Saturday, 28 June 2025
TheStatesTimes

ขอเป็น ‘คนดี’ ที่โลกไม่ต้องจำ

ไม่มีงานไหน ‘สำเร็จ’ ได้ด้วยตัวคนเดียว 

ประโยคนี้ไม่เคยผิดเพี้ยน ไม่ว่ายุคเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด 

นั่นก็เพราะทุกความสำเร็จของงาน ล้วนประกอบไปด้วย ‘คนเบื้องหน้า’ และ ‘คนเบื้องหลัง’ ซึ่งส่วนใหญ่เราปฏิเสธได้ยากที่คนเบื้องหน้า มักเป็นผู้ได้หน้าเสมอ เพียงแต่เบื้องหลังความสำเร็จ ก็สำคัญไม่แพ้กัน 

อย่างงานในวงการบันเทิง บรรดาคนเบื้องหลัง ตั้งแต่ผู้กำกับ ผู้จัดการ คนจัดคิว คอสตูม ช่างแต่งหน้า ช่างกล้อง ช่างไฟ ยันแม่บ้านและรปภ. ที่แม้จะมีหน้าที่แตกต่างกันไป แต่ทุกๆ หน้าที่ขับเคลื่อนบนจุดหมายเดียว คือ ดันหน้าฉากให้ไปได้ไกลที่สุด  

แน่นอนว่าในสังคมที่เรามองภาพมิติเดียว มันเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ที่คนทำงานเบื้องหลังจะเหนื่อยแค่ไหน ก็ยากที่ใครจะต้องรู้!!

แต่สิ่งที่อยากให้เหล่า ‘คนเบื้องหลัง’ ได้รู้ไว้ข้อ คือ คุณคือของจริง ตัวจริง เก่งจริง โดยไม่ต้องให้ใครมาจำ 

ย้อนกลับไปในช่วงวัยกระเตาะของผู้เขียน ซึ่งสมัยก่อนเป็นเพียงชะนีน้อยนักกิจกรรมตัวยง ได้โอกาสกลับมาร่วมวงกับก๊วนชะนีที่บัดนี้เริ่มโรยราไปตามปี พ.ศ. 

บทสนทนาในวงชะนีชรา ได้หวนให้นึกถึงชีวิตวันวานในรั้วมหาวิทยาลัย ที่แมสเสจส่วนใหญ่ก็ยังไม่พ้นเรื่องผู้ และวนเวียนไปเรื่องลงต่ำใต้คาดสะดือ

แต่มันมีอยู่เรื่องหนึ่งที่ถูกหยิบมาคุยกันโดยบังเอิญ นั่นคือเรื่อง ‘ความภูมิใจในรั้วมหาวิทยาลัย’

ใช่แล้วเจ้าค่ะ ตัวอิชั้นเองก็มีประสบการณ์เรื่องนี้มากโข เลยรีบโอ่ให้ฝูงชะนีตัวอื่นฟังอย่างโอ้อวดเลยว่า “จำได้ไหม ฉันเคยเป็น ‘พี่เลี้ยง’ ให้กับดาวเดือนในสายคณะของเรา แถมเอาชนะการประกวดในมหาวิทยาลัยมาก่อนนะ เฮ้ยๆ” 

เรื่องนี้ถูกเปิดด้วยปมว่า ใจจริงก็มิอยากรับ แต่รัศมีแห่งการเป็นผู้ดัน มันไปกระแทกตาครูบาอาจารย์และใจรุ่นน้องรอบๆ ข้างที่เชื่อมั่นว่าจะทำให้เด็กน้อยหน้าละอ่อนในสังกัด (2 คน) เป็นดาวเดือนของคณะที่พร้อมคว่ำคู่แข่งคณะอื่นๆ ได้ 

เชื่อไหมว่า ตอนแรก อิชั้น ก็คิดว่าการเป็นพี่เลี้ยงคงไม่ได้ยากเกินความสามารถสักเท่าไร แค่สอนน้องให้ ฝึกตอบคำถาม ฝึกพูด ฝึกเดินๆๆ บนเวทีแค่นั้นพอ จบ!!

แต่ไปมาๆ พอได้สัมผัสจริง มันคนละเรื่องกันเลยนิหว่า!!

ก็เพราะคุณน้องๆ ดาวเดือนที่อิชั้นได้เข้าดูแลแบบเริ่มจากศูนย์ >> ย้ำว่าศูนย์เลย!! ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง 

จะสอนเดิน ก็ยาก เพราะน้องดาวสาวสวยใหม่กับเรื่องนี้มาก ไหนจะต้องหัดใส่ส้นสูงเดินเอวแอ่นๆ แบบอแมนด้า ไหนจะต้องสอนแนะนำตัว ซึ่งก็พูดติดๆ ขัดๆ ยังกะเด็กจัดฟัน ส่วนไอ้ฝั่งน้องเดือน หนุ่มน้อยเรือนร่างดี มันดันไม่รักดี ไม่เคยคิดจะสนใจใดๆ นอกจากเอาแต่กดตีป้อมรัวๆๆ จนไม่รู้ว่าในหัวลืมคิดว่าตัวเองต้องมาซ้อมประกวด หรือซ้อมชิงถ้วย ROV กันแน่!!

เป็นแบบนี้...ไอ้เราก็ท้อใจสิเจ้าคะ!! 

เหตุการณ์เหล่านี้ เกิดขึ้นซ้ำๆ ซ้ำๆ และ ซ้ำๆ กันยังกะดูหนังเดจวู

แต่เรื่องแบบนี้ มักมีจุดเปลี่ยนเสมอ!!

เพราะมีอยู่วันหนึ่งที่ต้องฝึกน้อง ‘ดาว - เดือน’ ให้เดินและตอบคำถาม เพื่อสร้างความประทับใจแก่ท่านคณะกรรมการ โดยมีเพื่อนๆ มาร่วมเป็นหน้าม้า ซึ่งอิชั้นก็เตรียมคำถามและคำตอบระดับเวที Miss Universe ไว้อย่างเหมาะสมไปประมาณ 50 ข้อ 

ด้านน้องดาวตอบได้ดีบ้าง ไม่ได้บ้าง อันนี้เข้าใจ และก็คงต้องมาปรับจูนกันต่อ 

แต่อิคุณน้องเดือนนี่สิ ยังเหมือนเดิม ไม่สนใจและมัวแต่เล่นเกม แทนที่จะฝึก 

ความโกรธบันดาลสิเจ้าคะ!!

บันดาลขนาดไหนหรอ? ก็ขนาดที่อยู่ดีๆ สองฝั่งแก้มแอบไปด้วยหยดน้ำตาที่พรากลงมาต่อหน้าน้องๆ เพราะเป็นคนด่าใครไม่เป็น!! (รู้สึกอาย แหะๆ) 

แน่นอนว่าช่วงเวลานั้น ตัวอิชั้นเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำเยี่ยงไร ครั้นจะกระชากหัวมาตบ ก็ทำไม่เป็น จะด่าหยาบๆ เจ้าคุณแม่ก็สอนมาว่ามิควร 

แต่ต้องบอกตรงๆ ว่าตลอดหลายวันที่ผ่านมากับน้องๆ ดาวเดือนนั้น มันกินเวลาชีวิต และต้องดึงจักระส่วนเกินของร่างกายมาใช้ เรียกว่าทั้งท้อและเหนื่อยแบบสุดแรง  เพราะมันไม่ใช่แค่สิ่งที่ ‘ไม่ได้ดั่งใจตรงหน้า’ แต่ยังมีแรงกดดันจากทางอาจารย์ในคณะฯ อีกว่า “อยากให้รุ่นนี้เป็นดาวเดือนประจำคณะ” 

ความเครียด มันเลยมาจบที่ซีนน้ำตาเช่นนี้แล!!

ว่าแต่ซีนเรียกน้ำตาในตอนนั้น มิได้เสียเปล่า เพราะตอนนั้นน้องๆ ดาวเดือนต่างก็ช็อกเจ้าค่า คงไม่คิดว่าจะมีกรณีศึกษาเช่นนี้ให้เห็นเป็นบุญตา เพราะส่วนตัวอิชั้นเองเป็นคนรับแรงกดดันได้มาก (ยิ่งดันแรงมากเท่าไรก็ยิ่งชอบ)

เมื่อเด็กๆ เห็นเราอยู่ในสภาพดังกล่าว เลยขอโทษและปรับความเข้าใจกับเราใหม่อีกครั้ง เพื่อที่จะสามารถทำงานกันต่อได้ แล้วพวกเขาก็ให้ความร่วมมือและตั้งใจแบบสุดๆ (อันนี้เรื่องจริงนะ)

จุดพลิกจากวันนั้น ทำให้เกิดเหตุการณ์น่าชื่นใจในเวลาต่อมา นั่นก็คือ ในวันประกวดจริง เจ้าน้องเดือนผู้ไล่ล่าป้อม ได้เป็นที่หนึ่งของคณะฯ ส่วนน้องดาวได้เป็นที่ 2 ของคณะฯ 

ต่อม Proud ทะลักสิเจ้าคะ!! เพราะนี่คือผลงานชิ้นโต ที่ทำให้เด็กทั้ง 2 คนเป็นที่น่าจดจำ และสามารถทำให้คณะอิชั้นได้หน้ากันเต็มๆ

เอาล่ะ!! ที่นี้ก็มาถึงไคลแม็กซ์ 

ที่บอกว่าไคลแม็กซ์ เพราะพอการประกวดเสร็จ ท่านอาจารย์ก็เข้ามาชื่นชมเด็กๆ ทั้ง 2 คนโดยมีนักปั้นแบบเรายืนหัวโด่อยู่ข้างหลัง 

ช็อตถ่ายรูปกัน มีความสุขกันของเหล่าคณาจารย์ กับบรรดาน้องๆ ดาวเดือน โดยมีพื้นหลังเป็นอิชั้น ‘นักปั้น ผู้เดียวดาย’ กลับมิมีเสียงชม (ประปรายก็ยังดี) เล็ดลอดรูปากอาจารย์ผ่าน รูหูกรู แม้แต่น้อย

ต่อมความน้อยเนื้อต่ำใจ ไหลทะลัก จนอยากจะตะโกนออกมาเหมือนกันว่า ชมกูสิ ชมกูสิ โว้ยยยย!!

อารมณ์ในตอนนั้น คาค้างใจมานานนม เพราะนี่คือการ ‘พราก’ ความภูมิใจที่ฉันควรได้ไปจากอก

นี่แหละ ที่อยากจะบอกว่า ความสำเร็จของทุกสิ่งอย่าง มันอาจจะมิได้มา ด้วยใครคนใดเพียงคนหนึ่ง 

>> ว่าแต่บทสรุปของเรื่องนี้ยังไม่จบ ขอตัดฉากกลับมาที่ตัวอิชั้นในปัจจุบันแปบ!!

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ใจจริงของมนุษย์ทุกคนย่อมอยากได้รับการชื่นชม แต่เชื่อหรือไม่ว่า ข้อคิดแบบตรัสรู้จากการได้ทำบางอย่างสำเร็จ แต่ไร้คนชมนั้น มันทำให้อิชั้นบรรลุบางอย่าง จนทำให้แอบอมยิ้มเบาๆ ข้างมุมปากมิได้

อะไรน่ะหรือ?

การได้หวนคิดว่า 2 ดาวเดือนที่เราเคยปลุกปั้น เดินถึงฝั่งฝั่ง มันพิสูจน์ตัวฉัน ว่า “เราก็มีดีเหมือนกันนิหว่า” 

เพราะนี่คือผลงานที่เกิดจากมันสมอง

นี่คือผลงานที่เกิดจากสองมือ

แม้ชื่อเสียงในเบื้องหน้าจะไม่ระบือ แต่คนที่รู้ และอนาคตที่รออยู่ ย่อมรู้ว่า “ฉันก็ไม่ธรรมดา” มันคือ ‘ของดี’ ที่ติดตัวอิชั้น แม้โลกไม่จดจำ ก็อย่าได้แคร์ 

นี่ก็เป็นอีกมุมของการทำงาน ที่แม้ว่าเบื้องหน้าจะสวยงามเพียงใด แต่หากไร้เบื้องหลังที่ดีคอยโอบอุ้มและประคับประคอง ก็ยากที่จะทำให้ ‘เป้าประสงค์’ นั้นๆ ไปถึงฝั่ง 

จงเชื่อมั่นในจุดเรายืน และจงเชื่อมั่นในสิ่งที่เราทำ โดยไม่ต้องหวังอะไรที่มันเป็นแค่ ‘นามธรรม’ ให้หลงเพ้อไปชั่วครู่

ก็ความสามารถที่เรามี มันเป็น ‘รูปธรรม’ ติดตัว ที่ใครก็พรากมันไปมิได้ ยังไงเล่า!! 

Have a good day ค่ะ 


ขอบคุณภาพประกอบจากซีรีส์ 2Moons The Series เดือนเกี้ยวเดือน

เป็นคนดีแล้วได้อะไร ? ความบริสุทธิ์ใจ ภัยสังคม จริงหรือ ?

ยกให้อยู่ในหมวดคำถามจักรวาลแตก โดยมีคนในโลกแบกคำตอบที่แตกต่างไว้เพียบ

เป็นคนดีแล้วได้อะไร ?

แต่ก่อนหลายคนจะยึดมั่นกับ​ 'ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว'​

...แต่บังเอิญ​ ช่วงนี้มักมีประโยคหนึ่งนัวผุดขึ้นมาในหัวกันบ่อยขึ้นว่า 'ความดีไม่ใช่รางวัลตอบแทนการทำดี'​ อ่าว...แล้วยังไงดี !!

เคยคิดไหม? ว่าการให้เงินขอทาน ซื้อกล้วย ซื้ออ้อยให้ช้าง หรือซื้อนกกระจิบกระจอกที่พ่อค้าแม่ค้าจับมาเป็นเซตใส่กรงไว้ เพื่อปล่อยแถวหน้าวัด มีค่าเท่ากับส่งเสริมกระบวนการทำลายสังคมให้เติบโต โดยที่เราอาจไม่รู้ตัวหรือไม่? 

จริงอยู่ที่ว่าการกระทำเช่นนั้น​ อาจมาจากความเวทนาสงสาร​ และพอได้นำเงินให้แก่ขอทาน รวมถึงซื้อกล้วย ซื้ออ้อยให้ช้างกินนั้นช่วยให้เรารู้สึกสบายใจก็ตาม

แต่ในสังคมวันนี้​ มันมีเรื่องแปลกตรงที่​ 'การให้'​ ที่เอ่อล้นไปด้วย​ 'ใจอันบริสุทธิ์'​ กลับจุดประกายให้เกิดปัญหาในสังคมได้แบบ...มหากาพย์ 

ขอยกตัวอย่าง กรณี "พิมรี่พาย" ยูทูปเบอร์ ชื่อดัง กับเหตุการณ์ดราม่าที่เคยเกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนมกราคม หลังมีคลิปการเดินทางไปที่หมู่บ้านแม่เกิบ อ.อมก๋อย ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่กว่า 300 กม. เพื่อนำสิ่งของไปมอบให้เด็ก ๆ 

ด้วยสภาพความเป็นอยู่ของคนที่นี่ จึงทำให้พิมรี่พายทุ่มเงินกว่า 5 แสนบาท เพื่อติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ผลิตไฟฟ้า ซื้อโทรทัศน์จอยักษ์มาติดตั้งที่ลานหมู่บ้าน ด้วยการเปิดไฟ และเปิดทีวีให้เด็ก ๆ ดู เผื่อพวกเขาจะได้เห็นว่ามีอาชีพมากมายอยู่ในนี้ และจะได้มีความฝันว่าโตขึ้นไปควรเป็นอะไร 

หลังจากที่คลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ไป มีคนกดไลก์และแชร์มากมาย จนทำให้เกิดแฮชแท็ก #พิมรี่พาย ขึ้นเทรนด์อันดับ 1 ในทวิตเตอร์ประเทศไทย ซึ่งก็มีทั้งกระแสชื่นชมและเห็นต่างในเรื่องนี้

ในแง่ความเห็นด้วยคงไม่ต้องอธิบายความ​ แต่ในแง่ความคิดเห็นต่างอันนี้ต้องมาถอดรหัสกันดู!! 

หนึ่งในความเห็นต่างที่น่าสนใจมาจากนักเขียนหนุ่มเจ้าของนามปากกา “ภินท์ ภารดาม” ซึ่งเปิดอีกมุมมองเกี่ยวกับการทำดีของพิมรี่พายในครั้งนั้นไว้ว่า​ "ชื่นชมแต่ไม่เห็นด้วย" 

เขาเล่าว่า​ "ชื่นชมความเป็นนักปฏิบัติ โลกเรามีนักพูดเยอะมาก แต่ไม่ลงมือทำ การลงมือทำของเธอโดยไม่ต้องรอเหนือรอใต้ ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงได้จริง 

"แต่ความช่วยเหลือเป็นการไปถามเอาจากคุณครู หรือสอบถามในฐานะผู้ให้ และไปนึกเอาเป็นข้อสรุปเองว่าจะต้องให้อะไร และคิดไปว่าเด็กจะต้องมีอาชีพอย่างคนเมือง จึงนำไปสู่ข้อสรุปที่ว่า ต้องเอาทีวีมาให้เด็กดู​ เพื่อจะได้รู้ว่าต้องการมีอาชีพอะไร เป็นข้อสรุปที่ได้จากตัวพิมพรี่พายเอง คล้ายกับการคิดแทนเด็กๆ ไม่ใช่ความต้องการของเด็กๆ"

"เราอาจจะเป็นปัจจัยให้กับเขาในการสนับสนุนในสิ่งที่เขาต้องการ แต่การก้าวล่วงไปมองว่าเด็กต้องอ่านหนังสือถึงจะมีความรู้ เป็นความคิดที่เป็นการกระทำการแทน แต่หากมองว่าถ้าเราเข้าไปเรียนรู้กับเด็กดอยและใช้เวลาอยู่บนดอยมากหน่อย ใช้เวลาสังเกตการณ์มากหน่อย อาจจะมองเห็นเองว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ต้องทำ ไม่ปล่อยให้อารมณ์หรือ ความกรุณาแบบอัตโนมัติเข้าทำงาน อย่างน้อยต้องศึกษาเรื่องราวตามภูมิปัญญาชาวเขา จะมองเห็นหนทางที่จะหยิบยื่นความช่วยเหลือได้ยั่งยืนกว่านี้"

หลังมีดราม่า พิมรี่พาย ได้ไลฟ์ชี้แจงดราม่าเรื่องที่ขึ้นไปติดตั้งทีวีและแผงโซลาร์เซลล์ให้เด็กๆ และบอกว่า อาชีพของเธอเป็นอาชีพที่ต้องสร้างภาพให้คนเห็น ซึ่งเธอนั้นเลือกที่จะสร้างภาพแบบคืนดีด้วยการคืนให้สังคม จึงอยากเอาเงินที่เหลือไปตอบแทนสังคม แล้วก็ฝากถึงคนที่เห็นต่างอยากให้มองถึงเจตนาที่แท้จริงของเธอ คือแค่ อยากทำความดี เพราะการทำความดี เป็นไปด้วยเจตนาดี จะทำความดีต่อไป 

อย่างไรก็ตามเราเองก็มองว่าสุดท้าย เมื่อเราทำดีแล้ว ก็เสร็จสิ้นด้วยความดี หากยิ่งไม่หวังผลในความดี ก็คงจะยิ่งดีขึ้นไปอีก...หรือแม้หลายครั้งที่ทำดี แล้วได้รับผลตอบรับแบบบัดซบบ้าง สูญเปล่าบ้าง แต่ไม่ว่าอย่างไร "ความดีก็คือความดี" 

คิดแค่นั้นพอ!! 


อ้างอิงข้อมูล
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_5704244

Click on Clear THE TOPIC EP.2/2 | ตอน บรรยากาศการเมืองปัจจุบัน สะท้อนความถดถอยของประชาธิปไตย

บรรยากาศการเมืองปัจจุบัน สะท้อนความถดถอยของประชาธิปไตย

รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยที่สุด คือ รัฐธรรมนูญปี 2540 แต่แม้ต้องเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในยุคสมัยรัฐธรรมนูญฉบับถอยหลังเข้าคลอง ก็จะทำหน้าที่เป็นตัวแทนพี่น้องชนเผ่าให้ดีที่สุด 

พบกับ มานพ คีรีภูวดล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล 

ดำเนินรายการโดย ปริม กุญชนิตา กุญชร ณ อยุธยา Host & Content Creator THE STATES TIMES

.

.

มู เต ลู | คิดเพลิน Learn & Play Talk EP.20

คุณอยู่กับ Podcast face to face รายการ “คิดเพลิน Learn & Play Talk” ฟังง่ายได้สาระ  

พูดคุยประเด็นต่างๆ แบบเพลินๆ พบกันทุกวันจันทร์ - อาทิตย์ เวลา 22.00 น. 

ติดตามชมรายการ “คิดเพลิน Learn & Play Talk” ได้ทาง YouTube และ Facebook Fanpage ของ THE STATES TIMES 

อย่าลืม! กดไลก์ กดแชร์ กด Subscribe 

.

.

.

วันเกิด เถิดเทิง | คิดเพลิน Learn & Play Talk EP.21

คุณอยู่กับ Podcast face to face รายการ “คิดเพลิน Learn & Play Talk” ฟังง่ายได้สาระ  

พูดคุยประเด็นต่างๆ แบบเพลินๆ พบกันทุกวันจันทร์ - อาทิตย์ เวลา 22.00 น. 

ติดตามชมรายการ “คิดเพลิน Learn & Play Talk” ได้ทาง YouTube และ Facebook Fanpage ของ THE STATES TIMES 

อย่าลืม! กดไลก์ กดแชร์ กด Subscribe 

.

.

.

วันนี้เป็นวันสำคัญที่ต้องถูกบันทักไว้ในประวัติศาสตร์ โดยเป็นคล้ายวันสวรรคตของ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระมหากษัตริย์แห่งสยาม รัชกาลที่ 7 ในราชวงศ์จักรี เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ.2436 เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กับสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 

พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงขึ้นเสวยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์ เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ.2468 โดยทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจสำคัญหลายด้าน อาทิ โปรดให้ตั้งสภากรรมการองคมนตรี ทรงตรากฎหมายเพื่อควบคุมการค้าขายที่เป็นสาธารณูปโภคและการเงิน ทรงโปรดให้สร้างหอพระสมุด และทรงตั้งราชบัณฑิตยสภา รวมทั้งยังทรงปฏิรูปการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย ปรับปรุงการศึกษาจนยกระดับมาตรฐานถึงระดับปริญญาตรี 

ด้านชีวิตส่วนพระองค์ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงอภิเษกสมรสกับสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี (หม่อมเจ้าหญิงรำไพพรรณี สวัสดิวัตน์) ไม่มีพระราชโอรสและพระราชธิดา แต่มีพระราชโอรสบุญธรรม คือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจิรศักดิ์สุประภาต

ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยคณะราษฎร พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ.2475 ในเวลาต่อมา ได้เสด็จพระราชดำเนินไปประทับยังประเทศอังกฤษ ก่อนจะทรงสละราชสมบัติเมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ.2478 รวมเวลาครองราชย์ 9 ปี

ขณะประทับอยู่ประเทศอังกฤษ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระประชวรอยู่เนือง ๆ แต่แพทย์ได้ถวายการรักษาจนมีพระอาการทุเลาขึ้นเรื่อยมา กระทั่งวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ.2484 พระองค์เสด็จสวรรคตด้วยพระหทัยวาย ขณะที่มีพระชนมพรรษา 48 พรรษา

ต่อมา เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ.2545 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบ กำหนดให้วันที่ 30 พฤษภาคมของทุกปี เป็น ‘วันพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว’ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทำนุบำรุงบ้านเมืองตลอดรัชสมัยของพระองค์

 

ที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki/พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว 

https://www.facebook.com/kpi.ac.th/posts/2097253763845252


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit
LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

วันนี้เมื่อ 32 ปีก่อน ร้านสะดวกซื้อ 24 ชั่วโมง ที่มีชื่อว่า ‘เซเว่น อีเลฟเว่น’ ได้เปิดทำการครั้งแรกในเมืองไทย โดยมีสาขาแรกคือ สาขาถนนพัฒน์พงศ์

ร้านสะดวกซื้อ เซเว่น อีเลฟเว่น ถือกำเนิดขึ้นที่ประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ.2532 โดยสาขาแรกตั้งอยู่ที่ย่านพัฒน์พงศ์ ถนนสีลม ผู้ได้รับสิทธิในการใช้เครื่องหมายการค้าคือ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้รับสิทธิในการใช้แบรนด์ 7-11 สำหรับธุรกิจค้าปลีกประเภทร้านค้าสะดวกซื้อ

กล่าวถึง เซเว่น อีเลฟเว่น เกิดขึ้นครั้งแรกในโลก เมื่อปี ค.ศ.1927 โดย บริษัท เซาท์แลนด์ ไอซ์ จำกัด (เซาท์แลนด์ คอร์ปอเรชั่น) ได้เริ่มต้นกิจการจัดจำหน่ายน้ำแข็ง ที่เมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ต่อมาในปีเดียวกัน ทางบริษัทได้เริ่มนำสินค้าอุปโภคบริโภคต่าง ๆ มาจำหน่าย จึงเปลี่ยนชื่อเป็น Tote'm Store 

กระทั่งในปี ค.ศ.1946 ได้ทำการเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น เซเว่น-อีเลฟเว่น (7-Eleven) เพื่อรองรับการขยายกิจการที่เติบโตขึ้น โดยเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 07.00-23.00 น. หรือ 07:00 AM.-11:00 PM. ของทุกวัน เป็นที่มาของชื่อ ‘เซเว่น อีเลฟเว่น’ นั่นเอง

ปัจจุบัน เซเว่น อีเลฟเว่น อยู่ภายใต้การบริหารงานของบริษัทเซเว่น แอนด์ ไอ โฮลดิงส์ มีสาขาทั่วโลกมากกว่า 71,100 สาขา โดยเป็นประเทศญี่ปุ่น ที่มีสาขาของเซเว่น อีเลฟเว่น มากที่สุด จำนวนราว 21,096 สาขา ส่วนประเทศไทยตามมาในลำดับที่สอง มีสาขารวมกันอยู่ที่จำนวน 12,225 สาขา (ตัวเลขจนถึงเดือน พ.ย. 2563) ในแต่ละวันมีลูกค้าเข้าร้าน จำนวนเฉลี่ยอยู่ที่วันละราว ๆ 11.8 ล้านคน

 

ที่มา: https://www.cpall.co.th/, http://www.thaismescenter.com

https://th.wikipedia.org/wiki/เซเว่น_อีเลฟเว่น


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit
LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

มาไม่หยุดทุกพื้นที่ชายแดน…!!! กองกำลังสุรสีห์ จับอีกระลอก 21 คนเมียนมา-กัมพูชา หลบเข้าประเทศทางช่องธรรมชาติพื้นที่ชายแดน

เมื่อวันที่ 30 พ.ค.กองทัพภาคที่​ 1​ โดยกองกำลัง สุรสีห์ (กกล.สุรสีห์) โดย หน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า (ฉก.ลาดหญ้า) ร่วมกับ สภ.ไทรโยค, สภ.สังขละบุรี, ร้อย.ตชด.136 เเละฝ่ายปกครอง  ลาดตระเวนตรวจถึงบริเวณเส้นทางธรรมชาติ บ.ท้ายเหมือง ต.บ้องตี้ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ได้ตรวจพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัย ตรวจสอบพบเป็นบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย เลยแสดงตัวเข้าจับกุม จำนวน 9 คน เป็นชาย 7 คน หญิง 2 คน

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตรวจยังพบกลุ่มบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย อีกจำนวน 6 คน เป็นชาย 3 คน หญิง 3 คน กำลังเดินเข้ามายังบริเวณสวนยาง บ้านทิโคร่ง ต.ปรังเผล อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ทางหน่วยจึ่งได้ทำการตรวจวัดอุณหภูมิ เเละนำตัวผู้ต้องหาส่งดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

ต่อมาวันที่ 30 พ.ค.เวลา 01.00 น. กองกำลังบูรพา (กกล.บูรพา)  โดยชุด

คทร.ฉก.ตาพระยา ตรวจพบแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา จำนวน 7 คน ชาย 3 คน หญิง 3 คน และเด็กหญิง 1 คน พร้อมชายไทย 1 คน เป็นคนดูต้นทาง บริเวณบ้านทัพสยาม อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว จากการสอบถาม ทั้งหมดให้การว่าจะเข้าไปหางานทำในพื้นที่ตอนในของประเทศไทย เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวสั่งตัวไปดำเนินการตามกฎหมายและมาตรการควบคุมโรคต่อไป

'จุรินทร์ - อลงกรณ์'​ รุดพื้นที่เพชรบุรีให้กำลังใจบุคลากรดูแลผู้ป่วยโควิด-19 พร้อมติดตามความคืบหน้าโครงการการค้าออนไลน์ของตลาดกลางสินค้าเกษตรท่ายางภายใต้ยุทธศาสตร์​ '1 เปิด 1 ปิด'​

ที่โรงพยาบาลสนามชั่วคราว​ (ศูนย์การภาพบำบัด) อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี​ และรัฐมนตรีว่าการกระทาวงพาณิชย์, นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์พร้อมด้วยนายอภิชาติ สุภาแพ่ง ที่ปรึกษารมช.พาณิชย์, นายอรรถพร พลบุตร คณะที่ปรึกษารมช.สาธารณสุข​ และ​ ดร.กัมพล สุภาแพ่ง คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ​ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกับบุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติงานดูแลผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งเป็นแรงงานชาวเมียนมาและแรงงานไทยบางส่วน ในคลัสเตอร์ของโรงงานแคลคอมฯ 

ทั้งนี้ได้มอบถุงยังชีพเป็นเครื่องอุปโภคบริโภค เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องนำไปแจกจ่ายให้กับประชาชนผู้ที่เดือนร้อนได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว เป็นการช่วยเหลือในเบื้องต้น โดยมี นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี พร้อมด้วย นางวิพร แววศรีผ่อง นายอำเภอเขาย้อย, นายแพทย์ สุทัศน์ ไชยยศ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรี ร่วมให้การต้อนรับ

จากนั้น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และคณะ ได้เดินทางต่อไปยัง ตลาดกลางการเกษตรหนองบ้วยของสหกรณ์การเกษตรท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี เพื่อพบปะพี่น้องกลุ่มเกษตรกรชาวจังหวัดเพชรบุรี และกลุ่มเกษตรชาวนาเกลือ​ ​3​ จังหวัด​ (เพชรบุรี​ ​- สมุทรสงคราม​ - สมุทรสาคร)

พร้อมเดินเยี่ยมชมผลิตผลทางการเกษตรโดยเฉพาะความคืบหน้าโครงการพัฒนาแพลตฟอร์มการค้าออนไลน์​ ซึ่งมีบริษัทไปรษณีย์ไทยร่วมดำเนินการกับคณะอนุกรรมการอีคอมเมิร์ซของกระทรวงเกษตรฯ​ และกระทรวงพาณิชย์ภายใต้ยุทธศาสตร์ '1  เปิด 1 ปิด'​ คือ เปิดเศรษฐกิจให้เร็วที่สุดและปิดโควิดให้เร็วที่สุด โดยนายอลงกรณ์ได้ขอให้ทางรองนายกรัฐมนตรีช่วยประสานรัฐบาลให้ส่งวัคซีนมาเพิ่มให้เพชรบุรีโดยเร็วที่สุด

สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในจังหวัดเพชรบุรี วันนี้ (30 พ.ค.64) มียอดผู้ติดเชื้อ จำนวน 754 ราย รวมยอดสะสม 5,191 ราย ยังครองแชมป์เป็นอันดับที่ 2 ของประเทศไทย

นอกจากนี้ในส่วนของมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเพิ่มเติม จังหวัดเพชรบุรีมีการประกาศล็อกดาวน์ พื้นที่ใกล้เคียงซึ่งพบการแพร่ระบาดคลัสเตอร์ใหม่ เพิ่มอีก 4 ตำบล ในอำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี ประกอบด้วย ตำบลเขาย้อย ตำบลหนองชุมพล ตำบลหนองชุมพลเหนือ และตำบลห้วยโรง อีกทั้งยังมีการเพิ่มจุดตรวจจุดสกัดทั้ง 4 ตำบล รวม 14 จุด เพื่อป้องกันการขนย้ายกลุ่มแรงงานที่มีความเสี่ยงสูงเข้า-ออก ในพื้นที่อีกด้วย

พังงา – ปิดจ๊อบโรงพยาบาลสนามพังงา หลังส่งผู้ป่วย 2 รายสุดท้ายกลับบ้าน ไม่พบผู้ป่วยใหม่ 12 วันต่อเนื่อง

เมื่อเวลา10.00 น.วันที่ 30 พฤษภาคม 2564 ที่โรงพยาบาลสนามพังงา 1 โรงยิมเนเซี่ยมสนามกีฬา อบจ.พังงา พญ.สิรินาฏ พัฒนพิชัย ผอ.โรงพยาบาลสนามฯพร้อมด้วยทีมแพทย์-พยาบาล ร่วมมอบหน้ากากอนามัย ข้าวสาร ของที่ระลึกและคู่มือการปฏิบัติตัวให้กับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 จากคลัสเตอร์ อบต.มะรุ่ย 2 รายสุดท้ายของจังหวัดพังงา ที่เข้ารักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลสนาม โดยทั้งคู่เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่ได้กักตัวอยู่ที่โรงแรมพังงา เบย์ รีสอร์ท และที่ อบต.มะรุ่ย และได้ตรวจพบเชื้อจากการตรวจครั้งที่2 เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2564 เป็นผู้ป่วยรายที่ 66-67 ของจังหวัดพังงา ที่ได้รับเชื้อจากที่ทำงานใน อบต.มะรุ่ย ซึ่งทั้ง 2 รายเป็นผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการ

 

โดยแพทย์ได้ให้คำแนะนำการปฏิบัติตนในการกลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านและการใช้ชีวิตประจำวัน โดยให้กักตัวเองที่บ้านอีก1อาทิตย์ ต้องสวมหน้ากาก หมั่นล้างมือ หลีกเลี่ยงไปที่ชุมชน หลังจากนั้นก็ออกไปทำงานได้ตามปกติ และหลังจากนี้ประมาณ3-6 เดือนให้เข้ารับวัคซีนได้ ทางผู้ป่วยได้กล่าวขอบคุณทีมแพทย์-พยาบาลที่ให้การดูแลรักษาเป็นอย่างดีตลอดระยะเวลาที่อยู่ในโรงพยาบาลสนาม ตอนแรกเข้ามานั้นรู้สึกตื่นเต้นมาก แต่ได้รับการดูแลจนรู้สึกอบอุ่น อาหารก็อร่อยทุกมื้อ โดยทางทีมแพทย์พยาบาลได้มอบดอกกุหลาบแสดงความยินดีกับผู้ป่วย2รายสุดท้ายพร้อมกับเดินไปส่งขึ้นรถและโบกมือส่งเสียงอำลากันอย่างอบอุ่น

พญ.สิรินาฏ พัฒนพิชัย เปิดเผยว่า โรงพยาบาลสนามพังงา1 ได้รับผู้ป่วยโควิด-19 ที่ไม่แสดงอาการและมีอาการเล็กน้อยมาดูแลรวม 26 ราย เป็นผู้ชาย6ราย ผู้หญิง 20 ราย หลังจากนี้ทางโรงพยาบาลสนามจะปิดดำเนินการ แต่จะเตรียมพร้อมต่อไว้อีก 1 เดือน เผื่อจะมีผู้ป่วยรายใหม่ขึ้นมาอีก สำหรับบุคลากรที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลสนามจะต้องกักตัวเองประมาณ5วัน ก่อนจะทำการตรวจหาเชื้ออีกครั้งเพื่อไปปฏิบัติงานตามปกติ ในส่วนของการรับวัคซีนนั้นจะช่วยลดความรุนแรงของโรค จึงขอเชิญชวนให้ทุกคนที่มีสิทธิฉีดวัคซีนไปลงทะเบียน ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน

สำหรับสถานการณ์การเกิดโรคโควิด-19 ของจังหวัดพังงา ประจำวันที่  30 พฤษภาคม 2564  ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 12 วันต่อเนื่อง มีผู้ป่วยสะสมรวม 67 ราย  รักษาตัวหาย จำนวน 66 ราย  เสียชีวิต 1 ราย


ภาพ/ข่าว  อโนทัย งานดี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top