Sunday, 18 May 2025
TheStatesTimes

โฆษก ทอ.เผย การจัดหาเครื่องบินขับไล่ ต้องมีการถ่ายทอดเทคโนโลยี นำไปสู่การพึ่งพาตนเอง และการพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ

เมื่อวันที่ 11 มี.ค.พล.อ.ต. ประภาส  สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยถึงวัตถุประสงค์การใช้งานเครื่องบินขับไล่โจมตีทดแทน เพื่อรองรับภารกิจการบินรบในอากาศ การโจมตีทางอากาศ การปฏิบัติการเชิงรุกที่ก่อให้เกิดความได้เปรียบต่อฝ่ายตรงข้าม และการปฏิบัติการรวมทั้งในและนอกประเทศ รวมถึงบูรณาการความร่วมมือในการป้องกันประเทศ และรักษาผลประโยชน์แห่งชาติกับเหล่าทัพอื่น 

โดยคณะกรรมการศึกษาและจัดทำความต้องการเครื่องบินขับไล่โจมตีทดแทน ได้กำหนดแนวทางการถ่ายทอดเทคโนโลยีเบื้องต้นที่ควรได้รับจากการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีทดแทน ประกอบด้วย

1. มีข้อเสนอให้ทุนการศึกษาแก่ประเทศไทยในระดับปริญญาตรีและปริญญาโท จำนวนที่เหมาะสม เพื่อการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่สำคัญ และส่งเสริมการพัฒนาประเทศในภาพรวม 

2. บุคลากรของกองทัพอากาศควรได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการถ่ายทอดเทคโนโลยี (Offset Scholarship) เพื่อการพัฒนาด้านต่าง ๆ บนพื้นฐานของการพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน ตลอดจนมีขีดความสามารถในการทดสอบการใช้งาน การติดตามผลการใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง และการรับรองมาตรฐานซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากล 

3. การถ่ายทอดเทคโนโลยีในส่วนของการออกแบบอากาศยานที่สามารถซ่อนพรางจากการตรวจจับด้วยสัญญาณเรดาร์ (Stealth) ทั้งในส่วนการออกแบบอากาศยาน (Aircraft Design) การออกแบบพื้นผิววัสดุของอากาศยาน (Material Design) และการซ่อมบำรุงการซ่อนพราง 

4. การถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการประยุกต์ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) นำองค์ความรู้มาประยุกต์ใช้ในระบบบัญชาการและควบคุม ในการพิจารณาภัยคุกคาม (Threat Assessment & Analysis) เพื่อให้ระบบบัญชาการและควบคุม มีประสิทธิภาพมากขึ้น 

5. การถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านงานส่งกำลังบำรุงแบบบูรณาการในการติดตามระบบส่งกำลังบำรุง ระบบการจัดการ, การซ่อมบำรุงพัสดุ ในแบบ Realtime และสามารถนำมาพิจารณาแนวโน้มความต้องการพัสดุอุปกรณ์ในการซ่อมบำรุงรักษาได้ 

6. การถ่ายทอดเทคโนโลยีองค์ความรู้ด้านการบินทดสอบอากาศยานที่ทันสมัย และการบินทดสอบอากาศยานไร้คนขับในลักษณะ Manned-Unmanned Teaming (MUM-T) ให้แก่นักบินของกองทัพอากาศ ซึ่งทำหน้าที่ทดสอบสมรรถนะ หรือการทำงานของอากาศยาน 

7. การถ่ายทอดเทคโนโลยีองค์ความรู้ในด้านวิเคราะห์และเลือกใช้อาวุธ (Target Weaponeering) 

และ 8. การถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านสงครามอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Warfare) รวมถึงการได้รับการเข้าถึงบัญชีความถี่ (EW Library) 

กล่าวได้ว่าการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีทดแทนพร้อมระบบที่เกี่ยวข้องในครั้งนี้ ได้กำหนดแนวทางการถ่ายทอดเทคโนโลยี เพื่อนำไปสู่การพึ่งพาตนเองได้ในอนาคต โดยคำนึงถึงคุณภาพของกำลังทางอากาศและขีดความสามารถในการปฏิบัติการทางอากาศ เพื่อปกป้องผลประโยชน์และรักษาความมั่นคงของชาติ 

“กองทัพอากาศยังคงดำรงเจตนารมณ์เช่นเดิมในเรื่องการถ่ายทอดเทคโนโลยี แต่การดำเนินการที่เกี่ยวข้องในรายละเอียดทั้งหมดจะอยู่ในขั้นตอนต่อไป ภายหลังจากการเจรจากับประเทศผู้ขาย (ขอเวลาให้ คณะกรรมการฯ ดำเนินการ พิจารณาเลือกแบบเครื่องบินที่เหมาะสม ดำเนินการด้วยความรอบคอบก่อน)”พล.อ.ต.ประภาส กล่าว และว่า 

'ตร. เตือน' แก๊งคอลเซ็นเตอร์ไฮเทค ใช้ Deep Fake ตัดต่อคลิปตำรวจ หลอกเอาเงิน 

วันที่ 11 มี.ค. 2565 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีนโยบายให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนรู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดนั้น

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ตรวจสอบพบว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบจากเดิมที่นำคลิปวิดีโอจากการให้สัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งสวมใส่หน้ากากอนามัย มาตัดต่อใส่เสียงของคนร้าย เพื่อทำการข่มขู่ผู้เสียหาย จนผู้เสียหายหลงเชื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง และโอนเงินจำนวนมากให้กับคนร้าย นั้น

ปัจจุบัน ได้มีการพัฒนารูปแบบในการหลอกลวงพี่น้องประชาชน โดยการใช้เครื่องมือที่ทันสมัยมากขึ้นที่เรียกว่า Deepfake ซึ่งเป็นการใช้เทคโนโลยี Deep Learning ในการพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์ ให้สามารถตัดต่อคลิปวิดีโอหรือภาพถ่ายของบุคคลหนึ่ง ให้สามารถขยับปากตามเสียงของบุคคลอื่นได้ ซึ่งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็ได้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดังกล่าว มาตัดต่อคลิปหรือภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้พูดตามสิ่งที่คนร้ายพูด เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือในการหลอกลวงทรัพย์สินจากพี่น้องประชาชน 

'หมีขาว' ประกาศกร้าว!! ไม่ขอเข้าร่วม 'สภายุโรป' อีกต่อไป สุดทน!! 'กติกาพวกตน-เหยียบย่ำ กม.ระหว่างประเทศ'

11 มี.ค. 65 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศของรัสเซีย เปิดเผยว่ารัสเซียจะไม่เข้าร่วมสภายุโรป (CoE) อีกต่อไป

กระทรวงฯ กล่าวในแถลงการณ์ฉบับหนึ่งว่าประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรป (EU) และองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต (NATO) “กำลังใช้เสียงข้างมากเด็ดขาดของตนในคณะรัฐมนตรีของสภาฯ เพื่อเดินหน้าการทำลายสภาฯ และพื้นที่ที่มีร่วมกันในด้านมนุษยธรรมและกฎหมาย” ในทวีปยุโรป

กระทรวงฯ ย้ำว่ารัสเซียจะไม่ทนต่อการกระทำของชาติตะวันตกในการใช้ “ระเบียบที่อิงกับกติกาของพวกตน” และการเหยียบย่ำกฎหมายระหว่างประเทศ พร้อมเสริมว่ารัสเซียจะไม่เข้าร่วมในการเปลี่ยนสภาฯ แห่งนี้ให้เป็น “เวทีอีกแห่งหนึ่งที่ชาติตะวันตกใช้เทศนาถึงความเหนือกว่าของตนหรือใช้อวดเบ่ง”

“ปชป.”หนุนประชาชนเป็นสมาชิกพรรค ไม่ต้องเสียเงิน ชี้ไม่ควรเอากการฉ้อฉลของบางพรรค มาปิดกั้นการมีส่วนร่วม 

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์  กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ฉบับที่.. พ.ศ…. พิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง  ได้หยิบยกในประเด็นเงินค่าบำรุงพรรคการเมืองว่า หลักการมีส่วนร่วมในทางการเมือง สิทธิขั้นพื้นฐานคือประชาชนสามารถเข้าร่วมดำเนินกิจกรรมกับพรรคการเมืองได้อย่างกว้างขวางและเต็มที่ โดยเฉพาะการเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ไม่ควรมีจำนวนเงินมาขวางกั้นการเข้าเป็นสมาชิกพรรค ไม่ว่าประชาชนจะมีฐานะร่ำรวยหรือไม่มีฐานะ ก็จะต้องเกิดความเท่าเทียมกันในการเข้ามามีส่วนร่วมกับพรรคการเมืองโดยการเป็นสมาชิกพรรค เงินจำนวน 100 บาท หรือ 2,000 บาทกรณีรายปี อาจจะดูไม่มากสำหรับคนที่มีฐานะ แต่สำหรับชาวบ้านถือว่าจำนวนเงินเป็นอุปสรรคต่อการเข้าเป็นสมาชิกพรรคอย่างแน่นอน

นายราเมศกล่าวต่อว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนที่จะมีการยกเลิกสมาชิกหากไม่มีการยืนยันสมัย คสช เคยมีสมาชิกมากที่สุดกว่า 3 ล้านคน โดยกฎหมายที่ผ่านมามีทั้งเก็บเงินค่าบำรุงและไม่มีการเก็บค่าบำรุง แต่กรณีไม่เก็บเงินค่าบำรุงพรรค ประชาชนจะให้ความสนใจเข้ามามีส่วนร่วมมากที่สุด การเข้ามามีส่วนร่วมในหลายเรื่องมีค่ามากกว่าเงิน 100 บาท เช่น การนำเสนอแนวนโยบาย การช่วยประชาสัมพันธ์กิจกรรมและผลงานของพรรค รวมถึงการร่วมในการดำเนินกิจกรรมกับพรรคในรูปแบบอื่นๆมากมาย อาจจะมีการอ้างว่าเพื่อป้องกันการระดมใช้วิธีการฉ้อฉลของพรรคการเมืองที่จะไปนำเอาสำเนาบัตรประชาชนแล้วมาปลอมการสมัคร ในประเด็นนี้คิดว่า ไม่ควรตั้งหลักการฉ้อฉลของพรรคการเมืองบางพรรค มาปิดกั้นการมีส่วนร่วมของประชาชน แต่ควรหาวิธีการป้องกันสิ่งเหล่านี้อย่างรัดกุมและจริงจัง 

“ที่จริงแล้วกฎหมายพรรคการเมืองในปัจจุบัน มาตรา 30 ได้กำหนดห้ามมิให้พรรคการเมืองหรือผู้ใดให้ เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อมเพื่อจูงใจให้บุคคลหนึ่งบุคคลใด สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค และในส่วนของประชาชนก็ระบุไว้ชัดในมาตรา 31 ว่าห้ามมิให้ เรียก รับ หรือยอมจะรับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด จากพรรคการเมืองหรือจากผู้ใดเพื่อสมัครเข้าเป็นสมาชิก

ไทม์ไลน์ ปรับโควิด-19 เป็น โรคประจำถิ่น

ที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2565 ได้มีมติเห็นชอบมาตรการรองรับการเปลี่ยนผ่านโรคโควิด-19 สู่โรคประจำถิ่น โดยได้แบ่งระยะการดำเนินการเป็น 4 ระยะด้วยกัน ดังนี้

•ระยะที่ 1 เป็นระยะขาขึ้น คือระยะที่จะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น (12 มี.ค.-ต้น เม.ย.) เรียกว่า Combatting ต้องออกแรงกดตัวเลขไม่ให้สูงกว่านี้ เป็นระยะต่อสู้ เพื่อลดการระบาด ลดความรุนแรงลง จะมีมาตรการต่าง ๆ ออกไป การดำเนินการให้กักตัวลดลง

‘ปิยบุตร’ โหนแนวคิด ‘อานันท์’ ชี้ คดีม.112 มีเยอะ ต้องแก้ด้วยการนิรโทษกรรม

นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล ระบุว่า ...

ถึงเวลาหรือยัง "เจตจำนงการเมือง" นิรโทษคดี ม.112? - หวังฝ่าย "รอยัลลิสต์" ออกมาเตือนสติสังคมก่อนจะสาย!

ในรายการ "เอาปากกามาวง" ตอนล่าสุด ได้พูดถึงเรื่องสำคัญหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นั่นก็คือเรื่องราวเกี่ยวกับ "ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112" หรือ "ป.อาญา ม.112" หรือที่วันนี้เรามักจะเรียกกันสั้นๆ แต่เข้าใจตรงกันว่า "ม.112"

มี 3 กรณีของบุคคลที่ต้องกลายเป็นผู้ต้องหา และ 1 กรณีของผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองนี้ที่ชัดเจนว่าเป็นฝ่ายอนุรักษ์นิยม ซึ่งได้ออกมาเตือนสติสังคมเรื่องการใช้กฎหมายมาตรานี้

แม้จะพูดไปในรายการแล้ว แต่เห็นว่ามีบางช่วงบางตอนซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่อยากจะชี้ให้เห็น จึงขอนำมาบอกกล่าวเป็นข้อเขียนตรงนี้อีกครั้งแบบสรุปรวบยอด ดังนี้

เริ่มที่ 3 กรณี ของเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่ต้องกลายเป็นผู้ต้องหาคดี ม.112

***กรณีแอดมินเพจ 'กูKult' ต้องไม่ตีความรวม "วัตถุสิ่งของ"***

กรณีแรก คือกรณีของ นรินทร์ กุลพงศธร แอดมินเพจ 'กูKult' ซึ่งไปติดสติกเกอร์บนพระบรมสาทิสลักษณ์ รัชกาลที่ 10 ในการชุมนุมเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2563

มีเรื่องที่อยากชวนคิดหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกระบวนการพิจารณาในศาล ที่จากรายงานของไอลอร์พบว่า ในการสืบพยานมีการแนะนำ แนะแนวเรื่องของการยอมรับผิด ลดโทษต่างๆ กับทางผู้ต้องหา, เรื่องการไม่บันทึกการถามค้านของพยานถึง 5 ประเด็น โดยหนึ่งในนั้นก็คือคำถามเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติของเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการทำลายพระบรมสาทิสลักษณ์ว่าเป็นความผิดทางไหน ทำลายทรัพย์สินราชการ หรือเข้าข่ายผิด ป.อาญา ม.112

รวมถึงการตัดพยานผู้เชี่ยวชาญของจำเลยออก โดยศาลให้เหตุผลว่าสามารถพิจารณาได้เอง จนทำให้ในที่สุด คดีนี้ก็มีคำพิพากษาออกมาอย่างรวดเร็วมาก และน่าจะเป็นคดี ม.112 คดีแรกที่เกิดจากการชุมนุม ในช่วงปี 2563-2564 ที่ศาลพิพากษาแล้วว่ามีความผิด ซึ่งจำเลยเตรียมที่จะอุทธรณ์ต่อไป

สิ่งที่อยากชวนพิจารณาคือว่า ในคำอธิบายกฎหมายอาญา ของปรมาจารย์ของผู้พิพากษาทั้งหลายอย่าง ศ.หยุด แสงอุทัย และ ศ.จิตติ ติงศภัทิย์ เขียนตำราระบุคำอธิบายในรายมาตรา 112 โดยอธิบายความหมายของคำว่าหมิ่นประมาทและดูหมิ่น โดยที่คำว่า "หมิ่นประมาท" ก็ให้ไปดูแบบ ม.326 คือให้เป็นแบบหมิ่นประมาทคนธรรมดา, หรือคำว่า "ดูหมิ่น" ก็ให้ตีความคำว่าดูหมิ่น เหมือน ม.134, ม.136, ม.393 เรื่องดูหมิ่นคนธรรมดา เช่นกัน

ตำรากฎหมายของปรมาจารย์ทั้งสองท่านระบุชัดว่า คำว่า "หมิ่นประมาท" กับ "ดูหมิ่น" ที่ปรากฏอยู่ใน ป.อาญา ม.112 ใช้นิยามเดียวกับคนธรรมดา คือต้องกระทำต่อตัวบุคคล จะขยายความกว่านี้ไม่ได้ ยิ่งกฎหมายอาญานั้น การตีความต้องเคร่งครัด

แต่จากกรณีของคุณนรินทร์ เป็นที่น่าสังเกตว่า คำว่า "หมิ่นประมาท" กับ "ดูหมิ่น" นั้น มีแนวโน้มของศาลที่จะขยับไปถึงเรื่องวัตถุสิ่งของด้วย

***วอนศาลพิจารณาอนุญาต ให้ "รวิสรา" ได้ไปเรียนต่อ***

ต่อมา คือกรณีของรวิสรา เอกสกุล บัณฑิตจากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หนึ่งในจำเลยของคดี ม.112 จากการชุมนุมหน้าสถานทูตเยอรมนีเมื่อ 26 ตุลาคม 2563 ซึ่งเธอเป็นคนอ่านแถลงการณ์เป็นภาษาเยอรมัน โดยต่อมาเธอสอบได้ทุนจาก ศูนย์บริการการแลกเปลี่ยนทางวิชาการเยอรมัน (DAAD) ของรัฐบาลเยอรมัน แต่ติดปัญหาคือ ติดเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราว ห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร

แม้เคยมีคำร้องขออนุญาตศาลมาแล้วครั้งหนึ่งแต่ศาลไม่อนุญาต และล่าสุด ศาลอาญากรุงเทพใต้ก็ยกคำร้องอีกเช่นเคย โดยอธิบายว่า ศาลเห็นว่าจำเลยยังไม่ผ่านการคัดเลือกว่าจะได้รับทุนหรือไม่ ทั้งเงื่อนไขที่จำเลยเสนอมาว่าหากได้รับอนุญาต จำเลยยินดีจะไปรายงานตัวและแสดงที่อยู่ต่อสถานทูตหรือสถานกงสุลไทยในประเทศเยอรมัน ทุกๆ 30 วัน โดยขอให้อาจารย์ที่ปรึกษาและบิดาเป็นผู้กำกับให้ปฏิบัติตามเงื่อนไข แต่บุคคลทั้ง 2 อยู่ในประเทศไทย แต่จำเลยอยู่ต่างประเทศ จึงเป็นการยากที่จะกำกับให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขได้ จึงไม่เป็นการหนักแน่นเพียงพอ ที่จะแสดงให้เห็นว่า จำเลยจะปฏิบัติตามเงื่อนไขโดยเคร่งครัด

ทั้งที่ เอกสาร หลักฐานที่ใช้ยื่นคำร้องต่อศาลชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นจดหมายเอกอัครราชทูตเยอรมันประจำประเทศไทย เอกสารรับทุน DAAD แต่ก็ถูกพิจารณาด้วยว่า เพราะว่าการไปอยู่ต่างประเทศดูแลได้ยากที่จะกำกับให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขการประกันตัว

นี่คืออนาคตของเยาวชนคนหนึ่ง อนาคตของคนที่จะได้ไปศึกษาหาความรู้ นำความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์กลับมาพัฒนาประเทศไทย

อยากให้ศาลพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง เพราะจากประสบการณ์ คนที่ไปเรียนต่างประเทศ ส่วนใหญ่แล้วเวลาปิดภาคการศึกษาก็อยากกลับมาเยี่ยมครอบครัว มาเยี่ยมบ้าน คงไม่มีใครอยู่ดีๆ แล้วอยากหนีคดี

ปีเสือดุ 69 วัน คร่าชีวิต 8 คนบันเทิงไทย !!

8 ม.ค. 65 ศรเพชร ศรสุพรรณ ก้อนเนื้อในกระเพาะอาหาร
12 ม.ค. 65 ไวพจน์ เพชรสุพรรณ ติดเชื้อในกระแสเลือด
16 ม.ค. 65 ไมเคิล พูพาร์ต ยิงตัวเองเสียชีวิต
15 ก.พ. 65 พ่อใหญ่จิ๋ว สภาโจ๊ก มะเร็งลำไส้
19 ก.พ. 65 ธรรมรัตน์ นาคสุริยะ โควิด-19
20 ก.พ. 65 เศรษฐา ศิระฉายา มะเร็งปอด
24 ก.พ. 65 แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์ พลัดตกแม่น้ำเจ้าพระยา
10 มี.ค. 65 สรพงศ์ ชาตรี  มะเร็งปอด

หมายเหตุ: เฉลี่ย 9 วัน 1 คน

'ผู้ช่วยฯ รมว.แรงงาน' เปิดอบรมเสริมสร้างการรับรู้ให้กับนายจ้าง สถานประกอบการ แรงงานต่างด้าวและองค์กรภาคีเครือข่าย จังหวัดชลบุรี

วันที่ 11 มีนาคม 2565 เวลา 09.00 น.นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน เปิดการอบรม “เสริมสร้างการรับรู้ให้กับนายจ้าง สถานประกอบการ แรงงานต่างด้าวและองค์กรภาคีเครือข่าย จังหวัดชลบุรี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565” เพื่อให้นายจ้าง สถานประกอบการแรงงานต่างด้าว และองค์กรภาคีเครือข่าย ประชาชนทั่วไป ตลอดจนผู้ที่สนใจ ได้รับทราบข้อมูลขั้นตอน และแนวทางการดำเนินงาน ตามนโยบายของรัฐบาล

โดยเน้นแนวทางการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว การนำคนต่างด้าวเข้าทำงานภายใต้บันทึกความเข้าใจ ว่าด้วยความร่วมมือด้านการจ้างงานระหว่างประเทศ (MOU) ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตลอดจนโทษที่จะได้รับจากการฝ่าฝืนกฎหมาย รวมทั้งการปฏิบัติต่อแรงงานต่างด้าว ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้อย่างถูกต้องโดยได้รับเกียรติจากในภาคส่วนต่างๆ ณ โรงแรมโนโวเทล มารีนา ศรีราชา แอนด์ เกาะสีชัง

ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่ดูแลในเรื่องการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์โดยตรง เพื่อยกระดับเทียร์ให้สูงขึ้น ทำให้ประเทศได้รับความไว้วางใจจากทั่วโลก จากการที่เศรษฐกิจในภาคอุตสาหกรรม และภาคการเกษตรของประเทศ ได้มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว และส่งผลกระทบต่อปัญหาด้านแรงงานภายในประเทศที่มีอยู่อย่างจำกัด ดังนั้นภาครัฐ ภาคเอกชนหรือภาคธุรกิจ จะต้องให้ความสำคัญกับการบริหารแรงงานต่างด้าวเป็นอย่างยิ่ง 

กินใจทุกบรรทัด!! บันทึกสุดซึ้งจากพ่อโส ตอน ‘แตงโม’ 20 ปี ทุกคำสอนที่กลั่นกรองจากหัวใจ ‘พ่อ’

สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม เผยเรื่องราวจากหนังสือ "เล่าถึงลูก แตงโม ภัทรธิดา ตามประสาพ่อ" เผย หย่ากับภรรยาตั้งแต่แตงโมอายุ 5 ขวบ ความคิดแวบแรก "ลูกต้องอยู่กับเรา" ยอมทุกอย่าง เสียบ้านหนึ่งหลังก็เอา 

เฟซบุ๊ก "ณ บ้านวรรณกรรม" ของสำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม เผยเรื่องราวจากหนังสือ "เล่าถึงลูก แตงโม ภัทรธิดา ตามประสาพ่อ" ซึ่งเขียนโดย นายโสภณ พัชรวีระพงษ์ บรรณาธิการโดย รักชนก นามทอน ตีพิมพ์โดย สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม ปี 2548 จำนวน 3 หัวข้อ ได้แก่

🔹หัวข้อแรก : เมื่อรู้ว่าต้องหย่า
วันหนึ่งที่รู้แน่นอนแล้วว่าไม่สามารถที่จะรักษา ‘ชีวิตคู่’ กับคุณแม่น้องโมได้ สิ่งที่ต้องคิดต่อไปคือจะเอาอย่างไรดีในเรื่องลูก ความที่เป็นคนรักลูกมากๆ คนหนึ่ง ความคิดแวบแรกคือ ลูกต้องอยู่กับเรา เราเองขาดลูกไม่ได้

เหตุผลประการที่สองก็คือ หากคิดไปถึงอนาคต เพราะในขณะที่หย่ากันนั้น ตัวคุณพ่อมีอายุประมาณสี่สิบปี คุณแม่น้องมีอายุประมาณสามสิบปี อายุเราห่างกันประมาณสิบปี ซึ่งโดยอายุของทั้งคู่กอปรกับหน้าตา สังคมและหน้าที่การงาน เป็นไปได้ว่าแต่ละฝ่ายอาจมี ‘คู่ครองใหม่’ ในอนาคต

ด้วยเหตุผลประการหลังนี้ จะยิ่งชัดเจนว่าลูกควรอยู่กับคุณพ่อมากยิ่งขึ้น เพราะว่าลูกเราเป็นลูกสาว เป็นผู้หญิง ฝ่ายหญิงหากมีคู่ครองใหม่ และหากลูกอยู่กับคุณแม่ก็จะกลายเป็นว่า วันหนึ่งลูกสาวที่ต้องโตขึ้นทุกวัน ต้องอยู่กับพ่อเลี้ยงซึ่งเป็นคู่ครองใหม่ของคุณแม่ซึ่งอาจมีปัญหาได้ เพราะเป็นเพศตรงข้ามกัน แต่หากหย่ากันไปแล้ว ลูกสาวอยู่กับคุณพ่อ หากคุณพ่อมีคู่ครองใหม่ คู่ครองเราก็จะเป็นผู้หญิงซึ่งเป็นเพศเดียวกันกับลูกสาวเรา อันตรายหรือปัญหาอันอาจเกิดขึ้นในอนาคตจะไม่มีโดยสิ้นเชิง

จึงเป็น ‘เงื่อนไข’ และเป็นข้อแม้ของคุณพ่อในระหว่างการเจรจาหย่าร้างกันว่า ยอมได้ทุกข้อ ยอมได้ทุกอย่าง เช่น บ้านที่อาศัยอยู่ ซึ่งเป็นบ้านชั้นเดียวปลูกบนเนินบนเนื้อที่ร่วมร้อยสิบตารางวา ซึ่งซื้อเป็นเรือนหอตั้งแต่ตอนแต่งงานกัน และได้ออกแบบให้มีห้องนอนของน้องโมไว้หนึ่งห้องตั้งแต่แรก เป็นบ้านที่สวยงามมาก อยู่แถวแจ้งวัฒนะ ที่อยากจะเก็บไว้เป็นสมบัติของลูก แต่คุณแม่เขาต้องการให้ขายเพื่อแบ่งสมบัติกัน ก็ยอมหมด

คุณพ่อบอกไว้ชัดเจนว่า ต้องการอย่างเดียวคือน้องโมต้องอยู่กับคุณพ่อ หากยินยอมเมื่อใด ก็จะหย่าขาดจากกันในทันที

ยกเว้นเรื่องนี้แล้ว เรื่องอื่นๆ คุณพ่อยอมหมด

วันหนึ่งระหว่างนั่งทำงาน คุณแม่น้องโทร.มาบอกตกลงยอมให้ลูกอยู่กับคุณพ่อ แต่เรื่องอื่นๆ ต้องเป็นไปตามที่เขาต้องการ คุณพ่อรีบตอบทันทีว่าตกลง ไปเจอกันที่อำเภอเดี๋ยวนั้น

แล้วคุณพ่อกับคุณแม่น้องโมก็หย่ากันทันที โดยใน บันทึกใบหย่า จะมีข้อความสำคัญเป็นข้อแรกว่า

“ข้อ 1. เรื่องบุตร เด็กหญิงภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ ตกลงให้บุตรดังกล่าวอยู่ในความปกครองภาระเลี้ยงดูของฝ่ายชาย โดยมารดามีสิทธิ์มาเยี่ยมและนำบุตรไปอาศัยที่คุณแม่ได้เป็นครั้งคราว”

หนังสือหย่าทำกันที่สำนักงานเขตพญาไท เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2532 ในขณะที่น้องโมมีอายุประมาณห้าขวบ (แตงโม เกิด 13 กันยายน 2527) หลังจากนั้นอีกสิบกว่าวันตรงกับวันคล้ายวันเกิดปีที่สี่สิบของคุณพ่อ ก็ได้มีโอกาสฉลองวันเกิดเป็นครั้งแรกระหว่างสองคนพ่อลูก ซึ่งจะเป็นอะไรง่ายๆ ไปนั่งกินข้าวกันธรรมดาไม่มีพิธีรีตองอะไร

นับจากนั้น น้องโมก็ใช้ชีวิตอยู่กับคุณพ่อสองคนตราบจนทุกวันนี้

🔹หัวข้อที่สอง : ของขวัญวันเกิดน้องโม ‘จดหมายจากคุณพ่อ’

13 กันยายน 2547 
น้องโมลูกรัก

วันนี้เป็นวันครบรอบวันเกิดปีที่ 20 ของน้องโม ซึ่งถือว่าเป็นวันครบรอบวันเกิดปีที่สำคัญเป็นพิเศษครั้งหนึ่งของชีวิต เพราะเป็นวันที่มีอายุครบยี่สิบปีบริบูรณ์ ในทางกฎหมายถือว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว สามารถตัดสินใจกระทำการใดๆ หรือทำนิติกรรมใดๆ ก็ได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องให้ผู้ปกครองยินยอมเหมือนเด็กๆ อีกต่อไป

หากอายุคนเฉลี่ยที่หกสิบปี แบ่งเป็นสามช่วง ช่วงละยี่สิบปี ยี่สิบปีแรกถือเป็นวัยเด็ก ยี่สิบปีที่สองถือเป็นวัยหนุ่มสาว วัยทำงาน ยี่สิบปีที่สามคือวัยผู้ใหญ่ย่างเข้าสู่วัยชรา

ชีวิตของน้องนับว่าเป็นวันแรกที่ย่างเข้าสู่วัยที่สอง มีอะไรให้เรียนรู้อีกมากมายและจะต้องเริ่มเรียนรู้มากขึ้น กว้างขึ้น และลึกมากขึ้น การมองอะไรในภาพเดียว มิติเดียวเหมือนเช่นวัยเด็กจะเริ่มใช้ไม่ได้และไม่เพียงพอ บางครั้งอาจต้องมองสองสามมุมถึงจะเพียงพอ และนำไปสู่การตัดสินใจที่จะส่งผลดีกับเราไม่ใช่แค่วันนี้ แต่ต้องหมายถึงวันข้างหน้าด้วย

คุณพ่อมีความรู้สึกว่าอยากจะเขียนถึงน้องให้มากกว่านี้ ไม่ใช่ปีละครั้งเหมือนตอนเด็กๆ เพราะน้องเริ่มเป็นผู้ใหญ่แล้วประการหนึ่ง อีกประการหนึ่งจากหน้าที่การงานและสังคมผู้คนที่ต้องเผชิญมากมาย ทำให้น้องต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจในเรื่องราวต่างๆ ของสังคม ของบ้านเมือง ตลอดจนวัฒนธรรมประเพณีของประเทศเรา และประเทศต่างๆ เพราะคนในวัยนี้จะอาศัยความชอบหรือไม่ชอบ หรือเอาเหตุผลของการถูกผิดมาใช้ในการตัดสินใจเพียงอย่างเดียว ในบางครั้งจะเริ่มไม่เพียงพอ

เหตุนี้ หากคุณพ่อคิดว่าน้องควรจะรู้อะไรเพิ่มเติม ก็จะเขียนมาให้อ่านแล้วค่อยแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกัน แต่ในวันนี้ที่เป็นวันที่ตรงกับวันคล้ายวันเกิดของน้อง คุณพ่อก็จะเขียนถึงเฉพาะที่เกี่ยวกับตัวน้องและคุณพ่อเท่านั้น

ประการแรก คุณพ่อดีใจกับน้องในความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงและประสบความสำเร็จอย่างดียิ่งกับบท ‘กาเหว่า’ ในละคร ‘อุ่นไอรัก’ ที่สามารถแสดงได้อย่างดียิ่ง เพราะการได้มาซึ่งโอกาสนั้นคือประการหนึ่ง แต่การสามารถคว้าโอกาสนั้นได้คือ ความสามารถส่วนตัวของน้อง นั่นคืออีกประการหนึ่ง คนบางคนมีโอกาสแล้ว แต่ไม่พร้อม ก็ไม่สามารถคว้าโอกาสไว้ได้

พูดถึงเรื่องนี้ อยากให้น้องเพิ่มเติมในเรื่องการรู้จักรักษาแฟนๆ ผลงานของเรา อยากจะให้ดูคุณเจี๊ยบ เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ เป็นตัวอย่างที่ดี คุณเจี๊ยบจะมีความสุขและไม่เคยเบื่อหน่ายต่อแฟนๆ ของเขา เขาจะรู้จักรักและพูดคุย ทักทาย ยิ้มแย้มกับแฟนๆ คนเขาก็จะรักและพูดกันปากต่อปากว่า ดาราคนนี้น่ารัก ในที่สุดก็เป็นดาราในดวงใจของเขา จึงในบางครั้งเพียงแค่น้องหันไปยิ้มให้หรือโบกไม้โบกมือให้ เขาก็ชื่นใจแล้ว

ประการที่สองที่คุณพ่อดีใจมากๆ อาจจะพอๆ กันหรือมากกว่าประการแรกด้วยซ้ำ คือการที่น้องเห็นคุณค่าของการศึกษา และน้องมีความสุขในวิชาที่น้องเรียน คุณพ่อเห็นน้องตั้งใจเรียน สนใจอยากเรียนด้วยตัวเอง ไม่เหมือนตอนเด็กๆ ที่บางครั้งน้องมองข้ามไป หรือละเลยไม่ให้ความสำคัญเท่าที่ควร

ชีวิตคนนั้นยังอีกยาวไกล ด้วยอายุยี่สิบของน้องยังมีหนทางให้เดินอีกยาวไกล ยังมีอะไรให้เรียนรู้อีกมากมายไม่รู้จบ ยังมีอะไรให้เผชิญอีกหลายอย่าง ทั้งที่ชอบและไม่ชอบ

มองกลับไปวันเกิดคุณพ่อเมื่อสองปีก่อน คุณพ่อยังจำได้ไม่ลืม ตอนที่น้องขึ้นไปกล่าวอวยพรคุณพ่อ และน้องได้พูดตอนท้ายว่า

“ลูกสาวคนนี้จะต้องทำให้คุณพ่อภูมิใจและจะทำให้สำเร็จ คุณพ่อจะไม่ผิดหวังในตัวลูกสาวคนนี้แน่นอน” 

คุณพ่อจำได้ และคอยมองทุกย่างก้าวของน้อง การพัฒนาจากละครเรื่อง ‘เบญจา คีตา ความรัก’ เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งถือเสมือนการเริ่มเข้าสู่วงการ เหมือนการแจ้งเกิด ถัดมาถึงเรื่อง ‘อุ่นไอรัก’ เพียงแค่ไม่นาน น้องก็สามารถเรียกได้ว่า เกิดเต็มตัวแล้ว นับเป็นความสามารถ และสะท้อนถึงความตั้งใจในการทำงาน ความทุ่มเทในงาน เหล่านี้เป็นคุณสมบัติที่ดีที่เอาไปใช้ได้ในทุกเรื่องและทุกงาน

พูดถึงเรื่องนี้ต้องไม่ลืมจะบอกว่าน้องต้องเติมเต็มในเรื่องของเวลา ต้องไม่ไปทำงานสาย คนจะเบื่อหน่าย และจะเป็นภาระของเพื่อนร่วมงาน ที่เราต้องรู้จักเกรงใจ คนเราถ้าจะให้เขารักชอบเอ็นดูเรา เราต้องรู้จักทำตัวให้เขาชอบ ให้เขารัก อย่าให้เขาว่าได้

อีกเรื่องที่อดพูดถึงไม่ได้ คือการดูแลสุขภาพ การพักผ่อน ต้องเพียงพอ คุณพ่อเป็นห่วงเรื่องนี้มาก โดยเฉพาะการขับรถ หากเราสามารถย้ายมาอยู่ร่วมกันได้ คุณพ่อก็คงสามารถดูแลน้องได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอาหาร การกิน เสื้อผ้า การขับรถ เรื่องงาน (เท่าที่จะช่วยได้ เพราะเรื่องงานพยายามให้ทำด้วยตัวเอง ไม่ก้าวก่าย ยกเว้นแต่จะเอ่ยปากให้ช่วยเรื่องอะไร ก็จะรีบทำให้ด้วยความเต็มใจ)

วันเกิดปีนี้ ขออวยพรให้น้องมีความสุข ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน มีงานเข้ามาเยอะๆ จะได้เลือกงานที่ชอบได้มากขึ้น มีเงินทองรายได้มากขึ้น เพื่อจะได้เป็นทุนการศึกษา และเป็นหลักประกันในชีวิตภายหน้า หากจะไปลงทุนทำธุรกิจอะไร เป็นที่รักของแฟนๆ ทั่วประเทศ

ขอให้ภูมิใจในตัวเอง มีความเชื่อมั่นในตัวเอง (แต่ไม่ใช่เหลิง) ในอายุสิบเก้ายี่สิบปีเท่ากัน น้องทำได้ดีกว่าคุณพ่อมากมาย เป็นอภิชาตบุตร ขอให้พระเจ้าอวยพระพรแก่น้อง ให้น้องเป็นคริสเตียนที่ดี เป็นลูกที่ดีของคุณพ่อและของพระเจ้า ให้น้องอยู่ใกล้ชิดกับพระเจ้ามากกว่านี้ พระเจ้าก็จะให้พรแก่น้องมากยิ่งขึ้น ขอให้น้องสามารถรักษาและพัฒนาสิ่งที่มีอยู่ ทั้งความสามารถในการแสดงและแฟนๆ ที่มีอยู่ทั่วประเทศให้ดีขึ้นและมากขึ้น

สำคัญที่สุดในชีวิตหนึ่ง อย่าลืมทำตัวให้เป็นคนดีของสังคม และหากมีโอกาสได้ทำประโยชน์อะไรให้กับประเทศชาติ จงทำ เพื่อทดแทนบุญคุณของแผ่นดิน

รักลูกเสมอ 
คุณพ่อ

'ปูติน' เอาคืนแรง!! เปิดไพ่การรบด้านเศรษฐกิจ ยึดทรัพย์ธุรกิจถอนตัว - ขึ้นบัญชีดำ - ห้ามหวนคืนรัสเซีย

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ฉายภาพสมรภูมิการรบด้านเศรษฐกิจระลอกใหม่ ระหว่างควันสงครามยูเครน-รัสเซียที่ยังปะทุอยู่ ว่า...

ตาต่อตา ฟันต่อฟัน!!!
สมรภูมิใหม่ในการรบด้านเศรษฐกิจ

ล่าสุด ประธานาธิบดีปูติน สั่ง เตรียมการยึดสินทรัพย์ของบริษัทที่ถอนตัวออกจากรัสเซีย รวมถึงขึ้นบัญชีดำบริษัทเหล่านี้ว่า เคยมีพฤติกรรมร่วมทำร้ายรัสเซีย และจดชื่อเอาไว้ เพื่อไม่ให้กลับมาที่รัสเซียในอนาคต

อดีตประธานาธิบดี Medvedev อธิบายเพิ่มเติมว่า จะยึดหลักการ “Symmetrical Response” หรือแปลเป็นไทยว่า "ตาต่อตา ฟันต่อฟัน"

เป้าหมายคือ...
1.) ประเทศที่มีการยึดสินทรัพย์ของรัสเซีย
2.) บริษัทที่มีการประกาศถอนตัวออกจากรัสเซีย

ส่วนบริษัทที่หยุดกิจการ ปิดไปเฉยๆ ก็อาจจะหาคนเข้าไปบริหารแทน เพื่อดูแลการจ้างงานและการผลิตให้ไม่สะดุดลง และกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม

ล่าสุด รายชื่อบริษัทที่ตัดสินใจออกจากรัสเซีย มียาวเป็นหางว่าว ตั้งแต่ McDonald's, Starbucks, Coca-Cola, Pepsi, Shell, BP, Apple, Microsoft, IBM, IKEA, H&M, Volkswagen, Toyota รวมไปถึง บริการชำระเงิน VISA, Apple pay, Google Pay เป็นต้น (ขณะนี้ องค์กรผู้บริโภครัสเซียได้ส่งชื่อให้รัฐบาลไปแล้วอย่างน้อย 59 บริษัท)

นอกจากนี้ เครื่องบินที่เช่ามาให้ Aeroflot ก็อยู่ในข่ายที่จะไม่คืนเช่นกัน

ปกติแล้ว เรื่องอย่างนี้ไม่ค่อยเกิดขึ้น เพราะ (1) จะนำไปสู่การฟ้องร้อง และ (2) สร้างชื่อเสียงที่ไม่ดีให้กับประเทศ เพราะถ้าไปลงทุนแล้ว สุดท้ายอยู่ๆ ถูกยึดเป็นของประเทศ ก็จะเป็นความเสี่ยงอย่างยิ่ง โดยประเทศที่เคยทำเช่นนี้ นักลงทุนก็จะจดไว้เช่นกัน

ทั้งนี้ รัสเซียคงอธิบายว่า สินทรัพย์ของรัสเซีย ก็ถูกยึดเช่นกัน เมื่อคุณยึดของผมได้ ผมก็ยึดของคุณได้ นอกจากนี้ อีกไม่นานเรามีความเสี่ยงที่อาจจะเห็นรัสเซีย ประกาศหยุดชำระหนี้ (ชักดาบ) ในพันธบัตรต่างๆ ของรัสเซีย ที่กำลังถูก downgrade อยู่ในขณะนี้ (รวมถึง คงขอให้ไปถอนเอาเองจากเงินสำรองที่ถูกยึดไป)

สินทรัพย์ที่ต่างชาติมีอยู่ในรัสเซีย หรือลงทุนในรัสเซียมีอยู่ประมาณ 7-8 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อไป

นโยบายเหล่านี้ Nationalization หรือ Debt Moratorium เป็นนโยบายที่ปกติแล้ว ประเทศต่างๆ ขีดเส้นว่า "ไม่ทำ" แต่เมื่ออีกข้าง ประกาศใช้มาตรการแรงที่ปกติ “ไม่ทำ” เช่นกัน เช่น Freeze เงินสำรองต่างประเทศ ยึดสินทรัพย์ของธนาคารรัสเซียที่อยู่ในสหรัฐฯ และยุโรป ตลอดจนยึดสินทรัพย์ของเจ้าสัวรัสเซีย เมื่อมาถึงจุดนี้ อะไรอะไรก็เกิดได้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top