Saturday, 26 April 2025
TheStatesTimes

30 พฤษภาคม พ.ศ. 2484 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ล้นเกล้ารัชกาลที่ 7 เสด็จสู่สวรรคาลัย

30 พ.ค. ของทุกปี เป็น ‘วันพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว’ น้อมรำลึกวันสวรรคตของล้นเกล้ารัชกาลที่ 7 กษัตริย์นักประชาธิปไตย 

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปกฯ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 พระราชสมภพเมื่อวันพุธที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2436 ทรงเป็นพระราชโอรสองค์สุดท้องในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ทรงศึกษาในระดับมัธยมที่วิทยาลัยอีตัน ประเทศอังกฤษ

จากนั้นทรงศึกษาต่อด้านวิชาการทหารที่โรงเรียนนายร้อยเมืองวูลิช และทรงอภิเษกสมรสกับหม่อมเจ้าหญิงรำไพพรรณี สวัสดิวัตน์ เมื่อพ.ศ. 2461 เสด็จขึ้นครองราชย์ตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบพระราชสันตติวงศ์เมื่อพุทธศักราช 2467 

ทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2468 (นับตามปฏิทินปัจจุบัน คือ พ.ศ. 2469) และทรงสละราชสมบัติขณะประทับที่ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2477 (พ.ศ. 2478 ตามปฏิทินปัจจุบัน) เนื่องด้วยความคิดเห็นที่ขัดแย้งทางการเมืองบางประการ

หลังจากนั้นได้ประทับอยู่ที่ประเทศอังกฤษจนกระทั่งสวรรคตเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม พุทธศักราช 2484 ขณะมีพระชนมายุ 48 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ทรงจัดการถวายพระเพลิงพระบรมศพเป็นการส่วนพระองค์อย่างเรียบง่าย ปราศจากพิธีการใด ๆ ที่สุสานโกลเดอร์ส กรีน (Golders Green)

กระทั่งในในปี พ.ศ. 2492 รัฐบาลได้กราบบังคมทูลสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ขอพระราชทานให้ทรงอัญเชิญพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวกลับสู่ประเทศไทย เพื่ออัญเชิญขึ้นประดิษฐานไว้ร่วมกับสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าในพระบรมมหาราชวัง ในการนี้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการพระราชพิธีทักษิณานุปทานอุทิศถวายตามพระราชประเพณี

หลังจากนั้นทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิขึ้นประดิษฐาน ณ หอพระบรมอัฐิ ซึ่งอยู่ชั้นบนของพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ส่วนพระบรมสรีรางคารนั้นทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บรรจุไว้ที่พระพุทธบัลลังก์พระพุทธอังคีรสภายในพระอุโบสถ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร
 

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ ที่ 29 พฤษภาคม 2565 : สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป. อ. ปยุตฺโต)

ลัทธิรอโชคช่วย
ลัทธิหวังผลดลบันดาล
เวลานี้กลาดเกลื่อน
แพร่ไปทั่วสังคมไทย
เป็นลัทธิตรงข้าม
กับ “พุทธศาสนา”

WHO ซูฮก!! ยกไทยพิชิตโควิดยอดเยี่ยม ขอนำแนวทางไปปรับในระดับสากล

‘บิ๊กตู่’ ชื่นชมบุคลากรทางการแพทย์ไทย 2 ท่าน ขึ้นรับรางวัลจาก WHO ระหว่างการประชุมสมัชชาอนามัยโลก สมัยที่ 75 พร้อมขอบคุณทีมไทยแลนด์แสดงศักยภาพด้านสาธารณสุขไทยเป็นที่ยอมรับระดับโลก 

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ชื่นชมความสำเร็จของบุคลากรทางการแพทย์จากประเทศไทย 2 ท่าน ที่ได้รับรางวัลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ประกอบด้วย ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ในรางวัล Dr LEE Jong-wook Memorial Prize for Public Health และนพ.ไพศาล ร่วมวิบูลย์สุข นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ ด้านเวชกรรม สาขาจักษุวิทยา โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ ในรางวัล Sasakawa Health Prize สำหรับพิธีมอบรางวัลได้จัดขึ้นในวันเดียวกันนี้ (27 พ.ค.) ระหว่างการประชุมสมัชชาอนามัยโลก สมัยที่ 75  ที่นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ซึ่งในส่วนของ ศ.นพ.ประกิต ติดภารกิจไม่สามารถเดินทางไปรับรางวัลด้วยตนเอง นางสุพัตรา ศรีไมตรีพิทักษ์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสำนักงานสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา จึงเป็นผู้ขึ้นรับรางวัลแทน 

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า บุคลากรทางการแพทย์ทั้ง 2 ท่าน ได้รับการยกย่องจาก WHO เนื่องด้วยเป็นผู้ที่มีคุณูปการต่อวงการสาธารณสุข โดย ศ.นพ.ประกิต วาธีสาธกกิจ ได้ทำงานภาคประชาสังคมในการสร้างเสริมสุขภาพ โดยเฉพาะการรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ มีผลงานเชิงประจักษ์เป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ ขณะที่ นพ.ไพศาล ร่วมวิบูลย์สุข เป็นจักษุแพทย์เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคจอประสาทตา ที่มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาตาบอดในประเทศไทย โดยเฉพาะภาวะเบาหวานเข้าจอประสาทตา โดยพัฒนาวิธีการคัดกรอง ริเริ่มโครงการสำคัญๆ กระทั่งจำนวนผู้ป่วยที่ตาบอดอันเนื่องมาจากภาวะเบาหวานเข้าจอประสาทตาลดลงอย่างมาก

เวทีเช็กเสียง ยกระดับคว่ำบาตร เกมหยั่งเสียงจาก ‘สหรัฐฯ’ แม้รู้ว่า ‘จีน-รัสเซีย’ ต้อง Veto ป้องโสมแดง

เมื่อ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา ในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ‘จีน’ และ ‘รัสเซีย’ ได้ขอใช้สิทธิ์ในการเป็นสมาชิกถาวร Veto ญัตติของสหรัฐอเมริกา ที่ต้องการให้องค์การสหประชาชาติเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือให้เข้มข้นยิ่งขึ้น จากการที่เกาหลีเหนือได้ทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีปเมื่อเร็วๆ นี้

กรณีเกาหลีเหนือยิงทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลถึง 3 ลูก ทางด้านชายฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรเกาหลี เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (25 พ.ค.65) ไล่หลัง โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ที่เพิ่งจบภารกิจการเยือนญี่ปุ่น และเกาหลีใต้เป็นเวลา 5 วันอย่างเป็นทางการเพียงไม่กี่ชั่วโมงนั้น ทางสหรัฐฯ มองว่าเป็นการท้าทายอย่างชัดเจน จนเป็นเหตุให้รัฐบาลวอชิงตัน ต้องชงญัตติเพิ่มระดับการคว่ำบาตรโสมแดงเข้าที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ซึ่งจะครอบคลุมถึงการลดปริมาณการนำเข้าน้ำมันสำหรับประชาชนเกาหลีเหนือจาก 4 ล้าน ให้เหลือแค่ 3 ล้านบาร์เรลอีกด้วย

สหรัฐฯ ได้อ้างเหตุผลว่า เกาหลีเหนือได้ละเมิดข้อตกลงที่ให้ไว้กับสภาความมั่นคงในปี 2017 ว่าจะระงับการพัฒนาขีปนาวุธพิสัยไกล แต่ทว่ารัฐบาลเปียงยางกลับรื้อฟื้นแผนการทดสอบขีปนาวุธขึ้นมาใหม่ และอ้างว่าสามารถพัฒนาได้ถึงขั้นขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีปได้แล้ว 

อย่างไรก็ตาม ฟาก จีน ซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดที่สุดของเกาหลีเหนือ ก็ได้จับมือกับรัสเซีย ใช้สิทธิ์สมาชิกถาวรของสภาความมั่นคง คัดค้านข้อเสนอของสหรัฐฯ โดยมองว่าข้อตกลงร่วมเรื่องการคว่ำบาตรตามหลักการแบบเดิมก็เหมาะสมอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเพิ่มมาตรการคว่ำบาตร หรือตั้งให้เป็นข้อบังคับที่มีผลกับทุกประเทศในสหประชาชาติเพียงเพื่อต้องการเล่นงานเกาหลีเหนือ 

'บิ๊กน้อย' โพสต์ตอบโซเชียล “ยอมรับมองคนผิด” นึกว่าเขาจะทำเพื่อปชช. ลั่นไม่หนุนล้มรัฐบาล

(27 พ.ค.65) จากเฟซบุ๊กของ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา อดีตหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย(ศท.) ที่โพสต์อยากเห็นประเทศเปลี่ยนแปลงของประเทศในทางที่ดีขึ้น ในวันที่ลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย ซึ่งมีผู้เข้ามาคอมเมนต์จำนวนมากนั้น 

ด้าน พล.อ.วิชญ์ ได้เข้าไปตอบกลับหลายคอมเมนต์ อาทิ คอมเมนต์ที่ระบุว่า “ไปยอมเป็นลูกน้อง รอ.เพื่ออะไร” ซึ่งพล.อ.วิชญ์ ได้ตอบกลับไปว่า “ในพรรคการเมือง ไม่มีใครเป็นลูกน้องใครครับ ผมเข้ามาช่วยทำงานตามคำเชิญของเขา ด้วยคิดผิดว่า เขาจะทำเพื่อประชาชน และประเทศชาติครับ ต้องขอโทษทุกท่านที่ผมมองคนผิดไปครับ”

และคอมเมนต์ที่ระบุว่า “ไปเชื่อใครไม่เชื่อ ไปเชื่อรอ.” พล.อ.วิชญ์ ตอบคอมเมนต์ว่า “ต้องขออภัยด้วยครับ ผมเองไม่ได้รู้จักกันดี มองคนผิด เห็นภาพเป็นคนทำงาน คิดว่าจะช่วยกันทำงานได้ ผมตั้งใจทำงานให้บ้านเมืองมาโดยตลอด ไม่เห็นด้วยกับการที่จะมองแต่ประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง ชีวิตคนเราตายไป เอาไปไม่ได้สักอย่างครับ”

'สุริยะ' ดัน DIPROM Community ชุบชีวิต ศก.ฐานราก ชี้!! ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยเพิ่ม 7 พันล้านบาท

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม มอบนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนผ่านการ Kick Off พัฒนาอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ให้ชุมชนดีพร้อม สั่งการอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมมุ่งเป้าการพัฒนาชุมชนเปลี่ยนผ่านจากยุคที่ 3 หมู่บ้าน CIV ก้าวไปสู่ยุคที่ 4 “ชุมชนดีพร้อม หรือ DIPROM Community อย่างเต็มรูปแบบทั่วทุกพื้นที่ในประเทศไทย คาดกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจมากกว่า 7,000 ล้านบาท

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด19 เป็นวิกฤติการณ์ระดับโลกที่ก่อให้เกิดผลกระทบในทุกมิติ โดยเฉพาะมิติด้านเศรษฐกิจ ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนัก รัฐบาลภายใต้การนำของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึงได้ให้ความสำคัญกับการลดความเหลื่อมล้ำ และการสร้างเศรษฐกิจชุมชนให้เข้มแข็ง โดยมุ่งเน้นการพัฒนาและส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากโดยเฉพาะในระดับชุมชน ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ

นายสุริยะ จึงได้สั่งการให้ดีพร้อม ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน ดำเนินโครงการเพื่อเร่งฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดยเน้นอุตสาหกรรมที่เป็นเศรษฐกิจฐานราก ภาคเกษตรอุตสาหกรรม, ภาคการผลิตสินค้า และภาคบริการของชุมชน ให้สามารถฟื้นตัวกลับมาสู่ปกติโดยเร็ว ผ่านนโยบายในการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนที่เน้นการปรับรูปแบบการดำเนินงานให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของการใช้ชีวิตวิถีใหม่ เพื่อมุ่งเป้าการพัฒนาชุมชนก้าวไปสู่ยุคที่ 4 

โดยพัฒนาจาก “หมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ หรือ หมู่บ้านซีไอวี (CIV)” ในยุคที่ 3 สู่กลไกใหม่ในยุคที่ 4 “ชุมชนดีพร้อม หรือ DIPROM Community” ซึ่งเป็นชุมชนที่มีความเข้มแข็งและสามารถสร้างรายได้อย่างยั่งยืน ซึ่งมีการพัฒนาที่ครบถ้วนใน 7 มิติที่ดีพร้อม ทั้ง แผนชุมชน, คนชุมชน, แบรนด์ชุมชน, ผลิตภัณฑ์ชุมชน, เครื่องจักรชุมชน, ตลาดชุมชน และเงินหมุนเวียนในชุมชน 

ถือเป็นการ “เปลี่ยนวิถีใหม่ ปรุง 7 วิธี ปั้นชุมชนดีพร้อม” เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนให้ดีพร้อมอย่างเต็มรูปแบบทั่วทุกพื้นที่ในประเทศไทย คาดกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจมากกว่า 7,000 ล้านบาท 

รู้จัก มูลนิธิพลเอก เปรม ฯ กรมดุริยางค์ทหารบก แหล่งปั้น ‘นักดนตรีทหาร’ มรดกจาก ‘รัฐบุรุษศิลปิน’

จะเป็นการดีแค่ไหน? หากได้เรียนดนตรี แล้วยังมีโอกาสได้ประดับยศบนบ่า!! 

แน่นอนว่า เรื่องเหล่านี้จะมิมีวันเป็นไปได้ หากปราศจากการสนับสนุนของ ‘มูลนิธิ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ กรมดุริยางค์ทหารบก เพื่อพัฒนาการดนตรี’ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่อยู่คู่กรมดุริยางค์มายาวนาน และคอยสรรสร้างนักเรียน รวมถึงนักดนตรีทหาร มานับไม่ถ้วน 

มูลนิธิแห่งนี้เกิดขึ้นภายใต้ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ หรือ ‘ป๋าเปรม’ ที่คนไทยเรียกกันติดปาก ซึ่งเดิมท่านถือเป็นอีกหนึ่งบุคคลที่ให้ความรักต่อเสียงดนตรีมาอย่างยาวนาน และนั่นก็เป็นแรงผลักดันหนึ่งที่ทำให้เกิดการก่อตั้ง ‘มูลนิธิ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ กรมดุริยางค์ทหารบก เพื่อพัฒนาการดนตรี’ ขึ้นมา

สำหรับมูลนิธิฯ ดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและปรับปรุงกิจการดนตรีของกองทัพบก ให้มีความทันสมัย ทั้งทางด้านบุคลากรนักดนตรี และอุปกรณ์เครื่องดนตรี รวมถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่ๆ ด้านเสียงเพลง อีกทั้งยังมีการผลักดันให้เกิดมาตรฐานของห้องแสดงดนตรีที่มีระบบเสียงสมบูรณ์แบบ เพื่อใช้ในการแสดงดนตรี หรือฝึกซ้อมการแสดงต่างๆ ตลอดจนห้องบันทึกเสียงที่มีคุณภาพระดับสากล สามารถผลิตผลงานทางดนตรีที่มีคุณภาพได้ 

ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความรักในเสียงดนตรีของ ‘ป่าเปรม’ ทำให้ท่านมีส่วนในการประพันธ์บทเพลงไว้มากถึง 200 บทเพลง ซึ่งทางมูลนิธิก็เปิดกว้างสำหรับผู้ที่ต้องการใช้บทเพลง สามารถทำหนังสือขออนุญาตได้อีกด้วย

นอกจากบทบาทของการผลักดันโลกแห่งดนตรีผ่านกองทัพแล้ว ทางมูลนิธิฯ ยังมีความประสงค์เป็นตัวแทนภาคสังคมในการสนับสนุนเพื่อให้ทุนการศึกษากับนักเรียนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางธรรมชาติ จนถึงการจัดทำโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อยอดให้เยาวชนและสังคมอย่างต่อเนื่อง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ วอน!! ผู้ใช้รถใช้ถนนโปรดขับขี่อย่างระมัดระวังหน้าสถานศึกษา

สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอความร่วมมือผู้ใช้รถใช้ถนนโปรดเอื้อเฟื้อแก่นักเรียน นักศึกษา ที่ใช้ทางข้ามหน้าโรงเรียนและสถานศึกษา และใช้ความระมัดระวังในทางข้ามเสมอ 

(27 พ.ค. 65) พล.ต.ต.หญิง วิชญ์ชยากร ณิชาบวร รองโฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า  พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ.2522 ม.22 ผู้ขับขี่ต้องขับรถด้วยความระมัดระวัง และต้องให้สิทธิแก่คนเดินเท้าในทางข้าม ส่วนบทลงโทษที่ไม่หยุดให้คนข้าม บริเวณทางข้าม หรือบริเวณที่มีสัญญาณไฟจราจรแสดงสัญลักษณ์ให้คนข้ามถนนได้ มีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท แต่ถ้าการไม่หยุดรถให้คนข้ามทำให้เกิดเหตุการณ์ เฉี่ยวชน จนทำให้ผู้เดินเท้าเกิดการบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต ผู้ขับขี่จะมีความผิด  และได้รับโทษตามกฎหมายอื่นอีก นอกเหนือจากความผิด พ.ร.บ.จราจร ดังกล่าว

รองโฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวอีกว่า ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2565 เป็นต้นมา เป็นเวลาเปิดเรียนของนักเรียนทุกช่วงชั้น  รวมถึงวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยต่างๆ จะทยอยเปิดการเรียนการสอนเต็มรูปแบบ ส่งผลให้การจราจรหนาแน่น  โดยเฉพาะบริเวณหน้าโรงเรียนและสถานศึกษาต่างๆ ที่แม้จะมีทางข้ามที่ชัดเจนและมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร  รวมถึงอาสาจราจร ที่มีทั้งครู อาจารย์ และนักเรียนที่ช่วยกันอำนวยความสะดวกการจราจรและดูแลความปลอดภัย  เช่น มีการถือธงโบกแสดงสัญลักษณ์ว่ามีคนกำลังใช้ทางข้าม  เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นในบริเวณทางข้าม ตามที่ปรากฏเป็นข่าวทางสื่อมวลชนเมื่อไม่นานมานี้

นายกสมาคมแม่บ้านทหารอากาศ เป็นประธานเปิดโครงการแม่บ้านทัพฟ้า พัฒนาศักยภาพคนพิการ จังหวัดชายแดนใต้ ประจําปี 2565

(27 พ.ค.65) คุณปัญญดาว ธูปะเตมีย์ นายกสมาคมแม่บ้านทหารอากาศ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการแม่บ้านทัพฟ้า พัฒนาศักยภาพคนพิการ จังหวัดชายแดนใต้ ประจําปี 2565 ณ กองกําลังทางอากาศเฉพาะกิจที่ 9 สนามบินบ่อทอง อําเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี โดยมี พลอากาศโท วรกฤต มุขศรี ประธานชุมนุมนายเรืออากาศ รุ่นที่ 31, พลอากาศโท ชัยนาท ผลกิจ เจ้ากรมกิจการพลเรือน, นาวาอากาศเอก ภราดร คุ้มทรัพย์ ประธานมูลนิธิพัฒนาศักยภาพคนพิการ, พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนใต้, นายนิพันธ์ บุญหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี, นายเศรษฐ์  อัลยุฟรี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี, นางสาวสราญภัทร อนุมัติราชกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ, นายขรรค์ ประจวบเหมาะ ผู้อำนวยการฝ่ายจัดหารายได้และผู้อำนวยการสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย, พลอากาศตรี นายแพทย์อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา, รศ.สุภัทรา โกไศยกานนท์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร และนาวาอากาศเอก จักรกฤษณ์  กลิ่นสาหร่าย ผู้บังคับการกองกำลังทางอากาศเฉพาะกิจที่ 9 นายเสริมศักดิ์วงศ์ชัยประธานชมรมพัฒนาสัมสัมพันธ์ระดับผู้บริหารกองทัพอากาศ (พสบ.ทอ) และ (พสบ.ทอ.11-16) นาย เชาวริน ชาญสายชล นายปกรณ์สิน ทิพยจันทร์นางสาวพรรณวิภา ศุภธนพัฒน์ รองประธาน พสบ.ทบ28 นายธวัชชัย กิตติรัตนวิวัฒน์นายกสมาคมสื่อมวลชนเพื่อสังคมเข้าร่วมพิธี

สมาคมแม่บ้านทหารอากาศ ได้ดำเนินโครงการแม่บ้านทัพฟ้า พัฒนาศักยภาพคนพิการ จังหวัดชายแดนใต้ ร่วมกับมูลนิธิพัฒนาศักยภาพคนพิการ ชุมนุมนายเรืออากาศรุ่นที่ 31 และภาคีเครือข่าย ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยเริ่มมาตั้งแต่ปี 60 ซึ่งปีนี้เป็นปีที่ 6 ของโครงการ โดยมีเจตนารมย์ในการสร้างภูมิคุ้มกันของแผ่นดิน ถือเป็นภารกิจที่สำคัญของภาคีเครือข่าย โดยมีวัตถุประสงค์หลัก คือ...

1. การสร้างคน คือ แกนนำคนพิการ แกนนำนิสิตนักศึกษาเพื่อช่วยเหลือคนพิการ กลุ่มเปราะบางในพื้นที่ 
2. การสร้างสวัสดิการสังคม สำหรับคนพิการ ทำให้คนพิการมีความมั่นคงด้านความเป็นอยู่ เข้าถึงระบบสวัสดิการของรัฐได้อย่างทั่วถึง เท่าเทียมและเป็นธรรม 
3. การสร้างชุมชน ทำให้ทุกคนในชุมชนตระหนักและเข้าใจในเรื่องความพิการและคนพิการ

โดยมุ่งเน้นการพัฒนาให้เกิดรูปแบบเครือข่ายอาสาสมัครพัฒนาศักยภาพคนพิการจากกลุ่มแกนนำ นิสิตนักศึกษาในสถานศึกษาจังหวัดชายแดนใต้ เพื่อเป็นกลไกร่วมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการที่สามารถปฏิบัติได้จริง รวมถึงการขยายฐานให้ครอบคลุมและมากยิ่งขึ้น การพัฒนารูปแบบระบบสวัสดิการสังคมในชุมชนที่เป็น “ต้นแบบ” ในพื้นที่นำร่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการสร้างความร่วมมือและการมีส่วนร่วมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ที่สามารถเชื่อมโยงส่งเสริมสนับสนุนให้องค์กรของคนพิการในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ได้รับการพัฒนาให้เป็นองค์กรที่มีศักยภาพ

สำหรับผลการดำเนินโครงการที่ผ่านมานั้น สามารถพัฒนารูปแบบการทำงานได้อย่างเป็นรูปธรรมและเหมาะสมกับบริบทในแต่ละพื้นที่ จนปัจจุบันเกิดการสานพลังจากภาคีเครือข่ายด้านต่างๆ เข้ามาร่วมพัฒนาโครงการเพื่อสร้างแรงผลักดันทำให้เกิดนโยบายในเชิงปฏิบัติจริงของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะนำไปสู่ความยั่งยืนได้ 

กิจกรรมในวันนี้ ประกอบด้วย การมอบอุปกรณ์ช่วยเหลือสำหรับผู้พิการ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมมูลค่า 1,000,000 บาท อาทิ รถโชเล่ย์ จำนวน 10 คัน, รถวีลแชร์ จำนวน 100 คัน, ถุงอุปกรณ์ทางการแพทย์ จำนวน 300 ถุง, เตียงผู้ป่วย, Alternating Bubble Mattress, ข้าวสาร จำนวน 300 ถุง, Walker โครงอลูมิเนียม, ตู้ยาแสตนเลส, เครื่องมือช่าง มูลนิธิ อนันตา โดยประธาน คุณจันทรา ธนาวุฒิวศิ บริษัท อัลติเมท โลจิสติคส์ จำกัด โดย วิชัย ธนาวุฒิวซิน บริจาค เตียงผู้ป่วย รถเข็น และ ที่นอนลม และอื่นๆ รวมถึงการเลี้ยงอาหารกลางวันให้กับผู้พิการที่เข้าร่วมกิจกรรม

'BTS' เตรียมพบ 'ไบเดน' ในฐานะทูตเยาวชน หารือประเด็นไม่ทิ้ง 'คนเอเชีย' ไว้ข้างหลัง

วงไอดอลเกาหลีใต้ชื่อดังก้องโลกอย่าง BTS จะเข้าร่วมการหารือกับ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ทำเนียบขาว เพื่อหารือประเด็นตอบรับกับความเกลียดชัง ต่อชาวเอเชียในสหรัฐฯ ที่พุ่งสูงขึ้นตลอดระยะเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้

ทำเนียบขาวแถลงเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมานี้ (26 พ.ค.) ว่า วง BTS จะหารือกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ บนประเด็น “การไม่ทิ้งคนเอเชียเอาไว้ข้างหลัง และการสร้างภาพแทน (คนเอเชีย)” ในสหรัฐฯ และหยิบประเด็นอาชญากรรมความเกลียดชัง และการเลือกปฏิบัติต่อชาวเอเชีย ขึ้นมาพูดคุยกันเพื่อหาทางออก

การเข้าหารือของวงไอดอลเกาหลีใต้ที่เป็นที่นิยมในสหรัฐฯ เป็นอย่างมากนั้น จะเกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์หน้าช่วงวันอังคาร โดยการหารือดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ไบเดนเดินทางเยือนเกาหลีใต้อย่างเป็นทางการเมื่อสัปดาห์ก่อน ในฐานะที่เกาหลีใต้เป็นพันธมิตรเก่าแก่ของตนในภูมิภาคเอเชียตะวันออก

ไบเดนออกมาประกาศอย่างจริงจังว่า ตนจะมอบคำสัญญาในการจัดการตอบรับ กับปัญหาอาชญากรรมความเกลียดชัง ที่เกิดขึ้นต่อชาวเอเชียในสหรัฐฯ ที่พุ่งสูงขึ้น
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top