Saturday, 14 June 2025
TheStatesTimes

ศาลฎีกาฯ พิพากษายืนยกฟ้อง 'สุเทพ-พวก 6 คน' คดีก่อสร้างโรงพักและแฟลตตำรวจ 396 แห่ง

(22 ส.ค.66) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง ศาลนัดอ่านคำพิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ คดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ พร้อมพวก 6 คน ในคดีร่วมกันกระทำผิดต่อหน้าที่ราชการในการจัดจ้างโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน และโครงการก่อสร้างอาคารที่พัก หรือแฟลตตำรวจ จำนวน 396 แห่ง

สำหรับจำเลย 6 คน ประกอบด้วย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ, พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ อดีตรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ต.สัจจะ คชหิรัญ, พ.ต.ท.สุริยา แจ้งสุวรรณ์, บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด และนายวิศณุ วิเศษสิงห์

โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 20 ก.ย. 2565 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่าจำเลยไม่มีความผิด ชั้นต้นพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง 6 คน แต่ต่อมา ป.ป.ช. ยื่นอุทธรณ์คดีต่อ นำไปสู่การนัดอ่านคำพิพากษาในวันนี้

ล่าสุดเมื่อ 11.30 น. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษายืนยกฟ้องนายสุเทพ กับพวก 6 คน

‘รถโดยสารไฟฟ้า’ หนึ่งในกุญแจสำคัญพาเมืองไร้มลพิษ ช่วยปลดล็อกปัญหาโลกร้อน - ส่งมอบอากาศใสบริสุทธิ์

ปัญหาโลกร้อน มลพิษทางอากาศ ถือเป็นปัญหาที่ผู้คนทั้งโลกกำลังเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในขณะเดียวกันก็เริ่มตระหนักและมองหาทางออกที่ยั่งยืน เพื่อรักษาอุณหภูมิและสภาพแวดล้อมของโลกให้คงความเหมาะสมสำหรับอยู่อาศัยกันต่อไป

ทางออกที่มองหาจนเจอก็คือการพาโลกทั้งใบไปสู่ ‘สังคมคาร์บอนต่ำ’ โดยมีตัวแปรสำคัญคือ ‘พลังงานสะอาด’ ที่จะมาทำหน้าที่ทดแทนพลังงานรูปแบบเดิม (เช่น ถ่านหิน น้ำมัน) แต่มีประสิทธิภาพไม่ด้อยไปกว่ากัน

และหากมองกระแสโลกในปี 2023 ก็พอจะเห็นว่า ‘พลังงานไฟฟ้า’ กำลังได้รับความสนใจจากคนทุกกลุ่ม และหลาย ๆ อุตสาหกรรมพยายามประยุกต์ใช้พลังงานไฟฟ้า เนื่องจากเห็นประโยชน์และศักยภาพที่คุ้มค่า แต่ที่เห็นได้ชัดก็คงเป็นเรื่องของ ‘ยานพาหนะ’ ที่ตอนนี้มีหลายเจ้ายานยนต์ได้เปิดตัวอวดโฉม ‘รถยนต์พลังงานไฟฟ้า’ ในค่ายของตัวเอง แถมมียอดจับจองถล่มทลาย

แต่การใช้รถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคลก็ยังมีข้อจำกัดในเรื่อง ‘จำนวนผู้โดยสาร’ ที่บรรจุได้เพียงไม่กี่คนต่อหนึ่งเที่ยว (บางครั้งก็แค่ 1 คน 1 คัน) และหากทุกคนหันมาเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคลกันหมด เราก็คงจะได้เห็นภาพท้องถนนที่เต็มไปด้วยรถยนต์ที่ขยับทีละ 2 เมตรก็ต้องจอดนิ่งเหมือนเดิมแน่

หนทางเลี่ยงเหตุการณ์น่าสะพรึงแบบนั้นก็คงต้องหันหน้าเข้าหา ‘รถโดยสารไฟฟ้า’ หรือ e-Buses เพราะนอกจากจะขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดฝุ่น-มลพิษทางอากาศ มลพิษทางเสียง เป็นยานพาหนะที่เข้าถึงคนได้จำนวนมาก บรรทุกผู้โดยสารต่อรอบได้เยอะกว่ารถยนต์ส่วนบุคคล และหากมีระบบขนส่งสาธารณะที่ดีมีประสิทธิภาพ ก็จะช่วยลดการใช้รถยนต์ส่วนตัวและหันมาใช้บริการรถโดยสารสาธารณะกันมากขึ้น ทำให้ปริมาณความหนาแน่นบนท้องถนนลดลงด้วย

ซึ่งแนวโน้มการหันมาใช้รถโดยสารไฟฟ้าก็พอจะเด่นชัดมากขึ้น สอดคล้องกับรายงานที่น่าสนใจของ Bloomberg ที่คาดว่าภายในปี 2040 หรืออีก 17 ปี ข้างหน้า รถโดยสารสาธารณะทั่วโลกจะถูกปรับเปลี่ยนเป็น ‘รถโดยสารไฟฟ้า’ ในสัดส่วนมากกว่า 67% ของรถโดยสารทั้งหมด

แน่นอนกว่า หากมีปัจจัยอื่น ๆ หนุนนำให้สังคมโลกนิยมใช้รถโดยสารไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น เช่น ระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพ นวัตกรรมทันสมัยที่เกี่ยวกับพลังงานไฟฟ้า ก็คงได้เห็นรถโดยสารไฟฟ้าวิ่งให้บริการมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งในหลาย ๆ ประเทศ ก็เริ่มเดินหน้าจัดหารถโดยสารพลังงานไฟฟ้ามาวิ่งให้บริการประชาชนในประเทศกันแล้ว

เอาล่ะ!! มองกลับมาที่ ‘เมืองไทย’ ของเราก็ไม่น้อยหน้าต่างประเทศเหมือนกัน ทั้งภาครัฐและเอกชนก็เริ่มตื่นตัวและให้ความสนใจกับรถโดยสารไฟฟ้าแล้ว ซึ่งหากได้ยืนรอรถที่ป้ายรถเมล์สักแห่งในกรุงเทพฯ หรือแม้แต่สัญจรบนท้องถนนทุก ๆ วัน ก็ต้องสะดุดตากับรถโดยสารไฟฟ้าสีน้ำเงินเข้มที่วิ่งมาจอดเทียบป้ายอยู่เรื่อย ๆ แถมยังมีหลากหลายเส้นทางให้บริการด้วย

หากเพ่งมองให้ดีจะพบว่า ‘รถโดยสารไฟฟ้า’ สีน้ำเงินเข้มนี้เป็นของ ‘ไทย สมายล์ บัส’ ตอนนี้ให้บริการครอบคลุมทั่วกรุงเทพฯ และพื้นที่ปริมณฑล ภายใต้สโลแกน “เดินทางด้วย รอยยิ้ม ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” 

ซึ่งก็เป็นการ ‘ใส่ใจสิ่งแวดล้อม’ ที่เห็นเป็นรูปธรรม เพราะการใช้รถโดยสารไฟฟ้าจะไม่เพิ่มมลพิษทางอากาศ ไม่ปล่อยฝุ่น PM2.5 หรือควันสีดำเหม็น ๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อระบบทางเดินหายใจ

ทั้งนี้ รถโดยสารไฟฟ้า 1 คัน สามารถลดก๊าซคาร์บอนฯ ได้มากถึง 72 ตันคาร์บอนต่อปี เทียบเท่ากับการดูดซับคาร์บอนฯ ของต้นไม้ 7,602 ต้นต่อปี (อ้างอิงข้อมูลจากสำนักเศรษฐกิจป่าไม้ กรมป่าไม้ ระบุว่า ป่าไม้พื้นเมืองดูดซับคาร์บอนฯ 0.95 ตันคาร์บอน / ไร่ / ปี หรือ 100 ตัน / ไร่)

เรียกได้ว่า ยิ่งมีรถโดยสารไฟฟ้ามากแค่ไหน ผู้คนก็ยิ่งได้สูดอากาศบริสุทธิ์เต็มปอดมากเท่านั้น หรือหากต่อยอดให้ครอบคลุมได้ทั้งประเทศ นอกจากจะได้อากาศที่สดชื่นชุ่มปอดแล้ว ระบบการเดินทางของไทยก็จะเชื่อมต่อหากันแบบไม่สะดุด ส่งผลดีต่อการท่องเที่ยว ส่วนผู้ประกอบการก็คงได้ยิ้มออกกันถ้วนหน้า

สรุปง่าย ๆ ก็คือได้ประโยชน์หลายต่อนั่นเอง!!

ก็มารอดูกันว่าในอีก 17 ปีข้างหน้า ระบบขนส่งบ้านเราจะพลิกโฉมไปใช้ ‘พลังงานไฟฟ้า’ ได้มากน้อยแค่ไหน แต่หากฝันอยากเห็น ‘เมืองไทยไร้คาร์บอน’ แบบครอบคลุมทั่วประเทศ ก็คงต้องเร่งมือพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะให้โดนใจประชาชน และจัดหา ‘ยานยนต์พลังงานไฟฟ้า’ มาแล่นให้บริการโดยไว

ศาลฎีกาฯ นักการเมืองพิพากษา ‘ทักษิณ’ ‘เอ็กซิมแบงก์-หุ้นชินคอร์ปฯ รวมโทษจำคุก 8 ปี

(22 ส.ค. 66) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง พ.ต.อ.คมวุฒิ จองบุญวัฒนา ผกก.ด่านตรวจคนเข้าเมือง ท่าอากาศยานกรุงเทพ (บก.ตม.2, บช.สตม.) ได้นำตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีบุคคลตามหมายจับขึ้นรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์สีดำ จากสนามบินดอนเมืองโดยมีขบวนรถตำรวจคุ้มกันมาส่งศาลฎีกา โดยผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ทั้งสามคดียืนยันว่า บุคคลที่อยู่ต่อหน้าศาลเป็นจำเลยหรือจำเลยที่ 1 ในคดีทั้งสามคดี โดยจำเลยหรือจำเลยที่ 1 รับว่าเป็นจำเลยในคดีทั้งสาม ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตรวจสอบบุคคลที่อยู่ต่อหน้าศาลแล้ว เป็นจำเลยหรือจำเลยที่ 1 ในคดีทั้งสามคดี ดังนี้…

(1) คดีหมายเลขดำที่ อม. 3/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 4/2551 ระหว่าง คณะกรรมการ ตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แห่งชาติ ผู้เข้าเป็นคู่ความแทน โจทก์ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือนายทักษิณ ชินวัตร จำเลย หรือคดีปล่อยกู้เอ็กซิมแบงก์

(2) คดีหมายเลขดำที่ อม. 1/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 10/2552 ระหว่าง คณะกรรมการ ตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการ ทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผู้เข้าเป็นคู่ความแทน โจทก์ พ.ต.ท.ทักษิณหรือนายทักษิณ ชินวัตร ที่ 1 กับพวกรวม 47 คน จำเลย หรือคดีหวยบนดิน

(3) คดีหมายเลขดำที่ อม. 4/2551คดีหมายเลขแดงที่ อม. 5/2551 ของศาลนี้ ระหว่าง อัยการสูงสุด โจทก์ พ.ต.ท.ทักษิณหรือนายทักษิณ ชินวัตร จำเลย คดีแก้ไขสัมปทานเอื้อประโยชน์ให้บริษัท ชินคอร์ป

จึงรับตัวจำเลยหรือจำเลยที่ 1 ในคดีทั้งสามคดีดังกล่าวไว้

ศาลได้แจ้งให้จำเลยหรือจำเลยที่ 1 ทราบคำพิพากษาแล้ว โดยคดีหมายเลขดำที่ อม. 3/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 4/2551 ลงโทษจำคุก 3 ปี คดีหมายเลขดำที่ อม. 1/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 10 /2552 ลงโทษจำคุก 2 ปี และคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อม. 4/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 5/2551ลงโทษจำคุกรวม 5 ปี นับโทษจำคุกของจำเลยต่อ จากโทษจำคุกของจำเลยในคดีหมายเลขแดงที่ อม. 4/2551และต่อจากโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ในคดีหมายเลขแดงที่ อม. 10/2552 ศาลออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดในแต่ละคดีแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โดยสรุปรวมแล้ว นายทักษิณ ต้องรับโทษ รวม 8 ปี จากคดีหมายเลขแดงที่ อม. 4/2551 ปล่อยกู้เอ็กซิมแบงก์โทษจำคุก 3 ปี และคดีหมายเลขดำที่ อม. 9/2551หุ้นชินคอร์ปฯ จำคุก 5 ปี รวมโทษจำคุกนายทักษิณทั้งสิ้น3 คดี รวม 8 ปี เนื่องจากคดีหวยบนดิน หมายเลขแดงที่ อม. 10/2552 ที่ศาลสั่งจำคุกนายทักษิณ 2 ปีนั้น ศาลไม่ได้สั่งให้นับโทษต่อ เพราะเป็นการนับโทษซ้อนกันกับคดี ปล่อยกู้เอ็กซิมแบงก์ ซึ่งศาลสั่งจำคุก 3 ปี

ต่อมาเมื่อเสร็จสิ้นการพิจารณา คณะเจ้าหน้าที่ ได้นำตัวนายทักษิณ ขึ้นรถไปส่งที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพเพื่อรับโทษตามคำพิพากษาศาลฎีกาฯ ต่อไป

สรุป 20 ไทม์ไลน์ 'ทักษิณ ชินวัตร' ประกาศกลับประเทศไทย

“กลับแน่ๆ กลับจริง กลับในปีนี้แหละ” 

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา คนไทยทั้งประเทศได้รับรู้เจตนาของ ‘นายทักษิณ ชินวัตร’ อดีตนายกฯ ที่สื่อสารผ่านช่องทางต่าง ๆ ว่า “อยากกลับบ้าน” เต็มทน แต่หลายครั้งก็ไม่ได้กลับมาจริง ๆ แต่วันนี้…22 ส.ค. 66 นายทักษิณ ได้เดินทางกลับประเทศไทย ซึ่งเป็นการกลับบ้านในรอบ 17 ปี หลังอาศัยอยู่ในต่างประเทศเนิ่นนานหลายปี

วันนี้ THE STATES TIMES ได้สรุปไทม์ไลน์ที่นายทักษิณเคยประกาศกลับบ้านเกิด มาดูกันว่าเกิดขึ้นมาแล้วกี่ครั้ง…

'ดร.สุวินัย' เชื่อ!! 3 สิ่งตลอด 15 ปี ทำ 'ทักษิณ' ต้องปล่อยวาง มองโอกาสทองนี้เป็นโอกาสกลับตัว ร่วมภารกิจสลายขั้วขัดแย้ง

(22 ส.ค. 66) ดร.สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Suvinai Pornavalai' ว่า...

โอกาสกลับตัวของทักษิณ โอกาสทองของทักษิณ

ขนาดประชาชนอย่างพวกเราอย่างมองออก มีหรือที่คนมีหัวพ่อค้ามาทั้งชีวิตอย่างคุณทักษิณจะมองไม่ออกว่า ...

นี่คือ ‘โอกาสทองครั้งสุดท้าย’ ในชีวิตของเขา ที่จะชนะแบบวิน-วิน แถมยังกวาดเรียบทั้งกระดาน รวมทั้งยังสร้างหลักประกันที่ยั่งยืนทางการเมืองให้แก่ตระกูลชินวัตรหลังจากนี้ด้วย

‘ทางเลือก’ ของคุณทักษิณจึงอ่านไม่ยาก

ถ้าดูในเชิงสัญลักษณ์ การกลับมาครั้งนี้ คุณทักษิณเลือกกราบสิ่งใดก่อนเป็นอย่างแรก…การกระทำเชิงสัญลักษณ์นั้นแหละ ที่บ่งบอกชัดเจนยิ่งกว่าคำพูดใด ๆ

ที่น่าสังเกตอีกอย่าง คือสีหน้าและแววตาของคุณทักษิณครั้งนี้ ปราศจากร่องรอย ‘ความกระหยิ่มทะนง’ บนสีหน้า ซึ่งจากครั้งก่อนคราวที่เขาเลือกก้มลงกราบแผ่นดินเกิดอย่างเห็นได้ชัด

- สรุปบทเรียนความผิดพลาดล้มเหลวของตัวเองในอดีต
- เอาอนาคตของตระกูลเป็นตัวตั้งมากกว่าชีวิตที่เหลือน้อยลงแล้วของตัวเอง
- คืนเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีของตัวเองกลับมาได้หลังจากเข้าจำคุกพอเป็นพิธี

3 สิ่งนี้คือสิ่งที่คุณทักษิณต้องใช้เวลาเรียนรู้ถึง 15 ปีเต็ม ในการสอนใจตนเอง กว่าจะยอมรับได้ และตัดสินใจเลือก ‘ย้ายประเทศ’ กลับเมืองไทย เพื่อมาขอตายในบ้านเกิด

คุณทักษิณเปลี่ยนไปกว่า 15 ปีที่แล้วไม่น้อยเลย ... อย่างน้อยก็เป็นคุณทักษิณที่มีวุฒิภาวะทางจิตใจมากกว่าเมื่อ 15 ปีก่อน

อย่างว่าแหละ คนอายุ 75 ปี กับคนอายุ 60 ปี ย่อมมีความต่างกันในเรื่องความยึดติดและการปล่อยวาง

ขอให้คุณทักษิณได้คิดจริง ๆ และร่วมผลักดันการสลายขั้วขัดแย้งระหว่างเหลือง-แดงจนสำเร็จจริง ๆ เถิด

‘เเอฟ ทักษอร’ ตามให้กำลังใจ ‘น้องปีใหม่’ ติดขอบเวที หลังลูกสาวเป็นตัวแทนรำไทยต้อนรับครูใหญ่ของโรงเรียน

(22 ส.ค. 66) เรียกว่าเป็นโมเมนต์น่ารักอบอุ่นมากๆ สำหรับคุณแม่คนสวย ‘เเอฟ ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ’ กับลูกสาวที่ยิ่งโตก็ยิ่งสวยตามคุณแม่ ‘น้องปีใหม่’

ซึ่งล่าสุดน้องปีใหม่ได้เป็นตัวเเทนของโรงเรียนใส่ชุดไทยรำต้อนรับคุณครู โดยมี แม่เเอฟ ทักษอร เเต่งหน้าทำผมให้ งานนี้ เเม่เเอฟ ได้โพสต์รูปผ่านอินสตราแกรมส่วนตัว พร้อมเขียนเเคปชันว่า

“ปีใหม่ & พี่เวฬา ศิษย์เก่า รร.ทอสี เป็นตัวแทนนักเรียนรำไทย ต้อนรับคุณครูใหญ่ รร.บางกอกพัฒนา คนใหม่ ขอบคุณคุณครูและพี่เวฬาที่ช่วยปีใหม่ฝึกซ้อมค่ะ @pearbunnag”

'ชัยธวัช' ขอ ปชช. อย่าถอดใจแม้ผิดหวังทางการเมือง ชี้!! หากช่วยกันคนละไม้คนละมือ ก็สามารถเปลี่ยนแปลงการเมืองได้

(22 ส.ค. 66) นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล อภิปรายย้ำ สส.พรรคก้าวไกล ไม่โหวตให้ เศรษฐา เป็นนายกฯ ไม่ใช่เรื่องคุณสมบัติ แต่เพราะรัฐบาลข้ามขั้วขัดเจตจำนงประชาชน ย้ำประชาชนต้องจ่ายด้วยการสูญเสีย ‘ความหวัง-อำนาจ-ศรัทธา’ ฝากประชาชนอย่าหมดหวังการเมือง
 

ส่อง ‘Patek Philippe’ บนข้อมือ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ‘สวย-หรู-ประณีต’ พ่วงราคาแพงทะลุ 100 ล้านบาท

สะดุดตานาฬิกาบนข้อมือ 'ทักษิณ ชินวัตร' วันเดินทางกลับประเทศไทย 22 ส.ค. 66 นั่นคือ Patek Philippe Grandmaster Chime ที่ขึ้นชื่อว่าซับซ้อนที่สุดในโลก

ช่วงเช้าของวันที่ 22 ส.ค. 66 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้มีการโพสต์รูปพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงการเดินทางกลับประเทศไทยของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยระบุรายละเอียดว่า

ตลอดเวลา 17 ปี พี่คงจะรู้สึกโดดเดี่ยว เหงา ทุกข์ และคิดถึงบ้านมากแต่พี่ก็ต้องอดทน และน้องเชื่อว่าพี่ก็คงใช้เวลาคิดตัดสินใจอยู่นาน แต่สุดท้ายด้วยความคิดถึงครอบครัวและอยากใช้ชีวิตที่ประเทศบ้านเกิดของเรา

น้องก็เคารพในการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยวของพี่ครั้งนี้ น้องขอเก็บภาพความทรงจำที่ได้ร่วมเดินทางจากดูไบมาส่งพี่ จนถึงเครื่องบินก่อนที่จะกลับเมืองไทย 

น้องขอให้พี่โชคดี เดินทางกลับอย่างปลอดภัย ทุกอย่างราบรื่น และอย่าลืมรักษาสุขภาพให้แข็งแรงนะคะ พี่ไม่ต้องห่วงน้องนะ น้องจะเข้มแข็ง อดทน และจะดูแลตัวเองแม้อยู่ในต่างที่ ต่างบ้าน ต่างเมืองคนเดียว เพราะตลอด 6 ปีที่น้องจากบ้านเกิดมา น้องมีพี่คอยดูแลเป็นอย่างดี แต่ก็อดใจหายไม่ได้ เพราะนี่คือครั้งแรกที่เราไม่ได้เดินทางไปด้วยกัน 

อย่างไรก็ตามขอให้วันเวลาที่พี่ตั้งตารอที่จะอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัววันนั้นมาถึงโดยเร็ว โชคดีนะคะพี่ รักพี่เสมอพี่ชายที่แสนดีของน้องค่ะ

สำหรับภาพภายในภาพเป็นไปด้วยบรรยากาศแห่งความอบอุ่นในครอบครัว บนเครื่องบินส่วนตัว ก่อนออกจากสนามบินในประเทศสิงคโปร์มายังประเทศไทย

ขณะเดียวกัน หนึ่งในภาพชุดดังกล่าวได้แสดงให้เห็นถึงนาฬิกาบนข้อมือของ นายทักษิณ ชินวัตร อย่างสะดุดตา และจากการสืบค้นข้อมูลคาดว่า นาฬิกาเรือนดังกล่าวเป็นนาฬิกาของแบรนด์ ‘Patek Philippe’ ในรุ่น ‘Grandmaster Chime Ref. 6300’ ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษ หน้าปัดบอกเวลาทั้งหน้าและหลัง แถมได้รับการยอมรับจนถูกขนานนามให้เป็นนาฬิกาข้อมือที่มีความซับซ้อนที่สุดในโลก 

แบรนด์ดังกล่าวขึ้นชื่อเรื่องความประณีตในการสร้างระบบกลไกแสดงเวลาที่ซับซ้อน หน้าปัดทั้งสองด้านผลิตจากทองคำ 18 กะรัต ส่วนหน้าปัดอีกด้านสำหรับดู Perpetual Calendar หรือที่เรียกว่านาฬิการะบบปฏิทินถาวร ประกอบกับกระจกแซฟไฟร์อย่างดีเพื่อกันการกระแทกและรอยขีดข่วน โดยตัวเรือนใช้วัสดุสแตนเลสสตีลขนาด 47.7 มิลลิเมตร หนา 16.1 มิลลิเมตร ผ่านการตัดแต่งอย่างดีประกอบเข้ากับสายหนังจระเข้ สามารถสำรองพลังงานได้ 72 ชั่วโมง

ราคาจำหน่ายของ Patek Philippe ในรุ่น Grandmaster Chime Ref. 6300 อ้างอิงจากเว็บไซต์ประมูลนาฬิกาต่างประเทศหลายแห่งและในประเทศไทยที่มีการระบุราคาจำหน่ายจาก Shop ไว้เริ่มต้นที่ 100 ล้านบาท และ ประเมินราคา Re-Sale ไว้ที่ 150 ล้านบาทขึ้นไป

อย่างไรก็ตาม ในปี 2019 ได้มีการประมูลนาฬิกา Patek Philippe Grandmaster Chime Ref. 6300A เรือนเดียวในโลก ซึ่งนำรายได้ทั้งหมดมอบให้กับ Monegasque Association องค์กรที่นำเงินไปสนับสนุนโครงการวิจัยเกี่ยวกับโรคกล้ามเนื้อเสื่อมดูเชน Duchenne muscular dystrophy (DMD) โดย Patek Philippe Grandmaster Chime Ref. 6300A ซึ่งจบที่ราคาสูงถึงประมาณ 1,000 ล้านบาท

‘นพพร เมืองสุพรรณ’ เจ้าของเพลงลูกทุ่งอมตะ ‘คิดถึงจังเลย’ เสียชีวิตลงแล้ว ด้วยวัย 74 ปี หลังป่วยหนักมานานหลายปี

(22 ส.ค.66) วงการลูกทุ่งเศร้า ‘นพพร เมืองสุพรรณ’ เจ้าของเพลงดัง ‘คิดถึงจังเลย’ ได้เสียชีวิตลงแล้วเมื่อช่วงตี 5 ที่ผ่านมา ในวัย 74 ปี ที่จังหวัดอ่างทอง ด้วยโรคพาร์กินสันและเบาหวานตั้งแต่ปี 2554

สำหรับงานพิธีฌาปนกิจจะมีขึ้นที่วัดสองเขตสามัคคี (ลาดตาล) ต.ดอนมะสังข์ อ.เมืองสุพรรณบุรี จ.สุพรรณบุรี ในวันเสาร์ที่ 26 ส.ค. 2566 

‘นพพร เมืองสุพรรณ’ เป็นคนสุพรรณบุรี น้ำเสียงมีเอกลักษณ์ แผดสูงทรงพลัง แต่ช่วงโควิดประสบปัญหาเรื่องรายได้ เพราะไม่มีงานด้าน สมาคมนักแต่งเพลงลูกทุ่งแห่งประเทศไทยและพระเอกนักบุญ ‘บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์’ ได้เข้าไปช่วยดูแลและมอบเงินช่วยเหลือ ที่บ้านพัก จ.อ่างทอง ซึ่งมีหลานสะใภ้คอยดูแล

ทั้งนี้ ผลงานสร้างชื่อของ ‘นพพร เมืองสุพรรณ’  นั้นมีมากมาย อาทิ เพลงคิดถึงจังเลย, คอยน้องทั้งคืน, เก็บเงินแต่งงาน, กลับเถิดเรียมจ๋า, รอนางที่ริมโขง, เสียงหัวใจ, กลองกลิ้งเหมือนลิง, สาวอีสานหวานใจ, หนุ่มขี้อาย และเพราะพี่จน

'สีจิ้นผิง' เดินทางถึงแอฟริกาใต้ เข้าร่วมประชุมสุดยอด BRICS ด้าน 'ไซริล รามาโฟซา' ประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ ต้อนรับอย่างอบอุ่น

(22 ส.ค.66) สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เดินทางถึงนครโจฮันเนสเบิร์กของแอฟริกาใต้ เมื่อวันจันทร์ (21 ส.ค.) เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศบริกส์ (BRICS Summit) ครั้งที่ 15 และเยือนแอฟริกาใต้อย่างเป็นทางการ

ไซริล รามาโฟซา ประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ พร้อมด้วยนาเลดี แพนดอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างประเทศของแอฟริกาใต้ และโนซาซานา คลาริซ ดลามินี-ซูมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสตรี เยาวชน และคนพิการของแอฟริกาใต้ ได้ต้อนรับสีจิ้นผิงอย่างอบอุ่น ณ ท่าอากาศยานนานาชาติโออาร์ แทมโบ แห่งโจฮันเนสเบิร์ก

ประธานาธิบดีรามาโฟซาต้อนรับสีจิ้นผิงอย่างอบอุ่นสำหรับการเยือนแอฟริกาใต้อย่างเป็นทางการ สีจิ้นผิงกล่าวว่าเขาดีใจที่ได้เดินทางเยือนแอฟริกาใต้อีกครั้ง และหวังจะได้แลกเปลี่ยนมุมมองเชิงลึกกับรามาโฟซาในด้านการกระชับความสัมพันธ์จีน-แอฟริกาใต้ และประเด็นที่สนใจร่วมกัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top