Wednesday, 11 June 2025
TheStatesTimes

กนอ.- GPSC - TTM ลงนามศึกษาโรงไฟฟ้า เล็งใช้พลังงานสะอาด หนุนภาคการผลิต

กนอ. ลงนามร่วม GPSC - TTM ศึกษาและวิจัยพัฒนาโรงไฟฟ้าป้อนภาคการผลิตในนิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ จ.สงขลา เล็งสร้างความมั่นคงระบบไฟฟ้า หนุนพลังงานสะอาด มุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ดึงความเชื่อมั่นการลงทุนและขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่ 

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า กนอ. ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนาเสถียรภาพทางพลังงานไฟฟ้าและเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติเพื่ออุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ ระหว่าง กนอ. บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC และบริษัท  ทรานส์ ไทย-มาเลเซีย (ประเทศไทย ) จำกัด หรือ TTM เพื่อศึกษา วิจัย และพัฒนาโครงการสร้างเสถียรภาพด้านพลังงานไฟฟ้าและเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติให้กับภาคอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ จ.สงขลา เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการลงทุนของในพื้นที่ภาคใต้ โดยโครงการนี้ มีระยะเวลาดำเนินการ 2 ปี (ปี 2565 - ปี 2566) 

ทั้งนี้ กนอ. เลือกพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ จ.สงขลา เนื่องจากเล็งเห็นว่าเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพ และมีความเหมาะสมต่อการพัฒนาด้านพลังงานหลากหลายรูปแบบให้มีประสิทธิภาพ และมีเสถียรภาพมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนสังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี รวมทั้งเป็นต้นแบบการพัฒนาระบบไฟฟ้าและพลังงานในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งสามารถขยายไปยังพื้นที่ที่มีศักยภาพอื่น ๆ ได้

“ความร่วมมือครั้งนี้ กนอ. จะจัดหาข้อมูลรายละเอียดเชิงพื้นที่ เกี่ยวกับความต้องการไฟฟ้าทั้งในปัจจุบันและแผนในอนาคต รวมถึงกฎระเบียบและข้อกำหนดต่าง ๆ ในการพัฒนาโครงการเพื่อให้เกิดความมั่นคงด้านระบบไฟฟ้าในพื้นที่ และรองรับการขยายการลงทุนสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตในอุตสาหกรรมยางพาราครบวงจร ซึ่งจะมีความเชื่อมโยงในระบบห่วงโซ่อุปทาน โดยเฉพาะเกษตรกรสวนยางพาราของไทย ที่จะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ยางของประเทศในอนาคต” ผู้ว่าการ กนอ. กล่าว

สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับวัดเทพศิรินทราวาส  จัดโครงการอุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติ  น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมอุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศวร  มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

พ.ต.อ.หญิง วิชญ์ชยากร ณิชาบวร  รองโฆษก ตร. เปิดเผยว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้จัดโครงการ “ อุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติ  เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมอุทิศถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙  เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษาและวันพ่อแห่งชาติ ๕ ธันวาคม ๒๕๖๔  ณ วัดเทพศิรินทราวาส” ระหว่างวันที่ ๒๖ พ.ย.ถึง ๑๕ ธ.ค. ๒๕๖๔  โดยมีข้าราชตำรวจจากทั่วประเทศเข้าร่วมอุปสมบทในโครงการ ฯ  จำนวน ๙๖ นาย 

ทั้งนี้  ในวันที่ ๑ ธ.ค.๒๕๖๔  ระหว่างเวลา ๑๖.๓๐ ถึง ๑๗.๓๐ น. จะมีการประกอบพิธีถวายราชสักการะและเจริญพระพุทธมนต์สมโภชนาคพิธีมอบบาตรและผ้าไตร ณ มณฑลพิธีลานพระศรีมหาโพธิ์ และพิธีบรรพชาและอุปสมบท  ณ พระอุโบสถวัดเทพศิรินทราวาส ภายหลังการอุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์แล้วจะศึกษาพระปริยัติธรรมและปฏิบัติธรรม ณ วัดโบสถ์  อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี    

การจัดโครงการอุปสมบทหมู่ ฯ ในครั้งนี้  สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  มุ่งหวังเพื่อให้ข้าราชการตำรวจได้ร่วมแสดงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมอุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙  รวมถึงเพื่อให้ข้าราชการตำรวจได้บำเพ็ญคุณงามความดี  ถือเป็นโอกาส ที่จะได้สร้างเสริมคุณธรรม จริยธรรม และพัฒนาจิตใจ  อันจะก่อประโยชน์ให้กับตนเอง ครอบครัว และสังคมต่อไป

ชมศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ โซนใหม่ จ่อประมูลเฟส 2

นายนาฬิกอติภัค แสงสนิท กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด หรือ ธพส. ผู้บริหารโครงการศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 เปิดเผยว่า ธพส. ได้ดำเนินการก่อสร้างโครงการพัฒนาพื้นที่ส่วนขยาย ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ โซน C โดยแบ่งออกเป็น 2 เฟส และได้มีการเตรียมตัวเพื่อเปิดประมูลงานก่อสร้างในเฟสที่ 2 โดยใช้ TOR ฉบับเดียวกันกับเฟสที่ 1 และคาดว่าจะมีผู้สนใจเข้าร่วมการประมูลการก่อสร้างจำนวนมากเช่นเดียวกันกับในเฟสที่ 1 


 
สำหรับโครงการดังกล่าวตั้งอยู่บนเนื้อที่ 81 ไร่ ประกอบด้วย 4 อาคาร บนฐานรากเดียวกัน มีพื้นที่ใช้สอยรวมทั้งหมด 660,000 ตารางเมตร ซึ่งจะมีหน่วยงานราชการจำนวน 12 หน่วยงานย้ายเข้ามาใช้พื้นที่ เช่น สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน สำนักงานคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า สำนักงานอัยการสูงสุด กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และศาลปกครองสูงสุด เป็นต้น

รวมพล ‘แม่ค้าแซ่บ’ สลัดลุคจืด ดันยอดขายปัง!!

ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดี ยอดขายตก!! เหล่าบรรดาพ่อค้า-แม่ค้า ก็ต้องสรรหาวิธีดึงจุดเด่น ดันยอดขายมาเข้าสู้ถึงจะอยู่รอด 

วันนี้ THE STATES TIMES เลยพาทุกคนมาส่อง เหล่าแม่ค้าที่สลัดลุคจืด...เปลี่ยนเป็นลุคแซ่บ จนดันยอดขายพุ่ง จะว้าวขนาดไหน มาดูกันเลยจ้า!!!

1.) แม่ค้าเนื้อย่าง : น้องมุกดา 
ลุคเรียกยอดขาย : สายเดี่ยวเกี่ยวใจ!! สลัดลุคพริตตี้ มายืนปิ้งเนื้อด้วยเสื้อตัวจิ๋ว 

2.) แม่ค้าก๋วยเตี๋ยว : น้องเตย 
ลุคเรียกยอดขาย : มาด้วยชุดนินจา ไม่เน้นเสื้อตัวจิ๋ว แต่เน้นหวิวแม้ชุดจะคลุมทั้งตัว

ตร.เตือน!! BEC (Business Email Compromise) ‘แฮก’ หรือ ‘ปลอม’ อีเมลธุรกิจ...ความเสียหายหลักล้าน!!

วันที่ 26 พ.ย. 2564 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีนโยบายให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนรู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดนั้น

จากกรณีที่ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาเป็นหญิงไทยจำนวน 3 ราย และชายแคมมารูน จำนวน 1 ราย ซึ่งมีพฤติการณ์แบ่งหน้าที่กันทำ ในการแฮกอีเมลบริษัทผู้เสียหาย ปลอมอีเมลสวมรอยบริษัทเพื่อพูดคุยกับบริษัทลูกค้า การจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัด จัดหาบริษัท และบัญชีธนาคารในการรับโอนเงิน ไปจนถึงการถอนเงินออกจากบัญชี ซึ่งทำให้บริษัทผู้เสียหายได้รับความเสียหายเป็นเงินจำนวนรวมกว่า 12 ล้านบาท ซึ่งการกระทำในลักษณะดังกล่าว เป็นอาชญากรรมไซเบอร์ในรูปแบบ Business Email Compromise (BEC) หรือ การสร้างความเสียหายต่ออีเมลทางธุรกิจ โดยการแฮกหรือปลอมอีเมลของคู่ค้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพื่อสวมรอยเป็นบริษัทคู่ค้า หรือตัวแทนที่ติดต่อเจรจาทางธุรกิจ และหลอกเอาทรัพย์สิน ข้อมูล หรือผลประโยชน์อื่น ๆ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอประชาสัมพันธ์และแจ้งเตือนประชาชน โดยเฉพาะบริษัทที่ใช้การติดต่อธุรกิจผ่านทางอีเมล ให้ใช้ความระมัดระวัง และหากมีการแจ้งเปลี่ยนการชำระเงิน หรือสถานที่ส่งสินค้า ให้ติดต่อกับคู่ค้าโดยตรงนอกเหนือจากทางอีเมล เช่น โทรศัพท์ การสนทนาผ่านวีดิโอ หรือช่องทางอื่น ๆ ที่สามารถติดต่อกับคู่ค้าได้โดยตรง ก่อนที่จะทำการโอนเงินหรือส่งมอบสินค้า เพื่อป้องกันการถูกหลอกลวง และขอให้องค์กรต่าง ๆ ให้ความสำคัญในการให้ความรู้และการอบรมแก่บุคลากร ซึ่งถือเป็นกุญแจสำคัญในการลดความเสี่ยงถูกโจมตีในรูปแบบ BEC

 

‘ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ’ กำชับทุกหน่วย!! เตรียมพร้อมขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล ปราบปรามแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย มีโทษทั้งนายจ้างและลูกจ้าง

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่ผู้บัญชาการตำรวจ แห่งชาติกำชับหน่วยงานในสังกัดขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลในการปราบปรามแรงงานต่างด้าว ตามมติ ครม. เมื่อ 28 ก.ย. 64 ให้นายจ้างและแรงงาน 3 สัญชาติ(ลาว กัมพูชา เมียนมา) ดำเนินการเข้าสู่กระบวนการจ้างงานตามกฎหมาย ภายในวันที่ 1-30 พ.ย.64 รวมถึงประสานงานกับหน่วยที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมกลุ่มแรงงาน MOU นั้น

เนื่องด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้มีนโยบายให้บริหารจัดการแรงงานต่างด้าวในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเป็นระบบ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของนายจ้างและสถานประกอบการที่ขาดแคลนแรงงาน พร้อมกับควบคุมมิให้เกิดการแพร่ระบาดในกลุ่มแรงงานข้ามชาติ อีกทั้งได้มีมติให้มีการตรวจสถานที่ประกอบการต่าง ๆ เพื่อให้คำแนะนำการปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขแก่นายจ้างและแรงงานต่างด้าว รวมถึงให้นำแรงงานต่างด้าวที่มีสถานะไม่ถูกต้องตามกฎหมายเข้าสู่ระแบบการจ้างงานตามกฎหมายประเทศไทย เพื่อให้ได้รับการดูแลตามสิทธิที่พึงมี ภายในวันที่ 30 พ.ย. 64 หลังจากนั้นทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตรวจสอบ ปราบปราม จับกุม และดำเนินคดีกับแรงงานต่างด้าวทำงานผิดกฎหมายอย่างจริงจัง

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สนองนโยบายรัฐบาลโดยได้กำชับและสั่งการไปยังหน่วยงานในสังกัดที่เกี่ยวข้อง ให้ทำการประสานการปฎิบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการประชาสัมพันธ์พร้อมสร้างการรับรู้ให้กับนายจ้างและแรงงาน 3 สัญชาติ( ลาว กัมพูชา เมียนมา) เพื่อให้มาดำเนินการภายในกำหนดตาม มติ ครม.  โดยหลังจาก 30 พ.ย.64 ให้ประสานการปฎิบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำการตรวจสอบสถานประกอบการ โรงงาน ที่พักคนงาน และพื้นที่สุมเสี่ยง ทำการสืบสวนปราบปราม จับกุมแรงงานต่างด้าวที่ทำงานโดยผิดกฎหมายและนายจ้างที่เกี่ยวข้อง  เพิ่มการกวดขันการตรวจตราการลักลอบนำเข้าแรงงานต่างด้าวที่ผิดกฎหมาย การลักลอบหลบหนีเข้าเมือง โดยให้ปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยร่วมปฏิบัติต่าง ๆ ในพื้นที่อย่างเข้มงวด จริงจัง และต่อเนื่อง ตลอดจนขยายผลไปยังเครือข่ายผู้ร่วมกระทำความผิดทุกราย  พร้อมให้เจ้าหน้าที่ทุกนายปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวังตามหลักยุทธวิธีตำรวจและถือปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ได้กำหนด

หากตรวจพบว่าพื้นที่ใดหย่อนยาน ปล่อยปละละเลย หรือมีความผิดพลาดเกิดขึ้น จะถือว่าเป็นความบกพร่อง ต่อหน้าที่ อีกทั้งเน้นย้ำให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น ควบคุม กำกับดูแล การปฏิบัติของผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด ห้ามเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตหรือเรียกรับผลประโยชน์ทุกกรณี ไม่ว่าจะโดยตรงหรือทางอ้อมก็ตาม หากพบจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายและดำเนินการทางวินัยอย่างเด็ดขาดทุกราย

ผู้ที่ให้การช่วยเหลือหรือนำพาบุคคลต่างด้าวลักลอบข้ามพรมแดน จะมีโทษฐานเป็นบุคคลที่นำพาบุคคลต่างด้าวลักลอบหลบหนีเข้าเมืองซึ่งจะมีโทษจำคุก 10 ปี ปรับ 100,000 บาท แต่ถ้าเกิดมีการช่วยเหลือซ่อนเร้นคือบุคคลต่างด้าวนั้นเข้ามาหลบอยู่ในบ้านท่านหรือมีการอำนวยความสะดวกให้ขึ้นรถหรือว่ามีการหลบหลีกด่านตรวจต่างๆ โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีปรับไม่เกิน 50,000 บาท

 

นครนายก - ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพคนตาบอดพิการซ่ำซ้อนนครนายก จัดการแข่งขันกีฬาภายในของคนตาบอดและพี่เลี้ยง

ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพคนตาบอดพิการซ้ำซ้อนนครนายก (บ้านรื่นสุข) ตำบลป่าขะ อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก จัดการแข่งขันกีฬาภายในของคนตาบอดและพี่เลี้ยง เพื่อส่งเสริมการออกกำลังกายของผู้พิการ ได้มีความสุข สนุกสนาน มีความรักความสามัคคีร่วมกัน ในการแข่งขันกีฬาภายในจะมีการจัดขึ้นทุกปี โดยมีนางกาญจนา พรมแก้ว ผู้อำนวยการศูนย์ฯ เป็นประธานเปิดงานการแข่งขันฯ และนักกีฬาล้วนเป็นผู้พิการตาบอด โดยมีพี่เลี้ยงช่วยดูแลอย่างใกล้ชิด ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่น ในการแข่งขันได้จัดให้มีการแข่งขันกีฬาหลายประเภท อาทิ วิ่งสามขา ปิดตาตีปีบ ปั๊มระเบิด กินวิบาก วิ่งกระสอบ ลูกโปร่งข้ามแดน กู้ระเบิด พรมล่องหน ซึ่งแต่ละกิจกรรมสร้างความสนุกสนานเฮฮา ให้กับผู้พิการตาบอด

กระบี่ - กกต.กระบี่ ปล่อยขบวนรถประชาสัมพันธ์เคลื่อนที่โดยออกณรงค์การเลือกตั้ง อบต.โค้งสุดท้าย ครอบคลุม 8 อำเภอ 25 -27 พ.ย. เพื่อปลุกกระแสให้ทุกเสียงคือพลังเลือกตั้งสุจริต ใช้สิทธิ์โปร่งใส

นายวีระยี่แพร ผู้ตรวจการ เขตตรวจการที่ 5 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้เป็นประธานปล่อยขบวนรถประชาสัมพันธ์เคลื่อนที่จำนวน 10 คันออกจากบริเวณหน้าสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดกระบี่ซึ่งเป็นโค้งสุดท้ายของ ที่จะถึงวันเลือกตั้งอบต .พร้อมกันทั่วประเทศ โดยอบตไสไทย ยกทีมเข้าร่วมบรรยากาศคึกคัก

นางสาวขนิษฐา ปั้นทอง รองผู้อำนวยการสำนักงานรักษาการผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดกระบี่กล่าวว่า  การจัดกิจกรรมรถประชาสัมพันธ์เคลื่อนที่ การเลือกตั้งอบต .ขึ้น ในช่วง 3 สัปดาห์ประชาธิปไตย ซึ่งเป็นโค้งสุดท้าย ก่อนถึงวันเลือกตั้งอบต.พร้อมกันทั่วประเทศ ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นให้ประชาชน ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งมีความตื่นตัวออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งสภาอบต และนายกอบต. ในวันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน 2564 ด้วยสโลแกน ทุกเสียงคือพลังเลือกตั้งสุจริตใช้สิทธิ์โปร่งใส  โดยรถประชาสัมพันธ์เคลื่อนที่รณรงค์การเลือกตั้งอบต. ในพื้นที่จังหวัดกระบี่ จำนวน 8 อำเภอ ระหว่างวันที่ 25 - 27 พฤศจิกายน 2564 ซึ่งจัด ตามความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ของอำเภอทั้ง 8 อำเภอ    

ด้าน องค์การบริหารส่วนตำบลไสไทย ร่วมได้จัดรถประชาสัมพันธ์เคลื่อนที่ พร้อมขบวนรถกว่า 10 คัน นำเจ้าหน้าที่ ออกประชาสัมพันธ์ ในพื้นที่ตำบลไสไทย ซึ่งมีหน่วยเลือกตั้ง 14 หน่วย มีผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง 1 10,140 คน ซึ่งมีจำนวนมากที่สุด ในการเลือกตั้งอบต.เขตอำเภอเมืองกระบี่  

 

“ปลอม - เท็จ”!! ระเบิดเวลา ‘สหกรณ์ออมทรัพย์’ คอร์รัปชัน...ไหมครับท่าน ตอนที่ 8

สหกรณ์ออมทรัพย์ เป็นสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร อยู่ภายใต้กฎหมายสหกรณ์ มีกรมส่งเสริมสหกรณ์ และกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ รับผิดชอบทำหน้าที่ “นายทะเบียน” ในประเด็นที่เกี่ยวข้อง

ในด้านดี สหกรณ์ออมทรัพย์เป็นสถาบันการเงินที่เป็นการจัดสวัสดิการภายในให้กับหน่วยงาน เสริมสร้างคุณภาพชีวิตให้สมาชิก ส่งเสริมการออม และเป็นแหล่งเงินทุนที่มีดอกเบี้ยราคามิตรภาพให้แก่สมาชิก ในขณะที่ให้ดอกเบี้ยสูงกว่าตลาดในการระดมเงินฝาก หรือจ่ายเงินปันผลในระดับที่สูงเมื่อเทียบกับการฝากธนาคาร ทั้งหลายทั้งปวงก็เพื่อให้สมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์มีความเป็นอยู่ที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังเกษียณอายุ

แม้ว่าในระยะหลังข่าวคราวของวงการสหกรณ์จะไม่สู้ดี เนื่องจากมีบางสหกรณ์ที่ไม่ทำหน้าที่ตามปรัชญาและอุดมการณ์ของสหกรณ์ จึงเกิดกรณีสลากกินแบ่งรัฐบาล กรณีคลองจั่น กรณีรถไฟ ซึ่งทั้งหมดพัวพันกับการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของคณะกรรมการดำเนินการ ส่วนกรณีทั่วไปที่ไม่เป็นข่าว เช่น การปลอมลายมือชื่อ การโกงของเจ้าหน้าที่ ความเสียหายยังจำกัดวง และสามารถแก้ไขได้ แต่ความน่าเชื่อถือของสหกรณ์นั้น ๆ จะลดลงไปเป็นลำดับ

ในบทบาทหนึ่งของสหกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการให้กู้นั้น สหกรณ์มีบทบาทในการส่งเสริมและช่วยเหลือให้สมาชิกมีบ้านมีคุณภาพชีวิตที่ดี สหกรณ์ส่วนใหญ่จึงมักให้สินเชื่อระยะยาวกับสมาชิกที่ซื้อหรือสร้างบ้าน เพื่อให้ผ่อนรายเดือนน้อย ๆ มีการสร้างฐานะและมีสวัสดิการที่ดีขึ้น

ในการกู้ซื้อบ้านพร้อมที่ดินตามโครงการจัดสรรส่วนใหญ่มักไม่ค่อยมีปัญหาเนื่องจากราคาที่ดิน และการปฏิบัติตามกฎหมาย ทำให้เอกสารต่าง ๆ ถูกต้องตามกฎหมายสามารถนำไปยื่นกู้กับสถาบันการเงินได้ และการแข่งขันด้านอัตราดอกเบี้ยก็ทำให้สมาชิกสหกรณ์ที่มีเครดิตดี มีความสามารถชำระหนี้ ก็เลือกกู้กับสถาบันการเงินหรือธนาคารทั่วไป ในขณะที่สหกรณ์ส่วนใหญ่อัตราดอกเบี้ยไม่ยืดหยุ่นนัก และบางแห่งมีอัตราเดียวที่สูงกว่าธนาคารทำให้ไม่สามารถแข่งขันได้ จะเห็นได้ว่า กรณีเช่นนี้จะก่อให้เกิดปัญหาคลาสสิกที่ทางเศรษฐศาสตร์เรียกว่า Adverse Selection หรือ การเลือกในทิศทางที่แย่

เรื่อง การเลือกในทิศทางที่แย่ รองศาสตราจารย์วรากรณ์ สามโกเศศ อธิบายไว้โดยใช้ตัวอย่างของระบบประกันภัยหรือประกันสุขภาพ ที่ว่า มีคนสุขภาพดีและคนป่วยอยู่ปนกัน หากบริษัทประกันเก็บเบี้ยประกันราคาเดียวจะทำให้มีแนวโน้มจะได้คนป่วยทำประกันมากกว่าคนสุขภาพดี แต่หากบริษัทประกันเก็บเบี้ยประกันตามความเสี่ยงทางสุขภาพหรือประวัติการขับรถ ก็จะทำให้ไม่เกิดปัญหา การเลือกในทิศทางที่แย่ 

รองศาสตราจารย์วรากรณ์ สามโกเศศ

ดังนั้น สหกรณ์ออมทรัพย์ ที่ทำการปล่อยกู้นั้น จึงต้องคำนึงถึงปัญหาคลาสสิกนี้ เพราะมิเช่นนั้น การที่มีผู้กู้ที่มีความเสี่ยงสูง ๆ รวมกันเป็นจำนวนมาก จะทำให้มีความเสี่ยงในการบริหารเงิน และต้องตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญซึ่งกระทบต่อการจ่ายเงินปันผล

ผู้กำกับดูแลสหกรณ์ จึงเคร่งครัดในเรื่องการปล่อยกู้ตามวัตถุประสงค์ และให้กรรมการและฝ่ายจัดการที่เกี่ยวข้องคอยกวดขันการปล่อยกู้ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ รวมถึงให้กรรมการคอยสอดส่องไม่ให้หลักประกันบกพร่อง โดยกำหนดเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการดำเนินการและฝ่ายจัดการ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top