Tuesday, 16 April 2024
TheStatesTimes

สรุปผลเลือกผู้ว่าฯ กรุงเทพ ‘ชัชชาติ’ ได้ 1.3 ล้านเสียง

‘ดร.เอ้’ รั้งอันดับ 2 ด้วยคะแนน 2.5 แสน ทิ้งห่าง ‘วิโรจน์’ 785 คะแนน ตามด้วย ‘สกลธี’ และ ‘อัศวิน’ ตามลำดับ ส่วนผลเลือก ส.ก. เพื่อไทย ได้ 19 ที่นั่ง พรรคก้าวไกล ได้ 14 ที่นั่ง และพรรคประชาธิปัตย์ ได้ 9 ที่นั่ง

วันนี้ (22 พ.ค.) เมื่อเวลา 01.55 น. ผลคะแนนการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (อย่างไม่เป็นทางการ) ครบ 100% จากการนับคะแนนครบทุกหน่วยเลือกตั้ง 6,817 หน่วย มีประชาชนมาใช้สิทธิ 2,673,696 คน จากผู้มีสิทธิทั้งหมด 4,402,948 คน คิดเป็นร้อยละ 60.73 โดยมีผลเลือกตั้งดังนี้

1. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครอิสระ ได้รับคะแนนไปทั้งหมด 1,386,769 คะแนน
2. นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ 254,723 คะแนน
3. นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัคร ผู้ว่าฯ กทม. พรรคก้าวไกล 253,938 คะแนน
4. นายสกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัครอิสระ 230,534 คะแนน
5. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้สมัครอิสระ 214,805 คะแนน
6. รสนา โตสิตระกูล ผู้สมัครในนามอิสระ 79,009 คะแนน
7. นาวาอากาศตรี ศิธา ทิวารี ผู้สมัครพรรคไทยสร้างไทย 73,826 คะแนน

ส่วนของผลการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร หรือ ส.ก. (อย่างไม่เป็นทางการ) เมื่อเวลา 01.55 น.

พรรคเพื่อไทย ได้ 19 ที่นั่ง
พรรคก้าวไกล ได้ 14 ที่นั่ง
พรรคประชาธิปัตย์ ได้ 9 ที่นั่ง
กลุ่มรักษ์กรุงเทพ ได้ 2 ที่นั่ง
พรรคพลังประชารัฐ ได้ 2 ที่นั่ง
พรรคไทยสร้างไทย ได้ 2 ที่นั่ง
กลุ่มอิสระได้ 2 ที่นั่ง


ที่มา : https://mgronline.com/politics/detail/9650000048641

รอง.ผบ.ตร. พอใจ การเลือกตั้งผู้ว่า กทม. และนายกเมืองพัทยา ไร้เหตุรุนแรง 

วันนี้ (22 พ.ค. 65) เวลา 17.00 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ผู้อำนวยการศูนย์รักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกตั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศลต.ตร.) สรุปผลการปฏิบัติงานการเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพ และ นายกเมืองพัทยา ภาพรวมเรียบร้อยดี ไร้เหตุรุนแรง พบกระทำผิด 5 ราย 

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. สั่งการให้มีการติดตามสถานการณ์การเลือกตั้งฯ อย่างใกล้ชิด โดย ศลต.ตร. ได้เฝ้าติดตามสถานการณ์ในพื้นที่เลือกตั้งนับตั้งแต่เปิดศูนย์เมื่อวันที่ 10 พ.ค. 65 ไปจนถึง 24 พ.ค. 65 

รอง.ผบ.ตร. ลงพื้นที่ตรวจหน่วยเลือกตั้งผู้ว่า กทม. และนายกเมืองพัทยา สั่งตำรวจดูแลจนกว่าการเลือกตั้งจะเสร็จสื้น 

วันนี้ (22 พ.ค. 65) เวลา 08.00 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ผู้อำนวยการศูนย์รักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกตั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศลต.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ รอง ผบช.น. ลงพื้นที่ตรวจหน่วยการเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพ และ นายกเมืองพัทยา กำชับกำลังพลตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ให้ดูแลประชาชน และการเลือกตั้งจนกว่าการเลือกตั้งจะเสร็จสิ้น 

ต่อมา เวลา 08.30 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ฯ พร้อมคณะ ได้เดินทางไปตรวจหน่วยเลือกตั้งที่ 35-47 (13 หน่วย) รร.อุดมศึกษา ลาดพร้าว 94 เขตวังทองหลาง ซึ่งมีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 9,573 คน เพื่อเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์และกำชับการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำหน่วยเลือกตั้ง โดยมี พล.ต.ต.พรชัย กลิ่นขจร ผบก.น.4 และ พ.ต.อ.กันตภณ โพธิ์อ๊ะ ผกก.สน.วังทองหลาง รายงานสถานการณ์ภายในพื้นที่ 

ก่อนคณะ รอง ผบ.ตร. จะเดินทางไปตรวจหน่วยเลือกตั้ง หน่วยที่ 13 เต็นท์ใต้ทางด่วน ซอยประดิพัทธ์ 5 (เรวดีเหนือ) แขวงสามเสนใน เขตพญาไท โดยมี พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2 และ พ.ต.อ.กฤษฎางค์ จิตตรีพล ผกก.สน.บางซื่อ รอรับและนำตรวจพื้นที่ โดยหน่วยเลือกตั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหม จะมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งด้วย 

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. สั่งการให้มีการติดตามสถานการณ์การเลือกตั้งฯ อย่างใกล้ชิด โดยในวันนี้ ศลต.ตร. จะมีการประชุมช่วงเวลา 10.30 และ 17.00 น. เพื่อติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อีกครั้ง ก่อนหน้านี้ยังไม่พบการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง มีเพียงการทำลายป้ายหาเสียงจำนวน 7 คดี 32 ป้าย จับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย พื้นที่ สน.หนองค้างพลู และ สน.วังทองหลาง ซึ่งการทำลายป้ายของผู้สมัครนั้น จะเป็นความผิดฐาน "ทำให้เสียทรัพย์" ตาม ป.อาญา ม.358 

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมบุญก่อสร้าง “ศาลเจ้าไต้ฮงกง (สาทร)” ประดิษฐานองค์ไต้ฮงกงหยกขาวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย พร้อมเป็นแลนด์มาร์กใหม่ของมูลนิธิฯ ด้านกิจกรรมทางศาสนาและกิจกรรมเพื่อสังคม

เนื่องในโอกาสครบรอบการก่อตั้งมูลนิธิฯ ครบ 110 ปี  มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอเชิญชวนศิษยานุศิษย์และสาธุชนร่วมทำบุญตามกำลังศรัทธา ร่วมกันก่อสร้าง “ศาลเจ้าไต้ฮงกง (สาทร)” ซึ่งเป็นพุทธสถานที่ประดิษฐานองค์ไต้ฮงกงหยกขาวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย รวมถึงเป็นสถานที่สำหรับจัดกิจกรรมต่างๆ ของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ทั้งด้านกิจกรรมทางศาสนาและกิจกรรมเพื่อสังคม โดยสามารถรองรับสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาที่ต้องการกราบไหว้บูชาองค์ไต้ฮงกงซึ่งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทุกปี เนื่องจากศาลเจ้าไต้ฮงกงในปัจจุบันมีเนื้อที่ค่อนข้างคับแคบ และไม่สามารถขยายพื้นที่เพื่อรองรับสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาและผู้ที่มาร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่มีจำนวนมากขึ้นเป็นประจำทุกปีได้ โดย “ศาลเจ้าไต้ฮงกง (สาทร)” ก่อสร้าง ณ บริเวณด้านหลังของสวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ถนนเจริญราษฎร์ แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพฯ

ศาลเจ้าไต้ฮงกง (สาทร)  ออกแบบก่อสร้างตามสถาปัตยกรรมจีนตอนใต้ของสกุลช่างแต้จิ๋ว ประกอบด้วยอาคาร 2 หลัง แบ่งเป็น อาคารศาลเจ้า และอาคารอเนกประสงค์ อาคารศาลเจ้า เป็นอาคารสูง 2 ชั้น ประกอบด้วย ชั้นที่ 1 ของอาคารเป็นโถงพักคอย สำหรับรองรับประชาชนที่มาสักการบูชาหลวงปู่ไต้ฮง (ไต้ฮงกง) ชั้นที่ 2 เป็นศาลเจ้าไต้ฮงกง ประดิษฐานองค์ไต้ฮงกงหยกขาวแกะสลักที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แท่นบูชาด้านซ้ายและขวา ประดิษฐานองค์พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ (กวนอิมผ่อสัก) และพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ (ตี่จั๋งอ้วงผ่อสัก) พร้อมด้วยเทพเจ้าสำคัญของจีนอีก 8 องค์ ภายนอกโดยรอบเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ขนาดใหญ่ พร้อมห้องรับบริจาคเงิน ห้องรับรอง และห้องน้ำ เพื่ออำนวยความสะดวกและรองรับประชาชน ที่เข้ามากราบไหว้สักการะองค์ไต้ฮงกงและจัดกิจกรรมต่างๆ อาคารอเนกประสงค์ สร้างขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์ในกิจกรรมของมูลนิธิฯ มีห้องศาสนพิธีและปฏิบัติธรรม ห้องครัวที่ถูกสุขลักษณะ สามารถประกอบอาหารเพื่อบริการแก่ประชาชนในวาระต่างๆ และส่วนสำนักงานมูลนิธิฯ 

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จึงขอเชิญชวนทุกท่าน ร่วมบุญก่อสร้าง ศาลเจ้าไต้ฮงกง (สาทร) ถนนเจริญราษฎร์ แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพมหานคร ตามแต่กำลังศรัทธา เพื่อร่วมกันจรรโลงศาลเจ้าไต้ฮงกงแห่งใหม่นี้ ให้เป็นพุทธสถานอีกแห่งหนึ่ง โดยท่านสามารถร่วมทำบุญได้ที่ บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงเทพ สาขาพลับพลาไชย เลขที่ 001-472515-4 

ชื่อบัญชี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง หรือ ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร 0 2225 0020 ต่อ 366

ติดต่อสอบถาม ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมของของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

'พงศ์พรหม' ชี้!!! ผลเลือกตั้ง กทม.หนนี้ไม่พลิก เหตุคนหลากรุ่น 'เบื่อทหาร - เบื่อขวาที่เก่งแต่ปาก'

นายพงศ์พรหม ยามะรัต รองโฆษกพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ 'ผลการเลือกตั้งผู้ว่า กทม.ครั้งนี้ สะท้อนอะไร?'

ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ เอาตรง ๆ ไม่ได้เหนือความคาดหมาย ไม่ได้หักปากกาเซียน

เหตุเพราะ “คนเบื่อทหาร” “เบื่อขวาที่เก่งแต่ปาก” ครับ

>> ส่วนตัว
ผู้ว่าอัศวินมีผลงานดีกว่าผู้ว่าสุขุมพันธุ์เป็นร้อยเท่า
แต่...

>> ในโลกที่เชื่อมกันหมดแล้ว
...ประชาชนต้องการคนที่เป็นคนนำทางสู่อนาคตได้ดีกว่า
...ประชาชนอยากรู้ว่าอะไรคือแนวทางเศรษฐกิจ การศึกษา นวัตกรรม การเดินทางใหม่

การเลือกตั้งครั้งนี้จึงไม่ใช่เป็นการป้องกันตำแหน่งของผู้ว่าอัศวิน ต่อผู้ท้าชิง

แต่เป็นการบอกว่าคนกรุงเทพต้องการการปฏิรูป!!!

การปฏิรูปที่ทหารละเลยมาตั้งแต่วันทำรัฐประหาร

การไม่พูด ไม่ทำ ไม่ให้ความสำคัญต่อการปฏิรูปการศึกษา เกษตร นวัตกรรม ปากท้อง

วัน ๆ มีแต่ข่าวทหารตีกัน ข่าวกลุ่มผู้นำรัฐบาลที่ไม่สามารถแสดงถึงการมีความรู้ ความเข้าใจต่อโลกใบใหม่ได้

วัน ๆ มีแต่อำนาจ ใหญ่โต พิธีเยอะ

>> คนรุ่นใหม่เค้าจึงไม่เอาท่าน!!

แล้วเมื่อหลาย ๆ ปีผ่านไป

คนรุ่นเก่าก็ไม่เอาท่านด้วยเช่นกัน!!

ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum พ้อ!! หลังตลาดคริปโตฯ ดิ่งแรง "ฉันไม่ใช่มหาเศรษฐี Crypto อีกต่อไป"

Vitalik Buterin ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum โพสต์ทวีตว่าเขาไม่ใช่มหาเศรษฐี Crypto อีกต่อไป หลังกระแสคริปโตฯ ดิ่งลงเหวอย่างหนักหน่วง ส่งผลให้เหรียญคริปโตฯ ต่าง ๆ ถูกลดทอนมูลค่าลงอย่างมีนัยสำคัญ

จากการเปิดเผยของ U.Today ระบุว่า Vitalik ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ และคงไม่สามารถปฏิเสธได้ เมื่อตลาดคริปโตฯ ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง เช่นเดียวกับมหาเศรษฐีคนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น Elon Musk หรือ Jeff Bezos ซึ่งอยู่ในอันดับต้น ๆ ของรายชื่อคนที่ร่ำรวยที่สุดในโลก

ทั้งนี้ Vitalik และนักพัฒนาอื่นๆ อีกหลายคน รวมถึง Charles Hoskinson (ผู้ก่อตั้ง Cardano) และ Joseph Lubin ซึ่งได้ร่วมกันสร้างแพลตฟอร์ม Ethereum ขึ้นในปี 2014 โดย Vitalik ได้เปิดเผยว่า กระเป๋าเงินดิจิทัลในเดือนพฤศจิกายนที่มาผ่านมา ได้เก็บเหรียญ ETH ที่มีมูลค่าประมาณ 1.5 พันล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่นั้นมาราคาของสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ก็ลดลงประมาณ 55% ซึ่งทำให้ Vitalik หลุดสถานะ 'ความเป็นมหาเศรษฐี' ไปโดยปริยายในตอนนี้

‘นพดล’ ยุติบทบาท กลุ่มพสกนิกรปกป้องสถาบันฯ ผิดหวัง หลังถูกกล่าวหาโหนสถาบันฯ

นพดล พรหมภาสิต โพสต์ประกาศยุติบทบาทของกลุ่มพสกนิกรปกป้องสถาบันฯ และกิจกรรมทุกอย่างที่เคยทำมา เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเพจเฟซบุ๊กของ Nopadol Prompasit มีข้อความที่นายนพดล โพสต์ประกาศยุติบทบาทของกลุ่มพสกนิกรปกป้องสถาบันฯ และกิจกรรมทุกอย่างที่เคยทำมา โดยข้อความดังกล่าวระบุว่า

เมื่อสถาบันกำลังมีภัย เราจึงลุกขึ้นมาเพื่อปกป้องทุกวิถีทาง แต่สิ่งที่ได้รับคือถูกกล่าวหาว่าโหนสถาบัน ชอบแอบอ้างสถาบัน และอื่นๆที่สาดโคลนใส่ ดังนั้นต่อไปนี้จึงขอยุติบทบาทของกลุ่มพสกนิกรปกป้องสถาบันฯ และกิจกรรมทุกอย่างที่เคยทำมา

หลังจากข้อความถูกโพสต์ออกไปเพียงครึ่งชั่วโมงปรากฎว่ามีผู้เข้ามาให้กำลังใจกันเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่ส่งกำลังใจให้สู้ต่อ ในขณะที่นายนพดลได้ตอบคำถามใต้โพสต์ว่า มีโอกาสพูดคุยกับใครบางคนเมื่อคืนทำให้ failed มาก


ที่มา : https://www.facebook.com/moommuan/posts/5496213900390970

พบ 'พระป่า' ดำรงสมณเพศอย่างสันโดษ ห่มจีวรจากเศษผ้า ไม่ฉันเนื้อสัตว์ - ไม่รับปัจจัย

เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีพระภิกษุพำนักอยู่ในสำนักสงฆ์ โดยดำรงเพศสมณะ ด้วยการใช้เศษผ้าเหลือใช้ ผ้าบังสุกุล หรือผ้าห่อศพนำมาเย็บต่อกัน นำไปย้อมด้วยรากไม้ แล้วนำมานุ่งห่ม อีกทั้งยัง ฉันภัตตาหารมื้อเดียว ไม่ฉันเนื้อสัตว์ และไม่รับปัจจัย  

เมื่อเดินทางไปยังสำนักสงฆ์ดังกล่าว พบพระรูปดังกล่าว คือ พระปัญญา มังคะโล ประธานสงฆ์สำนักสงฆ์สวนกัน ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ 13 ตำบลโพสังโฆ อำเภอค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี  

พระปัญญา เล่าว่า ได้อุปสมบท เพื่อดำเนินตามรอยคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยใช้สถานที่แห่งนี้เป็นที่ปฏิบัติติธรรม ซึ่งโยมพ่อถวายที่แห่งนี้ให้เป็นสำนักสงฆ์มากว่า 20 ปี ปัจจุบันมีพระสงฆ์ 3 รูป มีโยมอุบาสก อุบาสิกา คอยหมุนเวียนมาปฏิบัติธรรมและอยู่ช่วยงาน

เมื่อถามถึงการปฏิบัติธรรมว่าพระคุณเจ้านิกายใด ปฏิบัติธรรมเช่นไร ได้คำตอบว่า ปฏิบัติมหานิกาย โดยยึดมรรค 8 ยึดตามหลักคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า การรู้สภาวะกายและจิต อบรมจิต อบรมกายตน รู้พูด รู้เดิน รู้การกระทำ และไม่ฉันเนื้อสัตว์ หรือวัตถุดิบจากสัตว์ การฉันมื้อเดียวในบาตร จากการเดินบิณฑบาต ซึ่งญาติโยมในพื้นที่จะทราบดีว่าพระที่นี่ฉันมังสวิรัติ ไม่มีเนื้อสัตว์ ไม่รับกิจนิมนต์ ไม่รับสวด (นอกจากญาติโยมที่เคยมาปฏิบัติที่นี้มาขอให้สวด) และไม่รับปัจจัย 

สำหรับ สิ่งของที่ญาติโยมมาถวายส่วนใหญ่ คือ อาหารมังสวิรัติ น้ำดื่ม พระสงฆ์ที่สำนักสงฆ์สวนกันจะสีข้าวเปลือกเอง มียุ้งข้าว ทำน้ำซีอิ้วเต้าเจี้ยวเอง ปลูกพืชสมุนไพร ใช้น้ำบาดาล มีไฟฟ้าใช้เฉพาะจำเป็นและเปิดปิดตามเวลาโดยค่าไฟในแต่ละเดือนอยู่ที่ 40 บาท 

ส่วนผ้าจีวร ใช้เศษผ้าเหลือใช้ จากผ้าบังสุกุล หรือผ้าห่อศพ มาเย็บต่อกัน จากนั้นนำเปลือกไม้ต้นประดู่มาแช่น้ำในโอ่ง 1 คืน แล้วนำผ้าจีวรที่เย็บแล้วนั้นไปหมักโคลนอีก 1 คืน จนได้เป็นจีวร (พระทำเองทุกขั้นตอน)

Road trip UTAH

สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศกว้างใหญ่ไพศาล ประกอบด้วยห้าสิบรัฐ พื้นที่แต่ละรัฐกว้างพอ ๆ หรืออาจจะกว้างกว่าประเทศไทยด้วยซ้ำ 

ดังนั้น ความหลากหลายทางภูมิประเทศและภูมิอากาศจึงมากตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ราบลุ่ม ชายทะเลทั้งฝั่งแอตแลนติกและแปซิฟิก ทะเลทราย เทือกเขาสูงทอดตัวยาว ภูเขาหิมะ ทุ่งหญ้า ป่าหลากประเภท มีบริเวณอากาศร้อนชื้นไปจนถึงหนาวจัดสุดขั้วก็มี สถานที่ท่องเที่ยวสวยงามมากมายจึงกระจายทั่วประเทศ นักเดินทางต่างจึงมีทางเลือกเยอะมากในการปักหมุดหมายตามความชอบความต้องการ รวมถึงปริมาณเวลาว่างที่มี

  
ช่วงก่อนหน้านี้สามสี่เดือน ผมเดินทางในอเมริกาด้วยจักรยาน ปั่นท่องเที่ยวเลาะไปตามชายฝั่งทะเลแปซิฟิกในรัฐแคลิฟอร์เนีย โอเรกอน และรัฐวอชิงตัน อยากลองเปลี่ยนบรรยากาศ สลับสับเปลี่ยนรูปแบบการเดินทางมาเป็นการขับรถเที่ยวดูบ้าง พอดีรู้จักกับเพื่อนสองคนซึ่งปกติอยู่ไทย แต่กลับมาเที่ยวที่นี่ จึงเป็นเรื่องประจวบเหมาะ ชักชวนกันทำโร้ดทริป 

‘เน้ท’ เป็นคนอเมริกัน บ้านอยู่ที่โคโลราโด (และที่เชียงใหม่) ส่วน ‘เยา’ ผู้เป็นภรรยานั้นคือสาวไทย นัดแนะกันว่าจะพบกันที่บ้านพวกเขาบนเทือกเขาร็อกกี้ในรัฐโคโลราโด แล้วจะขับรถไปเที่ยวรัฐยูทาห์ซึ่งอยู่ติดกัน (พื้นที่ทางตอนกลางของสหรัฐ) 

มนต์เสน่ห์แห่งการท่องเที่ยวด้วยรถยนต์ผ่านภูมิประเทศแห้งแล้งกึ่งทะเลทรายจึงเริ่มต้นขึ้น จุดหมายปลายทางคือ อุทยานแห่งชาติอันเลื่องชื่อ อย่างอุทยานแห่งชาติ Arches National Park นั่นเอง 

จะว่าไป ส่วนตัว ผมไม่ได้รู้จักพื้นที่แถบนี้ดีเท่าไหร่นัก อารมณ์จับพลัดจับผลูได้มาเที่ยวเพราะมีเพื่อนเป็นคนแถวนี้มากกว่า ข้อดีก็คือไม่ต้องวางแผนการกินการนอน ไม่ต้องค้นหาว่าจะไปแวะเที่ยวที่ไหนบ้างระหว่างทาง สบายไปแปดอย่างสิบอย่างเพราะมีเพื่อนเป็นมัคคุเทศก์นำทางนั่นเอง


ทริปสบาย ๆ แบบไม่ได้กะเกณฑ์อะไรมาก เห็นอะไรสวยก็จอดแวะดูแวะถ่ายรูป คนขับง่วงก็หลบริมทางงีบ คุยสัพเพเหระอะไรกันไปขณะอยู่ในรถ โดยมีวิวสวยสองข้างทางสร้างความรื่นรมย์ ยิ่งเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วงแบบนี้พวกต้นไม้ใบหญ้าแข่งกันประชันขันแข่งสีสันสดใส สร้างความตะลึงพรึงเพริดแก่คนพบเห็น

ข้อดีของอเมริกาอย่างหนึ่ง คือทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนจัดสรรลานพักแรมกระจายอยู่ทั่วไปให้แก่นักท่องเที่ยว ทั้งพวกที่ขับรถบ้าน รถกระบะหรือเก๋ง นักบิดมอเตอร์ไซค์ นักปั่นจักรยาน รวมถึงคนแบกเป้ทั้งหลายด้วย นับเป็นความสะดวกสบายอย่างหนึ่ง พวกเราจึงมักอาศัยพักแรมตามลานกางเต็นท์ประเภทนี้ ไม่ก็หาพื้นที่หลบมุมกางเต็นท์ด้วยบ้างเช่นกัน 

แวะเที่ยวไปเรื่อย ทำให้กว่าจะถึงจุดหมายก็ปาเข้าไปสองวัน เมืองท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้ Arches National Park คือเมืองโมอับ เป็นเมืองเล็ก แต่ความสะดวกสบายครบครันตามแบบฉบับเมืองที่ต้อนรับนักท่องเที่ยว ทั้งร้านค้าร้านอาหาร (มีแม้กระทั่งร้านอาหารไทย) ร้านขายของที่ระลึก โรงแรมหลายระดับ บริษัททัวร์ พิพิธภัณฑ์ก็มีด้วย พวกเราไม่ได้เลือกพักโรมแรม ส่วนหนึ่งเพราะต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย และไหน ๆ ก็แบกเต็นท์ เครื่องนอน เตาไฟ สำรับอาหารสดอาหารแห้งกันมาเกือบเต็มคันรถ ไฉนจึงไม่หาที่พักแรมสวยๆ ดื่มด่ำความงามของธรรมชาติโดยรอบ ซึ่งดีกว่านอนในห้องหับกว่ากันเป็นไหนๆ จริงไหมครับ

“อุตตม”  โพสต์ยินดี “ชัชชาติ” แนะ แก้ด่วนเรื่องเศรษฐกิจให้คนเมือง “ลดค่าใช้จ่ายเดินทาง - ค่าที่อยู่อาศัย” 

“ด้าน “สนธิรัตน์” ระบุ ปชต. ไม่ได้จบแค่กากบาทในคูหา ชี้คำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ตอนหาเสียง จะเป็นเงาตามตัว ตรวจวัดความสำเร็จในการทำงานเพื่อมหานครกรุงเทพฯ 

นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า ขอแสดงความยินดีกับ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ที่ได้รับความไว้วางใจจากชาวกรุงเทพฯ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครจากการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยกรุงเทพฯเป็นมหานครที่มีประชากรอาศัยมากถึง 10 ล้านคน เฉพาะในทะเบียนราษฎรราว 6 ล้านคน และมีประชากรแฝง อีกประมาณ 4 ล้านคน ที่มาอยู่อาศัยประกอบอาชีพ เรียนหนังสือ ฯลฯ และไม่เฉพาะแค่คนไทยเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงชาวต่างชาติ ที่เข้ามาทำงาน ทำธุรกิจ และท่องเที่ยว สร้างรายได้เข้าประเทศในแต่ละปีจำนวนมาก ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงกรุงเทพฯให้ดีขึ้น จึงมิใช่แค่คนกรุงเทพฯ แต่เพื่อคนไทยทุกคนด้วยเช่นกัน

นายอุตตม กล่าวว่า สิ่งที่ประชาชนอยากเห็นความเปลี่ยนแปลง หรือได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน เป็นปัญหาเดิมๆ เช่น ปัญหาจราจร น้ำท่วม มลพิษและสิ่งแวดล้อม ที่ล้วนส่งผลต่อชีวิตความเป็นอยู่มาตลอดหลายสิบปี ที่สำคัญปัจจุบันยังต้องเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจปากท้องต้นทุนค่าครองชีพเพิ่มขึ้นอีกประการหนึ่ง และคนกรุงเทพฯกำลังเดือดร้อนจากปัญหาเศรษฐกิจปากท้องอย่างหนัก เช่นเดียวกับคนไทยทั่วประเทศ ดังนั้นกทม.ต้องยกระดับเรื่องเศรษฐกิจขึ้นมาเป็นภารกิจหลักและเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือประชาชน เช่น ช่วยหาทางลดค่าใช้จ่ายด้านการเดินทางให้กับประชาชน ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านที่อยู่อาศัยให้ผู้มีรายได้น้อย ทั้งสองเรื่องนี้คือต้นทุนชีวิตส่วนใหญ่ของคนเมือง นอกจากนี้ กทม.ต้องสร้างโอกาสในการหารายได้เพิ่มให้ประชาชนด้วย ซึ่งกทม.มีกลไกและทรัพยากรพร้อมที่จะทำงานในเรื่องทั้งหมดนี้อยู่แล้ว

การยกระดับเศรษฐกิจชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน คือจุดเริ่มของเส้นทางที่จะสร้างให้กรุงเทพฯ เป็นมหานครแห่งความหวังและความสุขของทุกคน  ขอเป็นกำลังใจให้นายชัชชาติ ในการทำงานเพื่อนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงของกรุงเทพมหานครครั้งใหม่นี้


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top