Wednesday, 18 June 2025
TheStatesTimes

‘สมเด็จพระนเรศวรมหาราช’ คือหนึ่งในกษัตริย์ไทยที่ถูกกล่าวขานถึง โดยเฉพาะเรื่องพระปรีชาสามารถในการรบ จนกอบกู้อิสรภาพจากการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งแรกได้สำเร็จ วันนี้ถือเป็นวันสำคัญทางประวัติศาสตร์ เนื่องจากเป็นวันคล้ายวันสวรรคตของกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่พระองค์นี้

สมเด็จพระนเรศวรมหาราช มีพระนามเดิมว่า พระองค์ดำ ขณะที่ทรงพระเยาว์ พระองค์ทรงใช้ชีวิตอยู่ที่พระราชวังจันทน์ เมืองพิษณุโลก จนกระทั่งพระเจ้าบุเรงนองยกทัพมาตีเมืองพิษณุโลก ได้ทรงขอพระนเรศวรไปเป็นองค์ประกันที่หงสาวดี ทำให้พระองค์ต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนตั้งแต่มีพระชนมายุเพียง 9 พรรษา ไปประทับอยู่กรุงหงสาวดี 8 ปี และเสด็จกลับกรุงศรีอยุธยาเมื่อพระชนมายุ 17 พรรษา ในปี พ.ศ.2115

เมื่อเสด็จกลับกรุงศรีอยุธยา ทรงได้รับพระราชทานนามว่า ‘พระนเรศวร’ และโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพระอุปราช ไปปกครองเมืองพิษณุโลก ด้วยทรงมีพระปรีชาสามารถด้านการรบ ทำให้ชื่อเสียงเริ่มแผ่กระจายไปในวงกว้าง

กระทั่งในปี พ.ศ.2135 พระเจ้านันทบุเรง โปรดให้พระมหาอุปราชา นำกองทัพทหารสองแสนสี่หมื่นคน หมายจะตีกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระนเรศวรมหาราชจึงทรงเตรียมไพร่พล มีกำลังหนึ่งแสนคน เพื่อทำศึกครั้งสำคัญ หรือที่รู้จักกันในชื่อ สงครามยุทธหัตถี กระทั่งสามารถเอาชนะในการศึกครั้งสำคัญนี้ได้ เป็นเหตุให้ไม่มีกองทัพใดกล้ายกมารุกรานกรุงศรีอยุธยาอีกเป็นเวลานาน

สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2133 กระทั่งในปี พ.ศ.2148 ขณะที่ยกทัพขึ้นไปทางเหนือ เพื่อทำศึกเมืองนายและกรุงอังวะ ทรงมีพระอาการประชวรเป็นหัวระลอก (ฝี) ขึ้นที่พระพักตร์ แล้วมีพระอาการหนักลง ก่อนจะสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2148 รวมเวลาการครองราชสมบัติ 15 ปี

วันนี้ถือเป็นวันครบรอบการสิ้นพระชนม์ของกษัตริย์ผู้ทรงมีพระปรีชาสามารถพระองค์หนึ่งในประวัติศาสตร์ไทย ประชาชนชาวไทยจึงขอน้อมระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงกอบกู้อิสรภาพ และสร้างบ้านเมืองให้เป็นปึกแผ่นมาจนถึงทุกวันนี้

ที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki/สมเด็จพระนเรศวรมหาราช


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

.

สมุทรปราการ - “สมเด็จพระมหาวีรวงศ์” ประธานเปิดอาคารเรียน หลังที่ 18 ณ โรงเรียนวัดบางพลีใหญ่กลาง

ที่บริเวณลานโรงเรียนวัดบางพลีใหญ่กลาง ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิตรสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เมตตาเดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดป้ายอาคารเรียน”พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ” โรงเรียนวัดบางพลีใหญ่กลาง เนื่องในโอกาสฉลองอายุวัฒนมงคล 59 ปี ของท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ประธานดำเนินการจัดสร้างอาคารเรียนหลังที่ 18 เพื่อมอบให้กับทางโรงเรียนวัดบางพลีใหญ่กลาง โดยอาคารหลังดังกล่าวมีชื่ออาคารว่า”พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ”

โดยในพิธีเปิดป้ายอาคารเรียนครั้งนี้ ยังได้รับความเมตตาจากพระพรหมเสนาบดี กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดปทุมคงคา เดินทางมาร่วมในพิธี พร้อมคณะสงฆ์ผู้ทรงสมณศักดิ์จากวัดต่าง ๆ ตลอดจนพระราชาคณะเข้าร่วมในพิธี และร่วมเจริญพระพุทธมนต์ คณะสงฆ์วัดบางพลีใหญ่กลาง โดยพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ให้การต้อนรับ มีนายชัยพจน์ จรูญพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ นายอำเภอบางพลีข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ หัวหน้าส่วนราชการ ผอ.โรงเรียนวัดบางพลีใหญ่กลาง และแขกผู้มีเกียรติร่วมให้การต้อนรับและร่วมในพิธี

สำหรับการจัดสร้างอาคารเรียนหลังใหม่นี้ เป็นอาคารเรียนหลังที่ 18 ที่ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ที่ได้เมตตาจัดสร้างขึ้นเพื่อมอบให้กับทางโรงเรียนวัดบางพลีใหญ่กลาง อีกทั้งยังมีความเมตตาต่อนักเรียนโรงเรียนวัดบางพลีใหญ่กลาง จึงได้จัดสร้างอาคารหลังดังกล่าวขึ้น และท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ ยังได้ให้การอุปถัมภ์ทางโรงเรียนมาโดยตลอด

โดยวันที่ 12 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ได้ทำพิธีตอกเสาเข็ม และในวันที่ 9 กันยายน 2563 ถือฤกษ์ดีวันที่ 9 เดือน 9 ประกอบพิธียกเสาเอก เสาโท และด้วยความอุตสาหะ ความมุ่งมั่นตั้งใจ ความเมตตาที่มีต่อนักเรียน กระทั่งดำเนินการแล้วเสร็จ เป็นอาคาร 3 ชั้น ประดับตกแต่งอย่างสวยงาม ชั้นที่ 1 ประกอบไปด้วยห้องประชุมขนาดใหญ่ ชื่อว่า”ห้องประชุมศีลคุณ” มีบันไดซ้าย ขวา ส่วนชั้นที่2 และชั้นที่ 3 มีห้องเรียนจำนวน 6 ห้อง พร้อมด้วยโต๊ะหนังสือและเก้าอี้ สำหรับนักเรียน ไว้สำหรับจัดการเรียนการสอน ซึ่งอาคารหลังใหม่นี้ที่มีการจัดสร้าง นับเป็นอาคารหลังที่ 18 ที่ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เมตตาจัดสร้างขึ้น พร้อมทั้งกำกับ ดูแล ควบคุมการก่อสร้างมาโดยตลอด ดั่งคำปณิธานของท่านคือ”ชีวิตนี้เพื่อการศึกษา”


ภาพ/ข่าว  คิว-ข่าวสมุทรปราการ

“ธนกร” โต้แทน “บิ๊กตู่” แจง ”บิ๊กแสนสิริ” ยันรัฐบาลเร่งฉีดวัคซีนไทม์ไลน์ชัดเจน ซัด ฝ่ายค้านอย่าติงทุกเรื่อง

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและผู้จัดการใหญ่บริษัทแสนสิริจำกัด(มหาชน) เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชน ว่า นายเศรษฐา ออกมาให้ความเห็นบ่อยในช่วงหลังซึ่งเป็นไปอย่างสุภาพ ส่วนจะหวังผลการเมืองหรือไม่นั้นไม่ทราบ แต่ดีกว่าฝ่ายการเมือง ขอยืนยันกับนายเศรษฐา ว่ารัฐบาลเร่งฉีดวัคซีนให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ และมีแผนการฉีดวัคซีนที่ชัดเจน ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงว่าขณะนี้ไทยมีวัคซีนป้องกันโควิดเข้ามาจำนวน 2,117,000 โดส และในวันที่ 24 เม.ย. วัคซีนซิโนแวคจะเข้ามาอีก 5 แสนโดส และเดือนพ.ค.วัคซีนซิโนแวคเข้ามา 1 ล้านโดส 

ส่วนวัคซีนแอสตราเซนเนกา ที่ผลิตในไทยจะเริ่มทยอยส่งเดือนมิ.ย. 4-6 ล้านโดส และจะเพิ่มจำนวนตั้งแต่เดือนก.ค.จนถึงสิ้นปี64 จะครบ 61 ล้านโดส และมีวัคซีนทางเลือกที่ให้ภาคเอกชนอีก 5-10 ล้านโดส ที่น่าจะเพียงพอ และเตรียมยาฟาวิพิราเวียร์ไว้แล้ว ในเดือนเม.ย.-พ.ค.จัดหาเพิ่ม 2 ล้านเม็ด เดือนพ.ค-มิ.ย.1 ล้านเม็ด และมิ.ย.-ก.ค.อีก 5 แสนเม็ด และจะสั่งซื้อให้มีสำรองในสต็อก 3.5 ล้านเม็ด 

“ขอให้มั่นใจว่ารัฐบาล ทุ่มเททำงานช่วยเหลือประชาชน ทั้งนี้ที่หวังดีและเสนอสิ่งที่เป็นประโยชน์ ไม่เหมือนกับฝ่ายค้านที่โจมตีโดยประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไร ส่วนฝ่ายค้านให้ลดการตำหนิรัฐบาลลง และให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์จะดีกว่า เวลานี้ไม่ใช่เวลาของการเมือง แต่เป็นเวลาที่ทุกฝ่ายจะต้องร่วมแรงร่วมใจทำงานช่วยเหลือประชาชน” นายธนกร กล่าว

ก.แรงงาน ชวนทำดี จัดกิจกรรม “ปรับ-ปลูก-ปัน วันแรงงานสร้างสุข ปลุกพลังจิตอาสา”

ก.แรงงาน โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เชิญชวนสถานประกอบกิจการ นายจ้าง และเครือข่ายพี่น้องแรงงาน จัดกิจกรรม “ปรับ-ปลูก-ปัน วันแรงงานสร้างสุข ปลุกพลังจิตอาสา” ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนจิตอาสาพัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อความสุขของแรงงานและประชาชน เนื่องในวันแรงงานแห่งชาติ ประจำปี 2564

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า วันที่ 1 พฤษภาคม ของทุกปีเป็นวันแรงงานแห่งชาติตามปกติจะมีการจัดกิจกรรมเพื่อแสดงถึงพลังของแรงงานในการร่วมพัฒนาประเทศ ตลอดจนรับทราบปัญหา แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและสร้างขวัญกำลังใจแก่พี่น้องแรงงาน แต่ปีนี้เนื่องจากสถานการณ์ของ โรคโควิด-19 เกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่ จึงมีความจำเป็นต้องงดการจัดกิจกรรมวันแรงงานแห่งชาติ ประจำปี 2564 อย่างไรก็ตาม กระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับของ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ มีนโยบายการบริหารงานภายใต้วิสัยทัศน์ “แรงงานมีศักยภาพสูง และมีคุณภาพชีวิตที่ดี” โดยให้ความสำคัญกับการน้อมนำพระราชปณิธาน ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการขับเคลื่อนโครงการจิตอาสา หวังให้ประชาชนมีความสุข ประเทศชาติมีความมั่นคงอย่างยั่งยืน จึงได้มอบหมายให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จัดกิจกรรม “ปรับ-ปลูก-ปัน วันแรงงานสร้างสุข ปลุกพลังจิตอาสา” เพื่อส่งเสริมให้สถานประกอบกิจการ นายจ้าง และลูกจ้าง ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค มีส่วนร่วมในกิจกรรมบำเพ็ญสาธารณะประโยชน์เพื่อสังคมส่วนรวม ตลอดจนก่อให้เกิดความสามัคคีและความเข้มแข็งของเครือข่ายพี่น้องแรงงานผู้ที่ทำประโยชน์แก่เศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย

ด้าน นายอภิญญา สุจริตตานันท์ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า กิจกรรมดังกล่าว กรมได้มอบหมายให้สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน 76 จังหวัด ดำเนินการส่งเสริมและสนับสนุนให้สถานประกอบกิจการและเครือข่ายแรงงาน จัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานและประชาชนให้มีความสุข ได้แก่ การมีสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ร่วมกันปรับปรุงภูมิทัศน์ ปลูกต้นไม้ ทำความสะอาดสถานประกอบกิจการ พื้นที่ในชุมชน เช่น วัด และโรงเรียน หรือร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการแบ่งปันในการบริจาคโลหิตให้กับสภากาชาติไทย พร้อมทั้งกิจกรรมยกระดับสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วมของพี่น้องแรงงาน ให้มีความรู้ในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในการดูแลตนเองและครอบครัว

โดยร่วมแบ่งปันหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์เพื่อป้องการการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นอกจากนี้กรมตั้งเป้าจัดกิจกรรมมุ่งสร้างความสำคัญของแรงงานในวันแรงงานแห่งชาติ อาทิ การให้คำปรึกษาแนะนำ ตรวจเยี่ยม และติดตามป้องกันเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งด้านแรงงาน อันเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีของนายจ้างและลูกจ้างในการก้าวข้ามผ่านอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจและผ่านพ้นวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นี้ไปด้วยกัน

เทพไท แจงเหตุผลตัดงบ สัมมนาดูงาน ก่อสร้าง ซื้ออาวุธ ได้เงิน 4 แสนล้าน สู้โควิด

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ Facebook ส่วนตัว มีข้อความว่า จากกรณีที่ผมได้เสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรี ให้พิจารณาการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565  โดยขอเสนอให้ตัดงบประมาณใน 4 ส่วน ด้วยเหตุผลดังนี้ คือ

1.งบประมาณการจัดสัมมนาซึ่งเห็นว่างบประมาณส่วนนี้ไม่ควรที่จะดำเนินการในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เพราะการสัมมนาเป็นการรวมตัวของคนหมู่มาก สุ่มเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 ได้

2.งบประมาณด้านการศึกษาดูงาน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไม่ควรมีงบประมาณส่วนนี้ ในสถานการณ์เช่นนี้ เพราะการศึกษาดูงานเป็นเพียงการเปิดวิสัยทัศน์และเพิ่มประสบการณ์ให้กับข้าราชการในการทำงาน ไม่ใช่ความจำเป็นเร่งด่วนในสถานการณ์เช่นนี้ และยังไม่มีประเทศใดเปิดรับชาวต่างชาติเดินทางเข้าสู่ประเทศในสถานการณ์โรคไวรัสโควิดกำลังระบาดอยู่

3.งบประมาณด้านการก่อสร้างที่เป็นโครงการใหม่ ทั้งการก่อสร้างถนน และอาคาร ซึ่งยังไม่มีความจำเป็น และไม่ใช่สิ่งจำเป็นเร่งด่วน สามารถชะลอโครงการก่อสร้างออกไปได้หนึ่งปี จะไม่กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนโดยตรง

4.งบประมาณด้านการทหารในการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ และการก่อสร้างอาคาร ค่ายทหาร ซึ่งไม่มีความจำเป็นสำหรับการสู้รบในโลกปัจจุบัน ที่มีการสงครามทางโลกไซเบอร์มากกว่า และการก่อสร้างในค่ายทหารก็ได้รับงบประมาณในช่วงรัฐบาล คสช. มากกว่าทุกรัฐบาล

 ถ้าหากรัฐบาลดำเนินการตัดงบประมาณทั้ง 4 ส่วนดังกล่าวนี้ จะมีเม็ดเงินงบประมาณไม่ต่ำกว่า 4 แสนล้านบาท เพื่อนำมาใช้เป็นงบประมาณที่เกี่ยวกับการป้องกันและเยียวยา การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ได้ครบวงจร โดยนำเม็ดเงินงบประมาณทั้งหมดไปจัดทำงบประมาณโครงการดังนี้ คือ

1.) จัดซื้อเครื่องมืออุปกรณ์การตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้กับโรงพยาบาลประจำอำเภอ ทั่วประเทศ เพื่อให้มีการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเชิงรุก เป็นการป้องกันโรคในเบื้องต้น

2.) จัดซื้อวัคซีนเพื่อใช้ฉีดป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้กับประชาชนทั้งประเทศ ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึงครบทุกคน เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ของประชาชนในประเทศ

3.) จัดซื้อเครื่องมืออุปกรณ์ด้านการพยาบาลให้กับ อสม.และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.) ที่ขาดแคลนเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ในการบริการประชาชนในชนบท

4.) จัดเป็นงบประมาณส่งเสริมสนับสนุนธุรกิจรายย่อยหรือ SME เพื่อเป็นการช่วยเหลือกลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก

5.) จัดเป็นงบประมาณเพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ให้กับประชาชนทุกสาขาอาชีพ 

ถ้ารัฐบาลได้ดำเนินการตามข้อเสนอแล้ว ก็สามารถจะแก้ปัญหาการระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 และความเดือดร้อนของประชาชนได้ โดยไม่จำเป็นต้องมาปรับลดงบประมาณ หรือจัดทำ พ.ร.บ.งบประมาณกลางปีขึ้นมาใหม่ เหมือนที่ผ่านมา และเป็นการรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในรอบ4หรือรอบ5 ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้ 

สำหรับปีนี้ ผมไม่มีโอกาสได้อภิปรายแสดงความเห็นในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร จึงขอใช้สิทธิ์ผู้แทนนอกสภา เสนอความเห็นเกี่ยวกับการจัดทำ พ.ร.บ.งบประมาณร่ายจ่ายประจำปี 2565 ผ่านสื่อมวลชนไปถึงรัฐบาลด้วยความจริงใจ

ก.แรงงาน ขานรับข้อห่วงใยนายก เร่งเยียวยาผู้ประกันตนที่ทำงานกลางคืนจากเหตุสุดวิสัยโควิด-19

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ขานรับข้อห่วงใยนายกรัฐมนตรี กรณีได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด- 19 และนายจ้างต้องหยุดประกอบกิจการเนื่องจากทางราชการมีคำสั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว ให้ลูกจ้างมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างรายวัน รวมกันไม่เกิน 90 วัน 

เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2564 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงข้อห่วงใยของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และกระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ช่วยดูแลพี่น้องแรงงานที่ทำงานกลางคืนให้เหมือนคนในครอบครัว 

ภายใต้กรอบของกฎหมาย เนื่องจากคนทำงานภาคกลางคืน เช่น ผับ บาร์ สถานบันเทิง ภัตตาคาร ร้านอาหาร สถานบริการ เป็นต้น ส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด- 19 ซึ่งเป็นผู้ประกันตนให้ได้รับการช่วยเหลือเยียวยากรณีนายจ้างต้องหยุดประกอบกิจการเนื่องจากทางราชการมีคำสั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว ให้ได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยโควิด-19 

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า กรณีเหตุสุดวิสัยโควิด -19 กระทรวงแรงงาน ได้ออกกฎกระทรวงได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยอันเกิดจากการระบาดของโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ พ.ศ.2563 ลงวันที่ 30 ธันวาคม 2563 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2563 เป็นต้นไปให้ความคุ้มครองกรณีผู้ประกันตนไม่สามารถทำงานได้ เนื่องจากต้องกักตัวเฝ้าระวังการระบาดของโรค 

นายจ้างต้องหยุดประกอบกิจกรรมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนเนื่องจากทางราชการมีคำสั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ไม่สามารถประกอบกิจการได้ตามปกติ และลูกจ้างไม่ได้รับค่าจ้างในระหว่างนั้น ให้ลูกจ้างมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างรายวัน รวมกันไม่เกิน 90 วัน 
ซึ่งมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2563 เป็นต้นไป และสำนักงานประกันสังคมได้เปิดให้นายจ้างและผู้ประกันตนที่ได้รับผลกระทบยื่นขอรับประโยชน์ทดแทนโดยสามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มได้ที่ www.sso.go.th

"พีระศักดิ์" เผย เห็นด้วยกับการแก้ม.272-กลับไปใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ชี้ แต่ถึงอย่างไรก็ต้องมาหาข้อยุติในสภา

เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ.2564 ที่รัฐสภา นายพีระศักดิ์ พอจิต ส.ว. กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญในส่วนของ ส.ว. ว่า เนื่องจาก ส.ว. ค่อนข้างเป็นอิสระ เพราะไม่ได้เป็นพรรคการเมือง จึงไม่ได้มีการหารือกันเป็นกิจลักษณะ หรือเป็นมติของวิปคงทำไม่ได้ จึงเป็นเรื่องความคิดเห็นของแต่ละกลุ่มว่าจะคิดเห็นกันเช่นไร

เมื่อถามว่ามีส.ว.บางท่านเห็นด้วยกับการแก้มาตรา 272 ส่วนตัวเห็นด้วยหรือไม่ นายพีระศักดิ์ กล่าวว่า ตนเห็นว่าการโหวตนายกรัฐมนตรีเป็นเรื่องของพรรคการเมืองเพราะเป็นคนเสนอนโยบายต่อประชาชนในตอนเลือกตั้ง ว่ามีนโยบายอย่างไรหรือเสนอชื่อใครเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งตนเห็นด้วยกับการแก้ประเด็นนี้มานานแล้ว แต่ว่าในการเลือกตั้งครั้งแรกตนเลือกพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะเสียงเกินกึ่งหนึ่งในสภาเลือกพล.อ.ประยุทธ์ แต่หลังจากนี้ให้กำหนดในรัฐธรรมนูญเลยก็ได้ว่าให้เป็นเรื่องของสภาผู้แทนราษฎร 

เมื่อถามว่ามองว่าหลังจากนี้เสียงโหวตของส.ว.ในการแก้รัฐธรรมนูญจะเป็นอย่างไร นายพีระศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับตนโหวตเห็นควรให้แก้ไขรัฐธรรมนูญตั้งแต่ต้น แต่เมื่อโหวตครั้งที่ 2 เกิดปัญหาข้อกฎหมายว่าแก้ได้หรือไม่ ตนจึงงดออกเสียง แต่หลักการแล้วเมื่อพรรคฝ่ายค้าน พรรคร่วมรัฐบาลและภาคประชาชนเสนอแก้ฉะนั้นต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 

เมื่อถามว่าคิดเห็นอย่างไรที่พรรคฝ่ายค้านเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับระบบเลือกตั้งที่เปลี่ยนจากบัตรเลือกตั้ง 1 ใบเป็นบัตรเลือกตั้งแบบ 2 ใบ นายพีระศักดิ์ กล่าวว่า ยังไม่มีข้อยุติ ตรงนี้เป็นในส่วนของรายละเอียด สำหรับตนเคยเสนอแก้ไขเปลี่ยนเป็นบัตร 2 ใบเหมือนเดิม เพราะเป็นการรอนสิทธิ์ของประชนชนจากเดิมที่สามารถใช้สิทธิ์เลือกได้ทั้งพรรคและตัวบุคคล ประเด็นใดที่เปิดโอกาสให้ประชาชนก็ควรจะทำ 

เมื่อถามว่าการแก้ไขรายมาตรามีโอกาสจะสำเร็จมากกว่าการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มายกร่างใหม่ใช่หรือไม่ นายพีระศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้เดินไปในทางการแก้ไขรายมาตราอยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตามต้องใช้เสียง 1 ใน 3 ของส.ว. ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของส.ว.แต่ละท่าน ขณะเดียวกันก็มีเสียงเรียกร้องต้องการให้ยกร่างใหม่มากกว่า ซึ่งเป็นความเห็นของแต่ละกลุ่ม แต่ละฝ่าย อย่างไรก็ตามต้องมาหาข้อยุติสุดท้ายในสภา ว่าทั้งส.ส.และส.ว.จะเห็นด้วยอย่างไรกับกติการัฐธรรมนูญฉบับปี 60 นี้ 

เมื่อถามว่าการแก้รายมาตราหรือการยกร่างจะช่วยลดอุณหภูมิทางการเมืองหรือไม่ นายพีระศักดิ์ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของส.ส.และส.ว. อยู่แล้วในฐานะที่เป็นผู้แทนประชาชนที่จะต้องฟังกระแสสังคม และทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ในระยะยาวกับประชาชน ขอให้ประชาชนสื่อสารกันมาเยอะๆ เพราะหลักประชาธิปไตยคือต้องเปิดพื้นที่ในการแสดงความเห็น อย่าจำกัดสิทธิ์ประชาชนมาก อย่างไรก็ตามสุดท้ายก็ต้องใช้กติกาที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ

"ศรีสุวรรณ" ยื่น ป.ป.ช. ตรวจสอบ​ "วีรศักดิ์-ยลดา" ปม หนี้หาย 1.1.หมื่นล้าน​ แถมรวยขึ้นในเวลาแค่ 2 ปี

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เปิดเผยรายการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ของผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยพบว่าในส่วนของนางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา(นายก อบจ.) คู่สมรสของนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รมช.คมนาคม แจ้งบัญชีทรัพย์และหนี้สินในการเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 25 ม.ค.64 มีความผิดปกติ ในส่วนที่เกี่ยวกับหนี้สินของนายวีรศักดิ์และภรรยา ที่เคยมีรวมกันทั้งสิ้น 11,138,404,713 บาท 

เมื่อเทียบกับการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของนายวีรศักดิ์ ที่ยื่นไว้ต่อ ป.ป.ช. เมื่อ 22 ส.ค.62 ซึ่งระยะเวลาผ่านไปเพียงประมาณ 2 ปี หลังจากนายวีรศักดิ์ ดำรงตำแหน่ง รมช.พาณิชย์ หนี้สินประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาทหายไปเกือบทั้งหมด​ เหลืออยู่เพียงประมาณ 35.5 ล้านบาทที่เป็นเงินเบิกเกินบัญชี ขณะที่นางยลดา มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 150,147,276 บาท ส่วนนายวีรศักดิ์ มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 211,469,361 บาท รวมทั้งคู่มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นถึง 361,616,637 บาท เป็นไปได้อย่างไร ดังนั้นทางสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจะนำความไปร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้ตรวจสอบเรื่องที่ผิดปกติดังกล่าว โดยจะไปยื่นในวันพฤหัสบดีที่ 22 เม.ย.64 เวลา 10.00 น. ที่สำนักงาน ป.ป.ช. นนทบุรี

“ศักดิ์สยาม” รอตรวจหาเชื้อโควิด-19 อีกรอบหลังแพทย์ให้กลับบ้านได้ ย้ำต้องยกการ์ดสูงแม้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันแล้ว ขอให้เชื่อมั่นสาธารณสุข​ไทย รอ “อนุทิน” หารือกรมควบคุมโรคยังต้องฉีดวัคซีน​เข็มที่ 2 หรือไม่

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยถึงการรักษาอาการจากการติดเชื้อ​โรควิด-19 ว่า ขณะนี้​แพทย์อนุญาตให้กลับมาพักและกักตัวที่บ้าน ที่ จ.บุรีรัมย์​ และอีก 2-3 วัน จะต้องไปรับการตรวจหาเชื้อแบบ Swab และเจาะเลือดตามมาตรฐานสาธารณสุขอีกครั้งหนึ่ง เพื่อดูจำนวนเชื้อที่ยังคงมีอยู่ ซึ่งหากทุกอย่างเป็นไปตามมาตราฐาน​ของสาธารสุข ก็สามารถ​ใช้ชีวิตตามปกติได้ และพร้อมเข้าปฏิบัติงาน​ที่กระทรวง​คมนาคม​ ซึ่งภายหลังที่ตนเองติดเชื้อโควิด-19 นั้น ได้มีการพ่นยาฆ่าเชื้อที่กระทรวง ห้องทำงาน และตรวจหาเชื้อไม่พบว่ามีใครติดเชื้อโควิด-19 

เมื่อมีการตรวจหาเชื้อรอบที่ 2 เมื่อประมาณ 3 วันที่ผ่านมาพบมีเพียงแม่บ้าน 1 ราย ที่ติดเชื้อ ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดยาวเทศกาล​สงกรานต์​ ไม่ได้ไปทำงานที่กระทรวง ทั้งนี้ เมื่อทราบทางทีมงานตนเองได้ประสานไปยังกรมควบคุมโรค เพื่อนำตัวเข้ารับการรักษาต่อไป โดยเบื้องต้น ทราบว่าแม่บ้านที่ติดเชื้ออยู่กับครอบครัว​จำนวน 8 คน จึงไม่ทราบว่าติดเชื้อจากที่ใด แต่ยืนยันว่า ไม่ได้ติดเชื้อจากสถานที่ทำงานแน่นอน และขณะนี้ได้สั่งการให้พ่นยาฆ่าอีกครั้งเพื่อสร้างความมั่นใจ

นายศักดิ์​สยาม​ กล่าวว่า ตามมาตราฐานสาธารณสุข​ แม้ตนจะรักษาอาการหายแล้ว ร่างกายสร้างภูมิกัน แต่วันนี้โรคโรควิด-19 ยังเป็นโรคใหม่สามารถกลายพันธุ์​ได้ตลอดเวลา ก็ต้องปฏิบัติตามมาตรการ​สาธารณสุขอย่างเคร่งครัด​ โดยการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์​ และเว้นระยะห่างทางสังคม เพื่อความปลอดภัย​ เนื่องจากเห็นได้จากตนเองที่ยกการ์ดสูงมากยังติดเชื้อโควิด-19 ได้อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อมั่นกระบวนการสาธารณสุข​ของไทย 

เมื่อพบว่าป่วยต้องรีบไปรักษาจะไม่มีปัญหาอะไร และขอให้ยึดตามมาตรฐานสาธารณสุข​เป็นหลัก ให้ประชาชนเชื่อมั่นเป็นเรื่องที่สำคัญมากกว่า ตนก็เป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่งที่ติดเชื้อแล้วเข้ารับการรักษา​ตามกระบวนการ ไม่ว่าจะเป็นคนป่วยหรือไม่ป่วยก็ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของสาธารณสุข จะคิดเอาไม่ได้ว่าแข็งแรง หรือฉีดวัคซีน​แล้วจะไม่ติดเชื้อ และทางผู้เชี่ยวชาญก็ออกมาบอกแล้วว่า แม้ฉีดวัคซีน​มีภูมิคุ้มกัน​ โอกาสการติดเชื้อก็ยังมีอยู่ เพราะไม่ได้มีเชื้อสายพันธุ์​เดียว

ส่วนการรับวัคซีนชิโนแวค เข็มที่ 2 ยังคงต้องรับอีกหรือไม่ เพราะติดเชื้อโควิด-19 ไปแล้วนั้น นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ได้หารือกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข เพื่อให้สอบถามความชัดเจนเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติ​กับกรมควบคุมโรค ว่จะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป เนื่องจากทางแพทย์​ที่ให้การรักษาตนบอกว่าร่างกายมีภูมิ​คุ้มกันโรคแล้ว แต่เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหม่ จึงต้องนำทุกเคส ทุกวิธีการรักษา​มาพิจารณา เพื่อใช้เป็นองค์ความรู้ในการต่อสู้กับเรื่องนี้ในอนาคต

"ราเมศ" สอน "วิโรจน์" ไปศึกษาคำว่า “จิตสำนึก” จี้ใจดำ กลับกลอกกลิ้งออกนอกใบบัว

นายราเมศ รัตนะเชวง เลขานุการประธานรัฐสภา ได้กล่าวถึงกรณีที่ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.พรรคก้าวไกล ออกมากล่าวถึงกรณีที่นายชวน หลีกภัย กล่าวว่ายังไม่ได้ฉีดวัคซีนแต่รอให้บุคลากรทางการแพทย์ได้ฉีดให้ครบก่อน เพราะเป็นบุคคลที่มีความเสี่ยง ว่า

การอธิบายสิ่งต่างๆให้นายวิโรจน์ ฟัง ยากเหมือนงมเข็มในมหาสมุทร นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ได้ตอบคำถามที่นักข่าวได้ถามว่า ส่วนตัวได้ฉีดวัคซีนแล้วหรือยัง นายชวน ตอบว่ารอให้บุคลากรทางการแพทย์ฉีดวัคซีนให้ครบก่อนทุกคน ไม่เช่นนั้นจะหาว่า นักการเมืองเอาไปก่อน ขณะที่บุคลากรผู้เสี่ยงต่อการติดเชื้อยังไม่ได้ฉีด ตนจึงรอให้เขาเรียบร้อยก่อน คำพูดที่นายชวนตอบ คือความตั้งใจของนายชวน ซึ่งขณะนี้สถานการณ์เห็นได้ชัดว่าบุคลากรทางการแพทย์คือกลุ่มที่มีความเสี่ยงและทุ่มเททำงานหนักมากที่สุด 

ส่วนในเรื่อง ส.ส.ที่ได้รับแจ้งให้ไปฉีดวัคซีนนั้น ทางสำนักงานเลขาธิการสภาได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่ได้มีการประสานงานกับกระทรวงสาธารณสุข มี ส.ส.หลายคนที่ไปฉีดมาแล้ว ก็ไม่ได้ผิดกฎเกณฑ์กติกาอะไรสามารถทำได้ เช่นกลุ่มนายวิโรจน์ แต่ที่ทุกคนสับสนคือ ก่อนหน้านี้ยืนยันปั้นหน้าหล่อชัดเจนว่า”ตราบใดที่วัคซีนมีจำกัด จะให้ไปแย่งประชาชนฉีดได้อย่างไร” อีกวันกลับกลอกพูดอีกอย่างว่า “เมื่อมีหมายให้ไปฉีด ก็ต้องไปฉีดตามหมายตามวัคซีนที่ทางการจัดสรรให้เพื่อให้เป็นไปตามแผน” ทุกคำพูดของนายวิโรจน์จะเป็นคำอธิบายได้ดีที่สุดว่าเป็นคนแบบไหนแล้วอย่าพยายามบิดเบือนคำพูดนายชวนเพื่อลบการกระกลับกลอกของตน

แต่ต้องขอชื่นชม ส.ส.หลายคนที่มีเจตนาเช่นนายชวน ที่มีความเป็นห่วงสถานการณ์การฉีดวัคซีนที่อยากให้บุคลากรทางการแพทย์ได้ฉีดก่อน ทั้งๆที่สามารถไปฉีดวัคซีนได้นายวิโรจน์คงต้องกลับไปศึกษาความหมายของคำว่า “จิตสำนึกที่ดี” เพื่อประกอบการทำงานการเมือง ซึ่งมีความสำคัญกว่าการพูดที่กลับกลอก กลิ้งไปกลิ้งมาจนหลุดจากใบบัว ลงไปอยู่ในโคลนตม


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top