Tuesday, 24 June 2025
TheStatesTimes

อัตราความชุกของผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในอังกฤษ ลดลงกว่าครึ่งนับตั้งแต่เดือนมีนาคม ผลจากการแจกจ่ายวัคซีนที่รวดเร็ว อย่างไรก็ตามตัวกลายพันธุ์ยังคงเป็นภัยคุกคาม จากผลการค้นพบใหม่ที่เผยแพร่ในวันพฤหัสบดี (13 พ.ค.)

บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร เมื่อวันจันทร์ (10พ.ค.) ไฟเขียวให้กลับมาโอบกอดกันและเสิร์ฟเครื่องดื่มภายในผับตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป หลังจากบังคับใช้มาตรการเข้มข้นมานานหลายเดือน ในขณะที่เขาวางกรอบสำหรับขั้นต่อไปในการผ่อนปรนข้อจำกัดล็อกดาวน์สกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

ผลการศึกษา REACT ที่ดำเนินการโดยบรรดานักวิทยาศาสตร์จากราชวิทยาลัยลอนดอน พบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อลดลงอีกครั้ง มีอัตราเฉลี่ยเหลือเพียงแค่ 1 คนต่อประชากร 1,000 คน

"การค้นพบในวันนี้ พิสูจน์ถึงผลกระทบของโครงการฉีดวัคซีนอันน่าทึ่งของเราที่มีต่ออัตราการติดเชื้อโควิด-19 ทั่วประเทศ" แมตต์ แฮนค็อค รัฐมนตรีสาธารณสุขกล่าว "เรากำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางที่ถูกต้อง แต่ด้วยการปรากฏตัวของตัวกลายพันธุ์ เรายังคงต้องระมัดระวังกันต่อไป"

ทั้งนี้สหราชอาณาจักรใช้วัคซีนที่ร่วมพัฒนาโดยแอสตร้าเซนเนก้าและมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตามเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พวกเขาเผยว่าคนอายุไม่ถึง 40 ปี จะได้รับทางเลือกในการรับวัคซีนต้นโควิด-19 ชนิดอื่นบนพื้นฐานความสมัครใจ สืบเนื่องจากความเป็นไปได้ที่มันจะเกี่ยข้องกับการเกิดลิ่มเลือดอุดตันชนิดหายาก

อนึ่งผลการศึกษานี้ไม่ครอบคลุมสกอตแลนด์ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ ซึ่งแต่ละแห่งมีระบบติดตามเคสผู้ติดเชื้อของตนเอง

การศึกษา REACT ถือเป็นการสำรวจเกี่ยวกับโควิด-19 ครั้งใหญ่ที่สุดหนหนึ่งในอังกฤษ โดยในรอบล่าสุดเป็นการศึกษาในอาสาสมัคร 127,000 คนในอังกฤษ ระหว่างวันที่ 15 เมษายน ถึง 3 พฤษภาคม

โดยรวมแล้ว ผลการศึกษาพบว่าอัตราความชุกของผู้ติดเชื้อในอังกฤษ ลดลงเหลือ 0.1% จาก 0.2% ในเดือนมีนาคม กลุ่มอายุที่ติดเชื้อสูงสุดได้แก่คนอายุระหว่าง 25-34 ปี คิดเป็น 0.21% ส่วนต่ำที่สุดคือกลุ่มอายุ 75 ปีขึ้นไป มีอัตราความชุกของการติดเชื้อที่ 0.05%

ข้อมูลพบด้วยว่า 92% ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด เป็นผู้ติดเชื้อตัวกลายพันธุ์ B.1.1.7 ซึ่งพบครั้งแรกในอังกฤษเมื่อปีที่แล้ว และมี 7.7% ที่้ติดเชื้อตัวกลายพันธุ์ B.1.617.2 ที่พบครั้งแรกในอินเดีย


ที่มา : รอยเตอร์ส

https://mgronline.com/around/detail/9640000045886

ส่ง “สุโขทัย” ชิงรางวัลเวทียูเนสโกเป็นเมืองการเรียนรู้โลก

น.อ. อธิคุณ คงมี ผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. เปิดเผยว่า ได้มอบให้สำนักงานพื้นที่พิเศษ 4 (อพท.4) จังหวัดสุโขทัย ร่วมมือกับจังหวัดสุโขทัยผลักดันสุโขทัย เข้าเป็นสมาชิกเครือข่ายเมืองแห่งการเรียนรู้ขององค์การยูเนสโก หรือ จีเอ็นแอลซี ในปี 64 ล่าสุด อพท. 4 ได้รับมอบหมายจากทางจังหวัดให้จัดทำใบสมัครโดยร่วมกับมหาวิทยาลัยนเรศวร และนำส่งต่อคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ กระทรวงศึกษาธิการ และยูเนสโก เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยจะรอการประกาศผลผู้ได้รับการคัดเลือกในเดือนมิ.ย.นี้

“ขณะนี้เอกสารการสมัครที่นำส่งไปแล้วนั้น ยังอยู่ในกระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการ เพื่อคัดเลือกเป็นตัวแทนของประเทศไทยไม่เกิน 3 เมือง เพื่อส่งให้ยูเนสโกเป็นผู้ตัดสิน หากเมืองสุโขทัยได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิกเครือข่ายเมืองแห่งการเรียนรู้ จะนับเป็นเมืองที่ 2 ของประเทศไทย โดยเมืองแรกที่ยูเนสโกคัดเลือกและประกาศผลไปแล้วเมื่อปี 62 คือ เทศบาลนครเชียงราย หากสุโขทัยได้รับเลือกเป็นจีเอ็นแอลซี จะช่วยยกระดับเมืองและพัฒนาขีดความสามารถทางการแข่งขันของพื้นที่ให้เกิดความยั่งยืนได้เป็นผลสำเร็จที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น”

สำหรับการส่งเมืองสุโขทัยเข้าชิงจีเอ็นแอลซี เพราะเห็นว่า เป็นเมืองที่มีความเข้มแข็งทางด้านศิลปะและหัตถกรรม ที่มีการสืบสานจากรุ่นสู่รุ่น ประชาชนและชุมชนในเมืองแห่งนี้ก็ได้ใช้วิชาความรู้ที่สืบทอดต่อกันมาในการประกอบอาชีพ ซึ่งการได้เข้าสู่การเป็นสมาชิกจีเอ็นแอลซี นอกจากช่วยให้เกิดการรับรู้ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มสมาชิก จีเอ็นแอลซี ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 224 เมือง ใน 52 ประเทศ กระจายอยู่ทั่วโลก เกิดการเดินทางศึกษาเรียนรู้ระหว่างกันในกลุ่มสมาชิก และยังช่วยสร้างความสนใจให้เกิดขึ้นในกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่ต้องการเดินทางเพื่อศึกษาเรียนรู้

States TOON EP.13

‘หมอจำแลง’ เยอะจุงเบยนะช่วงนี้
 

ปธ.ศาลฎีกา ยัน ศาลทำงานเชิงรุก ปรับวิธีคิด ทิ้งขนบเก่า เน้น ’ให้ศาลเป็นงานบริการ ไม่ใช้อำนาจ-เน้นกระจายความยุติธรรม ไม่เลือกปฎิบัติ’

วันที่ 13 พฤษภาคม 2564 นางเมทินี ชโลธร ประธานศาลฎีกา กล่าวตอนหนึ่งในการประชุมทางวิชาการระดับชาติว่าด้วยงานยุติธรรม ครั้งที่ 18 ในหัวข้อ “การอํานวยความยุติธรรมในยุควิถีใหม่สู่ประชาชน” กล่าวว่า ในการพิจารณาคดีในช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมา คนในกระบวนการยุติธรรม พยายามร่วมมือทำงาน โดยไม่แบ่งส่วน แม้ความสำเร็จเป็นรูปธรรมยังไม่สมบูรณ์ตามเป้าหมายที่อยากเห็น แต่ในช่วง3-4 ปีที่ผ่านมา เริ่มเห็นชัดขึ้น ซึ่งต้องขอบคุณกระทรวงยุติธรรมที่เข้ามาทำงาน และทุกคนตระหนักและให้ความสำคัญกับกระบวนการยุติธรรมมากขึ้น

แม้สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ยังไม่หยุด แต่งานของศาลและกระบวนการยุติธรรมไม่สามารถหยุดได้ ที่ผ่านมาจะมองว่าศาลเป็นองค์การที่มีความอนุรักษ์นิยม มีพิธีรีตองหรือมีอะไรที่เป็นของตัวเองค่อนข้างมาก หรือเป็นองค์กรที่ใช้อำนาจสั่งอย่างเดียว ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ปรับตัวช้า ติดขนบธรรมเดิม ซึ่งเป็นภาพในอดีต แต่ถ้าเข้ามาจะเห็นความเปลี่ยนแปลง โดยการพิจารณาพิพากษาไม่ได้ใช้อำนาจหน้าที่ แต่ได้ปรับกระบวนทัศน์ เปลี่ยนวิธีคิดให้เป็นการให้บริการ เพื่อให้คนที่เข้ามาติดต่อมีความสุขและได้รับความเป็นธรรม จะเห็นภาพว่าผู้พิพากษา ผู้บริหารศาล ทำงานเชิงรุกมากขึ้น เช่น ออกสืบพยานออนไลน์ ออกไปพบประชาชน ชี้แจงให้รู้สิทธิพื้นฐานของตนเอง โดยยึดนโยบาย 5 ด้าน ภายใต้หลักการ ‘บริสุทธิ์ ยุติธรรม’ ที่สำคัญกับประชาชน โดยเฉพาะกระจายความยุติธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ ต้องเสมอภาคให้ทุกคนเท่าเทียมกัน ไม่เลือกคนใดหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง และกระจายไปกลุ่มคนในชนบทด้วย โดยมีการตั้งศาลแขวงและศาลจังหวัดเพิ่ม เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชน เมื่อโควิด-19 ระบาด ลดขั้นตอนยุ่งยาก ต้องคำนึงความถูกต้อง เป็นธรรมคุ้มครองสิทธิ และต้องมีความสมดุลย์

นางเมทินี กล่าวว่า ส่วนเสียงวิจารณ์ว่าล่าช้า ชี้แจงว่าขณะนี้เราก้าวผ่านคำว่าพิจารณาคดีที่ล่าช้าไปแล้ว เห็นได้จากในศาลชั้นต้นมีคดีกว่าล้านคดี มีผู้พิพากษา 3 พันคน ซึ่งแต่ละคดีมีมาตรฐานระยะเวลากำหนดไว้ที่ต้องปฎิบัติ เพราะถือว่าความล่าช้าคือความอยุติธรรมอย่างหนึ่ง รวมถึงการขอประกันในศาลชั้นต้นภายในหนึ่งชั่วโมงต้องได้รับคำสั่ง ขณะที่การปรับเปลี่ยนในศาลสูง จะนัดประชุมเพื่อหารือถึงการกำหนดมาตรฐานระยะเวลาพิจารณาคดีในชั้นอุทธรณ์และฎีกา เพื่อประกาศให้ประชาชนทราบ สามารถตรวจสอบว่าการทำงานจะมีระยะเวลาเท่าไหร่ และจะมีการอ่านคำพิพากษาผ่านจอภาพไปยังเรือนจำ เพื่อให้จำเลยทราบสิทธิของตัวเองหลังมีคำตัดสินได้ทันที

ฉีดกันเถอะ วัคซีนไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด!

ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก ยืนยัน วัคซีนโควิดไม่ได้น่ากลัว มีประโยชน์มากกว่าโทษ พร้อมย้ำ แต่ถ้าติดเชื้อโควิด ผลร้ายที่ตามมาอาจน่ากลัวกว่า

กาฬสินธุ์ – สยบดราม่า “จนทิพย์” น้องโวลต์ เด็กเก่งสอบติดแพทย์ ชี้แจงว่าจนจริง สิ่งของที่มีมาจากการทำงานเก็บเงินซื้อ

เปิดใจ “น้องโวลต์” นักเรียนเก่งสอบติดแพทยศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยมหาสารคาม หลังเจอกระแสดราม่า “จนทิพย์” ระบุสิ่งของเครื่องใช้ที่เห็นทุกอย่างได้มาจากการทำงานตั้งแต่เรียนม.3เก็บเงินซื้อ เพื่อใช้ในการศึกษา พร้อมชี้แจงและขอบคุณผู้ใจบุญ ขณะที่นายอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ลงพื้นที่ให้กำลังใจ พ่อปลูกผักขายจนจริง พร้อมตั้งคณะกรรมการและที่ปรึกษาดูแลบัญชีเบิกจ่ายค่าเล่าเรียน 

จากกรณีที่มีการนำเสนอข่าวและโลกออนไลน์เผยแพร่เรื่องราวของนางสาวณัฐวดี เหล่าบุบผา หรือน้องโวลต์ อายุ 18 ปี นักเรียนโรงเรียนกาฬสินธุ์พิทยาสรรพ์ อยู่บ้านเลขที่ 14 หมู่ 9 บ้านหามแห ต.โพนทอง อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ที่สอบติดแพทย์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม แต่ฐานะทางบ้านยากจน พ่อปลูกพืชผักขาย โดยมีการเปิดรับบริจาค กระทั่งนายอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ไปตรวจสอบ พบมีผู้ใจบุญบริจาครวมจำนวนเงินกว่า 2,700,000 บาท และได้ปิดรับบริจาคไปแล้ว เนื่องจากเพียงพอสำหรับการเรียนแพทย์แล้วนั้น

ทั้งนี้ต่อมาเรื่องดังกล่าวกลับกลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาอีกครั้ง เนื่องจากในโลกออน์ไลน์มีการจับโป๊ะภาพจากคลิปวีดีโอต่าง ๆ ของน้องโวลต์ที่ออกมาก่อนหน้านี้ โดยมีชาวเน็ตจับผิดเห็นไอแพดโปร ซึ่งมีราคากว่า 25,000 บาท นอกจากนี้ยังมีแอปเปิ้ล เพนซิล ขวดน้ำหอมดิออร์ยี่ห้อหรู รถยนต์ อินเตอร์เน็ตไวไฟ การจัดฟัน มีการตั้งข้อสงสัยว่าจนจริงหรือไม่ กระทั่งมีข้อความ “จนทิพย์” เป็นอันดับ 1 ในทวิตเตอร์ มีการพูดคุยกันมากว่า 2 แสนครั้ง รวมทั้งโลกออนไลน์มีการพูดคุยกันจำนวนมาก

ล่าสุดเมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 13 พฤษภาคม 2564 นายสมเจตน์ เต็งมงคล นายอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ พร้อมด้วย พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบและให้เข้าเยี่ยมครอบครัวนางสาวณัฐวดี เหล่าบุบผา หรือน้องโวลต์ อายุ 18 ปี ที่บ้านเลขที่ 14 หมู่ 9 บ้านหามแห ต.โพนทอง อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์อีกครั้ง หลังมีกระแสดราม่า โดยพบครอบครัวน้องโวลต์อาศัยอยู่บ้านพัก ลักษณะเพิงหมาแหงนมุงสังกะสี ปลูกสร้างอยู่กลางสวนท้ายหมู่บ้านเหมือนเดิม โดยน้องโวลต์ พร้อมด้วยนายธนวุฒิ เหล่าบุบผา อายุ 53 ปี พ่อน้องโวลต์ และครอบครัว รอให้ข้อมูล

นางสาวณัฐวดี เหล่าบุบผา หรือน้องโวลต์ อายุ 18 ปี กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องขอกราบขอบพระคุณผู้ใจบุญที่ช่วยกันบริจาคเงินให้กับตนทุกท่าน ไม่คาดคิดว่าจะมีผู้ใจบุญบริจาคเงินจำนวนมากขนาดนี้ ซึ่งยืนยันว่าตนจะนำไปเป็นทุนการศึกษาในการเรียนแพทย์ เพราะอยากเป็นหมอมารักษาคน และจะทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด

นางสาวณัฐวดี กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีมีกระแสดราม่าจนทิพย์ บอกว่าครอบครัวของตนไม่จนจริงนั้น ที่จริงแล้วไม่อยากพูด แต่เมื่อมีกระแสมีก็พร้อมที่จะชี้แจงทุกอย่าง โดยเฉพาะเรื่องการจัดฟัน ตนทำงานพาดไทม์หลังเลิกเรียนหารายได้พิเศษมาตั้งแต่ ม.3 ซึ่งตอนนั้นฟันมีปัญหาได้ไปพบแพทย์แนะนำให้จัดฟันและรักษาไปด้วยเริ่มทำตอนม.4 ตอนนั้นพอมีเงินเก็บจากการทำงานจึงตัดสินใจรักษา เรื่องที่ 2 ไอแพด ตนทำงานเก็บพาดไทม์เช่นกัน พยายามเก็บหอมรอมริบประมาณ 1 ปีเศษ จึงซื้อมาใช้เพื่อค้นคว้าข้อมูลในการเรียน ส่วนอินเตอร์เน็ตไวไฟก็เป็นของพี่ชายที่ติดตั้งไว้ทำงานมีค่ารายเดือน 600 บาท พี่ชายเป็นคนชำระ

 นางสาวณัฐวดี กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีน้ำหอมนั้นตนซื้อมาในอินเตอร์เน็ตมือสอง ราคา 300 บาท มีน้ำหอมเหลือก้นขวด เอามาตั้งไว้เฉย ๆ ไม่ได้ใช้ ส่วนรถยนต์นั้นไม่ใช้ของครอบตน เป็นรถยนต์ของน้า ซื้อให้ลูกสะใภ้ใช้ ซึ่งหลังเกิดกระแสครั้งนี้ตนก็รู้สึกเสียใจ เพาะสิ่งที่ตนพูดไปนั้นเป็นความจริง ครอบครัวยากจนจริง ๆ ตนต้องทำงานหาเงินเรียนมาตั้งแต่ ม.3 ไม่อยากขอเงินพ่อ แม่อย่างเดียว และอยากให้ครอบครัวดีขึ้น กระทั่งมีความสนใจอยากเรียนแพทย์และอยากเป็นหมอ อย่างไรก็ตามขณะนี้ตนก็ได้ปิดบัญชีแล้ว และยืนยันว่าจะตั้งใจเรียนให้ดีที่สุด

ด้านนายสมเจตน์ เต็งมงคล นายอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ กล่าวว่า  จากการตรวจสอบล่าสุดสอบครอบครัวนี้ค่อนข้างยากจน พ่อปลูกผักขาย ส่วนแม่ไม่มีอาชีพ ขณะที่น้องโวลต์นั้นก็เป็นเด็กเรียนเก่งขยัน อย่างไรก็ตามล่าสุดพบว่ามีผู้บริจาคเข้ามา รวมจำนวน 3,795,000 บาท ซึ่งขณะนี้ได้ปิดรับจาคและปิดบัญชีแล้ว โดยเบื้องต้นได้ให้น้องไปทำแผนค่าใช้จ่ายเรียนแพทย์ 6 ปีมาว่า มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ และจะตั้งเป็นคณะกรรมการและที่ปรึกษาในการเบิกไปใช้จ่าย ส่วนที่เหลือก็จะเก็บไว้แยกบัญชีออกมาเป็นทุนไว้เรียนต่อแพทย์เฉพาะทางต่อไป เพื่อให้เงินบริจาคเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของผู้ใจบุญและความตั้งใจของน้องโวลต์

‘วิษณุ’ เปิดงาน “การอำนวยความยุติธรรมในยุควิถีใหม่ สู่ประชาชน” แนะ ใช้วิกฤตโควิดให้เป็นโอกาส ปรับระบบให้ดีกว่าเดิม เพื่ออำนวยความยุติธรรมให้ปชช. 

วันที่ 13 พฤษภาคม 2564 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ เป็นประธานในพิธีเปิดงานผ่านระบบประชุมคอนเฟอเรนซ์ หัวข้อ “การอำนวยความยุติธรรมในยุควิถีใหม่ สู่ประชาชน” ครั้งที่18 

โดยนายวิษณุ กล่าวตอนหนึ่งว่า ตอนที่โควิด-19 ระบาดใหม่ ๆ ในช่วง 2563 คดีความต่าง ๆ ต้องเลื่อนออกไป และต้องนัดประชุมเพื่อให้ตามเรื่องให้ทัน เรื่องนี้มีผลกระทบไปทั่ว จึงทำให้เกิดคำใหม่ขึ้นมาคือ นิวนอร์มอล หมายถึงวิถีชีวิตใหม่ การระบาดของโควิด-19 ทำให้ทุกคน ทุกฝ่าย ทุกด้านและทุกเรื่อง ต้องปรับปรุงวิธีการทำงาน และปรับปรุงวิธีคิด เพื่อให้เข้ากับการระบาด อะไรที่เคยทำก็ทำอย่างเดิมไม่ได้ ทั้งวัฒนธรรม ประเพณี หรือศาสนา เช่น การเวียนเทียนออนไลน์ ในบางประเทศทำบุญ เช็งเม้งออนไลน์ เพราะไม่สามารถแออัดได้ หรือแม้แต่การแต่งงาน สิ่งเหล่านี้เข้ามาถึงเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ที่จะต้องจัดระบบและเปลี่ยนแปลงใหม่ ในส่วนนี้จึงเกิดปัญหาขึ้นว่าอะไรที่จะต้องเปลี่ยนแปลง แล้วจะต้องทำอย่างไร คือจะทำอย่างไรในยุคนิวนอร์มอล และให้ได้ผลเหมือนเดิมหรือดีกว่าเดิม หากทำใหม่แล้วแย่กว่าเดิมก็จะต้องแย่ไปหมด เช่น ความล่าช้าในการทำคดี 

นายวิษณุ กล่าวว่า หากจะได้ให้ผลที่พึงปรารถนาหรือเกิดความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น อะไรในอดีตที่เคยทำไม่ได้ก็ดีขึ้น เพราะปัจจุบันเราเห็นการเรียนและการประชุมแบบออนไลน์ ประหยัดเวลา ประหยัดการเดินทางไปได้เป็นอันมาก ก่อนหน้านั้นรัฐบาลเคยคิดเรื่องเวิร์กฟอร์มโฮมมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยยุคน้ำมันแพง คือเมื่อหลาย 10 ปีมาแล้ว แต่ก็ทำไม่สำเร็จ พอยุคมีปัญหาทางเศรษฐกิจก็คิดเรื่องเวิร์กฟอร์มโฮมเพิ่มก็ทำไม่ได้ แต่เมื่อเกิดการเกิดโรคระบาด ทำให้เกิดการเวิร์กฟอร์มโฮมโดยพร้อมเพรียงกัน อะไรที่เคยยากก็ง่าย และก็ทำให้หลายอย่างสามารถเดินหน้าไปได้ ความจริงเรื่องนี้มีตัวอย่างให้เทียบเคียงได้หลายเรื่อง

นายวิษณุ กล่าวว่า บางคนอาจจะพูดว่าดีอยู่แล้วจะปฏิรูปไปทำไม แต่เมื่อเกิดเศรษฐกิจฟองสบู่แตกทุกคนก็รวมใจกันปฏิรูป ตอนนี้โควิด-19 เป็นวิกฤตก็ทำให้เกิดโอกาส ซึ่งโอกาสแผ่ซ่านไปในหลายเรื่อง ทั้งในเรื่องของศาสนา วัฒนธรรม ประเพณี การจัดการศึกษา แม้กระทั่งการคิดค้นเทคโนโลยีมาใช้ในการประชุมทางไกล นี่ยังไม่รวมที่มีการพูดว่า เพราะโควิด-19 ระบาดทำให้มีการไปคุ้ยเรื่องบ่อนการพนัน แรงงานต่างด้าว และสถานบันเทิงผิดกฎหมาย คือถ้าไม่มีโควิด-19 ขึ้นมาก็คงไปคุ้ยและไปรื้อยาก ความจำเป็นมันเกิดขึ้นโดยไม่มีใครอยากละเว้น นิวนอร์มอลบังคับให้เราต้องทำในกระบวนการยุติธรรมเช่นกัน แต่ปัญหามีอยู่ว่าเราจะทำอะไรและเราจะทำอย่างไร 

นายวิษณุ กล่าวว่า วันนี้เป็นการดีที่ผู้ใหญ่หลายท่านมาพิจารณาปัญหานี้สิ่งที่เราคิดกันอยู่ในเวลานี้คือประเทศไทยเรามีคณะกรรมการระดับชาติอยู่ชุดหนึ่งที่ชื่อว่า คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ เป็นหนึ่งในกรรมการที่สำคัญมากของประเทศ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเพราะในด้านกระบวนการยุติธรรมนั้น คณะกรรมการชุดนี้เป็นเวทีเดียวที่ตำรวจ อัยการ ศาล ทนายความ ราชทัณฑ์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หรือหน่วยงานอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมได้เข้ามานั่งอยู่ในที่เดียวกัน เมื่อทำงานหรือขับเคลื่อนอะไรก็จะทำไปพร้อมกันบนเวทีระดับชาตินี้ สมมติสมัยก่อนเมื่อจัดตั้งศาลขึ้นที่ไหนสักแห่งก็ไม่สามารถตั้งได้โดยง่าย เพราะแม้ศาลพร้อมจะไปจัดตั้งที่จังหวัดนั้น แต่จังหวัดยังไม่พร้อมหรืออัยการ และคุกไม่พร้อม ก็ไปต่อไม่ได้ แต่เวทีนี้คณะกรรมการชุดนี้ทำให้เมื่อจะเปิดศาลตั้งศาลหรือจะทำอะไรสักอย่างหนึ่งในกระบวนการยุติธรรมก็จะมีเวทีนี้ที่จะทำให้มาคิดทีเดียว 

"ผมหวังว่าทุกท่านจะช่วยสร้างมิติใหม่ของกระบวนการยุติธรรม เพื่อที่จะอำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชนในยุคใหม่ เพื่อให้เขาได้รับความยุติธรรมเหมือนเดิมหรือมากกว่าเดิม แม้ว่ากระแส โควิด-19 จะทำให้สถานการณ์ไม่น่าก้าวไปได้ แต่เราเชื่อว่า เราจะสามารถคิดอะไรใหม่ ๆ แปลก ๆ จากเดิมเพราะวิกฤตจะทำให้เกิดโอกาส โดยโอกาสหนึ่งที่เราอยากจะเห็นก็คือโอกาสที่จะประสิทธิ์ประสาทในการอำนวยความยุติธรรม" นายวิษณุ กล่าว

‘บิ๊กป้อม’ เร่งช่วยเกษตรกร สั่งยกระดับการพัฒนา "กว๊านพะเยา เวียงหนองหล่ม" เป็นโครงการสำคัญ  พร้อมติดตามฟื้นฟู “บึงบอระเพ็ด" กำชับ! เร่งกำจัดผักตบชวา/วัชพืช ย้ำทุกหน่วยงาน ใช้งบประหยัด-คุ้มค่า

เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2564 พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษกประจำรอง นรม. เปิดเผยว่า วันนี้เวลา 10.00น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เป็นประธานการประชุม คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่ และโครงการสำคัญ ครั้งที่ 2/2564 โดยมี ศ.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.รง เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล

ที่ประชุม ได้รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงาน การพัฒนา อนุรักษ์และฟื้นฟูแหล่งน้ำสำคัญ ตามนโยบายของรัฐบาล ได้แก่ บึงสีไฟ จ.พิจิตร, หนองหาร จ.สกลนคร และบึงราชนก จ.พิษณุโลก ซึ่งมีเป้าหมายหลัก เพื่อเป็นแหล่งกักเก็บน้ำ สำหรับการอุปโภคบริโภค การประมงพื้นบ้าน เกษตรกรรม และการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ตลอดจนเป็นพื้นที่สันทนาการ และแหล่งพักผ่อนหย่อนใจระดับท้องถิ่น มีการจัดทำโครงการภายใต้นโยบาย กนช. ซึ่งมีความคืบหน้าและความต่อเนื่อง อย่างน่าพอใจหลังจากนั้นที่ประชุม ได้มีการพิจารณาเห็นชอบ ให้มีการทบทวนแผนพัฒนา อนุรักษ์  ฟื้นฟู บึงบอระเพ็ด จ.นครสวรรค์ เพื่อรองรับการปรับเขตพื้นที่ให้เหมาะสม กับมาตรการ "ให้ หวง ห้าม" เช่นผลกระทบต่อการกำหนดแนวคลองดักตะกอน เป็นต้น นอกจากนั้นยังได้เห็นชอบให้ยกระดับ การพัฒนา กว๊านพะเยา จ.พะเยา และเวียงหนองหล่ม จ.เชียงราย ให้เป็นโครงการสำคัญ และให้เร่งจัดทำแผนปฏิบัติการภายใต้กรอบแผนพัฒนา อนุรักษ์ ฟื้นฟู กว๊านพะเยา และเวียงหนองหล่ม ตามลำดับ

พล.อ.ประวิตร ได้กำชับ สทนช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะต้องเร่งรัดการดำเนินแผนงาน/โครงการ ที่ผ่านความเห็นชอบแล้ว และนำไปสู่การปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม เน้นสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน/เกษตรกรในพื้นที่ อย่างทั่วถึง และเห็นประโยชน์ร่วมกัน สำหรับการบริหารงบประมาณ จะต้องโปร่งใส ประหยัด และคุ้มค่า ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ยังได้กล่าวย้ำว่า รัฐบาลมีความมุ่งมั่นในการแก้ปัญหาน้ำอย่างจริงจัง เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน/เกษตรกร ทุกพื้นที่ ทั่วประเทศ

“ก้าวไกล” ลั่น เดินหน้ายื่น ป.ป.ช. เชือด "ธรรมนัส" แจง รอคำวินิจฉัยศาลรธน. เป็นทางการ-ดูท่าที "ประยุทธ์" จะยังอุ้มเป็นรมต. ต่อหรือไม่

วันที่ 13 พฤษภาคม 2564 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีการตรวจสอบ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ว่า ทางพรรคก้าวไกลยังคงเดินหน้าที่จะยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้มีการไต่สวนกรณี ร.อ.ธรรมนัส เพราะพรรคก้าวไกลมองว่าปล่อยผ่านไม่ได้ การที่เรายอมให้มีรัฐมนตรีซึ่งมีประวัติอย่างชัดเจนว่ามีความเกี่ยวข้องกับการส่งออกยาเสพติดไปยังต่างประเทศ และถูกพิพากษาจำคุกยังต่างประเทศชัดเจน มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะกระทบทั้งบรรทัดฐานทางการเมือง และกระทบทั้งมาตรฐานทางจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอย่างร้ายแรง 

ซึ่งขณะนี้ทางพรรคก้าวไกลได้ร่างคำร้องไว้แล้ว แต่ยังรอคำพิพากษากลางของศาลรัฐธรรมนูญอย่างเป็นทางการ และรอดูความรับผิดชอบของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรีที่แต่งตั้ง รอ.ธรรมนัส ขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีจะดำเนินการอย่างไร จะยังยินยอม ยังจะอุ้ม รอ.ธรรมนัสเป็นรัฐมนตรีต่อไปหรือไม่ หากไม่มีการดำเนินการอะไรต่อหลังจากนี้ และมีคำพิพากษากลางของศาลรัฐธรรมนูญออกมาแล้ว พรรคก้าวไกลก็จะยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.ทันที ทั้งนี้คาดหมายว่าสัปดาห์หน้าคำวินิจฉัยกลางของศาลรัฐธรรมนูญจะออกอย่างเป็นทางการ

"ชัยวุฒิ" รมว.ดีอีเอส เร่ง ผลักดัน อินเทอร์เน็ต เป็นสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน เตรียมตั้งคณะทำงานรองรับ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ คิดค่าบริการราคาถูก หรือไม่เก็บผู้มีรายได้น้อย-ผู้รับผลกระทบจากโควิด

จากการประชุมผู้บริหารกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และหัวหน้าหน่วยงานในสังกัด ครั้งที่ 2/2564 ที่มีนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธาน

ที่ประชุมได้รายงานความคืบหน้าสืบเนื่องจากการประชุม Top Executive ครั้งที่ผ่านมา โดยหารือประเด็นสำคัญ อาทิ การผลักดันให้อินเทอร์เน็ตเป็นสาธารณูปโภคพื้นฐาน เนื่องจากปัจจุบันอินเทอร์เน็ตมีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของทุกคน ทั้งการทำงาน การศึกษา การติดต่อสื่อสาร ขณะนี้กระทรวงดีอีเอส อยู่ระหว่างการเสนอร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อเสนอแนวทางผลักดันให้อินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือสำคัญในการลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนมีค่าบริการราคาถูก หรือไม่คิดค่าบริการสำหรับผู้มีรายได้น้อย รวมทั้งกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าเรื่อง การทำงานระดับภูมิภาค การใช้ระบบ e-Office ในหน่วยงาน เป็นต้น

ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ เปิดเผยว่า สังคมยุคปัจจุบันประชาชนมีความจำเป็นต้องใช้อินเทอร์เน็ตในชีวิตประจำวัน เพื่อเข้าถึงการสื่อสาร ติดตามข้อมูลข่าวสารผ่านโซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ต่าง ๆ สามารถเท่าทันความเปลี่ยนแปลงและความเคลื่อนไหวของโลกได้อย่างรวดเร็ว และอินเทอร์เน็ตยังช่วยอำนวยความสะดวกให้ประชาชนในช่วงสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เช่น การลงทะเบียนรับสิทธิเยียวยาจากรัฐบาล การซื้อสินค้า การชำระเงินผ่านระบบออนไลน์ ก็ล้วนแต่ต้องมีสัญญาณอินเทอร์เน็ตรองรับทั้งสิ้น ทางกระทรวงดิจิทัลฯ จึงพยายามผลักดันให้อินเทอร์เน็ตเป็นสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้อย่างกว้างขวางมากที่สุด

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า หากดำเนินการสำเร็จ จะถือเป็นการช่วยเหลือและลดภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชนที่ประสบภาวะยากลำบากจากสถานการณ์ตอนนี้ เช่นเดียวกับที่ภาครัฐดูแลเรื่องค่าไฟฟ้า และค่าน้ำประปา ตามสิทธิที่ประชาขนได้รับจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top