Wednesday, 18 June 2025
TheStatesTimes

AccRevo ผนึกกำลัง Funding Societies 2 แพลตฟอร์ม ด้านบัญชีและสินเชื่อออนไลน์ ผนึกกำลัง ช่วยธุรกิจ SMEs ไทยเข้าถึงสินเชื่อสำหรับขยายธุรกิจได้ง่ายขึ้น ชูจุดเด่น ‘อนุมัติไว-ไม่ใช้หลักทรัพย์-วงเงินสูง’

อย่างที่ทราบกันดีว่า ปัญหาสำคัญของภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ของไทย คือ การเข้าถึงแหล่งทุน หรือสินเชื่อ เพื่อการขยายธุรกิจ

จากปัญหาอุปสรรคดังกล่าว จึงเกิดเป็นความร่วมมือระหว่าง 2 แพลตฟอร์ม อย่าง AccRevo และ Funding Societies ที่จะช่วยให้ SMEs สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น โดยธุรกิจที่ใช้โปรแกรมบัญชีของ "AccRevo" จะสามารถขอสินเชื่อได้ ง่ายและรวดเร็ว ผ่าน Funding Societies

สำหรับ AccRevo (Accounting Intelligence Platform) เป็น Platform บัญชีดิจิทัลสำหรับธุรกิจ SMEs ที่ถูกออกแบบมา ช่วยเหลือทำให้กระบวนการทำบัญชีที่เคยช้า น่าเบื่อ และเต็มไปด้วยเอกสารกองโตเปลี่ยนกระบวนการออกเอกสารทางธุรกิจให้เป็นดิจิทัล ให้มีประสิทธิภาพในการทำงาน ที่รวดเร็วและแม่นยำกว่าเดิม ลดต้นทุนและปรับปรุงขั้นตอนการทำงานของธุรกิจเชื่อมต่อทุกหน่วยงานในองค์กรและทำงานด้วยการประมวลผลแบบคลาวด์และการวิเคราะห์ข้อมูลระบบอัตโนมัติของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ Artificial Intelligence (AI)

ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการจะได้งบการเงินและรู้สุขภาพทางการเงินขององค์กรแบบ Realtime เพิ่มความสามารถในการคาดการณ์การวิเคราะห์การจัดการประสิทธิภาพและการตัดสินใจเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในโลกใหม่ของการทำงานที่เป็นดิจิทัลที่ต้องมีทักษะในการวิเคราะห์ข้อมูลที่แข็งแกร่ง ตลอดจนการมองการณ์ไกลเพื่อการตัดสินใจทางธุรกิจที่ดี ด้วยระบบบัญชี ของ AccRevo ที่ผ่านมาตรฐานกรมสรรพากร และได้รับรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ โดยมีโปรแกรมเด่น อาทิ

AccRevo Accistant | โปรแกรมจัดการธุรกิจดิจิทัล on cloud ผู้ช่วยนักธุรกิจในการดูแลการเงิน ผู้ประกอบการไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องบัญชี ก็สามารถบริหารจัดการ ออกเอกสารทางด้านบัญชีได้ครบถ้วน ได้มาตรฐาน ควบคุมการทำงานทั้งกระบวนการแบบดิจิทัลทั้งด้านรายรับและด้านรายจ่าย ออกรายงานบริหาร (Dashboard) เพื่อการวิเคราะห์ธุรกิจแบบออนไลน์ทุกที่ ทุกเวลา

AccRevo The Book | โปรแกรมบันทึกบัญชีอัตโนมัติด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ Artificial Intelligence (AI) ผู้ช่วยนักบัญชีในการบันทึกบัญชีเบื้องต้นและการทำบัญชีทั้งกระบวนการแบบไร้เอกสารที่เป็นกระดาษ ทำให้นักบัญชีไม่ต้องปวดหัวกับเอกสารกองโตอีกต่อไป พร้อมเชื่อมต่อระบบงานอื่นๆผ่านเทคโนโลยี API ลดการบันทึกบัญชีซ้ำแบบไร้รอยต่อ

ส่วน Funding Societies เป็นผู้ให้บริการสินเชื่อดิจิทัลชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเป้าหมายของการดำเนินธุรกิจ จะมุ่งเน้นสร้างโอกาสแก่ SMEs เพื่อให้ธุรกิจเหล่านี้เข้าถึงเงินทุนได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย โดยสมัครง่ายผ่านระบบออนไลน์ อนุมัติไวภายใน 3 วัน และ ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์

ทั้งนี้ Funding Societies ก่อตั้งขึ้นปี 2015 ในประเทศสิงคโปร์ และ ได้รับอนุญาตให้เป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการระดมทุนอย่างถูกต้องทั้งในประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย เเละ ล่าสุดในไทย โดยก่อนหน้านี้ได้ให้สินเชื่อแก่ SMEs ไปกว่า 65,000 ราย นอกจากนี้ Funding Societies ยังได้รับการระดมทุน Series C 1,300 ล้านบาทจากบริษัทผู้ลงทุนที่มีความน่าเชื่อถือ อาทิเช่น Sequoia India, Softbank Ventures Asia Corp, Qualgro, LINE Ventures

Funding Societies จึงมองเห็นศักยภาพของ SMEs และสตาร์ทอัพที่มีอยู่หลายล้านรายในประเทศไทย พวกเขาควรได้รับโอกาสทางการเงินที่เท่าเทียมแล้ว

สำหรับ ความร่วมมือ AccRevo X Funding Societies สินเชื่อธุรกิจสำหรับผู้ใช้งาน AccRevo ที่จะได้รับ

- วงเงินสูงสุดถึง 30 ล้านบาท

- อัตราดอกเบี้ยต่ำสุดแค่ 1% ต่อเดือน

- อนุมัติไว

- ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน

ในภาวะที่ SMEs ต้องการเงินสนับสนุนให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ และยังต้องแข่งกับเวลา ความร่วมมือระหว่าง AccRevo และ Funding Society จะช่วยให้ผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจที่ต้องปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดเวลา เข้าถึงสินเชื่อในยุคดิจิทัล ผ่านระบบออนไลน์ โดยมีวงเงินต่อรายสูงสุดถึง 30 ล้านบาท ในอัตราดอกเบี้ยต่ำสุดที่ 1% ต่อเดือน อนุมัติไวใน 3 วัน ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน และสะดวกรวดเร็วไม่ยุ่งยากในการจัดเตรียมข้อมูล มาเติบโตและรับการสนับสนุนด้านการเงินไปกับพวกเราเพื่อความแข็งแรง และธุรกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืน


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

.

ประเทศไทยมีการจัดระเบียบการปกครองกันมากว่าร้อยปี หนึ่งในองค์กรการปกครองที่มีความสำคัญ และเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศมาตลอด นั่นคือ ระบบเทศบาล โดยวันนี้ถูกยกให้เป็น ‘วันเทศบาล’ เพื่อเชิดชูและตระหนักถึงความสำคัญของหน่วยการปกครองที่มีอายุมายาวนาน

เทศบาล ถูกประกาศใช้เป็นพระราชบัญญัติเมื่อราวปี พ.ศ.2496 แต่หากสืบย้อนกลับไป รูปแบบการปกครองส่วนท้องถิ่นเกิดขึ้นอย่างเป็นระเบียบแบบแผนมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 พระองค์ได้ทรงปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดินของไทยขึ้นใหม่ เพื่อให้มีความทันสมัย โดยจัดให้มีการปกครองส่วนท้องถิ่นขึ้นเป็นครั้งแรกในรูปแบบสุขาภิบาล ที่สุขาภิบาลท่าฉลอม จังหวัดสมุทรสาคร เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ.2441 ก่อนจะขยายการตั้งสุขาภิบาลออกไปในท้องถิ่นต่าง ๆ ทั่วประเทศ

ต่อมาจึงได้มีการเปลี่ยนเป็น เทศบาล โดยเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ให้บริการ แก้ไขปัญหา และตอบสนองความต้องการแก่ประชาชน แบ่งออกเป็น เทศบาลตำบล เทศบาลเมือง และเทศบาลนคร ทั้งนี้ในเทศบาลแต่ละแห่งจะมี ‘นายกเทศมนตรี’ ทำหน้าที่เป็นผู้บริหารงานในท้องที่เทศบาลทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันมีเทศบาลอยู่ราว 2,500 แห่ง และมีจำนวนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรวมแล้วกว่า 8,000 แห่งทั่วประเทศ

ด้วยบทบาทหน้าที่ที่คอยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้พี่น้องประชาชน ต่อมา กระทรวงมหาดไทยจึงได้ประกาศเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2532 กำหนดให้ วันที่ 24 เมษายนของทุกปี เป็นวันเทศบาล เพื่อเชิดชูการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่เทศบาล ในการพัฒนาตนเอง พัฒนางาน และก้าวต่อไปอย่างมุ่งมั่น เพื่อให้บรรลุปรัชญาแห่งรากฐานประชาธิปไตยของเทศบาล นั่นคือ เป็นของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน

ที่มา: https://gorporonline.com/articles/history-of-the-municipality/

https://th.wikipedia.org/wiki/เทศบาล


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

'กรณ์' วิเคราะห์ ทีมยักษ์ใหญ่ยุโรปถอนตัว Super League ส่อล่ม อย่าดูถูกพลังของคนตัวเล็ก เจ้าของสโมสรต้องคำนึงถึงแฟนบอลด้วย เทียบการเมืองไทย ต้องเปลี่ยนวัฒนธรรม มี ‘สัญญาประชาคม’ ใหม่ ความเป็นธรรมมากขึ้น เชื่อว่ากติกาที่ดี จะทำให้สังคมดีได้

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า โพสต์ข้อความลง Facebook ถึงกรณีหลายทีมฟุตบอลยักษ์ใหญ่ในยุโรปถอนตัวจาก Super League เนื่องจากแฟนบอลออกมาต่อต้านว่า...

Super League ส่อล่ม อย่าดูถูกพลังของคนตัวเล็ก

แฟน ๆ ฟุตบอลไม่มีใคร ไม่ติดตามข่าวความพยายามที่จะตั้ง Super League โดยทีมชื่อดังในยุโรป ซึ่งต้องการแยกตัวออกมาเล่นกันเอง เพราะคิดผิดว่านั่นคือสิ่งที่แฟนบอลต้องการ

ทันทีที่มีการลงนามเบื้องต้นไปแล้ว ปรากฏว่าแฟนบอลออกมาประท้วงกันอย่างหนัก ทั้งทีมใหญ่และทีมเล็ก (ผมเองยังเตรียมล่ารายชื่อแฟนบอลในไทยเพื่อส่งไปร่วมประท้วงด้วย)

กระแสคัดค้านแผนนี้ของทีมใหญ่ชัดเจนและรุนแรงจนทำให้ทั้ง 6 ทีมของอังกฤษที่ร่วมลงนามต้องรีบถอนชื่อกันแทบไม่ทัน

บทเรียนคืออะไร? (ผมคิดเองนะ...)

1.) ผู้ถือหุ้นแต่ละทีมเข้าใจผิด คิดว่าการ ‘การถือหุ้น’ ทำให้ผูกขาดความเป็น ‘เจ้าของ’ ลืมไปว่าแฟนบอลของแต่ละทีมเขาก็คิดว่าเขาเป็นเจ้าของเหมือนกัน

2.) เช่นเดียวกัน เจ้าหนี้ของแต่ละสโมสรก็คิดผิด นึกว่าทีมฟุตบอลเหมือนบริษัททั่วไป

3.) ปัญหาสำคัญมาจากการที่ผู้ถือหุ้น (และเจ้าหนี้) หลายรายเป็นต่างชาติ (โดยเฉพาะอเมริกัน) ที่มาจากคนละวัฒนธรรมการกีฬา ตรงนี้สะท้อนความไม่เข้าใจในความต่างในความคิดและการยอมรับ

4.) ฟุตบอลยุโรปมีเสน่ห์เพราะความเสมอภาค ใครเก่งก็ขึ้น ใครอ่อนก็ลง (แค่นี้ความเสมอภาคก็หายไปเยอะแล้ว เพราะสายป่านแต่ละทีมต่างกัน)

5.) และทีมฟุตบอลยุโรปแต่ละทีมมีที่มาและความผูกพันกับเมืองอย่างลึกซึ้ง (ต่างกับอเมริกาที่ทีมฟุตบอลเรียกว่าเป็น franchise ย้ายเมืองได้) ซึ่งความผูกพันกับเมืองมีค่าเพียงเพราะเมื่อมีการแข่งขันกับเมืองอื่นอย่างจริงจัง

6.) ระยะหลังแฟนบอลยุโรปมีอยู่ทั่วโลก (รวมถึงเมืองไทย) ซึ่งผู้ถือหุ้นเองอาจจะเข้าใจผิด มองคนเอเชียเราเป็น ‘ลูกค้า’ มากกว่า ‘แฟน’ และคิดว่า ‘เฮ้ย! คนไทยดูหงส์เตะกับผีมากกว่าดูนักบุญเตะกับช่างปั้นหม้อ งั้นเราก็เอาแต่หงส์กับผีมาเตะกันบ่อย ๆ เอามั้ย’ คำตอบคือ ‘ไม่เอา’ เพราะก๋วยเตี๋ยวยังต้องมีถั่วงอกมีเส้นมีนํ้าซุป จะกินแต่ลูกชิ้นมันก็ไม่ใช่ก๋วยเตี๋ยว

7.) สำคัญที่สุดคือผู้ถือหุ้นไม่เข้าใจ ‘brand’ ตัวเอง ไม่เข้าใจว่าพลังของ brand ทีมฟุตบอลมาจากอะไร และพลาดไปมอง ‘แฟน’ เสมือนเป็นแค่ ‘ลูกค้า’ แทนที่จะเข้าใจว่าเขาคือ ‘เจ้าของตัวจริง’

ผมนั่งคิดเปรียบเทียบกับการเมืองไทย ผมมองว่าวัฒนธรรม ‘ใครมือยาวสาวได้สาวเอา’ เป็นวัฒนธรรมที่ต้องเปลี่ยน จะเปลี่ยนได้ต้องมี ‘สัญญาประชาคม’ ใหม่ เป็นสัญญาว่าประเทศเราจะมีความเป็นธรรมมากขึ้น ต่างคนต่างทำหน้าที่ อำนาจมาจากหน้าที่ แต่เป็นอำนาจที่ตรวจสอบได้เสมอ

ผมถึงมาทำพรรคกล้า เพราะผมมองตัวเองว่าเป็นคนที่ไม่เอาเปรียบใคร และไม่ชอบใครที่เอาเปรียบคนอื่น ผมเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับการให้โอกาสทุกคน ให้ความสำคัญกับกติกา และเชื่อว่ากติกาที่ดีเท่านั้นที่จะทำให้สังคมดีได้

ปล. ลืมตัวไปนิด เพราะตอนแรกว่าจะคุยแต่เรื่องฟุตบอลเท่านั้น

ที่มา: https://www.facebook.com/71254499739/posts/10159568043349740/


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

ลพบุรี – หนุ่มผู้โชคดีเล่านาทีระทึก พายุหมุนกระหน่ำพังพินาศ ต้นไม้ใหญ่หักโค่นทับทุกเส้นทางเข้าพื้นที่เกิดเหตุ

เวลา 16.55  น. วันที่ 20 เม.ย.2564 มูลนิธิสว่างอริโยธรรมสถาน รุดเดินทางไปยังโกดังเก็บน้ำมันเพื่อการเกษตร  ของบริษัทอิทธิพระพรเทรดดิ้ง หมู่ที่ 5 ต.หนองเต่า หลังจากพายุฤดูร้อนพัดกระหน่ำอย่างรุนแรง หลังคาบริษัทปลิวไปตามลมไกกว่า 400 เมตร และมีผู้ที่ถูกหลังคาทับภายในรถยังไม่สามารถนำตัวออกมาได้ จึงได้รุดเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ แต่ต้องพบกับอุปสรรค ที่ต้นไม้ใหญ่หักโค่นทับทุกเส้นทางเข้าพื้นที่เกิดเหตุ ต้องระดมพลช่วยกันตัดต้นไม้ออกนอกเส้นทางก่อนเดินทางเข้าพื้นที่เกิดเหตุได้

ที่เกิดเหตุพบมีโครงหลังคาหลุดหาย พื้นที่เกิดเหตุพบถังน้ำมันเครื่อง ที่ตกกระจายเกลื่อน สอบถามนางมณีรัตน์ ปัญญา อาย 56 ปี ผู้ดูแลเล่าว่า ก่อนที่ฝนจะตกพายุหมุนได้พัดมาอย่างรุนแรง อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ต่างวิ่งหนีเข้าไปภายในบ้านเพื่อเอาชีวิตรอด แต่ก็ยังมีผู้ติดอยู่ใต้ซากโครงหลังคาอีก 2 คน เจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันรื้อซาก เร่งเข้าช่วยเหลือพบนอนหลบอยู่ภายในรถกระบะ ออกมาได้อย่างปลอดภัย

นายคุณากร แจ่มโพกุล อายุ 34 ปี คนงานที่ติดอยู่ในซากเล่าว่าช่วงเกิดเหตุพายุหมุน เสียงลั่นของโครงหลังคาดังสนั่นไปทั่วบริเวณ ตกใจมากตนเองไม่รู้ว่าจะวิ่งไปหลบที่ไหนดี เพราะมีแต่เศษสิ่งของปลิวกระจายเกลื่อน ก่อนที่จะถูกหลังคาทับเพื่อนคนงานได้ตะโกนเรียกให้เข้าไปหลบในรถยนต์กระบะ ก่อนที่โครงหลังคาหล่นโครมลงมาใส่รถจนมองไม่เห็นอะไร โชคดีที่ไม่ได้รับอันตราย แต่ยอมรับว่าตกใจสุดขีด ไม่เคยเห็นพายุพัดรุนแรงขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ทั้งนี้จากการประเมินความเสียหายในเบื้องต้นคาดไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท  


ภาพ/ข่าว  กฤษณ์ สนใจ ลพบุรี  

สงขลา - นักวิจัย ม.สงขลานครินทร์ ค้นพบ แมลงสาบทะเล สกุลไซโรลานา ชนิดใหม่ 2 ชนิด

นักวิจัย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ค้นพบไอโซพอดทะเล (marine isopod) หรือแมลงสาบทะเลชนิดใหม่ ในสกุลไซโรลานา (genus Cirolana) 2 ชนิด บริเวณชายฝั่งทะเล อ.เทพา จ.สงขลา และชายฝั่งทะเลอ่าวไทยตอนบน ชี้ให้เห็นถึงความหลากหลายทางชีวภาพ และความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางทะเลอ่าวไทย

​ดร.เอกนรินทร์ รอดเจริญ อาจารย์ประจำสาขาวิชาวาริชศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เปิดเผยว่า จากการศึกษาวิจัยความหลากหลายของแมลงสาบทะเลในประเทศไทย ทั้งชายฝั่งทะเลด้านอ่าวไทยและอันดามัน ได้ค้นพบไอโซพอดทะเลหรือแมลงสาบทะเลชนิดใหม่ สกุลไซโรลานา 2 ชนิด ในแนวปะการังบริเวณชายฝั่งทะเล อ.เทพา จ.สงขลา และชายฝั่งทะเลอ่าวไทยตอนบน ซึ่งได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่อย่างเป็นทางการในวารสารวิชาการ Zootaxa ในวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2564

โดยไอโซพอดชนิดแรกมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Cirolana parawongat sp. nov. (ตั้งชื่อตามลักษณะสัณฐานวิทยาที่คล้ายกับ C. wongat Bruce, 1994 ซึ่งพบที่ปาปัวนิวกินี) มีการแพร่กระจายตั้งแต่ชายฝั่งทะเลทะเลอ่าวไทยตอนบน ตั้งแต่จังหวัดชลบุรีลงมาถึง เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และอีกหนึ่งชนิดมีชื่อว่า Cirolana khamensis sp. nov. (ตั้งชื่อตามสถานที่ค้นพบ) ซึ่งมีการแพร่กระจายอยู่แห่งเดียว คือ บริเวณเกาะขาม อ.เทพา จ.สงขลา เท่านั้น

ดร.เอกนรินทร์ กล่าวอีกว่า ไอโซพอดหรือแมลงสาบทะเลเป็นสัตว์กลุ่มเดียวกับพวกกุ้งปู (crustacean) แต่มีขนาดเล็กกว่า ความยาวของลำตัวส่วนใหญ่อยู่ในช่วง 0.5-2 ซม. มีบทบาทสำคัญในแง่ของการเป็นอาหารให้แก่สัตว์น้ำชนิดอื่น เป็นตัวย่อยสลายในระบบนิเวศ และเป็นตัวบ่งชี้คุณภาพของแหล่งน้ำตามธรรมชาติ ซึ่งการค้นพบแมลงสาบทะเลชนิดใหม่ 2 ชนิดในอ่าวไทยครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายทางชีวภาพทะเล และความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางทะเลในบริเวณอ่าวไทยได้เป็นอย่างดี

นราธิวาส – ทหารพราน 48 มอบอินทผาลัมแทนความรักและความห่วงใยในห้วงรอมฏอน ให้กับประชาชนที่เดินทางสัญจรไปมา

หน่วยเฉพาะกิจกรมข่าวทหารพรานที่48 โดย พ.อ.เอกพล เลขนอก ผบ.ฉก.ทพ.48 มอบหมายให้ ฝ่ายกิจการพลเรือน พร้อมด้วย ชป.กร.  ชป.กร.หญิง และ ร้อย ทพ.4803 จัดกิจกรรมมอบอินทผาลัมแทนความรักความห่วงใย ในห้วงเดือนรอมฏอน เดือนแห่งการถือศีลอดตามหลักศาสนาอิสลาม ให้กับประชาชนที่เดินทางสัญจรไปมา ณ ด่านตรวจถาวรบ้านยานิง ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เพื่อให้ประชาชนที่ผ่านด่านได้นำอินทผาลัมไปรับประทานในช่วงการละศีลอด ซึ่งอินทผลัมนั้น ชาวมุสลิมถือว่าเป็นผลไม้ที่พระผู้เป็นเจ้าประทานให้ ชาวมุสลิมนิยมรับประทานอินทผลัมในช่วงเดือนถือศีลอด หรือ เดือนรอมฎอน เนื่องจากในคัมภีร์อัลกุรอานได้บัญญัติไว้ว่าสามารถละศีลอดด้วยการกินอินทผลัมแทนการดื่มน้ำได้เพื่อช่วยลดอาการอ่อนเพลียในช่วงอดอาหาร

นอกจากนั้นยังได้เน้นย้ำมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID 19 ตามมาตรการควบคุมโรคของจังหวัดนราธิวาส โดยให้มีการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อย ๆ เว้นระยะห่าง รวมไปถึงการไม่เดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง และพื้นที่ที่มีผู้คนแออัด ซึ่งตลอดทั้งกิจกรรมประชาชนต่างให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID 19 อีกทั้งได้รับคำขอบคุณ รอยยิ้ม และมิตรภาพที่ดีจากประชาชน

ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ​ หะไร​ จ.นราธิวาส

‘ศิริกัญญา’ คลี่แผนงบปี 65 วิจารณ์ยับ รัฐปรับลดงบสวัสดิการ หั่น เงินบัตรทอง-กองทุนการศึกษา ชี้ จับตา ‘ก.พลังงาน’ บวกเพิ่ม 19% ‘ก้าวไกล’ เล็ง ประชุมออนไลน์กางงบให้ประชาชนร่วมวางแผน

เมื่อวันที่ 21 เม.ย. น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคก้าวไกลฝ่ายนโยบาย กล่าวถึงการเตรียมพร้อมอภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ซึ่งคาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ว่า เบื้องต้นตนเห็นข้อมูลงบระดับรายกรมและแผนงานต่าง ๆ จึงทำข้อสังเกตเบื้องต้นขึ้นมาก่อน อย่างแรกคือ เป็นรอบแรกในรอบ 12 ปีที่ปรับลดงบประมาณลง คือ ปรับลดลงเหลือ 3.1 ล้านล้านบาท จาก 3.29 ล้านล้านบาทในปี 2564 ซึ่งสามารถสรุปเป็นข้อสังเกตได้ ดังนี้ คือ

1.) 17 จาก 20 กระทรวงถูกปรับลดงบประมาณ โดยกระทรวงที่ถูกปรับลดงบมากที่สุด คือ กระทรวงศึกษาธิการ โดยถูกปรับลดลงกว่า 24,000 ล้านบาท ซึ่งสำนักงานคณะกรรมาการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เป็นหน่วยรับงบประมาณที่ถูกปรับลดมากที่สุด โดยถูกปรับลดลงถึงกว่า 20,000 ล้านบาท ในจำนวนนั้น 13,264 ล้านบาท เป็นการลดงบในแผนงานบุคลากรภาครัฐ ซึ่งก็คือส่วนของเงินเดือนค่าตอบแทน ส่วนกระทรวงที่ถูกตัดงบมากเป็นอันดับรองลงมา ได้แก่ กระทรวงแรงงาน ลดลง 19,977 ล้านบาท กระทรวงมหาดไทย ลดลง 17,144 ล้านบาท กระทรวงคมนาคม ลดลง 14,100 ล้านบาท

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า 2.) มี 3 กระทรวงที่ได้รับงบประมาณเพิ่มขึ้น โดยกระทรวงที่ได้รับงบเพิ่มมากที่สุด คือ กระทรวงการคลัง คาดว่าจะเป็นเงินเพื่อชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย รองลงมาคือกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยได้รับงบประมาณเพิ่ม 2,300 ล้านบาท โดยไปเพิ่มให้กับกรมเด็กและเยาวชน ดังนั้น คงต้องลุ้นกันต่ออีกปีว่าจะเป็นเงินเลี้ยงดูเด็กแบบถ้วนหน้าหรือไม่ ส่วนกระทรวงที่งบประมาณเพิ่มขึ้นมากที่สุดเมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ คือกระทรวงพลังงาน โดยมีสัดส่วนงบประมาณเพิ่มขึ้น 19% เพิ่มให้กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ (+80%) และกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (+37%)

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวอีกว่า 3.) กระทรวงกลาโหมถูกปรับลดงบประมาณลง 11,000 ล้านบาท คิดเป็น 5.24% แต่ที่น่าสนใจคืองบบุคลากรของกระทรวงกลาโหมกลับเพิ่มขึ้นทั้ง 3 เหล่าทัพ คือ กองทัพบก เพิ่มขึ้น 799 ล้านบาท เป็น 58,892 ล้านบาท กองทัพเรือ เพิ่มขึ้น 531 ล้านบาท เป็น 21,283 ล้านบาท และกองทัพอากาศ เพิ่มขึ้น 365 ล้านบาท เป็น 13,258 ล้านบาท

4.) งบเพื่อสวัสดิการและการศึกษาหลายอย่างถูกตัด แม้เราอยู่ในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ เช่น กองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ถูกตัดงบลง 5,740 ล้านบาท หรือคิดเป็น 29% กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ถูกตัดงบลง 432 ล้านบาท เหลือ 5,652 ล้านบาท หรือแม้แต่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ก็ถูกปรับลดงบประมาณลง 1,815 ล้านบาท เหลือเพียง 140,550 ล้านบาท ทั้ง ๆ ที่ สปสช. เองก็คาดการณ์ว่าจะมีผู้ที่เข้ามาใช้สิทธิบัตรทองเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 137,000 คน ในปี 2564 และอาจมีเพิ่มมากขึ้นหากสภาวะทางเศรษฐกิจยังคงย่ำแย่

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า และ 5.) รัฐเอาเงินอุดหนุน อสม. ออกจากเงินอุดหนุน อบจ. กลับไปให้กระทรวงสาธารณสุข (ประมาณปีละ 12,500 ล้านบาท) แต่ก็ไม่ได้มีการชดเชยเงินอุดหนุนเพิ่มเติมให้ อปท. โดยในปีงบประมาณ 2565 รัฐอุดหนุนเงินให้ อปท. ลดลง 5% (หลังหักเอาเงิน อสม. ออกแล้ว) และคาดว่า อปท. จะมีรายได้น้อยกว่าปีงบประมาณก่อนประมาณ 76,000 ล้านบาท หรือลดลง 9% ทั้งนี้ รายได้ของ อปท. อาจต่ำกว่าที่ประมาณการลงอีก เนื่องจากแนวนโยบายของรัฐบาลที่จะมีการให้ลดภาษีที่ดิน ซึ่งเป็นรายได้โดยตรงของท้องถิ่นลงถึงร้อยละ 90 สำหรับปีภาษี 2564 และหากการเก็บภาษีของรัฐไม่เป็นไปตามเป้า ก็จะทำให้รายได้ที่รัฐจัดเก็บให้ และรายได้ที่รัฐแบ่งให้ เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม ลดลงไปอีก

"หลังจากนี้พรรคก้าวไกลจะประชุมเพื่อกำหนดธีมและหัวข้อในการอภิปราย ซึ่งเรายังยืนยันเรื่องการจัดสรรสวัสดิการที่ต้องครบถ้วนและครอบคลุมมากว่านี้ สำหรับปีนี้พรรคจะมีโปรเจ็กต์นำข้อมูลงบประมาณทั้งหมดของปี 2565 มาให้ประชาชนได้รับทราบและร่วมพิจารณางบว่า งบส่วนไหนที่ตัดได้ เพื่อนำไปเติมส่วนงบสวัสดิการ เพื่อให้รัฐบาลเห็นว่าประชาชนอยากจัดสรรงบประมาณมาใส่ในส่วนงบสวัสดิการเท่าไหร่ ซึ่งคาดว่าจะจัดการประชุมในรูปแบบออนไลน์เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด" น.ส.ศิริกัญญา กล่าว


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

กสม.แถลงผลการดำเนินการรอบปี 63 เผยมี 465 เรื่องร้องเรียน เฉพาะสิทธิในกระบวนการยุติธรรมนำโด่ง 170 เรื่อง ยันห่วงใยการชุมนุมทางการเมือง ตั้งคณะทำงานติดตาม พร้อมลงพื้นที่ ทั้งเตรียมลงพื้นที่ชายแดนช่วยเหลือด้านสิทธิมนุษยชนกับชาวเมียนมา

ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) นายสุวัฒน์ เทพอารักษ์ กรรมการสิทธิมนุษยชน ทำหน้าที่แทนประธานกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) พร้อมกสม.ร่วมกันแถลง ผลการปฏิบัติงานประจำปีงบประมาณ 2563 โดยกสม.ได้รับเรื่องร้องเรียนทั้งสิ้น 465 เรื่องเป็นการร้องเรียนเกี่ยวกับสิทธิในกระบวนการยุติธรรม 170 เรื่อง สิทธิพลเมือง 74 เรื่องสิทธิของบุคคลในทรัพย์สิน 53 เรื่อง ซึ่งพื้นที่ที่มีการร้องเรียนแสนสูงสุดคือตะวันออกเฉียงเหนือมีจำนวน 90 เรื่อง ซึ่งกสม.ได้ตรวจสอบคำร้องและจัดทำรายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนจำนวน 387 เรื่อง เช่น สิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย กรณีชีวิตของนักเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร จ.นครนายก  สิทธิในกระบวนการยุติธรรม กรณีกล่าวอ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัวและตรวจเก็บตัวอย่างสารพันธุกรรมไม่ชอบด้วยกฎหมาย  

ส่วนการติดตาม ตรวจสอบและรายงานข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนและมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของ กสม. 131 เรื่อง ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับสิทธิชุมชนกรณีการมีส่วนร่วมในโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ การเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน รวมทั้งปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ  อาทิ การเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะของคนพิการ  กรณีศึกษาผลกระทบด้านการจราจรของโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย - มีนบุรี การยุติการตั้งครรภ์เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน และมีการประเมินสถานการณ์เฉพาะอีก 2 เรื่อง คือการประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 การประเมินสถานการณ์เกี่ยวกับเสรีภาพในการชุมนุมเพื่อแสดงความคิดเห็นและข้อเรียกร้องทางการเมือง ซึ่งได้มีการเสนอรายงานดังกล่าวต่อรัฐสภาและครม.แล้วเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา 

นอกจากนี้ยังได้มีการจัดทำหลักสูตรสิทธิมนุษยชนศึกษาสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย และคู่มือการจัดการเรียนรู้สิทธิมนุษยชนศึกษาสำหรับการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชน ร่วมมือและประสานงานด้านสิทธิมนุษยชนกับองค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ จัดตั้งสำนักงานกสม.ในต่างจังหวัด นำร่องในพื้นที่ภาคใต้ที่จ.สงขลา และจัดตั้งศูนย์ศึกษาและประสานงานด้านสิทธิมนุษยชนในภูมิภาคร่วมกับเครือข่ายสถาบันอุดมศึกษาอีก 6 แห่ง รวมเป็น 12 แห่งทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงกลไกการส่งเสริมคุ้มครองสิทธิมนุษยชนได้สะดวกรวดเร็วขึ้น  

อย่างไรก็ตาม กสม.เห็นว่ายังมีสิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการของกสม.และควรมีการแก้ไข คือกรณีที่รัฐธรรมนูญ และ พ.ร.ป.ว่าด้วยกสม.กำหนดให้กสม.ต้องชี้แจงและรายงานข้อเท็จจริงที่ถูกต้องโดยไม่ชักช้ากรณีมีการรายงานสถานการณ์เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนในประเทศไม่ถูกต้องเป็นธรรม  และข้อจำกัดด้านกฎหมายกรณีพ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ60 ไม่ได้บัญญัติหน้าที่และอำนาจในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่เดิมที่ กสม.เคยมี ซึ่งถือว่าไม่สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ของสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและหลักการสากล รวมทั้งเมื่อมีการจัดทำรายงานหรือข้อเสนอแนะในเรื่องต่างๆไปยังครม.รัฐสภาหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วส่วนใหญ่ ไม่มีการแจ้งเหตุผลที่หน่วยงานเหล่านั้นไม่สามารถปฏิบัติตามข้อเสนอแนะที่กสม.ได้ 

เมื่อถามถึงการจับกุมผู้ชุมนุมทางการเมือง กรณีที่นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำกลุ่มราษฎร อ้างว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการต่อสู้คดี ทางกสม.จะมีการดำเนินการอย่างไร  นายสุวัฒน์ กล่าวว่า กรณีการชุมนุมทางการเมืองทางกสม.มีข้อห่วงใยและติดตามข้อมูล ข่าวสารมาโดยตลอด ตั้งแต่เริ่มต้นมีการชุมนุม เราได้ตั้งคณะทำงานเฝ้าระวังเพื่อติดตามข้อมูลทุกวันที่มีการชุมนุม และส่งเจ้าหน้าที่ไปร่วมสังเกตการณ์การชุมนุมที่สำคัญทุกครั้งและมีการสรุปรายงานให้ทราบทุกสัปดาห์ ส่วนที่มีประชาชนยื่นร้องเรียนเข้ามาประมาณ 10 เรื่อง เราก็ได้ตั้งคณะทำงานตรวจสอบโดยเฉพาะและเร่งดำเนินการนำข้อมูล เหตุการณ์ ข้อร้องเรียนต่างๆมาประมวลเพื่อหาข้อสรุปโดยเร็ว โดยมีการเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนมาร่วมให้ข้อมูล อาทิ ผู้ชุมนุม นักวิชาการ สื่อมวลชน เป็นต้น 

ขณะเดียวกันในเรื่องของผู้ถูกกุมขัง ทางกสม.มีความเป็นห่วงและได้ติดตามโดยให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจเยี่ยม ซึ่งตนก็มีโอกาสได้ไปเยี่ยมผู้ถูกกุมขังเช่นกันเพื่อดูชีวิตความเป็นอยู่ว่าเป็นอย่างไร ทั้งนี้ ประเด็นการจับกุมเราได้พยายามศึกษาว่าจะดำเนินการได้อย่างไรบ้าง ซึ่งในเรื่องของการประกันตัวนั้น ทุกคนทราบดีว่าเป็นดุลพินิจของศาล เมื่อเป็นดุลพินิจของศาล ในระเบียบของกสม.ไม่ได้ให้อำนาจกสม.ดำเนินการพิจารณาได้ เราจึงได้ให้คณะทำงานเฝ้าระวังซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษากฎหมายพิจารณาศึกษาว่าเราจะมีข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะอย่างไรบ้าง ยืนยันว่าเราพยายามติดตามและให้ความช่วยเหลือเรื่องนี้อยู่  

เมื่อถามว่า เหตุการณ์การชุมนุมประท้วงในเมียนมาทำให้มีคนลี้ภัยมาตามแนวชายแดน ทางกสม.ได้รับเรื่องร้องเรียนหรือดำเนินการอย่างไรหรือไม่ นายสุวัฒน์  กล่าวว่า ตนได้รับการประสานว่าวันที่ 21 เม.ย.ทางประธานกสม.ระดับต่างประเทศจะหารือกันและเชิญประธานกสม.เมียนมาเข้ามาร่วมด้วย ซึ่งเราก็จะดูในภาพรวม ซึ่งประเด็นนี้เรามีความห่วงใยและเตรียมการจัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ชายแดนเพื่อดูว่ากรณีถ้ามีราษฎรจากเมียนมาเข้ามา เราจะดูแลเรื่องสิทธิมนุษยชน มนุษยธรรม ซึ่งเป็นหน้าที่ที่เราจะเข้าไปให้ความช่วยเหลือ  

ด้านนายบุญเกื้อ สมนึก เลขาธิการกสม. กล่าวว่า กรณีผู้ข้ามแดนลี้ภัยนั้น ทางกสม.มีมติมอบหมายให้สำนักงานฯลงพื้นที่เพื่อดูสถานการณ์ ซึ่งทางสำนักงานฯก๋ได้รับการตอบรับจากหน่วยความมั่นคงในพื้นที่กองทัพภาคที่ 3 ขณะเดียวกันทางสำนักงานฯก็ได้ประสานงานกับทางกระทรวงการต่างประเทศไว้แล้วว่าเรื่องนี้จะมีมาตรการอย่างไร โดยกสม.จะดูในมิติของสิทธิมนุษยชน

“นายกฯ” สั่งเดินหน้า ”โครงการบ้านสุขประชา” พร้อมทำบ้าน “น็อคดาวน์”ให้ผู้มีรายได้น้อยมีความมั่นคงในชีวิต พร้อมเร่งรัดรัฐวิสาหกิจ ดูแลหน่วยงานในเครือดำเนินตามยุทธศาสตร์ชาติ สร้างรายได้ เพื่อลดภาระงบประมาณภาครัฐ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่าตนให้ความสำคัญกับการจัดหาที่อยู่ ที่ทำกินให้กับประชาชน ซึ่งวันนี้ได้เร่งรัดในที่ประชุมครม.ไปแล้ว ในเรื่องของการจัดหาที่ดิน ในลักษณะของกระบวนการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล(คทช.) และเรื่องของบ้านเคหะสุขประชา ซึ่งจากการเปิดโครงการไปเมื่อสัปดาห์ก่อน ได้รับการตอบรับเป็นจำนวนมาก ตนก็จะเร่งรัดในเรื่องนี้ เพราะเป็นนโยบายหลักของรัฐบาล ที่ต้องการให้ทุกคนมีที่อยู่อาศัย ที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

“บ้านเคหะสุขประชา จะเดินหน้าต่อไป ซึ่งไม่ใช่เฉพาะในกรุงเทพฯ แต่จะให้มีการทำแผนงานไปในทุกจังหวัดทั่วประเทศ จะมีการทยอยดำเนินการไปตามงบประมาณที่มีอยู่ หรือตามแนวทางปฏิบัติ วันนี้ผมก็ให้แนวคิดไปอีกอย่างหนึ่งคือการทำบ้านในลักษณะบ้านน็อคดาวน์ เพื่อทำให้เร็วขึ้น ในพื้นที่ที่แออัด เดี๋ยวจะลองทำสแตนบล็อกตรงนี้ออกไป เพื่อให้เกิดให้เร็วขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ ซึ่งทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.)ได้รับเรื่องตรงนี้ไปแล้ว สำหรับผู้มีรายได้น้อยจะได้มีความมั่นคงในเรื่องของที่อยู่อาศัย”

นอกจากนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ยังแถลงถึงการพัฒนารัฐวิสาหกิจว่า ตนได้เร่งรัดให้หน่วยงานต่างๆ ได้ดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ และมีการปฏิรูปเศรษฐกิจใหม่ของรัฐบาล ก็ขอให้รัฐวิสาหกิจต่างๆได้พิจารณาความจำเป็น และกำกับดูแลบริษัทในเครือให้ได้ตามวัตถุประสงค์ ด้วยแนวทางและวิธีการทำงานใหม่ ในการให้บริการประชาชน ทั้งนี้เพื่อจะสร้างรายได้ให้กับประเทศและเป็นการลดภาระงบประมาณภาครัฐ และประชาชน มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น วันนี้เราก็ต้องยอมรับกันว่า สถานการณ์โควิด ทำให้เกิดปัญหามากพอสมควร ในเรื่องของเศรษฐกิจ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top