Wednesday, 18 June 2025
TheStatesTimes

รมต.อนุชา จี้ พศจ. เร่งสางปม สำนักสงฆ์ลวง-ป้องโควิดในวัด-วัดรับเผาศพโควิด

นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า หลังจากได้มอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เร่งดำเนินการจัดประชุมหารือสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศ ดำเนินการ สร้างความเข้าใจ และสำรวจเชิงรุก กรณีของวัดหรือสำนักสงฆ์ที่มีการบิดเบือนและปฏิบัติผิดไปจากคำสอนทางพระพุทธศาสนา นั้นในวันเดียวกันนี้ นายณรงค์ ทรงอารมณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ประชุมคณะผู้บริหาร รวมถึงผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดทั่วประเทศ ผ่านการประชุมทางไกลผ่านจอภาพโดยระบบซูม เพื่อติดตามผลการปฏิบัติงานของสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด และติดตามการดำเนินงานตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีประเด็นสำคัญ 4 เรื่อง คือ กระแสลัทธินอกรีตและคำสอนผิดเพี้ยน กรณีพระภิกษุร่วมกิจกรรมทางการเมือง แนวทางป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการขอความร่วมมือฌาปนกิจศพผู้ติดเชื้อ

สำหรับผลการหารือและติดตามข้อมูลที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสังคม เช่น ความเชื่อหรือลัทธิต่างๆ ตามที่เป็นข่าวอยู่ในปัจจุบัน ให้ พศจ. เร่งประสานงานกับเจ้าคณะปกครองสงฆ์ในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง และหาและหาแนวทางร่วมกันในการทำความเข้าใจต่อสังคมให้ถูกต้องและรวดเร็ว 

ส่วนกรณีพระภิกษุร่วมกิจกรรมทางการเมือง ให้ประสานงานกับเจ้าคณะปกครองสงฆ์ทุกระดับอย่างใกล้ชิด ทำความเข้าใจและสร้างความตระหนัก รวมถึงการสอดส่องดูแล ให้พระภิกษุสงฆ์ปฏิบัติตามคำสั่งมหาเถรสมาคม เรื่อง ห้ามพระภิกษุสงฆ์สามเณรเกี่ยวข้องกับการเมือง พ.ศ.2538 และขอความเมตตาให้เจ้าคณะปกครองทุกระดับให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ 

ส่วนของแนวทางป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ประชุมได้กำชับให้ พศจ. ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับคณะสงฆ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เพื่อร่วมกันวางมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค เช่น วัดที่มีประชาชนไปสักการะหรือวัดใหญ่ในพื้นที่ ให้ประสานการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อและปฏิบัติตามมาตรการและคำสั่งของทางภาครัฐอย่างเคร่งครัด 

สำหรับกรณีที่ขอความร่วมมือฌาปนกิจศพผู้ติดเชื้อขอให้ พศจ. ทำความเข้าใจกับเจ้าคณะปกครองและวัดในความรับผิดชอบ ให้อำนวยความสะดวกแก่ญาติผู้เสียชีวิต อย่าไปซ้ำเติม เนื่องจากเขาได้รับผลกระทบมากพอแล้ว พร้อมนี้ พศ. ได้มีหนังสือขอความร่วมมือเจ้าคณะจังหวัดทุกจังหวัดไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยขอให้เอาใจใส่เรื่องนี้เป็นกรณีพิเศษ หากมีเหตุขัดข้องให้รายงาน พศ. ทราบโดยด่วน

“กห.” สั่งขยาย รพ.ทหาร และเพิ่ม รพ.สนาม รองรับผู้ป่วยโควิด ที่อาจมีปริมาณเพิ่มขึ้น

เมื่อวันที่ 21 เม.ย. พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม  เปิดเผยว่า พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม และปลัดกระทรวงกลาโหม ได้ประชุมร่วมกับทุกเหล่าทัพ เพื่อรับทราบความพร้อมของ รพ.สนาม สนับสนุนกระทรวงสาธารณสุขตามนโยบายของ นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เพื่อรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก 

สำหรับภาพรวม สถานภาพโรงพยาบาลสนาม ที่กระทรวงกลาโหม โดยทุกเหล่าทัพ เร่งจัดตั้งขึ้นสนับสนุน กระทรวงสาธารณะสุข ในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล รวมทั้งจังหวัดต่างๆรวม 24 แห่ง จำนวน 3,725 เตียง ปัจจุบันอยู่ในสถานะพร้อมใช้งาน

นอกจากนี้ กระทรวงกลาโหม โดย กองทัพบก (ทบ.)ยังได้สนับสนุน กำลังพล ยานพาหนะ เตียงและเครื่องใช้ กับหน่วยงานต่างๆ เพื่อจัดตั้ง รพ.สนาม อีก 7 แห่งในพื้นที่ต่างๆ รวม 3,085 เตียง ซึ่งอยู่ในสถานะพร้อมใช้งานเช่นกัน โดย รพ.สนาม ดังกล่าว มีการทำงานร่วมกันแล้วกับ รพ.หลักในพื้นที่ เพื่อรองรับผู้ป่วยที่มีปริมาณเพิ่มขึ้น เช่น รพ.มงกุฎวัฒนะ ทำงานร่วมกับ รพ.สนาม ของหน่วยทหาร ปตอ.1 พัน 6 ในการส่งตัวผู้ป่วยในพื้นที่ กทม.เข้ารับการรักษา เป็นต้น

ทั้งนี้ พล.อ.ชัยชาญ ได้ย้ำขอให้ทุกเหล่าทัพ เร่งสนับสนุนนโยบายของ นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในการจัดตั้ง รพ.สนาม สนับสนุนกระทรวงสาธารณะสุข ให้มีปริมาณเพียงพอ รองรับผู้ป่วยที่มีปริมาณเพิ่มขึ้น และให้พิจารณาขยายขีดความสามารถของ รพ.ทหารในพื้นที่ต่างๆ ที่ปัจจุบันดูแลประชาชนทั่วไปและเจ้าหน้าที่รัฐที่เจ็บป่วยอยู่ ให้สามารถรองรับการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิดในพื้นที่ โดยให้สำรวจและเตรียมความพร้อมของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขในสังกัดกระทรวงกลาโหม  ที่มิได้ปฏิบัติงานในสถานพยาบาล ให้พร้อมสนับสนุนทางการแพทย์เมื่อจำเป็นด้วย พร้อมทั้งยังได้กำชับ ขอให้ทุกเหล่าทัพ ประสานกับ ศปม. เพื่อสนับสนุนการทำงานของ ศบค.ในการดูแลรักษาผู้ป่วยและการควบคุมโรคในพื้นที่ต่าง ๆ  เพื่อจำกัดการแพร่ระบาดของโรคระดับพื้นที่ให้ได้โดยเร็ว

เดินหลง...ในดงโซเชียล By รัตนา & โกสินทร์

ไม่รู้ว่า Work From Home แล้วว่างกันมากหรือไง ถึงมีข่าวหลอกข่าวปลอม ว่าจะมีเคอร์ฟิวทั่วประเทศ ห้ามออกจากบ้าน หลัง 4 ทุ่ม ถึง ตี 4 สนุกกันมากสินะ ในการปล่อยเฟคนิวส์ กันเต็มโลกทวิตเตอร์ ขอทีเถอะ เจ้ากระทรวงดีอีเอส คุณชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รับตำแหน่งมาตั้งแต่ วันที่ 22 มีนาคม มาวันนี้จะครบเดือนแล้ว ยังมีข่าวปลอมข่าวลวง ที่เงียบไปสงสัยไปคุมงานต่อสายอินเตอร์เน็ตที่ไหนหรือเปล่า?

อุ้ย! เน็ตหลุด ต้องไปเช็คไวเลสเราเตอร์เน็ต พบสัญญาณกระตุก โถถังกะละมังหม้อ ไม่น่าทักท่านไปเลยพับผ่าสิ วันก่อนน้องรัตนาเอาแคปซูลฟ้าทลายโจรมาให้กิน เพราะบ่นว่ารู้สึกจะเป็นไข้ ปวดเมื่อยตามตัว ก็ดีใจที่มีติดบ้านเพราะได้ข่าวว่า ของเริ่มขาดตลาด ตรงนี้ถ้าชาวบ้านซื้อไปจริงถือว่าเป็นเรื่องดี แต่ถ้าขาดตลาดเพราะพ่อค้าแอบเก็บสุ่ม ตรงนี้ขอแช่งคนที่กักตุน เวลาแบบนี้ ควรช่วยกันให้คนไทยได้มียาดีไว้ติดบ้าน

กระเดือกยาเทพ ดื่มน้ำตาม ก็เหลือบไปเห็น เด็กน้อยหน้าสามขีด บ่นกันขม เต็มทวิต เรื่องวัคซีน ทำไมอิสราเอลถึงได้ฉีดวัคซีนถึง 60 กว่าเปอร์เซ็นต์แล้ว แถมได้ฉีดวัคซีน ของ Pfizer อีก ล่าสุดเค้าประกาศว่าไม่ต้องสวมหน้ากากออกจากบ้านแล้วนะ จะปารตี้รื่นเริงทำได้หมด ชีวิตดีไม่เหมือนอยู่ในกะลาแลนด์!!! คร้าบ ที่อิจฉาคืออยากเที่ยวอยากร่านกันละสิ

ถึงจะแรดจะร่านมันก็เป็นสิทธิส่วนตัว แต่ก่อนว่าอะไรก็ขอให้มีความรู้ มาพี่จะเปิดกะลาน้อย ๆ ให้...

รู้ไหมว่า ประเทศเค้ามีคนแค่ 9 ล้านคน แต่เอามาเทียบคนบ้านเราที่มีถึง 66 ล้านคนก็ได้เหรอ แถมเจ้าของ Pfizer ก็เป็นคนยิว แม่เค้าก็อยู่ในอิสราเอล ทำไมถึงจะช่วยคนยิวกันเองไม่ได้ แถมนายกเนธันยาฮู ยังไปตกลงกับ Pfizer อีกว่ายอมจ่ายค่าวัคซีนแพงสองสามเท่าของราคาตลาด แถมข้อมูลผู้ได้ฉีดวัคซีนทุกคนจากดาต้าเบส โอนให้ Pfizer ไปวิจัยต่อ โดยไม่ต้องถามใจถามสิทธิคนฉีดเลยแต่น้อย ไงล่ะสิทธิส่วนบุคคลที่จะเป็นหนูลองยาแลกวัคซีนป้องกันโรคร้าย หนูสามขีดคงชอบกันสินะ

ส่วนเรื่องวัคซีนของบ้านเรา ตอนนี้ลุงตู่ จ่ายเงินซื้อไปแล้ว 61 ล้านโดส สำหรับฉีด 30 ล้านคน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และจนถึงปลายปี จะต้องได้ร่วมกันให้ได้ 100 ล้านโดส โดยจะเริ่มฉีดให้คนทั่วไปเดือนมิถุนายน แบบฟรี ไม่เสียเงิน !!! ฟังไม่ผิดหรอก “ฟรี” จากภาษีที่เราจ่ายกันไปแล้วนั้นแหละ

ส่วนใครกลัวของรัฐ อยากเก๋อยากเดิ้น อยากเสียตังค์ เค้าไม่ได้ห้าม รพ.เอกชน นำเข้านะจ๊ะ แต่ตอนนี้ใครมันจะหาได้ ถ้าไม่ได้รับการ “ประกัน” จากรัฐบาลล่ะ เพราะถ้าเกิดผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์ รพ.เอกชนที่ว่าแน่ก็ต้องจอด เชื่อเลยก่อนฉีด เค้าจะให้คุณเซ็นยินยอมไม่เอาผิดเอาโทษกับ รพ. ถ้าเกิดคุณตาย จากการฉีดวัคซีนจากเขา...

ที่สำคัญ จะฉีดวัคซีน อายุต่ำกว่า 18 เจอเรท ฉ. ด้วยละ เพราะเค้าไม่ให้ฉีด เนื่องจากผลการวิจัยยังไม่แน่นอน เข้าใจกันด้วยล่ะ อย่าเอาแต่ทำตัวเป็นนกกระจอกในทวิตเตอร์

ส่วนเรื่องข่าว ประชาชน 6 คน โดยทั้ง 6 คนเป็นผู้หญิง ที่ระยอง ได้รับวัคซีน ซิโนแวค แล้วเป็นอัมพฤกษ์ ตรงนี้ ศบค. และ สธ. แถลงชี้แจงแล้วว่า เป็นอาการคล้ายอัมพฤกษ์ เป็นอาการชั่วคราว ซึ่งคาดว่าเกิดจากลิ่มเลือด เวลานี้ทั้ง 6 ท่านที่เกิดผลข้างเคียง ต่างก็มีอาการดีขึ้น แถมวัคซีนล็อตนี้ที่ได้รับมากว่า 5 แสนโดส ตอนนี้ฉีดจะหมดล็อตอยู่แล้ว อย่ากลัวอย่าตระหนก

ข่าวฝากจากสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) และสถาบันบำราศนราดูร สำหรับท่านที่ได้รับการตรวจที่รถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัยแล้ว ให้จำรหัสประจำตัวในการรับการตรวจให้ดี ซึ่งจะมีข้อมูล รหัสตรวจ : TCN no. ชื่อ-สกุล : เลขบัตรประชาชน : เบอร์โทรศัพท์ : จะท่องจำหรือจดใส่กระดาษ ถ้าจะให้ดีพกติดตัว หากมีความสงสัย หรืออยากสอบถาม สามารถโทรได้ที่สายด่วน 1422 กรมควบคุมโรค และถ้าได้รับแจ้งว่าผลเป็น Positive หรือเป็นบวก จงกักตัวเองอยู่ที่บ้าน แล้วโทรแจ้งประสานงานหาเตียงไปยังสายด่วน 1668, 1669, 1330 ทันที สำหรับพื้นที่กรุงเทพ โทร 1646 ศูนย์นเรนทร นะ

หากเริ่มมีไข้ แต่ยังไม่มีอาการหอบเหนื่อย หายใจลำบาก หากมีฟ้าทลายโจร ก็สามารถทานได้ แต่ขอย้ำตรงนี้ หากทานแล้วภายใน 2 วัน อาการไม่ดีขึ้น หรืออาการป่วยเริ่มแย่ลง อย่ารอช้า ให้รีบโทรติดต่อทางการทันที

ด้วยรักและห่วงใย จากคนที่ต้องทำงานอยู่ที่บ้าน และอาศัยเมียหาข้าวหาปลาให้ ใจอยากจะหนีออกไปกินนอกบ้านก็ไม่ได้ แต่ทำไม่ได้เดี๋ยวกระบาลแยก!!


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

ยะลา - ผบ ฉก ยะลา กำชับกำลังพลป้องกันชายแดนพร้อมรับคนไทยถูกทางการมาเลเซียผลักดันสกัดช่องทางธรรมชาติหวั่นเชื้อแพร่ในพื้นที่

ผบ ฉก ยะลา กำชับกำลังพลป้องกันชายแดนที่ 4 พร้อมรับคนไทยถูกทางการมาเลเซียผลักดันกำชับขุดจรยุทธ์สกัดการหลบหนีทางช่องทางธรรมชาติที่ไม่ผ่านการคัดกรองหวั่นเชื้อแพร่ในพื้นที่ หลังจากคนไทยถูกทางการมาเลเซียผลักดันเดินทางกลับเป็นวันสุดท้าย ผ่านด่านพรมแดนเบตง จำนวน 49 คน โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้มีการคัดกรองอย่างละเอียดทุกคน

เมื่อวันที่ 21เม.ย.64 บรรยากาศที่ด่านพรมแดนเบตง  อำเภอเบตง จังหวัดยะลา โดยในวันนี้มีแรงงานไทยที่ไปทำงานและอาศัยอยู่ในประเทศมาเลเซียกรณีวีซ่าหมดอายุและลักลอบอยู่แบบผิดกฎหมาย ซึ่งทางการมาเลเซียได้ผลักดันกลับเป็นวันสุดท้ายต่างทยอยเดินทางกลับผ่านทางด่านพรมแดนเบตงจำนวน49 คน ที่ทางการมาเลเซียผลักดันกลับมาจากมาตรการป้องกันโควิด-19 ของมาเลเซีย โดยมีเจ้าหน้าที่ สาธารณสุขอำเภอและกรมควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ คัดกรองคนไทยกลุ่มนี้อย่างละเอียดทุกคน ตามมาตรการป้องกันโควิด-19

โดยมีการวัดไข้ วัดอุณหภูมิร่าง หากมีอุณหภูมิสูงกว่า 37 องศา ทางเจ้าหน้าที่ ก็จะส่งตัวไปยังโรงพยาบาลทันที และได้แยกแรงงานไทยแต่ละพื้นที่ ซึ่งอาศัยอยู่ใน 5 จังหวัด ภาคใต้ ทั้งสตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ให้ทางจังหวัดนั้นมารับตัวกลับไปกักตัวตามภูมิลำเนาของตนเองที่อาศัยอยู่

โดยในส่วนของ อ.เบตงให้กักตัวอยู่ที่ศูนย์ กักตัวอำเภอเบตง เป็นเวลา 14 วัน หากรายใดมีอาการผิดปกติก็จะถูกส่งตัวไปรักษายังโรงพยาบาลทันทีและทำการตรวจหาเชื้อเพาะเชื้อโควิด – 19 นอกจากนี้ทางอำเภอเบตงได้เตรียมชุดปฏิบัติการ รวมทั้งสถานที่ Local Quarantine ในการรองรับผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศมาเลเซีย เพิ่มขี้นด้วย อย่างไรก็ตามขอความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ช่วยกันสอดส่องดูแล หากพบเห็นว่ามีบุคคลต่างด้าว หลบหนีเข้ามากก็ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือ อสม. ประจำหมู่บ้านเข้าตรวจสอบ ในเบื้องต้น

ขณะที่ พันเอก อายุพันธ์ กรรณสูต ผู้บังคับชุดป้องกันชายแดน  เดินทางมาตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ ชป.จรยุทธ์ โดยได้เน้นย้ำในการเฝ้าตรวจควบคุมบุคคลหลบหนีข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตามแนวชายแดน  ตามมาตรการป้องกันเชื้อไวรัสโคโรน่า COVID19 และได้สั่งการเพิ่มมาตรการในการเฝ้าระวัง และสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายตามแนวชายแดนไทย – มาเลเซียรวมทั้ง เพิ่มมาตรการในการลาดตระเวน อย่างเข้มข้นทุกตารางนิ้ว สกัดกั้นทุกช่องทางตลอดแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย และชุดปฏิบัติการจรยุทธ์ตามแนวชายแดน พร้อมทั้งเข้มงวดควบคุมพื้นที่  โดยมีตำรวจตระเวนชายแดนชุดเฝ้าตรวจชายแดนที่ 4405 และ 4406 บูรณาการคนและเครื่องมือร่วมกันในการบังคับใช้กฎหมายตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวด รวมทั้งการเสริมกำลังตามแนวชายแดน  โดยเฉพาะช่องทางที่มีชุมชนหรือหมู่บ้านอาศัยอยู่ใกล้แนวชายแดน

โดยให้มี การจัดตั้งจุดตรวจ จุดสกัด และการจัดตั้งแหล่งข่าว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสกัดกั้นการลักลอบการหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย พร้อมทั้งชี้แจง สร้างความเข้าใจให้กับประชาชนตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า COVID -19 รวมทั้งขอความร่วมมือจากกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาชนในพื้นที่ เป็นหูเป็นตา ช่วยกันสกัดกั้นการกระทำผิดตามแนวชายแดน ตัดต้นตอของขบวนการ ก่อนเน้นย้ำเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกฝ่ายเฝ้าระวังป้องกันตนเอง ให้มีความปลอดภัยจากการติดเชื้อไวรัสโคโรน่า COVID-19 ด้วย พันเอก อายุพันธ์ กรรณสูต ผู้บังคับชุดป้องกันชายแดน กล่าว


ภาพ/ข่าว  ธานินทร์  โพธิทัพพะ / ปื๊ด เบตง

ระยอง - วิทยาลัยเทคนิคระยอง ปรุงสุกอาหาร "อาหารปันสุข"มอบเป็นกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ และช่วยเหลือประชาชนแบ่งภาระค่าใช้จ่าย ช่วงโควิด-19 ระบาดระลอกใหม่

เมื่อวันที่ 21 เม.ย.2564 ที่ร้านอาหารใบชะมวง หน้าวิทยาลัยเทคนิคระยอง อ.เมืองระยอง ผู้สื่อรายงานว่า ว่าที่เรือตรี ชูชีพ อรุณเหลือง ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคระยอง ได้นำคณะผู้บริหาร ครู และนักเรียน นักศึกษา ปรุงสุกอาหารใส่กล่องพร้อมน้ำดื่มตามโครงการ"อาหารปันสุข" นำไปมอบให้บุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติหน้าที่จุดฉีดวัคซีน และตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 รวม 3 จุด ประกอบด้วย จุดบริเวณศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่าระยอง จุดตรวจเนินอุไร ข้างสวนศรีเมือง และ รพ.ระยอง จำนวน 600 กล่อง รวมทั้งแจกจ่ายให้กับประชาชนบริเวณหน้าวิทยาลัยเทคนิคระยองด้วย

ว่าที่เรือตรีชูชีพ อรุณเหลือง ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคระยอง กล่าวว่า โครงการ"อาหารปันสุข"ดังกล่าว เป็นความร่วมมือของคณะผู้บริหาร ครู นักเรียน นักศึกษาจัดทำขึ้น เพื่อให้ประชาชนได้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในช่วงโควิด-19 แพร่ระบาดระลอกใหม่นี้ รวมทั้งเป็นกำลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติหน้าที่ในด่านหน้า โดยทางวิทยาลัยเทคนิคระยอง จะมีการทำโครงการดังกล่าวต่อเนื่องต่อไป เพื่อเป็นการแบ่งปันความสุขให้กับประชาชนในพื้นที่


ภาพ/ข่าว  วฐิต กลางนอก / ธีรวัฒน์ อินธิพันธ์ รายงาน

แม่ฮ่องสอน - พลังบุญส่งผ่านกิ่งกาชาดแม่สะเรียง สู่ธารน้ำใจ เป็นความห่วงใยมอบแด่บุคคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาลแม่สะเรียง และ โรงพยาบาลสบเมย

จากการที่มีการเผยแพร่ข้อมูลความต้องการของบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อเปิดรับบริจาคทางเฟซบุ๊ก ในนาม กิ่งกาชาดอำเภอแม่สะเรียง ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการนำเงินที่ได้รับบริจาค ไปจัดซื้อชุด PPE และอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลแม่สะเรียง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน โดยได้ปิดรับบริจาค เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2564 สรุปยอดเงินบริจาคทั้งหมด อยู่ที่ 100,000 บาท ซึ่งมาจากธารน้ำใจพี่น้องชาวแม่สะเรียงและทั่วประเทศ 

ในเช้าวันนี้ นายสังคม คัดเชียงแสน นายอำเภอแม่สะเรียง นางวิลาวัณย์ คัดเชียงแสน นายกกิ่งกาชาดอำเภอแม่สะเรียง พร้อมด้วยคณะกรรมการกิ่งกาชาดอำเภอแม่สะเรียง เป็นตัวแทนส่งมอบชุดกาวน์และชุดPPE ชนิดใช้ครั้งเดียว รวม 350 ชุด และ เฟซชิลด์หน้ากากใส 100 ชิ้น ให้กับโรงพยาบาลแม่สะเรียง และ โรงพยาบาลสบเมย โดยมีบุคลากรทางการแพทย์เป็นผู้แทนรับมอบในเบื้องต้นบุคลากรทางการแพทย์ยังคงมีความต้องการ เครื่องวัดความดันแบบมาตรฐานชนิดสอดแขน เพื่ออำนวยความสะดวกให้คนไข้สามารถดำเนินการวัดตรวจสอบได้เอง  ซึ่งวงเงินที่คงเหลือ 28,000 บาท ทางกิ่งกาชาดอำเภอแม่สะเรียง จะนำไปซื้อเครื่องวัดความดันดังกล่าว ให้เพียงพอต่อความต้องการของโรงพยาบาล

สำหรับผู้ที่บริจาคก่อนหน้านี้ สามารถติดต่อขอรับใบเสร็จรับเงินได้ที่ ห้องเสมียนตรา ที่ว่าการอำเภอแม่สะเรียง นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป และสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ตามกฎหมาย ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กิ่งกาชาดอำเภอ งานสำนักงานอำเภอ โทรศัพท์ 0-5368-2283 หรือส่งของบริจาคได้ที่ ที่ว่าการอำเภอแม่สะเรียง หมู่ที่ 2 ถนนเวียงใหม่ ตำบลแม่สะเรียง อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน 58110


ภาพ/ข่าว  สุกัลยา / ถาวร  อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

สุราษฎร์ธานี - จับจริง ปรับจริงแล้ว ไม่สวมหน้ากากอนามัย ศาลแขวงสุราษฎร์ธานี พิพากษาปรับ 4,000 บาทผู้ประกอบการ สนับสนุนช่วยจิตอาสา ทำข้าวกล่องและซื้อเครื่องอุปโภค ส่งตามบ้านช่วยผู้กักตัวและกลุ่มหยุดงาน

เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2564 ที่ จ.สุราษฎร์ธานี ศาลแขวงสุราษฎร์ธานี ได้ออกประกาศข่าวศาล จับจริง ปรับจริง โดยวันนี้ พนักงานอัยการคดีศาลแขวงสุราษฎร์ธานี ได้ยื่นฟ้องผู้ฝ่าฝืนไม่สวมหน้ากากอนามัย (1 รายในพื้นที่ อ.เมืองสุราษฎร์ธานี) ตามคำสั่งจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ 2323/2564 เรื่อง ให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี สวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าทุกครั้งตลอดเวลาที่ออกนอกเคหสถานหรือสถานที่พำนักของตนในฐานความผิดตามมาตรา 51 แห่งพระราช บัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558โดยศาลมีคำพิพากษาปรับ 4,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงปรับ 2,000 บาท

ส่วนที่อาคารเอนกประสงค์รินทอง วิทยาลัยเทคนิคสุราษฎร์ธานี ได้มีประชาชน ประมาณ 300 คนส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ไปเที่ยวสถานบันเทิง 8 แห่งใน อ.เมืองสุราษฎร์ธานีและนักศึกษาที่ไปร่วมงานรับประกาศนียบัตร ได้ทยอยเดินทางไปตรวจหาเชื้อโควิด-19

ทั้งนี้ ได้พบผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ 41 ราย ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มคลัสเตอร์สถานบันเทิงที่พบจากการตรวจหาเชิงรุกในกลุ่มเสี่ยงสูงด้วยรถตรวจหาเชื้อชีววิทยาพระราชทาน จำนวน 326 ราย ส่งผลให้มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 273 ราย รักษาหายแล้ว 8 ราย เหลือยังรักษาที่โรงพยาบาล 265 ราย โดยล่าสุด สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้มีประกาศด่วนให้ผู้สัมผัสใกล้ชิดในครัวเรือน ที่อยู่บ้านเดียวกับผู้ป่วยโควิด-19 ทุกคนและบุคคลที่มีประวัติใกล้ชิดกับผู้ป่วยโควิด-19 ให้ไปรับการตรวจหาเชื้อโดยรถพระราชทานเคลื่อนที่ ที่วิทยาลัยเทคนิคสุราษฎร์ธานี ภายในวันที่ 22 เมษายนนี้

นายแพทย์ศักดิ์ชัย ตั้งจิตวิทยา ผู้อำนวยการโรงพยายาลสุราษฎร์ธานี ในฐานะผู้อำนวยการโรงพยาบาลสนามสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ขณะนี้ได้คัดกรองผู้ป่วยในกลุ่มที่ไม่มีอาการไปพักตัวเพื่อควบคุมโรคในโรงพยาบาลสนามท่าโรงช้าง อ.พุนพิน 96 ราย และโรงพยาบาลสนามราชภัฏสุราษฎร์ธานี 40 ราย รวม 136 ราย และภายใน 2 สัปดาห์นี้ถ้าสามารถค้นหาผู้ป่วย และนำตัวไปควบคุมโรคได้ สถานการณ์แพร่ระบาดคลัสเตอร์สถานบันเทิงจะลดลง ซึ่งได้เตรียมโรงพยาบาลสนามไว้ 400 เตียง จะเพียงพอต่อการองรับผู้ป่วย

วันเดียวกัน จิตอาสากลุ่มไลน์ช่วยโควิด-19 สฎ.นำโดย น.ส.อภิชญาฎา เพชรรัตน์ และคณะที่นำเงินส่วนตัวและที่มีผู้ร่วมสมทบจัดทำอาหารกล่อง และข้าวสาร อาหารแห้ง พร้อมสิ่งของอุปโภคไปส่งตามบ้าน 2 กลุ่ม ผู้กักตัวเอง 14วันที่ได้รับผลกระทบโควิด -19 และกลุ่มผู้ได้รับความเดือดร้อนไม่สามารถประกอบอาชีพได้กว่า 50 รายแล้ว ซึ่งมีเอกชนผู้ประกอบการร่วมนำวัตถุดิบปรุงอาหารและสิ่งของมาร่วมสมทบ ล่าสุด ศปก.ป้องกันปราบปรามการโจรกรรมสินค้าทางน้ำและป้องกันปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี นำโดย พ.ต.อ.นิพล ชาตรี ผกก.สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ได้ร่วมมอบเครื่องบริโภค อาหารแห้ง จำพวก ข้าวสาร ไข่ไก่ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำมัน ปลากระป๋อง


ภาพ/ข่าว สรเดช ส้มเกลี้ยง สุราษฎร์ธานี

กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียประกาศว่านักการทูตอเมริกัน 10 คนเป็นบุคคลไม่พึงปรารถนาและให้เดินทางออกจากรัสเซียภายใน 1 เดือน ตอบโต้ที่สหรัฐอเมริกาประกาศขับนักการทูตรัสเซีย 10 คนเมื่อสัปดาห์ก่อน

ได้เวลาเอาคืน กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียประกาศว่านักการทูตอเมริกัน 10 คนเป็นบุคคลไม่พึงปรารถนาและให้เดินทางออกจากรัสเซียภายใน 1 เดือน ตอบโต้ที่สหรัฐอเมริกาประกาศขับนักการทูตรัสเซีย 10 คนเมื่อสัปดาห์ก่อน ขณะประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แถลงนโยบายเตือนคู่แข่งจากตะวันตกอย่าล้ำเส้น ชี้เอะอะก็โทษรัสเซีย

รัฐบาลรัสเซียเคยขู่ภายหลังสหรัฐประกาศคว่ำบาตรรัสเซียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และเนรเทศนักการทูตรัสเซีย 10 คนเพื่อลงโทษต่อการกระทำที่สหรัฐระบุว่าเป็นการแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดี, การโจมตีไซเบอร์ครั้งใหญ่ และกิจกรรมปรปักษ์อื่น ๆ ว่ารัสเซียจะตอบโต้สหรัฐในแบบเดียวกัน และในวันพุธที่ 21 เมษายน กระทรวงการต่างประเทศของรัสเซียจึงได้ฤกษ์ประกาศขับนักการทูตสหรัฐ 10 คน โดยประกาศว่าคนเหล่านี้เป็นบุคคลไม่พึงปรารถนา

"บุคคลเหล่านี้ได้รับคำสั่งให้ออกจากดินแดนของประเทศเราภายในสิ้นวันที่ 21 พฤษภาคม" กระทรวงต่างประเทศรัสเซียกล่าวในแถลงการณ์ โดยบอกว่าเป็นการตอบโต้การดำเนินการปรปักษ์ของฝ่ายอเมริกันในแบบเดียวกันกับที่สหรัฐขับลูกจ้างของสถานเอกอัครราชทูตรัสเซียในกรุงวอชิงตันและสถานกงสุลใหญ่รัสเซียในนครนิวยอร์ก และกระทรวงจะดำเนินการเพิ่มเติมในอนาคตเพื่อตอบโต้การคว่ำบาตรที่ "ผิดกฎหมาย" ของสหรัฐฯ ต่อไป

ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับตะวันตกดิ่งสู่จุดตกต่ำครั้งใหม่ในเวลานี้ รัสเซียและรัฐบาลตะวันตกหลายชาติกำลังขัดแย้งกันทั้งด้วยกรณีของ อเล็กเซย์ นาวัลนี แกนนำฝ่ายค้านคู่ปรับของปูติน, การวางกำลังทหารจำนวนมากตามแนวชายแดนติดกับยูเครน และเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการจารกรรมในหลายประเทศ

วันเดียวกันนี้ ประธานาธิบดีปูตินแถลงนโยบายแห่งชาติประจำปีต่อบรรดาสมาชิกรัฐสภาและผู้ว่าการระดับภูมิภาคต่าง ๆ ตอนหนึ่งเขากล่าวเตือนคู่แข่งจากโลกตะวันตกว่า อย่าได้ล้ำเส้น พร้อมกับตำหนิประเทศอื่น ๆ ว่าเกิดเรื่องเลวร้ายอะไรก็โทษมาที่รัสเซีย

"ในบางประเทศ พวกเขาเริ่มมีธรรมเนียมหยาบคายในการกล่าวโทษรัสเซียทุกเรื่อง" เอเอฟพีอ้างคำกล่าวของปูตินในสุนทรพจน์ที่ถ่ายทอดทางโทรทัศน์ "มันเป็นกีฬาบางชนิด เป็นกีฬาชนิดใหม่"

ผู้นำรัสเซียกล่าวด้วยว่า รัสเซียต้องการมีความสัมพันธ์อันดีกับสมาชิกประชาคมระหว่างประเทศทุกประเทศ แม้แต่ประเทศที่มีความเห็นไม่ตรงกัน "แต่หากใครก็ตามตีความเจตนาอันดีของเราเป็นความอ่อนแอ ปฏิกิริยาของเราจะไม่สมมาตร, รวดเร็ว และรุนแรง"

"ผมหวังว่า จะไม่มีใครคิดข้ามเส้นสีแดงที่เกี่ยวข้องกับรัสเซีย และเราจะเป็นผู้กำหนดเองเป็นกรณีไปว่าเส้นสีแดงนั้นอยู่ตรงไหน" ปูตินกล่าว

ที่มา: https://www.thaipost.net/main/detail/100269


สนับสนุนข่าวโดย : แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit
คลิก : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

“จุรินทร์” ไม่วิเคราะห์ “บิ๊กตู่” ปรับโฉม รมต.ขับเคลื่อนไทยฯ ส่ง “ธรรมนัส” คุมปักษ์ใต้ ส่วน รัฐมนตรีจองปชป. คุมพื้นที่อื่น เชื่อทุกคนเข้าใจได้ไม่ต่างกัน

วันที่ 22 เมษายน พ.ศ.2564 ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา รับทราบคำสั่งนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้รัฐมนตรี รับผิดชอบงาน ภายใต้แนวคิดการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับพื้นที่จังหวัด เพื่อให้การพัฒนา และแก้ไขปัญหาระดับจังหวัดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีการมอบหมายให้ ร.อ.ธรรมนัส พรมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไปดูแลจังหวัดใหญ่ ๆ ในภาคใต้ ทั้งสงขลา ,นครศรีธรรมราช และภูเก็ต ทั้งที่ก่อนหน้านี้ นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้ดูแลว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงถึงการแก้ไขปรับเปลี่ยน เพื่อความเหมาะสม ซึ่งรัฐมนตรีแต่ละคน จะมีส่วนในการรับผิดชอบพื้นที่ที่มีผู้แทนราษฎรอยู่ 

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ รัฐมนตรีหลายคนไม่ได้เข้าไปดูแลพื้นที่นั้น เช่นกรณีของนายนิพนธ์ ที่เป็นอดีต ส.ส.สงขลา ดูแลพื้นที่จังหวัดสงขลา และนครศรีธรรมราช แต่ก็มีการปรับเปลี่ยนให้ไปดูแลจังหวัดตรัง และสตูล หรือแม้แต่นายสินิตย์ เลิศไกร รมช.พาณิชย์คนใหม่ และส.ส.สุราษฎร์ธานี ก็ไม่ได้ดูแลพื้นที่ตนเอง แต่ได้ดูแลพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด และหนองบัวลำภู หรือแม้แต่นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่เป็นอดีต ส.ส.พิษณุโลก ก็ไม่ได้ดูแลจังหวัดพิษณุโลก แต่ไปดูแลจังหวัดอำนาจเจริญ ยโสธร และพัทลุงแทน

เมื่อถามว่า การปรับเปลี่ยนดังกล่าวนี้มีนัยยะทางการเมืองใด ๆ หรือไม่  นายจุรินทร์ กล่าวปฏิเสธที่จะตอบคำถามนี้ และไม่ขอวิเคราะห์ด้วย เนื่องจากเชื่อว่า ทุกคนสามารถเข้าใจถึงการปรับเปลี่ยนดังกล่าวได้ไม่ต่างกัน และไม่ขอตอบด้วยว่า การปรับเปลี่ยนครั้งนี้ จะมีผลกระทบต่อการทำหน้าที่ของ ส.ส.ในพื้นที่ของพรรคประชาธิปัตย์ แต่ไม่ได้ดูแลรับผิดชอบในจังหวัดที่ตนเป็น ส.ส.หรือไม่ 

“ผมไม่ขอตอบตรงนี้ และไม่ขอไปวิเคราะห์ด้วย ผมคิดว่าทุกคนสามารถเข้าใจได้ไม่ต่างกัน เพียงแต่ว่า รองฯ วิษณุ ได้ชี้แจงในที่ประชุม ครม.แล้วว่าจะมีการแก้ไขปรับเปลี่ยนให้มีความเหมาะสม ซึ่งความจริงรัฐมนตรีหลายท่าน จะมีส่วนในการดูแลพื้นที่ที่เป็น ส.ส.อยู่ แต่บังเอิญในส่วนประชาธิปัตย์ รัฐมนตรีหลายคนไม่ได้เข้าไปดูแลในพื้นที่ตรงนั้น” นายจุรินทร์ กล่าว

นราธิวาส – ผู้ว่าฯนราธิวาส ตรวจเยี่ยมด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และคนไทยที่เดินทางกลับประเทศ

หลังมาเลเซียผลักดันแรงงานต่างชาติกลับประเทศ ภายใน 21 เมษายนนี้ ยืนยันจังหวัดนราธิวาสพร้อมรองรับ เน้นย้ำมาตรการคัดกรองโรค COVID19

วันนี้ (21 เม.ย. 64) ที่ด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ประจำด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก พร้อมทั้งรับทราบข้อมูลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ประจำด่าน โดยมีนายรุ่งเรือง ธิมาบุตร นายอำเภอสุไหงโก-ลก นายวัลลภ วุฒาพาณิชย์ นายด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก ขนส่งจังหวัดนราธิวาส สาธารณสุขอำเภอสุไหงโก-ลก หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยกำลังในพื้นที่ร่วมต้อนรับ

นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้พบปะคนไทยที่เดินทางกลับจากประเทศมาเลเซียตั้งแต่ช่วงเช้าโดยได้ขอความร่วมมือให้ผู้ที่เดินทางผ่านด่านให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ถูกต้องและเป็นความจริง เพื่อใช้ในการควบคุมและสอบสวนโรค และยืนยันว่าจังหวัดนราธิวาสพร้อมดูแลคนไทย ซึ่งมีความพร้อมในการรองรับและดำเนินการอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบในโอกาสต่อไป

ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดนราธิวาสได้เตรียมความพร้อมด้านมาตรการรับมือคนไทยเดินทางกลับจากประเทศมาเลเซีย โดยมีสิ่งที่ห่วงใยมากที่สุด คือ การสอบสวนโรคหรือการคัดกรองโรคเบื้องต้นของคนไทยที่เดินทางเข้ามาอย่างถูกกฎหมายและผิดกฎหมายผ่านช่องทางธรรมชาติ ซึ่งทั้งสองกลุ่มมีมาตรการตั้งแต่ช่วงการระบาดในรอบแรกที่ได้เตรียมการไว้แล้ว โดยต้องเข้าสู่การสอบสวนโรค กักกันตัว และการส่งตัวกลับภูมิลำเนาด้วยความปลอดภัย

สำหรับผู้ที่ติดเชื้อจะเข้าสู่การรักษาที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งขณะนี้ทางโรงพยาบาลเปิดรับผู้ที่ติดเชื้อในรอบแรก 43 ราย ในรอบเดือนเมษายนตั้งแต่ 1 เมษายนมีตัวเลขผู้ติดเชื้อจำนวน 405 ราย และจำนวน 249 คนเป็นผู้ติดเชื้อในเรือนจำจังหวัดนราธิวาส รวมทั้งมีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพื่อดูแลรักษาผู้ป่วย แห่งแรกที่เรือนจำจังหวัดนราธิวาสสำหรับรักษาผู้ต้องขัง แห่งที่ 2 ที่ศูนย์ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้เสพยาเสพติดจังหวัดนราธิวาส และแห่งที่ 3 ที่ศูนย์พักพิงร่วมใจอุ่นไอรัก ซึ่งสามารถรองรับผู้ติดเชื้อที่มีอาการไม่รุนแรง สำหรับคนไทยที่เดินทางเข้ามาในวันนี้จะมีมาตรการโดยให้เจ้าหน้าที่เปิดรับผู้ที่เดินทางผ่านแดนทุกวันตั้งแต่วันนี้จนถึงสิ้นเดือนนี้

ทั้งนี้ ผู้บังคับบัญชาได้ให้คำแนะนำ โดยแม่ทัพภาคที่ 4 ได้ให้ความสำคัญกรณีแรงงานต่างด้าวทุกสัญชาติที่เดินทางเข้ามาในช่วงนี้เช่นเดียวกัน สำหรับแรงงานต่างด้าวทุกสัญชาติที่เข้ามาในช่วงนี้จะต้องถูกดำเนินคดีในการหลบหนีเข้าเมือง ซึ่งต้องใช้เวลาดำเนินการ 7 - 15 วัน หากมีแรงงานต่างด้าวจำนวนมากได้เตรียมสถานที่ไว้ที่ตำบลมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก ณ สนามกีฬาและหอประชุมใหญ่ และที่อำเภอตากใบ เพื่อรองรับแรงงานต่างด้าว ในด้านข้อมูลผู้ติดเชื้อภายในเรือนจำจังหวัดนราธิวาส วันนี้มีผู้ป่วยรายใหม่เป็นศูนย์โดยผู้ต้องขังจำนวน 2,334 กว่าคน มีผู้ติดเชื้อสะสมในเรือนจำจังหวัดนราธิวาส จำนวน 249 คน


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top