Thursday, 19 June 2025
TheStatesTimes

ผู้ประกันตนโล่ง!! กรมแรงงานฯ ร่วมมือ มหาดไทย สปสช. ตรวจโควิด-19 ฟรี เริ่ม 17 เม.ย. 64 กทม. เป็นที่แรก!

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เผย นายกรัฐมนตรีห่วงใยผู้ประกันตนกรณีการแพร่ระบาดของโควิด -19 กำชับกระทรวงแรงงาน บูรณาการร่วมกับกระทรวงมหาดไทย สปสช. และกรุงเทพมหานคร เพิ่มช่องทางหน่วยบริการตรวจโควิด-19 เพื่อลดความแออัดและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 ที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร สามารถเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ได้ฟรี เริ่มต้นวันที่ 17 เมษายนนี้ที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย - ญี่ปุ่น) เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร 

เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2564 ที่ห้องประชุมประสงค์ รณะนันทน์ ชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมหารือร่วมกับผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เพื่อ กำหนดแนวทางร่วมกับกระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ในการตรวจหาเชื้อโควิด -19 แก่ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 ที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร สามารถเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ได้ฟรี โดยกระทรวงแรงงานประสานโรงพยาบาลในเครือข่ายประกันสังคมมาให้บริการ ณ อาคากีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย - ญี่ปุ่น) 

โดยนายสุชาติ กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งกระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้มีความห่วงใยต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด -19 เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับในทุกด้านหากสถานการณ์การแพร่ระบาดรุนแรงมากขึ้น ในวันนี้ผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จึงได้เชิญผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงานเพื่อมาหารือกำหนดแนวทางที่จะร่วมกับกระทรวงมหาดไทย สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และกรุงเทพมหานคร 

โดยจะเปิดให้ผู้ประกันตนที่จะเข้ารับการตรวจสามารถลงทะเบียนจองคิวตรวจผ่านระบบแอปพลิเคชันออนไลน์ สำหรับคุณสมบัติของคนที่จะได้เข้าตรวจคือผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่คัดกรอง และสามารถเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ได้ชั่วโมงละไม่ต่ำกว่า 300 คน ทราบผลการตรวจภายใน 24 - 48 ชั่วโมง ซึ่งจะ kick off ในวันเสาร์ที่ 17 เมษายนนี้ ที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย - ญี่ปุ่น) เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า ผมได้หารือกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และนายแพทย์จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เรียบร้อยแล้ว โดยกระทรวงแรงงานจะบูรณาการทำงานร่วมมือกับกระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อให้ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 ที่กำลังเดินทางกลับจากเทศกาลสงกรานต์เข้าสู่พื้นที่กรุงเทพมหานครสามารถเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ได้ฟรี 

ทั้งนี้ หากพบว่าผู้ประกันตนรายใดตรวจพบเชื้อโควิด-19 จะต้องส่งตัวเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเครือข่ายในสังกัดสำนักงานประกันสังคม โดยผู้ประกันตนที่ติดเชื้อโควิด -19 จะได้รับการรักษาฟรีในโรงพยาบาลเครือข่ายประกันสังคม ซึ่งมีอยู่จำนวน 81 แห่ง ที่มีความพร้อม มีเตียงรองรับกว่า 1,000 เตียง มี HQ 200 กว่าเตียง 

สำหรับการตรวจหาเชื้อโควิด -19 แก่ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมมาตรา 33,39 และ 40 ในครั้งนี้ เป็นการเพิ่มช่องทางของหน่วยบริการตรวจ เนื่องจากขณะนี้หลายโรงพยาบาลมีผู้มาใช้บริการเพื่อตรวจหาเชื้อโควิด -19 เป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดความแออัด คิวยาว กระทรวงแรงงานจึงมีนโยบายที่จะอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกันตน ได้รับการตรวจอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ เพื่อเป็นการช่วยแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคอีกทางหนึ่งอันจะส่งผลให้ภาคธุรกิจดำเนินการต่อไปได้

“ม33 เรารักกัน” เงินงวดสุดท้าย-กลุ่มทบทวนสิทธิผ่าน รับครบ 4,000 บาท แล้ววันนี้

นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึง การดำเนินงานโครงการ ม33เรารักกันว่า ตามที่รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และกระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี โดยนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้ให้ความสำคัญในการช่วยเหลือเยียวยาแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ของผู้ประกันตน มาตรา 33 ให้ได้รับสิทธิคนละ 4,000 บาท และให้ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.ม33เรารักกัน.com 

ซึ่งในวันนี้ 12 เมษายน พ.ศ.2564 เป็นวันที่ได้มีการโอนเงินงวดที่ 4 ซึ่งเป็นงวดสุดท้าย ของโครงการ จำนวน 1,000 บาท จนครบ 4,000 บาทแล้ว อีกทั้ง ในส่วนกรณีผู้ที่ทบทวนสิทธิผ่านแล้ว ในวันนี้ก็จะได้รับเงินครบ 4,000 บาท ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” เช่นเดียวกัน โดยผู้ประกันตนสามารถเริ่มใช้จ่าย ซื้อสินค้าและบริการผ่านร้านค้า/ผู้ประกอบการ/บริการในร้านธงฟ้าที่ใช้ Application “ถุงเงิน” หรือภายใต้โครงการ “คนละครึ่ง” และโครงการ “เราชนะ” ได้ในวันที่ 12 เมษายน – 31 พฤษภาคม 2564

เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ดี นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ยังได้กำชับให้สำนักงานประกันสังคม ซึ่งได้แต่งตั้งคณะทำงาน ออกตรวจสอบร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ/สถานประกอบการในพื้นที่ และดำเนินการเกี่ยวกับข้อร้องเรียน รวบรวมข้อเท็จจริง กรณีมีเรื่องร้องเรียน/มีการแจ้งเบาะแสว่ามีการกระทำที่อาจเข้าข่ายผิดเงื่อนไขโครงการฯ เช่น ขึ้นราคาสินค้า พร้อมเฝ้าระวังการเบิกจ่ายเงินของร้านค้า เพื่อป้องกันไม่ให้มีการกระทำผิดเงื่อนไขอย่างเด็ดขาด 

อย่างไรก็ตาม สำนักงานประกันสังคม ขอย้ำเตือนไปยังผู้ประกันตน ร้านค้า โปรดอย่าหลงเชื่อโฆษณาเชิญชวนที่ทำผิดเงื่อนไขโดยไม่มีการใช้จ่ายซื้อสินค้า หรือแลกเป็นเงินสด เพราะนอกจากจะถูกพ่อค้าหัวใสหักเปอร์เซ็นต์แล้ว ทำให้ได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย และถือว่าเข้าข่ายทุจริต ซึ่งอาจจะถูกตัดสิทธิและถูกดำเนินคดีด้วยความห่วงใยจากสำนักงานประกันสังคม

พังงา - ผู้ป่วยโควิดยังไม่เพิ่ม ผลตรวจกลุ่มเสี่ยงเป็นลบทุกราย ยืนยันไม่มีการการกักตัวผู้เดินทางเข้าจังหวัด ยกเว้นผู้มีความเสี่ยงเฉพาะตัวเท่านั้น

วันที่ 12 เมษายน 2564 ที่ศาลากลางจังหวัดพังงา   นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา นายบุญเติม เรณุมาศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา  นายธรรมนูญ ศรีวรรธนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพังงา โดยมีส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจากหน่วยงานต่าง ๆ เข้าร่วมประชุม  เพื่อประเมิน ติดตาม และเฝ้าระวังสถานการณ์ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในจังหวัดพังงา และติดตามผลการดำเนินงานควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกเมษายน 2564 ภายหลังพบผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 4 ราย เมื่อวันที่ 11 เมษายน

โดยพบในอำเภอเมืองพังงา 3 ราย รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพังงา และที่อำเภอท้ายเหมือง 1 ราย รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตะกั่วป่า ซึ่งผู้ป่วยทั้ง 4 ราย ไม่มีอาการรุนแรงแต่อย่างใด และเมื่อวานนี้ มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง จำนวน 45 ราย เข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่โรงพยาบาลพังงา ผลการตรวจผลเป็นลบทั้งหมด นอกจากนี้ที่ประชุมได้หารือการจัดเตรียมโรงพยาบาลสนาม ทั้งที่โรงแรมพังงาเบย์ รีสอร์ท ที่โรงยิมเนเซี่ยมสนามกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพังงา และที่โรงพยาบาลฐานทัพเรือพังงา ในการจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ สำนักงาน บุคลากร และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เพื่อรองรับกรณีมีผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มมากขึ้น

โดยผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ได้สั่งการให้ทุกอำเภอ จัดเตรียมโรงพยาบาลสนามของแต่ละอำเภอให้พร้อมรองรับสถานการณ์ รวมทั้งให้ อสม. ผู้นำท้องที่/ท้องถิ่น เฝ้าระวังตรวจสอบผู้ที่เดินทางกลับจากต่างจังหวัดในระยะนี้ด้วย ซึ่งผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ระบาดจำนวน 18 จังหวัด คือ กรุงเทพ  ชลบุรี เชียงใหม่ นราธิวาส สมุทรปราการ สมุทรสาคร ประจวบคีรีขันธ์ สระแก้ว นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม ภูเก็ต สุพรรณบุรี สระบุรี ระยอง อุดรธานี ขอนแก่น สงขลา จะต้องรายงานตัว ที่ รพ.สต.หรือเทศบาล พร้อมทำแบบประเมินความเสี่ยงและลงนามในเอกสาร หากมีความเสี่ยงว่า มีประวัติไปในผับ บาร์ คาราโอเกะหรือสถานบันเทิงที่มีผู้ติดเชื้อ  มีประวัติสัมผัสกับผู้ติดเชื้อโควิดจะต้องกักตัวเอง 14 วัน หรือตามเวลาที่อยู่ในพังงา หากไม่มีความเสี่ยง ไม่ต้องกักตัว แต่ต้องปฏิบัติตัว แบบ DMHTT สำหรับจังหวัดอื่น ๆ ไม่ต้องรายงานตัว แต่ให้ ดูแลตัวเอง แบบ DMHTTA  

ในส่วนของการจัดงานประเพณีอนุรักษ์เต่าทะเล ประจำปี 2564 ระหว่างวันที่ 12-21 เมษายน 2564 ที่ บริเวณชายหาดท้ายเหมืองนั้น ยังคงจัดตามปกติภายใต้มาตรการ DMHTTA คือ รักษาระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย/ผ้า หมั่นล้างมือ ตรวจวัดอุณหภูมิ และมีแอปพลิเคชั่นไทยชนะ/หมอชนะ โดยกำชับให้ผู้ไปร่วมงานทุกคนต้องสวมหน้าอนามัย/ผ้า ตลอดเวลา หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

นายแพทย์พีรวิชญ์ ปิ่นพิทักษ์ อายุรแพทย์โรงพยาบาลพังงา เปิดเผยว่า สำหรับผู้ป่วย 3 รายในโรงพยาบาลพังงานั้น อาการล่าสุดผู้ป่วยหญิงอายุ 40ปี มีไข้ต่ำ หายใจไม่เหนื่อย มีไอเล็กน้อย ปวดเมื่อยตามตัว ทานอาหารได้ตามปกติ แพทย์ให้ยาต้านไวรัสตั้งแต่วานนี้ เตรียมเอกซเรย์ปอดซ้ำในวันพรุ่งนี้ ส่วนผู้ป่วยเด็ก2 ราย ไม่มีอาการไข้ วิ่งเล่นได้ตามปกติ เอกซเรย์ปอดมีอาการปกติ ขณะที่ผู้ป่วยอีก1รายในโรงพยาบาลตะกั่วป่า ได้ได้รับแจ้งว่าได้รับยาต้านไวรัส อาการไข้ลดลงแล้ว

ด้าน นพ.ประกิจ สาระเทพ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพังงา กล่าวว่า หลังจากพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในพื้นที่จังหวัดพังงา ทางสาธารณสุขจังหวัดพังงาได้ร่วมกับทางพื้นที่ คัดแยกความเสี่ยง กลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงและผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ โดยในพื้นที่ผู้ป่วยอำเภอท้ายเหมืองมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 29 ราย ตรวจหาเชื้อแล้ว 27 ราย คาดว่าผลจะเป็นลบ ส่วนอีก 2 ราย กำลังเดินทางมาตรวจที่โรงพยาบาลท้ายเหมือง ส่วนผู้สัมผัสผู้ป่วยในอำเภอเมืองพังงานั้นได้แบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกโรงเรียนเมืองพังงามีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง13 ราย อยู่ระหว่างการตรวจในวันนี้ กลุ่มที่ 2 โรงเรียนอนุบาลพังงามีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 35 รายตรวจแล้ว 4 รายเป็นลบ ส่วนที่เหลือกำลังตรวจในวันนี้ กลุ่มที่3 ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงในละแวกบ้านผู้ป่วย13 ราย ตรวจแล้ว 4 รายเป็นลบ ที่เหลือกำลังติดตามมาตรวจในวันนี้ และมีการตรวจผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 2รายเป็นลบ ในส่วนของกลุ่มเฝ้าระวังที่ไปเล่นกีฬาฟุตบอลกับผู้ป่วยในจังหวัดภูเก็ต 25 รายนั้น ตรวจแล้ว 12 รายเป็นลบ และตรวจจากระบบเฝ้าระวัง3 รายผลเป็นลบเช่นกัน ในภาพรวมนั้นเราได้มีการวางแผนจะตรวจทุกกลุ่ม เพื่อสร้างความมั่นใจว่าเราสามารถควบคุมโรคได้


ภาพ/ข่าว  อโนทัย งานดี

แม่ฮ่องสอน - ติดเชื้อเพิ่มวันนี้ 5  รวมเป็น 13 ราย ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แถลงยืนยัน ผู้ใกล้ชิดผู้ป่วยถือว่าเสี่ยงสูง โดยเฉพาะ อ.แม่สะเรียง อ.สบเมย ให้พบแพทย์โดยด่วน เตรียมพร้อมโรงพยาบาลสนาม 120 เตียง

นายสิธิชัย  จินดาหลวง  ผวจ.แม่ฮ่องสอน แถลงยืนยัน ว่า ตามที่คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ จังหวัดแม่ฮ่องสอนได้แจ้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกใหม่หรือรอบเมษายน 2564 จังหวัดแม่ฮ่องสอน  เริ่มพบผู้ป่วยรายแรก เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2564 เป็นต้นมา จนถึงวันที่ 11 เมษายน 2564 รวม 8 ราย นั้น  วันนี้ได้รับรายงานพบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มอีกจำนวน 5 ราย รวมเป็น 13 ราย ในพื้นที่ อ. แม่สะเรียง 6 ราย,  อ.สบเมย 4 ราย ,อ.เมือง 1 ราย , อ.ขุนยวม 1 ราย และ อ.ปางมะผ้า 1 ราย เป็นเพศชาย 8 ราย ( 61.5 %) เพศหญิง 5 ราย (38.5%) ผู้ป่วยทั้ง  13 ราย ยังคงรักษาอยู่ในโรงพยาบาล  สำหรับที่พบรายใหม่ 5 ราย น้ัน 1 ราย เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิด คือ เป็นคุณตาของผู้ป่วยรายแรก (อ.สบเมย) อีก 3 ราย เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดของผู้ป่วยรายที่ 7 (อ.แม่สะเรียง) ส่วนอีก 1 ราย เป็นผู้ป่วย  อ.ปางมะผ้า ที่มีประวัติการไปเที่ยวสถานบันเทิงในกรุงเทพมหานคร 

นายสิธิชัย จินดาหลวง ผวจ.แม่ฮ่องสอน กล่าวต่อไปว่า มาตรการด้านการแพทย์และสาธารณสุขที่ได้ดำเนินการไปแล้ว ได้ทำการดูแลรักษาผู้ป่วยที่โรงพยาบาลศรีสังวาลย์ 3 ราย โรงพยาบาลแม่สะเรียง 6 ราย และโรงพยาบาลสบเมย 4 ราย ศักยภาพในการรองรับผู้ป่วยโควิด – 19 ของโรงพยาบาลในจังหวัด สามารถรองรับได้ 66 ราย ยังสามารถรองรับผู้ป่วยได้อีก 53 ราย อย่างไรก็ตาม ตามแผนเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุขของจังหวัด เมื่อพบผู้ป่วยโควิด – 19 ตั้งแต่ 10 รายขึ้นไป จะต้องมีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามขึ้น ซึ่งได้ประสานงานเรื่องการจัดเตรียมสถานที่ คือโรงยิมของสนามกีฬากลางจังหวัดแม่ฮ่องสอน    และเริ่มดำเนินการจัดหาวัสดุอุปกรณ์ตามรายการที่กำหนด ตลอดจนจัดเตรียมบุคลากรที่จะปฏิบัติงาน ไว้พร้อมแล้วโดยในเบื้องต้นจะให้สามารถรองรับผู้ป่วย 40 ราย และขยายเพิ่มได้มากถึง 120 ราย

สำหรับศักยภาพของการตรวจทางห้องปฏิบัติการ วันนี้รถแลปพระราชทานที่มาประจำการอยู่ที่โรงพยาบาลแม่สะเรียง ตั้งแต่วันที่2 เมษายน 2564 เป็นต้นมา ไ ด้ถูกเรียกกลับไปปฏิบัติงานที่จังหวัดเชียงใหม่ การนำส่งตัวอย่างตรวจจากอำเภอสายใต้ อาจมีความล่าช้ากว่า ที่ผ่านมา สำหรับห้องปฏิบัติการของโรงพยาบาลศรีสังวาลย์สามารถรองรับการตรวจได้วันละประมาณ 200 ราย โดยขณะนี้ยอดคงคลังของชุดตรวจ PCRCOVID-19 ยังคงเหลืออยู่ในคลัง 960 ชุด

ด้านการค้นหาผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยเพิ่มเติม รายที่1-8 มีผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยรวม 142 ราย เป็นผู้ สัมผัสเสี่ยงสูง 90 ราย เสี่ยงต่ำ 52 ราย มีผู้สัมผัสได้รับการตรวจทั้งหมด 84 ราย ผลพบเชื้อ 6 ราย สำหรับผู้สัมผัสผู้ป่วยที่พบรายใหม่ในวันนี้จำนวน 5 ราย ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการสอบสวนหาผู้สัมผัส เพิ่มเติม จึงขอให้ผู้ที่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยตาม Timeline หากพบว่า มีการพูดคุยใกลกับผู้ป่วยในระยะ 1 เมตร นานกว่า 5 นาที หรืออยู่ในสถานที่ปิด มีเครื่องปรับอากาศ ร่วมกันนานกว่า 15 นาที ถือเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง ให้รีบมารับการตรวจยังโรงพยาบาลในพื้นที่ และให้แยกกักตนเองเป็นเวลา14 วัน


ภาพ/ข่าว  สุกัลยา บัวงาม อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

“ผบ.ทร.” ส่งความปราถนาดี อวยพรวันสงกรานต์​ ถึงข้าราชการกองทัพเรือ​ ย้ำ! กำลังพลและครอบครัวตระหนักถึงการป้องกันโควิด

เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพล.ร.อ.ชาติชาย​ ศรีวรขาย​ ผบ.ทร.​ส่งสารอวยพรเนื่องในวันสงกรานต์ ประจำปี 2564​ ว่า​ ผมขอส่งความปรารถนาดี มายังเพื่อนข้าราชการ ที่รักทุกท่าน ขอให้ทุกท่านมีความสุข ร่วมกันสานต่อประเพณีสงกรานต์​ที่ปฎิบัติสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน​ ให้อยู่คู่ประเทศไทยของเราตลอดไป และมีความภาคภูมิใจในประเพณีอันงดงามนี้​  แต่เนื่องจากสถานการณ์ covid-19 ในปัจจุบัน​  

ผมขอให้กำลังพลทุกท่านและครอบครัว ตระหนักถึงความสำคัญของการร่วมทำกิจกรรมต่าง​ ๆ​หรือการท่องเที่ยว​ เนื่องในวันสงกรานต์​ ในลักษณะ new normal  เพื่อให้ทุกคนปลอดภัย​ แต่ยังคงความสำคัญของวันสงกรานต์ ที่สมาชิกในครอบครัวจะได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันอย่างพร้อมหน้า เพื่อสร้างขวัญ​ กำลังใจ และความสุขให้แก่กัน​ ขอให้ใช้โอกาสนี้ หลอมรวมความรักให้เข้มแข็ง ส่งต่อเป็นพลัง​ให้เดินหน้าต่อ​ไป​ หากมีความจำเป็นต้องเดินทางกลับภูมิลำเนา ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ

สุโขทัย - รมว.ยุติธรรม มอบนโยบายปราบปรามยาเสพติด และยึดทรัพย์ผู้ค้า แก่ตำรวจในสังกัดภูธรภาค6

วันนี่ 12 เมย.64 เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุโขทัย ต.บ้านกล้วย อ.เมือง จ.สุโขทัย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม  เป็นประธานการประชุมและมอบนโยบายด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดให้แก่ข้าราชการตำรวจในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ภายใต้ยุทธการ"พาลีปราบยา"สืบสวน ขยายผล ยึดทรัพย์สิน เครือข่ายยาเสพติด โดยมีนายวิรุฬ พรรณเทวี ผวจ.สุโขทัย พล.ต.ท.อภิชาติ ศิริสิทธิ์ ผบช.ภาค6, พล.ต.ต.พยูห์ ธนะศรีสืบวงศ์ รองผบช.ภาค6, นายวิชัย ไชยมงคล  เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด, นายสุชาติ ทีคะสุข รองผจว.สุโขทัย ดร.พรรณสิริ กุลนาถศิริ สส.สุโขทัย เขต1, นายมนู พุกประเสริฐ นายกอบจ.สุโขทัย, พล.ต.ต.อมรศักดิ์ เกษมก์สิริ ผบก.ภ.จว.สุโขทัย,ผู้บังคับการในสังกัดตำรวจภูธรภาค 6 และภ.จว.สุโขทัย กำนันผู้ใหญ่บ้าน และข้าราชการตำรวจที่ปฎิบัติหน้าที่ด้านป้องกันและปราบปรามยาเสพติด จำนวน 220 นาย เข้าร่วมประชุม

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่ารัฐบาลและกระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยเฉพาะการยึดทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำผิด เพื่อตัดวงจรยาเสพติด ขณะนี้ได้ผลักดันร่างประมวลกฏหมายยาเสพติดฉบับใหม่ ซึ่งหากแล้วเสร็จและมีผลบังคับใช้ ก็จะทำให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการง่ายขึ้น นำไปสู่การแก้ปัญหายาเสพติดอย่างเป็นรูปธรรมและมั่นคง และเข้าถึงตัวผู้กระทำผิดทุกระดับถูกดำเนินคดี และยึดทรัพย์สินที่มิชอบทั้งขบวนการมาเป็นของแผ่นดิน ผู้ปฏิบัติงาน ผู้ให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่และภาครัฐ มีความปลอดภัย และมีกำลังใจในหน้าที่มากขึ้น

การประชุมในครั้งนี้ เพื่อพิจารณาการดำเนินงานของศูนย์ปฎิบัติการยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติด โดยกำหนดเป็นมูลค่าการยึดทรัพย์สินกระจายลงสู่ระดับจังหวัด  ซึ่งจะพิจารณาจากขนาดปัญหาและงบประมาณที่จัดสรรแต่ละพื้นที่ แบ่งเป็น 3 ขนาด คือ 1.ขนาดใหญ่ จำนวน 27 จังหวัด กำหนดเป้าหมายในการยึดทรัพย์สินไว้จังหวัดละ 90 ล้านบาท  2.ขนาดกลาง จำนวน 31 จังหวัด กำหนดเป้าหมายในการยึดทรัพย์สินไว้จังหวัดละ 70 ล้านบาท 3.ขนาดเล็ก จำนวน 18 จังหวัด กำหนดเป้าหมายในการยึดทรัพย์สินไว้จังหวัดละ 50 ล้านบาท   ส่วน กรุงเทพมหานคร กำหนดเป้าหมายในการยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสติดไว้ 500 ล้านบาท


ภาพ/ข่าว  สุริยา ด้วงมา

ชลบุรี – บางเสร่ เปิดจุดตรวจบริการประชาชน เน้นย้ำประชาชนใส่หน้ากากอนามัยป้องกันโควิด-19

ที่ บริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยวชายหาดบางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี   นายพิเชษฐ์ ธรรมโหร ปลัดอำเภอสัตหีบ มาเป็นประธาน เปิดโครงการจุดตรวจบริการประชาชน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2564 โดยมี กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้แทนชุมชน อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนเทศบาลตำบลบางเสร่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าร่วมโครงการ

นาย เพ่ง บัวหอม ปฎิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีตำบลบางเสร่  กล่าวว่า เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบัน/การเกิดอุบัติเหตุทางท้องถนนในช่วงเทศกาล/และช่วงเวลาปกติของประชาชน/โดยส่วนใหญ่/เกิดจากพฤติกรรมเสี่ยงของมนุษย์ได้แก่ ความประมาท ขับรถด้วยความเร็วเกินกำหนด เมาสุรา และไม่ชำนาญเส้นทาง ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ/และเสียชีวิต รวมทั้งทำให้เกิดความสูญเสียต่อทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก ซึ่งสามารถป้องกันมิให้เกิดได้  หากตระหนักถึงความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนตลอดเวลา เทศบาลตำบลบางเสร่ ได้ตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้น จึงได้จัดทำโครงการจุดตรวจบริการประชาชน/ช่วงเทศกาลสงกรานต์ แนะนำเส้นทาง รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยว และร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กวดขันวินัยจราจร ผู้ขับขี่ยานพาหนะและช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้านการจราจรภายในพื้นที่รับผิดชอบเพื่อลดความสูญเสีย ของผู้ใช้เส้นทางสัญจรภายในอำเภอสัตหีบและเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในการลดความสูญเสีย ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ และของจังหวัดชลบุรีต่อไป

นายพิเชษฐ์ ธรรมโหร กล่าวว่า การจัดทำโครงการจุดตรวจบริการประชาชน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ถือว่ามีปะโยชน์แก่พี่น้องประชาชาชนและนักท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่งและที่สำคัญในช่วงนี้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ขอให้ประชาชนทุกคนสวมหน้ากากอนามัยกันทุกครั้งเมื่อออกจากบ้าน ลดการไปอยู่ในที่แออัดและล้างมือบ่อย ๆ เพื่อความปลอดภัยและห่างไกลจากโควิด-19


ภาพ/ข่าว  นิราช ทิพย์ศรี  /นันทพล  ทิพย์ศรี  อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

ขอนแก่น - “มาดามแป้ง” เข้ารับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ว.บัณฑิตเอเซีย

“มาดามแป้ง” นายหญิงสิงห์เจ้าท่า เข้าพิธีประสาทปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาบริหารธุรกิจ วิทยาลัยบัณฑิตเอเซีย โดยมีแข้งฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยเข้าร่วมยินดี

วันที่ 12 เมษายน 2564 ณ ห้องพิธีการ ขอนแก่นฮอลล์ “มาดามแป้ง” เข้ารับปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาบริหารธุรกิจ วิทยาลัยบัณฑิตเอเซีย ประจำปี 2564 โดยมี ศ.ดร.นพ. กระแส ชนะวงศ์ ประธานในพิธี, รศ.ดร. จินตนา บุญบงการ นายกสภาวิทยาลัยฯ, ผศ.ดร. กษม ชนะวงศ์ อธิการบดี พร้อมด้วยคณาจารย์ และบัณฑิต ร่วมเป็นเกียรติ ซึ่งการจัดนั้นอยู่ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเข้มงวด นอกจากนี้ยังมีเหล่านักฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ชุดใหญ่ และนักฟุตบอลหญิงสโมสรบีจี-บัณฑิตเอเซีย ทีมแชมป์ไทยวีเมนลีก ดิวิชั่น 1 เข้าร่วมแสดงความยินดีคับคั่ง

“มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ CEO บมจ. เมืองไทยประกันภัย และประธานสโมสรการท่าเรือ เอฟ.ซี. กล่าวว่า “นับเป็นเกียรติอย่างสูงต่อแป้งและครอบครัวที่สถาบันที่สร้างคนคุณภาพให้แก่สังคม ได้กรุณามอบปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์แก่แป้ง ซึ่งผลิตบุคลากรคุณภาพทั้งด้านวิชาการ และที่สำคัญยังได้สร้างชื่อเสียงด้านกีฬาให้แก่ประเทศไทยอย่างมาก แน่นอนว่าแป้งจะไม่หยุดพัฒนาตนเอง เพื่อพัฒนางานต่าง ๆ ที่มีอย่างเต็มกำลังความสามารถต่อไป”

ทั้งนี้ ‘มาดามแป้ง’ ถือเป็นนักธุรกิจหญิงที่มีความโดดเด่นในงานบริหารธุรกิจ งานด้านกีฬา งานเพื่อสังคม รวมทั้งมีวิสัยทัศน์จนได้รับรางวัลสำคัญมากมาย อาทิ รางวัล 1 ใน 25 สุดยอดนักธุรกิจหญิงแห่งปี จากนิตยสาร Forbes Asia, รางวัลสตรีผู้ประกอบการดีเด่นแห่งอาเซียน, ผู้จัดการทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยชุดประวัติศาสตร์เข้าแข่งขันฟุตบอลโลกได้ถึง 2 สมัย คือ ในปี 2015 และ 2019, ประธานสโมสรฟุตบอลการท่าเรือ เอฟ.ซี. นอกจากนี้ ยังทำกิจกรรมเพื่อสังคม เช่น การตั้ง ‘ครัวมาดาม’ ในช่วงวิกฤตโควิด-19 ทั้งสองระลอก, กระทั่ง ล่าสุด การสานต่อภารกิจสำคัญในการช่วยเหลือสังคมอย่างมุ่งมั่นทุ่มเท ด้วยก่อตั้ง “มูลนิธิมาดามแป้ง” ให้เป็นหน่วยงานกลางที่รวบรวมน้ำใจจากผู้คนในสังคม เพื่อช่วยเหลือ สนับสนุนสังคมไทยในมิติต่าง ๆ ภายใต้แนวคิด ส่งต่อน้ำใจคนไทยไม่ทิ้งกัน

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยชี้! การจ้างงานเจอพิษโควิดเต็มเปา แนะรัฐออกมาตรการช่วย

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ได้ทำการสำรวจเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์การจ้างงานในองค์กร โดยผลสำรวจระบุว่าสถานการณ์เลิกจ้างในเดือนมีนาคม 64 ปรับตัวลดลงอยู่ที่ 3.4% จาก 7.4% ในเดือนมกราคม 63 แต่อัตราการลดเวลาการทำงานล่วงเวลายังคงอยู่ในระดับใกล้เคียงเดิม ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลการว่างงานจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) ที่ระบุว่าอัตราการว่างงานปรับลดลงอยู่ที่ 1.5% ในเดือนธ.ค. 63 แต่จำนวนผู้เสมือนว่างงาน (ทำงานน้อยกว่า 4 ชั่วโมงต่อวัน) ยังคงปรับเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 2,470 คน บ่งชี้ว่า แม้ว่าจะยังมีงานทำแต่แรงงานส่วนมากมีรายได้ที่ลดลง

สำหรับความเปราะบางของตลาดแรงงานจะยังคงเป็นปัจจัยกดดันกำลังซื้อของครัวเรือนต่อเนื่อง โดยล่าสุดสถานการณ์โควิด-19 ที่เริ่มกลับมาระบาดในช่วงต้นเดือนเมษายนนี้ ที่มีจุดศูนย์กลางระบาดอยู่ในกลางเมืองและแพร่กระจายไปยังจังหวัดอื่น ๆ อาจจะทำให้มีการนำมาตรการควบคุมการระบาดกลับมาใช้อีกครั้ง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาวะการจ้างงานต่อไปได้ 

ดังนั้น มาตรการจากภาครัฐจึงยังมีความจำเป็นที่จะเข้ามาช่วยประคับประคองเศรษฐกิจต่อเนื่อง โดยมาตรการคนละครึ่งเฟส 2 ได้หมดอายุลงแล้วในเดือนมีนาคม 64 มียอดใช้จ่ายตลอดโครงการถึง 102,065 ล้านบาท และมีผู้เข้าร่วมโครงการอยู่ที่ 14.8 ล้านคน ขณะที่มาตรการกระตุ้นกำลังซื้อต่าง ๆ ของภาครัฐ ทั้งโครงการเราชนะ และโครงการเรารักกัน (ม.33) จะเริ่มทยอยหมดโครงการในเดือนพฤษภาคม 64

จากประท้วงเงียบ สู่ สงกรานต์เงียบ

การประท้วงในเมียนมาเริ่มมีการปรับเปลี่ยนจากการเคลื่อนไหวที่เรียกว่าอารยะขัดขืนจนมาถึงการตอบโต้กับเจ้าหน้าที่จนวันหนึ่งมีการผุดไอเดียประท้วงเงียบ 1 วันโดยใครที่ไม่เอากับกองทัพให้ทำการ CDM หรืออารยะขัดขืนโดยการปิดห้างร้านไม่ออกไปทำงาน ไม่ขายของ  แต่นั่นคือ 1 วันแต่ล่าสุดมีการประชาสัมพันธ์มาอีกแล้วว่าให้ประท้วงเงียบในช่วงสงกรานต์ (Thingyan Silent Strike) โดยอ้างว่าเป็นการไว้อาลัยแก่คนที่เสียชีวิตไปในการประท้วงไปจนถึงบางคนบอกว่าหากใครเล่นน้ำจะเป็นพวกสนับสนุนเผด็จการ……เอาอย่างนี้กันเลยเหรอ

เทศกาลสงกรานต์หรือเทศกาลตะจ่านในเมียนมาเป็นวันหยุดยาวและมีความหมายของคนเมียนมามาก    แต่ไม่ใช่เพราะการเล่นน้ำแต่เป็นการกลับบ้านไปอยู่กับครอบครัวและมีกิจกรรมทางศาสนา  หลายครอบครัวมีกิจกรรมร่วมกันในการเดินทางไปเที่ยวยังสถานที่อื่น ๆ หรือเข้าวัดทำบุญหรือไปนั่งวิปัสสนากรรมฐาน  การเล่นน้ำนั้นถือเป็นหนึ่งกิจกรรมในครอบครัวและเป็นหนึ่งกิจกรรมของเพื่อนที่เล่นสนุกกัน  แม้วันที่เขียนนี้วันที่ 12 เมษายนในเมียนมาตามเมืองใหญ่ ๆ จะมีการตั้งเวทีให้เล่นน้ำแต่ปีนี้ก็ยังไม่เห็นมีการตั้งเวทีกิจกรรมแต่อย่างใด

เอาเป็นว่าแม้จะมีกระแสข่าวที่บอกว่ากองทัพจะไม่มีการใช้อาวุธตราบใดที่ไม่มีการประท้วงแต่กองทัพก็ไม่ได้อำนวยความสะดวกให้มีเวทีเล่นน้ำเหมือนที่เคยเป็นในช่วงก่อนโควิดเช่นกัน  ดังนั้นการประท้วงสงกรานต์เงียบครั้งนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากช่วงสงกรานต์โควิดเมื่อปีที่แล้วที่ทำให้เมืองใหญ่ ๆ ในเมียนมาเสมือนเมืองร้างไร้ผู้คน 

คำถามคือไม่ใช่คนทุกคนที่เอาด้วยกับการประท้วงแม้จะไม่เห็นด้วยกับกองทัพก็ตาม  แต่การที่จะเล่นน้ำสงกรานต์ในปีนี้  ในภาวะการณ์แบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่สมควรที่จะเอาตัวเองหรือครอบครัวเข้ามาเสี่ยงเพราะในเมียนมาการแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19 ก็ยังไม่ได้ครอบคลุมและคนส่วนใหญ่ในเมียนมาก็เลือกแล้วที่จะไม่ฉีดวัคซีน  ดังนั้นไม่มีทางใดที่จะป้องกันอันตรายทั้งจากทหารและโควิด-19 ได้ดีกเท่ากับการอยู่บ้านซึ่งดูเหมือนว่าฝ่ายกองทัพก็ต้องการแบบนั้นเช่นกัน  เพราะไม่เช่นนั้นกองทัพคงให้ในแต่ละเขตทำการสร้างเวทีสำหรับเล่นน้ำสงกรานต์ไปแล้ว

ที่มา: AYA IRRAWADEE

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top