Saturday, 28 June 2025
TheStatesTimes

ไต้หวันเสียงแตก!! เกมการเมืองในช่วงวัคซีนขาดตลาด | NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

โดย​ อ.ต้อม -​ กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระ และอาจารย์ด้านสถาปัตยกรรม สอนพิเศษด้าน ปรัชญาการเมือง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง 

คลิปนี้ชวนคิดไปกับสถานการณ์ในไต้หวัน​ ที่กำลังเสียงแตก!! แยกเป็น​ 2​ ฝั่ง​ หลังจากวัคซีนแห่งความหวังจากประเทศพันธมิตรส่งถึงล่าช้า​ จนไต้หวันกำลังเสี่ยงสู่วิกฤตโรคระบาดครั้งใหม่​ 

ยิ่งไปกว่านั้น​ ชนวนเหตุแห่งเกมการเมืองใหม่ในประเทศครั้งใหม่ ในจังหวะวัคซีนขาดตลาด​ ก็เริ่มเด่นชัด​ เมื่อพรรครัฐบาลอาจเสียงตก​ เพียงเพราะไม่ต้องการให้จีนยื่นมือมาช่วยเหลือ​ ทำให้มีโอกาสเพลี่ยงพล้ำต่อฝ่ายค้านเอาได้​ง่ายๆ​ จากเหตุการณ์ในครั้งนี้

.

.

‘อนุทิน’ เปรย!! ถกดีลซื้อ ‘ไฟเซอร์’ หลังคุณสมบัติฉีดเด็ก 12 ปีได้

ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวตอบคำถามกรณีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ประสานขอวัคซีนไปฉีดในเรือนจำ นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะนี้อธิบดีกรมควบคุมโรคและอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้มีการประสานงานกันแล้วในเรือนจำ ต้องเร่งฉีดให้กับผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อ ไม่เพียงเฉพาะนักโทษ แต่ต้องรวมถึงเจ้าหน้าที่ด้วย ซึ่งต้องใช้วัคซีนหลายแสนโดส ทั้งนี้การฉีดวัคซีนหน่วยงานจะต้องมีการจัดทำแผนกระจายและฉีดที่ชัดเจน จะขอแล้วเอามาเก็บไว้ก่อนไม่ได้ เพราะวัคซีนต้องถูกเก็บไว้ที่อุณหภูมิที่กำหนดให้ถูกต้อง กระทรวงสาธารณสุขมีภาระหน้าที่ในการจัดหาวัคซีนซึ่งไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อใดก็มีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อโควิด-19 ขออย่ากังวลว่าจะเป็นวัคซีนอะไร

เมื่อถามว่า วัคซีนที่สั่งซื้อมาครบจะเปิดฉีดหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า วัคซีนไม่มีคำว่า มาครบมีแต่ทยอยส่งมาเรื่อย ๆ และทำการฉีดไปเรื่อยๆ ซึ่งก็มีการทยอยฉีดมาตั้งแต่เดือนมีนาคม ยังไม่นับที่จะเริ่มดีเดย์วันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ.2564

“นอกจากนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้มีการประสานมาในเรื่องของวัคซีนและนายกรัฐมนตรี ก็มีนโยบายชัดเจนให้ฉีดกลุ่มคนที่เป็นครู อย่างน้อยเมื่อช่วงเปิดเทอมครูก็จะได้มีความปลอดภัย ส่วนเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปี กำลังเจรจาซื้อวัคซีนจากไฟเซอร์ ซึ่งเขาเพิ่งจะได้รับรองคุณสมบัติสามารถฉีดเด็กให้เด็กอายุ 12 ปีได้ ที่มีอยู่ประมาณ 6 ล้านคน” นายอนุทิน กล่าว

 

ที่มา: https://www.naewna.com/local/576769


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

'ดร.วรัชญ์' อัปเดต 'วัคซีน' ฝีมือคนไทย เทคโนโลยี mRNA ไปได้สวย

ไม่นานมานี้ ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และที่ปรึกษาด้านการสื่อสาร ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กเกี่ยวกับความคืบหน้าวัคซีนฝีมือคนไทย ว่า...

ความก้าวหน้า “วัคซีน” ฝีมือคนไทย

1.) วัคซีนคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ChulaCOV 19 เทคโนโลยี mRNA ขณะนี้กำลังจะเข้าสู่การทดลองในมนุษย์ ระยะที่ 1 เอกสารรับรองคุณภาพวัคซีนต้นแบบ เพิ่งได้รับการรับรองจาก อย. สัปดาห์ที่ผ่านมาการถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ โรงงานประเทศไทย Bionet Asia พร้อมเกือบครบ 100%

ปลายสัปดาห์หน้าวัคซีนต้นแบบ จะนำเข้ามาถึงประเทศไทยและเริ่ม การทดลอง ระยะที่ 1 ในสัปดาห์ถัดไป คาดการณ์ การทดลอง ระยะที่ 1 และ 2 จะแล้วเสร็จ ภายในสิ้นปี 2564

ถ้ามีผลการทดลองระดับภูมิคุ้มกันของวัคซีนของ WHO ออกมาทันเวลาอาจไม่จำเป็นต้องทำการทดลองระยะที่ 3 แต่แค่ทำการทดลองระยะที่ 2B เพิ่มเติม

วัคซีนจะผลิตออกสู่ตลาดได้ ภายใน Q2 ของปี 2565 (ถ้าต้องผ่านการทดลองระยะที่ 3 จะใช้เวลาเพิ่มอีกประมาณ 6 เดือน) กำลังการผลิต 10-20 ล้านโดส ต่อเดือน

ในขณะดำเนินการวัคซีน Version แรก ตามกระบวนการ ทางคณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กำลังดำเนินการ วัคซีน Version 2 ที่ป้องกันเชื้อครบทุกสายพันธุ์ ควบคู่ไปด้วย โดยอยู่ในขั้นตอน กำลังจะเริ่มต้นทดลองในสัตว์ทดลอง

โดยเทคโนโลยี mRNA การเปลี่ยนแปลงส่วนประกอบของวัคซีนเป็น Version 2 หรือ Version อื่นๆ ในอนาคต จะทำได้เร็วเป็นอย่างมาก

2.) วัคซีนคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยบริษัท ใบยา

ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนปรับปรุงโรงงานผลิตวัคซีนต้นแบบ ที่จะใช้ในการทดลอง คาดการณ์ว่าโรงงานจะแล้วเสร็จภายในเดือน มิถุนายน 2564

หลังจากปรับปรุงโรงงานผลิตวัคซีนต้นแบบเรียบร้อย จะผลิตวัคซีนต้นแบบ นำเข้าสู่การรับรองมาตรฐานวัคซีนต้นแบบเพื่อการทดลองจากอย. คาดการณ์ว่าจะแล้วเสร็จ ภายในเดือนกรกฎาคม 2564

หลังจากนั้น จะเริ่ม ทำการทดลองในระยะ ที่ 1, 2 และ 3 หรือ 2B ต่อไปตามลำดับ

โดยระยะที่ 1 คาดการณ์ว่าจะแล้วเสร็จ ภายในเดือน สิงหาคม 2564 และจะเริ่มการทดลองระยะที่ 2 ในช่วงปลายปี 2564 หรือต้นปี 2565 กำลังการผลิต 1-5 ล้านโดส ต่อเดือน

 

ที่มา: https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=4641569372525332&id=100000169455098


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

ไทยผลิตยาเลิกบุหรี่สำเร็จครั้งแรกทำจากสมุนไพร "จามจุรีสีทอง"

สสส.ผนึก มศว-ศจย.-อภ จ่อขึ้นทะเบียนยาเลิกบุหรี่ "ไซทิซีน" สกัดจากสมุนไพร "จามจุรีสีทอง" เผยวิจัยใกล้สำเร็จปลอดภัย-ประสิทธิภาพดี เตรียมดันเข้าบัญชียาหลักแห่งชาติ ให้คนไทยเข้าถึงในราคาถูก

เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม น.ส.รุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ รักษาการผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เปิดเผยว่า เนื่องในวันงดสูบบุหรี่โลก 31 พฤษภาคมของทุกปี โดยในปีนี้ องค์การอนามัยโลกกำหนดคำขวัญว่า “COMMIT TO QUIT” สำหรับประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุข ได้กำหนดคำขวัญว่า “เลิกสูบ ลดเสี่ยง คุณทำได้” สสส.ได้ประสานพลังร่วมกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ขับเคลื่อนให้สังคมไทยปลอดควันบุหรี่ โดยสนับสนุนมาตรควบคุมยาสูบในทุกระดับ ส่งเสริมมาตรการสิ่งแวดล้อมปลอดบุหรี่ ให้ความรู้สร้างความตระหนักถึงอันตรายของบุหรี่ เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเลิกบุหรี่ พร้อมให้บริการบำบัดการติดบุหรี่และผลิตภัณฑ์นิโคติน เพื่อให้คนไทยเลิกบุหรี่ได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย

“ขณะนี้ทั่วโลกร่วมถึงประเทศไทยได้รับผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ซึ่งเชื้อจะทำลายปอด การสูบบุหรี่ทุกชนิดทำให้ปอดอักเสบรุนแรง บุหรี่เป็นสาเหตุหลักที่ทำลายปอดและเพิ่มโอกาสเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัส และแพร่เชื้อไวรัสผ่านละออง ควันบุหรี่ชนิดต่างๆ หากคนสูบบุหรี่ติดโควิด-19 จะส่งผลให้อาการทรุดหนักได้ สสส. จึงขอเชิญชวนให้ใช้โอกาสนี้เลิกสูบบุหรี่ทุกชนิด เพื่อสุขภาพของตัวเอง และเพื่อความปลอดภัยจากโควิด-19” น.ส.รุ่งอรุณ กล่าว

รศ.นพ.สุทัศน์ รุ่งเรืองหิรัญญา อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบการหายใจ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว.) ในฐานะรองประธานเครือข่ายวิชาชีพแพทย์ในการควบคุมการบริโภคยาสูบ สนับสนุนโดย สสส. กล่าวว่า ขณะนี้คณะแพทยศาสตร์ มศว. ร่วมกับศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) สสส. และองค์การเภสัชกรรม (อภ.) กำลังดำเนินการศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนายาเลิกบุหรี่ชนิดใหม่ในประเทศไทยที่ชื่อว่า “ไซทิซีน” (Cytisine) ซึ่งเป็นสารสกัดธรรมชาติจาก “เมล็ดจามจุรีสีทอง” มีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการถอนนิโคติน ทำให้ผ่อนคลายไม่หงุดหงิดในขณะที่เข้าสู่กระบวนการเลิกบุหรี่ ซึ่งยาชนิดนี้ใช้มานานกว่า 60 ปี ในยุโรปตะวันออก ถือเป็นยาเลิกบุหรี่ที่มีประสิทธิภาพดีและปลอดภัยมาก จึงเป็นยาที่องค์การอนามัยโลกให้การรับรองและสนับสนุนให้รัฐบาลทุกประเทศจัดหาไว้เพื่อช่วยให้ประชาชนของตนเข้าถึงยาเลิกบุหรี่ที่ราคาถูกได้ง่ายขึ้น โดยขณะนี้งานวิจัยของประเทศไทยอยู่ในขั้นตอนการวิเคราะห์ข้อมูลของกลุ่มตัวอย่างที่เข้ารับบริการเลิกบุหรี่ด้วยยาชนิดนี้ 500 คน เทียบกับอีกกลุ่มที่ใช้ยาชนิดอื่นอีก 500 คน โดยจะวิเคราะห์ข้อมูลแล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายนนี้ เมื่อได้ผลการวิจัยที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว อภ.จะทำการขึ้นทะเบียนยากับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จากนั้นจะผลักดันยานี้ให้เข้าสู่บัญชียาหลักแห่งชาติต่อไป

“ยาชนิดนี้มีต้นทุนการผลิตที่ไม่แพงเมื่อเปรียบเทียบกับยาเลิกบุหรี่ชนิดอื่นๆ ที่มีจำหน่ายอยู่แล้วในประเทศไทย มั่นใจ อภ.จะสามารถกำหนดราคาขายให้มีราคาถูกเพื่อให้คนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงยาช่วยเลิกบุหรี่ที่ดีและราคาถูกได้อย่างทั่วถึง สำหรับวิธีใช้ยาชนิดนี้ ยามีตัวยาขนาด 1.5 มิลลิกรัม/เม็ด โดยในช่วง 3 วันแรก จะต้องกิน 6 เม็ด/วัน จากนั้นลดขนาดลงเรื่อยๆ เหลือ 5 เม็ด/วัน จากนั้น 4 เม็ด/วัน และ 2 เม็ด/วันไปจนครบ 25 วัน โดยขณะนี้มีงานวิจัยในต่างประเทศที่พยายามหาวิธีการกินยาชนิดนี้ที่ง่ายขึ้น โดยพบว่าอาจกินแค่ครั้ง 2 เม็ด วันละ 3 เวลา ตลอด 25 วันไปเลยก็ได้ผลไม่ต่างกัน” รศ.นพ.สุทัศน์ กล่าว

สำหรับ ไซทิซีน เป็นยาที่ดี ปลอดภัย ราคาถูก มีงานวิจัยนานาชาติรองรับมากมายว่ามีประสิทธิผลดีจริง จึงเป็นที่สนใจมากของหลายๆ ประเทศ นอกจากนี้ ยังมีความพยายามนำเอายานี้ ซึ่งเดิมไม่มีเจ้าของลิขสิทธิ์ยา เข้าไปจดทะเบียนที่สหรัฐอเมริกา เพื่อหวังผลเป็นเจ้าของยานี้เสียเองและเล็งเห็นกำไรทางธุรกิจ สำหรับประเทศไทย ยังไม่มียาชนิดนี้อยู่ในระบบบัญชียาของประเทศ จึงมีความจำเป็นที่ภาครัฐของประเทศไทยต้องรีบดำเนินการผลักดันยานี้เข้าสู่ระบบบัญชียาโดยเร็ว เพื่อให้ยานี้เป็นสมบัติของคนไทยทุกคนต่อไป การมียาเลิกบุหรี่คุณภาพดีและราคาถูก ผลิตได้เองโดยภาครัฐ จึงนับเป็นก้าวย่างสำคัญของบริการเลิกบุหรี่ในประเทศไทยที่จะช่วยให้คนไทยมีสุขภาพที่ดีขึ้นและหลีกหนีจากผลิตภัณฑ์ยาสูบได้อย่างถาวรยิ่งขึ้น

“ภาคีเครือข่ายมีการขับเคลื่อนรณรงค์การเลิกบุหรี่ร่วมกับ สสส. อย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง โดยมีคลินิกฟ้าใส ให้บริการเลิกบุหรี่และส่งต่อบำบัดรักษาในระบบบริการสุขภาพให้บริการทั่วประเทศ จากสถิติของเครือข่ายคลินิกให้คำปรึกษาเลิกบุหรี่เฉลี่ยใน 1 ปี มีผู้เข้ารับบริการสามารถเลิกสูบบุหรี่ได้สำเร็จ 30-40% ในขณะที่รายที่ไม่ใช้ยาสามารถเลิกได้สำเร็จเพียง 10% และในกลุ่มที่เลิกด้วยตนเอง โดยไม่ได้เข้ารับบริการเลิกบุหรี่ไม่ว่ารูปแบบใดๆ จะมีโอกาสเลิกสำเร็จเพียง 5% เท่านั้น ซึ่งในวันงดสูบบุหรี่โลกปีนี้ องค์การอนามัยโลก ได้กำหนดคำขวัญว่า “commit to quit” เพื่อกระตุ้นเตือนให้รัฐบาลของประเทศต่างๆ ได้ส่งเสริมและสร้างความเข้มแข็งให้แก่ระบบบริการเลิกบุหรี่ พร้อมเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงยาช่วยเลิกบุหรี่ที่ราคาถูกได้กว้างขวางยิ่งขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการทำงานของสสส. และภาคีต่างๆ ที่ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะทำให้อัตราการสูบบุหรี่ของคนไทยลดลงให้ได้อย่างน้อย 25% จากเดิม ซึ่งยาไซทิซีน จะเป็นตัวช่วยสำคัญให้คนไทยมีสุขภาพดีขึ้นและปลอดบุหรี่ได้มากขึ้น” รศ.นพ.สุทัศน์ กล่าว

 

ที่มา : https://www.posttoday.com/social/general/654263?fbclid=IwAR0bKUv2_iOxvNiztqgY1zfL1KumgFYBzsOXPpYeofLQOWVft2F-ua1ycgk


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

ปลดบัญชีดำ ‘Xiaomi’ | NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

โดย​ อ.ต้อม -​ กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระ และอาจารย์ด้านสถาปัตยกรรม สอนพิเศษด้าน ปรัชญาการเมือง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง 

คลิปนี้ชวนคิดไปกับอีกประเด็น​น่าตาม เมื่อสหรัฐฯ​ ปลดบัญชีดำ ‘Xiaomi’ สะท้อนอะไร? 

.

.

X-Press Pearl ล่ม!! สะเทือนชายฝั่งศรีลังกา สะท้อนไทยต้องดูไว้เพื่อรับมือ

จากกรณีเรือคอนเทนเนอร์สัญชาติสิงคโปร์ X-Press Pearl (เอ็กซ์-เพรส เพิร์ล) ซึ่งบรรทุกสารเคมีกับเครื่องสำอางและไฟไหม้ติดต่อกันหลายวัน นอกชายฝั่งเมืองเนกอมโบ ทางตะวันตกของศรีลังกา จนมีน้ำมันเลอะเปื้อนและเศษซากเรือไฟไหม้เกลื่อนหาดต่างๆ ปรากฏเป็นภาพถ่ายที่สร้างความโกรธแค้นต่อคนในประเทศนั้น

ล่าสุด ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat ถึงอีกปัญหาตามมาที่ต้องตระหนักว่า...

ภาพที่เพื่อนธรณ์เห็นคือ เม็ดพลาสติกจำนวนมหาศาลที่ลอยมาขึ้นฝั่งศรีลังกา ภายหลังจากเรือสินค้า X-Press Pearl ไฟไหม้อยู่นอกชายฝั่งโคลอมโบ

ตอนนี้ควบคุมไฟได้แล้ว ลูกเรือ 25 คนปลอดภัย ยังไม่มีร่องรอยน้ำมันรั่ว

แต่ที่มาถึงฝั่งแล้วแน่นอนคือเม็ดพลาสติกที่เป็นส่วนหนึ่งของสินค้า 1,486 ตู้ที่บรรทุกบนเรือ และยังมีสารเคมีอีก 25 ตัน

รายงานข่าวบอกว่า บนเรือมีคอนเทนเนอร์ใส่เม็ดพลาสติก 28 ตู้ ตอนนี้อย่างน้อย 8 ตู้ตกลงทะเล

MEPA หน่วยงานดูแลมลพิษทางทะเลศรีลังกาบอกว่า นี่อาจเป็นหายนะทางทะเลครั้งใหญ่สุดของประเทศ

เรือไหม้ห่างจากฝั่ง 9 ไมล์ แต่บริเวณชายฝั่งทางเหนือเมืองโคลอมโบคือเขตพื้นที่ชุ่มน้ำ Negombo

บริเวณนี้มีหาดทรายยาวเหยียด เป็นแหล่งท่องเที่ยว มีป่าชายเลน ยังเป็นที่อนุบาลสัตว์น้ำและทำประมง

เชื่อว่ามีชาวประมงกว่า 4,500 คนได้รับผลกระทบ และอาจเพิ่มขึ้นหากผู้คนกลัวไม่กล้ากินสัตว์น้ำจากบริเวณนี้

เม็ดพลาสติกจำนวนมหาศาลยังเป็นขยะทะเล และอาจส่งกระทบต่อไปอีก

ตอนนี้ยังไม่มีรายงานความเสียหาย แต่เชื่อว่าเมื่อประเมินแล้ว จะต้องมีการเรียกร้องกันตามมา

ตัวอย่างจากศรีลังกาเป็นเหตุการณ์ที่อาจเกิดกับประเทศไทยได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะเมื่อเราต้องการเป็นโลจิสติกส์ฮับ

เท่าที่มีประสบการณ์ ผมคิดว่าเราต้องดูกฎหมายทะเลให้ดี รวมถึงผลักดันให้เราสามารถฟ้องร้องเรือต่างชาติได้ง่ายขึ้น

เพราะในอดีตเรามีกรณีเรือต่างชาติชนปะการัง และสุดท้ายก็ต้องหาทางออกที่ต้องพูดคุยกันเยอะ

ยังรวมถึงการป้องกันระวังเรื่องความเสี่ยงจากอุบัติเหตุแบบนี้ที่ต้องทุ่มจริง

เพราะหากเกิดอะไรขึ้นมา มันแก้ไขฟื้นฟูไม่ได้ง่ายๆ หรือบางทีแทบไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

ผมเคยไปศรีลังกา 3 รอบ ยังจำความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเลรอบๆ ได้ดี

หวังว่าความเสียหายในทะเลศรีลังกาจะไม่มากไปกว่านี้

และยิ่งหวังว่าจะไม่เกิดอะไรแบบนี้ในทะเลไทยครับ

 

อ้างอิง: https://www.ndtv.com/world-news/mv-x-press-pearl-fire-worst-marine-ecological-disaster-sri-lanka-on-fire-in-singapore-vessel-fire-2452140

https://germany.in-24.com/world/6325.html

https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=4729081570440342&id=100000156385897

ภาพ - colombo Gazette/ NDTV


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

คลายล็อกเล็ก ๆ กทม. ให้เปิด 5 กิจการ ดีเดย์ เริ่มตั้งแต่ 1 มิ.ย.นี้

กทม. คลายล็อกสถานประกอบการ 5 ประเภท ‘พิพิธภัณฑ์-ร้านสัก-ร้านนวดสปา-คลินิกเสริมความงาม-สวนสาธารณะ’ เริ่ม 1 มิ.ย.นี้

ที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 15/2564 ประชุมพิจารณาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในพื้นที่กรุงเทพมหานครส่วนใหญ่พบในชุมชน ตลาด แคมป์คนงาน ซึ่งอยู่ระหว่างการเข้าควบคุมโรค และสถานการณ์การระบาดยังคงทรงตัวอยู่ในคลัสเตอร์เฉพาะกลุ่มดังกล่าว ในส่วนของสถานประกอบการบางประเภทไม่พบคลัสเตอร์การระบาดแต่อย่างใด

ที่ประชุมจึงเห็นชอบให้ผ่อนปรนเปิดสถานประกอบการบางประเภทเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของภาคธุรกิจ และให้ประชาชนสามารถประกอบอาชีพได้ ภายใต้มาตรการของรัฐที่กำหนดอย่างเคร่งครัด

สำหรับสถานประกอบการที่ได้รับการพิจารณาผ่อนคลายมาตรการให้เปิดได้ ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.64 เป็นต้นไปมีดังนี้

1.) พิพิธภัณฑ์ พิพิธภัณฑ์สถาน พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น รวมถึงพิพิธภัณฑ์ในลักษณะทำนองเดียวกัน ศูนย์การเรียนรู้ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการเรียนรู้ อุทยานวิทยาศาสตร์ ศูนย์วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม แหล่งประวัติศาสตร์โบราณสถาน และหอศิลป์ ทั้งนี้ให้เปิดได้ภายใต้มาตรการที่เข้มงวด เช่น ห้ามเข้าเยี่ยมชมเป็นกลุ่มคณะที่มีการรวมตัวกันจำนวนมาก

2.) สถานที่สักหรือเจาะผิวหนังหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย ร้านทำเล็บ ทั้งนี้ให้เปิดได้ภายใต้มาตรการที่เข้มงวด เช่น หากพบการติดเชื้อในสถานบริการจำพวกนี้ ให้ปิด 14 วัน

3.) สถานที่ให้บริการควบคุมน้ำหนัก คลินิกเสริมความงาม สถานเสริมความงามและคลินิกเวชกรรมเสริมความงาม

4.) สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ (ร้านสปา ร้านนวดเพื่อสุขภาพ ร้านนวดเพื่อเสริมความงาม) สถานประกอบการนวดแผนไทย (งดเว้นการอบตัว อบสมุนไพร หรืออบไอน้ำ และการนวดบริเวณใบหน้า) นวดฝ่าเท้า

5.) สวนสาธารณะ สวนพฤกษศาสตร์ และสวนดอกไม้ ทั้งนี้ให้เปิดภายใต้มาตรการที่เข้มงวด เช่น ห้ามไม่ให้มีการนั่งร่วมกลุ่ม และไม่ให้นำอาหารเข้ามารับประทาน ยกเว้นน้ำดื่ม

สำหรับสถานประกอบการประเภทอื่นๆ ยังคงให้ปิดตามประกาศปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 29) ต่อไปจนถึงวันที่ 14 มิ.ย.64


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

บางที ยาที่ดีที่สุด ก็ไม่ใช่ ‘ยากิน หรือ ยาฉีด’ เสมอไป

บางที ยาที่ดีที่สุด ก็ไม่ใช่ ‘ยากิน หรือ ยาฉีด’ เสมอไป


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เผยความคืบหน้าตรวจตัวอย่างวัคซีนโควิด 'แอสตราเซเนกา' ของบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ เพิ่มอีก 5 ล็อต ล่าสุดผ่านมาตรฐานแล้ว

อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เผยความคืบหน้าตรวจตัวอย่างวัคซีนโควิด 'แอสตราเซเนกา' ของบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ เพิ่มอีก 5 ล็อต ล่าสุดผ่านมาตรฐานแล้ว รวมกับของเดิมที่ผ่านการตรวจมาก่อนหน้านี้ 9 ล็อต รวมผ่านมาตรฐานทั้งหมด 14 ล็อต ส่วนจะนำวัคซีนออกไปใช้ต้องรอเอกสารสรุปการผลิตและควบคุมคุณภาพจากผู้ผลิต

.นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า ตามที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้รับตัวอย่างวัคซีนของแอสตราเซนเนกา เพิ่มเติมจาก 5 ล็อตการผลิตโดยบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด นั้น ล่าสุดผลการตรวจออกมาผ่านมาตรฐานทุกตัวอย่าง เพราะฉะนั้นเมื่อรวมกับของเดิมอีก 9 ล็อตที่ตรวจผ่านไปก่อนหน้านี้ เท่ากับว่าวัคซีนแอสตราเซนเนกาฯ ที่ผลิตในไทย ตรวจผ่านคุณภาพ มาตรฐานทั้งหมด 14 ล็อต

อย่างไรก็ตาม การจะออกล็อตรีลีสต์ เพื่อนำวัคซีนออกไปใช้ได้ ต้องรอเอกสารข้อมูลสรุปการผลิตและการควบคุมคุณภาพของผู้ผลิต (Summary Production Protocol) ซึ่งตรงนี้อยู่ที่บริษัทผู้ผลิต แต่ก็อย่างที่ชี้แจงไปว่า เนื่องจากการผลิตโดยบริษัทสยามไบโอไซฯ นั้นเป็นการผลิตล็อตแรกๆ ทางแอสตราฯ โอบอลเลยต้องมีการตรวจสอบเอกสารต่างๆ อย่างละเอียด

 

ที่มา: https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=4717965628230555&id=189995197694310


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) เผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนเมษายน 2564 มีระดับอยู่ที่ 91.88 เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.46 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน

กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) เผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนเมษายน 2564 มีระดับอยู่ที่ 91.88 เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.46 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เศรษฐกิจของโลกมีแนวโน้มดีขึ้นจากความคืบหน้าของการฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยเฉพาะคู่ค้าหลักของไทย ประกอบกับมาตรการภาครัฐที่ออกมากระตุ้นการใช้จ่ายอย่างต่อเนื่องทำให้เกิดความเชื่อมั่นในภาคการผลิตการบริโภค ส่งผลให้การส่งออกเดือน เม.ย. มีมูลค่าเหนือระดับ 2 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐ โดยรวม 4 เดือนแรกปี 2564 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 4.38 และมีอัตราการใช้กำลังผลิตอยู่ที่ร้อยละ 65.48

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ภาคการผลิตอุตสาหกรรมมีสัญญาณดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสะท้อนได้จากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ที่ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 โดยในเดือนเมษายน 2564 MPI อยู่ที่ระดับ 91.88 เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.46 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เกิดผลกระทบจากการระบาดรอบแรกของไวรัสโควิด-19 มากที่สุด

เหตุผลมาจากทิศทางเศรษฐกิจของโลกที่ดีขึ้นสะท้อนได้จากตัวเลขการส่งออกที่เพิ่มขึ้นในระดับสูง ประกอบกับภาครัฐมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้แนวโน้มภาคการผลิตของประเทศเติบโตต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ แต่ไม่ได้ส่งผลต่อการผลิตในภาพรวมและกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ

อย่างภาคการผลิตอุตสาหกรรม ยังคงสามารถดำเนินการได้อย่างปกติ และเศรษฐกิจของไทยมีแนวโน้มดีขึ้นตามทิศทางการส่งออกที่ดีขึ้นเช่นกัน โดยคาดว่าภาคอุตสาหกรรมจะยังคงขยายตัวได้ตามเป้าหมาย

"ในช่วงเวลานี้ภาคการผลิตอุตสาหกรรมและการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ถือได้ว่าเป็นกลจักรสำคัญที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้ก้าวข้ามผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 ไปได้" นายสุริยะกล่าว

ด้านนายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่า อุตสาหกรรมสำคัญที่ส่งผลให้ MPI ในเดือนเมษายน 2564 ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.46 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ได้แก่ รถยนต์ที่ขยายตัวในระดับสูงถึงร้อยละ 288.06 จากรถปิกอัพ รถยนต์นั่งขนาดเล็ก และเครื่องยนต์ดีเซล โดยตัวเลขดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม 4 เดือนแรกปี 2564 ขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 4.38 อัตราใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ร้อยละ 65.48 เนื่องจากในปีก่อนมีการหยุดผลิตชั่วคราวของผู้ผลิตหลายราย หลังการประกาศมาตรการล็อกดาวน์ในประเทศจากการแพร่ระบาดโควิด-19

ขณะที่เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน ขยายตัวร้อยละ 75.61 จากความต้องการของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นเนื่องจาก Work From Home เพื่อลดความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ประกอบกับสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศต่างๆ เริ่มดีขึ้นจึงมีความต้องการจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น

ส่วนเหล็ก ขยายตัวร้อยละ 29.2 ขยายตัวเกือบทุกรายการสินค้า เนื่องจากราคาเหล็กในตลาดโลกสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปริมาณเหล็กในตลาดโลกลดลงโดยจีน ซึ่งถือได้ว่าเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของโลกมีนโยบายรักษาสิ่งแวดล้อมในประเทศให้ดีขึ้น จึงสั่งปิดโรงงานเหล็กที่ผลิตไม่ได้ตามมาตรฐานส่งผลให้ปริมาณการผลิตลดลง ประกอบกับในช่วงนี้สถานการณ์เศรษฐกิจทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยเริ่มมีการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ความต้องการใช้เหล็กของโลกปรับตัวสูงขึ้น จากทั้งสองปัจจัยหลักข้างต้นจึงทำให้การผลิตเหล็กของไทยเพิ่มขึ้นตามทิศทางราคาเหล็กและความต้องการที่เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน

นายทองชัย กล่าวต่อว่า การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมในเดือนเมษายน 2564 มีมูลค่า 16,178.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 45.69 เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน 2563 และขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ที่ร้อยละ 13.09 เป็นการขยายตัวสูงที่สุดในรอบ 36 เดือน โดยกลุ่มสินค้าเกษตรกรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.44 สินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรเพิ่มขึ้น 1.46 และสินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.43 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมที่สำคัญ ได้แก่ รถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์ยาง เคมีภัณฑ์ เป็นต้น การนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (ไม่รวมทองคำ) ขยายตัวร้อยละ 26.82 สินค้าที่มีการนำเข้าเพิ่มขึ้น ได้แก่ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ เป็นต้น ซึ่งจากตัวเลขทั้งภาคการส่งออกและการนำเข้าสะท้อนให้เห็นถึงภาคการผลิตอุตสาหกรรมที่จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้คาดการณ์ได้ว่าตัวเลข MPI ในเดือนถัดไปจะมีทิศทางที่ดีขึ้นเช่นกัน

***สรุปอุตสาหกรรมหลักที่มีดัชนีผลผลิตขยายตัวในเดือนเมษายน 2564...

>> รถยนต์และเครื่องยนต์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 288.06 จากรถปิกอัพ รถยนต์นั่งขนาดเล็ก และเครื่องยนต์ดีเซล เป็นหลัก จากในปีก่อนมีการหยุดผลิตชั่วคราวของผู้ผลิตหลายราย หลังการประกาศมาตรการล็อกดาวน์ในประเทศจากการแพร่ระบาดโควิด-19

>> เบียร์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 515.18 เนื่องจากสงกรานต์ปีนี้ไม่มีมาตรการล็อกดาวน์ประเทศ แม้ว่าจะมีการควบคุมในบางพื้นที่

>> เครื่องปรับอากาศและชิ้นส่วน ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 57.38 ผู้ผลิตมีการพัฒนาสินค้าที่สอดคล้องกับความต้องการและจัดรายการส่งเสริมการขายกระตุ้นการจำหน่ายในประเทศให้เพิ่มขึ้น ประกอบกับสถานการณ์ของประเทศคู่ค้าหลักเริ่มคลี่คลายทำให้การดำเนินการส่งออกกลับมาเป็นปกติหลังจากการปิดช่องทางขนส่ง

>> เหล็กและเหล็กกล้าขั้นมูลฐาน ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 29.23 จากเหล็กแผ่นรีดร้อน เหล็กแผ่นรีดเย็น เหล็กเคลือบสังกะสี และเหล็กเส้นข้ออ้อยเป็นหลัก จากที่ปีก่อนลูกค้าชะลอคำสั่งซื้อตามความต้องการใช้หดตัว รวมทั้งมีผู้ผลิตบางรายหยุดผลิตชั่วคราวในปีก่อน

>> ยางรถยนต์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 69.74 จากยางนอกรถยนต์นั่งยางนอกรถบรรทุกรถโดยสาร และยางนอกรถกระบะ


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top