Tuesday, 24 June 2025
TheStatesTimes

จีน-รัสเซีย ประสานพลังผลักดัน "การฑูตวัคซีน" เร่งผลิตวัคซีน 260 ล้านโดสให้ประเทศกำลังพัฒนา หวังสร้างมิตรประเทศทั่วโลก

สุภาษิตว่าไว้ คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย ถ้างานใดทำคนเดียวแล้วไม่ประสบความสำเร็จ แต่ถ้าได้สองคนช่วยกันทำ ก็อาจถึงเป้าหมายได้ไวขึ้น

เหมือนดังเช่น พันธมิตรเฉพาะกิจ 'จีน-รัสเซีย' ที่ต่างฝ่าย ต่างต้องการที่จะเดินหน้าโครงการ Vaccine Diplomacy หรือ 'การฑูตวัคซีน' เพื่อพิชิตใจชาวโลก แต่ดูเหมือนทั้งสองประเทศยังไปไม่ถึงไหนด้วยข้อจำกัดที่แตกต่างกัน

โดยรัสเซีย ซึ่งพัฒนาวัคซีน Covid-19 ได้เป็นชาติแรก ๆ ในโลก และมีรายงานประสิทธิภาพในการป้องกันป่วยหนักจาก Covid-19 สูงถึง 91.7% ซึ่งตั้งเป้าว่าจะผลิตวัคซีน Sputnik V ให้ได้มากถึง 630 ล้านโดส ส่งออกไป 100 ประเทศ แต่จนถึงตอนนี้ยังผลิตส่งออกได้ไม่ถึง 12 ล้านโดส แม้คาดว่ารัสเซียน่าจะมียอดสั่งจองสูงถึง 2 พันล้านโดสแล้วในตอนนี้แล้วก็ตาม

แต่ในทางตรงกันข้าม จีนมีกำลังผลิตและกระจายวัคซีนออกไปได้กว้างขวางกว่า โดยเฉพาะประเทศในย่านอาเซียน ที่จีนส่งวัคซีนไปแล้วมากกว่า 100 ล้านโดส ทั้ง Sinovac และ Sinopharm และสามารถผลิตได้ถึงพันล้านโดส ภายในปีนี้ เสียแต่ว่าด้วยค่าตัวเลขประสิทธิภาพวัคซีนที่น้อยกว่าวัคซีนของชาติตะวันตก จึงทำให้หลายชาติลังเลที่จะสั่งซื้อวัคซีนจากจีน

เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงเกิดการประสานพลังพันธมิตรวัคซีน จีน-รัสเซีย ด้วยการนำจุดเด่นของแต่ละฝ่ายมาเติมเต็มซึ่งกันและกัน โดยรัสเซียได้เซ็นสัญญา ให้บริษัทยาของจีนถึง 3 แห่ง ผลิตวัคซีน Sputnik V เพื่อช่วยผลิตวัคซีนให้ก่อน 260 ล้านโดส เป้าหมายเพื่อส่งให้กับประเทศยากจนอีกหลายสิบประเทศที่ยังเข้าไม่ถึงวัคซีน และประเทศที่กำลังเดือดร้อนจากการระบาดของ Covid-19 เช่น อินเดีย เม็กซิโก และ อาร์เจนตินา

อย่างไรด็ตาม แม้วัคซีนที่พัฒนาโดยบริษัทยาในสหรัฐอเมริกา อย่าง Pfizer และ Moderna จะมีรายงานประสิทธิภาพสูงกว่า และเป็นที่ต้องการอย่างมากทั่วโลก

แต่จากการศึกษาข้อมูลของ Duke University มหาวิทยาลัยชั้นนำในรัฐนอร์ธ แคโรไลน่า พบว่า ตอนนี้ชาติตะวันตกอย่าง อังกฤษ แคนาดา และ นิวซีแลนด์ ได้สั่งจองวัคซีนไปหมดทุกแห่งแล้ว และบางประเทศได้ยอดสั่งซื้อมากกว่าจำนวนประชากรถึง 3 เท่า แต่ในขณะที่บางประเทศอย่างอาร์เจนติน่า ยังสั่งซื้อวัคซีน Pfizer ไม่ได้เลย จึงจำเป็นต้องสั่งวัคซีน Sputnik V และ Sinopharm มาใช้ ทำให้ยอดการสั่งซื้อเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

เมื่อทั่วโลกเริ่มตระหนักว่า วัคซีนที่ดีคือวัคซีนที่มีให้ฉีด และการรออาจไม่ทันเวลา ทั้งจีน และ รัสเซีย จึงผนึกกำลังกันผลิตวัคซีน Sputnik V ที่ Made in China เพื่อส่งไปยังประเทศกำลังพัฒนาที่ยังรอวัคซีนอยู่ ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศกำลังเดือดร้อนจากการระบาดรอบใหม่อยู่ในขณะนี้

สำหรับการร่วมมือกันในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสให้ทั้งจีน และ รัสเซียสามารถขยายแผน "การฑูตวัคซีน" ไปยังประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะกับประเทศที่เป็นพันธมิตรกับอเมริกามาช้านานอย่าง เม็กซิโก อาร์เจนตินา และอินเดีย

นับเป็นอีกกลยุทธ์ที่น่าสนใจในเชิงการตลาด แถมยังช่วยโลกฝ่าวิกฤติไวรัส Covid-19 ได้ในวงกว้างด้วย และหากสหรัฐอเมริกาเห็นท่าไม่ดี จะเร่งปล่อยวัคซีนสู่ตลาดโลกออกมาแข่งกัน ก็จะช่วยให้เรามีวัคซีนในท้องตลาดมากขึ้นเช่นกัน

เรียกได้ว่าจุดดีของการประกาศเปิดศึก "การฑูตวัคซีน" ของชาติมหาอำนาจ จีน-รัสเซีย ที่ทั่วโลกอาจได้อานิสงค์กันอย่างถ้วนหน้าก็เป็นได้


อ้างอิง:

https://edition.cnn.com/2021/05/11/china/china-russia-covid-vaccine-dst-intl-hnk/index.html

https://apnews.com/article/middle-east-europe-russia-china-coronavirus-b041b3ad9d699de25a05c8f7ebcb4eb

https://www.marketwatch.com/story/russia-looks-to-china-to-help-produce-its-sputnik-v-covid-19-vaccine-01620023486

“รมว.พาณิชย์ ”เร่งแก้ปัญหาราคาปาล์มตก ยันต้องไม่ทำให้น้ำมันปาล์มขายแพง

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 ที่ศูนย์ประสานงานพรรคประชาธิปัตย์เขตหลักสี่ ซอยแจ้งวัฒนะ 10 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงราคาน้ำมันปาล์ม  ว่าในช่วงที่ผ่านมา ราคาผลปาล์มสูงขึ้นมากจากกิโลกรัม (กก.) ละ 2 บาท เป็น กก.ละ 4-5 บาท และสูงสุดถึงกก.ละ 7 บาท แม้ขณะนี้ราคาอ่อนตัวลงมาบ้าง แต่ยังสูงกว่ารายได้ที่ประกันราคา ซึ่งตอนนี้เฉลี่ยกก.ละ 5 บาท และราคาเกินกว่ารายได้ที่ประกันที่กก.ละ 4 บาท ทำให้ต้นทุนการผลิตน้ำมันปาล์มขวดสูงขึ้น แต่กระทรวงพาณิชย์พยายามพิจารณาให้เกิดความสมดุล โดยตนได้สั่งการให้กรมการค้าภายในพิจารณาหาทางช่วยให้เกษตรกรยังขายปาล์มได้ในราคาสูง แต่อย่าให้น้ำมันปาล์มบริโภคมีราคาสูงมาก โดยจะทำโครงสร้างราคาขึ้นมาเพื่อเทียบกันต่อไปในอนาคต ขณะที่คณะกรรมการนโยบายปาล์มแห่งชาติได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ทำโครงสร้างราคาให้เป็นทางการ เพื่อใช้เทียบเคียงต่อไปในอนาคตในขณะที่ปาล์ม กก.ละ 5 บาท น้ำมันปาล์มขึ้นไปลิตรละ 40 กว่าบาท 
      
 นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ตนได้สั่งการให้กรมการค้าภายในเชิญผู้ผลิตน้ำมันปาล์มขวดและห้างสรรพสินค้ามาหารือกันว่ากดราคาลงมาให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยไม่ขาดทุน ให้พออยู่ได้แต่อย่าถึงกับทำกำไรในช่วงนี้ ขอให้ผลปาล์มเกษตรกรราคาดีต่อไป โดยราคาแล้วแต่ยี่ห้อ 43-46 บาท โดยประมาณ อีกทั้งให้พาณิชย์จังหวัดเข้าไปดูแล ถ้าพบผู้ใดที่จำหน่ายน้ำมันปาล์มขวดเกินราคา ก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งตอนนี้ผลปาล์มเริ่มออกมาจำนวนมาก

เชียงใหม่ - รอง ผบช.ภ.5 ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมด่านตรวจ จุดตรวจพื้นที่ตามแนวชายแดนและพื้นที่ตอนใน

รอง ผบช.ภ.5 ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมด่านตรวจ จุดตรวจพื้นที่ตามแนวชายแดนและพื้นที่ตอนใน พร้อมกำชับและมอบนโยบายด้านการสกัดกั้น เฝ้าระวังการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด -19

วันที่ 13 พ.ค.2564  พล.ต.ต.บัณฑิต ตุงคะเศรณี รอง ผบช.ภ.5 ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม ด่านตรวจแก่งปันเต๊า สภ.เชียงดาว, ด่านตรวจผาหงษ์ สภ.ไชยปราการ, จุดตรวจแม่สาว สภ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ , ด่านตรวจกิ่วสะไต , ด่านตรวจกิ่วทัพยั้ง สภ.แม่จัน จ.เชียงราย พร้อมมอบนโยบาย และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการดังต่อไปนี้

 1. ให้เพิ่มความเข้มงวดในการตั้งจุดตรวจพื้นที่ชายแดนและจุดตรวจสกัดกั้นพื้นที่ตอนใน เฝ้าระวังการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ทั้งทางเท้า ทางรถ และทางน้ำ จัดให้กำลังพลปฏิบัติหน้าที่ตรวจค้นยานพาหนะ ให้เพียงพอตลอด 24 ชม. ขณะปฏิบัติหน้าที่ต้องจัดให้มีการบันทึกภาพเคลื่อนไหว ชนิดที่สามารถ ดูภาพได้แบบปัจจุบัน Real time เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาตรวจสอบการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตลอดเวลา

     2. ดำเนินการพิจารณาปรับแผนหรือลดจุดตรวจกวดขันวินัยจราจร จุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ แต่ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงความจำเป็นในการป้องกันอุบัติเหตุทางถนน และให้เป็นไปตามมาตรฐานตาม ตร. กำหนด โดยเน้นย้ำให้ลงข้อมูลในระบบ TPCC โดยเคร่งครัดให้เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน เป็นปัจจุบัน เพื่อใช้ในการตรวจสอบ กำกับ ดูแลการปฏิบัติและรายงานผล

     3. กำชับการออกตรวจชุดสายตรวจร่วมเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจพื้นที่ สถานที่ กิจการ หรือกิจกรรมใดๆที่อาจเสี่ยงต่อการแพทย์ระบาดของโรคอย่างสม่ำเสมอ และให้คำแนะนำตักเตือนแก่ผู้ประกอบการให้ปรับปรุงแก้ไขสถานที่ที่เป็นจุดเสี่ยง หากยังไม่ปรับปรุงแก้ไขตามคำแนะนำให้เสนอคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพิจารณาปิดสถานที่ดังกล่าวเป็นการชั่วคราว

      4. ปรับแผนการทำงาน โดยประชาสัมพันธ์การรวมกลุ่มดื่มสุราที่บ้านหรือในชุมชน เป็นความผิดตามกฎหมาย เรื่องการมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค

      5. กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายปฏิบัติตนตามมาตรการป้องกันโรค (D-M-H-T-T) อย่างเคร่งครัดโดยสวม Face shield หรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลาปฏิบัติหน้าที่ มีเจลแอลกอฮอล์ติดตัวทุกนาย มีการตรวจวัดอุณหภูมิก่อนปฏิบัติหน้าที่ หมั่นล้างมือด้วยน้ำและสบู่ เจลล้างมือ หรือน้ำยาแอลกอฮอล์ล้างมือ และรักษาระยะห่างระหว่างผู้ปฏิบัติงานกับประชาชน ทั้งนี้ได้มอบสิ่งของบำรุงขวัญเพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฎิบัติหน้าที่ต่อไป


ภาพ/ข่าว  นภาพร / เชียงใหม่

Click on Clear THE TOPIC จับประเด็น เน้นความรู้ EP.1/4 ตอนเวทีนางงามกับความงามที่หมดยุคภาพสะท้อนวัตถุทางเพศ

เวทีนางงามกับความงามที่หมดยุคภาพสะท้อนวัตถุทางเพศ

ภาพจำของเวทีนางงามกับการเป็นวัตถุทางเพศหมดไปแล้ว แต่กลายเป็นพื้นที่ขับเคลื่อนสังคม ซึ่งทำให้การพูดถึงเรื่องประชาธิปไตยกลายเป็นเรื่องสากลอย่างที่ควรจะเป็น

พบกับ ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล

ดำเนินรายการโดย ปริม กุญชนิตา กุญชร ณ อยุธยา Host & Content Creator THE STATES TIMES

.

.

ทุเรียนกำลังอิน!! ย้อนดูเรื่องราว ‘ผู้นำไทย’ ผ่านผลไม้ที่ชื่อ ‘ทุเรียน’ ผูกพันกันอย่างไม่น่าเชื่อ!

ช่วงนี้หอมกลิ่นทุเรียนฟุ้งไปทั่ว!! แฮ่! แต่ราคาก็พุ่งสูงจนต้องกลืนน้ำลาย เอื้อก!! เพราะกระแสทุเรียนกำลังแรง เราจึงนึกสนุก ลองย้อนเรื่องราวของผู้นำรัฐบาลไทย ผ่านผลไม้ที่ชื่อทุเรียน มีคนไหนผูกพัน หรือมีวีรกรรมอันใดกับทุเรียนบ้าง ลองไปดูกัน

คนแรก นายชวน หลีกภัย สมัยที่เป็นผู้นำรัฐบาลช่วงปี พ.ศ.2540-2544 ยุคนั้นราคาทุเรียนขายกันที่หน้าสวน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 20-50 บาท เรียกว่าไม่ถูกไม่แพง เวลาผ่านมา 20 ปี วันนี้ทุเรียนตกกิโลกรัมละร้อยกว่าบาท ส่วนเส้นทางการเมืองของนายชวน ก็เข้ามานั่งในตำแหน่งประธานรัฐสภา โดยเมื่อปีก่อน (พ.ศ.2563) เมื่อคราวที่มีประชุมทวิภาคีร่วมกับประธานรัฐสภานิวซีแลนด์ ผ่านระบบ VDO Conference ประธานรัฐสภาไทยก็ได้มอบทุเรียนให้ประธานรัฐสภานิวซีแลนด์ เรียกว่าเป็นผลไม้เชื่อมความสัมพันธ์คงไม่ผิดนัก 

ด้านอดีตนายกฯ อีกคน ทักษิณ ชินวัตร หลังจากที่ไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศเสียนาน คงคิดถึงราชาผลไม้ไทยที่ชื่อทุเรียน ช่วงปี พ.ศ.2560 จึงเคยมีข่าวออกมาว่า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้จัดส่งทุเรียนหลินลับแล จากสวนเมืองอุตรดิตถ์ไปที่นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อให้คุณพี่ชายได้กิน ต่อมา พานทองแท้ ชินวัตร ออกมาโพสต์อินสตราแกรม ภาพคุณพ่อชูทุเรียนจากเมืองไทย พร้อมแคปชั่นว่า ‘พ่อส่งรูปมาให้ดูครับ ว่าถึงอยู่นครดูไบ แต่ก็ได้ทานทุเรียนหลินลับแล ของจังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งอร่อยและหายากมาก ส่งตรงมาโดยอาปูครับ’ เป็นครอบครัวเลิฟทุเรียนมากมาย 

มาถึงอดีตนายกฯ สมัคร สุนทรเวช คนนี้ขึ้นชื่อเรื่อง ‘ชิมไปบ่นไป’ ช่วงปี พ.ศ.2551 เมื่อตอนที่เป็นนายกฯ เคยมีเกษตรกรชาวสวน ขนผลไม้มาให้กำลังใจกันเนืองแน่น เนื่องจากตอนนั้นนายกฯ สมัคร กำลังถูกสอบสวนจากกรณี ‘เป็นนายกฯ แล้วไปออกทีวีเป็นพิธีกร’ งานนั้นนายกฯ ลุงหมักเลยหยิบทุเรียนกินออกสื่อซะเลย เรียกเสียงฮือฮาให้บรรดาแควน ๆ เอ้ย! แฟน ๆ ที่ตามมาให้กำลังใจยิ่งนัก

อีกคนที่เห็นหล่อ ๆ มาดดีอย่างนี้ แต่อดีตนายกฯ มาร์ค อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็เคยมีวีรกรรมกับทุเรียนเช่นกัน ครั้งหนึ่งในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ปี พ.ศ.2554 เจ้าตัวเดินทางลงพื้นที่ไปยังสวนผลไม้กายเกษตร ต.สองสลึง อ.แกลง จ.ระยอง เพื่อหาเสียงกับกลุ่มเกตรกรชาวสวนผลไม้ งานนั้นนอกจากจะได้รับฟังปัญหาชาวบ้านแล้ว นายกฯ มาร์คยังลงทุนผูกผ้าขาวม้า โชว์สกิลการปีนเก็บทุเรียนจากต้น ธรรมดาซะที่ไหน! 

ส่วนคนที่ต้องยกให้ว่าเป็น ‘อดีตนายกฯ เจ้าแม่แห่งทุเรียน’ นั่นคือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ช่วงปี พ.ศ.2554 ก่อนจะขึ้นเป็นนายกฯ เคยเดินสายลงพื้นที่แถวตลาดอมรพันธ์ ย่านเสนานิคม พอผ่านร้านขายทุเรียน เจ้าตัวขอแวะโชว์แกะทุเรียน ได้ใจพ่อค้าแม่ขายไปตาม ๆ กัน กระทั่งหลังพ้นตำแหน่ง ตั้งแต่ปี พ.ศ.2557 เป็นต้นมา หลายครั้งที่คุณปูนั้นมีข่าวแวะสวนทุเรียน พร้อมแชะภาพมาโพสต์ให้ FC ได้ชม เรียกว่าไปมาหมดทั้งสวนที่ระยอง อุตรดิตถ์ นครนายก ปราจีนบุรี และที่จันทบุรีที่เป็นทีเด็ด เพราะเธอโพสต์การเยี่ยมสวนทุเรียนเมืองจันท์ พร้อมแคปชั่นว่า ‘นึกถึงบรรพบุรุษ ทวดเคยอยู่ก่อนย้ายถิ่นไปเชียงใหม่’ สันนิษฐานได้ว่า หลงรักทุเรียนจากดีเอ็นเอ!

ส่งท้ายที่นายกฯ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ท่านนี้ก็สายรักทุเรียน เคยไปเยี่ยมชมทุเรียนมาหลายแห่ง ทั้งทุเรียนภูเขาไฟที่ศรีสะเกษ ทุเรียนที่ยะลา งานเปิดทุเรียนเมืองจันท์ก็ไม่พลาด เดินไป ชิมไป พันธุ์ที่ชอบที่สุดคือ พันธุ์ก้านยาว แถมยังเคยโชว์ถือทุเรียนจนหนามบาดมือมาแล้วอีกด้วย โธ่! ลุงตู่คร้าบ! 

มีผู้นำผูกพันกับทุเรียน ส่วนประชาชนที่รักทุเรียน โปรดกินพอประมาณ ประเดี๋ยวมันจะร้อนนนนนน!


ที่มาข้อมูล: https://news.mthai.com/politics-news/569171.html 

https://www.thairath.co.th/content/178299

https://siamrath.co.th/n/166439

https://www.voicetv.co.th/read/495292

https://mgronline.com/onlinesection/detail/9510000058439

https://www.matichon.co.th/politics/news_97305

https://www.posttoday.com/politic/news/93309?utm_source=posttoday.com&utm_medium=article_relate_old&utm_campaign=new%20article

https://www.thairath.co.th/business/market/2071773

https://prachatai.com/journal/2018/07/78050

เช็คอีกครั้ง ก่อนไปรับวัคซีนโควิด-19

ศ.นพ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม แนะการเตรียมตัวก่อนฉีดวัคซีนโควิด-19 กรณีผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว หากรับประทานยา ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนได้รับวัคซีน และผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หัวใจ อัมพฤต อัมพาต ไม่ควรหยุดยา ยกเว้นกรณีที่แพทย์แนะนำให้หยุดยาชั่วคราว เพื่อให้ผลลัพธ์ของวัคซีนมีความแม่นยำ


ที่มา : https://www.facebook.com/ThaiRedCross/posts/4090202611013371

โฆษก ศรชล.แจง พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด บนเรือต่างชาติ ศรชล. สงขลา เข้มสั่งทอดสมอที่จุดกักกันโรค ด้าน สธ.สงขลา ส่งเรือ BOA DEEP C เป็น รพ.สนาม

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 พล.ร.ต.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ชี้แจงกรณีพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 บนเรือ BOA DEEP C ศรชล.ได้รับรายงานจาก ศรชล.ภาค 2 ว่าจากการประสานนายสันติ รักษ์ทรัพย์ เจ้าพนักงานด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ท่าเรือน้ำลึก จว.สงขลา ทราบว่า เรือ BOA DEEP C สัญชาติ Norway พร้อมลูกเรือจำนวน 29 คน ได้ออกเดินทางจากประเทศอินเดีย ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. โดยผ่านทางประเทศสิงคโปร์ และเดินทางมาถึงท่าเรือน้ำลึกเจ้าพระยาสากลจำกัด จ.สงขลา เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 64 เวลาประมาณ 08.00 น. โดยทาง จนท.ด่านท่าเทียบเรือได้ตรวจสอบเอกสารประจำเรือต่าง ๆ และเอกสาร การตรวจโรคโควิด-19 (TEST COVID-19) ของคนประจำเรือ และทำการ SWAB เพื่อตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 

พล.ร.ต.ปรกครอง กล่าวว่า และในเวลา 17.00 น. เรือได้ออกจากท่าเทียบเรือเพื่อเดินทางไป อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จนกระทั่งเวลาประมาณ 22.00 น. เรือ BOA DEEP C ได้รับแจ้ง ผลการตรวจ SWAB ปรากฏว่าพบลูกเรือติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 6 ราย ประกอบด้วย ชาวยูเครน 2 คน โปแลนด์ 2 คน อินเดีย 1 คน และ รัสเซีย 1 คน ซึ่ง สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสงขลา ได้แจ้งให้เรือเดินทางกลับมาที่จ.สงขลา และไปจอดทอดสมอบริเวณจุดจอดกักกันโรค ตามที่ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสงขลา กำหนด ตั้งแต่ 12 พ.ค.64 จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงและห้ามเรือเดินทางไปส่งลูกเรือบนแท่นผลิต  หรือท่าเรือภายในประเทศ 

ทั้งนี้หากเรือประสงค์เดินทางกลับประเทศต้นทางสามารถแจ้งความประสงค์ให้ทราบและสามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้สาธารณสุขจังหวัดสงขลาได้กำหนดให้เรือ BOA DEEP C เป็นโรงพยาบาลสนาม เนื่องจากคนประจำเรือเป็นชาวต่างชาติทั้งหมด และกลุ่มคนที่ติดเชื้อยังไม่มีอาการรุนแรง ซึ่งจะแยกผู้ติดเชื้อและไม่ติดเชื้อออกจากกัน และเฝ้าสังเกตอาการทุกวัน 

“ศรชล. ได้สั่งการให้หน่วยงานในศรชล. ภาค 2 ในพื้นที่ จ.สงขลา จัดเรือออกตรวจสอบเพื่อเฝ้าระวังมิให้มีการขนถ่ายคนและสิ่งของจากเรืออื่นไปยังเรือดังกล่าวหรือการขนถ่ายคนและสิ่งของจากเรือดังกล่าวไปสู่เรืออื่น รวมทั้งสนับสนุนการปฏิบัติงานของ จนท.ควบคุมโรค ตามที่ได้รับการประสาน รวมถึงสั่งการให้ ศรชล.จังหวัด และ ศคท.จังหวัดทั้ง 5 จังหวัดปฏิบัติตามข้อกำหนด ที่ออกตามพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน อย่างเคร่งครัด ในการขอเข้าราชอาณาจักรผ่านด่านทางน้ำที่ไม่เข้าเงื่อนไขตามคำสั่ง ศบค. ต้องขออนุญาตจาก ศปก.ศบค. เท่านั้น” โฆษกศรชล. กล่าว

ผู้แทนพิเศษเลขายูเอ็นเมียนมา หวังไทยสนับสนุนกระบวนการนำความสงบสุขกับมาสู่เมียนมาอีกครั้ง ด้าน “บิ๊กตู่” พร้อมสนับสนุนตามฉันทามติ 5 ข้อ (Five-Point Consensus) ของอาเซียน มุ่งหวังให้เมียนมาเกิดสันติภาพและเสถียรภาพ

เมื่อเวลา 11.15 น. วันที่ 14 พ.ค. ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นางคริสทีเนอ ชราเนอร์ บูร์เกเนอร์ (Mrs. Christine Schraner Burgener) ผู้แทนพิเศษของเลขาธิการสหประชาชาติเรื่องเมียนมา เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ,ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เนื่องในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทย

นายกรัฐมนตรี กล่าวยินดีที่หารือกับผู้แทนพิเศษของเลขาธิการสหประชาชาติเรื่องเมียนมาอีกครั้ง หลังเคยพบปะกันเมื่อครั้งที่นางคริสทีเนอดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตแห่งสมาพันธรัฐสวิสประจำประเทศไทย ซึ่งการกลับมาไทยครั้งนี้ในฐานะผู้แทนพิเศษของเลขาธิการสหประชาชาติเรื่องเมียนมาสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการทำงานของนางคริสทีเนอ จนได้รับความไว้วางใจจากสหประชาชาติให้ดูแลในเรื่องสถานการณ์ในเมียนมา โดยประเด็นนี้ได้รับความสนใจจากอาเซียนและประชาคมโลก ซึ่งการประชุมสุดยอดอาเซียนเมื่อเดือนเมษายน ไทยให้ความสำคัญกับแนวทาง D4D ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เสนอต่อที่ประชุม และพร้อมสนับสนุนฉันทามติ 5 ข้อ (Five-Point Consensus) ของอาเซียน ทั้งนี้ ไทยได้ติดตามพัฒนาการของสถานการณ์ในเมียนมาอย่างใกล้ชิด มุ่งหวังให้เกิดสันติภาพและเสถียรภาพในเมียนมา และหวังว่าผู้แทนพิเศษของเลขาธิการสหประชาชาติเรื่องเมียนมาจะได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากการเยือนครั้งนี้ รัฐบาลพร้อมรับฟัง และแลกเปลี่ยนข้อมูลความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์

ขณะที่ ผู้แทนพิเศษของเลขาธิการสหประชาชาติเรื่องเมียนมา กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่ได้กลับมาเยือนไทยและหารือกับนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง การมาเยือนไทยและภูมิภาคอาเซียนครั้งนี้ เพื่อหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องถึงสถานการณ์ความไม่สงบในเมียนมา โดยจากการหารือกับหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมียนมาที่กรุงจาการ์ตา อินโดนีเซีย จึงประสงค์ที่จะสานต่อกระบวนการเจรจาดังกล่าวต่อไปเพื่อนำความสงบสุขกับมาสู่เมียนมาอีกครั้ง หวังว่าไทยจะสนับสนุนกระบวนการดังกล่าว และแสวงหาความร่วมมือกับกองทัพเมียนมาในการหาทางออกอย่างสันติ

จากนั้น ทั้งสองฝ่าย หารือถึงการให้ความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรม โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวเน้นย้ำว่า ไทยดำเนินการทุกวิถีทางอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนให้สถานการณ์ในเมียนมาคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ตลอดจนให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว ซึ่งไทยมีประสบการณ์ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่เพื่อนบ้านมายาวนาน มีการติดตามสถานการณ์ตามแนวชายแดนอย่างใกล้ชิด และเตรียมการวางแผนรับมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ยังยืนยันว่าจะไม่มีการส่งผู้หนีภัยกลับไปเมียนมาหากต้องเผชิญกับอันตราย โดยมีการตั้งศูนย์เพื่อรองรับผู้หนีภัยหลายแห่งตามแนวชายแดน รวมทั้งให้การรักษาพยาบาลแก่ผู้ที่บาดเจ็บ

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีได้ให้กำลังใจผู้แทนพิเศษของเลขาธิการสหประชาชาติฯ สำหรับภารกิจเดินทางเยือนไทยและภูมิภาคครั้งนี้ พร้อมหวังว่าผู้แทนพิเศษของเลขาธิการสหประชาชาติฯ จะช่วยสร้างความเข้าใจต่อประชาคมโลกถึงสถานการณ์ในภูมิภาค

ผบ.ทร.เปิดตัวเรือข้ามฟากอายุ 50 ปี ที่ปรับปรุงเป็นระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า พร้อมออกทดลองแล่นรับ/ส่งผู้โดยสาร ในแม่น้ำเจ้าพระยา

พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.)  เป็นประธานในพิธีเปิดตัวเรือแตงโมพลังงานไฟฟ้า (ขส.ทร. 1110 ) ซึ่งเป็นเรือข้ามฟาก ในแม่น้ำเจ้าพระยาของกองทัพเรือ ที่มีอายุการใช้งานมานานถึง 50 ปี ที่ท่าเรือราชนาวิกสภา เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร โดยมี พล.ร.ท.ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ รองเสนาธิการทหารเรือสายงานกิจการพลเรือน และ พล.ร.ต.สาธิต นาคสังข์ เจ้ากรมการขนส่งทหารเรือให้การต้อนรับ และเรียนเชิญผู้บัญชาการทหารเรือชมนิทรรศการการดำเนินโครงการ พร้อมทำพิธีเปิดตัวเรือแตงโมไฟฟ้า จากนั้นผู้บัญชาการทหารเรือได้ลงเรือแตงโมไฟฟ้า เพื่อทดลองนั่งไปยังป้อมวิไชยประสิทธิ์ และกลับมาที่อาคารราชนาวิกสภา ก่อนเดินทางกลับ

ทั้งนี้กองทัพเรือ ได้อนุมัติแต่งตั้งคณะทำงานพลังทดแทนร่วม ระหว่างกองทัพเรือ และบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) เพื่อดำเนินการด้านความร่วมมือกับภาคเอกชนในการนำพลังงานทดแทนมาใช้ในกองทัพเรือ ในการวิจัยและพัฒนาเพื่อพึ่งพาตนเองตามแนวทางการพัฒนากองทัพเรือที่กำหนดไว้ในยุทธศาสตร์กองทัพเรือ 20 ปี (พ.ศ.2560-พ.ศ.2579) ในเรื่องการส่งเสริมการสร้างเครือข่ายความร่วมมือการวิจัยและพัฒนายุทโธปกรณ์กับองค์กรต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยมี พลเรือโท ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ รองเสนาธิการทหารเรือสายงานกิจการพลเรือน เป็นหัวหน้าคณะทำงานร่วมฝ่ายกองทัพเรือ นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) เป็นหัวหน้าคณะทำงานร่วมฝ่าย บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) และ พลเรือโท สมัย ใจอินทร์ รองผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ เป็นรองหัวหน้าคณะทำงาน

โดยคณะทำงานดังกล่าว ได้จัดให้มีโครงการ ติดตั้งระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าสำหรับรถโดยสาร เรือเวรข้ามฟาก (เรือแตงโม) เพื่อวิจัยและพัฒนาการใช้พลังงานไฟฟ้าในเรือเวรข้ามฟาก (เรือแตงโม) ในสังกัด กรมการขนส่งทหารเรือ ที่มีอายุการใช้งานมานาน 50 ปี ที่ไม่สามารถใช้งานได้ มาดัดแปลงจากระบบเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิง มาปรับปรุงเป็นระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อลดฝุ่น PM 2.5 และมลภาวะในอากาศ

สำหรับเรือข้ามฟากดังกล่าว มีชื่อเรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า "เรือแตงโม" ด้วยรูปทรงของเรือ ที่มีลักษณะคล้ายลูกแตงโมผ่าซีก แต่ด้วยรูปลักษณ์ของท้องเรือ ทำให้เรือแม้จะเอียงมากเพียงใดแต่ก็ยังสามารถทรงตัวอยู่ได้ โดยปัจจุบันเรือแตงโม สังกัดแผนกเรือบริการ กองเรือเล็ก กรมการขนส่งทหารเรือ เริ่มมีใช้ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2495 เป็นต้นมา โดยใช้บริการ รับ-ส่ง กำลังพลกองทัพเรือ และบุคคลทั่วไป ข้ามฟากในแม่น้ำเจ้าพระยา ในเวลาราชการ ระหว่างฝั่งธนบุรีกับฝั่งพระนคร ระหว่างท่านิเวศน์วรดิฐ กับ ท่าราชนาวิกสภา และ ท่าพระราชวังเดิม กับ ท่าราชนาวีสโมสร ปัจจุบันมี เรือให้บริการจำนวนทั้งสิ้น 11 ลำ โดยใช้ชื่อเรือว่า ขส.ทร.1101-1111 และเรือแต่ละลำจะมีนามแฝงโดยตั้งจากชื่อคลองสำคัญ ๆ เช่น บางกอกน้อย บางหลวง ชักพระ ผดุงกรุงเกษม ตลิ่งชัน โอ่งอ่าง เป็นต้น

พล.ร.ท.ประชาชาติ กล่าวว่า "โครงการดังกล่าว เป็นการปรับปรุงเรือข้ามฟากในแม่น้ำเจ้าพระยา หรือ “เรือแตงโม” จากการใช้ เครื่องยนต์ ซึ่งใช้พลังงานจากน้ำมันเชื้อเพลิง เปลี่ยนมาเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ ซึ่งมีเสียงเบากว่า และลดมลพิษในอากาศได้ โดยโครงการนี้ กองทัพเรือ ได้รับความร่วมมือจาก นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) เจ้าของฉายา “Tesla เมืองไทย” บริจาค มอเตอร์ไฟฟ้า แบตเตอร์รี่ และอุปกรณ์ประกอบ ให้เพื่อใช้ในโครงการนี้ โดยเรือข้ามฟากที่ทำใหม่นี้ จะวิ่งได้ประมาณ 5 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ที่ความเร็ว 5 น็อต และความเร็วสูงสุด 8 น็อต และที่สำคัญคืออาจเป็นจุดกำเนิด เรือไฟฟ้าอื่น ๆ ของกองทัพเรือ และนอกจากโครงการดังกล่าวแล้ว ทางบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) ยังได้ให้การสนับสนุนกองทัพเรือ และ คณะทำงานพลังทดแทนร่วมฯ ในอีกหลายโครงการรวมถึง การใช้เครื่องกำจัดเชื้อโรคในสถานที่ปฏิบัติงานและบนเรือรบของกองทัพเรือ โดยทำระบบปรับอากาศรวมของอาคารและเรือรบให้ปลอดภัยจากเชื้อ COVID-19 ด้วยแสง UVC  

โดยปัจจุบันได้ดำเนินติดตั้งแล้วในหลายพื้นที่ ประกอบด้วย โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ และ โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ เรือหลวงจักรีนฤเบศร เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช เรือหลวงมกุฎราชกุมาร เรือหลวงนเรศวร เรือหลวงตากสิน เรือหลวงกระบุรี เรือหลวงบางปะกง และอยู่ระหว่างการติดตั้งอีก 2 ลำ คือ เรือหลวงอ่างทอง และ เรือหลวงสิมิลัน"

'เฉลิมชัย' สั่งเดินหน้าเปิดเส้นทางโลจิสติกส์ระบบราง 'เชื่อมไทยเชื่อมโลก' ผ่านด่านผิงเสียง-ด่านหนองคาย

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) เปิดเผยว่า เช้าวันนี้ (14 พฤษภาคม พ.ศ.2564) เทศบาลเมืองตงซิงได้จัดพิธีต้อนรับผลไม้ไทยล็อตแรก และแถลงข่าวการนำเข้าผลไม้ไทยมายังประเทศจีนผ่านด่านตงซิง

โดยมีนายเฉิน เจี้ยนหลิน รองเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์และนายกเทศมนตรีเมืองตงซิง เป็นประธานฝ่ายจีน และนางสาวเบญจมาศ ตันเวทยานนท์ กงสุลใหญ่ ณ นครหนานหนิง เป็นผู้แทนฝ่ายไทย เพื่อประชาสัมพันธ์ให้กับผู้ประกอบการนำเข้าผลไม้ของจีนทราบถึงโอกาสและศักยภาพในการนำเข้าผลไม้จากไทยผ่านด่านตงซิงที่สามารถดำเนินการได้รวดเร็ว ซึ่งใช้เวลาในการขนส่งออกจากไทยและเข้าจีนได้ในระยะเวลาเพียง 2 วันเท่านั้น

ด้านนายปรัตถกร แท่นมณี กงสุล (ฝ่ายเกษตร) ประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ.2564 ได้ประเดิมส่งออกทุเรียนตู้ปฐมฤกษ์เพื่อทดลองนำร่องในการขนส่งผ่านด่านตงซิง จำนวน 2 ตู้คอนแทนเนอร์ ปริมาณรวม 36 ตัน มูลค่ากว่า 4 ล้านบาท ซึ่งพบว่ารถขนส่งสามารถผ่านเข้าด่านตงซิงและผ่านพิธีการศุลกากรได้อย่างราบรื่น

โดยผู้ประกอบการจีนได้ทำการต้อนรับตู้ทุเรียนตู้แรกของไทย ณ ตลาดการค้าสินค้าเกษตรฟู่หมินตงซิงกว่างซี เมื่อเวลา 23.48 น. ตามเวลาท้องถิ่น ของวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ.2564 ซึ่งเป็นผลจากการที่สำนักงานศุลกากรแห่งชาติจีน (GACC) ได้ประกาศให้ด่านตงซิง (สะพานข้ามแม่น้ำเป่ยหลุนแห่งที่ 2) สามารถนำเข้าผลไม้จากต่างประเทศได้ ตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน พ.ศ.2564 

ขณะเดียวกันหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมวิชาการเกษตร สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ และฝ่ายเกษตรฯ กว่างโจว โดย ดร. เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้การเจรจาและผลักดันการทำความตกลงกับสำนักงานศุลกากรแห่งชาติจีน (GACC) จนเห็นชอบร่วมกันให้บรรจุด่านตงซิงเข้าไปในร่างพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดในการกักกันโรคและตรวจสอบสำหรับการขนส่งผลไม้ไทยที่ส่งออกผ่านประเทศที่สามเข้าสู่สาธารณรัฐประชาชนจีน

นายอลงกรณ์ กล่าวอีกว่า ด่านตงซิงตั้งอยู่ที่เมืองระดับอำเภอตงซิงของเมืองฝางเฉิงก่าง เขตปกครองตนเอง กว่างซีจ้วง อยู่ห่างจากด่านหมงก๋าย จังหวัดกว่างนินห์ ของเวียดนาม เพียง 100 เมตร และได้รับอนุญาตให้เป็นด่านนำเข้าผลไม้จากต่างประเทศทางบกเป็นแห่งที่ 3 ของเขตฯ กว่างซีจ้วง ต่อจากด่านโหย่วอี้กวน และด่านรถไฟผิงเสียง 

ทั้งนี้ ด่านตงซิงสามารถรองรับรถบรรทุกสินค้าเข้าออกได้ไม่ต่ำกว่า 2,000 คันต่อวัน จึงเป็นด่านทางบกที่มีศักยภาพในการนำเข้าผลไม้จากไทย นอกเหนือจากด่านโม่ฮาน มณฑลยูนนาน ด่านโหย่วอี้กวน และด่านรถไฟผิงเสียง เขตฯ กว่างซีจ้วง ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการส่งออกผลไม้ของไทยไปยังจีน ช่วยแก้ปัญหารถติดสะสมบริเวณหน้าด่านโหย่วอี้กวน โดยเฉพาะในฤดูกาลส่งออกทุเรียนในขณะนี้ รวมทั้งยังช่วยเพิ่มโอกาสทางการค้าให้กับผู้ส่งออกไทย

อลงกรณ์ เผยทิ้งท้ายอีกว่า ดร. เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้สั่งการให้เดินหน้าเปิดเส้นทางโลจิสติกส์ระบบรางเพื่อ 'เชื่อมไทยเชื่อมโลก' ผ่านด่านผิงเสียงและด่านหนองคาย หลังจากประสบความสำเร็จในการเปิดด่านและขนส่งสินค้าได้จริงในทุกด่าน โดยเฉพาะล่าสุด คือ ด่านตงชิงโดยย้ำให้เร่งดำเนินการให้ทันต่อการเปิดเส้นทางรถไฟจีน-ลาว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top