Saturday, 28 June 2025
TheStatesTimes

สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วม 'สมาพันธรัฐสวิส' ดันไทยขยายยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจรภายในปี 73

ที่ท่าเรือ CAT Tower เขต บางรัก กรุงเทพ มีพิธีการลงนามแถลงการณ์ความร่วมมือด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ระหว่าง ดร.รวีวรรณ ภูริเดช เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กับ นางเฮเลเนอ บุดลีเกอร์ อาร์ทิเอดา (H.E. Mrs. Helene Budliger Artieda) เอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสประจำประเทศไทย โดยได้รับเกียรติจาก นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ Her Excellency Simonetta Sommaruga, Federal Councilor and Head of the Federal Departments of Environment, Transport, Energy and Communication, of the Swiss Confederation ร่วมเป็นเกียรติในพิธี ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์โดยมี นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) ร่วมในพิธีลงนามในครั้งนี้ด้วย

นางเฮเลเนอ บุดลีเกอร์ อาร์ทิเอดา (H.E. Mrs. Helene Budliger Artieda) เอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทย (MoNRE) และสำนักงานกลางเพื่อสิ่งแวดล้อมของสมาพันธรัฐสวิส (FOEN) ยังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาวิกฤติสภาพภูมิอากาศโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติ เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและข้อตกลงปารีสของราชอาณาจักรไทยและสมาพันธรัฐสวิส ที่กำลังดำเนินการตามแนวทางการพัฒนาให้มีความยืดหยุ่นต่อสภาพอากาศและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับต่ำ โดยทั้งสองได้ส่งผลงานที่ได้รับการกำหนดระดับประเทศ (NDCs) ฉบับปรับปรุงในปี 2563 ซึ่งสะท้อนถึงการพัฒนาที่มีความความก้าวหน้าได้อีกมาก

MoNRE และ FOEN มีมติที่จะทำงานร่วมกันและกับประเทศอื่นๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายของข้อตกลงปารีส MoNRE และ FOEN และยังคงยึดมั่นในการมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์ เพื่อสนับสนุนการยอมรับกฎพหุภาคีที่แข็งแกร่งภายใต้ข้อตกลงปารีสและผลสำเร็จของการประชุมภาคีในกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (COP26) ครั้งต่อไปที่กลาสโกว์ สวิตเซอร์แลนด์ผ่าน NDC มุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 50% ภายในปี 2573 ต่ำกว่าระดับ 1990 ภายใต้กฎหมายระดับชาติที่ใช้โดยรัฐสภาสวิสลดให้ได้อย่างน้อย 75% ซึ่งอาจจะดำเนินการที่เหลือในต่างประเทศได้อีก 25% สภาสหพันธรัฐสวิส จึงได้นำยุทธศาสตร์การพัฒนาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำระยะยาวของสวิตเซอร์แลนด์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ กับประเทศที่ตกลงความร่วมมือกันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า รัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญในการผลักดันให้ประเทศไทยเปลี่ยนผ่านสู่สังคมยานยนต์ไฟฟ้า และกระตุ้นให้คนไทยเห็นถึงความสำคัญ ความจำเป็น และประโยชน์จากการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ซึ่งมีส่วนสำคัญในการลดมลพิษในอากาศระยะยาว โดยเฉพาะการปล่อยมลพิษของรถยนต์สันดาปภายใน ถือเป็นตัวเร่งให้เกิดการพัฒนารถยนต์พลังงานทางเลือก และเกิดเทคโนโลยียานยนต์ใหม่ๆ รวมถึงการออกกฎหมายควบคุมมลพิษจากยานยนต์เกิดขึ้น ดังจะเห็นได้จากการกำหนดค่าไอเสียที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะที่มลรัฐแคลิฟอร์เนียที่มีการกำหนดค่ามาตรฐานการปล่อยมลพิษของตัวเอง เพื่อควบคุมและแก้ปัญหามลพิษ 

ทั้งนี้ ประเทศไทยอยู่ระหว่างดำเนินการตามแนวทางของ NDC Roadmap ว่า ด้วยการบรรเทาผลกระทบ พ.ศ. 2564-2573 และแผนปรับตัวแห่งชาติ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 20% จากระดับ BAU ที่คาดการณ์ไว้ภายในปี 2573 ซึ่งกำลังดำเนินการตาม พระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อกำหนดข้อกำหนดการรายงานสำหรับภาคเอกชนอย่างเป็นทางการ และปรับปรุงการเงินด้านสภาพอากาศภายในประเทศ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมถึงการอนุมัติแผนงานยานยนต์ไฟฟ้าฉบับปรับปรุง และเพิ่มการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเป็น 30% ของการผลิตรถยนต์ทั้งหมดต่อปีภายในปี 2573 แบ่งการทำงานเป็น 3 ระยะ คือ ระยะสั้น (2563-2565) ผลิตรถสำหรับรถราชการ รถสาธารณะ รถจักรยานยนต์สาธารณะ 60,000-110,000 คัน ระยะกลาง (2564-2568) จะผลักดัน ECO EV จำนวน 100,000-250,000 คัน และผลักดันสมาร์ท ซิตี้ บัส จำนวน 300,000 คัน ระยะยาว (2569-2573) ให้มีการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าประมาณ 750,000 คัน

กระบี่ - ปชช.ต่อคิวยาว แห่รับของบริจาค สุดเศร้าของบริจาค มีจำกัด บางคนกลับด้วยความผิดหวัง

วันที่ 28 พ.ค.64 การช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบการระบาดของไวรัสโควิด 19 ยังคงมีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง โดยที่ ออนเซน แอนสปา ถ.นาเตย ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.กระบี่ นายกฤชกร ศิลปวิสุทธิ์ปธ.กรรมการ บ.เอทีโคโค่ ฟรุ๊ต จำกัด พร้อมด้วยนายทวัฒพงษ์ หรือครูเดช บุญชิน ผู้บริหารออนเซนกระบี่ และกลุ่มเพื่อน ๆ ได้ร่วมกันแจกถุงยังชีพ สู้ภัยโควิด-19 ให้แก่ประชาชน ที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 235 ชุด โดยมีชาวบ้านที่ทราบข่าวมายืนเข้าแถวรอ ยาว กว่า 200 เมตร โดยมี จนท.มูลนิธิประชาสันติสุขกระบี่ มาช่วยเหลือตรวจวัดอุณภูมิ และแจกเจลล้างมือ ก่อนเข้ารับสิ่งของบริจาคทุกคน

นายทวัฒพงษ์ หรือครูเดช กล่าวว่า ทาง ออนเซนกระบี่ และเพื่อน ๆ ได้ร่วมกันเปิดศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยโควิด 19 ขึ้น ตั้งแต่เดือน เม.ย.ที่ผ่าน โดยทำข้าวกล่องบริจาค ซึ่งก็มีบรรดาผู้ใจบุญ และเพื่อน ๆ ได้ร่วมกันบริจาคสิ่งของและเงิน สมทุน จำนวนหนึ่ง โดยมีการทำขอ้าวกล่องแจกไปทั้งสิ้นกว่า 1 หมื่นกล่อง และในวันนี้ 28 พ.ค.ครบ 1 เดือนเศษ ทางออนเซนและกลุ่มเพื่อน ๆ ได้จัดชุดยังชีพแจก จำนวน 235 ชุด พร้อมกับปิดศูนย์ฯชั่วคราว และขอขอบคุณผู้มีอุปการะคุณทุกท่าน จนทำให้การช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบเป็นไปด้วยดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีผู้ที่มารับของบริจาคบางคน ไม่ได้ลงทะเบียนไว้ แต่มารับของบริจาคด้วย ทาง จนท.ไม่สามารถให้ได้ เนื่องจากของบริจาคมีจำนวนจำกัด จนท.ต้องจัดให้กับผู้ที่ลงทะเบียนไว้ก่อนทำให้ผู้ที่ไม่ได้ลงทะเบียนไว้ ต้องกลับไปด้วยความผิดหวัง เป็นภาพที่เห็นแล้วสุดที่จะน่าสงสาร


ภาพ/ข่าว  ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง รายงาน

อยุธยา - เร่งฉีดวัคซีนโควิด เข็มที่ 2 ให้บุคลากรทางการแพทย์ และผู้ปฏิบัติงานด่านหน้า

วันที่ 28 พฤษภาคม 64 ที่ รพ.พระนครศรีอยุธยา บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ปฏิบัติงานด่านหน้า เจ้าหน้าที่ตำรวจ และสื่อมวลชน ร่วมเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 รวมทั้ง 298 ราย ในภาคเช้า และในภาคบ่ายจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระนครศรีอยุธยา จำนวน 152 นาย จะเข้ารับวัคซีนสำหรับเข็มที่ 1

สำหรับประชาชนกลุ่มผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และ 7 โรคเรื้อรัง จะเริ่มฉีดในวันที่ 7 มิย 64 กำหนดจะเริ่มฉีดวัคซีน (Astrazeneca) จำนวน 38,000 โดส ให้กับประชาชนที่ลงทะเบียนผ่าน “หมอพร้อม” และลงทะเบียนกับเจ้าหน้าที่ฯแล้ว จำนวน 32,942 คนอย่างแน่นอน สำหรับส่วนเกินจากกลุ่มดังกล่าว จะพิจารณาจัดสรรให้กับกลุ่มองค์กรภาครัฐและภาคธุรกิจยุทธศาสตร์ ทั้งใน 16 อำเภอ เพื่อจะได้รับวัคซีนได้ครบตามเป้าหมาย พร้อมทั้งขอให้ทุกหน่วยเชิญชวนประชาชน ร่วมลงทะเบียนจองฉีดวัคซีน โดยการสแกน QR Code “อยุธยาพร้อม”

นายแพทย์พีระ อารีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวถึง ข้อห้ามสำหรับผู้ที่ไม่ควรรับวัคซีนคือ 1.ผู้ที่รับวัคซีนแล้วเกิดแพ้วัคซีนอย่างรุนแรง ถึงขั้นช็อก แต่วัคซีนนี้เป็นวัคซีนใหม่ทุกคนจึงไม่อยู่ในข้อนี้ แต่ถ้าให้เข็มแรกแล้วแพ้รุนแรง เข็ม 2 ให้ไม่ได้แน่นอน ต้องเปลี่ยนชนิดวัคซีน รวมถึงผู้ที่รู้ว่าแพ้ส่วนประกอบในวัคซีน ก็ไม่สมควรให้ 2. ผู้ที่เจ็บป่วย มีไข้ หรือเป็นโรคปัจจุบันที่ต้องการการรักษา ผู้ป่วยวิกฤต ผู้ป่วยที่อยู่ในระยะสุดท้ายของโรค และผู้ป่วยที่รักษา โดยเฉพาะนอนในโรงพยาบาล ก็ให้เลื่อนการฉีดไปก่อน จนกว่าทุกอย่างอยู่ในสภาพคงที่และกลับบ้านแล้ว จะเห็นว่าจะมีข้อห้ามเด็ดขาดน้อยมาก ดังนั้น ผู้ที่มีโรคประจำตัวและดูแลรักษาอยู่มีภาวะคงที่ ถึงจะกินยาประจำอยู่ ก็สามารถให้วัคซีนได้ เบาหวาน ความดัน ก็สามารถฉีดวัคซีนได้ ถ้ารักษาและดูแลอยู่ตลอดอยู่แล้ว ยกเว้นเสียแต่ความดันที่ไม่สามารถควบคุมได้ หรือเบาหวานที่ยังควบคุมไม่ได้มีน้ำตาลสูงมาก ขนาดมีอาการที่ต้องรักษาในโรงพยาบาลก็ให้เลื่อนการฉีดไปก่อน


ภาพ/ข่าว  สุจินดา  อุ่นขาว รายงานจากอยุธยา

ประจวบคีรีขันธ์ - ตำรวจประจวบฯ วางกำลังอุดช่องทางธรรมชาติ หลังพม่าหลายร้อยคนจ่อทะลักเข้าประเทศ

วันที่ 28 พฤษภาคม พ.ต.อ.นิรันดร ศิริสังข์ไชย รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด( รอง ผบก.)ประจวบคีรีขันธ์ นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองประจวบฯ สภ.คลองวาฬ สภ.อ่าวน้อย ร่วมกับเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานลาดตระเวนที่ช่องทางธรรมชาติชายแดนไทยพม่า พร้อมตั้งจุดตรวจสกัดบริเวณช่องทางเข้าออกจากแนวชายแดน ที่หมู่ 9 ต.เกาะหลัก อ.เมืองฯ สกัดกั้นแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง หลังจากมีรายงานทางการข่าว ระบุว่า มีนายทุนพร้อมนำชาวพม่าหลายร้อยคนจากบ้านมูด่องตรงข้ามชายนแดนด่านสิงขร เดินเท้าผ่านช่องทางธรรมชาติเข้าประเทศ เพื่อไปขายแรงงานตามใบสั่งของนายทุนในโรงงานอุตสาหกรรมทั้งใน จ.ประจวบฯและหลายจังหวัดทั่วประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรได้วางกำลังคุมเข้มช่องทางธรรมชาติที่ช่อง 10 ศพ หมู่ 3 บ้านหนองขาม ช่องทางธรรมชาติหุบตาหลี หมู่ 9 บ้านมะขามโพรง ต.เกาะหลัก อำเภอเมืองฯ หลังจากจับแรงงานเถื่อนหนีเข้าเมือง 11 ราย โดยใช้เส้นทางธรรมชาติเดินเท้าข้ามแดน ขณะเดียวกันพบว่าที่ช่องทางธรรมชาติมีเส้นทางหลบหลีกได้หลายเส้นทางและมีการขยายเส้นทางใหม่ ขณะที่การวางรั้วลวดหนาม 3 ชั้น การติดตั้งกล้องวงจรปิด การติดตั้งไฟส่องสว่างจากระบบโซล่าเซลล์ หรือมีการติดตั้งสัญญาณกันขโมย ไม่สามารถป้องกันปัญหาได้จริง

พ.ต.อ.นิรันดร กล่าวว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมีความห่วงใยพื้นที่ตามแนวชายแดนจากปัญหาหลบหนีเข้า จึงเข้มงวดกวดขันเพิ่มความเข้มข้นในการตรวจค้นจับกุมแรงงานต่างด้าวและกำชับห้ามเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องหรือเรียกรับผลประโยชน์โดยเด็ดขาด ขณะนี้ได้มอบหมายให้ชุดสืบสวนภูธรจังหวัด สืบสวนหาข่าวกลุ่มนายหน้าขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าว อยู่ในระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน แต่ยอมรับว่ามีกลุ่มนายหน้าค้าแรงงานเถื่อนข้ามชาติเป็นขบวนการใหญ่ทั้งฝั่งไทย และพม่า สำหรับจุดหมายปลายทางที่เป็นโรงงานอุตสาหกรรม หากจะตัดตอนเพื่อแก้ไขปัญหา ต้องเป็นนโยบายของผู้บริหารในระดับสูง เนื่องจากโรงงานยังมีความต้องการใช้แรงงาน


ภาพ/ข่าว  นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวสยามโฟกัสไทม์ / 4เหล่าทัพ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

เสียงสะท้อนแห่งความหวัง เหล่า​ 'คนดัง'​ ผู้พังกำแพงแห่งความสับสน​ 'ฉีด​-​ไม่ฉีดวัคซีน'​

ในช่วงนี้เราจะเห็นกระแสคนดังออกมารณรงค์เรื่องการฉีดวัคซีนโควิด-19 กันมากขึ้น​ แม้ว่าระบบการจัดการวัคซีนของบ้านเราอาจจะยังไม่พร้อมที่จะรองรับการฉีดวัคซีนให้กับประชากรทั้งประเทศ ซึ่งนั่นเป็นส่วนหนึ่งที่ภาครัฐต้องเร่งจัดการให้เร็วที่สุด 

แต่ในมิติของการสื่อสาร การที่คนดัง (Celebrity) ออกมาเคลื่อนไหวเรื่องนี้ มีผลเปลี่ยนแปลงต่อความคิดคนอย่างไรบ้าง? 

เราได้เห็นตัวอย่างว่ามีคนเปลี่ยนใจที่จะฉีดวัคซีนจากการฟังคนที่มีชื่อเสียงพูด เช่น คุณแม่ทองสุข คุณแม่ของพี่โน้ต อุดม ได้ฟังคุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา กลับมาจัดรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ที่มีการพูดถึงเรื่องวัคซีนพร้อมกับเชิญชวนให้ทุกคนไปฉีด ทำให้คุณแม่เปลี่ยนใจอยากไปฉีดวัคซีนจากตอนแรกที่ไม่อยากไปฉีด 

เหตุการณ์นี้ไม่ใช่ปรากฏการณ์ใหม่ เพราะมันคือหลักการเดียวกันกับการโฆษณาที่ใช้คนดังหรือบุคคลทีมีชื่อเสียงมาเชิญชวน ซึ่งมีงานวิจัยมากมายที่ได้ศึกษาถึงเรื่องศิลปินที่มีชื่อเสียง สามารถชักจูงความคิด ความเชื่อ ซึ่งส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทัศนคติหรือเปลี่ยนลักษณะนิสัย 

การเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง โดยเฉพาะคนในวงการบันเทิง นอกจากสร้างผลงานเพื่อมอบความบันเทิงให้กับคนดูได้แล้ว อีกด้านหนึ่งคือสามารถเป็นผู้นำทางความคิด (Opinion leader) และสามารถชี้นำสังคมได้ อีกทั้งสามารถเปลี่ยนแปลงความคิดผู้คนที่ติดตามได้​ แม้อาจจะเป็นแค่ทำให้ฉุกคิดตามก็เถอะ

เราจะเห็นว่าในสถานการณ์หลาย ๆ ครั้งที่ต้องการความช่วยเหลือในการกระจายข่าวสาร มักจะมีคนดังออกมาช่วยพูด เพราะเสียงของบุคคลที่มีชื่อเสียง “ดัง” และสามารถชี้นำสังคมได้ เช่นเดียวกับครั้งนี้ที่เราเห็นคนดัง ออกมาพูดเรื่องการฉีดวัคซีน แต่สิ่งที่ต้องระวังในการให้ข้อมูล คือ ต้องเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ตรวจสอบได้ เพราะเรื่องการฉีดวัคซีนเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและส่งผลต่อชีวิตและร่างกาย

มาถึงตอนนี้ เสียงของคนดัง ดังพอที่ประชาชนเริ่มหันมาสนใจเรื่องของการฉีดวัคซีนแล้ว แต่คงจะดีไม่น้อย ถ้าการกระจายวัคซีนของภาครัฐสามารถจัดการให้กับคนในประเทศได้อย่างทั่วถึงและรวดเร็วพอ ๆ​ กับเสียงของคนดังเหล่านั้น

ข้อมูลอ้างอิง
https://www.sanook.com/news/8380622/


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit
LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

“บิ๊กตู่” ย้ำตรึงเข้มชายแดน กำชับปราปราม ลักลอบเปิดพนันออนไล์ พร้อมร่วมกันกระจายกำลังตรวจเชิงรุกพื้นที่ชั้นในคุมป้องโควิดให้อยู่

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 ที่กระทรวงกลาโหม พล.ท.คงชีพ  ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม  เปิดเผยว่า พล.อ.ชัยชาญ  ช้างมงคล รมช.กลาโหม พร้อมปลัดกระทรวงกลาโหม ประชุมร่วมกับ กอ.รมน. ,หน่วยขึ้นตรวกระทรวงกลาโหม (นขต.กห.)  เหล่าทัพ และ ตร. เพื่อติดตามสนับสนุนการขับเคลื่อนช่วยเหลือประชาชนแก้ปัญหาโควิท 19 

โดย พล.อ.ชัยชาญ ได้ย้ำสั่งการของ พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกระฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้ กอ.รมน. รวมทั้งทุกเหล่าทัพ และ ตร. ให้ความสำคัญ เพิ่มการเฝ้าระวังป้องกัน สกัดกั้นการกระทำผิดกฎหมายและคุมเข้มมาตรการคัดกรองโรคในพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะชายแดนมาเลเซีย เมียนมาและกัมพูชา เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายที่อาจมาพร้อมกับโควิดสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งกำลังแพร่ระบาดในประเทศเพื่อนบ้าน ขณะที่ยังพบสถิติการจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายได้มากขึ้นอย่างต่อเนื่องที่ผ่านมา

พร้อมกับให้เฝ้าระวังการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรและปศุสัตว์ผิดกฎหมายโดยไม่ผ่านการกักกัน ซึ่งตรวจพบโรคระบาดสัตว์ติดมา  ทั้งนี้ ขอให้ กอ.รมน.ประสานกับฝ่ายปกครอง กระจายเข้าตรวจสอบสถานประกอบการในพื้นที่ เพื่อควบคุมและดำเนินการตามกฏหมายอย่างเด็ดขาดกับผู้เกี่ยวข้องในทุกกรณี  

“ทั้งนี้ได้ให้ติดตามการลักลอบเปิดบ่อนพนันออนไลน์ ตามแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน และดำเนินการทางกฎหมายกับผู้เกี่ยวข้องทุกระดับไม่มียกเว้น  ขณะเดียวกันขอให้ติดตามข่าวปลอมที่กระทบต่อความมั่นคงและสร้างปัญหาให้เกิดความเข้าใจผิดกับประชาชน ที่ปรากฎมากขึ้นในปัจจุบัน เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องกับประชาชนโดยเร็ว”พล.ท.คงชีพ กล่าว  

นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้แสดงความห่วงใยการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในทุกระดับ โดยย้ำขอให้ประสาน สธ. ขอรับการสนับสนุนวัคซีน เพื่อเร่งกระจายฉีดให้กับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงโดยเร็ว เพื่อความปลอดภัยและลดความเสี่ยงในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ด่านหน้า

ก่อนปิดห่รประชุม พล.อ.ชัยชาญ ยังได้กำชับ ขอให้ทุกเหล่าทัพ เตรียมความพร้อมสนับสนุนกำลังพล ยานพาหนะและสิ่งอุปกรณ์เข้าช่วยเหลือ สธ.และฝ่ายปกครอง เพื่อเข้าบริหารจัดการควบคุมโรคเป็นพื้นที่ โดยเฉพาะ กทม.และ กรมราชทัณฑ์ ที่พบการแพร่ระบาดของโรคในที่พักคนงานและหลายชุมชน รวมทั้งเรือนจำต่างๆ  ทั้งนี้ขอให้มีมาตรการป้องกันและดูแลคัดกรองอย่างเข้มข้นในเรือนจำทหารควบคู่กันไปด้วย

‘เจ้เป้า’โล่ง ป.ป.ช. ยกคำร้อง คดีฝายแม้ว พ้อ 13 ปี เสียใจ-ทุกข์ใจ อนุกก.ไม่เคยเรียกสอบแม้แต่ครั้งเดียว   

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน อดีตรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวกรณีที่คระกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช. )มีมติยกคำร้อง คดีโครงการฝายแม้ว 770 ล้านบาท ว่า ขอขอบคุณป.ป.ช. ที่ให้ความเป็นธรรม ที่ผ่านมารู้สึกเสียใจและทุกข์ใจ วันนี้เป็นผู้บริสุทธิ์แล้ว แต่ไม่สามารถทดแทนความรู้สึกช่วงที่ผ่านมาได้ เพราะมองหน้าใครไม่เต็มตามาเป็นเวลานานหลายปี เนื่องจากหลายคนเสพสื่อที่กล่าวหาตนต่อเนื่องเป็นเวลานานถึง 13 ปี เรื่องนี้เหมือนนวนิยายลึกลับ เพราะเริ่มจากมีคนร้องเมื่อปี 2551 แต่พอมีคนไปถามคนร้อง กลับบอกว่า ไม่ได้เป็นผู้ร้อง จากนั้นในปี 2552  ป.ป.ช. ส่งคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน แต่ผ่านมา 13 ปี เปลี่ยนคณะอนุกรรมการไปหลายชุด ก็ไม่เคยเรียกไปสอบปากคำแม้แต่ครั้งเดียว  และเมื่อกลางปี 2563 ก็ได้รับแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งในข้อความ ก็เหมือนนิยาย เนื่องจากเวลาผ่านมานานมาก และก็ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งแล้ว จึงต้องใช้เวลาในการรวบรวมเอกสาร เพื่อประกอบคำชี้แจง ซึ่งเป็นไปด้วยความยากลำบาก 

“เอกสารที่เจอ คือ เขาไปตรวจพื้นที่สร้างฝาย เมื่อปี 62 แต่ฝายแม้ว มีอายุอย่างมาก 3-5 ปี  ซึ่งฝายชุดนี้ สร้างเมื่อปี 51 ผ่านมา 12 ปี เหลือให้เห็นบ้าง ก็ต้องยกให้เป็นวีรสตรีกันแล้ว  และที่สำคัญหลายปีมาแล้ว กรมบัญชีกลาง ก็แจ้งว่าราชการไม่เสียหาย แต่เขาก็ไม่นำมาประกอบการพิจารณา โดย ป.ป.ช.บางคนจะเอาผิดให้ได้ และการปรับงบประมาณในครั้งนั้น เกิดจากมติ ครม. รัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช ให้เป็นเรื่องเร่งด่วนเกี่ยวกับการลดภาวะโลกร้อน และต้องเสร็จภายใน 1 ปี ซึ่งหลายกระทรวงก็พากันทำฝาย รวมทั้งกระทรวงทรัพย์ฯ ซึ่งเป็นหน่วยงานหลัก” 

'เกาหลีใต้ - ญี่ปุ่น - ไต้หวัน' เตรียมพัฒนาวัคซีนป้องกัน Covid-19 ใช้เอง

ในวันนี้ทั่วโลกเริ่มรับรู้แล้วว่า 'ความมั่นคงด้านสาธารณสุข' สำคัญเพียงใด เมื่อการแพร่ระบาดของ Covid-19 กระจายไม่หยุด เกิดระลอกการระบาดครั้งใหม่อย่างต่อเนื่องหลายประเทศ สร้างความเสียหายกับระบบสาธารณสุขอย่างมาก แม้ว่าตอนนี้จะมีวัคซีนออกมาบ้างแล้ว แต่แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ยังคงริบหรี่ ไม่ต่างจากวิกฤติโรคระบาดทั่วโลกที่ยังคงห่างไกลจากบทสรุป

ปัญหาใหญ่ของทั่วโลกในตอนนี้คือ การขาดแคลนวัคซีน Covid-19 อย่างหนักในหลายประเทศที่ประสบปัญหาการระบาดระลอกใหม่ที่รุนแรงในขณะนี้ โดยที่บริษัทผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ของโลกอย่าง SII ในอินเดียไม่สามารถเพิ่มกำลังผลิตวัคซีนส่งให้ทันได้ตามกำหนด อีกทั้งประเทศผู้ผลิตวัคซีนชื่อดังในสหรัฐอเมริกายังจำเป็นต้องส่งวัคซีนให้รัฐบาลกลางสหรัฐฯ ก่อนตามกฎหมาย

มิหนำซ้ำ ยังพบการเกิดใหม่ของวัคซีนกลายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง ที่อาจทำให้ประสิทธิภาพวัคซีนที่มีอยู่ลดน้อยลง จึงเริ่มมีข่าวการพูดคุยกันว่าอาจมีการทดลองฉีดวัคซีนต่อถึงเข็ม 3 หรืออาจต้องมีการฉีดกระตุ้นภูมิคุ้มกันทุกปีต่อจากนี้ จึงกลายเป็นเรื่องที่หลายฝ่ายกังวลว่าวัคซีนอาจไม่มีโอกาสส่งต่อถึงประเทศโลกที่ 3 ได้อย่างพอเพียง หากประเทศมหาอำนาจยังคงต้องรักษาสต็อควัคซีนเพื่อความมั่นคงด้านสาธารณสุขของตนเอง

เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็บังเกิดพุทธสุภาษิตดังขึ้นในใจดังๆ อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ “ตนแล เป็นที่พึ่งแห่งตน” ต้องพัฒนาวัคซีนให้ได้เป็นของตัวเองเป็นทางออกที่ดีที่สุด

ซึ่งตอนนี้หลายชาติย่านเอเชียตะวันออก หากไม่นับจีน ที่ผลิตวัคซีนของตัวเองสำเร็จแล้ว ก็จะมีเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และไต้หวัน ที่ตอนนี้เริ่มกลับมาทุ่มเทให้กลับโครงการวัคซีน Covid-19 ในประเทศของตนเอง

ที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างและน่าจะสำเร็จก่อนใครคือเกาหลีใต้ ที่ตอนนี้กำลังพัฒนาวัคซีนของตัวเองถึง 5 ตัว ในจำนวนนี้ มีวัคซีนของบริษัท Genexine ที่ใช้ชื่อว่า GX-19N ได้ผ่านการทดลองเฟส 2 เข้าสู่เฟส 3 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งได้ผลออกมาเป็นที่น่าพอใจ คาดว่าน่าจะได้รับการรับรองให้ใช้เป็นกรณีฉุกเฉินในเกาหลีใต้เร็วๆ นี้ ซึ่งตอนนี้ทาง Genexine ได้เซ็นสัญญากับบริษัทผู้ผลิตยา Hanmi Pharmในเกาหลีใต้ และ Kalbe Farma ของอินโดนิเซียในการเริ่มผลิตวัคซีน GX-19N มากกว่า 10 ล้านโดส ก่อนปี 2022

ส่วนประเทศญี่ปุ่น แม้ประชาชนจะไม่ค่อยเชื่อมั่นกับการฉีดวัคซีนเท่าไหร่ แต่ก็จำเป็นต้องสร้างวัคซีนเป็นของตัวเองให้ได้ แม้ตอนนี้จะเหลือทีมพัฒนาวัคซีนเพียงแค่ 2 บริษัท และเพิ่มเริ่มต้นเข้าสู่การทดลองเฟส 2 เท่านั้น แต่ก็มีวัคซีนที่น่าสนใจจากบริษัท Daiishi Sankyo ที่ใช้เทคโนโลยี mRNA เช่นเดียวกับวัคซีน Pfizer และ Moderna ที่ตอนนี้เป็นบริษัทเดียวในย่านนี้ที่ใช้เทคโนโลยีใหม่นี้ในการพัฒนาวัคซีนสัญชาติญี่ปุ่น

ไต้หวัน ก็เป็นอีกประเทศที่ได้รับผลกระทบอย่างมากจากการขาดแคลนวัคซีนในจังหวะที่เกิดการระบาดระลอกใหม่พอดี หลังจากที่ควบคุมการระบาดได้ดีมานานกว่า 1 ปี แต่ด้วยความล่าช้าของการจัดส่งวัคซีน ทั้งจากสหรัฐอเมริกา และจากการปันส่วนจากโครงการ COVAX ขององค์การอนามัยโลก ทำให้ไต้หวันต้องเร่งการวิจัยพัฒนาวัคซีนทางเลือกในประเทศ ที่ก็มีข่าวดีว่าไต้หวันมีบริษัทผู้ผลิตวัคซีนถึง 2 แห่งที่ผ่านการทดลองในช่วงเฟส 2 มาแล้ว คือ Medigan และ United Biomedical ที่รัฐบาลไต้หวังก็คาดหวังว่าวัคซีนสัญชาติไต้หวันทั้ง 2 ตัว น่าจะสำเร็จพร้อมที่จะเริ่มใช้ได้ในเดือนกรกฎาคมปีนี้

ส่วนในบ้านเรา ก็มีวัคซีนที่กำลังพัฒนาโดยคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับสภากาชาดไทย ภายใต้ชื่อชื่อว่า ChulaCov19 ซึ่งใช้เทคโนโนโลยี mRNA ด้วย ตอนนี้กำลังหาอาสาสมัครทดลองฉีดวัคซีนในกลุ่มผู้ใหญ่อายุ 18-55 ปี และ กลุ่มผู้สูงอายุ 65-75 ปี และหากการทดสอบวัคซีนออกมาได้ประสิทธิภาพดีตามต้องการ ก็จะเพิ่มศักยภาพด้านการป้องกันโรคระบาดให้กับไทย ที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาวัคซีนนำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด และยังต่อยอดในการพัฒนาวัคซีนป้องกันเชื้อโรคอื่นๆ ได้ในอนาคตอีกด้วย

แม้การมุ่งเน้นที่จะสร้างความมั่นคงด้านสาธารณสุข กำลังจะกลายเป็นยุทธศาสตร์สำคัญระดับโลก แต่การที่เราสามารถยืนได้ด้วยลำแข้งตัวเองได้นับว่ามีความมั่นคงยิ่งกว่าจริงๆ

 

อ้างอิง: https://asia.nikkei.com/Spotlight/Coronavirus/COVID-vaccines/South-Korea-Japan-and-Taiwan-rush-to-develop-homegrown-vaccines

https://www.reuters.com/article/health-coronavirus-southkorea-vaccine-idUSL3N2N50XZ

https://www.reuters.com/world/middle-east/top-scientists-question-need-covid-19-booster-shots-2021-05-13/

https://www.reuters.com/article/us-health-coronavirus-taiwan-idUSKBN2AQ17A

https://www.prachachat.net/general/news-653298


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

พาณิชย์ลดราคา ! ช่วยประชาชน Lot11 "Food Delivery" จุรินทร์ "นำเคาะ" ลดGPเหลือ 25%  ลดค่าอาหารสูงสุด 60% 

วันที่ 28 พฤษภาคม 2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โครงการ “พาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน” Lot 11 (Food Delivery)

นายจุรินทร์ กล่าวว่าวันนี้เชิญผู้เกี่ยวข้องมาร่วมประชุมกันให้ความช่วยเหลือร้านอาหาร โดยประชุมร่วมกับแพลตฟอร์มทั้งหมด 5 แพลตฟอร์ม ที่ให้บริการ Food Delivery และตัวแทนร้านอาหารทั่วประเทศ เช่น สมาคมการค้าธุรกิจร้านอาหาร สมาคมผู้ประกอบการร้านอาหาร สมาคมภัตตาคารไทย สมาคมร้านอาหารไทยและสตรีทฟู้ด สมาคมร้านอาหารและบันเทิงเชียงใหม่ ชมรมผู้ประกอบการร้านอาหาร เป็นต้น และผู้แทนสถาบันการเงิน 6 สถาบัน 1.SME D Bank 2.ธนาคารกรุงไทย 3.ธนาคารออมสิน 4.ธนาคารอิสลาม 5.ธ.ก.ส. และ6. บสย.

มี 2 ประเด็น เพื่อช่วยสนับสนุนร้านอาหารในภาวะวิกฤตโควิดประเด็นที่ 1 จัดโครงการพาณิชย์ลดราคา!ช่วยประชาชน Lot 11 เพื่อช่วยเหลือบุคคล 2 กลุ่ม

1.กลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหารที่ขายอาหารผ่านแพลตฟอร์ม 2.กลุ่มผู้บริโภคซึ่งซื้ออาหารผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ โดยสำหรับผู้ประกอบการร้านอาหารจะมีการลดค่า GP ที่แพลตฟอร์มคิดกับร้านอาหารจากเฉลี่ย 35% -25% ลงมาเหลือ 25% มีแพลตฟอร์มที่จะเข้าร่วมโครงการทั้งหมด 5 แพลตฟอร์ม 1.Robinhood 2. foodpanda 3.Grab 4.Gojek และ 5.Lineman
ลดค่า GP เหลือ 25% ในภาพรวม ยกเว้น Robinhood ไม่คิดค่า GP และ foodpanda ไม่คิดค่า GP สำหรับร้านใหม่

สำหรับผู้บริโภคมี 2 ส่วน 1.ลดราคาอาหารที่ขายผ่านแพลตฟอร์มทั้ง 5 แพลตฟอร์มสูงสุด 60% และจะลดค่าขนส่ง 4 แพลตฟอร์ม ใน 3-5 กิโลเมตรแรก ลดสูงสุดจาก 40 บาทเหลือ 0 บาท ประกอบด้วย 1.Robinhood 2.foodpanda 3.Grab และ 4.Gojek ตั้งแต่วันที่ 1-30 มิถุนายน 2564  ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล สำหรับค่า GP ส่วนค่าอาหารจะลดทั่วประเทศ

และประเด็นที่ 2 จัดโครงการแมตช์ชิ่งเงินกู้ให้กับร้านอาหารทั่วประเทศโดยกระทรวงพาณิชย์จะเป็นตัวกลางช่วยร้านอาหารสามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำและปลอดหลักทรัพย์ในบางกรณี  ได้รับความร่วมมือจาก 6 สถาบันการเงิน ประกอบด้วย 1.SME D Bank 2.ธนาคารกรุงไทย 3.ธนาคารออมสิน 4.ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย 5.ธ.ก.ส. และ 6.บสย. มีการจัด 2 กิจกรรม 1.ให้สถาบันการเงินให้ข้อมูลกับร้านอาหารที่สนใจเข้าถึงแหล่งเงินกู้วันที่ 1-6 มิถุนายน 2564ในรูปแบบออนไลน์ และต่างจังหวัดจะให้พาณิชย์จังหวัดเป็นผู้ดำเนินการให้ร้านอาหารที่สนใจสอบถามข้อมูลจากสถาบันการเงิน 2.จะมีการจับแมตช์ชิ่งให้ยื่นเรื่องเพื่อขอกู้เงินตามเงื่อนไขทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์ ในวันที่ 7-20 มิถุนายน 2564 เพื่อช่วยให้ร้านอาหารในช่วงวิกฤติโควิดได้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำและปลอดหลักทรัพย์ในบางกรณี

โดยร้านอาหารที่มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินกู้ที่จดทะเบียนไว้ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเป็นนิติบุคคล 15,967 ร้าน และบุคคลธรรมดา 103,000 ร้าน รวมแล้ว 118,967 ร้าน 
โดยผู้ประกอบการแพลตฟอร์มจะสูญเสียรายได้ 250-350 ล้านบาท และกระตุ้นเศรษฐกิจได้ไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท

นายกฯ สั่งการ รมว.เฮ้ง จับมือฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ ลงพื้นที่นครปฐม ตรวจสอบต่างด้าวป้องกันลักลอบทำงานผิดกฎหมาย 

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ 
พลตำรวจตรีนันทชาติ ศุภมงคล ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่จังหวัดนครปฐม เพื่อตรวจสอบการจ้างแรงงานต่างด้าวเพื่อป้องกันการลักลอบทำงานผิดกฎหมาย สอดคล้องตามข้อสั่งการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ที่สั่งการให้กระทรวงแรงงาน บูรณาการกับฝ่ายความมั่นคง ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ประสานการทำงานเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อคุมเข้มเฝ้าระวังป้องกันและปราบปรามการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ตลอดจนการควบคุมสถานการณ์ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แก่แรงงานในสถานประกอบการอีกด้วย 

พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ในวันนี้ ผมได้รับมอบหมายจากท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสุชาติ ชมกลิ่น 
ให้ลงพื้นที่จังหวัดนครปฐม ตรวจสอบการจ้างแรงงานต่างด้าว เพื่อป้องกันการจ้างแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายตามนโยบายของรัฐบาล โดยมี นายอภินันท์ เผือกผ่อง รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม นายอำเภอบางเลน ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนครปฐม กอ.รมน.จังหวัดนครปฐม และจัดหางานจังหวัดนครปฐม เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย ณ ตลาดกลางปลาน้ำจืด บางเลนพัฒนาการประมง อ.บางเลน จ.นครปฐม ซึ่งจากการตรวจสอบแรงงานต่างด้าว พบผู้กระทำความผิดเนื่องจากไม่มีใบอนุญาตทำงาน และ ใบอนุญาตพำนักอาศัยในราชอาณาจักรไทยสิ้นสุด จำนวน 10 ราย ซึ่งส่วนที่เกี่ยวข้องจะได้นำตัวไปดำเนินคดีต่อไป 

ทั้งนี้ หากตรวจพบนายจ้างที่รับคนต่างด้าวเข้าทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน จะมีโทษปรับตั้งแต่ 10,000 – 100,000 บาท ต่อคนต่างด้าวหนึ่งคน หากทำผิดซ้ำมีโทษถึงจำคุก และห้ามจ้างคนต่างด้าวทำงานอีก 3 ปี ส่วนคนต่างด้าวที่ลักลอบทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตมีโทษปรับตั้งแต่ 5,000 - 50,000 บาท และถูกส่งตัวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร และไม่สามารถขอรับใบอนุญาตทำงานได้จนกว่าจะพ้นโทษมาแล้วเป็นระยะเวลา 2 ปี หากผู้ใดพบเห็นหรือสงสัยว่ามีคนต่างด้าวลักลอบทำงานผิดกฎหมาย สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 หรือ สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top