Monday, 16 June 2025
TheStatesTimes

‘ดร.หิมาลัย’ ยกย่อง ‘น้องรินธารทอง’ แบบอย่างคนรุ่นใหม่เทิดทูนสถาบันกษัตริย์

(15 ส.ค. 66) ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โพสต์คลิป น.ส.รินธารทอง ลัทธศักดิ์ศิริ ที่ได้ทำคอนเทนต์ TikTok ถึงพระราชกรณียกิจ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อปวงชนชาวไทย เนื่องในวันเฉลิมพระชนม์พรรษา 12 สิงหาคม พร้อมระบุข้อความว่า 

“ขอขอบคุณ น้อง น.ส.รินธารทอง ลัทธศักดิ์ศิริ มัคคุเทศก์น้อย ที่เผยแพร่พระมหากรุณาธิคุณของสถาบันกษัตริย์ ประเทศไทย ยังมีหวัง ช่วยกันครับ น้อง ๆ เริ่มจากถวายความเคารพ เพลงสรรเสริญพระบารมี ในโรงภาพยนตร์ แล้วส่งมาให้ลุง ช่วยกันรักษาประเทศไทยของเราครับ”

สำหรับ น.ส.รินธารทอง ลัทธศักดิ์ศิริ เป็นนักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนขอนแก่นวิทยายน ที่เป็นเยาวชนน้ำดี ที่เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์และจะแสดงความจงรักภักดีทุกครั้งที่มีโอกาส ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่หลายคนมองว่าไม่สำคัญ อย่างการยืนถวายความเคารพ เพลงสรรเสริญพระบารมี ไปจนถึงการเผยแพร่พระราชกรณียกิจอย่างต่อเนื่อง

‘อดีตพระอาจารย์คม-พวก’ ปฏิเสธยักยอกเงินทำบุญวัด 182 ล้าน ศาลอาญาคดีทุจริตฯ เตรียมนัดตรวจหลักฐาน 7 พ.ย.นี้

(15 ส.ค. 66) ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติ มิชอบกลาง ตลิ่งชัน ศาลนัดสอบคำให้การในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 125/2566 ที่พนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษ ฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 ยื่นฟ้องนายวุฒิมาหรือ ‘พระมหาวุฒิมา เถาว์หมอ’ กับพวกรวม 9 คน ในความผิด (แต่ละรายพฤติการณ์ข้อหาต่างกัน) ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริต ยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นไปเสีย และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตหรือ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษา ทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอา ทรัพย์นั้นไปเสีย หรือรับของโจร

วันนี้โจทก์ จำเลยทั้ง 9 คน ทนายจำเลยมาศาล

ศาลอ่านและอธิบายฟ้องให้จำเลยทั้ง 9 คนฟัง แล้วจำเลยทั้งหมดยืนยันให้การปฏิเสธ

เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการตรวจพยานหลักฐานและการพิจารณาคดี ศาลเห็นสมควร มอบหมายให้เจ้าพนักงานคดีดำเนินการตามข้อบังคับของประธานศาลฎีกาว่าด้วยวิธีการดำเนินคดีทุจริต และประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2560 ข้อ 11 ให้เจ้าพนักงานคดีได้ดำเนินการตรวจสอบและรวบรวม พยานหลักฐาน และให้คู่ความมาศาล เพื่อดำเนินการในเรื่องดังกล่าวร่วมกับเจ้าพนักงานคดี ให้นัดตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานโดยเจ้าพนักงานคดีรวม 1 นัด ในวันที่ 25 ก.ย.2566 เวลา 09.00 น. ตามที่คู่ความมีวันว่างตรงกัน

โดยให้เจ้าพนักงานคดีช่วยควบคุมและแนะนำให้คู่ความ ดำเนินคดีนี้ให้เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมายและคำสั่งศาล หากพบว่ามีข้อบกพร่องหรือขัดข้องเกี่ยวกับ กระบวนพิจารณาหรือการได้มาซึ่งพยานหลักฐานที่คู่ความอ้างอิง ให้รายงานต่อศาลพร้อมด้วย แนวทางแก้ไขโดยเร็ว

เพื่อให้ศาลพิจารณาสั่งการตามที่เห็นสมควรให้คู่ความดำเนินการดังต่อไปนี้ ก่อนวันนัดตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานดังกล่าวไม่น้อยกว่า 7 วัน

1.) ยื่นคำแถลงแนวทางการเสนอพยานหลักฐานในการไต่สวนต่อศาล รวมทั้ง ความเกี่ยวข้องกับประเด็นและความจำเป็นที่ต้องสืบพยานหลักฐานเช่นว่านั้น เพื่อพิสูจน์สนับสนุน ข้อเท็จจริงใดที่ยกขึ้นอ้างในแนวทางการไต่สวนนั้น พร้อมสำเนาแก่คู่ความอีกฝ่าย

2.) ยื่นบัญชีระบุพยาน พร้อมคำแถลงวิธีการได้มาซึ่งพยาน และสำเนาแก่คู่ความอีกฝ่าย

3.) ส่งพยานเอกสารหรือพยานวัตถุที่ประสงค์อ้างอิงและยังอยู่ในความครอบครอง ของตนต่อศาลเพื่อให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตรวจสอบ กรณีพยานเอกสารให้ส่งพร้อมสำเนาในจำนวน ที่เพียงพอต่อคู่ความฝ่ายอื่น

4.) จัดทำสารบัญรายการพยานเอกสารหรือพยานวัตถุ

5.) กรณีคู่ความประสงค์อ้างอิงพยานเอกสารหรือพยานวัตถุที่อยู่ในความครอบครอง ของบุคคลภายนอกให้คู่ความตรวจสอบเอกสารที่มีอยู่ในสำนวนก่อน หากไม่มี ให้ขอศาลมีคำสั่งเรียก พยานหลักฐานนั้นจากผู้ครอบครอง

6.) ยื่นคำแถลงเสนอแนวทางไต่สวนพยานบุคคลที่จะนำเข้าสืบพยานว่ามีจำนวน เท่าใด แต่ละปากเบิกความเพื่อพิสูจน์เกี่ยวกับข้อเท็จจริงใดโดยย่อ

กรณีที่คู่ความไม่มาในวันนัดตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานโดยเจ้าพนักงาน คดีหรือไม่ดำเนินการตามคำสั่งศาลดังกล่าว ถือว่าคู่ความมีความพร้อมในการดำเนินกระบวนพิจารณา และไม่มีข้อขัดข้องใด ๆ ศาลจะพิจารณาตรวจพยานหลักฐานไปตามรูปคดีที่ปรากฏในสำนวนและ ตามรายงานของเจ้าพนักงานคดีต่อไป

เมื่อเจ้าพนักงานคดีและคู่ความร่วมกันดำเนินการตรวจสอบและ รวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้นในกำหนดนัดดำเนินการดังกล่าวแล้ว ให้คู่ความดำเนินการดังต่อไปนี้

1.) ตรวจสอบพยานหลักฐานของอีกฝ่ายหนึ่งและจัดทำคำแถลงยื่นต่อศาลว่ายอมรับ หรือโต้แย้งพยานหลักฐานดังกล่าว หากโต้แย้งให้แสดงเหตุแห่งการโต้แย้งโดยชัดแจ้ง มิฉะนั้นถือว่า ยอมรับพยานหลักฐานของอีกฝ่ายหนึ่ง

2.) ยื่นคำแถลงแนวทางการเสนอพยานหลักฐานในประเด็นที่ยังโต้แย้งกัน ทั้งพยาน วัตถุ พยานเอกสาร พยานบุคคลและหลักฐานอื่นที่คู่ความชี้ช่องประสงค์ให้ศาลกำหนดให้นำเข้าไต่สวน

โดยให้คู่ความจัดทำคำแถลงดังกล่าวข้างต้นยื่นต่อศาลก่อนวันนัดตรวจพยานหลักฐาน ไม่น้อยกว่า 30 วัน เพื่อให้เจ้าพนักงานคดีตรวจสำนวน จัดทำสรุปย่อการกระทำความผิดของจำเลย ทั้ง 9 คน ตามฟ้อง สรุปรายงานการพยานหลักฐานต่าง ๆ ของคู่ความ โดยระบุพยานหลักฐานที่คู่ความ ไม่โต้แย้งกันเพื่อความสะดวกในการที่ศาลจะสอบถามคู่ความ และให้คู่ความรับข้อเท็จจริงหรือ พยานหลักฐานนั้นโดยไม่ต้องสืบพยาน สรุปประเด็นแห่งคดีที่คู่ความโต้แย้งกัน จำนวนพยานบุคคล และความเกี่ยวข้องกับประเด็น ความจำเป็นที่ต้องสืบพยานดังกล่าว และวิธีการได้มาซึ่งพยานหลักฐาน รวมทั้งจัดเรียงลำดับพยานบุคคลที่จะนำเข้าสืบก่อนหลังตามความประสงค์ของคู่ความ รายงานเสนอ ศาลก่อนวันนัดตรวจพยานหลักฐาน ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 7 พ.ย.นี้ เวลา 09.30 น.ตามที่คู่ความมีวันว่างตรงกัน และให้เบิกตัวจําเลยที่ 1-4 ที่ 6 และที่ 8 มาในวันนัด

สำหรับรายชื่อจำเลย ประกอบด้วย อดีตพระอาจารย์คม อภิวโร หรือ ‘พระวชิรญาณโกศล’ อดีตประธานฝ่ายสงฆ์วัดป่าธรรมคีรี อายุ 39 ปี, นายวุฒิมา หรือ ‘อดีตพระมหาวุฒิมา เถาว์หมอ’ อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าธรรมคีรี อายุ 38 ปี, น.ส.จุฑาทิพย์ ภูบดีวโรชุพันธุ์ อายุ 35 ปี, นายบุญส่ง หรือ ‘อดีตพระมหาบุญส่ง ผ่านภูวงษ์’ อายุ 34 ปี, นายบุณยศักดิ์ ภัทรโกศล, นายบุญเหลือ หรือ ‘พระบุญเหลือ โพธิ์ทอง’ อายุ 37 ปี, นายธนกฤต หรือ ‘อดีตพระธนกฤต ยศสุรินทร์’ อายุ 34 ปี, นายบัณดิษฐ์ หรือ ‘อดีตพระบัณดิษฐ์ ย่อยชา’ อายุ 38 ปี, นายณัฐพัชร์ หรือ ‘อดีตพระณัฐพัชร์’ หรือ ‘เบนซ์ ตั้งใจสนอง’ อายุ 35 ปี

ซึ่งกลุ่มจำเลยได้ร่วมกันเบียดบังเอาเงินของวัดป่าธรรมคีรี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ไปเป็นของตนเอง หรือของผู้อื่นโดยทุจริต เป็นเหตุให้วัดป่าธรรมคีรี ได้รับความเสียหายรวมเป็นเงินจำนวน 182,776,733 บาท

'บิ๊กป้อม' ชี้!! แก้หนี้นอกระบบลดฮวบ หลังปราบเชิงรุก พร้อมเดินหน้าต่อเนื่อง 'จัดหาแหล่งทุน-พัฒนาทักษะ'

(15 ส.ค.66) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงปัญหาหนี้นอกระบบ ว่า การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบเป็นในนโยบายสำคัญของรัฐบาล ที่ต้องการลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ขาดโอกาส ถูกเอารัดเอาเปรียบจากกลุ่มอิทธิพลโดยเฉพาะเจ้าหนี้นอกระบบ ตนได้ประสานงานกับฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายปกครอง และตำรวจ ช่วยดูแลแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนจากหนี้นอกระบบจากกลุ่มนายทุนที่ฉวยโอกาสปล่อยกู้เก็บดอกเบี้ยโหด ส่งแก๊งทวงหนี้มาข่มขู่ ใช้ความรุนแรงกับลูกหนี้ที่หาเช้ากินค่ำ รวมถึงทุกส่วนราชการที่ขับเคลื่อนแก้ปัญหา โดยเฉพาะศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการฉ้อโกงทรัพย์สินของประชาชนของตำรวจ ที่เจรจาไกล่เกลี่ย บังคับใช้กฎหมาย จนส่งคืนทรัพย์สินให้กับประชาชนได้จำนวนมาก 

นอกจากนั้นได้ประสานกระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน เข้าไปร่วมจัดหาแหล่งทุน รวมถึงพัฒนาทักษะอาชีพให้ประชาชนที่มีรายได้น้อย สามารถเข้าถึงโอกาส เป็นการช่วยสร้างความเข้มแข็งของผู้มีรายได้น้อย และลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม

"ปัญหาหนี้นอกระบบฝังรากลึกในสังคมไทยมายาวนาน มีประชาชนจำนวนมาก รอการช่วยเหลือ ซึ่งส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในทุกพื้นที่ยังเร่งทำงานเพื่อปลดล็อกปัญหา ที่เป็นกับดักความยากจนของสังคม และประสานให้โอกาสช่วยเหลือลูกหนี้ให้สามารถกลับมายืนเข้มแข็ง" พล.อ.ประวิตร กล่าว

16 สิงหาคม ของทุกปี เป็นวันสันติภาพไทย รำลึกถึงคุณูปการของขบวนการเสรีไทย

16 สิงหาคม ของทุกปี กำหนดเป็น ‘วันสันติภาพไทย’ เพื่อรำลึกถึงคุณูปการของขบวนการเสรีไทยที่ได้ช่วยกอบกู้ชาติให้รอดพ้นจากวิกฤตในภาวะสงครามโลกครั้งที่ 2

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2488 ภายหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 นายปรีดี พนมยงค์ หัวหน้าขบวนการเสรีไทย ในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล (รัชกาลที่ 8) ได้ออกประกาศสันติภาพพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ให้การประกาศสงครามต่อสหรัฐอเมริกา บริเตนใหญ่ ถือเป็นโมฆะ หรือเรียกได้ว่าเป็นการประกาศเอกราชอธิปไตย แสดงจุดยืนแห่งความเป็นกลาง มีอิสรภาพ โดยมี นายทวี บุณยเกตุ รัฐมนตรี เป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ

สงครามโลกครั้งที่ 2 นับว่าเป็นสงครามอันแสนดุเดือด ร้ายแรง มีจำนวนผู้เสียชีวิตจากสงครามครั้งนี้กว่า 18 ล้านคนทั่วโลก แม้ประเทศไทยจะไม่ได้เป็นผู้จุดชนวนสงคราม แต่ก็ถูกดึงเข้าไปร่วมอยู่ในวิกฤตการณ์สงครามครั้งนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้ หากในวันนั้นไม่มีกลุ่ม ‘ขบวนการเสรีไทย’ ซึ่งนำโดย นายปรีดี พนมยงค์ ผู้เป็นแกนนำหลัก ที่ได้ออกมาต่อสู้ กอบกู้รักษาเอกราชอย่างไม่ท้อถอย ภายใต้อุดมการณ์รักษาเอกราชอธิปไตยของประเทศไทยไว้ให้ได้ ประเทศไทยก็คงจะไม่กลับมามีความสงบสุข และไม่ถูกยึดครองดินแดนดังเช่นในทุกวันนี้

ด้วยเหตุนี้เพื่อเป็นการรำลึกถึงคุณูปการคุณงามความดีของขบวนการเสรีไทย ชนรุ่นหลังจึงได้ถือเอาวันประกาศอิสรภาพดังกล่าวจารึกเป็น ‘วันสันติภาพไทย’ โดยจะมีการจัดงานฉลองเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ดังกล่าวในวันที่ 16 สิงหาคม ของทุกปี

‘มดดำ’ เอ่ยปากชี้นิ้วไล่ ‘น็อต วรฤทธิ์’ ให้ไปยืนไกลๆ หลังทั้งคู่ถกประเด็นร้อน ปมการจัดตั้งรัฐบาลใส่กัน

(15 ส.ค.66) ก่อนหน้าเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์สนั่นโซเชียล หลัง ‘น็อต วรฤทธิ์’ ได้ออกมาพูดถึงเรื่องการเมือง ในรายการ แฉ พร้อมกับถกประเด็นร้อนดังกล่าว กับเพื่อนรักที่หันมาเอาดีด้านการเมืองอย่าง ‘เพชร กรุณพล’ ที่ตอนนี้เป็น สส. และรองโฆษกของพรรคก้าวไกลอีกด้วย การแสดงความคิดเห็นทางการเมืองที่ต่างกันสุดขั้ว ทำให้เกิดดรามาตามมา ซึ่งทั้งคู่ยืนยันว่า ไม่ได้เกลียดกัน พร้อมยอมรับความเห็นที่แตกต่าง และยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม

สำหรับข่าวการจัดตั้งรัฐบาลในตอนนี้ กำลังถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก ล่าสุดในรายการ แฉ เทปวันที่ 14 ส.ค. 66 ซึ่งมีพิธีกรอย่าง มดดำ คชาภา , น็อต วรฤทธิ์ , แจ็ค แฟนฉัน และ อ๊อฟ ชัยนนท์ เป็นผู้ดำเนินรายการ ได้พูดคุยถึงประเด็นดังกล่าว โดยบางช่วงบางตอนของรายการ มดดำ ได้กล่าวว่า จะจัดตั้งรัฐบาลได้ วันนี้ต้องมีลุงอยู่ ด้าน น็อต แทรกขึ้นมาว่า อาจจะมี 1 หรือ 2 ได้ยินดังนั้น มดดำ จึงบอกต่อว่า ต้องมี สมการใหม่ต้องมี

น็อต : จะบอกว่า สมการใหม่มี แต่ลุงอีกลุงเขายังไม่ตกปากรับคำไม่ใช่เหรอ อ้าว พอไม่มี ก็จะให้มี ยัดเยียดอะ
มดดำ : ตูก็ไม่ได้อยากให้มีค่ะ แต่เขาบอกว่าจะต้องมีค่ะ ถ้าไม่มีมันจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ สว.ไม่ยกให้ค่ะ อีน็อต!
น็อต : เดี๋ยวดูก่อน สว. เขาไปคุยกันก่อน
มดดำ : เอาอย่างนี้ น็อตไปอยู่นู่น (พร้อมกับชี้นิ้วไล่)

งานนี้ทำเอาพิธีกรร่วมทั้ง อ๊อฟ ชัยนนท์ และ แจ็ค แฟนฉัน ถึงกับหัวเราะลั่น โดย แจ็ค ยังได้เอ่ยปากแซวทั้งคู่อีกด้วยว่า เริ่มแล้วๆ

‘เท่าพิภพ’ รับเสียน้ำตาบ่อย หลัง ‘ก้าวไกล’ ทำ ปชช.ผิดหวัง ขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ เชื่อ ทุกปัญหาจะค่อยๆ ถูกแก้ไข

‘เท่าพิภพ’ รับ เสียน้ำตาบ่อย ‘ก้าวไกล’ ทำปชช.ผิดหวัง ห่วง ‘สส.เพื่อไทย’ ลงพื้นที่ลำบาก เหตุไม่พอใจการจับข้ามขั้วตั้ง รบ. สะท้อนเสียงจากการประชุมที่อินโดนีเชีย ต่างชาติมองประเทศไทย เสียประชาธิปไตยไปแล้ว

(15 ส.ค. 66) ที่ตึกไทยซัมมิท นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตกร สส.กทม.พรรคก้าวไกล กล่าวก่อนการประชุม สส.ของพรรคก้าวไกล ถึงการรับฟังความเห็นจากประชาชนในการลงพื้นที่กรณีการโหวตนายกรัฐมนตรีให้พรรคเพื่อไทยหรือไม่ ว่า ตนคิดว่าบรรยากาศในการลงพื้นที่ขณะนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะไม่ได้เป็นไปในแนวทางบวกเหมือนหลังการเลือกตั้ง เพราะประชาชนส่วนใหญ่ก็ไม่เห็นด้วย ในการที่พรรคก้าวไกลจะโหวตให้กับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย พร้อมยอมรับว่าตนเองเสียน้ำตาบ่อย เพราะทำให้ประชาชนผิดหวัง ซึ่งก็ทำได้แค่เพียงให้กำลังใจ สส. ของพรรคคนอื่นๆ ที่เจอสถานการณ์เดียวกัน

แต่ก็อาจจะเป็นแบบที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่เคยระบุไว้ว่า “อาจจะไม่ได้เป็นฝ่ายค้าน” ก็ได้ ขอให้กำลังใจ สส.เขตพรรคเพื่อไทยด้วย เราก็เข้าใจว่าในระบบพรรคการเมือง ผู้บริหารพรรคคงจะไม่ได้รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนมากเท่า สส.เขต จึงอยากให้ สส.เขตสะท้อนเสียงที่ได้รับฟังจากประชาชนขึ้นไป ให้ผู้บริหารของพรรคได้รับทราบ ซึ่งก็ไม่ได้มีคนตำหนิหรือติเตียนอะไรที่พรรคก้าวไกลไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ส่วนใหญ่มีแต่คนมาให้กำลังใจ

เมื่อถามว่า ในการประชุมที่ประเทศอินโดนีเซีย ได้มีการพูดคุยกับผู้นำคนอื่นๆ ในการประชุมหรือไม่ และมีเสียงสะท้อนอย่างไรบ้าง นายเท่าพิภพ กล่าวว่า จากการที่ตนได้พูดคุยกับรองประธานสภาจากประเทศฟิลิปปินส์ และประเทศมาเลเซีย ทั้งสองคนก็ได้สอบถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย ซึ่งตนก็ได้แค่เพียงอธิบายถึงระบบที่บิดเบี้ยวของประเทศไทย ว่าสุดท้ายแล้วปัญหาจะค่อยๆ ถูกแก้ไปเอง

ซึ่งก็หวังว่าคงจะมีรัฐบาลโดยเร็ว เพื่อที่จะได้เร่งแก้ไขปัญหา เพราะทั้งสองประเทศเขาจะมีการจับขั้ว และตกลงกันก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง ไม่ใช่มาจับกันมั่วภายหลังการเลือกตั้ง เราจึงได้เรียนรู้ว่า ประเทศไทยได้สูญเสียสิ่งที่เราเคยได้เป็นตัวอย่างการเป็นประชาธิปไตยให้กับประเทศอื่น ซึ่งในการประชุมครั้งหน้า ตนก็ไม่อยากจะตอบคำถามลักษณะเดียวกันนี้อีก

‘แอ้ม ชลธิชา’ นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง ประสบอุบัติเหตุ รถพุ่งชนศาลาข้างทาง หลังคุณแม่มีอาการหลับใน

(15 ส.ค.66) เรียกได้ว่าหลายคนคงคุ้นชื่ออยู่บ้าง สำหรับ ‘ชลธิชา ไชยมณี’ หรือชื่อในวงการคือ ‘แอ้ม ชลธิชา’ เป็นนักร้องลูกทุ่งหญิงชาวไทยสังกัดแกรมมี่โกลด์ เธอเป็นที่รู้จักจากผู้ชนะเลิศ 21 สมัยจากรายการประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง ดวลเพลงชิงทุน ทางช่องวัน 31 และมีผลงานเพลงหลังจากการประกวดในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2565 ในชื่อ คำสัญญาที่ชานุมา

ก่อนอื่นต้องขอส่งกำลังใจให้ ‘แอ้ม ชลธิชา’ นักร้องลูกทุ่งดัง เเละครอบครัว หลังประสบอุบัติเหตุ รถพุ่งชนศาลาข้างทาง โดยงานนี้เพจดังได้โพสต์ระบุข้อความว่า “เมื่อสักครู่ คนลูกทุ่ง ได้รับรายงานจากสายข่าวเกี่ยวกับ อุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ที่มุกดาหาร โดยรถของ 'แอ้ม ชลธิชา' ที่เดินทางมาพร้อมกับคุณแม่ โดยแม่เป็นคนขับ และน้องแอ้ม นอนหลับที่เบาะข้างคนขับ ได้เสียหลักพุ่งชนศาลาข้างทาง จนรถและศาลาเสียหาย

ในขณะนี้ 'แอ้ม ชลธิชา' ยังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะหลับอยู่ในรถ ส่วนสาเหตุ คุณแม่ของแอ้ม หลับในทำให้รถพุ่งชนข้างทาง ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและประกัน ล่าสุด 'แอ้ม ชลธิชา' มีอาการระบมตามตัว จากแรงกระแทก กำลังเดินทางไปโรงพยาบาล” ท่ามกลางชาวเน็ตที่เข้ามาส่งกำลังใจเเสดงความเป็นห่วงอย่างมากมาย

‘เปิ้ล ไอริณ’ เผยมุมมองเรื่อง ‘ครูกายแก้ว’ ใจศรัทธาถือว่าไม่ผิด พร้อมแนะ!! สิ่งที่ควรเคารพ-ศรัทธามากที่สุด คือ ‘ตัวเราเอง’

(15 ส.ค.66) ว่าด้วยเรื่อง ‘ครูกายแก้ว’ มันก็แล้วแต่ความศรัทธาและความเชื่อส่วนบุคคลจริงๆ อย่างล่าสุด ‘เปิ้ล ไอริณ’ ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก เปิดเผยถึงมุมมองส่วนตัวในเรื่องนี้ พร้อมกับทิ้งท้ายไว้ว่า ฝากไว้ให้คิด โดยระบุว่า…

"Morningg!! ว่าด้วยเรื่อง ‘ครูกายแก้ว’ คนวงในสายมู ย่อมรู้จัก อ.สุชาติ ผู้ตั้งศาลครูกายแก้วดี อ.สุชาติ ท่านเป็นผู้ตั้งศาลใหญ่ ๆ ระดับประเทศ อย่างพระตรีมูรติที่เซ็นทรัลเวิลด์ และพระพิฆเนศที่ห้วยขวาง เหล่าดารา นักแสดง และไฮโซ ต่างก็รู้จัก อ.สุชาติ ดี

เราเองเคยเจออาจารย์ครั้งแรก ท่านทัก "เห็นมันเซ็กซี่ แต่ไอ้นี่ไม่ง่ายนะ" เราว่าท่านแม่น

ในมุมมองเรา ถือว่าครูกายแก้ว ไม่ได้มีพิษมีภัยใด ๆ เพราะองค์พญาครุฑ พญานาค ที่พวกเรานับถือ ก็มีความเป็นเทพกึ่งชั้นบนโลกมนุษย์ ซึ่งพระพุทธเจ้าก็ทรงเขียนในพระกัณฑ์ไตรปิฎกไว้ว่า เรามีถึง 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน เพราะฉะนั้นถ้าใครจะเลือกเคารพศรัทธาสิ่งใด ตามสัญญาเก่า ตามภพภูมิบารมีของตน ก็ไม่ถือว่าผิด!

แต่อีกด้านหนึ่ง คนศึกษาเรื่องจิตวิญญาณต่างรู้ดีว่า "เราจะมีรูปลักษณ์ กายภาพ คล้อยตามสิ่งที่เราศรัทธา เคารพบูชา" สังเกตง่าย ๆ สำนักสงฆ์ชีบางที่ ที่เราไปปฏิบัติธรรม แม่ชีทั้งวัด ก็ตัดผมทรงเดียวกับแม่ชีที่เป็นผู้นำที่ยังไม่ปลงผม ลูกศิษย์ในโซเชียล ก็จะแต่งกาย ทำผม มีลักษณะ ความคิดจิตวิญญาณ คล้อยตามโค้ชชิ่งต่าง ๆ

ถ้าถามว่า เรามีสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจอะไร? เราเลือกศรัทธา บูชาสิ่งที่มีเรื่องราว มีตัวตนจริง ๆ ที่ได้สร้างคุณงามความดี มีคำสอนที่ดี เราจึงศรัทธา บูรพกษัตริย์ต่าง ๆ บนหิ้งบูชาบ้านเรา มีเสด็จพ่อร.5, ร.9 พระนเรศวร พระเจ้าตากสิน และพระสงฆ์สาวก พระอรหันต์ ที่มีอภิญญา อย่างหลวงพ่อสด หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ถือเป็นสามเด้ง ได้ยึดเหนี่ยวจิตใจ ได้เคารพศรัทธา และได้ระลึกแสดงความกตัญญูรู้คุณ ต่อสถาบันหลักของชาติด้วย ถือว่าเป็นมงคลของชีวิต

จะบอกว่า "การรัก และเคารพศรัทธาสิ่งใด เรากำลังมอบพลัง อำนาจ ที่เรามีอยู่ ให้กับสิ่งนั้นค่ะ" ครู อาจารย์ โค้ชต่าง ๆ ถึงได้ดูดี มีพลัง รวยขึ้น สวยขึ้น แม่ที่รักลูก รักสามีหมดใจ จะปล่อยให้ตัวเองโทรมลง เพราะยกพลังอำนาจ ความรัก ความศรัทธาตน ให้ครอบครัวหมด สุดท้ายสามีและลูก จะไม่ค่อยรักแม่!!

เรามีเคล็ดลับเพิ่มพลังความรักความศรัทธาตน มาฝากเพื่อน ๆ ค่ะ สิ่งที่เราควรรัก และศรัทธาที่สุด คือ ‘ตนเอง’ หมั่นให้พลังตัวเอง ลองตั้งรูปตัวเอง ช่วงที่ชอบที่สุด ช่วงที่ดูดี และมีความสุขที่สุด มองบ่อย ๆ จุดกำยานหอม ๆ เคลียร์พลังงาน แล้วพูดบวก ๆ ให้พลังตัวเอง ยามส่องกระจก ก็มอง แล้วพูดบ่อย ๆ "ฉันรักเธอนะ ฉันศรัทธาในตัวเธอ เธอผ่านหลายอย่างมาด้วยความเก่ง และปัญญา และฉันขอสัญญากับเธอในอนาคตว่า ฉันจะพัฒนาตัวเอง ให้ดีขึ้นทุก ๆ ด้าน ชั้นจะทำทุกอย่าง ที่เธอหวังตั้งใจไว้ ให้สำเร็จให้ได้!!" พูดเลย พูดบ่อย ๆ ค่ะ

อย่าลืม เวลายามเสียใจ ยามทุกข์ยาก ยามล้ม ยามเจ็บป่วย ใครเช็ดน้ำตา ใครดูแลเราคะ?? เพราะฉะนั้นบนโลกนี้ คนที่คุณควรรัก เคารพ และศรัทธาให้มากที่สุด คือ "ตัวคุณเองค่ะ!!
#ฝากไว้ให้คิด"

‘หนุ่มไทย’ เจ๋ง!! ได้ร่วมงานกับ ‘อาร์เซนอล’ ยอดทีมพรีเมียร์ลีก คว้าตำแหน่งนักวิเคราะห์เกมแห่งวงการลูกหนัง ค่าตัวสูงลิ่ว!!

เป็นอีกครั้งที่คนไทย ได้ร่วมงานกับสโมสรในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อ ‘อธิคุณ ปิ่นทอง’ หรือ ‘คุณเลี้ยง’ ที่เรียนและทำงานอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเฟสบุ๊กส่วนตัวว่าเวลานี้ได้เข้าร่วมทำงานกับสโมสร ‘ไอ้ปืนใหญ่’ อาร์เซนอล รองแชมป์ฤดูกาลที่แล้ว เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดย อธิคุณในวัย 23 ปี ก่อนหน้านี้ เคยทำงานเป็นนักวิเคราะห์เกมฟุตบอลให้กับทีมชุดยู-18 ของ ‘อ็อกฟอร์ด ยูไนเต็ด’ ทีมในลีกวัน และทีมชุดยู-18 ของเซาแทมป์ตันมาก่อน กระทั่งล่าสุด คุณเลี้ยงได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว ชื่อ ‘Liang Pinthong’ ได้ประกาศว่าเขาได้ทำงานกับอาร์เซนอลเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเขาจะทำหน้าที่ดูแลชุด ยู-13, ยู-14 เป็นหลักและช่วยชุดอื่นๆ เป็นบางครั้งบางคราว โดยมีข้อความดังนี้

“ผมอยากประกาศว่า ผมได้ทำงานนักวิเคราะห์เกมให้กับสโมสรอาร์เซนอล อยากใช้โอกาสตรงนี้ ขอบคุณป๊ากับม๊าที่สนับสนุนเลี้ยงมาตลอดไม่ว่าจะส่งเลี้ยงเรียน, พลาดสัมภาษณ์งานหลายๆ ที่จนได้งานนี้”

ทั้งนี้ ตำแหน่งนักวิเคราะห์เกม นับเป็นบทบาทที่มีความสำคัญในโลกลูกหนังมากขึ้นเรื่อย ๆ หน้าที่ของพวกเขาคือ การรวบรวมข้อมูลทั้งหมดของทีมตัวเองและทีมคู่แข่ง เพื่อนำไปมอบให้โค้ชของสโมสรนั้นๆ พิจารณาเป็นแนวทางในการทำทีม ซึ่งอัตราจ้างสโมสรในระดับแชมเปี้ยนชิพหรือลีกรองลงมา จะอยู่ที่ราว 20,000 ปอนด์ต่อปี (ราว 880,000 บาท) ซึ่งถ้าเป็นในระดับที่สูงขึ้นมาอย่างพรีเมียร์ลีก ก็จะมีค่าจ้างสูงขึ้นอีก 2-3 เท่าตัวเลยทีเดียว

เปิดค่าซ่อม ‘Rolls-Royce Ghost’ ที่กระบะแต่งซิ่งชนท้าย แค่ตูมเดียวก็ได้จ่ายอ่วม มูลค่าไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท!!

(15 ส.ค. 66) จากกรณีรถกระบะชนท้ายรถยนต์หรู Rolls-Royce Ghost Extended รุ่นใหม่ล่าสุดซึ่งมีราคาเริ่มต้นสูงถึง 36,800,000 บาท (เมื่อรวมกับออปชันต่างๆ อาจมีมูลค่าสูงถึง 44 ล้านบาทตามที่ปรากฏเป็นข่าว) ลองไปดูกันว่าเคสนี้จะโดนค่าซ่อมขนาดไหน

‘Rolls-Royce Ghost’ รุ่นปัจจุบัน (ตามที่เป็นข่าว) ถูกพัฒนาต่อเนื่องมาเป็นเจเนอเรชันที่ 2 แล้ว โดยถือเป็นรถยนต์ระดับ Ultra-luxury ขนาดรองลงมาจากรุ่น Phantom ถูกนำเข้าและจัดจำหน่ายผ่าน Rolls-Royce Motor Cars Bangkok ของเครือ MGC-ASIA (เจ้าของเดียวกับโชว์รูม BMW Millennium Auto) ซึ่งมีโชว์รูมตั้งตระหง่านอยู่บนถนนพระรามที่ 3 นั่นเอง

อันที่จริงแล้วค่าซ่อมรถยนต์หรู Rolls-Royce Ghost จากกรณีถูกรถกระบะชนท้ายดังกล่าวไม่ได้มีรายละเอียดแน่ชัด (เพราะถือเป็นเรื่องของศูนย์บริการและบริษัทประกันที่ต้องประเมินค่าซ่อม) แต่ก็มีการประมาณการค่าซ่อมชิ้นส่วนที่เกี่ยวเนื่องจากการถูกชนท้ายเอาไว้ ดังนี้

- ชุดไฟท้าย 2 ข้าง ประมาณ 600,000 บาท
- กันชนหลัง ประมาณ 250,000 บาท
- ท่อไอเสีย ประมาณ 80,000 บาท
- ฝากระโปรงหลัง ประมาณ 300,000 บาท
- อุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่องบริเวณห้องเก็บสัมภาระท้าย ประมาณ 350,000 บาท
- ระบบ Shockup ฝากระโปรงท้าย ประมาณ 600,000 บาท

เมื่อรวมกันแล้วก็จะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท ซึ่งอย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าทั้งหมดเป็นมูลค่าประมาณการเท่านั้น ซึ่งความเป็นจริงยังมีค่าซ่อมส่วนอื่นๆ อีกมากมาย เช่น การเคาะขึ้นรูปตัวถัง, การทำสี, ค่าแรง, ชิ้นส่วนอิเลกทรอนิกส์ และชิ้นส่วนที่เกี่ยวเนื่องอื่นๆ อีกมากมาย ส่งผลให้ค่าซ่อมครั้งนี้เกินกว่า 2 ล้านบาทอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดคนขับรถ ‘กระบะ’ บอกว่า วันเกิดเหตุได้ขับมาด้วยความเร็วปกติ 110-120 กม./ชม. พยายามจะแซงขวา แต่ ‘รถหรู’ โรลส์-รอยซ์ ได้การเบรกกะทันหันจึงได้ชนท้าย

ต่อมาได้ลงรถมาพูดคุยกับคนขับโรลส์-รอยซ์ ก็พบว่าคนขับเป็นสาวจีนวัย 21 ปี ซึ่งยอมรับว่าตัวเธอเองเบรกกะทันหันจริง จึงไม่ติดใจเอาความ เพราะรถคันหน้าเบรกกะทันหัน เธอจึงเบรกไม่ทัน งานนี้จึงจบด้วยต่างคนต่างไปซ๋อมรถของตัวเอง ไม่ต้องมารับผิดชอบใดๆ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top