Friday, 13 June 2025
TheStatesTimes

‘ป๊อก-มาร์กี้’ แชร์อุทาหรณ์สำหรับคนเลี้ยงน้องหมา พร้อมเผยสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงของ ‘สมคิด’

เมื่อวานนี้ (21 ส.ค.66) สำหรับ ‘มาร์กี้ ราศรี บาเล็นซิเอก้า จิราธิวัฒน์’ และสามี ‘ป๊อก ภัสสรกรณ์ จิราธิวัฒน์’ ที่มีแฟนคลับตามติดกันเป็นจำนวนมากจากการทำช่องยูทูบเบอร์ของเจ้าตัว โดยปัจจุบันมีผู้ติดตามกว่า 2.7 ล้านคน

และก่อนหน้านี้กลายเป็นข่าวเศร้าเมื่อทางด้าน ‘ป๊อก ภัสสรกรณ์’ แจ้งข่าวเศร้าสูญเสียสมาชิกในบ้านอย่าง ‘พี่สมคิด’ โดยได้ระบุข้อความเอาไว้ว่า “RIP นะพี่สม อยากจะบอกว่ารักพี่สมมาก เราผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะ ขอบคุณสำหรับความรักและความสุขที่มอบให้กันตลอดมานะพี่สม you’re the best i could ever ask for…. You will always be here with us รักเสมอนะพี่สม รูปสุดท้ายคือรูปคู่รูปแรกที่เราถ่ายด้วยกันนะ @somkidthefrenchie ถ้าใครเจอลูกๆผม ผมขอความกรุณารบกวนอย่าถามถึงเค้านะครับ ขอบคุณครับ แต่ก็ไม่ได้บอกว่าสาเหตุแท้จริงเพราะอะไร” 

ล่าสุด ‘ป๊อก ภัสสรกรณ์’ ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านทางอินสตาแกรมอีกครั้งว่า “You will always be here with us @somkidthefrenchie หลาย ๆ คนถามมาตลอดว่าเกิดอะไรขึ้นกับสมคิด เขาอยากรู้ เพราะเขาก็ผูกพันกับพี่สมมากเหมือนกัน ดูสมมาตั้งแต่เด็ก ๆ จริง ๆ แล้วไม่ใช่พวกผมไม่ใส่ใจนะครับ แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะทำเทปเกี่ยวกับเขาไหม เพราะบ้านเราก็เศร้ามากเหมือนกัน แต่พอเริ่มทำใจได้เรากลับคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสมอาจจะเป็นอุทาหรณ์ให้กับหลาย ๆ คนได้ และอาจจะช่วยให้เหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้นกับบ้านต่าง ๆ และคนที่มีลูกมีสัตว์เลี้ยงอีก ยังไงก็ลองไปชมกันนะครับ EP ล่าสุดครับ Youtube : Mindset TV ขอบคุณทุกคนที่รักและเอ็นดูพี่สมนะครับ” 

โดยรายละเอียดในคลิป ‘ป๊อก ภัสสรกรณ์’ เผยสาเหตุการเสียชีวิตของ ‘สมคิด’ โดยเจ้าตัวบอกว่ามันน่าเศร้าใจตรงที่ไม่ใช่เสียโดยธรรมชาติแก่ตายก็เข้าใจ แต่การเสียในครั้งนี้เกิดขึ้นจากมนุษย์ โดยเรื่องทั้งหมดเกิดจากคนงานได้วางยากำจัดงูรอบบ้าน แต่ไม่ได้บอกคนในบ้านเลย ซึ่งเราก็ได้ปล่อยพี่สมคิดให้เขาไปเดินเหมือนปกติทุกวัน ซึ่งเขาก็เลียหญ้าแถวนั้นทุกวันเป็นเวลา 2 อาทิตย์ สารมันก็ค่อย ๆ สะสมในร่างกาย จนวันที่พาเขาไปหาหมอก่อนเสียชีวิต คุณหมอแจ้งว่าอวัยวะภายในล้มเหลวหมดทุกอย่าง ตับอักเสบ กระเพาะอักเสบ ไตไม่ทำงานแล้ว ซึ่งสร้างความสะเทือนใจกับครอบครัวเป็นอย่างมาก  

เปิดโทษ ‘เมาแล้วขับ’ ในญี่ปุ่น หนักจนหลาบจำ เทียบบทลงโทษไทย ไม่สะเทือนสำนึกผู้กระทำผิด

(22 ส.ค.66) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ‘Naruphun Chotechuang’ โดย ‘คุณนฤพันธ์ โชติช่วง’ อดีตนักเรียนวิทยาลัยยามชายฝั่งญี่ปุ่น ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว อธิบายถึงความเข้าใจด้านกฎหมายเกี่ยวกับเบียร์และเหล้าของคนไทยที่ยังมีไม่เพียงพอ โดยระบุว่า… 

จากโพสต์ที่แล้วพูดถึงมาตรฐานผู้ผลิตเบียร์และเหล้า ก็มีบางคอมเมนต์แย้งขึ้นมาดังภาพที่ 1 ก็ทำให้รู้ว่า คนไทยบางส่วนอาจยังเข้าใจกฎหมายเกี่ยวกับเบียร์และเหล้าไม่เพียงพอ เลยขออธิบายดังต่อไปนี้

- กฎหมายที่ภาพที่ 1 พูดถึง ผมว่าท่านคงเข้าใจผิด เพราะดูจากปีที่ตรากฎหมาย น่าจะเป็น พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 (*1) ครับ ไม่มีส่วนไหนพูดถึงการผลิตโดยตรง 

- กฎหมายการผลิตเบียร์และเหล้า ต้องไปศึกษากฎกระทรวงการผลิตสุรา พ.ศ. 2565 (*2) อย่างที่เห็นปีครับ เพิ่งแก้ไขปรับปรุงปีที่แล้วเอง

กลับมาเข้าเรื่องที่อยากพูดครับ คือพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่ทำให้ท่านรองประธานสภาอาจมีความผิดได้นั้น ในความเห็นส่วนตัว ผมว่าควรยกเลิกกฎหมายนี้ครับ เพราะถ้ากฎหมายที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดที่เกี่ยวกับแอลกอฮอล์ ยกตัวอย่างเช่น กฎหมายจราจรแบบละโทษของการเมาแล้วขับ มีโทษที่รุนแรงจนทำให้ประชาชนเกรงกลัว ไม่กล้าทำผิดกฎหมาย ก็ไม่จำเป็นต้องมีการควบคุมเลย ผมจะยกกรณีศึกษาในการให้ความตระหนักของอันตรายที่เกิดจากการเมาแล้วขับของญี่ปุ่นมาเปรียบเทียบกับประเทศไทยครับ

กฎหมายที่ลงโทษผู้เมาแล้วขับ (飲酒運転) ของประเทศญี่ปุ่น บัญญัติไว้ในกฎหมายจราจร (道路交通法) โดยจะแบ่งโทษออกเป็นสองกรณี และแต่ละกรณีจะมีโทษด้านจราจร และโทษอาญาดังต่อไปนี้
กรณีที่ 1 ดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับ โดยมีค่าความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 0.15 มิลลิกรัมต่อลมหายใจ 1 ลิตร 

1. โทษด้านจราจร
จะขึ้นอยู่กับค่าความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ ดังต่อไปนี้
- ค่าความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 0.15 มิลลิกรัมแต่ไม่ถึง 0.25 มิลลิกรัม จะโดนตัดแต้มจราจร 13 แต้ม และพักใบอนุญาตขับขี่เป็นเวลา 90 วัน
- ค่าความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 0.25 มิลลิกรัม จะโดนตัดแต้มจราจร 25 แต้ม และยกเลิกใบอนุญาตขับขี่ โดยไม่สามารถทำใหม่ได้เป็นเวลา 2 ปี

2. โทษอาญา 
- ผู้ขับมีระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับ 500,000 เยน 
- ผู้ที่รู้ว่าผู้ขับดื่มแอลกอฮอล์ แต่ยังให้ผู้ขับใช้รถ มีระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับ 500,000 เยน 
- ผู้ที่รู้ว่าผู้ขับจะดื่มแอลกอฮอล์ แต่ก็ยังขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงผู้ที่โดยสารในรถคันเดียวกับผู้ขับที่รู้ว่าผู้ขับที่ดื่มแอลกอฮอล์ มีระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับ 300,000 เยน

กรณีที่ 2 เมาแล้วขับ ไม่ต้องพูดถึงค่าความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ใดๆ สามารถสังเกตอาการเมาได้จากท่าทางทันที เช่น สามารถเดินบนเส้นจราจรสีขาวได้ตรงหรือไม่ สามารถตอบคำถามกับตำรวจได้ปกติหรือไม่เป็นต้น 
1. โทษด้านจราจร
จะโดนตัดแต้มจราจร 35 แต้ม และยกเลิกใบอนุญาตขับขี่ โดยไม่สามารถทำใหม่ได้เป็นเวลา 3 ปี 

2. โทษอาญา
- ผู้ขับมีระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับ 1,000,000 เยน 
- ผู้ที่รู้ว่าผู้ขับดื่มแอลกอฮอล์ แต่ยังให้ผู้ขับใช้รถ มีระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับ 1,000,000 เยน 
- ผู้ที่รู้ว่าผู้ขับจะดื่มแอลกอฮอล์ แต่ก็ยังขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงผู้ที่โดยสารในรถคันเดียวกับผู้ขับที่รู้ว่าผู้ขับที่ดื่มแอลกอฮอล์ มีระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับ 500,000 เยน

ถ้ามีประวัติการกระทำผิดซ้ำซากในเรื่องนี้ โทษก็จะหนักขึ้นไปเรื่อยๆ และสิ่งที่น่าสนใจของกฎหมายญี่ปุ่นคือ ผู้ที่รู้ว่าผู้ขับดื่มแอลกอฮอล์ แต่ยังให้ผู้ขับใช้รถ และผู้ที่รู้ว่าผู้ขับจะดื่มแอลกอฮอล์ แต่ก็ยังขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงผู้ที่โดยสารในรถคันเดียวกับผู้ขับที่รู้ว่าผู้ขับที่ดื่มแอลกอฮอล์ ก็มีโทษด้วย แม้จะไม่ได้เมาแล้วขับก็ตาม โทษอาญาก็เทียบเท่ากันด้วย

จะเห็นว่าโทษเมาแล้วขับของญี่ปุ่นมีความรุนแรงมาก นี่ยังไม่พูดถึงการเมาแล้วขับเป็นต้นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุที่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตนะครับ และนอกจากโทษด้านจราจรและโทษอาญาแล้ว ยังมีโทษทางสังคมที่ผู้กระทำผิดจะต้องได้รับจากสังคม สมัยที่ผมยังเรียนอยู่ในสถาบันศึกษายามชายฝั่งประเทศญี่ปุ่น ที่นักศึกษามีสถานะเป็นข้าราชการญี่ปุ่น เคยมีกรณีที่รุ่นพี่ท่านหนึ่งโดนจับข้อหาเมาแล้วขับ การลงโทษของสถาบันคือ ไล่ออกสถานเดียวครับ ไม่มีข้อยกเว้นใดๆ

เมื่อมาเทียบกับโทษของประเทศไทยที่มีเพียง ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับ 5,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (ตามปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด) และถูกศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ ไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ แทบจะเทียบกันไม่ได้เลย นอกจากนี้มาตรการลงโทษในสังคมไทยก็ยังเบาหวิว ผู้กระทำผิดแทบไม่ได้ผลกระทบใดๆ จากการทำผิดของเขายกตัวอย่างเช่น

- ว่าที่ สส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 27 ถูกจับเมาแล้วขับ ปัจจุบันยังทำงานอยู่ในกรรมธิการคณะหนึ่งอยู่ ภาพที่ 2 
https://www.thairath.co.th/news/politic/2694401 
- อธิบดีอัยการ เมาแล้วขับชนคน 1 ปี ปรับ 4 หมื่นบาท รอลงอาญาไว้ 2 ปี ปัจจุบันยังคงทำงานเป็นอัยการอยู่ 
https://mgronline.com/crime/detail/9640000054252 
- นักบอลดาวรุ่งชลบุรี เมาแล้วขับชนคนเสียชีวิต 1 เจ็บ 1 คน ปัจจุบันกลับมาเป็นนักบอลแล้ว หลังจากหายหน้าไปไม่ถึงปี 
https://www.thaipbs.or.th/news/content/320821 
- ดาราเมาแล้วขับ ปัจจุบันก็ยังทำงานได้อย่างปกติ 
https://www.undubzapp.com/ดารา-เมาแล้วขับ-โดนจับ/
- ตะลึง! พบข้าราชการเมาแล้วขับถูกจับคุมประพฤติช่วงสงกรานต์ถึง 520 คน
https://mgronline.com/crime/detail/9620000039440 

จะเห็นได้ว่าประเทศไทยไม่ได้ให้ความสำคัญกับปัญหาเมาแล้วขับ โทษที่เบาหวิว และคำว่าให้โอกาสสำหรับคนไทย เป็นสิ่งที่ทำให้ปัญหานี้ไม่เคยลดลง เป็นเหตุผลที่ผมคิดว่าควรจะต้องมีการแก้ไขกฎหมายให้โทษเมาแล้วขับรุนแรงขึ้น บทลงโทษในสังคมก็ควรจะต้องเอาจริงเอาจัง เพราะสำหรับผมแล้วการเมาแล้วขับนั้น ผู้ดื่มรู้ตัวอยู่แล้ว แต่ก็ยังกระทำความผิดนั้น ถือเป็นความจงใจ ไม่ใช่ความประมาทแต่อย่างไร 
--------------------------------------------------------------------------
*1 พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551
https://ddc.moph.go.th/uploads/ckeditor/c74d97b01eae257e44aa9d5bade97baf/files/lawalc/001_1alc.PDF 
*2 กฎกระทรวงการผลิตสุรา พ.ศ. 2565
https://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2565/A/068/T_0001.PDF 

‘แน็ก ชาลี’ แท็กทีม ‘เก๋ไก๋’ อวดโมเมนต์เต้นคู่ ชาวเน็ตแห่แซว หวานจนมดขึ้นโซเชียลแล้ว!!

(22 ส.ค.66) หลังนักแสดงหนุ่มสุดหล่อมากความสามารถ ‘แน็ก ชาลี ปอทเจส’ ได้ประกาศว่าไม่โสดแล้วและเปิดตัวว่ากำลังคบหาดูใจกับอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ‘เก๋ไก๋ ณัฐธิชา นามวงษ์’ ซึ่งทั้งคู่ก็มีโมเมนต์น่ารักออกมามากมาย ทั้งร้องเพลงและเล่นดนตรีด้วยกัน จนมดขึ้นโซเชียลเต็มไปหมด

ล่าสุด ‘เก๋ไก๋’ ก็ได้โพสต์คลิปวิดีโอเต้นคู่กับหนุ่ม ‘แน็ก’ พร้อมเขียนข้อความว่า “ข้างหลัง เตรียมเดบิ้วหรือเปล่าคะ 5555555” ซึ่งเป็นคลิปวิดีโอที่เรียกชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์เยอะมากแบบถล่มทลายถึงความน่ารักสดใสของทั้งคู่

‘สองหนุ่ม’ จับหน้าอก ‘ดีเจโซดา’ กลางคอนเสิร์ต เข้ามอบตัวแล้ว รับเหตุการณ์ครั้งนี้ทำไปเพราะความเมา แค่หยอกเล่นเฉยๆ

(22 ส.ค.66) สำนักข่าว เคียวโด รายงานว่า ชายวัย 20 ปี สองคนเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากเกิดล่วงละเมิดทางเพศจับหน้าอกดีเจโซดา หรือ ฮวางโซอี ดีเจชาวเกาหลีขณะออกงานดนตรีในจังหวัดโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น เมื่อช่วง 13 สิงหาคมที่ผ่านมาจนกลายเป็นกระแสข่าวดังก่อนหน้านี้

ก่อนหน้านี้เจ้าของงานได้ออกมาแจ้งความ 3 คนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว โดยเป็นชาย 2 คนและหญิงอีก 1 คน พร้อมได้มอบหลักฐานเป็นรูปถ่ายของบุคคลทั้งสามให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกด้วย

โดยชายทั้งสองคนได้ออกมาขอโทษกับสิ่งที่ทำลงไป พร้อมระบุว่าพวกเขาเมาและสิ่งที่เขาทำในครั้งนั้นเป็นเพียงการหยอกเล่นเท่านั้น อย่างไรก็ตามหญิงอีกคนที่ถูกแจ้งความยังไม่ได้เข้ามามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ดีเจโซดา ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก DJ SODA เพื่อเล่าถึงเหตุการณ์ที่เธอถูกจับหน้าอกบนเวทีคอนเสิร์ต ซึ่งเธอระบุว่าตลอด 10 กว่าปีที่เป็นดีเจมาไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน และเธอรู้สึกทั้งช็อกและอายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เหตุการณ์ดังกล่าวได้มีชาวเน็ตเข้ามาติงว่าเป็นความผิดของเธอที่สวมชุดวาบหวิว ซึ่งดีเจโซดาโต้กลับไปว่า ไม่ว่าเธอจะใส่ชุดอะไรก็ตาม ก็ไม่มีสิทธิ์มาล่วงละเมิดทางเพศเธอ

ส่อง 10 นโยบายเด่น ‘เพื่อไทย’ ภายใต้รัฐบาล ‘เศรษฐา ทวีสิน’

พรรคเพื่อไทยหาเสียงภายใต้วลีฮิต ‘คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน’ โดยเสนอนโยบายเพื่อประชาชนคนไทยออกมามากมาย จนกระทั่งวันนี้ (22 ส.ค. 66) มติสภาฯ โหวตเลือก ‘เศรษฐา ทวีสิน’ นั่งตำแหน่งนายกฯ คนที่ 30 ของไทย ทำให้ประชาชนทั้งประเทศหันกลับไปไล่ดูนโยบายของพรรคเพื่อไทย พร้อมทั้งตั้งตารอว่า จะมีนโยบายใดบ้างที่จะถูกนำมาสานต่อให้เป็นรูปธรรมและเกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน

วันนี้ THE STATES TIMES ได้รวบรวบ 10 นโยบายเด่นของพรรคเพื่อไทยที่ ‘คิด’ และ ‘ทำ’ เพื่อพี่น้องประชาชน ส่วนจะมีนโยบายไหนบ้างมาดูกัน…

‘ครูไพบูลย์’ ความหล่อพุ่งแรง จนถูกชาวเน็ตทัก แซว!! ซุ่มเงียบขึ้นเขียงทำศัลยกรรมมาหรือเปล่า

(22 ส.ค.66) คู่รักนักร้องชื่อดังที่มีโมเมนต์หวานแหวว อย่าง ‘กระต่าย พรรณนิภา’ นักร้องสาวและ ‘ครูไพบูลย์ แสงเดือน’ เจ้าของค่ายเพลงจ้วดจ้าดสตูดิโอ ก็มีภาพมาให้เห็นให้กันอยู่บ่อย ๆ และล่าสุดก็ทำเอาชาวเน็ตตกใจกันยกใหญ่ เพราะว้าวกับหน้าใหม่ของครูไพบูลย์

แม้ก่อนหน้านี้จะมีกระแสดรามาอย่างหนักหน่วงจากโซเชียล แต่ครูไพบูลย์ก็หาได้แคร์ไม่ แถมล่าสุดยังโพสต์ภาพผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ไพบูลย์ แสงเดือน พร้อมแคปชันขำ ๆ “คนคือส่าคักแท้ ว่าหน้าข่อยเปลี่ยนไป ได้ไปหล๋อยศัลยกรรมมาตะยามใด๋อี๊กกก”

อย่างไรก็ตาม หน้าใหม่ของครูไพบูลย์ก็ดูดีไม่ใช่เล่น เพราะแฟนคลับแห่คอมเมนต์ชม เช่น หน้าเด็กลงมากเลยคับผม, คือหล่อเเท้อาจารย์, จมูกงามจ้าว, จมูกดูสันเป็นคมค่ะ เป็นต้น

เรื่องทำศัลยกรรมนั้นขึ้นอยู่กับความมั่นใจของคนทำจริง ๆ ค่ะ เพราะการถูกบูลลี่เป็นเรื่องที่สร้างบาดแผลให้กับผู้ถูกกระทำเป็นอย่างมาก ถ้าใครใคร่ทำแล้วพอใจ จะทำส่วนไหนของใบหน้าก็ตามแต่สะดวกใจเลย

เปิดความมั่งคั่ง 'นายกฯ คนที่ 30' ก่อนเข้าสู่เส้นทางการเมือง

(22 ส.ค.66) เศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จระดับประเทศ ที่สำคัญมีความคิดสมัยใหม่ ทันโลก ทันเหตุการณ์ พอสมควร แถมยังเป็นขวัญใจของคนรุ่นใหม่ด้วย

สำหรับประวัติ นายเศรษฐา ทวีสิน เกิดเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2506 จบการศึกษาระดับปริญญาโท (บริหารธุรกิจ-การเงิน) Claremont Graduate School ประเทศสหรัฐอเมริกา ด้านครอบครัว ได้สมรสกับ แพทย์หญิงพักตร์พิไล ทวีสิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญความงามด้านผิวพรรณ มีบุตรด้วยกัน 3 คน

เศรษฐา ทวีสิน เริ่มทำงานในปี 2529 โดยเป็นผู้ช่วยผู้จัดการผลิตภัณฑ์บริษัท P&G ประเทศไทย (จำกัด) ก่อนหันมาทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และรับตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท แสนสิริ (มหาชน) ปัจจุบัน นายเศรษฐา ดำรงตำแหน่งป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) อยากรู้หรือเปล่าปัจจุบันบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) มีรายได้เท่าไหร่ และนายเศรษฐา ทวีสิน ถือหุ้นกี่เปอร์เซ็นต์ และมีทรัพย์สินอยู่เท่าไหร่บ้าง Sanook Money ได้รวบรวมข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่ามีรายละเอียดดังนี้

บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) จดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที 22 พ.ย. 2538 ต่อมาได้เริ่มเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2539 โดยนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นอันดับที่ 4 โดยมีจำนวนหุ้น 661,002,734 หุ้น หรือ 4.44% คิดเป็น 786,593,253.46 บาท (ราคา 1.19 บาท ณ วันที่ 11 ต.ค. 65) ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และก่อนสร้าง ทุนจดทะเบียน 20,343,625,722.40 บาท มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 17,715.35 ล้านบาท โดยมีผลประกอบการย้อนหลังดังนี้

ปี 2561 รายได้ 27,039.75 ล้านบาท กำไร 2,045.98 ล้านบาท
ปี 2562 รายได้ 25,360.35 ล้านบาท กำไร 2,392.44 ล้านบาท
ปี 2563 รายได้ 34,891.03 ล้านบาท กำไร 1,673.09 ล้านบาท
ปี 2564 รายได้ 29,747.52 ล้านบาท กำไร 2,017.28 ล้านบาท

นอกจากนี้ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องอสังหาริมทรัพย์แล้ว นายเศรษฐา ทวีสิน ยังมีธุรกิจเกี่ยวกับประกันภัย การเงิน, การลงทุน, ผลิต-จำหน่ายกล่องกระดาษ และธุรกิจโรงแรม-รีสอร์ท ที่ยังคงดำเนินการอยู่ Sanook Money จะขอหยิบยกธุรกิจที่มีรายชื่อของ นายเศรษฐา ทวีสิน ปรากฎอยู่ในกรรมการบริษัทฯ มา 5 แห่ง จากจำนวนทั้งหมด 40 แห่ง ที่ค้นพบใน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์

บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) จดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 8 ส.ค. 2537 ต่อมาได้เริ่มเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2538 โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริษัทฯ แจ้งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับด้านการเงิน การลงทุน ทุนจดทะเบียน 5,373,537,364 บาท มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคา 13,667.10 ล้านบาท

ปี 2561 รายได้ 30.22 ล้านบาท ขาดทุน 195.84 ล้านบาท
ปี 2562 รายได้ 138.70 ล้านบาท กำไร 81.33 ล้านบาท
ปี 2563 รายได้ 56.97 ล้านบาท ขาดทุน 16.62 ล้านบาท
ปี 2564 รายได้ 150.60 ล้านบาท กำไร 88.12 ล้านบาท

บริษัท คิวที ไลฟ์สไตล์ จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 14 ก.ค. 2543 โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริษัทฯ ดำเนินธุรกิจซื้อและการขายอสังหาริมทรัพย์การให้เช่าแบบลิสซิ่งผลิตภัณฑ์ที่มีสินทรัพย์ทางปัญญา ทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท โดยมีผลประกอบการย้อนหลังนี้

ปี 2561 รายได้ 58,290,055 บาท ขาดทุน 1,377,733 บาท
ปี 2562 รายได้ 28,291,078 บาท ขาดทุน 8,103,538 บาท
ปี 2563 รายได้ 10,329,031 บาท ขาดทุน 7,465,851 บาท
ปี 2564 รายได้ 7,341,606 บาท ขาดทุน 9,381,553 บาท

บริษัท สิริพัฒน์ เซเว่น จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2562 โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริษัทฯ ดำเนินธุรกิจซื้อและการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นของตนเองเพื่ออยู่อาศัย ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท โดยมีผลประกอบการย้อนหลังดังนี้

ปี 2562 รายได้ 131 บาท ขาดทุน 77,089 บาท
ปี 2563 รายได้ 21,858 บาท ขาดทุน 84,353 บาท
ปี 2564 รายได้ 30,240 บาท ขาดทุน 71,580 บาท

บริษัท สิริพัฒน์ ไฟฟ์ จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2561 โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริษัทฯ ดำเนินธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ท ทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท โดยมีผลประกอบการย้อนหลังดังนี้

ปี 2561 รายได้ 1,406 บาท ขาดทุน 106,244 บาท
ปี 2562 รายได้ 33,639 บาท ขาดทุน 1,523,608 บาท
ปี 2563 รายได้ 39,412 บาท ขาดทุน 2,033,796 บาท
ปี 2564 รายได้ 23,241,267 บาท ขาดทุน 44,010,918 บาท

บริษัท สุรช จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2534 โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริษัทฯ ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายกล่องกระดาษ ทุนจดทะเบียน 7.5 ล้านบาท โดยมีผลประกอบการย้อนหลังดังนี้

ปี 2561 รายได้ 11,647,608.80 บาท ขาดทุน 672,501.27 บาท
ปี 2562 รายได้ 12,921,191.84 บาท ขาดทุน 32,153.41 บาท
ปี 2563 รายได้ 11,990,144.73 บาท ขาดทุน 686,695.10 บาท
ปี 2564 รายได้ 13,776,507.36 บาท ขาดทุน 35,714.12 บาท

เปิดประวัติ ‘หมออ้อม’ แพทย์ชำนาญการเวชศาสตร์ชะลอวัย คู่ชีวิตที่เคียงข้าง ‘เศรษฐา ทวีสิน’ นายกรัฐมนตรีคนที่ 30

(22 ส.ค.66) หลังจากสมาชิกรัฐสภาลงคะแนนเลือกให้ ‘นิด’ เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จาก พรรคเพื่อไทย ขึ้นมาบริหารประเทศ ในฐานะนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 อีกหนึ่งคนที่สปอร์ตไลท์จะฉายไปจับจ้องก็คือ สตรีหมายเลข 1 ‘หมออ้อม’ พญ.พักตร์พิไล ทวีสิน ภรรยาคู่ใจของ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ นั่นเอง

วันนี้ คมชัดลึก เลยขออาสาพาไปทำความรู้จักกับ ‘หมออ้อม’ พญ.พักตร์พิไล สาวสังคมสุดเปรี้ยวที่การันตีเลยว่าผู้คนในแวดวงไฮโซไม่มีใครไม่รู้จักเธออย่างแน่นอน

‘หมออ้อม’ พญ.พักตร์พิไล ทวีสิน เป็นแพทย์ผู้ชำนาญการเวชศาสตร์ชะลอวัย และความงามด้านผิวพรรณ ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ เธอจบปริญญาตรีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากนั้นได้รับทุนเล่าเรียนหลวง ศึกษาและฝึกปฏิบัติการด้านผิวหนังจากศูนย์การแพทย์ไลออนส์ สุพรรณหงส์ กรุงเทพฯ (ปี 2529-2530) ศึกษาและฝึกปฏิบัติด้านแสงเลเซอร์กับศาสตราจารย์ ลีออน โกลด์แมน ผู้ได้ฉายาว่า บิดาแห่งเลเซอร์ ที่เมืองซินซินเนติ รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา

นอกจากบทบาทในการทำงานด้านความงาม ‘หมออ้อม’ พญ.พักตร์พิไล ยังใส่ใจงานด้านสังคมโดยช่วยหมอกฤษณ์ จาฏามระ จัดทำโครงการบ้านพิงพักให้ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะสุดท้ายที่ขาดแคลนทุนทรัพย์มีที่พักพิง

ด้านชีวิตส่วนตัว ‘หมออ้อม’ พญ. พักตร์พิไล ทวีสิน สมรสกับ เศรษฐา ทวีสิน มีบุตร 3 คน คือ

ลูกชายคนโต ‘น้อบ’ ณภัทร ทวีสิน จบจากมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ และฮาร์วาร์ด บิซิเนส สกูล ประเทศสหรัฐอเมริกา และได้เข้าทำงานที่ Raine group นิวยอร์ก

ส่วนลูกชายคนกลาง ‘แน้บ’ วรัตม์ ทวีสิน เรียนจบปริญญาตรีและปริญญาโท จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เข้าทำงานที่ Bain Consulting ลอนดอน

ขณะที่ลูกสาวคนเล็ก ‘นุ้บ’ ชนัญดา ทวีสิน หลังจากจบปริญญาตรีและปริญญาโท จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ก็ทำงานเป็น Educational Counselor ที่ Edusmith ซึ่งตอนนี้เธอกำลังสนุกกับการทำธุรกิจด้านอาหารในเมืองไทย 

'วราวุธ' ยกผลกระทบการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ชู!! 'วิธีคิด-ปรับตัว' สร้างแรงขับเคลื่อนแก่ภาคการเกษตร

เมื่อวันที่ 18 ส.ค. 66 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) ได้ให้เกียรติบรรยายให้กับผู้เข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรวิทยาการเกษตรระดับสูง (วกส.) รุ่นที่ 4 ซึ่งจัดโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกับ มูลนิธิเกษตราธิการ และ สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) ณ พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดปทุมธานี ในประเด็น ‘ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกับด้านภาคเกษตรไทย’ เน้นย้ำ การปรับเปลี่ยนวิธีคิด วิธีทำ ให้เกิดแรงขับเคลื่อนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จะนำพาประเทศไทยก้าวสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ได้อย่างยั่งยืน

นายวราวุธ ได้กล่าวถึง ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทย ว่าประเทศไทยมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นอันดับ 19 ของโลก ซึ่งมาจากภาคการเกษตรกว่า 56.7 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ทำให้ต้องปรับปรุงยุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาแบบปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำของประเทศไทย หรือ LT-LEDS และจัดทำเป้าหมายการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ 2 (The 2nd updated NDC) โดยทบทวนแผนปฏิบัติการลดก๊าซเรือนกระจกรายสาขาที่สอดคล้องกับเป้าหมาย NDC ซึ่งมีการขับเคลื่อนการดำเนินงานที่สำคัญ ทั้งด้านการพัฒนากลไกตลาดคาร์บอนเครดิตในประเทศ จัดทำแนวทางและกลไกการบริหารจัดการคาร์บอนเครดิต ส่งเสริมภาคเกษตรในการลดก๊าซเรือนกระจก ผ่านโครงการ Thai Rice NAMA ทำนาวิถีใหม่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และพัฒนาโครงการ Thai Rice GCF เสนอต่อกองทุนภูมิอากาศสีเขียว 

ในด้านการเพิ่มแหล่งกักเก็บและดูดกลับก๊าซเรือนกระจก มีการส่งเสริมการปลูกป่าและแบ่งปันคาร์บอนเครดิต ด้านการค้า/การลงทุน ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยต้องขึ้นทะเบียนในระบบ CBAM registry และต้องยื่นขอสถานะ CBAM declarant ก่อนนำสินค้าเข้าไปยัง EU รวมถึงในด้านกฎหมาย ที่จะเร่งผลักดัน (ร่าง) พระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การตั้งกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ที่มีผลบังคับใช้ในวันนี้ (18 ส.ค.66) เป็นต้นไป เพื่อรองรับการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างเป็นรูปธรรม

ทั้งนี้ได้ฝากถึง ผู้บริหารระดับสูงในภาคการเกษตร ทุกท่าน ที่เข้ารับการฝึกอบรมในหลักสูตรนี้ รวมถึงเครือข่าย ความร่วมมือต่าง ๆ ที่ทุกคนมี ให้ช่วยกระตุ้นภาคการเกษตร ให้ร่วมปรับเปลี่ยนวิธีคิด วิธีทำ สร้างแรงขับเคลื่อนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top