พบ 'พระป่า' ดำรงสมณเพศอย่างสันโดษ ห่มจีวรจากเศษผ้า ไม่ฉันเนื้อสัตว์ - ไม่รับปัจจัย

เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีพระภิกษุพำนักอยู่ในสำนักสงฆ์ โดยดำรงเพศสมณะ ด้วยการใช้เศษผ้าเหลือใช้ ผ้าบังสุกุล หรือผ้าห่อศพนำมาเย็บต่อกัน นำไปย้อมด้วยรากไม้ แล้วนำมานุ่งห่ม อีกทั้งยัง ฉันภัตตาหารมื้อเดียว ไม่ฉันเนื้อสัตว์ และไม่รับปัจจัย  

เมื่อเดินทางไปยังสำนักสงฆ์ดังกล่าว พบพระรูปดังกล่าว คือ พระปัญญา มังคะโล ประธานสงฆ์สำนักสงฆ์สวนกัน ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ 13 ตำบลโพสังโฆ อำเภอค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี  

พระปัญญา เล่าว่า ได้อุปสมบท เพื่อดำเนินตามรอยคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยใช้สถานที่แห่งนี้เป็นที่ปฏิบัติติธรรม ซึ่งโยมพ่อถวายที่แห่งนี้ให้เป็นสำนักสงฆ์มากว่า 20 ปี ปัจจุบันมีพระสงฆ์ 3 รูป มีโยมอุบาสก อุบาสิกา คอยหมุนเวียนมาปฏิบัติธรรมและอยู่ช่วยงาน

เมื่อถามถึงการปฏิบัติธรรมว่าพระคุณเจ้านิกายใด ปฏิบัติธรรมเช่นไร ได้คำตอบว่า ปฏิบัติมหานิกาย โดยยึดมรรค 8 ยึดตามหลักคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า การรู้สภาวะกายและจิต อบรมจิต อบรมกายตน รู้พูด รู้เดิน รู้การกระทำ และไม่ฉันเนื้อสัตว์ หรือวัตถุดิบจากสัตว์ การฉันมื้อเดียวในบาตร จากการเดินบิณฑบาต ซึ่งญาติโยมในพื้นที่จะทราบดีว่าพระที่นี่ฉันมังสวิรัติ ไม่มีเนื้อสัตว์ ไม่รับกิจนิมนต์ ไม่รับสวด (นอกจากญาติโยมที่เคยมาปฏิบัติที่นี้มาขอให้สวด) และไม่รับปัจจัย 

สำหรับ สิ่งของที่ญาติโยมมาถวายส่วนใหญ่ คือ อาหารมังสวิรัติ น้ำดื่ม พระสงฆ์ที่สำนักสงฆ์สวนกันจะสีข้าวเปลือกเอง มียุ้งข้าว ทำน้ำซีอิ้วเต้าเจี้ยวเอง ปลูกพืชสมุนไพร ใช้น้ำบาดาล มีไฟฟ้าใช้เฉพาะจำเป็นและเปิดปิดตามเวลาโดยค่าไฟในแต่ละเดือนอยู่ที่ 40 บาท 

ส่วนผ้าจีวร ใช้เศษผ้าเหลือใช้ จากผ้าบังสุกุล หรือผ้าห่อศพ มาเย็บต่อกัน จากนั้นนำเปลือกไม้ต้นประดู่มาแช่น้ำในโอ่ง 1 คืน แล้วนำผ้าจีวรที่เย็บแล้วนั้นไปหมักโคลนอีก 1 คืน จนได้เป็นจีวร (พระทำเองทุกขั้นตอน)

ส่วนข้อวัตรปฏิบัติที่ทำเป็นประจำคือ ตื่นตี 2 ฝึกโยคะ ตี 3 ดื่มน้ำ 2 ลิตร เพื่อผลักดันให้ขับถ่าย สรงน้ำกิจส่วนตัว พอตี 5ครึ่ง ออกบิณฑบาตโปรดญาติโยมตามชายแม่น้ำน้อย จากนั้น 6 โมงครึ่งกลับมาจัดอาหารสถานที่เตรียมฉันอาหาร จัดที่นั่งทั้งพระและโยม โดยจะมีญาติธรรม จัดอาหารเสริม เริ่ม 9 โมง กราบพระพุทธเจ้า แสดงธรรมแก่ญาติโยม เวลา 10.00 - 12.00 ฉันอาหารในบาตร แบบเลื่อนอาหาร คือตักใส่บาตรแล้วเลื่อนให้พระรูปอื่นพร้อมญาติธรรม ที่มาปฏิบัติธรรม เวลา 12.00 ทำกิจกรรม เช่น ปลูกผัก เลื่อยไม้ สีข้าว เขียนหนังสือ จนเวลา 16.00 เตรียมสรงน้ำ จัดสถานที่จำวัด เวลา 17.00 - 19.00 ทำวัตรเย็น, ดูข่าวสาร, ฟังพระสอนธรรมะจากทีวีดาวเทียม เวลา 19.00 น. เดินจงกรม 

จากนั้นนั่งสมาธิพิจารณากิจวัตรในวันนี้ทบทวนว่าทำอะไรไปบ้าง มีอะไรผิดพลาดไหม มีอะไรแก้ไขต่อไปบ้าง แล้วจึงจำวัด คือทำจิตให้ว่างคือกำหนดลมหายใจ จนจิตดับ 

โดยพระปัญญา กล่าวว่า ได้บวชมา 30 กว่าพรรษา ก่อนมาตั้งเป็นสำนักสงฆ์ได้จาริกธุดงค์มา 10 ปี แต่ด้วยพระปัญญาไม่ฉันเนื้อสัตว์และไม่รับปัจจัย จึงไม่อยากไปอยู่วัดด้วยการขบฉันและการทำกิจวัตรที่ต่างกัน กลัวว่าไปเป็นภาระให้กับวัดอื่นๆ จึงได้มาตั้งเป็นสำนักสงฆ์โดยมีโยมพ่อถวายที่ตรงนี้ให้ 7 ไร่ 3 งาน โดยปกติไม่มีญาติโยมมากนัก ไม่ได้รับของถวายที่เป็นวัตถุหรือปัจจัย มีแต่จะออกบิณฑบาตเท่านั้น จึงอยู่ที่นี่อย่างสงบมากว่า 20 ปี


ที่มา : https://www.naewna.com/likesara/655262