Wednesday, 18 June 2025
TheStatesTimes

อำนาจเจริญ - สร้างขวัญกำลังใจ เป็นสิริมงคงในยามวิกฤต โรคระบาดโควิด-19 สรงน้ำพระบวงสรวง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ปัดเป่าให้อยู่ดีมีสุขลูกหลานไร่ภูย่านางในวงครอบครัว

วันที่ 20 เมษายน 2564 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดจากเจ้าของไร่ภูย่านาง ว่าทุก ๆ ปีจะนำพาลูกหลานและคนทำสวนร่วม ทำพิธี ทำบุญไหว้บวงสรวงในห่วงเทศการสงกรานต์ให้ เจ้าที่พระภูมิเจ้าที่ แม่นางธรณี เจ้าป่าเจ้าเขาตามความเชื่อได้มาปกปักป้องคุ้มครองรักษา ให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุข โดยเฉพาะในยามนี้ที่โรคระบาด covid19 จึงทำพิธี เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้มาปกป้องคุ้มครอง ในพิธีเล็ก ๆ แต่ก็มีความสำคัญในความเชื่อกับสิ่งนี้โดยหมอสูตรพรามห์ ได้ป่าวสักเคเทวดา ได้มาคุ้มครองให้ ลูกหลานชาวไร่ ภููย่านาง ได้มีความสุขความอุดมสมบูรณ์ ก็ยังมีแม่พุทธรักษา เจ้าของในได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวอีกว่าไร่ภูย่านางแห่งนี่ยังได้ปลูกไม้พยุงเป็นไม้มงคลเพื่อพยุง ชีวิตพยุงครอบครัวพยุงบ้านเมือง ให้อยู่อุดมสมบูรณ์ และยังมีพืชเศรษฐกิจ ซึ่งทำรายได้คือไร่มะม่วงหาวมะนาวโห่ เป็น ผลไม้ปลูกง่ายสร้างรายไดได้ด้วยนำมาแปรรูปแล้วดื่มกินเพื่อ สุขภาพ กระปี้กระเป่า

เจ้าของสวนยังได้กล่าวผ่าน ผู้สื่อข่าวในตอนท้ายว่าเชิญชวนผู้ที่สนใจในด้านการปลูก ไร่มะม่วงหาวมะนาวโห่สามารถที่จะมาดูชมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ


ภาพ /ข่าว  ประวัติ นิธตชะยศสกุล

ปราจีนบุรี – เกิดเหตุไฟไหม้สายสัญญาณโทรศัพท์บนเสาไฟฟ้ าเจ้าหน้าที่เร่งฉีดน้ำสกัด

ช่วงเที่ยงของวันที่ 20 เม.ย. 64 ได้เกิดเหตุไฟไหม้สายสัญญาณโทรศัพท์บนเสาไฟฟ้า ที่อยู่หน้าร้านขายกาแฟ เจ้าของร้านต้องทิ้งร้านหนี ก่อนที่ชาวบ้านจะแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ และหน่วยดับเพลิงจากเทศบาลเมืองปราจีนบุรี โดยที่เกิดเหตุอยู่ห่างจากแยกสัญญาณไฟปราจีนตคาม อำเภอเมืองปราจีนบุรีเพียงเล็กน้อย ต่อมาเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างบำเพ็ญธรรมสถานปราจีนบุรี ได้พยายามนำถังดับเพลิงเคมีเข้าฉีดสกัดไฟ แต่เนื่องจากต้นเพลิงที่เกิดเหตุอยู่บนเสาไฟ ทำให้ไม่สามารถฉีดถึง ได้แต่คอยฉีดสกัดเพลิงที่อยู่ด้านล่างไม่ให้ลุกลาม จากนั้นรถน้ำดับเพลิงจากเทศบาลเมืองปราจีนบุรีได้มาถึง และใช้น้ำฉีดดับไฟ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้

สำหรับความเสียหายนั้น มีป้ายร้านค้าที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุถูกไฟไหม้เสียหาย สายโทรศัพท์จำนวนมากก็ถูกไฟไหม้เสียหายเช่นกัน ซึ่งในช่วงที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ต้องจัดการจราจรไม่ให้รถยนต์ผ่านในจุดที่เกิดเหตุ เนื่องจากมีสายสัญญาณโทรศัพท์หล่นลงมาขวางทางเดินรถทั้ง 2 ฝั่ง และเนื่องจากเกรงจะเกิดอันตรายจากกระแสฟ้า จึงต้องรอให้เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าฯทำการตรวจสอบ และตัดกระแสไฟเสียก่อน

ส่วนสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้นั้น ต้องรอให้เจ้าหน้าที่ส่วนเกี่ยวข้องทำการตรวจสอบถึงสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ โดยชาวบ้านละแวกดังกล่าวต่างให้ความเห็นว่า บนเสาไฟฟ้ามีสายสัญญาณโทรศัพท์เป็นจำนวนมาก ไม่มีระเบียบ อาจทำให้เกิดการเสียดสีหรือทำให้เกิดความร้อนจนเป็นสาเหตุให้ไฟไหม้ได้


ภาพ/ข่าว  ณัฐวัฒน์  กุลเศรษฐ์สุวภา ผู้สื่อข่าว จ.ปราจีนบุรี

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เผย พฤติกรรมการหลอกลวงคนหางานไปทำงานต่างประเทศ ปัจจุบันนายหน้าเถื่อนใช้สื่อออนไลน์โฆษณาจัดหางานอย่างเปิดเผย พร้อมแอบอ้างรู้จักเจ้าหน้าที่กรมการจัดหางาน

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า พบขบวนการหลอกลวงคนหางานไปทำงานต่างประเทศ อาศัยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด–19 โฆษณาการจัดหางาน ทางสื่อสังคมออนไลน์ ว่าคุ้นเคยกับเจ้าหน้าที่กรมการจัดหางาน และสามารถพาไปทำงานต่างประเทศได้แม้เป็นช่วงแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 โดยเรียกเก็บเงินค่าดำเนินการรายละ 10,000 –50,000 บาท แบ่งเป็นค่าดำเนินการ ค่าออกวีซ่า ค่าประกันภัย ฯลฯ ภายหลังรับเงินจะตัดขาดการติดต่อ จนผู้เสียหายรู้ตัวว่าถูกหลอกลวง และเข้าแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งประเทศที่พบคนหางานถูกหลอกลวงไปทำงานมากที่สุด ได้แก่ แคนาดา สวีเดน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) และนิวซีแลนด์ ตามลำดับ คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย จำนวน 13,523,004 บาท

“รัฐบาลภายใต้การนำของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ให้ความสำคัญและเน้นย้ำให้กระทรวงแรงงานดูแลแรงงานไทยที่จะเดินทางไปทำงานในต่างประเทศให้เดินทางไปทำงานอย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสม และได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย เนื่องจากแรงงานไทยที่เดินทางไปทำงานต่างประเทศถือเป็นกลุ่มแรงงานที่นำรายได้เข้าประเทศไทย เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางานได้มีการสอดส่องดูแล และตรวจสอบผู้มีพฤติการณ์หลอกลวงคนหางานไปทำงานต่างประเทศ และบริษัทจัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะในสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ที่มีผู้คิดฉวยโอกาสจากสถานการณ์ดังกล่าวหลอกลวงคนหางาน

ซึ่งหากตรวจสอบพบว่าผู้ใดหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางาน หรือส่งไปฝึกงานในต่างประเทศได้ โดยการหลอกลวงนั้นได้ไปซึ่งเงิน ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ถูกหลอกลวง ต้องระวางโทษจำคุก 3-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 60,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และการโฆษณาการจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมการจัดหางาน มีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร รองปลัดกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า ขอให้คนหางานที่ต้องการเดินทางไปทำงานต่างประเทศตรวจสอบข้อมูลตำแหน่งงาน ลักษณะงาน ตลอดจนประเทศที่จะไปจากเจ้าหน้าที่ของกรมการจัดหางาน ก่อนตัดสินใจจ่ายเงินหรือโอนเงินให้กับผู้ใด และสามารถตรวจสอบรายชื่อบริษัทจัดหางานที่ได้รับอนุญาตที่เว็บไซต์ www.doe.go.th/ipd โดยปัจจุบันมีบริษัทฯ ที่ได้รับอนุญาต จำนวน 129 บริษัท ตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงมหานคร 90 บริษัท และกระจายอยู่ในจังหวัดอื่น ๆ ทั่วประเทศ 39 บริษัท ที่ผ่านมาตั้งแต่ เดือนตุลาคม 2563 - เมษายน 2564 ด่านตรวจคนหางานได้ตรวจสอบเอกสารคนหางานที่เดินทางผ่านด่านตรวจคนหางานทั้งสิ้น 17,922 ราย ตรวจสอบผู้ที่มีพฤติการณ์จะลักลอบไปทำงานในต่างประเทศ จำนวน 785 ราย และระงับการเดินทาง จำนวน 254 ราย


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

กาฬสินธุ์ – ฝนตกไม่ทั่วฟ้า อากาศร้อน ภัยแล้ง ทำน้ำเขื่อนลำปาวเหลือน้อย ส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชีพเกษตรกรรม

สภาพอากาศที่จังหวัดกาฬสินธุ์ยังร้อนแล้ง ถึงแม้จะมีฝนหลงฤดูตกลงมาบ้าง แต่ก็ไม่ทั่วถึง พืช สวน พืชไร่ เริ่มแห้งเฉาเหี่ยวตาย อาหารสัตว์เริ่มขาดแคลน ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ สั่งการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ให้ท้องถิ่นเร่งสำรวจความต้องการน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค เพื่อให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วน ขณะที่ปริมาณน้ำในเขื่อนลำปาวเหลือเพียง 24%

วันที่ 20 เมษายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการติดตามสภาพอากาศและการประกอบอาชีพของประชาชน ชาว จ.กาฬสินธุ์ ในช่วงฤดูแล้ง ที่สภาพอากาศร้อนจัด และแห้งแล้ง ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน  โดยเฉพาะพืชสวนพืชไร่ เริ่มเหี่ยวเฉาและแห้งตาย อาหารสัตว์เริ่มขาดแคลน เนื่องจากถูกเปลวแดดแผดเผาและขาดน้ำหล่อเลี้ยง ทั้งนี้ มีผลสืบเนื่องจากภาวะฝนทิ้งช่วงนานหลายเดือน ถึงแม้ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาจะมีฝนหลงฤดูตกมาบ้าง แต่ก็ไม่ทั่วถึง จึงส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชีพเกษตรกรรม พืชสวน พืชไร่ อาหารสัตว์ ขาดแคลนอย่างต่อเนื่อง

นายธนทร ศรีนาค หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กาฬสินธุ์กล่าวว่า จากภาวะภัยแล้งที่เกิดขึ้นในช่วงฝนทั้งช่วงนี้ นายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ ได้แสดงความเป็นห่วงต่อคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน ที่ส่วนมากประกอบอาชีพเกษตรกรรม โดยอาศัยน้ำฝนเป็นปัจจัยหลักในการหล่อเลี้ยงพืชพันธุ์ นอกจากนี้ ยังมีความจำเป็นเรื่องการใช้น้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค ทั้งนี้ ได้สั่งการให้ ปภ.จ.กาฬสินธุ์ จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาภัยแล้งขึ้น โดยประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการสำรวจภัยแล้งในพื้นที่

นายธนทรกล่าวอีกว่า การสำรวจผลกระทบภัยแล้งดังกล่าว นอกจากจะสำรวจความต้องการน้ำ ทั้งน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค เพื่อจัดหาน้ำสะอาดแจกจ่ายให้เพียงพอแล้ว ยังให้สำรวจแหล่งกักเก็บน้ำ แหล่งน้ำดิบบนดินเพื่อการผลิตประปา และน้ำใต้ดิน รวมทั้งแนวทางแก้ไขปัญหาระยะสั้น ระยะยาว ทั้งโดยการสูบน้ำจากแหล่งที่อยู่ใกล้กันเข้ามาเติม ในบ่อใกล้ชุมชน นอกจากนี้ยังจะมีในส่วนของการล้างบ่อบาดาล เพื่อให้ระบบการสูบน้ำ แจกจ่ายน้ำมีประสิทธิภาพ สามารถผลิตน้ำที่สะอาด ปลอดภัย แก้ไขปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน ทั้งนี้ ปริมาณน้ำเขื่อนลำปาว ที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนเพื่อการอุปโภคบริโภคเหลือเพียง 479 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 24% จากความจุอ่าง 1,980 ล้านลูกบาศก์เมตร จึงขอความร่วมมือประชาชนร่วมกันใช้น้ำอย่างประหยัด เพื่อจะก้าวข้ามสถานการณ์ภัยแล้งนี้


ภาพ/ข่าว  นายธนทร ศรีนาค หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กาฬสินธุ์

ณัฐพงษ์  ประชากูล จ.กาฬสินธุ์

พังงา – ด่วน !! เตรียมเปิดโรงพยาบาลสนาม หลังพบผู้ป่วยเพิ่มต่อเนื่อง ล่าสุดพบอีก4รายที่ตะกั่วป่า

วันที่ 20 เมษายน 2564 นายธรรมนูญ ศรีวรรธนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา พร้อมด้วย นายจารุวัฒน์ ตันสกุล รองนายก อบจ.พังงา ปภ.พังงา ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองพังงา สสอ.เมืองพังงาและทีมแพทย์พยาบาลโรงพยาบาลพังงา ลงพื้นที่ร่วมตรวจความพร้อมโรงพยาบาลสนามในโรงยิมเนเซี่ยมสนามกีฬา อบจ.พังงา หลังจากยังพบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกวันใกล้จะถึงจุดที่ตั้งไว้ เมื่อผู้ป่วยในโรงพยาบาลถึงจำนวน70 %ของห้องที่โรงพยาบาลเตรียมไว้ จะมีการเปิดใช้โรงพยาบาลสนามทันที ซึ่งเจ้าหน้าที่ อบจ.พังงาและสำนักงานปภ.พังงา กำลังเร่งขนอุปกรณ์ต่างๆเข้าติดตั้งให้เรียบร้อยพร้อมเปิดใช้ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งโรงพยาบาลสนามแห่งนี้จะรับผู้ป่วยได้ 46 เตียง โดยจะทำการย้ายผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการจากโรงพยาบาลมาดูแลต่อที่นี่ ขณะที่ทีมแพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าที่สาธารณสุข พร้อมเข้าปฏิบัติงานทันที

สำหรับสถานการณ์ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในจังหวัดพังงา ระลอกเมษายน 2564 ตั้งแต่วันที่10-19เมษายน จังหวัดพังงามีผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 18 ราย และล่าสุดในวันนี้ได้รับแจ้งว่าพบผู้ป่วยเพิ่มอีก4ราย รวมเป็น22 ราย โดยผู้ป่วย 4 รายล่าสุดอยู่ในตะกั่วป่า ผู้ป่วยรายที่ 19  เป็นแม่บ้าน รายที่20 เป็นนักธุรกิจ รายที่ 21และ 22 เป็นเด็กนักเรียน ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้ลงพื้นที่คัดแยกกลุ่มเสี่ยง พร้อมจัดทำไทม์ไลน์เพื่อจะแจ้งให้ทราบต่อไป


ภาพ/ข่าว  อโนทัย งานดี

ลำพูน - มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ได้นำเจลแอลกอฮอล์ล้างมือพระราชทาน แจกจ่ายเครือข่ายและประชาชน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19

มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย  ได้นำเจลแอลกอฮอล์ล้างมือพระราชทาน ของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ และ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภานเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราช ที่ได้ทรงห่วงใย ช่วยเหลือนำเจลแอลกอฮอล์ล้างมือพระราชทาน จำนวน 5 แกลลอน แจกจ่ายให้แก่เครือข่าย และประชาชนเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19

โดยในวันนี้ (20 เม.ย. 64) ที่ห้องประชุม ชั้น 3 องค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)ลำพูน บ้านน้ำบ่อเหลือง หมู่ที่ 15 ตำบลป่าสัก อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน นำโดย นายอนุสรณ์ วงศ์วรรณ นายก อบจ.ลำพูน เป็นผู้แทนมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย นำเจลแอลกอฮอล์ล้างมือพระราชทาน มอบให้กับ วัดป่าพุทธพจน์หริภุญไชย เลขที่ 226 หมู่ที่ 2 ตำบลต้นธง อำเภอเมืองลำพูน  โดยมีพระรัฐเวช อุตตมญาโณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดป่าพุทธพจน์หริภุญไชย รับมอบฯ พร้อมแจกจ่ายให้กับ ผู้นำชุมชนในพื้นที่ตำบลต้นธง และ ตำบลเวียงยอง ร่วมเข้ารับมอบเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ให้กับประชาชนต่อไป


ภาพ/ข่าว  กรรณิการ์  วิจิตรสกลการ ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดลำพูน

ยะลา - รองผู้บังคับชุดควบคุมชายแดนลุยตรวจเข้มชายแดนไทยมาเลย์ย้ำป้องกันหลบหนีเข้าเมือง หลังมาเลย์ประกาศผลักดันวันที่ 21 เมษายนนี้

เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 2564 เวลาประมาณ 15.00 น.ที่บริเวณหลักเขตชายแดนไทยมาเลเซีย ที่ 53/6 A ต.ธารน้ำทิพย์ อ.เบตง จ.ยะลา พันเอก เรวัตร เซ่งเข็ม รองผู้บังคับชุดควบคุมป้องกันชายแดน ลงตรวจพื้นที่แนวชายแดนไทย-มาเลเซีย ด้านพรมแดนไทย – มาเลเซียด้าน อ.เบตง จ.ยะลา เพื่อตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจ ชป.จรยุทธ์  ร้อยป้องกันชายแดนที่ 4  ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในการลาดตระเวน และซุ่มเฝ้าตรวจการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และไม่ผ่านจุดคัดกรองโควิด-19 โดยมี ร.อ.เอกชัย ชัยสาลี  ผู้บังคับกองร้อย ป้องกันชายแดนที่ 4  พร้อมกำลัง ตำรวจตระเวนชายแดนที่445 เบตง  และ ชุดเฝ้าตรวจชายแดนที่ .4405  และ ชุดเฝ้าตรวจชายแดนที่ .4406 ร่วมให้การต้อนรับ

พันเอก เรวัตร เซ่งเข็ม รองผู้บังคับชุดควบคุมป้องกันชายแดน กล่าวว่า ปัจจุบันแรงงานต่างด้าวที่ตกค้างหรือหลบซ่อนอยู่ในมาเลเซียได้ถูกการผลักดันออกจากประเทศจำนวนมาก เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด- 19 อย่างต่อเนื่อง และมีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ

นอกจากนี้ พลโท เกรียงไกร  ศรีรักษ์  แม่ทัพภาคที่ 4 /ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้สั่งการเพื่อให้มีการเตรียมพร้อมในการรองรับคนไทยที่จะเดินกลับเข้าประเทศ หลังทางการมาเลเซียขีดเส้นผลักดันชาวต่างชาติที่อาศัยในประเทศโดยผิดกฎหมาย ต้องเดินทางออกจากประเทศก่อนวันที่ 21 เม.ย.64 นี้  หลังจากที่ได้มีการผ่อนผันมาแล้วหลายครั้ง อันเนื่องมาจากผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด - 19 ในประเทศมาเลเซีย โดยเน้นย้ำในการรับคนไทยทุกคนจะต้องผ่านกระบวนการคัดกรองโรคอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันนำเชื้อโควิด- 19 เข้ามาระบาดในประเทศ

อย่างไรก็ดี ขอฝากถึงประชาชนในพื้นที่ช่วยกันเป็นหูเป็นตา ช่วยกันสร้างความตระหนักให้รู้ถึงมาตรการและความจำเป็นในการเฝ้าระวังป้องกันโรคโควิด-19 โดยเฉพาะผู้ที่กำลังจะเข้ากลับมายังประเทศไทยขอให้แจ้งผ่านมายังเจ้าหน้าที่ เพื่อจะได้อำนวยความสะดวก ช่วยเหลือ และนำเข้าสู่กระบวนการคัดกรองโรคตามที่ สบค. กำหนด ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเพื่อความปลอดภัยของทุกคน และขอยืนยันไม่ว่าจะเดินทางเข้ามาผ่านช่องทางใดเจ้าหน้าที่พร้อมรับและดูแล แต่ต้องมีการคัดกรองโรคอย่างเข้มข้น และหากพี่น้องประชาชนพบเห็นผู้ที่แอบลักลอบเข้ามายังหมู่บ้าน ชุมชนของตนโดยไม่ผ่านการคัดกรองโรค ก็ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่โดยทันที เพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำเชื้อจากต่างประเทศเข้ามาในพื้นที่ พันเอก เรวัตร เซ่งเข็ม รองผู้บังคับชุดควบคุมป้องกันชายแดน  กล่าวทิ้งท้าย


ภาพ/ข่าว  ธานินทร์  โพธิทัพพะ / ปื๊ด เบตง

สุโขทัย – โควิดระบาดหนัก จัดเรียบง่ายงานประเพณี ‘แห่น้ำขึ้นโฮงสรงน้ำเจ้าหมื่นด้งง’

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านตึก อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย ได้จัดงานประเพณีแห่น้ำขึ้นโฮงสรงน้ำเจ้าหมื่นด้งขึ้น โดยภายในงานจัดให้มีกิจกรรมต่าง ๆ เช่น พิธีบวงสรวงสักการะเจ้าหมื่นด้ง การปักตุงตามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ในตำบลบ้านตึก เช่น ศาลหลักเมือง กู่พระครูคีรีบรรพต ศาลเจ้าเขามุ้ง ศาลเจ้าเมืองด้ง และอนุสาวรีย์เจ้าหมื่นด้ง จัดพิธีทำขวัญช้างและอาหารช้าง จำนวน 5 เชือก แต่ปีนี้ไม่มีขบวนอัตลักษณ์วัฒนธรรมประเพณีของดี จำนวน 14 หมู่บ้าน ไม่มีการแสดงแสง สี เสียง ยกย่องเชิดชูเกียรติเจ้าหมื่นด้งนครเหมือนทุกปี มีเพียงขบวนช้างของผู้นำจำนวน 5 เชือก และขบวนแห่น้ำอบน้ำหอมที่จะนำไปถวายเจ้าหมื่นด้งของคณะเจ้าหน้าที่และสมาชิกสภาฯจำนวน 20 คนเท่านั้น เพนาะเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กำลังลุกลามอย่างหนักจึงไม่สามารถจัดให้ยิ่งใหญ่ให้เหมือนทุกปีได้

นายวินนท์  รุ่งโรจน์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านตึกเปิดเผยว่า การจัดงานประเพณีแห่น้ำขึ้นโฮงสรงน้ำเจ้าหมื่นด้ง ได้จัดติดต่อกันมานานกว่า 547 ปีแล้ว เป็นการแสดงออกถึงความเคารพ  ความศรัทธาและแสดงความนับถือเจ้าหมื่นด้ง ผู้สร้างเมืองด้ง ซึงมีความเก่งกล้าทางด้านการสู้รบ เชี่ยวชาญในการใช้ช้างศึก การจัดงานในครั้งนี้ถึงแม้ว่าจะจัดได้ไม่ยิ่งใหญ่เหมือนทุกปีเพราะสถานการณ์โรคร้ายโควิด-19กลับมาระบาดหนักอีกระลอก แต่ก็ยังคงวัตถุประสงค์เดิมไว้คือการส่งเสริม อนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีแห่น้ำขึ้นโฮงสรงน้ำเจ้าหมื่นด้งให้คงอยู่สืบไป เป็นการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมประเพณีและภูมิปัญญาท้องถิ่น เป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยวของจังหวัดสุโขทัยเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย และที่สำคัญเพื่อให้ประชาชนในตำบลบ้านตึก ได้มีส่วนร่วมในการจัดงานประเพณีฯและระดมทรัพยากรที่มีอยู่เกิดรายได้เป็นทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้ชุมชนเข้มแข็งได้ต่อไป


ภาพ/ข่าว  พงศ์เทพ สาคร สุโขทัย

ราชกิจจานุเบกษา ตีพิมพ์แบบหนังสือรับรองการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ใช้สำหรับการเดินทางระหว่างประเทศแล้ว แต่ต้องเป็นวัคซีนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนในไทย หรือได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลกเท่านั้น

ราชกิจจานุเบกษาตีพิมพ์เอกสาร 2 ฉบับ เกี่ยวกับการออกหนังสือรับรองการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค หรือ วัคซีนพาสปอร์ต (Vaccine Passport) ได้แก่ ประกาศกรมควบคุมโรค เรื่อง แบบหนังสือรับรองการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) พ.ศ. 2564 และคำสั่งกรมควบคุมโรค ที่ 587/2564 เรื่อง มอบหมายผู้ที่มีอำนาจออกหนังสือรับรองการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) เอกสารทั้งสองฉบับลงนามโดย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค

สาระสำคัญ คือ ให้กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จัดทำวัคซีนพาสปอร์ต โดยมีหน้าปกระบุข้อความเป็นภาษาอังกฤษว่า “DEPARTMENT OF DISEASE CONTROL, MINISTRY OF PUBLIC HEALTH THAILAND” (กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข” เครื่องหมายตราครุฑ ระบุข้อความ “COVID-19 CERTIFICATE OF VACCINATION” (หนังสือรับรองการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019) พร้อมเลขที่หนังสือ ขึ้นต้นด้วย ค.ศ. ด้านล่างระบุว่า Issue to ... (ออกให้กับ) Passport No. ... (เลขที่หนังสือเดินทาง) or National identification ... (หรือ เลขประจำตัวประชาชน)

เนื้อหาในหนังสือรับรอง จะมีข้อความเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อใช้สำหรับการเดินทางระหว่างประเทศ โดยมีเงื่อนไขคือ เอกสารรับรองนี้เป็นการรับรองเฉพาะการได้รับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 โดยต้องเป็นวัคซีนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยยาของราชอาณาจักรไทย หรือได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก จะต้องมีลายมือชื่อของอธิบดีกรมควบคุมโรค หรือผู้ที่อธิบดีกรมควบคุมโรค มอบหมายให้ออกเอกสารรับรอง พร้อมประทับตราหน่วยงานของผู้ที่ออกเอกสารรับรองนั้น เจ้าหน้าที่อาจไม่รับพิจารณาเอกสารรับรองที่มีรอยแก้ไข ขูดลบ ขีดฆ่า หรือมีข้อความไม่สมบูรณ์

โดยให้กรอกข้อมูลในเอกสารรับรองเป็นภาษาอังกฤษอย่างครบถ้วน ทั้งนี้ จะมีข้อความภาษาอื่น ๆ ควบคู่กับภาษาอังกฤษด้วยก็ได้ เอกสารรับรองนี้รับรองเป็นรายบุคคลเท่านั้น ไม่ให้ใช้ร่วมกันเป็นหมู่คณะ และต้องออกเอกสารรับรองแยกสำหรับเด็กด้วย ให้บิดา มารดา หรือผู้ปกครองลงลายมือชื่อในเอกสารรับรองแทน หากเด็ก (อายุต่ำกว่า 7 ปี) ยังเขียนหนังสือไม่ได้ สำหรับผู้ไม่สามารถอ่านออกเขียนได้ ให้ผู้นั้นพิมพ์ลายนิ้วมือแทน (ปกติให้ใช้นิ้วหัวแม่มือขวา)

ส่วนคำสั่งกรมควบคุมโรค มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สังกัดกรมควบคุมโรค ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันบำราศนราดูร หรือ ผู้อำนวยการสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) เป็นผู้ที่มีอำนาจออกหนังสือรับรอง และมอบหมายให้เจ้าหน้าที่สังกัดกรมควบคุมโรค 6 ราย เป็นผู้ที่มีอำนาจออกหนังสือรับรอง ได้แก่

1.) นายโรม บัวทอง นายแพทย์เชี่ยวชาญ กองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและกักกันโรค

2.) น.ส.สิริรักษ์ ธนะสกุลประเสริฐ นายแพทย์ชำนาญการ กองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและกักกันโรค

3.) นายรวินันท์ โสมา นายแพทย์ชำนาญการ กองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและกักกันโรค

4.) นางรณิดา เตชะสุวรรณา นายแพทย์ชำนาญการ กองโรคติดต่อทั่วไป

5.) น.ส.กมลทิพย์ อัศววรานันต์ นายแพทย์ชำนาญการ สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง และ

6.) น.ส.ปริณดา วัฒนศรี นายแพทย์ชำนาญการ สถาบันเวชศาสตร์ป้องกันศึกษา กรมควบคุมโรค

โดยให้ปฏิบัติตาม ประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เรื่อง การออกหนังสือรับรองการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) พ.ศ. 2564 (ลงในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 31 มี.ค. 2564)


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

จากเนื้อหา “ปิดฉาก Motor Show 2021 ยอดจองในงานทะลักกว่า 2.7 หมื่นคัน ทะลุเป้าโต 51.5% เงินสะพัด 3 หมื่นล้าน ส่วนยอดเข้าชมกว่า 1.34 ล้านคน”

จากเนื้อหาพูดถึงโดยที่ผ่านมาต้องเจอผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้ยอดจองลดลงจากช่วงปกติ แต่ด้วยตัวเลขยอดจองในปีนี้ มีการเติบโตขึ้นจากปีก่อนถึง 51.5 เปอร์เซ็นต์ เชื่อว่ากำลังซื้อของคนไทยไม่ได้หายไปไหน แค่รอเวลาที่เหมาะสม โดยเฉพาะเมื่อได้รับการสนับสนุนจากสถาบันการเงิน ในการออกแคมเปญ และโปรโมชั่นของค่ายรถช่วยให้ทุกคนเป็นเจ้าของรถคันใหม่ได้สะดวกขึ้น

ขณะที่ในส่วนพฤติกรรมของผู้บริโภคเองปีนี้ต่างให้การตอบรับกับรถยนต์รุ่นใหม่ที่เปิดตัวก่อนหน้างาน และเปิดจองภายในงานมอเตอร์โชว์เป็นครั้งแรก เห็นได้จากบรรยากาศการเจรจาที่หนาแน่นดังเช่นทุกปีโดยเฉพาะในช่วงสุดสัปดาห์ที่มียอดจองเป็นสองเท่าของวันธรรมดา แต่ด้วยพฤติกรรมของคนผู้บริโภคเปลี่ยนไป เพื่อให้สมกับช่วงที่ต้องรัดเข้มขัด จึงหันมาซื้อหารถใหม่ที่ตอบโจทย์ความคุ้มค่ามากขึ้น

ขณะที่ตลาดรถหรูยังคงเติบโตตามเป้าด้วยสาเหตุที่ค่ายรถเองต่างชิงเปิดตัวสินค้าใหม่แทบทุกรุ่น เพื่อกระตุ้นยอดขาย...

วันนี้มาร่วมหาคำตอบกันกับ หยก THE STATES TIMES

.

.


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top