมให้ได้ สารจินเซนโนไซด์ ในห้องปฏิบัติการแทนการปลูกในแปลง

ในอนาคต (ปี 2568-2570) กรมวิชาการเกษตรจะเร่งวิจัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับพืชสมุนไพรชนิดอื่น ๆ ให้เข้าสู่มาตรฐาน GAP พืชสมุนไพร อีก 4 ชนิด ได้แก่ กระชาย ไพล เพชรสังฆาต และมะระขี้นก (แผนปฏิบัติการด้านสมุนไพรแห่งชาติ ฉบับที่ 2) และเร่งสร้างชุดเทคโนโลยีการผลิตพืชสมุนไพรเชิงอุตสาหกรรม 3 ชนิด ได้แก่ ขมิ้นชัน บัวบก และว่านหางจระเข้

ทั้งนี้ งานวิจัยพัฒนาพืชสมุนไพรของกรมวิชาการเกษตร จะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้เกษตรกร / ภาคเอกชน สามารถผลิตวัตถุดิบสมุนไพรได้ตาม มาตรฐานสมุนไพรไทย (Thai Herbal Pharmacopoeia) ยกระดับทั้งปริมาณผลผลิตและปริมาณสารสำคัญให้ได้ตามเกณฑ์มาตรฐานทางการแพทย์ ปลอดภัยจากสารพิษและโลหะหนัก เป็นผลผลิตที่เป็นที่ต้องการของตลาด เพื่อป้อนวัตถุดิบให้กับภาคอุตสาหกรรมการแปรรูป เช่น ยาสมุนไพร อาหารเสริมสุขภาพ เวชสำอาง และต่อยอดสู่อาหารและอาหารสัตว์สมุนไพร ซึ่งจะสร้างอนาคตที่สดใส และสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรที่เกี่ยวเนื่องอย่างยั่งยืน

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เดินหน้า “สร้างชีวิต” อย่างยั่งยืน ลงพื้นที่จังหวัดอุดรธานี มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่ครัวเรือนยากจน ในโครงการแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการภาคอีสานร่วมกับกรมการพัฒนาชุมชน และนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกบริการประชาชนฟรี

วานนี้ (วันอังคารที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2566) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ  เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นางจินดา บุญลาภทวีโชค กรรมการตรวจสอบ  นายนิพนธ์ โชคภิรมย์วงศา กรรมการปฏิคม และนายอรัณย์ โตทวด ผู้จัดการใหญ่มูลนิธิฯ   ร่วมในพิธีมอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับครัวเรือนยากจนในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี (จังหวัดที่ 6 ของทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) จำนวน 27 ครัวเรือน คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 672,755 บาท (หกแสนเจ็ดหมื่นสองพันเจ็ดร้อยห้าสิบห้าบาทถ้วน)  เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนอาชีพแก่ครัวเรือนยากจนสามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว ดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ภายใต้ ”บันทึกข้อตกลงความร่วมมือการแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการ” ร่วมกับกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย โดยมี นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี และนายวิฑูรย์ นวลนุกูล รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นประธานร่วมในพิธี พร้อมด้วย นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และนางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ นำทีมแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  และคณะมูลนิธิส่งเสริมธรรมแห่งอุดรธานีร่วมในพิธี ณ บริเวณหอประชุมที่ว่าการอำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี

พร้อมกันนี้ นางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมหน่วยแพทย์ฯ ลงพื้นที่ให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น  และบริการตัดผม ฯลฯ โดยมีประชาชนเข้ารับบริการเป็นจำนวนมาก

โครงการแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้สนับสนุนอุปกรณ์ประกอบอาชีพ ช่วยเหลือครัวเรือนยากจน ตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือแก้ไขปัญหาความยากจน  ระหว่างกรมการพัฒนาชุมชนและมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  

ซึ่งมูลนิธิฯ ได้จัดงบประมาณดำเนินการเพื่อจัดหาวัสดุอุปกรณ์การประกอบอาชีพมอบให้แก่ครัวเรือนยากจน ให้สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว โดยในกลุ่มเป้าหมายแรกดำเนินการในพื้นที่ภาคกลาง 17 จังหวัด รวม 98 ครัวเรือน ต่อมา ได้ดำเนินการในพื้นที่จังหวัดทางภาคเหนือ 17 จังหวัด รวม 230 ครัวเรือน ซึ่งได้ดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และในขณะได้พิจารณาพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 20 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ นครราชสีมา อุดรธานี มุกดาหาร หนองบัวลำภู บึงกาฬ ยโสธร ศรีสะเกษ มหาสารคาม ขอนแก่น อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญ สกลนคร เลย หนองคาย และ นครพนม ซึ่งปัจจุบันทางมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ลงพื้นที่มอบไปแล้วรวมทั้งสิ้น 6 จังหวัด 147 ครัวเรือน คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3,070,105 บาท (สามล้านเจ็ดหมื่นหนึ่งร้อยห้าบาทถ้วน)

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมงานสาธารณกุศลมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung  

“มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
#แอปพลิเคชันและสายด่วนป่อเต็กตึ๊ง1418
#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

‘เศรษฐา’ ลั่น!! วิจารณ์ว่าที่ รมต. ได้ในกรอบที่เหมาะสม มั่นใจ!! ทุกคนมีคุณสมบัติเหมาะนั่งตำแหน่งรัฐมนตรี

(30 พ.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ให้สัมภาษณ์กรณีมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์หน้าตาคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่บางคนอาจไม่เหมาะกับบางตำแหน่งว่า ต้องให้เกียรติพรรคร่วมรัฐบาลและผู้ที่ประสานงานจัดตั้ง ครม.ด้วย ตนคิดว่าหน้าตาหรืออะไร ก็มีสิทธิ์ที่คนจะคิดกันได้ แต่ต้องให้เกียรติกับรัฐมนตรี และมั่นใจว่ารัฐบาลของเรามีภารกิจมาก มีเป้าหมายในการทำงานอย่างชัดเจน เราคงวัดกันที่ตรงนี้ เพราะวันนี้ทุกคนคงต้องเริ่มทำงานแล้ว


เมื่อถามว่ามีเสียงสะท้อนว่าหากพลเรือนมาคุมกองทัพ อาจจะเป็นการถูกด้อยค่า นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนคิดว่านายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีผู้รายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นผู้อาวุโส เป็น สส. หลายสมัย เท่าที่ตนรู้จักนายสุทิน ท่านเป็นคนที่ให้เกียรติคน เชื่อว่าการประสานงานกับกองทัพจะเป็นไปได้ด้วยดี ซึ่งส่วนตัวตนจะเข้าไปช่วยดูตรงนี้ด้วย ก็ต้องให้แน่ใจว่าทุกสถาบันได้รับการดูแลเอาใจใส่ และได้รับการพูดคุยอย่างเหมาะสม สมฐานะ

เมื่อถามว่าว่าที่รัฐมนตรีทยอยเข้าไปกรอกประวัติที่ทำเนียบรัฐบาล ทางสำนักเลขาธิการ ครม. ได้แจ้งหรือไม่ว่าจะใช้เวลากี่วันและขั้นตอนต่อไปจะเริ่มได้เมื่อไหร่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตามที่ได้พูดคุยกับเลขาธิการ ครม. ระยะเวลาในการตรวจสอบน่าจะอยู่ที่ 2 วัน หลังจากนั้นก็จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ เลย

เมื่อถามว่าทางเลขาธิการ ครม.ได้แจ้งเรื่องคุณสมบัติมาบ้างหรือไม่ เพราะมีรายงานว่ารัฐมนตรีบางคนคุณสมบัติไม่ผ่าน นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องยังไม่ถึงตน ตนยังไม่ทราบ

เมื่อถามถึงกรณีที่นายณฐพร โตประยูร จะทำจดหมายเปิดผนึกถึงนายกฯ ว่ามีว่าที่รัฐมนตรี 4 คน ประกอบด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) คุณสมบัติไม่ผ่าน โดยอ้างอิงจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังไม่ได้รับข้อมูล แต่ตนเชื่อว่าทั้ง 4 คนเป็นบุคคลที่เหมาะสมในการเข้าดำรงตำแหน่ง เหลือแค่เช็กคุณสมบัติจากเลขาธิการ ครม. อีกครั้ง

เมื่อถามถึงกรณีที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน และหัวหน้าพรรค พท. จะลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนทราบเรื่องแล้ว วันนี้ นพ.ชลน่านคงประกาศเรื่องนี้เอง ต้องให้เกียรติท่าน ซึ่งท่านก็เป็น สส. หลายสมัย ทำประโยชน์ให้กับพรรคเพื่อไทยมานาน และเป็นที่รักของ สส. ทุกคน ตนเพิ่งเข้ามาใหม่ ท่านก็ให้การดูแลที่ดี เชื่อว่าไม่ว่าท่านจะตัดสินใจเช่นไร ในอนาคตท่านก็จะยังอยู่ในพรรค เพื่อไทยต่อไป ทั้งนี้ ผู้ใหญ่ในพรรคมีการคุยกัน แต่ต้องให้เกียรติ นพ.ชลน่านในการแถลง

เมื่อถามย้ำว่าเรื่องเซอร์ไพรส์ที่นายเศรษฐาเคยบอกคือเรื่องที่ นพ.ชลน่านจะลาออกใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า “ไม่ใช่ครับ นพ.ชลน่านประกาศไว้นาน หากมีการเลือกนายกฯ เสร็จเรียบร้อย และหากเสร็จภารกิจ นพ.ชลน่านก็จะมีการประกาศของท่านออกไป”

เมื่อถามต่อว่าถ้า นพ.ชลน่านลาออกใครจะมาเป็นหัวหน้าพรรคต่อ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ต้องมีการประชุมพรรค เพราะเราเป็นพรรคที่มีสมาชิกเยอะ คงต้องว่าไปตามกฎพรรคการเมือง และคงต้องมีการรักษาการไปก่อน ซึ่งจะต้องมีการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคใหม่ภายใน 60 วัน ทั้งนี้ ขอฟัง นพ.ชลน่านแถลงก่อน

เมื่อถามว่ามองคุณสมบัติของคนที่จะมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนต่อไปอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนในฐานะหนึ่งในสมาชิกพรรค คิดว่าต้องเป็นคนที่อยู่ในพรรคมานาน มีความรู้ความสามารถ รอบรู้ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการเมือง ความมั่นคงเศรษฐกิจและสังคม

เมื่อถามว่ามองว่านพ.ชลน่านจะมีโอกาสกลับมานั่งหัวหน้าพรรคอีกหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนไปก้าวล่วงสิทธิของสมาชิกพรรคทุกท่านไม่ได้ ต้องให้เกียรติสมาชิก เราหนึ่งคนหนึ่งเสียง เราเคารพระบบพรรคการเมือง

เมื่อถามว่าส่วนตัวจะเป็นกรรมการบริหารพรรคด้วยหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่ขอพูดเรื่องนี้ ขึ้นอยู่กับการเลือกกรรมการบริหารพรรค

เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการจัดทำนโยบายที่จะแถลงต่อรัฐสภา นายเศรษฐา กล่าวว่า มีความคืบหน้าตลอด เมื่อวานนี้มีการพูดคุยกับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) แล้ว ซึ่งนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ว่าที่เลขาธิการนายกฯ เป็นคนเจรจาและรวบรวมข้อมูล แล้ววันนี้เวลา 11.00 น. นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และ ม.ล.ชโยทิต กฤดากร หัวหน้าทีมเศรษฐกิจของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จะเข้ามาพบตนที่พรรคเพื่อไทย เพื่อพูดคุยเรื่องนโยบาย ซึ่งเราก็เร่งด่วนในเรื่องนี้ เพราะอยากแถลงนโยบายโดยเร็วหลังเข้าถวายสัตย์ฯ เพื่อที่ประเทศจะได้เดินไปข้างหน้าได้ ซึ่งมีหลายเรื่องที่ต้องทำ

เมื่อถามว่าหลังจากนำ ครม. ถวายสัตย์ฯ แล้ว คาดว่าจะใช้เวลากี่วันในการแถลงนโยบายต่อสภาฯ ได้ นายเศรษฐา กล่าวว่า ขอไปดูนิดหนึ่งก่อน ขึ้นอยู่กับถวายสัตย์ฯ เมื่อไหร่ แต่คาดว่าจะไม่เกิน 1 สัปดาห์

เมื่อถามว่าภารกิจที่ว่าเน้นไปที่การท่องเที่ยว ช่วงไฮซีซันตั้งตัวเลขไว้อย่างไรบ้าง นายเศรษฐา กล่าวว่า กำลังทำการศึกษาอยู่ ซึ่งในทุกเวทีที่เราพูดคุย การท่องเที่ยวที่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ดีที่สุด รวมถึงเดือน ต.ค. ซึ่งใกล้ถึงช่วงไฮซีซันแล้ว ซึ่งช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาตนได้ลงพื้นที่ที่ จ.ภูเก็ตและพังงา ได้คุยกับหน่วยงานที่รับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นการท่าอากาศยาน การบินไทย กระทรวงคมนาคมเรื่องแผนการพัฒนาและสนับสนุน และมีการคุยกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในเรื่องของการดูแลด้านความปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีการพูดคุยกับสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ซึ่งท่านก็สนับสนุนและเห็นชอบในเรื่องนี้ ฉะนั้นเรื่องนักท่องเที่ยวจีน ที่เรามีดำริว่าเราจะยกเลิกขอวีซ่าก็หวังว่าจะได้รับการตอบสนองที่ดีจากทุกภาคส่วน ส่วนตัวเลขวันประกาศคงจะมีการอธิบายให้ฟังว่าจะดีขึ้นอย่างไร แล้วจะเห็นผลเมื่อไหร่

ชวนคิด!! 'ผู้ปกครอง-นักศึกษา' ศึกษาตลาดงานยุคใหม่ 'สายอาชีพ' ไม่เป็นรองใคร หลัง 'ลุงตู่' ปูทาง EEC ไว้ระยะยาว

(30 ส.ค.66) จากเฟซบุ๊ก 'Sappaisansook Yodmongkhol' โดยนายยอดมงคล ทรัพย์ไพศาลสุข ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับสายวิชาชีพที่ควรเรียนและไม่ควรมองข้ามอีกต่อไป ว่า...

จากมาตรการไทยแลนด์ 4.0 ในรัฐบาลลุงตู่ ทำให้ในส่วนภาคอุตสาหกรรมขาดแคลนแรงงานที่มีความสามารถเป็นอย่างมาก รัฐบาลที่ผ่านมา แม้แต่ลุงตู่เองก็พยายามสนับสนุนให้เยาวชนหันมาเรียนทางด้านสายอาชีพมากขึ้น ซึ่งพยายามสนับสนุนผลักดันมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว หลายคนก็ยังดูถูกดูแคลนวิสัยทัศน์ สุดท้ายจบมาตกงาน เพราะไม่เชื่อที่ลุงแนะนำ 

คนไทยยังติดยึดกับค่านิยมเดิม ๆ ที่ชอบเรียนสายสามัญมากกว่า เพื่อไปเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งในปัจจุบันมีหลายสาขาอาชีพที่มีบุคลากรล้นเกิน จึงเกิดปัญหาเรื่องของการว่างงาน โดยเฉพาะนักศึกษาจบใหม่ ดังนั้นผู้ปกครองกับเยาวชนควรต้องวางแผนการศึกษาต่อให้ดี มองไปให้ถึงการประกอบอาชีพในอนาคต ถ้าเป็นไปได้ก็ควรเลือกเรียนในสาขาอาชีพที่ขาดแคลนบุคลากร จบการศึกษามาแล้ว ก็จะหางานทำได้ง่าย ๆ สบาย ๆ

งานด้านสายอาชีพในปัจจุบัน ไม่สามารถดูถูกดูแคลนได้เลย บางครั้งสามารถทำงานหาเงินได้มากกว่าสายสามัญที่จบมาเสียอีก ผู้ปกครองควรมองสายอาชีพเป็นทางเลือกของบุตรหลานท่านบ้าง โดยดูตามความชอบ ศักยภาพ อาชีพที่จะทำเมื่อจบการศึกษามาแล้ว ความพร้อมของท่านและบุตรหลานไปพิจารณาประกอบด้วยครับ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top