Saturday, 21 June 2025
TheStatesTimes

ฝ่ายความมั่นคงไทย ยังคงตรึงกำลังมิให้มีการละเมิดหรือรุกล้ำอธิปไตย หลังสถานการณ์ชายแดนยังไม่สงบ พบ เครื่องบินเมียนมาบินตรวจการเป็นระยะ ชาวบ้านยังหวาดกลัวไม่กล้ากลับเข้าหมู่บ้าน

ความเคลื่อนไหวสถานการณ์ชายแดนฝั่งเมียนมา บริเวณตรงข้ามบ้านแม่สามแลบ อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน หลังเกิดเหตุกะเหรี่ยง KNU บุกโจมตีฐานที่มั่นทหารเมียนมา เมื่อวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยชาวบ้านยังเห็นเครื่องบินเมียนมา บินตรวจการในพื้นที่ฝั่งประเทศเมียนมาเมื่อวานนี้

ซึ่งก่อนหน้านี้มีชาวบ้านแม่สามแลบบางส่วนที่อพยพไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย สมัครใจที่จะกลับไปอาศัยอยู่บ้านเนื่องจากเป็นห่วงข้าวของ แต่ต้องยกเลิกการตัดสินใจทันที บางส่วนไปพักอาศัยบ้านญาติที่อยู่ห่างจากพื้นที่ริมน้ำที่ลึกเข้ามา และ บางส่วนได้เดินทางกลับเข้าไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยที่บ้านห้วยกองก๊าด เหมือนเดิม หลังจากช่วงเที่ยงของเมื่อวานชาวบ้านเห็น เครื่องบินบินผ่านบริเวณฐานซ่อแลท่า ฝั่งประเทศเมียนมา

ขณะที่ ทางหน่วยงานฝ่ายความมั่นคงของไทย ยังคงปิดกั้นไม่ให้สื่อหรือบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องใด ๆ เข้าไปในพื้นที่บ้านแม่สามแลบ เนื่องจากต้องป้องกันความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของสถานการณ์การณ์โควิด และ การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และ ยังคง ตรึงกำลังมิให้มีการละเมิดหรือรุกล้ำอธิปไตย และ คอยช่วยเหลืออำนวยความสะดวกแก่ ผู้หลบหนีภัย และให้การช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บตามหลักมนุษยธรรม


สุกัลยา / ถาวร รายงาน

ก้าวไกลเปิดตัว Think Tank ประเดิมข้อเสนอเฉพาะหน้าช่วยลูกจ้าง-ผู้ประกอบการจากพิษโควิด

พรรคก้าวไกลเปิดตัว Think Tank ประเดิมเปิดข้อเสนอ 7 มาตรการช่วยเหลือเยียวยาลูกจ้าง-ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการคำสั่งของรัฐบาลในการป้องกันโควิด ย้ำสถานะการคลังยังกู้เพิ่มได้ แต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีความสามารถในการบริหารจัดการงบประมาณ

29 เมษายน 2564 พรรคก้าวไกลเปิดตัวศูนย์นโยบายเพื่ออนาคต หรือ Think Forward Center นำโดย ดร.เดชรัต สุขกำเนิด ผู้อำนวยการ เพื่อรับฟัง ศึกษา วิจัย และออกแบบนโยบายในการพัฒนาประเทศไทยระยะยาว

สำหรับมาตรการเฉพาะหน้านั้น ดร.เดชรัต กล่าวว่าขณะนี้ระบบสาธารณสุขกำลังอยู่ในภาวะวิกฤต ประชาชนล้มตายจากโควิด-19 รายวัน เนื่องจากการวางแผนเตรียมความพร้อมระบบสาธารณสุขที่ผิดพลาดของรัฐบาล แต่รัฐบาลกลับไม่กล้าพอจะประกาศล็อกดาวน์ เพราะไม่พร้อมจะรับผิดชอบเยียวยาประชาชน รัฐบาลใช้วิธีสั่งปิดสถานประกอบการและห้ามออกนอกเคหะสถานโดยใช้อำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด ทำให้สถานการณ์ในขณะนี้ ไม่ต่างอะไรกับมีการล็อกดาวน์ เศรษฐกิจหยุดชะงัก ประชาชนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า 

ศูนย์นโยบายเพื่ออนาคตหรือ Think Forward Center ในนามสถาบันนโยบายสาธารณะ (Think Tank)  ของพรรคก้าวไกลจึงมีข้อเรียกร้องถึงรัฐบาล ดังต่อไปนี้

1) รัฐต้องพยุงการจ้างงาน โดยรัฐบาลจ่ายเงินสนับสนุนเพื่อช่วยคงการจ้างงาน ในอัตรา 30% ของเงินเดือน แต่ไม่เกิน 3,500 บาท/คน/เดือน เป็นเวลา 3 เดือน และจะช่วยสนับสนุนเงินเพื่อคงการจ้างงานไม่เกิน 100 คน/สถานประกอบการ โดยมีเงื่อนไขไม่ปรับลดคนออก เพื่อช่วยให้สถานประกอบการขนาดเล็ก/แรงงานอิสระยังคงการจ้างงาน/การทำงานไว้ได้ จำนวนผู้ได้รับประโยชน์ประมาณ 17 ล้านคน ใช้งบประมาณราว 100,000 ล้านบาท

2) รัฐต้องชดเชยการว่างงานอันเนื่องมาจากประกาศคำสั่งของรัฐ โดยไม่นำเงินกองทุนประกันสังคมจ่ายเงินชดเชยว่างงานด้วยเหตุสุดวิสัย หากมีนโยบายชดเชยคนที่ต้องหยุดงานชั่วคราวด้วยคำสั่งของรัฐ ผู้ที่ต้องจ่ายคือรัฐบาล อย่านำเงินที่ลูกจ้าง นายจ้างร่วมกันสมทบไปจ่าย

3) จ่ายชดเชยตรงให้กับผู้ประกอบการที่ต้องถูกสั่งปิดกิจการโดยคำสั่งรัฐ สถานประกอบการเหล่านี้จะถูกสั่งปิดเป็นอันดับต้นๆ เสมอ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ร้านนวด ร้านเสริมสวย ผับ บาร์ สถานศึกษา สถานรับเลี้ยงเด็ก สนามกีฬา กองถ่ายละครและภาพยนตร์ รวมไปถึงผู้ประกอบอาชีพอิสระที่เกี่ยวข้อง โดยเร่งด่วน ซึ่งทุกการระบาดที่ผ่านมายังไม่เคยมีการชดเชยโดยตรงให้ผู้ประกอบการแม้แต่บาทเดียว

4) จ่ายเงินเยียวยาผลกระทบ สำหรับผู้ที่อายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 3,000 บาท/เดือน เป็นเวลา 2 เดือนทันที โดยมีจำนวนผู้ได้รับประโยชน์ประมาณ 50 ล้านคน ใช้งบประมาณ 300,000 ล้านบาท

5) นำมาตรการ asset warehousing มาประยุกต์ใช้สำหรับหนี้ครัวเรือน เช่น การยืดระยะเวลาการไถ่ถอน การลดอัตราดอกเบี้ย และการมีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย(3 เดือน) สำหรับสถานธนานุบาลและสถานธนานุเคราะห์ และมีมาตรการพักทรัพย์ พักหนี้สำหรับสินเชื่อที่อยู่อาศัย โดยรัฐบาลมีงบประมาณสนับสนุนค่าใช้จ่ายส่วนต่างในการดำเนินการ 

6) ให้สินเชื่อเพื่อค่าใช้จ่ายในการศึกษา โดยให้ผู้ปกครองสามารถนำใบเสร็จค่าบำรุงการศึกษา และค่าใช้จ่ายเพื่อการศึกษาอื่น(รวมถึงค่าอินเตอร์เน็ต) มาขอกู้เงินแบบปลอดดอกเบี้ยตลอดปี 2564 ที่ธนาคารของรัฐ(เช่น ธนาคารออมสิน) จากนั้นจึงจะเริ่มให้คืนเงินกู้ และคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำ ในปี 2565 เป็นต้นไป โดยรัฐบาลต้องให้งบประมาณสนับสนุนโดยการชดเชยอัตราดอกเบี้ย เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองที่ต้องขาดรายได้

7) สนับสนุนวงงบประมาณสำหรับการใช้สัญญาณอินเตอร์เน็ต และ/หรืออุปกรณ์ทางการศึกษา(ที่เหมาะสมกับสภาพการเรียนการสอนแบบทางไกล/ออนไลน์) สำหรับนักเรียนและนักศึกษาทุกคน ตลอดภาคการศึกษาที่ 1 ปีการศึกษา 2564 ในวงเงิน 1,500 บาท/ภาคการศึกษา และภาครัฐควรประสานกับ กสทช. และภาคธุรกิจโทรคมนาคม ให้สามารถให้บริการในค่าบริการที่ต่ำที่สุด

“ข้อเสนอทั้งหมดนี้ พรรคก้าวไกลและ Think Forward Center เป็นทางรอดของประเทศ ถึงแม้ว่าจะเป็นรัฐบาลชุดใหม่มาบริหาร แม้ว่าการดำเนินการตามแนวทางนี้จะมีผลให้งบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลเพิ่มขึ้นก็ตาม แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถดำเนินการได้ โดยหากมีการกู้ยืมเงินอีกในวงเงิน 1 ล้านล้านบาท ผ่านการออกพระราชบัญญัติและกระบวนการพิจารณาของรัฐสภา ก็จะทำให้สัดส่วนภาระการชำระหนี้ต่องบประมาณทั้งหมดอยู่ประมาณ 12.5% ของงบประมาณทั้งหมด และจะทำให้สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP เพิ่มขึ้นเป็น 65% ของ GDP ซึ่งแม้จะเกินจากกรอบเดิมที่เคยกำหนดไว้ แต่ก็เป็นแนวทางที่จะสร้างประโยชน์กับประชาชนในสถานการณ์ที่ประชาชนมีความยากลำบาก โดยเฉพาะสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ที่สูงกว่า 90% ของ GDP แล้วในปัจจุบัน”

“แต่การกู้เงินรอบใหม่ไม่สมควรกระทำในรัฐบาลปัจจุบันภายใต้การบริหารของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะเมื่อดูจากผลงานการใช้จ่ายงบประมาณจาก พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาทที่ผ่านมา พบว่ารัฐบาลนี้ไม่มีความสามารถที่จะอนุมัติและเบิกจ่ายโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงไม่สมควรจะเป็นผู้รับผิดชอบหากจะต้องมีการกู้เงินเพิ่มในครั้งใหม่นี้” ดร.เดชรัต กล่าวสรุป

นอกจากมาตรการเฉพาะหน้าในระยะสั้นที่ได้กล่าวมาแล้วแล้ว พรรคก้าวไกล และ Think Forward Center เห็นว่ารัฐบาลควรมีแผนการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยหลังโควิด โดย Think Forward Center จะนำเสนอนโยบายในระยะกลางและระยะยาว เพื่อปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทย ขอให้ผู้ที่สนใจติดตามต่อไป

ป.ป.ช. เปิดทรัพย์สิน “นายกอบจ.เลย” สามีที่ปรึกษา​ "อนุทิน" รวย 212 ล้านบาท​ พบ เมียเป็นบอร์ดบ.โบนันซ่า ซัมมิท ในเมียนมาร์ อึ้ง​ ครอบครองรถเกือบ 40 คัน ด้าน ผอ.ป.ป.ช.เลย จ่อ สอบเชิงลึก

เมื่อวันที่ 29 เมษายน พ.ศ.2564 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของนายธนาวุฒิ ทิมสุวรรณ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเลย กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2564   โดยนายธนาวุฒิ ระบุประวัติการทำงานย้อนหลัง 5 ปี ว่าดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเลยมาตั้งแต่ปี 2544 

มีนางใยอนงค์ ทิมสุวรรณ เป็นคู่สมรส และยังระบุตำแหน่งปัจจุบันในหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่นของรัฐหรือหน่วยงานเอกชน ว่ามีตำแหน่งที่ปรึกษาของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท Bonanza Summit Co.Ltd ซึ่งตั้งอยู่ที่ Heho Village, Taunggyi District Shan State, Myanmar ด้วย

นายธนาวุฒิและนางใยอนงค์ มีทรัพย์สินรวมทั้งสิ้น 212,232,960 บาท เป็นของนายธนาวุฒิ 146,426,116 บาท ของนางยายอนงค์ 65,806,844 บาท โดยทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นที่ดิน เงินลงทุน และยานพาหนะ 

ทั้งนี้​ ผู้ยื่นและคู่สมรสมีหนี้สินรวมทั้งสิ้น 26,165,393 บาท โดยส่วนใหญ่เป็นเงินกู้จากธนาคารและสถาบันการเงินอื่น

ในส่วนของที่ดินที่ผู้ยื่นและคู่สมรสแสดงไว้ในรายการบัญชีทรัพย์สินรวมทั้งสิ้น 67 รายการมูลค่ารวม 150,673,892 บาท โดยที่ดินส่วนใหญ่อยู่ในอำเภอวังสะพุงจังหวัดเลย และที่จังหวัดขอนแก่น เชียงใหม่ กรุงเทพฯ​ ส่วนยานพาหนะผู้ยื่นและคู่สมรสแสดงรายละเอียดไว้จำนวน 36 รายการ ประกอบด้วยรถยนต์และรถจักรยานยนต์ มูลค่ารวม 13,159,000 บาท ทั้งนี้มีการระบุวันที่ได้มาพบว่า มีการครอบครองตั้งแต่ปี 2537-2559 และเป็นหมายเลขทะเบียนของทั้งจังหวัดเลย กรุงเทพฯ และอุดรธานี

สำหรับทรัพย์สินอื่นที่มีมูลค่า 200,000 บาทขึ้นไปผู้ยื่นแสดงไว้ทั้งสิ้น 5 รายการมูลค่ารวม 9,700,000 บาท ประกอบด้วย นาฬิกาโรเล็กซ์ฝังเพชร 1 เรือน งาช้าง 2 คู่ พระเครื่อง 68 องค์ สร้อยคอทองคำ 20 เส้น แหวน 26 วง โดยระบุว่าทั้งหมดเป็นมรดก

ด้านนายทวิชาติ นิลกาญจน์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดเลย กล่าวว่า เป็นการแจ้ง บัญชีทรัพย์สินในส่วนของยานพาหนะตามที่ผู้ยื่นมีชื่อครอบครองทะเบียนรถ แต่อย่างไรก็ตามขอตั้งเป็นข้อสังเกตไว้และอาจมีการตรวจสอบยืนยัน หรือตรวจสอบเชิงลึกต่อไป

"ปารีณา" ซัด รมต.นินทา "บิ๊กตู่" นิสัยผู้หญิง ตะเพิด ไม่พอใจก็ลาออกไป ยัน สัมพันธ์พรรคร่วมยังปึ้ก แม้วิจารณ์ "บิ๊กตู่" จัดการโควิดห่วย 

วันที่ 29 เมษายน 2564 ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพปชร. กล่าวกรณีที่พรรคร่วมรัฐบาลโจมตีการทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และพรรคพปชร. ว่า ความสัมพันธ์ของพรรคร่วมยังดี การออกมาแสดงความเห็นของสมาชิก เป็นสิทธิเสรีภาพ แต่ในภาวะที่รัฐบาลต้องต่อสู้กับโควิด-19 ไม่ใช่เวลาที่จะมาทะเลาะกัน ควรร่วมมือแก้ปัญหา เรื่องนี้คล้ายผัวเมียทะเลาะกัน ลิ้นกับฟัน พ่อกับลูก ที่อาจกระทบกันบ้างแต่ก็ไม่มีอะไร แม้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จะบอกว่าไม่มีอะไรแต่ลูกพรรคก็ยังโจมตีไม่หยุด ถ้าอยากแสดงออกก็ควรเสนอเเนวทางแก้ปัญหาดีกว่าการแสดงออกที่ไม่สร้างสรรค์ 

นางสาวปารีณา กล่าวว่า ที่หลายฝ่ายมองว่าเมื่อสถานการณ์โควิด-19 แย่ลง พรรคร่วมเริ่มที่จะตีตัวออกห่างและมีโอกาสจะถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาล ยืนยันว่าความสัมพันธ์ยังแน่นแฟ้นกับนายกฯจึงเป็นไปไม่ได้ที่ประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยจะถอนตัว และให้เพื่อไทยเข้ามาแทนที่ ส่วนที่ครม.โอนอำนาจให้นายกฯสั่งการเรื่องวัคซีน เป็นเรื่องที่ดีและจำเป็นเพราะจะทำให้การบริหารจัดการแก้ไขปัญหารวดเร็วและง่ายขึ้น โดยไม่ต้องมารอ

“คนที่วิจารณ์ก็วิจารณ์ไปเรื่อยคนทำงานก็เหนื่อยกันไป ทางที่ดีมาช่วยกันดีกว่า ใครมีอะไรก็เเนะนำมาทั้งฝ่ายค้านและพรรคร่วมรัฐบาล แต่ไม่ควรจะทำให้เกิดบรรยาการแบบนี้ “

เมื่อถามว่ากรณีมีรัฐมนตรีบางคนแอบนินทานายกรัฐมนตรี น.ส.ปารีณา กล่าวว่า การนินทานั้น เป็นเรื่องของผู้หญิง ดังนั้นคนที่นินทาก็มีนิสัยของผู้หญิง ก็อยากจะรู้ว่าเป็นใคร ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ดีอยู่แล้ว  คิดว่าถ้าไม่พอใจก็ควรจะลาออกไปเลย 

นายกฯ ถกเอกชนเร่งสปีด 'วัคซีน ทีมไทยแลนด์' ฉีดคนไทย 70% ก่อนสิ้นปี เชื่อช่วยฟื้นประเทศได้ในปี 65

นายกฯ ถกเอกชนเร่งสปีด 'วัคซีน ทีมไทยแลนด์' ฉีดคนไทย 70% ก่อนสิ้นปี เชื่อช่วยฟื้นประเทศได้ในปี 65

รมว.คลัง ระบุ ยังไม่มีแผนกู้เงินเพิ่ม เผยยังมีเงินสำรอง 3.8 แสนล้านบาท

วันที่ 29 เมษายน 2564 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.การคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังยังไม่มีแผนที่จะออกพระราชกำหนด(พ.ร.ก.) กู้เงินเพิ่มเติม โดยยืนยันว่ากระทรวงการคลังยังมีงบประมาณในการดูแลสถานการณ์โควิด-19อีก 3.8 แสนล้านบาท โดยมาจาก พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท เพื่อใช้ในสถานการณ์โควิด-19ในส่วนของเงินกู้เพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่เหลือ 2.4 แสนล้านบาท และงบกลางของปีงบประมาณ 2564 ภายใต้งบกลางเพื่อกรณีฉุกเฉินและจำเป็น 9.9 หมื่นล้าน และค่าใช้จ่ายในการบรรเทาโควิด-19 อีก 4 หมื่นล้านบาท

สำหรับการออกมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ ในช่วงเดือน เม.ย. นี้ กระทรวงการคลังต้องขอติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดก่อน เพราะมีการปิดบางกิจการ และการความร่วมมืองดการเดินทาง ซึ่งถ้าสถานการณ์ยืดเยื้อ ประชาชนก็จะได้รับความเดือดร้อนมากขึ้น ถ้าจำกัดการแพร่ระบาดได้ ผลกระทบก็ลดลง ซึ่งตอนนี้นโยบาย เวิร์ค ฟอร์ม โฮม (Work form Home)ก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทุกภาคส่วน

“นายกรัฐมนตรีมอบนโยบายให้ดูแลผู้ที่ได้รับผลกระทบ มาตรการก็มีหลายรูปแบบทั้งในส่วนของมาตรการเยียวยา และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ผ่านมามาตรการคนละครึ่ง โดยให้ประชาชนมีส่วนช่วยเหลือ ก็ได้ผลดี แต่จากสถานการณ์ตอนนี้ ที่ยังอยู่ในช่วงของการระบาด ก็ต้องรอดูสถานการณ์ก่อนว่า จะออกมาตรการได้ในช่วงใด ตอนนี้มาตรการเราชนะ ม33 เรารักกัน ก็ยังมีเวลาเหลืออยู่ ยังเพียงพออยู่” นายอาคม กล่าว

การบินไทยผุดแคมเปญล่ารายชื่อหนุน “พีระพันธุ์” นั่งบริหารแผนฟื้นฟู เตรียมยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีและเจ้าหนี้รายใหญ่ 3 พ.ค.นี้

วันที่ 29 เมษายน พ.ศ.2564 นายนเรศ ผึ้งแย้ม  ที่ปรึกษาสหภาพแรงงานการบินไทยร่วมใจสัมพันธ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ทีมงานได้ทำแคมเปญสำรวจความคิดเห็นของพนักงานทุกกลุ่มผ่านทาง Change.org ในประเด็นสนับสนุนให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค มาเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูการบินไทย

โดยเหตุผลที่มีการทำแคมเปญนี้ขึ้นมา เพราะที่ผ่านมาการบินไทยยังขาดผู้บริหารที่มีความซื่อสัตย์ เป็นธรรม และโปร่งใส แม้จะออกจากรัฐวิสาหกิจมาแล้วขณะนี้ก็ยังมองไม่เห็นทางรอด จึงต้องการคนอย่างนายพีระพันธุ์ ให้มาบริหารแผนฟื้นฟูการบินไทยเพราะมองว่าเป็นความหวังที่จะพาการบินไทยไปรอด ถือเป็นบุคคลที่เก่ง มีประสบการณ์

อย่างไรก็ตามขณะนี้ผลการลงชื่อในแคมเปญสนับสนุนให้นายพีระพันธุ์เป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูการบินไทยผ่าน Change.org เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาพบว่ามีคนเข้ามาสนับสนุนแล้วกว่า 1,267 คน โดยหลังจากนี้จะนำหนังสือไปยื่นต่อนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และเจ้าหนี้รายใหญ่ทั้ง 3 ราย ในวันที่ 3 พ.ค.นี้

ปชป. เผยหลังเปิดศูนย์ประสานงานฉุกเฉิน โควิด-19 เพื่อช่วยผู้ป่วยตกค้าง ไม่มีเตียง พบเคสประสานมา กว่า 50 ราย ช่วยได้แล้วเกินครึ่ง

เมื่อวันที่ 29 เมษายน พ.ศ 2564 พรรคประชาธิปัตย์ นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรค ในฐานะหัวหน้าทีมผู้รับผิดชอบประสานข้อมูลผู้ติดเชื้อเพื่อการส่งต่อ ศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉิน โควิด-19 (ศปฉ.ปชป.) ที่มี ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค เป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค กรุงเทพมหานคร และนางสาวจิตภัสร์ ตั๊น กฤดากร รองเลขาธิการพรรค เป็นรองผู้อำนวยการศูนย์ฯ ได้เปิดเผยว่าหลังจากที่ได้มีการแถลงข่าวเปิดศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉิน โควิด-19 เพื่อช่วยประสานคลี่คลายปัญหาผู้ป่วยติดเชื้อตกค้างได้ให้เข้ารับการรักษาในสถานพยาบาล ไปเมื่อวันที่ 25 เมษายน ที่ผ่านมา ความคืบหน้าถึงวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2564 สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยไปได้แล้ว 30 ราย จากที่ขอความช่วยเหลือประสานมา 49 ราย

โดยนางดรุณวรรณ กล่าวว่าอยากขอบคุณทุกภาคส่วนที่ช่วยกันอย่างเต็มที่ ทำให้สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็ว ทั้งในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข บุคลากรทางการแพทย์ทุกคนที่เสียสละ อดทน ทำงานกันอย่างหนักเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยในสถานการณ์ ส.ส. อดีต ส.ส. อดีต ส.ก. อดีต ส.ข ในพื้นที่รวมถึงบุคลากรของพรรคและจิตอาสาที่ได้ร่วมมือร่วมใจกันในยามที่ประเทศชาติเกิดวิกฤต 

ทั้งนี้ ทีมประสานข้อมูลผู้ติดเชื้อเพื่อการส่งต่อ ของศูนย์ฯ (DEM Call Team) ของพรรคได้ทำงานกันอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เปิดศูนย์ฯ มา ได้รับการร้องขอความช่วยเหลือมาโดยตลอด ทั้งจากอดีต ส.ส. อดีต ส.ก. อดีต ส.ข ในพื้นที่ รวมถึงช่องทางออนไลน์ของพรรค ทีมได้พยายามประสานให้เร็วที่สุดในทันทีที่ได้รับข้อมูลมาจากทุกแหล่ง เพราะเข้าใจดีว่าหากผู้ติดเชื้อ Covid-19 ได้รับการช่วยเหลือช้า จะส่งผลต่อการดูแลตนเองและการป้องกันการแพร่กระจายของโรคในขณะที่ยังไม่ได้รับการดูแลรักษาในสถานพยาบาลร่วมด้วย และขอขอบคุณสถานพยาบาลบางแห่งที่ได้ติดต่อมาเพื่อช่วยรับผู้ป่วย รวมถึง Hospitel ทั้งหมดนี้ ทีมงานจะเร่งประสานและส่งต่อข้อมูลไปยังผู้รับผิดชอบของภาครัฐเพื่อให้ดำเนินการตามมาตรการที่เหมาะสมต่อไป

“จากที่ขอความช่วยเหลือมาถึงปัจจุบันจำนวน 49 ราย และยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง  เราช่วยไปแล้ว 30 ราย บางรายช่วยหาเตียงได้ภายในหนึ่งวัน ทำให้ผู้ป่วยถูกส่งต่อไปยังโรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม รวมถึง Hospitel และเข้าไปรับการรักษาตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว บางรายอยู่ระหว่างรอรถมารับ จากการประสานงานสิ่งที่น่ากังวลคือพบผู้ติดเชื้อบางส่วนรอเตียงไม่น้อยกว่า 4-5 วัน บางกลุ่มรอจนติดกันทั้งครอบครัว ทั้งนี้ภายใต้การทำงานของศูนย์ฯ จะพยายามทำให้เต็มที่ เพื่อช่วยให้ทุกคนปลอดภัยมากที่สุด ตามแนวทางที่ท่านหัวหน้าพรรค และท่านเลขาธิการพรรคได้กำชับและแสดงความห่วงใยมาโดยตลอด” นางดรุณวรรณ กล่าว 

นางดรุณวรรณ ยังกล่าวเสริมด้วยว่าผู้บริหารพรรคได้ให้แนวทางไว้ว่าจะให้การช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง จนกว่าสถานการณ์จะเริ่มคลี่คลายเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชนโดยเฉพาะผู้ติดเชื้อ Covid-19 ที่ยังคงตกค้าง แบบไม่เลือกฝั่งเลือกฝ่ายอย่างเท่าเทียม ทั่วถึงและเสมอภาค โดยยึดหลักทำให้ "เร็ว" ช่วยให้ "รอด" ลดการ "กระจาย" เชื้อ และลด “อัตราการติดเชื้อ” ให้ได้มากที่สุด

ทั้งนี้ผู้ติดเชื้อ ครอบครัวหรือผู้ที่เกี่ยวข้องของผู้ติดเชื้อที่ยังตกค้างไม่มีเตียง สามารถส่งข้อมูลหรือเรื่องราวร้องทุกข์ผ่านทางทีมบุคลากรของพรรคในพื้นที่ (Offline) ช่องทางบลูเฮ้าส์ 02 828 1010 รวมทั้งสื่อสังคมออนไลน์ (Online) ของพรรค โดยช่องทางโซเชียลมีเดียของพรรคจะใช้ 2 ช่องทางหลักคือทางกล่องข้อความ Facebook : facebook.com/DemocratPartyTH และ Twitter : twitter.com/democratTH โดยการประสานงานจะเน้นสนับสนุนการทำงานของภาครัฐเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด เพื่อส่งผู้ป่วยไปยังสถานพยาบาลที่เหมาะสม หรือนัดหมายและส่งตัวผู้ป่วยหรือผู้ติดเชื้อไปยังสถานพยาบาลได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย
 

ชลบุรี - กองเรือยุทธการ จัดอบรมศาสตร์พระราชาให้แก่พลทหารก่อนปลดประจำการในวาระเมษายนนี้ เพื่อเป็นแนวทางสู่การปฏิบัติตามเกษตรทฤษฎีใหม่แบบประยุกต์

วันที่ 27 เมษายน 64 พล.ร.อ.สุทธินันท์  สมานรักษ์ ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ มอบหมายให้ น.อ.กฤษดา จิระไตรพร ผู้บังคับการกองสนับสนุน กองเรือยุทธการ จัดการอบรมพลทหารที่กำลังจะปลดประจำการในวาระเมษายน 2564 เพื่อปลูกฝังเกษตรทฤษฏีใหม่แบบประยุกต์ (โคก หนอง นา) ณ พุทธสถานกองเรือยุทธการ และทำการอบรมในภาคปฏิบัติ ณ สวนผักรัษ์สุข กองเรือยุทธการ โดยมีหัวข้อการสอน ประกอบด้วย การเตรียมดิน , เพาะกล้าดิน , ปลูกเพอร์มาคัลเจอร์ (permaculture) , การเพาะต้นกล้าผัก , การทำน้ำหมัก/จุลินทรีย์ สำหรับบำรุงพืชผักและดิน , การจัดการแมลงศัตรูพืช

เพื่อส่งเสริมให้พลทหารที่ปลดไป ให้มีความรู้ในการปลูกผักปลอดภัย มีคุณภาพได้มาตรฐานเพื่อบริโภค อันเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายของครัวเรือน หากเหลือจากการบริโภคแล้ว สามารถจำหน่ายเป็นรายได้เสริมอีกด้วย น้อมนำแนวทางที่ได้ต่อยอดจากปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำริของพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร  ซึ่งในช่วงโควิดระบาดแบบนี้ เสบียงอาหารเป็นเรื่องสำคัญ เราทุกคนต่างก็ได้รับผลกระทบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราคาที่มีการปรับสูงขึ้น การปิดตัวหรืองดการจำหน่ายของแหล่งขายอาหารในภาวะต่าง ๆ ทำให้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตเป็นอย่างมาก การมีวัตถุดิบที่หลากหลายเก็บไว้ในบ้าน หรือหน่วยงาน เพื่อทำอาหารกินเองนั้น ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ

โดยนอกจากเนื้อสัตว์ และเครื่องเทศแล้ว สิ่งที่เราควรมีติดบ้านไว้ก็คือ “ผักสวนครัวที่ปลูกเอง” เพราะถ้าเราปลูกไว้ได้มากพอ นอกจากจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในเรื่องอาหารการกินได้แล้ว เรายังได้งานอดิเรกใหม่เพิ่มขึ้นด้วย การปลูกผักกินเองนั้น คือ ความมั่นคงทางอาหารที่เราสร้างได้ แม้จะเป็นการเริ่มต้นจากสิ่งเล็กน้อย เช่น การปลูกพริก ผักบุ้ง คะน้า ตำลึง แต่เมื่อยิ่งปลูกก็จะยิ่งงอกงาม ช่วยประหยัดค่าอาหารได้ตลอดทั้งปี เมล็ดที่ได้มาจากพืชที่ปลูกก็สามารถหมุนเวียนปลูกต่อหรือแบ่งปันต่อได้ เศษผักบางชนิดอย่างเช่น หอม กระเทียม  แครอท สัปปะรด ก้านผักกาด ผักสลัด ก็สามารถปักลงดินและเติบโตต่อได้เช่นกัน โดยไม่มีสิ่งเหลือทิ้ง เศษอาหารก็กลับมานำเป็นปุ๋ยใช้ต่อได้ เป็นการสร้างความมั่นคงด้านอาหาร

ในการนี้ คุณสุนันท์ สมานรักษ์ ประธานชมรมภริยากองเรือยุทธการ ได้นำคณะภริยาสมาชิกในชมรม ร่วมศึกษาดูงานในการเรียนการสอน การเตรียมดินเพาะกล้า และการทำน้ำหมัก/จุลินทรีย์ ณ สวนผักรักษ์สุข กองเรือยุทธการ เพื่อจะได้นำมาเผยแพร่ให้กำลังพลในกองเรือยุทธการนำมาประยุกต์ใช้ในครอบครัวต่อไป


ภาพ/ข่าว  สมนึก เชื้อสนุก

‘สันติ พร้อมพัฒน์’ ปิ๊งไอเดีย เล็งหาที่ราชพัสดุ เสนอครม. ทำบ้านเช่าคนจน ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยให้มีที่อยู่อาศัย ล็อคเป้าที่ราชพัสดุ ในสมุทรปราการ 1,000 ไร่ เหมาะทำเป็นโครงการนำร่อง

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้กรมธนารักษ์ เร่งนำที่ราชพัสดุทั่วประเทศมาจัดสรรสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยและที่ดินด้านเกษตรกรรม เพื่อช่วยให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัย และที่ทำกินประกอบอาชีพสร้างงาน สร้างรายได้เป็นของตัวเอง โดยสามารถนำมาพัฒนาเป็นที่อยู่ให้เช่าในราคาไม่สูง ซึ่งกรมธนารักษ์จะต้องกำหนดหลักเกณฑ์ของผู้ที่มีสิทธิในการเช่าที่ดิน รวมถึงรายละเอียดของที่ดินราชพัสดุ ที่จะนำมาพัฒนาเสนอให้กระทรวงการคลังพิจารณา ก่อนเสนอให้ที่ประชุมครม. อนุมัติต่อไป

“กรมธนารักษ์ สามารถนำที่ราชพัสดุมาพัฒนาเป็นที่อยู่ให้เช่าในราคาไม่แพง เมื่อประชาชนมีที่อยู่อาศัย มีที่ทำกิน มีรายได้ ก็ย่อมมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นไปด้วย ที่สำคัญยังช่วยให้กรมธนารักษ์มีรายได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม”

ทั้งนี้ ล่าสุดกรมธนารักษ์ได้รวบรวมที่ดินราชพัสดุที่มีศักยภาพ พร้อมพัฒนาให้เป็นที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย และที่ดินทำกิน สร้างงาน สร้างอาชีพ ซึ่งในเบื้องต้นมีที่ราชพัสดุแถวจังหวัดสมุทรปราการ 1,000 ไร่ ที่มีศักยภาพนำมาพัฒนาได้ โดยขณะนี้กรมฯ กำลังกำหนดหลักเกณฑ์ผู้ที่มีสิทธิเช่าที่อยู่อาศัย และที่ดินราชพัสดุสำหรับผู้มีรายได้น้อย เพื่อให้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด ป้องกันไม่ให้มีการสวมสิทธิมาเช่าที่อยู่อาศัย แต่ไม่ได้อยู่เอง แต่เอาไปปล่อยเช่าต่อ เป็นต้น โดยคาดว่ากลางเดือนพ.ค.นี้ จะเสนอให้กระทรวงการคลังพิจารณาต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top