Thursday, 15 May 2025
TheStatesTimes

ยุทธการฟ้าสางที่ฝั่งโขงแผลงฤทธิ์!! ตรวจยึดบ้าล๊อตใหญ่ จากขบวนการค้ายาข้ามชาติทะลักเข้าประเทศ ขนครั้งละ 4 กระสอบ จำนวน 1,638,000 เม็ด

เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 15.00 น. นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม/ผู้อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดนครพนม เป็นประธาน แถลงข่าวผลการดำเนินงาน ตามแผนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดนครพนม "ยุทธการฟ้าสางที่ฝั่งโขง" ณ บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดนครพนม

โดยมีนายชวนินทร์ วงค์สถิตจินกาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ,นายพรต ภูภักดิ์ ปลัดจังหวัดนครพนม  พล.ร.ต. สมบัติ จูถนอม ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง ,พล.ต.ต. ธนชาติ รอดคลองตัน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม ,พ.อ.จักริน จิตคติ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน, พันเอก สุคนธรัตน์ ชาวพงษ์  ผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมที่ 1 ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 3 (ผบ.ร.3) กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี, พ.อ. ปราโมทย์ เนียมสำเภา รองผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมที่ 1 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี และหัวหน้าหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ โดยจังหวัดนครพนมได้จัดทำแผนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดขึ้น เพื่อบูรณาการหน่วยงานความมั่นคง ในพื้นที่ใช้เป็นกรอบแนวทางในการดำเนินงานด้านยาเสพติดของจังหวัดนครพนมภายใต้ “ยุทธการฟ้าสางที่ฝั่งโขง” ประจำปี 2565 

ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2565 กกล.สุรศักดิ์มนตรี โดย ฉก.ทพ.21 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต ณรงค์ สวนแก้ว  ผบ.กกล.สุรศักดิ์มนตรี และ พ.อ. อุทัย  นิลเนตร ผบ.ฉก.ทพ.21 จากการบูรณาการด้านการข่าวในพื้นที่ อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวในพื้นที่ว่าจะมีการลักลอบขนยาเสพติดจากฝั่ง สปป.ลาว เข้ามายังประเทศไทยตามแนวชายแดนแม่น้ำโขง จึงได้สั่งการให้กองร้อยทหารพรานที่ 2109 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 นำทีมโดย ร.อ.ธนากร นาเหล็ก ผบ.ร้อย.ทพ.2109 ฉก.ทพ.21 จึงจัดกำลังพล ร่วมกับ ชฝด.3 นฝด.2 และ มว.QRF ที่ 2 ร้อย.QRF กกล.สุรศักดิ์มนตรี, ร้อย.ตชด.237, นรข.เขตนครพนม สน.เรือบ้านแพง, ฝ่ายปกครองอำเภอท่าอุเทน และ สภ.ท่าอุเทน ทำการ ลว.เฝ้าตรวจ จุดเสี่ยง/จุดล่อแหลม เพื่อป้องกันสกัดกั้นการลักลอบขนย้ายยาเสพติด สิ่งผิดกฎหมาย และการกระทำผิดเงื่อนไขตามแนวชายแดน

ครั้นเมื่อเวลา 20.00 น. เจ้าหน้าที่ได้ลาดตระเวนมาถึง บริเวณ ริมแม่น้ำโขง พื้นที่ บ.เหล่าสวนกล้วย ม.4 ต.หนองเทา อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ตรวจพบบุคคลชายต้องสงสัยลักษณะท่าทางมีพิรุธ จำนวน 5 คน วิ่งลงไปในแม่น้ำโขง แล้วนั่งเรือกีบติดเครื่องยนต์แล่นออกจากบริเวณดังกล่าวและตัดข้ามไปยังฝั่ง สปป.ลาว อย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจสอบบริเวณโดยรอบ พบยาบ้า จำนวน 3 จุด จุดที่ 1 พบเป็นยาบ้า จำนวน 1 กระสอบ และอีก 1 ถุงเล็ก จุดที่ 2 พบยาบ้า จำนวน 1 กระสอบ จุดที่ 3 พบยาบ้า จำนวน 2 กระสอบ เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจยึดยาเสพติดดังกล่าว ของกลางทั้งหมด นำมายัง บก.ร้อย.ทพ.2109 เพื่อตรวจสอบและตรวจนับรายละเอียด จึงได้แจ้งประสานหน่วยงานในพื้นที่ร่วมตรวจยึดของกลางทั้งหมด ส่ง พนักงานสอบสวน สภ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

และต่อมาในวันเดียวกัน กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี(กกล.ฯ) โดย กองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2108(ทพ.2108) หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 21 (ฉก.21) กองบังคับการควบคุมที่ 2 (กรมทหารราบที่ 13) ฐานปฏิบัติการบ้านปากห้วยม่วง ต.นาเข อ.บ้านแพง จ.นครพนม สนธิกำลังร่วมกับ หมวด QRF.ที่ 2 กองร้อย QRF. และหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ทำการลาดตระเวนด้วยรถจักรยาน ยนต์ในพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อสกัดกั้นและป้องกันการลักลอบกระทำผิดกฎหมายตามแนวชายแดน กระทั่งเวลาประมาณ 15.00 น. เจ้าหน้าที่ลาดตระเวนถึงบริเวณถนนทางเข้าหมู่บ้าน บ้านดอนสะฝาง หมู่ 5 ต.โพนทอง อ.บ้านแพง จ.นครพนม

พบบุคคลต้องสงสัย ขับขี่รถจักรยาน ยนต์ ยี่ห้อ HONDA SONIC สีดำ – แดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ขับวนไป – มาหลายรอบ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการเข้าตรวจสอบ แต่บุคคลต้องสงสัยดังกล่าว ได้ขับขี่รถจักร ยานยนต์หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบพื้นที่บริเวณโดยรอบ ตรวจพบวัตถุพันด้วยเทปกาวสีดำ จำนวน 1 ก้อน เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจยึดมาเพื่อตรวจสอบโดยละเอียด จากการตรวจสอบ พบเป็น ยาบ้าจำนวน 15 ถุง ตรวจนับได้ 3,011 เม็ด (เม็ดสีแดง 2,980 เม็ด, เม็ดสีเขียว 31 เม็ด) จากนั้น ได้นำของกลางทั้งหมด ส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวน สภ.บ้านแพง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

‘เบลล์-ขอบสนาม’ เผย ‘เดียร์ลอง’ เตรียมย้ายไปเนเธอร์แลนด์ พร้อม ‘เปลี่ยนชื่อ - สัญชาติ’ คาดไม่กลับมาเมืองไทยอีก

หลังจากที่เป็นกระแสในโลกโซเชียลเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาสำหรับ ‘เดียร์ลอง’ หรือ ‘กวาง อริศรา’ ยูทูบเบอร์ชื่อดัง และ เจ้าของฉายาเจ้าหญิงดิสนีย์ เมืองไทย หลังจากถูกมือดีดูดคลิปจาก OnlyFans มาเผยแพร่ต่อในช่องทางออนไลน์ต่างๆ

ล่าสุด ‘เบลล์-ขอบสนาม’ ได้แจ้งข่าวผ่านเพจส่วนตัวถึงความเคลื่อนไหวของ เดียร์ลอง โดยระบุว่าเธอจะย้ายไปอยู่ที่เนเธอร์แลนด์แบบถาวร เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนสัญชาติ เริ่มต้นชีวิตใหม่ไม่กลับมาเมืองไทยอีก ซึ่ง ‘เบลล์-ขอบสนาม’ ได้กล่าวอวยพร เดียร์ลอง พร้อมกลับบอกว่าเสียดายที่จะไม่ได้เจอน้องที่เมืองไทยอีก ก่อนจะปิดท้ายว่าจะไปเยี่ยมบ่อยๆ ขอเก็บเงินอีก 2 ปีจะตามไปเปิดร้านกัญชา

สมเด็จพระวันรัต เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร รับการรักษาอาพาธอยู่ที่ รพ.จุฬาลงกรณ์ อาการโดยรวมยังเป็นที่พอใจของคณะแพทย์

ข่าวปลอม!!

ตามที่มีคนส่งข่าวทางไลน์​ เจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร​ มรณภาพเมื่อวันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 เวลาประมาณ 11.00 น. นั้น...ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง!!

โดยล่าสุด​ เพจเฟซบุ๊ก​ 'วัดบวรนิเวศวิหาร'​ ได้เผยว่า เจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต ยังรับการรักษาอาพาธอยู่ที่ รพ.จุฬาลงกรณ์ โดยภาพรวม อาการในขณะนี้ ยังเป็นที่พอใจของคณะแพทย์ ผู้ถวายการรักษา จึงแจ้งมาเพื่อโปรดทราบโดยทั่วกัน


ที่มา : https://www.facebook.com/417085551680937/posts/4967612236628223/?d=n

‘พรรคกล้า’ พบทูตจีนคนใหม่ร่วมถก ศก.สองประเทศ โฟกัส ‘e-Commerce - ท่องเที่ยว - อุตสาหกรรมสีเขียว’

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า พร้อมด้วยนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรค, นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรค, นายเทมส์ ไกรทัศน์ ผู้เสนอตัวสมัคร ส.ส.ภูเก็ต เข้าพบ นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ‘คนใหม่’ โดยได้มีการหารือประเด็นเศรษฐกิจการค้า โดยเฉพาะเรื่อง e-Commerce รวมถึงประเด็นการท่องเที่ยวที่ไทย ที่เฝ้ารอต้อนรับนักท่องเที่ยวจากจีน โดยท่านทูตพร้อมร่วมมือกับพรรคกล้า ในการประสานงานด้านนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศต่อไป

นายกรณ์ กล่าวว่า ท่านทูตได้แสดงความยินดีกับพรรคกล้าที่มีอายุครบ 2 ปี เมื่อวานนี้ โดยได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกันเรื่องเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ ช่วงปีที่ผ่านมา ยอดการค้าระหว่างไทยกับจีน มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก มีการพูดคุยกันถึงโอกาสการลงทุนในอุตสาหกรรมสีเขียว และการพัฒนาธุรกิจ e-Commerce ระหว่างกันในอนาคต

'อดีตสส.ปชป.' ยื่นหนังสือร้องนายกฯ ตรวจสอบประมูลรังนกฯ จ.ชุมพร ส่อทุจริต 

ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล สำนักงานข้าราชการพลเรือง (กพ) .ได้มี นายศิริศักดิ์ อ่อนละมัย อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชุมพร 6 สมัย สังกัดพรรคประชาธิปัตย์  มายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี  เรื่องขอให้มีการตรวจสอบกรณีการประมูลและการดำเนินการเกี่ยวกับรังนกอีแอ่นในพื้นที่จังหวัดชุมพร ตามที่มีการตาพรบ. อากรรังนกอีแอ่นพ.ศ 2540 เพื่อให้ส่วนท้องถิ่นได้มามีส่วนดูแลและจัดการเก็บรังนกอีแอ่นและให้เงินอากรรังนกอีแอ่นตกเป็นรายได้ให้กับราชการส่วนท้องถิ่นที่มีรังนกอยู่ในเขตราชการส่วนท้องถิ่นนั้น  แต่ได้ปรากฏข้อเท็จจริง เป็นที่ทราบของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชุมพรโดยทั่วไปว่า กรณีดำเนินการเกี่ยวกับรังนกอีแอ่น ดังกล่าวมีเหตุอันควรเชื่อถือได้ว่าเป็นการดำเนินการโดยทุจริตและสร้างความเสียหายให้กับรัฐและผลประโยชน์อันจะตกต่อประชาชนชาวจังหวัดชุมพร อย่างร้ายแรง ในพื้นที่เกาะลังต.ปากคลอง อ.ปะทิว
จ.ชุมพร 

ซึ่งได้มีการเปิดประมูลรวม 16 ครั้ง กับไม่ปรากฏผู้เข้าประมูลประชาชนทั่วไป จึงมีความเคลือบแคลงสงสัยในประเด็นการรักษาทรัพยากรรังนกบนเกาะดังกล่าวเพราะหากไม่มีการประมูล คณะกรรมการซึ่งกำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินการต้องมีการตรวจสอบเพื่อป้องกันการสูญหายของรายได้แผ่นดินและท้องถิ่น ซึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นคือองค์การบริหารส่วนตำบลปากคลอง ได้มีการเสนอตัวแทนเพื่อเข้าเป็นพนักงานป้องกันการบุกรุกและเฝ้าเกาะ แต่คณะกรรมการดังกล่าวมีการกล่าว อ้างว่าได้มีการแต่งตั้งอาสาสมัครรักษาดินแดน ผู้มีประสบการณ์ความเหมาะสม แล้วจึงเป็นการปิดโอกาสกระบวนการมีส่วนร่วมตามกฎหมายในฐานะเจ้าของพื้นที่และผู้รับผลประโยชน์เกี่ยวกับรายได้ต่อการพัฒนาท้องถิ่นอย่างรุนแรง 

จึงเป็นเหตุที่ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวควรเชื่อได้ว่าการดำเนินการเกี่ยวกับรังนกอีแอ่นในพื้นที่ดังกล่าวเป็นการดำเนินการโดยมิชอบด้วยกฎหมายมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าเป็นการดำเนินงานโดยทุจริตและประโยชน์ต่อกลุ่มนายทุนบางกลุ่ม มูลเหตุดังกล่าว มีความใกล้เคียงกับกรณีการทุจริตในพื้นที่จังหวัดพัทลุง จึงขอให้มีการสั่งการไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้ามาตรวจสอบ การจัดการประมูลรังนกอีแอ่นในทุกสัญญาตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดพิธีจุดเทียนเปิดงานเทศกาลง่วนเซียว ประจำปี 2565 ณ ศาลเจ้าไต้ฮงกง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ พร้อมด้วย คณะกรรมการ ผู้ช่วยกรรมการ ร่วมในพิธีจุดเทียนเปิดงานเทศกาลง่วนเซียว และเริ่มประกอบพิธีสงฆ์ สวดชัยมงคลคาถา (พะเก่ง) ณ ศาลเจ้าไต้ฮงกง มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ 

เทศกาลง่วนเซียว เป็นเทศกาลแรกของปีตามปฏิทินจันทรคติของจีน โดยในปีนี้ตรงกับวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ศาลเจ้าไต้ฮงกง มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย จัดให้มีพิธีสวดชัยมงคลคาถา มีพิธีบูชาเทพเจ้าด้วยขนมหวาน และ ขนมที่ทำด้วยน้ำตาลทราย หรือน้ำตาลผสมถั่วลิสง ขึ้นรูปเป็นสิงโตขนาดต่าง ๆ บ้างก็เป็นรูปเจดีย์ ให้ผู้มีจิตศรัทธานำกลับไปบูชา ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนนับถือ มีการแลกเปลี่ยน โดยมารับ ขนมรูปสิงโต จากมูลนิธิฯ

ครม. เห็นชอบลดภาษีน้ำมันดีเซล 3 บาทต่อลิตร 3 เดือน 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างกฏกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญเป็นการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล และน้ำมันอื่นๆที่คล้ายกัน ตั้งแต่วันที่กฎกระทรวงมีผลใช้บังคับถึงวันที่ 20 พฤษภาคม 2565 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผ่านราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศที่ลดลงโดยตรง และสะท้อนไปยังราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จะลดลงตามไปด้วย ซึ่งจะทำให้โครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล ปรับลดประมาณ 3บาท/ลิตร

โดยรายละเอียด มีดังนี้ น้ำมันดีเซลที่มีปริมาณกำมะถัน เกินร้อยละ 0.005 โดยน้ำหนัก อัตราภาษีเดิม 6.440 บาท อัตราภาษีใหม่ 3.440 บาทน้ำมันดีเซลที่มีปริมาณกำมะถันไม่เกินร้อยละ 0.005 โดยน้ำหนัก อัตราภาษีเดิม 6.440 บาท อัตราภาษีใหม่ 3.440

น้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสม ไม่เกินร้อยละ 4 อัตราภาษีเดิม 6.440 บาท อัตราภาษีใหม่ 3.440 บาท น้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสม เกินร้อยละ 4 แต่ไม่เกินร้อยละ 7 อัตราภาษีเดิม 5.990 บาท อัตราภาษีใหม่ 3.200 บาท น้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมเกินร้อยละ 7 แต่ไม่เกินร้อยละ 9 อัตราภาษีเดิม 5.930 บาท อัตราภาษีใหม่ 3.170 บาท ทั้งนี้ อัตราภาษีใหม่ จะมีผลตั้งแต่วันที่กฎกระทรวงมีผลใช้บังคับถึงวันที่ 20 พฤษภาคม 2565 จากนั้นตั้งแต่วันที่ 21 พฤษภาคม 2565 จะกลับสู่อัตราภาษีเดิม

ครม. รับทราบแนวทางส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า ให้เดินหน้ามาตราการสนับสนุนการใช้รถยนต์/รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ผลักดันให้ไทยเป็นฐานการผลิต EV ย้ำความเป็น Detroit of Asia 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติ รับทราบแนวทางการดำเนินงานส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า ตามผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2564 และครั้งที่ 1/2565   เพี่อส่งเสริมให้เกิดการผลิต การใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ ให้เป็นไปตามเป้าหมายการผลิตและการใช้ยานยนต์ไร้มลพิษ (Zero Emission Vehicle: ZEV) ของยานยนต์ทุกประเภทอีกด้วย  

เพื่อกำหนดทิศทางการพัฒนาและขับเคลื่อนมาตรการสนับสนุนฯ ทั้งในส่วนของมาตรการทางภาษี และไม่ใช่ภาษีโดยเป็นมาตรการระยะสั้น ระหว่างปี 65 – 68   โดยในช่วง 2 ปีแรก (ปี 65 – 66) มาตรการสนับสนุนฯ จะให้ความสำคัญกับการสร้างแรงจูงใจให้เกิดการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศอย่างกว้างขวางโดยเร็ว  ครอบคลุมทั้งการนำเข้ารถยนต์/รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าสำเร็จรูปทั้งคัน (CBU) และกรณีรถยนต์/รถยนต์กระบะ/รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศ (CKD)  ผ่านการยกเว้นหรือลดอากรนำเข้า ลดอัตราภาษีสรรพสามิต และ/หรือให้เงินอุดหนุนตามเงื่อนไขที่กำหนด ทั้งนี้  เพื่อเพิ่มอุปสงค์ยานยนต์ไฟฟ้าในภาพรวม สร้างแรงจูงใจและดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ของผู้ประกอบการในไทย 

ส่วนช่วง 2 ปีถัดไป (ปี 67 - 68) มาตรการสนับสนุนฯ จะให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศเป็นหลัก โดยยกเลิกการยกเว้น/ลดอากรนำเข้า รถยนต์สำเร็จรูปทั้งคัน (CBU) แต่ยังคงมาตรการลดอัตราภาษีสรรพสามิต และ/หรือให้ เงินอุดหนุนตามเงื่อนไขที่กำหนดต่อไป  เพื่อทำให้ต้นทุนรถยนต์ไฟฟ้าสำเร็จรูปทั้งคันที่นำเข้าสูงกว่ารถยนต์/ รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศ  ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเร่งผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ  รองรับแนวโน้มความต้องการยานยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้น ลดการนำเข้าชิ้นส่วนและอุปกรณ์สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า รวมทั้งจะเป็นการสนับสนุนการผลิตรถยนต์/รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ 

ครม.ไฟเขียว! ลงนามหนังสือแสดงเจตจำนงข้อริเริ่มการใช้พลังงานสะอาด ไทย-บริษัทเอกชนสหรัฐ สร้างเม็ดลงทุนกว่า 2.38 พันล้านเหรียญสหรัฐ

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ว่า ครม.เห็นชอบร่างหนังสือแสดงเจตจำนง (Letter of Intent: LOI) สำหรับข้อริเริ่มความต้องการใช้พลังงานสะอาด (Clean Energy Demand Initiative: CEDI) ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและภาคเอกชนของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะมีพิธีลงนามในการประชุม The 2nd United States -Thailand Energy Policy Dialogue (2nd UTEPD) โดยกระทรวงพลังงานไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565 หนังสือแสดงเจตจำนงฉบับนี้ เป็นการแสดงความมุ่งมั่นร่วมกันของประเทศไทยและประเทศสหรัฐอเมริกา ในการส่งเสริมการลงทุนสำหรับธุรกิจที่สนใจและมีศักยภาพในการจัดหาและใช้พลังงานสะอาด

โดยฝ่ายสหรัฐจะชักชวนนักลงทุนมาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย และฝ่ายไทยจะอำนวยความสะดวกและสนับสนุนการจัดหาพลังงานสะอาดสำหรับการดำเนินธุรกิจของสหรัฐภายใต้เงื่อนไขและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการพัฒนาทางเลือกอื่นๆ ที่มีความเหมาะสม ผ่านแนวทางการจัดหาพลังงานสะอาดที่ฝ่ายไทยจะดำเนินการในอนาคต ซึ่งประกอบด้วย 1)การผลักดันให้เกิดตลาดพลังงานสะอาดที่มีศักยภาพและสามารถแข่งขันด้านราคาได้ 2)การกำหนดนโยบายด้านพลังงานสะอาดให้มีความเหมาะสม 3)การส่งเสริมระบบการรับรองสถานะด้านสิ่งแวดล้อมมาปรับใช้ในการซื้อขายพลังงานสะอาด 4)การสนับสนุนการพัฒนานโยบายและโครงสร้างพื้นฐานของด้านไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพและสามารถรองรับการผลิตและการใช้พลังงานสะอาดได้

ทั้งนี้ ในเบื้องต้นมีภาคเอกชนของสหรัฐประสงค์ที่จะร่วมลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงค์ทั้งหมด 19 บริษัท โดยจะนำเงินมาลงทุนคิดเป็นมูลค่าอาจสูงถึง 2,384 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ  ซึ่งมีรายชื่อบริษัทดังนี้ 1)HP Inc. 2)Apple 3)Akamai 4)Meta Platforms, Inc. 5)Johnson & Johnson 6)Nike 7)Dow Inc. 8)Iron Mountain 9)Inter IKEA Group 10)Lululemon 11)Spiber Inc. 12)Ralph Lauren  Corporation 13)Unilever 14)TAL Apparel 15)Amer Sports 16)RIFE International 17)Amazon 18)WeWork และ 19)TCI Co., LTD

ครม.ไฟเขียวร่างแผนปฏิบัติการด้านการควบคุมยาสูบแห่งชาติ ฉบับที่ 3 ขับเคลื่อน 6 ยุทธศาสตร์ วงเงิน 498 ล้านบาท 

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า ครม.เห็นชอบ ร่างแผนปฏิบัติการ ด้านการควบคุมยาสูบแห่งชาติ ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2565-2570 ที่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแผนปฏิบัติการไปดำเนินการต่อไป โดยวัตถุประสงค์ของแผนปฏิบัติการฯ เพื่อลดความต้องการบริโภคยาสูบที่สูงของประชากรและคุ้มครองสุขภาพประชาชนจากอันตรายของควันบุหรี่ ให้ดำเนินการภายใต้ 6 ยุทธศาสตร์ วงเงิน 498.039 ล้านบาท ดังนี้ ยุทธศาสตร์ที่ 1 สร้างความเข้มแข็งและยกระดับขีดความสามารถการควบคุมยาสูบของประเทศ วงเงิน 138.800 ล้านบาท ให้ผลักดันนโยบาย ปรับปรุงกฎหมาย ระบบการบังคับใช้กฎหมาย ตามกรอบอนุสัญญาควบคุมยาสูบ WHO FCTC เฝ้าระวัง วิจัย จัดการความรู้ กำกับ ติดตามประเมินผลการควบคุมยาสูบในทุกระดับ ยุทธศาสตร์ที่ 2 ป้องกันไม่ให้เกิดผู้เสพยาสูบรายใหม่ และเฝ้าระวังธุรกิจยาสูบ วงเงิน 99.186 ล้านบาท เช่น การให้ความรู้ โทษ พิษภัย ของยาสูบ กับเด็ก เยาวชนและนักสูบหน้าใหม่ เฝ้าระวังแาะบังคับใช้กฎหมาย การเข้าถึงผลิตภัณฑ์ยาสูบ การโฆษณา และรู้เท่าทันกลยุทธ์ของอุตสาหกรรมยาสูบ ยุทธศาสตร์ที่ 3 บำบัดผู้เสพให้เลิกใช้ยาสูบ วงเงิน 51.832 ล้านบาท เช่น สร้างเสริมพลังชุมชนและเครือข่ายที่เข้มแข็ง เพื่อบำบัดผู้เสพยาสูบ พัฒนาระบบบริการเลิกยาสูบ และสายด่วนเลิกบุหรี่

ยุทธศาสตร์ที่ 4 การควบคุม ตรวจสอบ เฝ้าระวังและเปิดเผยรายการส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ยาสูบ วงเงิน 12.5ล้านบาท เช่น ปรับปรุงกฎหมาย แนวทางการดำเนินโครงการให้สอดคล้องกับกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลก สร้างกระบวนการบริหารจัดการข้อมูลส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ยาสูบ เพื่อวัดสารที่อยู่ในยาสูบและสารที่ปล่อยออกมา ยุทธศาสตร์ที่ 5 ทำสิ่งแวดล้อมให้ปลอดควันบุหรี่ วงเงิน 165.721 ล้านบาท เช่น การออกประกาศกฎกระทรวง กฎ ระเบียบ และอื่นๆที่เกี่ยวข้องให้สถานที่สาธารณะและสถานที่ทำงานทุกแห่งปลอดควันบุหรี่

การปรับเปลี่ยน ทัศนคติ พฤติกรรมและค่านิยมของการเสพยาสูบ เพื่อให้การไม่สูบบุหรี่ในบ้าน สถานที่ทำงานและสถานที่สาธารณะเป็นบรรทัดฐานของสังคมไทย และยุทธศาสตร์ที่ 6 มาตรการภาษี การป้องกันและปราบปรามเพื่อควบคุมยาสูบ วงเงิน 30 ล้านบาท เช่น ปรับปรุงโครงสร้างภาษียาสูบ และระบบการบริหารการจัดเก็บภาษียาสูบ การป้องกัน ปราบปรามยาสูบที่ผิดกฎหมาย การดำเนินการสำหรับผู้กระทำความผิด และมาตรการลดผลกระทบต่อชาวไร่ยาสูบอันเนื่องมาจากมาตรการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top