Tuesday, 24 June 2025
TheStatesTimes

รสนิยม (ลด-สัก-นิด-โยม) | คิดเพลิน Learn&Play Talk EP.4

คุณอยู่กับ Podcast face to face รายการ “คิดเพลิน Learn & Play Talk” ฟังง่ายได้สาระ  

พูดคุยประเด็นต่างๆ แบบเพลินๆ พบกันทุกวันจันทร์ - อาทิตย์ เวลา 22.00 น. 

ติดตามชมรายการ “คิดเพลิน Learn & Play Talk” ได้ทาง YouTube และ Facebook Fanpage ของ THE STATES TIMES 

อย่าลืม! กดไลก์ กดแชร์ กด Subscribe 

.

.

อยุธยา - ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาและประธานมูลนิธิเพื่อการศึกษาและสังคม มอบหน้ากากอนามัย พร้อมเชิญชวนพี่น้องร่วมฉีดวัคซีนโควิด-19 ยิ่งเร็วเท่าไหร่ ยิ่งฟื้นบ้านเมืองได้เร็วเท่านั้น

วันนี้ (13 พฤษภาคม 2564) เมื่อเวลา 11.00 น. ณ ห้องประชุมศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุวาสนะเวศม์ อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้การต้อนรับ นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา และประธานมูลนิธิเพื่อการศึกษาและสังคม เดินทางมาเป็นประธานในพิธีมอบหน้ากากอนามัย จำนวน 10,000 ชิ้น พร้อมด้วย ปลัดกระทรวง พม. รองปลัดกระทรวง พม. ผู้ตรวจราชการกระทรวง พม. อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ ร่วมพิธีมอบหน้ากากอนามัยให้แก่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อจัดสรรไปยังอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) นำไปกระจายต่อยังประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มคนเปราะบางที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด - 19 โดยมี นางสาวนฤมล พงษ์สุภาพ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์พระนครศรีอยุธยา นางกันตา ดีเติม ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุวาสนะเวศม์ หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมต้อนรับและรับมอบหน้ากากอนามัย

โดย นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา และประธานมูลนิธิเพื่อการศึกษาและสังคม กล่าวว่า ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID -19) อย่างกว้างขวางทั่วโลกในปัจจุบัน หนึ่งในมาตรการที่ได้ผลในการชะลอการแพร่ระบาด คือ การสวมใส่หน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการได้รับเชื้อและลดการแพร่กระจายเชื้อดังกล่าว มูลนิธิเพื่อการศึกษาและสังคม จึงเห็นถึงความสำคัญในการส่งมอบหน้ากากอนามัยให้แก่ประชาชนที่ขาดแคลน และกลุ่มเปราะบาง เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยอย่างจริงจัง เป็นการลดการแพร่ระบาดของการติดเชื้อ ในระหว่างรอการฉีดวัคซีนเพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ โดยมีอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งเป็นเครือข่ายการทำงานของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในพื้นที่ เป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยกระจายหน้ากากอนามัยไปยังพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ประธานรัฐสภา กล่าวอีกว่า การฉีดวัคซีน ถือเป็นการป้องกันที่ดีที่สุด ผมฉีดแล้ว จะมีผลข้างเคียงบ้างเล็กน้อย เหมือนเราฉีดวัคซีนทั่วไปที่เราเคยฉีดกัน จึงขอถือโอกาสนี้มีส่วนร่วมเชิญชวนพี่น้องชาวพระนครศรีอยุธยา ถ้าท่านมีความพร้อมควรจะได้ไปฉีดวัคซีนกัน หากเราสามารถฝ่าวิกฤตนี้ไปได้ จะทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่าประเทศเราไม่มีการขยายตัวของเชื้อรุนแรง และเราจะกลับสู่ภาวะปกติเร็วขึ้นกว่าที่คาดหมายไว้ ยิ่งเร็วเท่าไหร่ จะสามารถฟื้นบ้านเมืองได้เร็วเท่านั้น เพราะโรคมีส่วนเกี่ยวข้องกับทุกฝ่าย ซึ่งไม่ใช่เฉพาะเรื่องสุขภาพ แต่รวมถึงเศรษฐกิจ สังคม และอื่นๆ อีกด้วย

ด้าน นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวเพิ่มเติมว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกใหม่ ตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ณ วันนี้มีผู้ป่วยสะสม จำนวน 507 ราย หายแล้ว 240 ราย รักษาอยู่ 263 ราย เสียชีวิตสะสม 4 ราย จากประชากรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทั้งสิ้น 822,955 คน โดยมีผู้สูงอายุ จำนวน 185,359 คน กลุ่มผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่ม จำนวน 72,355 คน รวมเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่มีความจำเป็นต้องได้รับการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันในลำดับแรก จำนวน 257,712 คน ขณะนี้มีการลงทะเบียนจองวัคซีนแล้ว 12,344 คน ซึ่งระหว่างที่รอการฉีดวัคซีนนี้ การสวมหน้ากากอนามัยจึงเป็นมาตรการที่สำคัญยิ่งของทุกคนที่จะช่วยลดการแพร่ระบาดของเชื้อได้ ทั้งนี้ ยังได้มอบให้ อสม. อปท. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ไปเคาะประตูบ้านเพื่อสอบถามความต้องการฉีดวัคซีนและช่วยลงทะเบียนประชาชนเป้าหมายกลุ่ม 60 ปีขึ้นไป และผู้มีโรคเรื้อรัง 7 ประเภทที่ต้องการฉีด ในห้วงวันที่ 12 - 18 พ.ค.64 ให้รีบลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้มากที่สุด เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ในการหยุดเชื้อ เพื่อชาติ เพื่ออยุธยา เมื่อทราบจำนวนวัคซีนที่เหลือจากผู้ไม่ประสงค์จะลงทะเบียนฉีดแล้ว จะได้วางแผนเตรียมจัดสรรให้กลุ่มอื่นที่มีความจำเป็นและต้องการฉีดวัคซีนดังกล่าวต่อไป


ภาพ/ข่าว  สุจินดา อุ่นขาว รายงานจากอยุธยา

ชลบุรี - ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการและชมรมภริยากองเรือยุทธการ มอบของเยี่ยมบำรุงขวัญ เพื่อเป็นกำลังใจให้กับกำลังพลและเจ้าหน้าที่ที่ฏิบัติงาน ในสถานที่เฝ้าระวังสังเกตอาการกองเรือยุทธการ

วันที่ 11 พ.ค.64 พล.ร.อ.สุทธินันท์  สมานรักษ์ ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ และคุณสุนันท์  สมานรักษ์ ประธานชมรมภริยากองเรือยุทธการ พร้อมคณะ มอบของเยี่ยมบำรุงขวัญ เพื่อเป็นกำลังใจให้กับกำลังพลกองเรือยุทธการ และเจ้าหน้าที่ที่ฏิบัติงาน ในสถานที่เฝ้าระวังสังเกตอาการกองเรือยุทธการ  ณ กองการฝึก กองเรือยุทธการ ในการนี้ได้ติดตามการดำเนินการเพื่อให้มีความพร้อมในการรับการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่เกิดขึ้นกับกำลังพลของกองเรือยุทธการ และประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงได้ตลอดเวลา

ทั้งนี้ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ มีดำริให้จัดตั้งสถานที่เฝ้าระวังสังเกตอาการกองเรือยุทธการเพื่อเป็นสถานที่รองรับกำลังพลกลุ่มเสี่ยงของกองเรือยุทธการ และประชาชนในพื้นที่บริเวณใกล้เคียง ภายใต้กรอบการพึ่งพาตนเอง ด้วยขีดความสามารถที่มี โดยการใช้บุคลากรทางการแพทย์ของกองเรือยุทธการ ร่วมกับแพทย์จากโรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ กรมแพทย์ทหารเรือ ปฏิบัติงานในการดูแลกำลังพล และครอบครัวของกองเรือยุทธการที่เข้าข่ายกลุ่มเสี่ยง จากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ตลอดจนประชาชนที่กองเรือยุทธการได้รับการประสานจากโรงพยาบาล หรือหน่วยงานในพื้นที่ใกล้เคียง เป็นการแบ่งเบาความแออัดของโรงพยาบาลภาครัฐบาล ซึ่งปัจจุบันได้จัดเตรียมพื้นที่ของกองการฝึก กองเรือยุทธการ ให้สามารถรองรับผู้ติดเชื้อ/กลุ่มเสี่ยง ได้ประมาณ 200 เตียง

กองเรือยุทธการ และชมรมภริยากองเรือยุทธการ ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ กำลังพล และบุคลากรทางการแพทย์ รวมพลังต่อสู้เพื่อฝ่าวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน ให้เป็นไปตามนโยบายที่ผู้บัญชาการทหารเรือเน้นย้ำอยู่เสมอ “พลังสามัคคี พลังราชนาวี”


ภาพ/ข่าว  สมนึก เชื้อสนุก

มายาคติ...ต่อผู้สูงอายุ | LOCK LENS GURU EP.15

LOCK LENS GURU / EP.15 วันศุกร์ที่ 14 พฤษภาคม

???? GURU : อาจารย์ระวีวรรณ ทรัพย์อินทร์ อาจารย์ประจำสาขาการเงิน คณะการจัดการและการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยบูรพา

 ▶️ หัวข้อ : มายาคติ...ต่อผู้สูงอายุ

 อ่านคอลัมน์เพิ่มเติม : https://thestatestimes.com/post/2021040304

 ???? ดำเนินรายการโดย เจ THE STATES TIMES 

.

.

‘THE NEXT STATES TIMES’ พบกับ 6 พิธีกรสุดคูล กับหลากสไตล์คอนเทนต์ที่ยกมาเสิร์ฟแบบรอบด้าน ทั้งข่าวสาร เกร็ดไอเดียใหม่ๆ ไลฟ์สไตล์ และความเฮฮาบนแพลตฟอร์มออนไลน์ THE STATES TIMES ได้ทุกช่องทาง

THE STATES TIMES เปิดตัว ‘THE NEXT STATES TIMES’ กับ 6 พิธีกร 6 สไตล์ ที่จะมาร่วมถ่ายทอดข่าวสาร เนื้อหาสาระ และความสนุก ผ่านรายการที่พร้อมตอบโจทย์ ‘คนรุ่นใหม่’ NEW GEN โดยนำเสนอผ่าน 8 แพลตฟอร์มดังแห่งโลกออนไลน์ 

นำทีมโดย ‘อาจารย์กิตติธัช ชัยประสิทธิ์’ นักวิชาการอิสระ และอาจารย์ด้านสถาปัตยกรรม สอนพิเศษด้านปรัชญาการเมือง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง ผู้เจนจัดในการถอดรหัสเรื่องราวของสังคมไทย การเมือง เศรษฐกิจ และโลกแห่งนวัตกรรมได้อย่างเฉียบคม ผ่านรายการ ‘NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช’ ที่พร้อมจะมาเป็นอาหารสมอง เปิดโลกแห่งการรับรู้ทุกวันเสาร์ เวลา 2 ทุ่มตรง

‘ปริม กุญชนิตา กุญชร ณ อยุธยา’ Host & Content Editor ของ THE STATES TIMES พิธีกรสาวสวย มากด้วยประสบการณ์ในแวดวงผู้ประกาศข่าวและพิธีกร สู่รายการ ‘CLICK ON CLEAR เที่ยงตรง’ เคลียร์ทุกกระแส ตรงทุกประเด็น แบบตรงเวลาเที่ยงตรง ทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ และรายการ ‘CLICK ON CLEAR THE TOPIC จับประเด็นเน้นความรู้’ เจาะประเด็นเรื่องราวสังคม การเมือง แบบเคลียร์ๆ ทุกวันศุกร์ 1 ทุ่มตรง และในฐานะ Head of Content Editor ของ THE STUDY TIMES กับก้าวสำคัญสู่ผู้เชื่อมโยงโลกแห่งการศึกษาในรายการ ‘THE STUDY TIMES STORY เวลาดีๆ ที่จะเรียนรู้ไปด้วยกัน’ ตีแผ่ทุกเรื่องราวชีวิตและการเรียน ของบุคคลน่าสนใจ ที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนวัยเรียน ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 2 ทุ่มตรง 

‘หยก THE STATES TIMES’ หรือ ‘หยก สถาพร บุญนาจเสวี’ Host & Content Editor พิธีกรสายพันธุ์คูล ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร กับการนำเสนอเรื่องเล่าและการสัมภาษณ์คนเด่นได้อย่างเป็นกันเองใน ‘BizMAX THE TOPIC จับประเด็น เน้นความรู้’ รายการที่จะล้วงลึกประเด็นสังคม การเมือง เศรษฐกิจ ที่ชวนคิดแบบง่ายๆ ทุกวันอาทิตย์ 1 ทุ่มตรง และมาฟังการพูดคุยสนุกๆ ในอีกรายการอย่าง ‘KITPLEARN ฟังง่าย ได้สาระ’ เรื่องเพลินๆ ที่พร้อมส่งแฟนๆทุกวันจันทร์ เวลา 4 ทุ่มก่อนเข้านอน และขอเปิดตัวไปพร้อมกัน กับรายการ ‘Meet THE STATES TIMES ข่าวคุยเพลิน’ รายการใหม่ที่จะมาคุยข่าวสารไปแบบเพลินๆ พร้อมเติมเต็มสาระให้กันแบบเพียวๆ ทุกวันอังคาร และพฤหัส 10 โมงตรง อย่าลืมมาพบกันนะ !! 

จัดจ้านสไตล์คนรุ่นใหม่ กับ เด็กหน้าเท่ห์ ‘เจ THE STATES TIMES’ หรือ ‘เจ ชัญญา ธีรสวัสดิ์’ พิธีกรสายสด ที่พกความกล้า มาชวนหาคำตอบจากมุมมองกูรูผู้เชี่ยวชาญหลายมิติแห่งสังคมไทย ในรายการ ‘Lock Lens Guru’ รายการที่พาทุกคนไปเลาะลึกประเด็นที่น่าสนใจ ไปกับกูรูตัวจริง ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 8 โมงเช้า

“เราจะพาคุณไปร่อน กับผู้ชายที่ไม่กระล่อน และนี่คือ กบร่อนนน” สโลแกนประจำตัวของผู้ชายอารมณ์ดี ‘กบร่อน’ หรือ ‘กบ อินทร บุณยรัตพันธุ์’ พิธีกรและ Entertainer มืออาชีพ กับบทบาทใหม่กับการเป็น Youtuber และสไตล์การพูดคุยที่จดจำง่ายตั้งแต่วินาทีแรก วันนี้เขาพร้อมจะพาเหล่า New Gen ไปร่อนในหลากสถานที่สุดเฟี้ยว และเลี้ยวหากิจกรรมแปลกใหม่มายั่วใจให้หมั่นไส้เป็นประจำในสัปดาห์ที่ 1 และ 3 ทุกเดือน วันอาทิตย์เวลาเที่ยงตรง อ้อ!! เขายังร่วมเป็นพิธีกรในรายการ ‘KITPLEARN ฟังง่าย ได้สาระ’ ที่จะมาสร้างสีสันก่อนนอนให้กับแฟนๆ ทุกวันศุกร์ 4 ทุ่มอีกด้วย

ปิดท้ายกับน้องเล็ก สาวน้อยหน้าหวาน แต่ฝีปากไม่ธรรมดา ‘อ้อน นัฐพร ศรัทธาคลัง’ ที่พร้อมจะมาเสริมทัพการันตีความสนุกทวีคูณ ในรายการ ‘KITPLEARN ฟังง่าย ได้สาระ’ ทุกวันเสาร์ เวลา 4 ทุ่ม ก่อนส่งคุณผู้ชมเข้านอนอีกเช่นกัน รวมถึงตามติดข่าวสารโลกได้ใน TikTok ช่อง THE STATES TIMES ที่เธอจะมาอัปเดตข่าวสารที่ต้องรู้ ดูจริงจังและชัดตรง สวนทางกับหน้าหวานๆ ของเธอกันเลยทีเดียว

ร่วมตามติดและให้กำลังใจพวกเขาเหล่านี้ได้ใน THE STATES TIMES เพราะเขาและเธอ จะอยู่เป็นเพื่อนคุณทุกวัน อย่าลืมหลงรักกันนะ!!

สำนักข่าวออนไลน์สำหรับคนรุ่นใหม่ THE STATES TIMES กับเส้นทางการมุ่งสู่ถนนคอนเทนต์แห่งโลกออนไลน์ ภายใต้ยอดผู้ติดตามบน Facebook มากกว่า 220,000 และพร้อมเดินหน้าเคลื่อนพลคอนเทนต์ สู่อีกแพลตฟอร์มทั้ง 8 ช่องทางในชื่อ THESTATESTIMES 

ชื่อนี้ชื่อเดียว!!

อย่าเลี้ยวไปไหนนะ!!

ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศเรื่อง ข้อบังคับหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรในเขตกรุงเทพมหานคร ว่าด้วยการจำกัดความเร็วและห้ามใช้เสียง บริเวณโดยรอบเขตพระราชฐาน (901 แลนด์) พ.ศ.2564 โดยมีสาระสำคัญว่า

เมื่อวันที่ 13 พ.ค. ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศเรื่อง ข้อบังคับหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรในเขตกรุงเทพมหานคร ว่าด้วยการจำกัดความเร็วและห้ามใช้เสียง บริเวณโดยรอบเขตพระราชฐาน (901 แลนด์) พ.ศ.2564 โดยมีสาระสำคัญว่า

ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป โดยกำหนดให้จำกัดความเร็ว ไม่เกิน 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในถนนพิษณุโลก ตั้งแต่แยกยมราช ถึงแยกพาณิชยการ

อีกทั้งห้ามใช้เสียงบริเวณโดยรอบเขตพระราชฐาน (901 แลนด์) ตามเงื่อนไข ดังนี้

1.) ถนนพิษณุโลก ตั้งแต่แยกยมราช ถึงแยกพาณิชยการ

2.) ถนนพระรามที่ 5 ตั้งแต่แยกพาณิชยการ ถึงแยกวัดเบญจมบพิตร

3.) ถนนสวรรคโลก ตั้งแต่แยกยมราช ถึงแยกเสาวนีย์ ทั้งนี้ให้ยกเลิกข้อบังคับ กฎ ระเบียบ หรือคำสั่งใดที่ขัดหรือแย้งกับข้อบังคับนี้

ยะลา - เบตง ไม่หลาบจำ จับพ่อค้าแม่ค้า ขายใบกระท่อมให้กลุ่มวัยรุ่น

เบตง ตชด. อส.อำเภอเบตง บุกค้นบ้าน จับพ่อค้า แม่ค้า ขายใบกระท่อม ให้กลุ่มวัยรุ่นและผู้ใช้แรงงาน รับสารภาพจำหน่ายมานานแล้ว ถูกจับดำเนินคดีหลายครั้งแล้ว เสียค่าปรับเสร็จขายต่อ

เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 13 พ.ค.64 นายพิชัย แก้วจำรัส ปลัดอำเภอเบตง รับผิดชอบงานยาเสพติด สืบทราบว่าพื้นที่บ้านบ่อน้ำร้อน หมู่2 ต.ตาเนาะแมเราะ อ.เบตง จ.ยะลา มีการลักลอบจำหน่ายใบกระท่อมให้กลุ่มวัยรุ่นและผู้ใช้แรงงานเพื่อนำไปต้มเป็นยาเสพติด 4x100 ซึ่งเป็นยาเสพติดที่ได้รับความนิยมในพื้นที่ภาคใต้ จึงได้ประสาน พ.ต.ท.อรรถพล  จินตาคม ผบ.ร้อย ตชด.445 ร.ต.อ.มาตุภูมิ ธรรมเนียม หัวหน้าชุดปฏิบัติการการข่าว ร้อย ฉก.ตชด.445 และผู้ใหญ่บ้าน นำกำลังเจ้าหน้าที่ ตชด. อส.อำเภอเบตง เข้าตรวจค้นจับกุม

เจ้าหน้าที่ได้วางแผนแบ่งกำลังเป็น 2 ชุด โดยชุดแรกเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 58/11 หมู่2 ซ.วังน้ำวน ต.ตาเนาะแมเราะ จับกุม น.ส.นิตย์ พุทธจักจันทร์ อายุ 45 ปี พร้อมของกลางใบพืชกระท่อมสดจำนวน 35 ถุง น้ำหนักรวม 2.38 กิโลกรัม เครื่องชั่งจำนวน 1 เครื่อง ซึ่งใช้สำหรับชั่งใบพืชกระท่อมสด อยู่ภายในห้องนอนของบ้าน จากการสอบถามเบื้องต้น รับสารภาพ จำหน่ายใบกระท่อมมาประมาณ 1 ปี แล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจค้นบ้านจับกุมมาแล้วประมาณ 3 ครั้ง ทุกครั้งแฟนจะเป็นคนรับ แต่ครั้งนี้ ตนได้เลิกกับแฟนแล้ว จึงต้องรับไว้เอง ใบกระท่อมซื้อมากิโลกรัมละ 850 บาท แล้วจะนำมาแบ่งขายให้กับกลุ่มวัยรุ่นและผู้ใช้แรงงานในราคา ขีดละ 120 บาท

ด้านเจ้าหน้าที่อีกชุด เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 80/2 หมู่2 ซ.อีสาน ต.ตาเนาะแมเราะ ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านที่เจ้าหน้าที่ชุดแรกตรวจค้น ประมาณ 100 เมตร เจ้าหน้าที่จับกุมนายสุเด็ง ยารง อายุ 43 ปี พร้อมของกลางใบพืชกระท่อมสดจำนวน 20 ถุง น้ำหนักรวมประมาณ 1.9 กิโลกรัม น้ำต้มใบกระท่อม 2 ขวด น้ำหนักประมาณ 2.2 ลิตร สอบถามเบื้องต้นรับสารภาพ ขายใบกระท่อมมาประมาณ 4 ปี แล้ว โดนเจ้าหน้าที่จับกุมดำเนินคดีมาแล้ว 4 ครั้ง พอเสียค่าปรับเสร็จ ก็กลับมาขายอีก จะรับใบกระท่อมมาครั้งละ 15 กิโลกรัม ในราคา 12,000 บาท แล้วมาขายขีดละ 100 บาท

เจ้าหน้าที่จึงตั้งข้อหา น.ส.นิตย์ มียาเสพติดให้โทษประเภท5 (ใบพืชกระท่อมสด) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และตั้งข้อหานายสุเด็ง มียาเสพติดให้โทษประเภท5 (ใบพืชกระท่อมสด,น้ำต้มพืชกระท่อม) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมทั้งนำตัวและของกลางทั้งหมดส่ง ร.ต.อ.พรชัย ชูนวล พนักงานสอบสวน สภ.เบตง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อ

‘เสกสกล’ แช่ง ‘ฝ่ายค้าน’ ไม่นึกถึงความเดือดร้อนปชช. ให้เป็นฝ่ายค้านตลอดชีพ เหน็บ อยากเป็นรัฐบาลจนลืมตัว

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงพรรคฝ่ายค้านยื่นหนังสือต่อประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช. ) ไต่สวนนายกรัฐมนตรี กรณีแก้ปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 ล้มเหลว ว่า ฝ่ายค้านเล่นการเมือง ในช่วงที่กำลังแก้ปัญหาสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิดที่ต้องการความร่วมมือจากทุกฝ่าย ถือเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม และไม่เข้าใจเหตุผลของพรรคฝ่ายค้านหรือหากต้องการเข้ามาบริหารประเทศ ขอให้เข้ามาตามกระบวนการ อย่าใช้ทางลัดกระหายอำนาจจนลืมตัว ลืมนึกถึงประชาชน ให้เล่นการเมืองแบบสร้างสรรค์เน้นการทำประโยชน์เพื่อบ้านเมือง ประชาชนจะได้ไว้วางใจเลือกกลับเข้ามาเป็น ส.ส. อีก หรือถ้าทำตัวดีอาจได้เข้ามาเป็นรัฐบาล

นายเสกสกล กล่าวว่า ขณะนี้ไม่มีใครเข้ามาแก้ไขปัญหาโควิดได้ดีเท่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่ประชาชนให้ความไว้วางใจ บุคลากรการแพทย์ ดังนั้นอย่าทำอะไรให้เกิดความเข้าใจผิด และความสับสน หรือหวังล้มรัฐบาลอยากกลับมามีอำนาจเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวจนกล้ากระทำทุกอย่างแบบไม่ลืมหูลืมตา ไม่รับรู้วิกฤตความเดือดของประชาชน พฤติกรรมเช่นนี้ถ้ามาเป็นรัฐบาลช่วยอะไรประเทศชาติและประชาชนไม่ได้แน่นอน จึงขอสาปแช่งให้เป็นฝ่ายค้านตลอดชีพจะเหมาะสมที่สุด

“สินเชื่อ สู้ภัย COVID–19” ธ.ออมสิน และ ธ.ก.ส. เปิดให้กู้ 10,000 บาท/ราย ไม่ต้องมีหลักประกัน ปลอดเงินต้นและดอกเบี้ย 6 เดือนแรก รัฐบาลตั้งเป้าช่วยเหลือสภาพคล่องประชาชนกว่า 2 ล้านคน

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดตัว “สินเชื่อสู้ภัย COVID–19” สำหรับผู้มีรายได้ประจำ อาชีพอิสระ เกษตรกรรายย่อยหรือลูกจ้างภาคการเกษตร ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา โดยอนุมัติวงเงินรวม 2 หมื่นล้านบาท ผ่านการให้สินเชื่อของธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในวงเงินธนาคารละ 10,000 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถช่วยผ่อนคลายภาระทางการเงินในเบื้องต้นให้กับประชาชนได้กว่า 2 ล้านคน  ทั้งเพิ่มสภาพคล่องในการประกอบกิจการ หรือที่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินฉุกเฉิน  บรรเทาความเดือดร้อนจากการขาดรายได้จากมาตรควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ระหว่างที่รัฐบาลเร่งบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับดำเนินชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด 

โดยธนาคารออมสิน เปิดให้ "สินเชื่อสู้ภัย COVID-19" แก่ผู้ประกอบอาชีพอิสระ ผู้ประกอบการรายย่อย และผู้มีรายได้ประจำ (ไม่รวมผู้มีรายได้ประจำจากภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ) ในขณะที่ ธ.ก.ส. เปิดให้กู้แก่เกษตรกรรายย่อยหรือลูกจ้างภาคการเกษตร ซึ่งผู้ที่จะกู้จากทั้ง 2 ธนาคารนี้ จะต้องมีสัญชาติไทย และอายุ 20 ปีขึ้นไป โดยสินเชื่อในโครงการ “สินเชื่อ สู้ภัย COVID–19” เป็นสินเชื่อที่ไม่ต้องมีหลักประกัน (Clean Loan) สำหรับอัตราดอกเบี้ยนั้นกำหนดไว้คงที่ (Flat Rate) ที่ร้อยละ 0.35 ต่อเดือน ระยะเวลากู้ไม่เกิน 3 ปี ปลอดชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 6 งวดแรก ระยะเวลาการขอกู้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนถึง 31 ธันวาคม 2564

สำหรับธนาคารออมสิน ในระยะแรกของโครงการเพื่อเป็นการควบคุมและป้องกันปัญหาการแพร่ระบาดของ COVID-19 จึงเริ่มให้บริการแก่ลูกค้าธนาคาร ที่เปิดใช้แอปพลิเคชัน MyMo อยู่แล้วก่อนวันที่ 1 พ.ค. 2564 ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 9 ล้านคน โดยเริ่มจากลูกค้าที่ได้รับผลกระทบที่อยู่ในพื้นที่สีแดงเข้ม 6 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี ชลบุรี สมุทรปราการ และเชียงใหม่ สามารถยื่นกู้ได้ทางแอปพลิเคชัน MyMo ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หลังจากนั้นในระยะต่อไปจึงจะขยายให้บริการลูกค้าในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 20 พ.ค. 2564 เป็นต้นไป ตามด้วยลูกค้ากลุ่มอื่นที่ไม่มีแอพพลิเคชัน MyMo 

ขณะที่ ธ.ก.ส. เปิดให้ร่วมโครงการผ่าน LINE Official โดยดูรายละเอียดได้ที่ www.baac.or.th หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 02 555 0555

“รัฐบาลยังมีมาตรการด้านการเงินสำหรับประชาชนและภาคธุรกิจกลุ่มต่าง ๆ อาทิ พระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2564 ซึ่งประกอบด้วยมาตรการสินเชื่อฟื้นฟู และมาตรการพักทรัพย์พักหนี้ โครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS9 ของบริษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ของธนาคารแห่งประเทศไทย และมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล โดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรียังได้มีการประชุมหารือร่วมกับทีมเศรษฐกิจทุกสัปดาห์ เพื่อเร่งพิจารณาแนวทางช่วยเหลือประชาชน และมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการในแต่ละกลุ่มธุรกิจอย่างเหมาะสมที่สุด” นายอนุชา กล่าว

อนุทิน ย้ำ วอล์คอินฉีดวัคซีนป้องกัน โควิด-19 ดีเดย์ 1 มิถุนายนนี้ ยืนยันจังหวัดบุรีรัมย์ไม่มีสิทธิพิเศษรับวัคซีนก่อนจังหวัดอื่น เผยโรงพยาบาลบุษราคัม เมืองทองธานีมีหมอพยาบาลดูแลผู้ป่วยเต็มที่

เมื่อเวลา 08.45 น.วันที่ 14 พ.ค.ที่อิมแพค เมืองทองธานี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ ก่อนพิธีเปิดโรงพยาบาลบุษราคัม ที่เมืองทองธานีว่า โรงพยาบาลบุษราคัมไม่ใช่โรงพยาบาลสนาม แต่รองรับผู้ป่วยโควิดสีเหลืองที่มีอาการค่อนข้างหนักขึ้น โดยมีจำนวนทั้งหมด 1,092 เตียง พร้อมเปิดรับผู้ป่วยในวันนี้ (14 พ.ค.) หลังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เปิดอย่างเป็นทางการซึ่งจะเปิดรับผู้ป่วยได้ทันที โดยโรงพยาบาลบุษราคัม มีโรงพยาบาลเจ้าภาพคือโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า จังหวัดนนทบุรี รวมถึงการใช้เครือข่ายโรงพยาบาลสนับสนุน ซึ่งจะรับผู้ป่วยจากโรงพยาบาลหลาย ๆ แห่งทั้งโรงพยาบาลสนาม, Hospitel ที่จะทำการส่งตัวมารักษา ยืนยันว่าโรงพยาบาลบุษราคัมมีอุปกรณ์ และบุคลากรทางการแพทย์ มีเพียงพอรองรับการรักษาผู้ป่วย ซึ่งบูรณาการร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศ

นายอนุทิน กล่าวว่า เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้กับประชาชนที่ถูกต้องตรงกัน ขอให้ประชาชนรับฟังข้อมูลจากหน่วยงานภาครัฐกระทรวงสาธารณสุขเป็นหลัก โดยกรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุข จะประชาสัมพันธ์เน้นย้ำเรื่องการ walk in ของประชาชนเข้ามาติดต่อเพื่อรับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดด้วยตัวเอง ว่าจะเป็นการเริ่มดีเดย์ 1 มิถุนายน เป็นต้นไป โดยต้องบริหารจัดการวัคซีน จัดให้กับกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่าง ๆ บริหารจัดการในพื้นที่เอง โดยให้บริหารจัดการให้มีเผื่อการ walk in ของประชาชนไว้ด้วย

“สำหรับที่จังหวัดบุรีรัมย์มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าได้รับวัคซีนเป็นสิทธิพิเศษนั้น ไม่เกี่ยวว่าเป็นจังหวัดใด จะบุรีรัมย์หรือลำปาง เชียงใหม่ พัทลุง ให้อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด แต่ละจังหวัดทำเรื่องร้องขอตามจำนวนที่ต้องการ เพื่อให้กระทรวงสาธารณสุขจัดจำนวนให้ จัดไปตามกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มต่าง ๆ ถ้าบริหาร แค่กระทรวงสาธารณสุขโดยลำพังไม่มีปัญญาที่จะทำได้ครบทั้งหมดทั่วประเทศ แต่สาธารณสุขมีหน้าที่กระจายวัคซีนให้เพียงพอและทั่วถึงในแต่ละจังหวัด” นายอนุทิน กล่าวยืนยัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top