Wednesday, 14 May 2025
TheStatesTimes

รมว.เฮ้ง อนุมัติปล่อยกู้ 5 ล้านบาท ให้กองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ช่วยเหลือผู้รับงานไปทำที่บ้าน ลดดอกเบี้ยเหลือ 0% 12 งวด ต่อเนื่องปีที่ 3 ยื่นกู้ได้ตั้งแต่บัดนี้ ถึง 31 สิงหาคม 2565

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงานมีนโยบายเร่งด่วน ในการกระตุ้น ส่งเสริมและรักษาการจ้างงาน พัฒนาฝีมือแรงงาน รวมถึงทางเลือกอาชีพอิสระ และการรับงานไปทำที่บ้านแก่ผู้ว่างงาน โดยในปีงบประมาณ 2565 กระทรวงแรงงานได้อนุมัติวงเงินกู้ยืม จำนวน 5,000,000 บาท พร้อมมาตรการลดอัตราดอกเบี้ยเหลือร้อยละ 0 ต่อปี (จากเดิมร้อยละ 3) ในงวดที่ 1 -12 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนสำหรับแรงงานนอกระบบที่เป็นผู้รับงาน/กลุ่มผู้รับงานไปทำที่บ้าน สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนถูกกฎหมาย บรรเทาความเดือดร้อนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) 

“นายกรัฐมนตรี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา และรองนายกรัฐมนตรี พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ ผู้กำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ให้ความสำคัญและห่วงใยพี่น้องแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด - 19 โดยเฉพาะแรงงานนอกระบบที่ต้องการทำงาน มีรายได้ และยังมีศักยภาพ แต่ไม่มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยกำชับกระทรวงแรงงานดูแลช่วยเหลืออย่างเท่าเทียม ทั่วถึงเพื่อให้สามารถก้าวต่อไปได้ภายใต้สถานการณ์โควิด – 19” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว

นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า กองทุนผู้รับงานไปทำที่บ้าน มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับให้กลุ่มผู้รับงานไปทำที่บ้านกู้ยืมไปซื้อวัตถุดิบหรืออุปกรณ์ในการผลิตหรือใช้ขยายการผลิต สอดคล้องกับนโยบายสำคัญของกรมการจัดหางาน ในการส่งเสริมการจ้างงานและการประกอบอาชีพแรงงานกลุ่มเปราะบางเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

'ดร.สมเกียรติ' เผยผลกระทบหากรับ 'โรฮีนจา' เข้าไทย เตือนความขัดแย้งลึกมาก คนไทยอย่าไปยุ่ง!! 

'ดร.สมเกียรติ' เปิดห้องเรียนเสนาธิการทางเฟส ชี้ผลกระทบ หากรับ 'โรฮีนจา' เข้าไทยทางเรือ เตือนความขัดแย้งระหว่างชาวเมียนมากับโรฮีนจาลึกมาก คนไทยไม่เข้าใจอย่าไปยุ่งกับเขา

23 ก.พ. 65 ดร.สมเกียรติ โอสถสภา อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว มีเนื้อหาดังนี้…

โรฮีนจา ห้ามยุ่งเด็ดขาด
เอกสารยุทธศาสตร์ป้องกันประเทศไทย เปิดห้องเรียนเสนาธิการทางเฟสซะเลย
============================
หากรับโรฮีนจาเข้าไทยทางเรือ

>> หนึ่ง ชาวบังกลาเทศจะอพยพตามมาด้วย ทุกลำเรือที่ขนโรฮีนจาจะมีบังกลาเทศในเรือ 60% โรฮีนจามีล้านคน อยู่ในค่ายบังกลาเทศอีกสามแสนคน

ประชากรบังกลาเทศมีร้อยกว่าล้าน เจ้าหน้าที่ไทยแยกไม่ถูกหรอก ระหว่างคนสองชาตินี้ ภาษาคล้ายกันมาก หน้าตาเหมือนกัน

เมือง Cox Basar ของบังกลาเทศ คือ ท่าเรือที่ใช้อพยพ ที่ตั้ง UNHCR มีลำคลองแยกเป็นเส้นลายมือเชื่อมโยงสู่แม่น้ำที่มาระนองมากมาย อพยพบังกลาเทศมาได้เรื่อยๆ ทางน้ำ

จะเกิดการอพยพจากเอเชียใต้เข้าไทยครั้งใหญ่ นึกภาพดูแล้วกัน จะว่ามีผลกระทบอย่างไรต่อไทย ประเทศของคุณ
============================
>> สอง เมื่อมีการอพยพเข้ามา จะมี NGO ของทั้งโลกตะวันตกและโลกมุสลิมเข้ามาในไทย

สี่ปีมานี้ ประเทศทั่วโลกร่วมร้อยประเทศ ออกกฎหมายห้าม หรือควบคุมเข้มงวดงาน NGO จากต่างประเทศ เพราะเป็นการชักศึกเข้าบ้าน ประเทศย่านเอเชียก็เช่นกัน รัสเซีย จีน สิงคโปร์ พม่า ทั้งหมดแหละ องค์กรเหล่านี้หาที่ตั้งไม่ได้ ก็จะมาไทย เอาไม่อยู่ดอก ยิ่งมายิ่งยุ่ง ศักยภาพในการสร้างสถานการณ์โยงโลกเก่งมาก หยุดพวกเขาเสีย อินเดียสั่งห้าม 20,000 องค์กร ด่ารัฐบาลเลยหากช้า

ฝั่งองค์กรจากโลก มุสลิม ประเทศใหญ่คือ ซาอุฯ ตุรกี อิหร่านขัดแย้งกัน มีสายที่นิยมสู้รบในทุกสาย
โรฮิงยาก็มีรบกับตำรวจ ทหารพม่า จะมารบกันในไทยนี่แหละ ดูตะวันออกกลางไว้ ไทยเพิ่งแก้ปัญหา NGO ตุรกีเรียบร้อย

NGO ตะวันตกไม่ต้องพูด ดูตะวันออกกลาง ดูที่ทำในไทย อันตราย เอาให้อยู่
============================
>> สาม เรือที่จะขนเข้ามาหาไทยมีร่วม 50,000 ลำ หลายชาติ บรรทุกได้ลำละหลักร้อยถึงพันคน เป็นอาชีพที่ทำรายได้มากกว่าการประมง จะเกิดการค้ามนุษย์ขนาดใหญ่ และไม่หยุด

มีอิทธิพลเงิน อาวุธ การสื่อสาร ความเร็วเรือเพิ่ม ต้องเพิ่มทหารไทยทั้งทางน้ำ ทางบก ทางอากาศ ตำรวจ พลเรือน

ภาคใต้จะถูกยึดในสองปี จะส่งกลับ ส่งไป ไม่มีใครรับหรอก
============================
>> สี่ ลองประมาณค่าใช้จ่ายดู สร้างงานให้คนไทยหนึ่งคนใช้เงินราวสองล้าน ความต้องการสาธารณูปโภค โรงเรียน โรงพยาบาล หมอ ยา ไม่มีใครมาช่วยเราหรอก
============================
>> ห้า ตะวันตกจะมาใช้ไทยเป็นฐานโจมตีพม่า ทั้งด้านข่าวสาร ส่งกองกำลัง คน ส่งอาวุธ พม่าจะกลายเป็นสมรภูมิ

พม่าจะรบกับไทย ตัดแก๊ส แรงงานต่างชาติก็มี ฝึกทหารมาทั้งนั้น

ทหารพม่ามีชื่อเสียงทางทหารราบภูเขาที่ดีที่สุดของโลก คนตีนเขาหิมาลัย
สร้างมิตรดีกว่า
============================
>> หก ตะวันตกมีแผนยึดพม่าในฐานะจุดยุทธศาสตร์ เส้นทางส่งแก๊ส น้ำมัน เข้าจีนทางรัฐยะไข่ ส่งไปยูนนาน เสฉวน ฐานขีปนาวุธและนิวเคลียร์ของจีน ต้องการสร้างฐานไซเบอร์

จีนจะรีบลงมาจากเหนือ

อินเดียก็จะมา อินเดียประกาศว่าโรฮิงยาเป็นภัยต่อความมั่นคงของอินเดีย

บังกลาเทศจะกลายเป็นฐานโจมตีพม่า

UNHCR ที่บังกลาเทศจะกลายเป็นฐานใหญ่ ของตะวันตก

เส้นทางทางน้ำจากยะไข่ ลงมาระนอง พังงา ทัพเรือที่สามของไทย อันดามัน จนถึงมาเลเซีย ช่องแคบมะละกา อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย จะกลายเป็นเส้นทางสงครามทางเรือ

เรือดำน้ำแถวอันดามันมา แอบอยู่ที่เกาะแถวพม่าเขตพม่ามาร่วมสิบปี

เรือดำน้ำ จากฝั่งกัมพูชามาหมด เวียดนาม อินโดฯ มาเลฯ สิงคโปร์ จีน อเมริกา ออสเตรเลียมาหมด ไทยคงต้องเกณฑ์เรือด่วนเจ้าพระยา ติดบั้งไฟไปสู้

ดูหนัง Killer Hunter แล้วยังครับ ยิงขีปนาวุธจากเรือดำน้ำ ท่อแก๊ส คลังน้ำมัน เคเบิล ฐานเจาะแก๊ส เรือสินค้าหมูมาก

แต่ไทยจะมีพญานาคจากแม่น้ำโขงมาช่วยได้ ครุฑก็มีนะ

อย่ายุ่งกับพม่าครับ

ศบค. เผย สัดส่วนงบยูเซป ปันผู้ป่วยสีเขียวสูง 88% ทั้งที่ควรให้น้ำหนัก 'สีเหลือง - สีแดง' มากกว่า

ไทยติดเชื้อทะลุ 2.1 หมื่นราย ดับสูง 39 ราย กทม.เสริมเตียง CI อีก 900 เตียง ปรับลดราคารักษาต่อหัวทั้งรัฐ-เอกชน เผย ยูเซปอุ้มผู้ป่วยสีเขียวมากสุด ผุดมาตรการ School Isolation ให้เปิดเรียนได้แม้มีคนติดโควิด พบสถิติ ผู้สูงอายุยังไม่ฉีดวัคซีน อัตราตายสูง วอน เข้ารับการฉีด ปรับมาตรการ เดินทางเข้าไทย ให้เป็นเดย์ 0-PCR เดย์ 5-ATK นายกฯ ให้กำลังใจ คอลเซ็นเตอร์ หลัง โทรฯ ไปเองรู้รับศึกหนัก

เมื่อวันที่ 23 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงภายหลังการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะผอ.ศบค. เป็นประธาน ว่า สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 21,232 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 20,904 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 20,839 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุก 65 ราย มาจากเรือนจำ 160 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 168 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 2,770,793 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 16,662 ราย ทำให้มียอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 2,574,458 ราย อยู่ระหว่างรักษา 173,605 ราย อาการหนัก 882 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 229 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 39 ราย เป็นชาย 20 ราย หญิง 19 ราย เป็นผู้เสียชีวิตที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 31 ราย มีโรคเรื้อรัง 3 ราย ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 22,730 ราย ขณะที่สถานการณ์โลก มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 427,884,735 ราย เสียชีวิตสะสม 5,923,005 ราย  

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ภาพรวมการครองเตียงในประเทศ มีการใช้เตียงสีเขียวไป 82,523 คิดเป็น 55.7% สีเหลือง ระดับ 1 ใช้ไป 4,882 เตียง คิดเป็น 20.1% สีเหลืองระดับ 2 ใช้ไป 676 เตียง คิดเป็น 12.1% สีแดง ใช้ไป 402 เตียง คิดเป็น 18.6% เราต้องเอาเตียงไว้ให้กับผู้ป่วยวิกฤติหนัก โดยให้คนที่อาการไม่หนักไปอยู่ CI และ HI สำหรับ CI ในกทม. ถือว่ามีความสำคัญ โดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครรายงานต่อที่ประชุมว่า ขณะนี้ยังมี CI ในกทม. เหลือ 2,000 เตียง และจะมีการเปิดเพิ่มอีก 900 เตียง 

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ในที่ประชุมยังมีการรายงานการใช้จ่ายงบประมาณเกี่ยวกับโควิด-19 โดยในปี 63 กรมบัญชีกลางใช้งบไป 232.19 ล้านบาท ประกันสังคมใช้ไป 306.87 ล้านบาท หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ใช้ไป 3,302.09 ล้านบาท รวม 3,841.15 ล้านบาท ในปี 64 กรมบัญชีกลางใช้ไป 36,652.97 ล้านบาท ประกันสังคมใช้ไป 42,917.39 ล้านบาท หลักประกันสุขภาพแห่งชาติใช้ไป 51,177.58 ล้านบาท รวม 97,747.94 ล้านบาท ขณะที่ปี 65 ในส่วนของหลักประกันสุขภาพมีการวางงบไว้ 32,488 ล้านบาท และอยู่ระหว่างการของบเพิ่มเติม สำหรับค่าเฉลี่ยการจ่ายค่ารักษาโควิด-19 แบ่งตามอาการ ในปี 65 จะมีการปรับราคาลง จากเดิมผู้ป่วยสีเขียวมีประมาณค่าใช้จ่ายต่อรายในโรงพยาบาลรัฐอยู่ที่ 23,248 บาท เอกชน 50,236 บาท จะเสนอปรับลดให้เหลือ 12,000 บาท สีเหลือง โรงพยาบาลของรัฐ 81,844 บาท เอกชน 92,752 บาท เสนอปรับให้เหลือ 69,300 บาท สีแดง โรงพยาบาลรัฐ 252,182 บาท เอกชน 375,428 บาท จะปรับให้เหลือ 214,400 บาท 

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า หากไปดูสัดส่วนเงินที่ใช้สำหรับยูเซปโควิด-19 แยกเป็นรายสี พบว่าใช้ในส่วนของผู้ป่วยสีเขียว 88% สีเหลือง 11% สีแดง 1% ข้อเท็จจริงในส่วนของยูเซปนี้ควรให้น้ำหนักสีเหลือง สีแดง มากกว่าสีเขียว โดยผอ.ศบค. แจ้งว่าเราจะยังใช้เกณฑ์เดิมอยู่ หากจะมีการปรับ ขอให้ปรับในเกณฑ์ที่ประชาชนไม่เดือดร้อน ซึ่งเลขาธิการ สปสช. กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อพัฒนาระบบอยู่ 

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังมีการรายงานสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ในเด็กอายุ 0-19 ปี ว่ามีผู้ติดเชื้อ 21.9% และผู้ป่วยหนักก็มีน้อย ส่วนการปิดโรงเรียนในช่วงที่ผ่านมาพบว่า โรงเรียนที่มีผู้ติดเชื้อ 1 คนขึ้นไป มีการปิดโรงเรียนไปถึง 27.8% โรงเรียนที่มีการติดเชื้อมากกว่า 1 ห้อง ปิดเรียนถึง 55.7% โรงเรียนที่มีผู้ติดเชื้อในโรงเรียนใกล้เคียง มีการปิดโรงเรียนไปถึง 9% ถือว่าไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ จึงมีการเสนอมาตรการ “เปิดเรียนออนไซต์อยู่ได้กับโควิด-19” โดยกรณีนักเรียนมีความเสี่ยงและติดเชื้อในสถานศึกษา สำหรับของโรงเรียนประจำนั้น กรณีที่นักเรียน ครู และบุคลากรเป็นผู้เสี่ยงต่ำให้เรียนออนไซต์ปกติ สังเกตอาการและประเมินความเสี่ยง กรณีนักเรียน ครู และบุคลากรเป็นผู้เสี่ยงสูง ให้จัดการเรียนการสอนใน Quarantine Zone จัดการตรวจคัดกรองหาเชื้อ และหากนักเรียน ครู และบุคลากรเป็นผู้ติดเชื้อให้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานสาธารณสุขจัดทำ School Isolation และให้จัดการเรียนการสอนอย่างเหมาะสม กำกับติดตามมาตรการส่วนบุคคลขั้นสูงสุด 

‘เจ๊จง’ ประกาศลดราคาอาหาร หลังราคาเนื้อหมูถูกลงแล้ว

วันที่ 23 ก.พ. 65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถานการณ์ราคาเนื้อหมูที่ปรับขึ้นราคาเท่าตัวก่อนหน้านี้ ส่งผลให้ผู้ประกอบการร้านขายอาหาร ขอประกาศปรับขึ้นราคา เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนที่สูงขึ้น รวมถึง ‘ร้านหมูทอดเจ๊จง’ ที่ปรับราคาขึ้น แต่ให้คำมั่นสัญญาว่า จะปรับลดราคาลง หากราคาหมูปรับลดลงแล้ว

ส่องท่าทีจีน​ ภายใต้วิกฤติ​ 'รัสเซีย-ยูเครน'​ กับความนิ่งสงบที่สยบทุกการเคลื่อนไหว

หลังจากที่รัสเซียได้ปล่อยระเบิดการเมืองโลกลูกโตด้วยการประกาศรับรองเอกราชให้กับ ​'แคว้นโดเนตสก์'​ และ 'ลูฮันสก์'​ เพื่อแยกตัวออกจากยูเครน พร้อมทั้งอนุมัติให้ส่งกองกำลังรักษาสันติภาพเข้าไปในแคว้นดังกล่าว ก็เรียกได้ว่าสร้างความโกลาหลไปทั่วทั้งโลก​ ​จนต่างเริ่มกังวลว่าสงครามครั้งใหญ่อาจเกิดขึ้นในไม่ช้าจริงๆ

แรงกระเพื่อมนี้แรงจนทำให้องค์กรระดับโลก ทั้งองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) สหภาพยุโรป (EU) และสภาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติออกมาเคลื่อนไหวโดยพร้อมเพรียงกันในวันนี้ เพื่อสกัดการรุกรานของรัสเซียในดินแดนยูเครน

ด้านนายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการแห่งองค์การสหประชาชาติเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยึดหลักตามข้อตกลง Minsk Agreements (2015) ที่ได้รับการรับรองโดยสมัชชาความมั่นคง ในการรักษาความสงบตลอดแนวชายแดนยูเครนตะวันออกที่มีข้อพิพาทระหว่างรัฐบาลยูเครน และกลุ่มแบ่งแยกดินแดนโดเนตสก์และลูฮันสก์ 

ส่วนสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปเตรียมยกระดับมาตรการคว่ำบาตรสูงสุดต่อรัสเซียเพื่อเป็นการตอบโต้ความพยายามที่จะยึดครองดินแดนยูเครนผ่านการรับรองเอกราชของ 2 แคว้นในดินแดนยูเครนแล้ว 

อย่างไรเสีย​ ท่ามกลางความวุ่นวายนี้ หลายฝ่ายก็ได้จับจ้องไปที่ท่าทีของ​ 'จีน'​ ประเทศมหาอำนาจแห่งเอเชียและเป็นพันธมิตรอันแน่นแฟ้นกับรัสเซียว่าจะแสดงจุดยืนเช่นใดในวิกฤตินี้

โดยทางรัฐบาลจีนก็มิได้นิ่งเฉย ล่าสุดมีการพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่าง หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน และ แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ เกี่ยวกับสถานการณ์ในยูเครน โดยทางจีนกล่าวว่าจะเคารพหลักการตามที่ประชุมองค์การสหประชาชาติ 

แต่ทั้งนี้ นาย จาง จุน เอกอัครราชทูตจีนประจำองค์การสหประชาชาติ ไม่ได้แสดงท่าทีแข็งกร้าวต่อการตัดสินใจของรัสเซีย เมื่อเทียบกับพันธมิตรชาติตะวันตกอื่นๆ โดยได้แสดงความเห็นให้ทุกฝ่ายหาหนทางพูดคุยเพื่อหาทางออกที่เหมาะสม​ ด้วยการยึดหลักสันติวิธีจะดีกว่า เนื่องจากปัญหาความขัดแย้งนี้มีสาเหตุจากหลายปัจจัยที่มีความซับซ้อนมาก และจีนพร้อมแสดงจุดยืนในทางออกที่เป็นผลดีกับทุกฝ่าย

24 กุมภาพันธ์ ของทุกปีเป็น ‘วันศิลปินแห่งชาติ’ เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2

วันศิลปินแห่งชาติ ตรงกับวันที่ 24 กุมภาพันธ์ของทุกปี เนื่องจากตรงกับวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 แห่งราชวงศ์จักรี ผู้ทรงเป็นพระปฐมบรมศิลปินแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ด้วยทรงพระปรีชาสามารถในศิลปกรรมด้านต่างๆ หลายสาขา ไม่ว่าจะเป็นด้านกวีนิพนธ์ ด้านประติมากรรม และด้านดนตรี ดังนั้นเพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2528 ประกาศให้ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นวันศิลปินแห่งชาติ

ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (กรมส่งเสริมวัฒนธรรม) ได้จัดทำโครงการศิลปินแห่งชาติ มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 เพื่อสรรหา ส่งเสริม สนับสนุน และช่วยเหลือศิลปินผู้สร้างสรรค์ ผลงาน ศิลปะล้ำค่า อันทรงคุณค่าของแผ่นดิน ยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ โดยมีสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติเป็นผู้พิจารณา ความสำคัญของศิลปินแห่งชาติ ที่นับเป็นทรัพยากรบุคคลสำคัญทางด้านศิลปะ ที่ได้สืบสานงานศิลปะของชาติให้เชื่อมโยงจากอดีตมาสู่ปัจจุบัน เป็นการถ่ายทอดภูมิปัญญาของบรรพบุรุษในอดีต ให้มีความรุ่งโรจน์สืบไปยังอนาคตข้างหน้า ซึ่งนับตั้งแต่เริ่มโครงการ ศิลปินแห่งชาติ มาเมื่อปี พ.ศ. 2527 และประกาศผลการคัดเลือกศิลปินแห่งชาติในปีแรกเมื่อ พ.ศ. 2528 จนถึงปัจจุบัน มีศิลปินสาขาต่างๆ มาแล้วหลายคน 

“บิ๊กตู่” ห่วงใยคนไทยในยูเครน รัฐบาลเตรียมพร้อมจัดเครื่องบินเช่าเหมาลำหากจำเป็นต้องอพยพ 

เมื่อวันที่ 24 ก.พ.น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยคนไทยที่อยู่ในยูเครน โดยกระทรวงการต่างประเทศรายงานว่า ได้กำหนดแผนอพยพคนไทยไว้พร้อมแล้ว หากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินจะใช้เครื่องบินเช่าเหมาลำ แต่หากมีการปิดน่านฟ้าจะจัดรถรับคนไทยข้ามแดนไปยังประเทศโปแลนด์ ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้รายงานถึงสถานการณ์ในยูเครนเป็นระยะๆ เพื่อให้นายกรัฐมนตรีได้รับทราบสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ด้วยความห่วงใยคนไทยที่อยู่ในยูเครนซึ่งทางสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ ได้ติดต่อสื่อสารกับกลุ่มคนไทยอย่างต่อเนื่อง

เพื่อเตรียมความพร้อมในการแก้ไขสถานการณ์อย่างทันท่วงทีหากมีเหตุจำเป็น รวมทั้ง ได้สอบถามความเป็นอยู่ของชาวไทยและให้เตรียมพร้อมในการให้ความช่วยเหลือ ขณะนี้ได้กำหนดแผนการว่าจะใช้เครื่องบินเช่าเหมาลำอพยพคนไทยจากยูเครนโดยตรง ส่วนกรณีน่านฟ้าปิด จะอพยพคนไทยมารวมกัน เพื่อเดินทางข้ามแดนโดยรถต่อไปยังกรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ เพื่อขึ้นเครื่องบินเช่าเหมาลำกลับไทย 

“นายกฯ” ยินดี กรุงเทพฯ ติดอันดับ 6 เมืองจุดหมายจัดการประชุมนานาชาติระดับโลก พร้อมส่งเสริมอุตสาหกรรมไมซ์ 

เมื่อวันที่24 ก.พ.นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม    ยินดีที่กรุงเทพฯ ได้รับการจัดอับดับที่ 6 ของเมืองจุดหมายจัดการประชุมนานาชาติระดับโลก จากรายงานดัชนีชี้วัดความสามารถในการแข่งขันของเมืองที่เป็นจุดหมายจัดการประชุมนานาชาติ ประจำปี 2564 (International Convention Destination Competitive Index 2021) ด้วยคะแนน 642.1 จากทั้งหมด 101 เมืองทั่วโลก (International Convention Destination 2021) ซึ่งจัดทำโดยบริษัท GainingEdge บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำของโลกด้านอุตสาหกรรมไมซ์(Meeting, Incentive Travel, Conventions, Exhibitions: MICE) ซึ่ง 10 อันดับแรกของโลก ได้แก่ ปารีส นิวยอร์ก สิงคโปร์ ปักกิ่ง โตเกียว กรุงเทพฯ ลอนดอน บาร์เซโลนา อิสตันบูล และวอชิงตัน ตามลำดับ 

นายธนกร กล่าวว่า กรุงเทพฯ ได้ขยับขึ้นมา 2 อันดับ จากเดิมอันดับ 8 ในปี 2563 และเมื่อเปรียบเทียบกับเมืองเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กรุงเทพฯ จะอยู่ในอันดับ 4 ของเมืองในทวีปเอเชียยอดนิยม (Top Asian Metropolises) ดังนี้ สิงคโปร์ ปักกิ่ง โตเกียว กรุงเทพฯ ฮ่องกง เซี่ยงไฮ้ กัวลาลัมเปอร์ และโซล สะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการจัดการประชุมของประเทศไทยที่มีศักยภาพในการจัดประชุมทุกระดับ เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ

นายธนกร กล่าวว่า รายงานผลการจัดอันดับดังกล่าว ใช้การวิจัยและรวบรวมข้อมูลจากจากรายชื่อเมืองที่มีการจัดประชุมนานาชาติมากที่สุดในแต่ละปีของสมาคมการประชุมและการประชุมนานาชาติ จากนั้นได้ประเมินคุณภาพของปัจจัยที่สำคัญในแต่ละเมือง ซึ่งพิจารณาใน 3 ปัจจัยหลัก และ 11 องค์ประกอบย่อย คือ 1. ด้านสุขอนามัย ได้แก่ สิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วนสำหรับการประชุม ข้อเสนอของโรงแรมที่พัก ตอบโจทย์การใช้งาน และการเดินทางทางอากาศซึ่งต้องมีทั้งเที่ยวบินระหว่างประเทศและในประเทศรองรับผู้เข้าร่วมการประชุม 2. ด้านความได้เปรียบในการแข่งขัน ได้แก่ เครือข่ายทางการตลาด ต้นทุนในการจัดเตรียมการประชุมคุ้มค่า และการเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญสำหรับภาคธุรกิจและการท่องเที่ยว 3. ด้านการสร้างความแตกต่าง ได้แก่ ระบบโลจิสติกส์ที่เคลื่อนย้ายได้สะดวก มูลค่าทางการตลาดของประเทศนั้น ๆ ขนาดของเศรษฐกิจโดยคำนวณจากค่า GDP/ประชากร  สภาพแวดล้อมทางธุรกิจและ ความปลอดภัยและเสถียรภาพในประเทศ

ทั้งนี้ รัฐบาลเล็งเห็นถึงความสำคัญกับการส่งเสริมอุตสาหกรรมไมซ์ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอุตสาหกรรมไมซ์สามารถนำมาพัฒนาจากธุรกิจท่องเที่ยว ต่อยอดไปสู่การให้บริการจัดประชุม งานแสดงสินค้าต่าง ๆ ที่สามารถนำเสนอที่พัก สถานที่ท่องเที่ยวในบริเวณใกล้เคียงเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศได้ด้วยเช่นกัน โดยมีสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ เป็นองค์กรภาครัฐที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนอุตสาหกรรมไมซ์ ด้วยการอำนวยความสะดวกและพัฒนามาตรฐานการจัดงานในรูปแบบต่าง ๆ ให้มีศักยภาพในระดับนานาชาติ

โดยเฉพาะภายหลังช่วงสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ซึ่งปัจจุบันการจัดการประชุมต่าง ๆ ได้กลับมาดำเนินการอีกครั้ง เช่น ในปีนี้ ประเทศไทยมีแผนการจัดประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค และการประชุมที่เกี่ยวข้อง (APEC 2022) ซึ่งมีการจัดการประชุมทุกระดับในแต่ละพื้นที่ของประเทศตลอดปี 2565 และงาน Thailand International Air Show ในปี 2566 ณ พื้นที่สนามบินอู่ตะเภา และพื้นที่เมืองการบินภาควันออกในเขต EEC ซึ่งถือเป็นงานแสดงอากาศยานและยุทโธปกรณ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก 

ระยอง - ศรชล.ภาค 1 บูรณาการตรวจสอบเรือ MV Smooth Sea ปล่อยของเสียลงสู่ทะเล

ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 (ศรชล.ภาค 1) บูรณาการในการตรวจสอบเรือ MV Smooth Sea  กรณีปล่อยของเสียลงสู่ทะเล 

เมื่อวันที่ 23 ก.พ.65 เวลา 07.30 น. ขณะที่เฮลิคอปเตอร์ ของทัพเรือภาคที่ 1 กองทัพเรือ ขึ้นบินลาดตระเวนตรวจสภาพท้องทะเลบริเวณจุดขนถ่ายน้ำมันในทะเล (SPM) จังหวัดระยอง ได้ตรวจพบคราบน้ำมัน บริเวณแนวทางเรือเดินท้ายเรือ MV. Smooth Sea จึงได้ทำการบันทึกภาพถ่าย และคลิป VDO ไว้  ซึ่งคาดว่าเรือลำดังกล่าว อาจปล่อยของเสียลงทะเล 

จากการประสานข้อมูลเพิ่มเติมจาก Sriracha VTS  ทราบว่าเรือลำดังกล่าว ออกเดินทางจากท่าเรือมาบตาพุด จังหวัดระยอง  ปลายทาง ท่าเรือ ไอ อาร์ พี ซี พระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ  มีการสูบน้ำท้องเรือทิ้งและมีคราบน้ำมันปนออกไปด้วย โดยทาง Sriracha VTS  จึงได้แจ้งให้หยุดการกระทำดังกล่าว เวลา 11.00 น. ของวันเดียวกัน ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดชลบุรี ศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดชลบุรี เจ้าท่าภูมิภาคสาขาชลบุรี เจ้าท่าภูมิภาคสาขาพัทยา สำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 2 จังหวัดชลบุรี และตำรวจน้ำศรีราชา กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจน้ำ ในการขึ้นตรวจสอบเรือ MV. Smooth Sea ซึ่งอยู่ในระหว่างการเดินทาง และได้ลอยลำรออยู่บริเวณเกาะสีชัง 

โดยมี ทัพเรือภาคที่ 1 จัดเรือ ต.112 และ เรือ ต.114 ให้การสนับสนุนในการเดินทาง ซึ่งผลการตรวจสอบสภาพตัวเรือและความปลอดภัยของเรือเบื้องต้น ไม่พบการรั่วไหลของน้ำเสียเพิ่มเติม สินค้าบนเรือมีหลักฐานการนำเข้าถูกต้อง ได้ตรวจสอบสาเหตุการปล่อยของเสียลงสู่ทะเลพบว่า เรือลำนี้ใช้ระบบหม้อต้มจากน้ำมันเตา โดยของเสียที่ปล่อยลงสู่ทะเลนั้น เป็นคราบน้ำมันปะปนกับน้ำที่อยู่ในถังระบายความร้อนของหม้อต้ม  

โดยในขณะเดินทางจากมาบตาพุด มาได้ประมาณ 1 ชม. (เวลาประมาณ 07.00 น.) กัปตันเรือได้รับแจ้งว่าปั๊มที่หม้อต้มขัดข้อง ทำให้น้ำในถังระบายความร้อนหม้อต้มได้ล้นท่วม ทางเรือจึงแก้ปัญหาโดยได้สูบน้ำออกไปในช่องทางของท่อระบบระบายของเสียจากการขับถ่ายของเรือ จึงทำให้น้ำที่มีน้ำมันเจือปน ได้ไหลลงสู่ทะเลดังกล่าว เจ้าท่าภูมิภาคสาขาพัทยา จึงได้สั่งให้เรือหยุดการใช้งานระบบหม้อต้ม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำระหว่างการเดินทาง และให้ไปใช้ระบบน้ำมันดีเซลในการเดินระบบเครื่องจักรใหญ่แทน พร้อมกับได้ตรวจสอบความปลอดภัยของเรือภายหลังเกิดเหตุ ซึ่งทางเรือได้แก้ปัญหาจนไม่มีน้ำท่วมเรียบร้อย และตรวจสอบแล้วมีความปลอดภัย จึงให้เรือออกเดินทางไปยังอ.พระประแดง จว.สมุทรปราการ ต่อไป 

โซเชียลแห่แชร์ บัณฑิตหนุ่ม 'พิการทางสายตา' สุดมุ่งมั่น คว้าเกียรตินิยมอันดับ 2 ภาษาจีน คนที่ 2 ของประเทศ

ชื่นชม ‘น้องเซ้นต์’ หรือ นายวุฒิชัย แซ่ลี้ สาขาวิชาภาษาและวัฒนธรรมจีน บัณฑิตพิการทางสายตาคนที่ 2 ของประเทศไทย ที่ใช้อักษรเบรลล์ภาษาจีนในการเรียนการสอนตลอดหลักสูตร และจบด้วยดีกรีเกียรตินิยมอันดับ 2

เมื่อวันที่ 21 ก.พ. เพจเฟซบุ๊ก ‘School of Sinology(汉学院)’ ได้โพสต์แสดงความยินดีพร้อมชื่นชม น้องเซ้นต์ นายวุฒิชัย แซ่ลี้ สาขาวิชาภาษาและวัฒนธรรมจีน บัณฑิตพิการทางสายตาคนที่ 2 ของประเทศไทย ที่ใช้อักษรเบรลล์ภาษาจีนในการเรียนการสอนตลอดหลักสูตร ดีกรีเกียรตินิยมอันดับ 2


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top