Saturday, 21 June 2025
TheStatesTimes

พอยิ้มออก! หลังดัชนีอุตสาหกรรมเริ่มฟื้นรอบ 29 เดือน

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ภาคการผลิตอุตสาหกรรมเริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัว โยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนมี.ค. 2564 อยู่ที่ระดับ 107.73 เพิ่มขึ้น 4.12%  ขยายตัวสูงสุดในรอบ 29 เดือน สะท้อนให้เห็นแนวโน้มภาคการผลิตของประเทศเติบโตตามเศรษฐกิจของโลกที่ดีขึ้น รวมถึงรัฐบาลไม่ได้ใช้มาตรการล็อกดาวน์ และกลุ่มแพร่ระบาดไม่ได้อยู่ในกลุ่มแรงงานโรงงาน 

“ภาคการผลิตอุตสาหกรรมยังคงประกอบกิจการได้อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับรัฐบาลยังคงมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการเราชนะ เรารักกัน คนละครึ่งเฟส 3 และประเทศไทยเริ่มทยอยฉีดวัคซีนให้ประชาชนและมีแผนบริหารจัดการวัคซีนให้ครอบคลุมทั่วประเทศภายในสิ้นปี 2564 ทำให้ความเชื่อมั่นทั้งในภาคการผลิตและการบริโภคดีขึ้น”

ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิต พบว่ามีอัตราเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกันเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและความคืบหน้าของการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั้งในและต่างประเทศ ทำให้เกิดความเชื่อมั่นของผู้ผลิตและผู้บริโภค ส่งผลให้การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมไม่รวมทองคำและรายการพิเศษเดือนมี.ค. 2564 ขยายตัว 25.77% เป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และเป็นการขยายตัวระดับ 2 หลักในรอบ 31 เดือน ซึ่งจากการกลับมาขยายตัวของดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมนี้ ทำให้ในไตรมาสที่ 1 ปี 2564 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวที่ 0.25%

กยศ. เคาะมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้สู้ภัยโควิด จ่ายดีลดดอกเบี้ยให้

นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะกรรมการกองทุนฯ ได้มีมติเห็นชอบให้ยกเลิกการกำหนดให้มีผู้ค้ำประกันการชำระเงินคืนกองทุนสำหรับผู้กู้ยืมเงินที่ได้รับอนุมัติให้กู้ยืมเงินและทำสัญญากู้ยืมเงินใหม่ตั้งแต่ปีการศึกษา 2564 เป็นต้นไป 

ขณะเดียวกันยังเห็นชอบมาตรการเพื่อช่วยเหลือแบ่งเบาภาระของผู้กู้ยืมเงินที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยลดอัตราดอกเบี้ยเหลือ 0.01% ต่อปีเป็นการเฉพาะกิจ สำหรับผู้กู้ยืมเงินที่อยู่ระหว่างการชำระเงินคืนกองทุนและไม่ได้เป็นผู้ผิดนัดชำระหนี้หรือเคยเป็นผู้ผิดนัดชำระหนี้ (ปกติกองทุนคิดดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อปีของเงินต้นคงเหลือ) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.– 31 ธ.ค. 2564 

พร้อมทั้ง ขยายระยะเวลามาตรการช่วยเหลือผู้กู้ยืมสู้ภัยโควิด จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. 2564 เป็นสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 2564 ทั้ง ลดเบี้ยปรับ 100% กรณีชำระหนี้ปิดบัญชี, ลดเบี้ยปรับ 80% สำหรับผู้กู้ยืมเงินที่ยังไม่ถูกดำเนินคดีที่ชำระหนี้ค้างทั้งหมดให้มีสถานะปกติ, ลดเงินต้น 5% สำหรับผู้กู้ยืมเงินที่อยู่ระหว่างการชำระเงินคืนกองทุนและมิได้เป็นผู้ผิดนัดชำระหนี้หรือเคยเป็นผู้ผิดนัดชำระหนี้ โดยชำระหนี้ปิดบัญชีในคราวเดียว และลดอัตราการคิดเบี้ยปรับเหลือ 0.5% ต่อปี สำหรับผู้กู้ยืมเงินที่ยังไม่ถูกดำเนินคดีและไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด

นอกจากนี้ยังชะลอการฟ้องร้องดำเนินคดี สำหรับผู้กู้ยืมเงินที่ผิดนัดชำระหนี้ประจำปี 2563 และปี 2564 ยกเว้นคดีที่จะขาดอายุความในปี 2564 และงดการขายทอดตลาด ทรัพย์สินของผู้กู้ยืมเงิน และผู้ค้ำประกัน ที่กองทุนได้ขอให้กรมบังคับคดียึดทรัพย์ไว้จนถึงสิ้นปี 2564 โดยกองทุนจะต้องได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากผู้กู้ยืมเงิน และผู้ค้ำประกันที่ถูกยึดทรัพย์ รวมทั้งผู้มีส่วนได้เสีย เช่น ผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วม และผู้รับจำนองที่ยึดไว้ด้วย

ที่ประชุมคณะอนุกรรมการตรวจสอบการทำงานของคนต่างด้าวในสถานการณ์การแพรร่ระบาดของโรคติดเชื้อไรรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) เห็นชอบแต่งตั้งชุดติดตามและตรวจสอบการทำงานของคนต่างด้าว 6 ชุด

เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2564 เวลา ที่ห้องประชุมเทียน อัชกุล ชั้น 10 กรมการจัดหางาน นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการตรวจสอบการทำงานของคนต่างด้าวในสถานการณ์การแพรร่ระบาดของโรคติดเชื้อไรรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) ครั้งที่ 1/2564 โดยมีนายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน นางธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พล.ต.ต. นันทชาติ ศุภมงคล ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน นายไพโรจน์ โชติกเสถียร รองปลัดกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการจัดหางาน ผู้แทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พร้อมด้วยผู้บริหารกรมการจัดหางาน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวในประเทศไทย และเน้นย้ำให้เฝ้าระวัง ตรวจสอบ คัดกรองโรคโควิด-19 ในทุกสถานประกอบการ เพื่อร่วมกันป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเคร่งครัด 

“สำหรับการประชุมวันนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งชุดติดตามและตรวจสอบการทำงานของคนต่างด้าว จำนวน 6 ชุด  เพื่อตรวจสอบ จับกุม ดำเนินคดี นายจ้าง/สถานประกอบการ และผู้เกี่ยวข้องที่จ้างคนต่างด้าวทำงานโดยผิดกฎหมาย คนต่างด้าวที่ลักลอบเข้าเมืองและทำงานโดยผิดกฎหมาย รวมทั้งคนต่างด้าวกลุ่มที่ได้รับการผ่อนผันตามมติครม.วันที่ 29 ธ.ค. 63 ประกอบกับมติครม.วันที่ 26 ม.ค. 64 และมติครม.วันที่ 7 เม.ย. 64 แต่มิได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนด” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร รองปลัดกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ชุดติดตามและตรวจสอบการทำงานของคนต่างด้าวทั้ง 6 ชุด จะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมนี้เป็นต้นไป ซึ่งคนต่างด้าวที่ทำงานโดยที่ไม่มีใบอนุญาตทำงาน หรือทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิที่จะทำได้ จะมีโทษปรับตั้งแต่ 5,000 – 50,000 บาท และจะต้องถูกส่งกลับประเทศต้นทาง ส่วนนายจ้าง/สถานประกอบการ จะถูกดำเนินคดีข้อหารับคนต่างด้าวเข้าทำงานโดยที่ไม่มีใบอนุญาตทำงาน หรือให้คนต่างด้าวทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิที่จะทำได้ มีโทษปรับตั้งแต่ 10,000 – 100,000 บาท ต่อคนต่างด้าวที่จ้างหนึ่งคน หากกระทำผิดซ้ำมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 50,000 – 200,000 บาทต่อคนต่างด้าวที่จ้างหนึ่งคน หรือทั้งจำทั้งปรับ และห้ามจ้างคนต่างด้าวเป็นเวลา 3 ปี

บึงกาฬ – อ่วมหนัก หาดคำสมบูรณ์เจอพิษโควิด-19 ยังไม่พอ พายุพัดกระหน่ำอีกรอบ

หาดคำสมบูรณ์เป็นหาดทรายเทียมตั้งอยู่หมู่ที่ 3 บ้านคำสมบูรณ์ ต.บึงโขงหลง อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำลำดับที่ 2 ของประเทศไทย เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติ หรือ Ramsar Site อันดับที่ 1098 เป็นแหล่งท่องเที่ยวท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดบึงกาฬ ที่ นทท.มักพาบุตรหลานลงเล่นน้ำคลายร้อน นอกจากทะเลน้ำจืดกว้างขวางมีคลื่นลมซัด มีอุปกรณ์เล่นน้ำให้เช่า เช่นหวงยาง เรือบานานาโบ๊ต อีกมากมายหลายอย่าง เมื่อเดือนที่แล้วเจอพิษโควิดเล่นงานจนเงียบเหงา แต่เมื่อบ่ายวันนี้เจอพิษพายุฤดูร้อนเล่นงานจนร้านรวงพังเสียหาย นอกจากนี้ตามหมู่บ้านต่าง ๆ ของจังหวัดบึงกาฬก็โดนพิษพายุไปด้วย

เมื่อเวลาประมาณ 14.00 นวันที่ 27 เม.ย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองในหลายอำเภอ ของพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ จึงทำให้มีต้นไม้ และบ้านเรือนของชาวบ้านได้รับความเสียหาย เช่น ที่บริเวณหาดคำสมบูรณ์ ต.บึงโขงหลง อ.บึงโขงหลง แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรม ถูกลมพายุฤดูร้อนพัดกระหน่ำทำให้เพิงพักร้านค้า ที่ทำเป็นลักษณะเพิงหมาแหงน ไว้ให้บริการนักท่องเที่ยว ได้รับความเสียหายหลายหลัง โดยมีร้านที่เสียหายมากที่สุด คือร้านครัวมิวสิค หลังคาที่มุงด้วยอะลูซิงค์ ถูกลมพัดหายไปทั้งหลัง ความเสียหายประมาณ 50,000 บาท ร้านเอ๋ปลาเผาความเสียหายอยู่ที่ 30,000 บาท และร้านน้องอิงปลาเผา ความเสียหายอยู่ประมาณ 10,000 บาท 

เช่นเดียวกับในเขตพื้นที่ บ้านศรีอำนวยพร ม.8 ต.ท่ากกแดง อ.เซกา มีบ้านเรือนของชาวบ้านได้รับความเสียหายจากพายุจำนวน 4 ครัวเรือน ต้นไม้ล้มทับบ้านเรือนประชาชนอีกจำนวนหนึ่ง ในเบื้องต้นนางดารณี ไกรทัศน์ ผู้ใหญ่บ้าน ม.8 พร้อมด้วย ผู้ช่วย ส.อบต. ชาวบ้าน มูลนิธิธรรมรัศมีมณีรัตน์  และเจ้าหน้าที่ อบต. เข้าช่วยตัดต้นไม้ที่หักทับชายคาเป็นที่เรียบร้อย พร้อมแจ้งไปยัง อบต.เพื่อให้ช่างได้มาดำเนินการประมาณการความเสียหาย 

ส่วนที่ในพื้นที่ตำบลนาสวรรค์ อำเภอเมืองบึงกาฬ ก็ได้รับความเสียหายจากพายุเช่นกัน โดยที่บ้านของนายประยงค์ จิตนาม บ้านเลขที่ 355 ม.1 ต.นาสวรรค์ มีผู้อาศัยอยู่ด้วยกัน 3 คน ถูกแรงลมพัดเอาหลังคาบ้านที่มุงด้วยอะลูซิงค์ ปลิวลอยไปตกกลางท้องนา เสียหายทั้งหลัง มีเสา 3 ต้น ไม้แปลและไม้จันทันยาว 8 เมตร รวม 13 ตัว สังกะสียาว 12 ฟุต จำนวน 12 แผ่น อลูซิ่งยาว 8 เมตร จำนวน 11 แผ่น คิดรวมประเมินค่าความเสียหายประมาณ 20,000 บาท และบ้านนายจันทร์ศรี รักโคตร บ้านเดียวกัน เสียหายบางส่วน กระเบื้องจำนวน 14 แผ่น เบื้องต้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งสำรวจเพื่อเข้าช่วยเหลือต่อไป 


ภาพ/ข่าว  เกรียงไกร  พรมจันทร์ / บึงกาฬ

ปราจีนบุรี – ชาวบ้านผวา น้ำในคลองเกิดฟองโฟมเป็นก้อนกลิ่นเหม็น หวั่นผลกระทบ เนื่องจากเป็นแหล่งทำมาหากิน

วันที่ 28 เมย.64 ชาวบ้าน บ้านคลองโสม ม.8 ต.ท่าตูมอ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ออกหาปลาในคลองโสมพบน้ำในคลองมีกลิ่นเหม็นจับตัวเป็นฟองสีขาวขนาดใหญ่เป็นก้อนสีขาวยาว 4 เมตร ฟองโฟมดังกล่าวเป็นมานานแล้วหลังฝนตก เดือนที่แล้วก็เกิดมีฟองน้ำสีขาวขนาดในคลองแห่งนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง ฟองโฟมจะอยู่เป็นอาทิตย์ถึงจะหมดไปเอง ประชาชนในหมู่บ้านโดยเฉพาะคนหาปลาในคลองต่างรู้สึกหวั่นวิตก อาจเกิดมาจากสารปนเปื้อนไหลจากเขตโรงงานที่อยู่ใกล้เคียงกัน

จากการลงพื้นที่พบว่า ใต้คันดินมีฟองสีขาวเป็นก้อนยาวไปตามลำคลองมีกลิ่นเหม็นฉุน และได้พบกับนายสมพร (นามสมมุติ) ตนมีอาชีพหาปลาในลำคลองกับชาวบ้านคนอื่น ๆ พบว่าฟองสีขาวในลำคลองเป็นมาครั้งหนึ่งแล้ว ครั้งแรกเดือนที่แล้วครั้งนี้ได้เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่งหลังจากฝนตกใหญ่ไม่ทราบว่าเกิดมาจากสาเหตุใดกันแน่ชาวบ้านต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าฟองโฟมที่เห็นในคลองอาจจะเกิดมาจากการปนเปื้อนสารเคมีที่ไหลลงสู่คลองตามธรรมชาติ แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเกิดจากการปนเปื้อนสารเคมีหรือไม่

ชาวบ้านต่างหวาดกลัวไปตาม ๆ กัน เนื่องจากคลองแห่งนี้นั้น เป็นแหล่งหากินของชาวบ้านที่ออกมาหาปลาซึ่งเป็นวิถีชีวิตของชาวบ้าน ฟองโฟมสีขาวที่เห็นในครั้งนี้เกิดขึ้นมาแล้ว 2 วันหลังจากฝนตกหนัก ชาวบ้านให้ข้อมูลว่า “น้ำในคลองมีกลิ่นเหม็นฉุนแสบจมูก หากใครไม่เชื่อให้มาดูด้วยตาตัวเองว่ามีกลิ่นเหม็นมากน้อยเพียงใด ยอมรับว่าปลาในคลองนี้ไม่ค่อยมีเหมือนแต่ก่อนอาจจะหนีไปอยู่ที่อื่น” ซึ่งน้ำในคลองแห่งนี้จะไหลลงสู่แม่น้ำบางปะกงหรือแม่น้ำปราจีนบุรี ที่อยู่ห่างกันแค่ 1 กม.เท่านั้น


ภาพ/ข่าว ลักขณา สีนายกอง

สระแก้ว - กองกำลังบูรพา พร้อมด้วยตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว และด่านศุลกากรอรัญประเทศ ลุยเข้าตรวจ 6ช่องทางธรรมชาติชายแดนไทยกัมพูชา เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

พันเอกเสกสรรค์ พรหมศักดิ์ รองผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา พร้อมด้วย พันตำรวจเอก รัชพงศ์ เตี้ยสุด รองผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 รักษาการผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสรแก้ว ,พันเอก เอกพงษ์ กฤตยาเกียรติชุติ ผู้บังคับชุดควบคุมกรมทหารพราน 12 , เจ้าเหน้าที่ด่านศุลกากรอรัญประเทศ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภออรัญประเทศ เดินทางเข้าตรวจสอบช่องทางธรรมชาติบริเวณตลาดหลังคาแดง ซึ่งอยู่บริเวณด้านหลังของ บิ๊กซีสาขาตลาดโรงเกลือ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของกองร้อยทหารพราน 1205 จากนั้นได้เดินทางไปตรวจช่องทางธรรมชาติอีก 2ช่องทางซึ่งอยู่ด้านหลังของโรงเรียนบ้านท่าข้าม ตำบลท่าข้าม ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของกองร้อยทหารพราน 1201

นอกจากนั้นได้เข้าตรวจช่องทางธรรมชาติในพื้นที่บ้านโคกสะแบงอีก 3 จุดซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของกองร้อยทหารพราน 1202 โดยช่องทางธรรมชาติที่เข้าทำการตรวจสอบทั้งหมดในครั้งนี้เป็นช่องทางธรรมชาติที่อยู่ในพื้นที่ชายแดนอำเภออรัญประเทศและอยู่ตรงข้ามกับบ่อนกาสิโนฝั่งปอยเปตประเทศกัมพูชา

ซึ่งจากการตรวจสอบช่องทางธรรมชาติทั้งหมดดังกล่าว พบว่าช่องทางธรรมชาติทั้งหมด มีลำคลองพรมโหดขนาดเล็กขวางกั้นอยู่ และมีแนวลวดหนามหีบเพลง 3 ชั้นวางขวางกั้นอยู่อย่างแข็งแรง ที่สำคัญมีกำลังเจ้าหน้าที่ทหารพรานคอยดูแลอย่างเข้มงวด และจากการตรวจสอบอย่างละเอียดไม่พบร่องรอยการเดินทางข้ามชายแดนแต่อย่างใด ซึ่งไม่ได้เป็นช่องทางธรรมชาติที่มีการลักลอบข้ามชายแดนตามที่มีกระแสข่าวในข่าวโซเชียลแต่อย่างใด ทั้งนี้การตรวจสอบช่องทางธรรมชาติในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการป้องกันการลักลอบข้ามชายแดนของแรงงานผิดกฎหมายและนักเล่นพนันแล้ว ยังเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จากฝั่งประเทศกัมพูชาอย่างเข้มงวดอีกด้วย


ภาพ/ข่าว เพลิน พิมพ์อรัญ / วีระยุทธ สารการ / บูรพาทีวีออนไลน์ รายงาน

อุดรธานี – ‘เจ้าของร้านป้าย’ชาวอุดร ร่วมใจกับเพื่อนส่งตู้ตรวจโควิด-19 แบบสนามช่วยนักรบชุดขาว

สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในประเทศไทยยังมีตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงขึ้นทุกวัน เฉพาะ จ.อุดรธานี ณ วันที่ 27 เมษายน 2564  โดยมีผู้ติดเชื้อสะสม 327 ราย และยังมีแนวโน้มที่จะติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นอีก ท่ามกลางการควบคุมโรค มาตรการเข้มงวดต่างๆ ต้องอาศัยการร่วมแรงร่วมใจจากทุกภาคส่วนเพื่อลดตัวเลขการติดเชื้อ ดังเช่นภาคเอกชนของ จ.อุดรธานี ได้รวบรวมเงินทุนเพื่อสร้างตู้ตรวจโควิดแบบสนาม (Positive swap test box) ส่งมอบต่อ รพ.อุดรธานี สนับสนุนการทำงานของนักรบชุดขาวให้ทำงานได้สะดวกและปลอดภัยมากขึ้น

วันที่ 27 เมษายน 2564 เวลา10.30 น. ที่ร้านบางกอกพลาสติค หรือ ร้านทำป้าย เลขที่ 559/28 – 29 ถ.โพศรี ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี นายณัฐพงษ์ แซ่ตั้ง หรือเฮียณัฐ อายุ 43 ปี เจ้าของร้าน  ได้ทำการสาธิตในการประกอบตู้ตรวจโควิดแบบสนาม (Positive swap test box) โดยมีลูกน้องที่ร้าน 3 คนเป็นลูกมือช่วยกันประกอบชิ้นส่วนต่างๆ เพื่อส่งต่อไปยัง รพ.อุดรธานี ให้ทีมแพทย์พยาบาลได้ใช้ในการตรวจรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด – 19 ซึ่งเฮียณัฐ ให้ข้อมูลและแนะนำวิธีการประกอบอย่างอารมณ์ดี

นายณัฐพงษ์ แซ่ตั้ง  เปิดเผยว่า โควิค – 19 เป็นโรคระบาดที่น่ากลัวมาก ติดตามข่าวอยู่เป็นประจำและเห็นความเหน็ดเหนื่อยของทีมแพทย์พยาบาลที่ต้องดูแลพี่น้องประชาชน จากการพูดคุยในกลุ่มเพื่อนฝูงอยากจะสนับสนุนการทำงานของพี่น้องสาธารณสุข จึงมีแนวคิดสร้างตู้ตรวจโควิดแบบสนามเพื่ออำนวยความสะดวกในการตรวจรักษา ต้นแบบเดิมเราเห็นจากโรงพยาบาลต่าง ๆ จะให้ผู้ป่วยอยู่ด้านในและรับการตรวจ เราจึงปรับเปลี่ยนมาเป็นให้คุณหมอคุณพยาบาลอยู่ข้างในแทน ไม่ต้องสวมชุด PPE ร้อน ๆ สามารถทำงานได้สะดวกมากขึ้น

ตัวตู้สูง 195 ซม. กว้าง 115 ซม. ลึก 90 ซม. มีล้อเลื่อนด้านล่าง โครงสร้างทำจากสแตนเลส พื้นเป็นเหล็กซิงค์ ผนังทำจากพลาสวู้ด และติดตั้งระบบไฟส่องสว่าง พร้อมกับเครื่อง Smile O2 หรือเครื่องกรองอากาศ 3 ตัว ดูดอากาศเข้า 2 ตัว ระบายอากาศออก 1 ตัว งบประมาณทั้งสิ้น 73,000 บาท ต่อ 1 ตู้ โดยเป็นการบริจาคของพรรคพวกเพื่อนฝูง ทางร้านก็จะช่วยในงบประมาณบางส่วนและออกแรงในการประกอบตู้ขึ้นมา  โดยประกอบและส่งมอบมาแล้ว 1 ครั้ง จำนวน 4 ตู้ เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2563 มอบให้กับ โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ,โรงพยาบาลสกลนคร ,โรงพยาบาลหนองคาย และ โรงพยาบาลบึงกาฬ”

นายณัฐพงษ์ แซ่ตั้ง เปิดเผยอีกว่า ล็อตนี้เรามีงบประมาณประกอบ 2 ตู้ น่าจะผ่านการทดสอบพร้อมส่งมอบในวันพฤหัสบดีนี้ โดยจะมอบให้กับ โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ต่อไป หากท่านใดสนใจที่ร่วมสนับสนุนตู้ตรวจโควิดแบบสนาม (Positive swap test box) เพื่อสู้กับโรคร้ายครั้งนี้ สามารถบริจาคได้ที่ บัญชี ธ.กรุงศรีอยุธยา ชื่อบัญชี : นรุตม์ชัย ศุภชัยสาคร เลขที่  215-1-56101-9 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ พิชัย เอื้อมธุรพจน์ (เฮียเปา) ทางร้านบางกอกพลาสติค เปิดมากว่า 45 ปี  ซึ่งตนเองเป็นรุ่นที่ 3 แล้ว ทางครอบครัวก็เห็นว่าจะเป็นการช่วยเหลือสังคมได้อีกทางหนึ่ง จึงร่วมสนับสนุนและส่งกำลังใจให้ทีมแพทย์พยาบาลทุก ๆ ท่าน


ภาพ/ข่าว  นายกฤษดา จันทร์ดวง ผู้สื่อข่าว จ.อุดรธานี

เชียงราย - ทหารผาเมือง รวบ 15 เมียนมา ก่อนข้ามแดนจะไปทำงานกรุงเทพฯ

เวลา 02.30 น.วันที่ 28 เม.ย.64 กำลังทหาร ร้อย.ม.3 บก.ควบคุมที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 กองกำลังผาเมือง ภายใต้การอำนวยการของ พ.อ.สัมฤิทธิ์ ฉัตรวัฒนาสุกล ผบ.ฉก.ม.3 นำโดย ร.อ.พิสิฐ อภิเดช ผบ.ร้อย.ม.3 นำกำลัง 1 ชุดปฏิบัติการ ได้เดินลาดตระเวณในพื้นที่รับผิดชอบ จนกระทั่งถึงบ้านสันผักฮี้ หมู่ 3 ต.แม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงรายได้พบกลุ่มบุคคลต้องสงสัยกลุ่มใหญ่  ได้เดินผ่านบริเวณดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตนเข้าขอตรวจค้น  โดยพบว่ากลุ่มดังกล่าวมีจำนวน 15 คน  เป็นชาย 6 คน เป็นหญิง 9 คน อายุระหว่าง 19 ถึง 38 ปี โดยเดินทางมาตากรัฐคะฉิ่น และรัฐฉาน ประเทศเมียนมา

จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การรับสารภารภาพว่าได้ลักลอบข้ามพรมแดนมาเพื่อที่จะไป ทำงานที่กรุงเทพฯ โดยมีนายหน้าพาข้ามพรมแดน มาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อมาถึงแล้วจะมีคนมารับ เพื่อไปส่งถึงกรุงเทพฯ แต่ก็มาถูกเจ้าหน้าที่ตรวจพบเสียก่อน หลังจากทำการสอบสวนแล้วทางเจ้าหน้าที่ได้ประสาน เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง เชียงราย เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่สาย ฝ่ายปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เทำการเข้าจับกุม และควบคุมตัวนำส่ง พนักงานสอบสวน สภ.แม่สาย เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย และคัดกรองเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19  ต่อไป


ภาพ/ข่าว  ณัฐวัตร ลาพิงค์

แม่ฮ่องสอน - สถานการณ์ฝั่งเมียนมายังไม่สงบ มีการบินโจมตีทางอากาศยานทหารเมียนมา และยังได้ยินเสียงปืน เหนือ ’ฐานด๊ากวิน’ ตรงข้ามบ้านท่าตาฝั่ง

เมื่อเวลา 10.30 น. หน่วยงานความมั่นคงของไทย ด้านจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า สถานการณ์สู้รบในฝั่งประเทศเมียนมา แถบชายแดนลำน้ำสาละวิน มีการบินโจมตีทางอากาศ โดยอากาศยานทหารเมียนมา จำนวน 2 ลำ ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ที่ฐานด๊าก-วิน ของทหารเมียนมา กองพันเคลื่อนที่เร็วที่ 340  บริเวณด้านตรงข้าม บ้านท่าตาฝั่ง ต.แม่ยวม  อ.แม่สะเรียง  จ.แม่ฮ่องสอน และ ยังได้ยินเสียงปืนเป็นระยะ ผลการปะทะ ยังไม่ทราบรายละเอียดและการสูญเสียของทั้งสองฝ่าย โดยเจ้าหน้าที่กองร้อยทหารพรานที่ประจำอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ยังคงติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ทุกขณะ และ คาดว่าอาจมีมวลชนกะเหรี่ยงอพยพข้ามมาฝั่งไทยได้ทุกขณะ

ซึ่งทางศูนย์สั่งการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยนายสิธิชัย จินดาหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน   จะสรุปสถานการณ์การสู้รบในฝั่งประเทศเมียนมาอีกครั้งในช่วงบ่ายของวันนี้

ส่วนกรณี หากมีผู้หนีภัยความไม่สงบ ชาวเมียนมา หลบหนีข้ามฝั่งมายังฝั่งไทย จะได้ดำเนินการตามแผนบริหารจัดการ โดยดำเนินการนำผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา พักรอในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว (พื้นที่แรกรับ) ซึ่งอยู่ในการกำกับดูแลของทางทหาร บริเวณชายแดน โดยมีการคัดกรอง COVID – 19 และแยกพื้นที่ ตามมาตรการสาธารณสุขต่อไป และในส่วนกระบวนการทางสาธารณสุขอื่น ๆ ได้มีมาตรการในการเตรียมความพร้อมรองรับไว้ครบถ้วนแล้วตามหลักมนุษยธรรม   กรณีการสู้รบมีความรุนแรงและยืดเยื้อมีแผนดำเนินการเคลื่อนย้ายผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา เข้าไปพักรอในพื้นที่พักรอที่จัดเตรียมไว้ ซึ่งห่างจากชายแดน ประมาณ 1 กิโลเมตร โดยจะดูแลตามหลักมนุษยธรรม ทั้งนี้ ยังคงยืนยัน เจ้าหน้าที่รัฐไม่สนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง มุ่งเน้นให้ประชาชนชาวไทย ที่อยู่ใกล้กับพื้นที่ ที่เกิดเหตุการณ์ได้รับความปลอดภัยสูงสุดและทั้งนี้จะดูแลช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรม กับทั้ง 2 ฝ่าย อย่างเท่าเทียมกัน

สถานการณ์ทั่วไป เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงยังคะปิดกันไม่ให้เข้าพื้นที่การสู้รบ ตั้งแต่ปากเข้าบ้านแม่สามแลบ  ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน เนื่องจากยังไม่สามารถคาดการณ์เหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เพื่อความปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีคำสั่งปิดจุดผ่อนปรนทางการค้า  บ้านแม่สามแลบ และ งดการเดินเรือในลำน้ำสาละวิน  ตั้งแต่ 28 เมษายน 2564 เป็นต้นไป  และห้ามผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในพื้นที่ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยและการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด


ภาพ/ข่าว  สุกัลยา / ถาวร อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน 

ชลบุรี - ทหารเรือพื้นที่สัตหีบ ร่วมฝ่ายปกครอง ตำรวจ สาธารณสุข ออกตรวจพื้นที่ตลาดกลางวันและกลางคืน เน้นย้ำให้ประชาชนป้องกันมาตรการโควิด-19

เมื่อวันที่ 27 เม.ย.64 ฐานทัพเรือสัตหีบ มอบหมายให้ เจ้าหน้าที่ พัน สห.ทร.ที่ 2ฯ ร่วมกับฝ่ายปกครองอำเภอสัตหีบ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สัตหีบ สาธารณสุขอำเภอสัตหีบ ร่วมกันออกตรวจตามคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อ จว.ชลบุรี ที่ 18/2564

โดยในวันนี้ลงพื้นที่ตลาดสดและร้านอาหาร สถานบริการในพื้นที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เวลา 16.00 น. ตรวจบริเวณตลาดไนท์พลาซ่า ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เวลา 21.00 น. ตรวจร้านอาหารและสถานบริการ กำชับให้ปฏิบัติตามเวลาที่กำหนด เพื่อเน้นยำให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการ COVID-19 ซึ่งผลการปฏิบัติเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการและประชาชนเป็นอย่างดี


ภาพ/ข่าว  สมนึก เชื้อสนุก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top