Monday, 1 July 2024
TheStatesTimes

'​​​สุริยะ' ดันแผนพัฒนาอุตฯ กัญชง ยกระดับสู่พืชเศรษฐกิจใหม่ ตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางพืชกัญชงเชิงอุตฯ แห่งอาเซียนภายใน 5 ปี

กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) ผลักดันแผนการพัฒนาอุตสาหกรรมพืชกัญชงสู่เชิงพาณิชย์ มุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมแปรรูปพืชกัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ ยกระดับเศรษฐกิจฐานราก สร้างรายได้และการจ้างงานตลอดห่วงโซ่อุปทาน พร้อมตอบสนองนโยบายเศรษฐกิจ BCG เน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน เผยตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางพืชกัญชงเชิงอุตสาหกรรมแห่งอาเซียน (Industrial Hemp Hub of ASEAN) ภายใน 5 ปี สร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการไม่น้อยกว่า 25,000 ล้านบาท และสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 20,000 บาทต่อไร่

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมกัญชงในตลาดโลกมีแนวโน้มการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในนานาประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา, แคนาดา, ออสเตรเลีย, สหภาพยุโรป, จีน รวมถึงญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ หลังจากเริ่มผ่อนคลายกฎหมายเพื่อเปิดโอกาสให้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์กัญชงเพื่อใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์มากขึ้น โดยคาดว่ามูลค่าตลาดอุตสาหกรรมทั่วโลกในปี 2565 อยู่ที่ประมาณ 1.42 แสนล้านบาท มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ร้อยละ 22.4 ต่อปี และคาดว่าภายในปี 2570 จะมีมูลค่าประมาณ 5.58 แสนล้านบาท 

ดังนั้น กระทรวงอุตสาหกรรมจึงได้ผลักดันการพัฒนาอุตสาหกรรมพืชกัญชงสู่เชิงพาณิชย์และมอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) จัดทำแผนปฏิบัติการ ด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมพืชกัญชงสู่เชิงพาณิชย์ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับระบบเศรษฐกิจไทย ตลอดจนสร้างรายได้ให้แก่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ก่อให้เกิดการจ้างงานตลอดห่วงโซ่อุปทานกัญชง ยกระดับเศรษฐกิจฐานราก พร้อมตอบสนองนโยบายเศรษฐกิจ BCG ที่เน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางพืชกัญชงเชิงอุตสาหกรรมแห่งอาเซียน (Industrial Hemp Hub of ASEAN) ภายใน 5 ปี สร้างรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการไม่น้อยกว่า 25,000 ล้านบาท และสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 20,000 บาทต่อไร่

'พรรคกล้า' เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ภาคใต้ครบ 14 จว. 'กรณ์' ย้ำ!! อยู่ข้างประชาชน พร้อมแก้ไขปัญหาปากท้อง

พรรคกล้า ปูพรมภาคใต้ครบ 14 จังหวัด เปิดตัว 'ธนากร บุญสนิท' นักธุรกิจชื่อดังว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พัทลุง 'กรณ์' ลั่นไม่อยู่ข้างใคร มาเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ชาวบ้านแห่ขอบคุณกระตุกราคาน้ำมัน

วานนี้ (9 กรกฎาคม 2565) พรรคกล้า นำโดยนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค พร้อมด้วยนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรค ผศ.ดร.เอราวัณ ทับพลี ผู้อำนวยการพรรค นายเจษฎา ช่วยชูหนู กรรมการบริหารพรรค และว่าที่ผู้สมัครพรรคกล้าจากหลายจังหวัดภาคใต้ ร่วมเปิดตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดพัทลุง 

นายกรณ์ กล่าวว่า วันนี้พรรคกล้าได้เปิดตัวแทนภาคใต้ครบทั้ง 14 จังหวัดแล้ว ณ วันนี้ถือว่าเราพร้อมส่งผู้สมัครทุกจังหวัดทั่วภาคใต้ ซึ่งเป็นสิ่งยืนยันได้ว่า เราจะมีผู้สมัครคุณภาพทุกจังหวัดในภาคใต้อย่างแน่นอน วันนี้การทำงานของพรรคกล้า ชัดเจนแล้วว่า ไม่อิงผลประโยชน์เพื่อสู้กับนักการเมืองฝั่งไหน เพราะเราไม่อยู่ข้างใคร แต่เราอยู่ข้างความทุกข์ร้อนของประชาชน หลายสัปดาห์ที่ผ่านมา พรรคกล้าต่อสู้เรื่องการลดราคาน้ำมัน โดยยึดหลักของข้อเท็จจริงและผลประโยชน์ของประชาชน โดยไม่ได้ติดวังวนความขัดแย้งทางการเมือง แต่เน้นการแก้ปมปัญหาปากท้องของประชาชน

อดีตบิ๊กศรภ. ชี้!! ถ้ายังมี 'โทนี่' ก็ต้องมี 'นายกตู่' ต่อไป เพื่อไทยไม่มีทางได้แลนด์สไลด์ เพราะ 'อุ๊งอิ๊ง' แน่นอน

10 ก.ค. 65 -​ พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊ก โดยมีรายละเอียดดังนี้

ตราบใดยังมี 'โทนี่' ตราบนั้น 'ตู่' ก็ยังเป็นนายกฯ ต่อไป

ภาพการเมืองไทยในปัจจุบัน มองดูแล้วก็ขาดความตื่นเต้นเร้าใจครับ ทุกอย่างแทบไม่มีทางเป็นไปแบบที่สื่อมวลชนส่วนหนึ่งเห็นว่าจะมีเหตุรุนแรงถึงขั้น นายกต้องหลุดจากตำแหน่ง และยังมองข้ามไปอีกว่าจะเกิดแลนด์สไลด์ขึ้นจาก 'อุ๊งอิ๊ง' อีกด้วย

การอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ลุงตู่ลอยลำ แม้คะแนนจะไม่มาที่ 1 แพ้ลุงป้อม หรือคุณอนุทิน นิดหน่อยก็เป็นเรื่องตามปกติ ของพวกมีเส้นสาย และจะมี รมต.บางคน ที่คะแนนตกต่ำลง ไปบ้างก็ไม่เป็นไร สบายๆ ครับ

'ดี้ นิติพงษ์' แต่งเพลงถวาย ในหลวง รัชกาลที่ 10 เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุครบ 70 พรรษา

'ดี้ นิติพงษ์ ห่อนาค' นักแต่งเพลงชื่อดัง โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก 'Nitipong Honark' ถึงแรงบันดาลใจในการแต่งเพลงถวายแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ไว้ว่า...

วันนั้น 1 พฤศจิกายน 2563 ที่วัดพระแก้ว ดีใจนัก ได้เข้าเฝ้าในหลวง ราชินี พระเจ้าลูกเธอทั้งสองพระองค์ 

เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ ทรงนั่งยองกับพื้นถนน ลงมารับสั่งกับฉันว่า

“พี่ดี้…เมื่อไหร่จะแต่งเพลงให้พ่อมั่ง…”

ฉันก็ตื่นตระหนก หน้าพระพักตร์ ยกมือไหว้ยังไม่ทัน ได้แต่...

“พระเจ้าค่ะ รับด้วยเกล้า…”

ณ เพลานี้…เสร็จแล้วพระเจ้าค่ะ

พร้อมจะแพร่มิวสิควิดีโอในทุกช่องทาง วันอังคารที่ 12 กรกฎาคม 2565 เวลา 09.00 น.

ควรมิควรแล้วแต่จะทรงพระกรุณาฯ

#เดือนมหามงคล

#วันเฉลิมพระชนมพรรษา

#๒๘กรกฎาคม

#๗๐พรรษา

‘กอบศักดิ์’ เตือน!! วิกฤติ ‘ศรีลังกา’ แค่หนังตัวอย่าง อาจเกิดแบบนี้กับอีกหลายประเทศใน 2 ปีข้างหน้า

วิกฤติเศรษฐกิจในศรีลังกา ดูท่าจะเป็นหนังตัวอย่างให้อีกหลายประเทศที่เริ่มแสดงอาการในลักษณะคล้ายคลึงกันต้องวางแผนให้รัดกุมขึ้น โดยล่าสุด นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และเลขานุการ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Kobsak Pootrakool หัวข้อ ‘บทเรียนจากศรีลังกา’ ระบว่า...

บทเรียนจากศรีลังกา 

สิ่งที่เกิดที่ศรีลังกา อาจเกิดได้กับอีกหลายๆ ประเทศในช่วง 2 ปีข้างหน้า

บ่อยครั้งที่วิกฤตเศรษฐกิจ ลุกลามเป็นวิกฤตทางสังคมและการเมือง

ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ 

เมื่อคนอดอยาก ตกงาน ไม่มีรายได้ อย่างกว้างขวาง

ปัญหาอาชญากรรม ปัญหาสังคมต่างๆ จะตามมา

ยิ่งไปกว่านั้น 

ด้วยชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนที่ลำบากขึ้นเรื่อยๆ 

จากราคาอาหาร พลังงาน น้ำมัน สิ่งของต่างๆ ที่พุ่งขึ้นสูง 

 จะนำไปสู่ความไม่พอใจในการบริหารจัดการเศรษฐกิจ และความไม่พอใจในรัฐบาลในที่สุด

ยิ่งประเทศไหนมีเงินสำรองระหว่างประเทศน้อย 

ปัญหาก็สามารถลุกลามรุนแรงขึ้นไปอีกขั้น 

เพราะเงินสำรองระหว่างประเทศที่น้อย หมายความว่าประเทศจะไม่สามารถดูแลค่าเงินของตนเองได้ 

ทำให้ค่าเงินอ่อนฮวบลง 

ยิ่งหากเป็นเป้าของการถูกโจมตีเก็งกำไรค่าเงินด้วยแล้ว ก็จะยิ่งลำบากมากขึ้นเท่าทวีคูณ เพราะประเทศในกลุ่ม Emerging Market จำนวนมากมีเงินสำรองเพียงหยิบมือเดียว 

'โค้ชกานต์' ข้องใจ!! ไม่มีชื่อ จ.พังงา เป็นเจ้าภาพซีเกมส์ 2025 ย้ำ!! พังงาพร้อมทุกด้าน วอนกมธ.กีฬาทบทวนใหม่

'โค้ชกานต์' หนุนดันกลุ่มอันดามัน เจ้าภาพซีเกมส์ 2025 แต่เอกสารเสนอ กมธ.กีฬา มีแค่ 'ตรัง - กระบี่ - ภูเก็ต' ทำไมไม่มี 'พังงา' ร่วมด้วย ตั้งคำถามเพราะเรื่องการเมืองหรือไม่ ขอ กมธ.กีฬา ทบทวนให้พังงาร่วมด้วย

นายกานต์ เพชรบูรณ์ หรือโค้ชกานต์ ผู้เสนอตัวสมัคร ส.ส.พังงา ในฐานะคณะทำงานด้านกีฬา KLA Sport พรรคกล้า กล่าวถึงการผลักดันกลุ่มจังหวัดอันดามันเจ้าภาพซีเกมส์ปี 2025 ว่า ตนเองเคยนำเสนอเรื่องนี้ไปเมื่อต้นเดือนมิถุนายน และรู้สึกดีใจที่คณะกรรมาธิการการกีฬา สภาผู้แทนราษฎร ก็มีการพิจารณาเรื่องนี้แล้วเช่นกันเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ในเอกสารที่นำเสนอต่อคณะกรรมาธิการฯ นำเสนอเพียง 3 จังหวัดคือ ตรัง กระบี่ และภูเก็ต แต่ข้ามจังหวัดพังงาไป ทั้งที่เป็นจังหวัดที่มีเขตพื้นที่ติดกันกับภูเก็ต เป็นจังหวัดที่มีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยวระดับโลก สนามกีฬาก็มีความพร้อม แต่ถูกมองข้าม ไม่ได้นำเสนอร่วมเป็นเจ้าภาพ

เลขา ครป. ซัด!! 3 แกน 'นายกตู่' ต้นเหตุของปัญหาในไทย เกิดความเหลื่อมล้ำ ยากจน เพราะบริหารแบบทุนนิยมเผด็จการ

เลขา ครป. ชี้ 3 แกนของนายกฯ เป็นต้นเหตุความเหลื่อมล้ำและความยากจนของคนไทยทั้งประเทศ เพราะบริหารแบบทุนนิยมเผด็จการ หยุดสร้างหนี้และหลอกขายฝันประชาชน

10 ก.ค. 65 – นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ เสนอ 3 แกนแก้ปัญหาความยากจนในประเทศไทยว่า ตนเองเห็นว่าความคิดของประยุทธ์ เพ้อเจ้อ หลอกขายฝันประชาชนไปวันๆ ทั้งๆ ที่ 8 ปีที่ผ่านมา ประยุทธ์ เป็นแก่นแกนแห่งความยากจนของคนไทยทั้งประเทศ ถามว่าวันนี้นายกฯ ไปกู้เงินมากี่ล้านล้านบาทแล้ว ทำไมประชาชนไทยยังจน

นายเมธา กล่าวต่อว่า นโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมาทำให้ช่องว่างการกระจายรายได้ระหว่างคนจน-คนรวยแย่ที่สุดในโลก 3 แกนการพัฒนาของนโยบายประชารัฐ โดยให้เอกสิทธิ์กลุ่มทุนพวกพ้องเข้ามาช่วยทำ นำไปสู่ประชาชนไทยเป็นหนี้ และยากจนลง จึงต้องมีโครงการแจกเงินคนจนหมุนเวียนรายเดือน เพื่อให้เศรษฐกิจหมุนเวียนจากบนลงล่าง และจากล่างขึ้นบนไปสู่กระเป๋าเจ้าสัวในที่สุด ทำให้คนจนจนลง เกิดการกระจุกตัวของความร่ำรวยเฉพาะบางกลุ่ม

นายเมธา ระบุว่า ข้อเสนอของประยุทธ์ แกนที่ 1 คือการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แต่ให้สัมปทานเฉพาะเจ้าสัวกลุ่มทุนผูกขาดที่อิงแอบกับรัฐบาล ยึดทรัพยากรของรัฐ ไฟฟ้า พลังงาน ไปให้สัมปทานเอกชน บางโครงการให้งบรัฐไปอุดหนุน กำไรเอกชนเอาไป ยกตัวอย่างแอร์พอร์ตลิ้งค์ที่รัฐลงทุนหลายหมื่นล้านก็จะยกให้เอกชนไป การที่รัฐเป็นเจ้าของ 100% แล้วจ้างเอกชนบริหารจัดการไม่เหมือนกับยกให้เอกชนร่วมเป็นเจ้าของทรัพย์สินแล้วบริหารเอากำไร จริงๆ แล้ว ปตท.กระทรวงการคลังควรถือหุ้น 100% แทนคนไทยทั้งชาติแล้วจ้างบริษัทมหาชนบริหารจัดการได้

"แต่รัฐพยายามยกเอกสิทธิ์ทุกอย่างให้กลุ่มทุนผูกขาดผลประโยชน์แทนคนไทย โดยอ้างการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน จะมีประโยชน์อะไรถ้าโครงสร้างตึกรามใหญ่โตนั้นรัฐไม่ได้เป็นเจ้าของแล้วประชาชนต้องจ่ายราคาแพง ทั้งค่าน้ำมันราคาแพง ค่ารถไฟฟ้าขึ้นราคา ค่าทางด่วนไม่รู้กี่ทอด ทั้งยังค่าไฟขึ้นราคาอีก ผูกขาดไปทุกระบบ ผลประโยชน์ตกกับกลุ่มทุน รัฐเป็นหนี้มหาศาลและมากที่สุดในประวัติศาสตร์” นายเมธา ระบุ

'อุตตม' แนะ รัฐจับตาภาวะเงินเฟ้อ สร้างสมดุลของมาตรการ ไม่หวั่นสูตรคำนวณส.ส. 500 เผย พรรคเตรียมพร้อมทั้งสองแบบ พร้อมเดินตามยุทธศาสตร์พรรค รอจังหวะเปิดตัว 'สมคิด'

วันนี้ (10 ก.ค. 65) ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย กล่าวถึงการจัดงานเสวนา 'เจาะลึกวิกฤติ ร่วมคิดทางออก' ว่า พรรคจัดเสวนา เพื่อพูดคุย วิเคราะห์ปัญหาความกังวลห่วงใยของประชาชนทั้งเรื่องเศรษฐกิจโลก ภาวะโรคระบาด เรื่องของพลังงาน ร่วมกันคิดหาทางออกให้ประเทศ และประชาชนชาวไทย วันนี้เราเห็นผลกระทบทั้งจากพลังงานทำให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายสูงขึ้นกระทบประชาชน และผู้ประกอบการ 

ดังนั้น จำเป็นต้องหาทางออกว่าจะทำอย่างไรให้เศรษฐกิจไทยฟื้นได้จริง โดยไม่หวังจากสิ่งที่มีความไม่แน่นอนสูง เช่น การท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวจะกลับมาอย่างที่คาดไว้หรือไม่ ทำอย่างไรให้การลงทุนจากต่างประเทศเลือกมาประเทศไทย และโจทย์แรกที่ต้องทำคือจะดูแลประชาชนอย่างไรจากผลกระทบเฉพาะหน้า และทำอย่างไรให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยนั้นเป็นความจริงให้ได้ 

นอกจากนี้ ด้านการลงทุนภายในประเทศ รัฐจะมีนโยบายที่จะช่วยกระตุ้นส่งเสริมให้เกิดการลงทุนได้อย่างไร ซึ่งบทบาทและแนวคิดของรัฐสำคัญมาก ที่ผ่านมาพรรคสร้างอนาคตไทยได้นำเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวิกฤตเศรษฐกิจปัจจุบัน หรือในแง่มุมกฎหมายบางประการ การจัดเสวนาครั้งนี้ก็เช่นกัน พรรคหวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้กับส่วนรวมไม่เพียงแค่ทางภาครัฐ แต่ภาคเอกชนหรือภาคการเมืองที่สนใจสามารถนำข้อมูลไปใช้ได้

เมื่อถามว่า เรื่องภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นพรรคมีแนวทางเสนอต่อรัฐบาลอย่างไรบ้าง นายอุตตม กล่าวว่า ภาวะเงินเฟ้อเป็นสิ่งที่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด เป็นไปได้ว่าดอกเบี้ยจะขยับขึ้น ขณะเดียวกันพรรคเชื่อว่าทางรัฐบาลต้องดูแลให้เกิดความสมดุลระหว่างมาตรการดูแลเงินเฟ้อ ซึ่งก็จะกระทบกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้เช่นกัน หากไม่มีการสร้างความสมดุลด้วยมาตรการอื่น เช่น มาตรการทางการคลัง และอื่นๆ ที่จะประคองให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ ดังนั้น การดูแลเงินเฟ้อ ค่าเงิน การดูแลให้เศรษฐกิจฟื้นตัว ต้องมีความสมดุลกัน

เมื่อถามว่า มองสูตรการคำนวณส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์หาร 500 อย่างไร นายอุตตม กล่าวว่า มีหลายมุมมอง ทั้งทางกฎหมาย ทางการเมือง พรรคเราเตรียมพร้อมอยู่แล้ว ไม่ว่าจะหาร 100 หรือ 500 ยุทธศาสตร์เรามีชัดเจน เราวางทั้งสองแบบไว้ตั้งแต่ต้น เรามียุทธศาสตร์ทั้งพื้นที่เขต และพยายามให้ได้คะแนนที่จะส่งผลต่อปาร์ตี้ลิสต์ ดังนั้นตัวหารจะเป็นอย่างไร ก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่ยุทธศาสตร์เป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับเรา

เมื่อถามว่า ความต่างของสูตร 500 หรือ 100 พรรคมองไปทิศทางไหน นายอุตตม กล่าวว่า เราเดินตามยุทธศาสตร์ของพรรคสู่สนามเลือกตั้งตามที่เราวางไว้ ให้ความสำคัญกับงานในพื้นที่ เราส่งในทุกพื้นที่ เราหวังผลในเรื่องของเขต ขณะเดียวกันในเรื่องของกระแส ที่จะส่งผลต่อระบบปาร์ตี้ลิสต์ เรามีบุคลากร มีนโยบายที่สามารถตอบโจทย์ให้ประชาชนได้ เราเร่งเครื่องทั้งสองส่วนให้เป็นที่สนใจของผู้ลงสมัครส.ส.ในนามพรรค ขณะเดียวกันในภาพรวมให้ประชาชนได้ตัดสินใจว่าพรรคสามารถอาสามาทำงานในภาวะวิกฤตินี้ได้แค่ไหน ซึ่งก็จะส่งผลในเรื่องคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ ขณะที่แคนดิเดตนายกฯ ยังยืนยันว่าเป็นนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ส่วนจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อไหร่ก็อยู่ที่ช่วงจังหวะและเวลาที่เหมาะสม

'สนธิรัตน์' ชี้ สถานการณ์น้ำมันผันผวน แนะ รัฐบาลแก้เศรษฐกิจต้องแม่นยำและทันสถานการณ์

เมื่อวันที่ 10 ก.ค.นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า สัปดาห์นี้ข่าวคราวเรื่องปากท้อง ที่ผมเอามาเล่านี่ก็เป็นเรื่องพลังงาน ว่าราคาน้ำมัน สัปดาห์นี้นี่ขึ้นลงเหมือนขึ้นรถไฟเหาะ ในต้นเดือนปรับเปลี่ยนขึ้นลงไปแล้วมากกว่า 3 ครั้ง ทำเอานักวิเคราะห์คาดเดากันแทบไม่ทัน ที่น่าสนใจราคาตลาดน้ำมันในช่วง 2-3 วันมานี้ ลดลงและต่ำสุดในรอบ 12 สัปดาห์ อยู่ที่ 98.53 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สำหรับน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ลบ 1% ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปิดที่ 100.69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลบ 2% น้ำมันดิบดูไบ ปิดที่ 101.52 ลบ 9% (6 ก.ค. 65) เราจึงเห็นราคาน้ำมันดิบปรับลด 3 บาท และ 1.50 บาท สำหรับแก๊สโซฮอลล์ในสองสามวันที่ผ่านมา

 

นายสนธิรัตน กล่าวว่า ขณะที่วันที่ 7 ก.ค.ราคากลับดีดตัวขึ้นมาอีกหลังจากท่อส่งน้ำมัน Caspian Pipeline Consortium (CPC) ถูกระงับลง 30 วัน ส่งผลให้ตลาดกังวลเรื่องอุปทานที่จะตึงตัวหลังจากนี้ ผลดังกล่าวทำตลาดน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้น 3-4% ภายในวันเดียว ความกังวลเหล่านี้จะมีอยู่อย่างต่อเนื่องแน่นอนครับ ปัจจัยเสริมที่ไม่สามารถควบคุมได้อย่างความขัดแย้งรัสเซีย ยูเครน ที่คาดว่าจะยังไม่จบง่ายๆ รวมถึงสถานการณ์ในกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันดิบ อย่าง รัสเซียและอิหร่าน 

'สร้างอนาคตไทย' จัดใหญ่ ระดมกูรู กู้วิกฤตเศรษฐกิจ ชี้ 'โลกเปลี่ยนไทยต้องปรับ'

'พรรคสร้างอนาคตไทย' เปิดเวทีถกทางออกวิกฤตเศรษฐกิจ 'บัณฑิต' ชี้แก้เงินเฟ้อด่วนก่อนเศรษฐกิจติดหล่ม ด้านเอกชนมั่นใจเอกชนไทยยังมีศักยภาพสูงขอเพียงรัฐบาลสนับสนุนให้ตรงจุด ขณะที่เอสเอ็มอีและภาคท่องเที่ยว วอนช่วยเร่งแก้ปัญหาการเข้าถึงแหล่งทุนที่ยังไม่มีประสิทธิภาพ

(10 ก.ค.65) ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ พรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) จัดเสวนา 'เจาะลึกวิกฤติร่วมคิดทางออก' ถกนักวิชาการ นักธุรกิจชั้นนำ ประกอบด้วย ดร.บัณฑิต นิจถาวร ประธานมูลนิธินโยบายสาธารณะเพื่อสังคมและธรรมาภิบาล นายกิตติ พรศิวะกิจ ประธาน Smart Tourism สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย น.ส.จรีพร จารุกรสกุล ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น และนายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย โดยมีนายสันติ กีรนันทน์ รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย เป็นผู้ดำเนินรายการ เพื่อหาทางออกของวิกฤติเศรษฐกิจประเทศ สะท้อนปัญหา และเสนอแนะแนวทางแก้ถึงรัฐบาล 

โดยนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานครั้งนี้ว่า งานวันนี้เราตั้งใจให้เป็นวงเสวนาที่อยากให้เราได้มีโอกาสร่วมกันคิดวิเคราะห์สิ่งที่ประเทศกำลังเผชิญ สถานการณ์หลายอย่างดูเหมือนดีขึ้น แต่ทั้งผู้ประกอบการ ประชาชนยังห่วงใยว่าเมื่อสถานการณ์ดีขึ้นจะไปต่ออย่างไร เรายังต้องช่วยกันบริหารจัดการ ช่วยคิด และหาทางออก จึงเป็นที่มาของการเสวนาในวันนี้ ตนและพรรคหวังว่าสิ่งที่จะออกมาวันนี้ จะเป็นประโยชน์กับส่วนรวม เป็นการช่วยกันคิด ร่วมกันทำของคนไทย เพื่ออนาคตของเรา ในภาวะที่หลาย ๆ อย่างสุ่มเสี่ยง แต่โอกาสก็มีเยอะ ถ้าช่วยกันคิด ช่วยกันบริหารจัดการความท้าทาย ทำสิ่งที่มีให้เกิดขึ้นได้ เมื่อสถานการณ์คลี่คลายก็จะทำให้คนไทยเดินหน้าต่อไป ประเทศเติบโต พร้อมรับความท้าทายในอนาคต 

นายอุตตม กล่าวว่า วันนี้ประเทศไทย เผชิญความท้าทาย แต่ไม่ใช่ทุกอย่างแย่ไปหมด แต่ทำอย่างไรจะก้าวไปด้วยกัน ไม่ทิ้งภาคใดเผชิญปัญหาให้ล้มลงเป็นภาระ นโยบายสาธารณะเป็นสิ่งจำเป็น แต่แผนงานที่ขับเคลื่อนได้จริงสำคัญมากกว่า วันนี้ผู้ที่จะมารับผิดชอบการขับเคลื่อนต้องเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐ และเอกชน รัฐต้องส่งเสริมภาคเอกชนให้ก้าวเดินต่อไปได้ กฎระเบียบที่จำเป็นต้องเปลี่ยน ให้สามารถขับเคลื่อนไปได้ก็ต้องทำ วันนี้โลกเปลี่ยน เราก็ต้องเปลี่ยนแปลงจึงจะรอด และพัฒนาไปได้ ถ้าหากคิด และทำแบบเดิม ๆ ไม่อาจตอบโจทย์ไปสู่ทิศทางที่ต้องการได้ การเติมทุน การขับเคลื่อนเชิงรุก ทำอย่างไรให้ประเทศเป็นที่สนใจของนักลงทุน ซึ่งตรงนี้ได้มีการเริ่มต้นเรื่อง EEC เอาไว้แล้ว ก็ต้องใช้ EEC เป็นตัวสร้างโอกาสดึงดูดนักลงทุนเข้ามา และสุดท้ายธรรมาภิบาลคือสิ่งสำคัญที่ต้องมี เพราะจะช่วยให้การขับเคลื่อนประเทศเป็นไปอย่างยั่งยืน 

ขณะที่ ดร.บัณฑิต มองว่าจากปัจจัยผลกระทบเศรษฐกิจจากสถานการณ์โลกที่เผชิญอยู่ขณะนี้  ทั้งภาวะสงคราม สถานการณ์ราคาพลังงานแพง การขาดแคลนอาหาร จะมีความยืดเยื้อ ดังนั้นแนวทางแก้ปัญหาโดยมุ่งเน้นการใช้จ่ายจากภาครัฐนั้นไม่ตอบโจทย์ และต้องระมัดระวังอย่างมาก เพราะผลที่จะตามมาคือการเร่งตัวของภาวะเงินเฟ้อให้เร็วขึ้น รวมถึงการสร้างภาระทางการเงินจากเงินกู้มากขึ้น  โดยได้เสนอ 3 แนวทางแก้ปัญหาหลักสำคัญที่ประเทศต้องให้ความสำคัญ คือ 1. การแก้ไขภาวะเงินเฟ้อ ควรใช้กลไกตลาดมากกว่าการควบคุม เพราะมาตรการควบคุมเป็นมาตรการที่ใช้ในระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งไม่ตอบโจทย์สถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน และหากมุ่งเน้นมาตรการควบคุมประเทศอาจจะเผชิญปัญหาการขาดแคลนสินค้า เนื่องจากไม่คุ้มทุนการผลิตของผู้ประกอบการ 2.การช่วยเรื่องการปรับตัวของระบบเศรษฐกิจ ทั้งเรื่องสภาพคล่อง การประนอมหนี้ การดูแลค่าเงินให้มีความสมดุล 3.การประหยัด ซึ่งภาครัฐต้องส่งสัญญาณให้เกิดความร่วมมือกันของคนในประเทศ โดยเฉพาะเรื่องพลังงาน อย่างเช่นประเทศญี่ปุ่นที่ขณะนี้ออกมาประกาศลดการใช้พลังงานไฟฟ้า เป็นต้น นอกจากนี้ ยังได้เสนอแนะให้ภาครัฐใช้ศักยภาพประเทศเกษตรกรรม ในสถานการณ์ที่โลกขาดแคลนอาหาร ผลักดันผลผลิตภาคการเกษตร การผลิตอาหาร เพื่อสร้างโอกาสใหม่ สร้างรายได้ให้กับประเทศในช่วงที่โลกกำลังประสบปัญหา


 
น.ส.จรีพร กล่าวว่า ทุกวิกฤตย่อมมีโอกาสแต่ต้องมองให้เห็น วันนี้โลกเปลี่ยนไปจากอดีตมากประเทศไทยต้องปรับตัวให้มากขึ้น ต้องก้าวไปสู่ระบบเศรษฐกิจใหม่ เพราะระบบเศรษฐกิจแบบเดิมไม่สามารถแข่งขันในเวทีโลกได้ โดยเฉพาะการแข่งขันด้านเทคโนโลยี ประเทศไทยต้องเปลี่ยน และเพิ่มขีดความสามารถด้านนี้ วันนี้ประเทศไทยยังเป็นที่สนใจของนักลงทุนทั่วโลก เราต้องดึงพวกเขามา เพื่อสร้างเม็ดเงินลงทุนในประเทศ เป็นแรงในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้ที่จะฝากไว้คือเราต้องส่งเสริมสตาร์ทอัพ ให้เกิดขึ้นในประเทศไทยมากๆ 

นายแสงชัย กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มเอสเอ็มอีประสบปัญหาเรื่องรายได้ที่ลดลงอย่างมาก เนื่องจากต้นทุนการผลิตวัตถุดิบสูงขึ้นทุกรายการจากสถานการณ์ราคาพลังงานแพง เช่น ข้าวสาลีมีราคาสูงร้อยละ 45.60 ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สูงขึ้นร้อยละ 26.37 ซึ่งต้นทุนที่สูงขึ้นทำให้เป็นอุปสรรคในการทำธุรกิจ และเสี่ยงต่อการทำให้ขาดทุนเป็นหนี้เพิ่ม ซึ่งขณะนี้หนี้เอสเอ็มอีสูงอยู่แล้วจากโควิด โดยระดับหนี้เสียในไตรมาสแรกปีนี้สูงเกือบ 6.7 แสนล้านบาท หรือ คิดเป็นร้อยละ 19.2 ของพอร์ตสินเชื่อทั้งระบบ ขณะที่การเข้าถึงสินเชื่อและแหล่งทุนยังคงมีปัญหาต่อเนื่อง และแม้ธนาคารแห่งประเทศไทยจะออก 7 มาตรการช่วยเหลือด้านเงินทุนการประนอมหนี้แต่ที่ผ่านมาเอสเอ็มอีไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ ซึ่งปัญหาดังกล่าวทำให้มีความเป็นห่วงว่าจะผลักดันให้เอสเอ็มอีเข้าสู่วงจรหนี้นอกระบบเพิ่มขึ้น ดังนั้น จึงต้องการให้ธนาคารควรเพิ่มความยืดหยุ่นในการพิจารณาสินเชื่อเพื่อให้มีสภาพคล่องในการทำธุรกิจ นอกจากนี้ยังมองว่า กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีของ สสว.กระทรวงอุตสาหกรรม ที่มีอยู่ยังไม่ได้ตอบโจทย์การช่วยเหลือเอสเอ็มอีรายเล็ก โดยรัฐบาลต้องบูรณาการหน่วยงานที่มีอยู่จำนวนมากและกระจัดกระจายระดมเข้ามาช่วยเหลือเอสเอ็มอี เช่น การพัฒนาแพคเกจจิ้ง แนวทางการวางแผน business model เพื่อให้ธนาคารยอมปล่อยสินเชื่อให้กลุ่มเอสเอ็มอีสามารถเดินต่อไปได้


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top