Wednesday, 18 June 2025
TheStatesTimes

เชียงราย - สกัดแก๊งค้ายาช่วงสงกรานต์ ยึดยาบ้าเกือบ 6 หมื่นเม็ด ยาเค อีก 56 กิโลกรัม

ที่ สภ.แม่สาย พ.ต.อ.พิพัฒน์ นาระเดช ผกก.สภ.แม่สาย จ.เชียงราย พร้อมด้ย พ.ต.ท.คมกฤช ไชยสาร รอง ผกก.ป.สภ.แม่สาย พ.ต.ท.อนุพันธ์ กันถารัตน์ รอง ผกก.สืบสวน สภ.แม่สาย พ.ต.ท.พีรพจน์ ธุระกิจ  สว.สส.สภ.แม่สาย พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่พริก  จ.ลำปาง ได้ร่วมกับจับกุมตัว นายตาน ทุน อ่อง อายุ 37 ปี ชาวสัญชาติพม่า  พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 2 ถุงๆ ละ 127 เม็ด และ 140 เม็ดตามลำดับรวมทั้งหมดจำนวน 267 เม็ด ในข้อหา "มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยผิดกฎหมาย และข้อหาเสพยาเสพติดฯ

โดยการจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมาเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่พริก ได้จับกุม น.ส.จิราพร บุญรอด อายุ 34  ปี ชาว ต.หนองกุ่ม อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี น.ส.ชญาภา อินทร์น้อย  อายุ 38  ปี ชาว ต.บางเขน อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี นายณัฐกาญจน์  จันทะสน  อายุ 24  ปี ชาว ต.แก่งเสี้ยน อ.เมืองกาญจนบุรี  จ.กาญจนบุรี และ น.ส.วีรยา  วัลลา  อายุ 36  ปี ชาว ต.ลาดหญ้า อ.เมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี พร้อมของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 59,400 เม็ด และวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภทที่ 2 (เคตามีน) จำนวน 56 กิโลกรัม

จากการสอบปากคำทั้ง 4 คน ให้การซัดทอดว่าได้รับยาบ้ามาจากนางตาน ทุน อ่อง  ที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย  ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่พริก จึงประสานตำรวจ จ.เชียงราย เข้าตรวจค้นห้องพักของนายตาน ทุน อ่อง  ในพื้นที่หมู่บ้านป่าเหมือด หมู่ 8 ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย โดยใช้อำนาจเจ้าพนักงาน ปปส. นำโดย พ.ต.ต.สุชาติ หอมนาน สวป.สภ.แม่พริก  เมื่อไปถึง พบตัวนายตาน ทุน อ่อง และเมื่อตรวจดูในภายในห้อง พบยาบ้าจำนวน 267 เม็ด เมื่อสอบถามก็รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาและยังรับว่าได้เสพยาบ้าอีกด้วยเจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปตรวจหาสารเสพติดที่โรงพยาบาลแม่สายและควบคุมตัาพร้อมของกลางดำเนินคดีตามกฎหมาย

โดยกลุ่มขบวนการดังกล่าวได้อาศัยช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่มีนักท่องเที่ยวและผู้เดินทางเป็นจำนวนมาก แฝงตัวมากับนักท่องเที่ยวโดยได้อำพรางยาบ้า ซุกซ่อนไว้ในยางอะไหล่ท้ายรถ ก่อนจะเดินทาง จาก อ.แม่สาย เพื่อมุ่งหน้าสู่ตอนในของประเทศ แต่ก็มาถูกจับกุมดังกล่าว อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่จะได้ขยายผลติดตามเครือข่ายของผู้กระทำผิดตามกฎหมายต่อไป


ภาพ/ข่าว ณัฐวัตร ลาพิงค์

 

เชียงราย - จัดทำบุญตักบาตร วันสงกรานต์ สวมหน้ากากป้องกันโควิด-19

วันที่ 13 เมษายน 2564 นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธี ทำบุญตักบาตร พระภิกษุสงฆ์สามเณรจำนวน 99 รูป "ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมือง จ.ศ. 1383" ที่ทางเทศบาลนครเชียงรายจัดขึ้น บริเวณแยกสุริวงค์ ถนนธนาลัย โดยมี นายภูวิศ วรรณพฤษ์ ปลัดเทศบาลนครเชียงราย ปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีนครเชียงราย นายอิทธิพล สุนทรสีมะ รองปลัดเทศบาลนครเชียงราย ข้าราชการ เจ้าหน้าที่เทศบาลนครเชียงราย และหัวหน้าส่วนราชการในจังหวัดเชียงราย รวมทั้ง ชาวเชียงราย ร่วมกับทำบุญตักบาตร เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ไทย วันสงกรานต์ โดยมีพระสงฆ์ นำโดย พระรัตนมุนี เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย นำพระสงฆ์ ออกรับบิณฑบาตร โดย เริ่มตั้งแต่แยกสุริวงค์ จนถึง แยกศาล  ถนนธนาลัย รวมระยะทาง 1 กิโลเมตร

การร่วมทำบุญตักบาตร ทางเจ้าหน้าที่สาธารสุขเทศบาลนครเชียงราย ได้มีการตรวจคัดกรองผู้เข้าร่วมทำบุญ และ เน้นย้ำทุกคนต้องสวมใส่หน้ากาก เพื่อป้องกันโควิด-19  อย่างไรก็ตาม ปีนี้มีชาวพุทธ มาร่วมทำบุญตักบาตรน้อยกว่าทุกปี และมีการเว้นระยะห่าง สวมใส่หน้ากากเพื่อป้องกันโควิด-19 ทุกคน ทั้งนี้สาเหตุที่มีผู้ออกมาทำบุญน้อย มาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่รุนแรงมากขึ้น 

จากการสอบผู้ที่มาทำบุญใส่บาตรต่างจิตอธิฐานของให้สถานการณ์โควิด19 ลดลงโดยเร็ว เพื่อกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ  ขณะที่สถานการณ์ผู้ป่วยโควิด19 จังหวัดเชียงราย พบผู้ป่วยสะสม ตั้งแต่วันที่ 6-12 เมษายน 2564 รวมทั้งสิ้น 59 ราย โดยทั้งหมดเป็นกลุ่มที่มาจากพื้นที่เสี่ยง


ภาพ/ข่าว  ณัฐวัตร ลาพิงค์

กระบี่ - จนท.กองป้องกันอบจ.กระบี่ เร่งพ่นยาฆ่าเชื้อ ท่าเรือโดยสารไปเกาะพีพี และสถานนีขนส่งกระบี่

หลังพบนักท่องเที่ยวใช้บริการจำนวนมาก ช่วงสงกรานต์ ขณะทีมสอบสวนโรค นำเด็กนักเรียนโรงเรียนดัง ที่มีความเสี่ยงสูง จำนวนกว่า 60 ราย ไปตรวจหาเชื้อพร้อมกักตัว 14 วัน   หลังพบครูสอนภาษาชาวต่างชาติ ติดเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่ เป็นรายที่ 5  

วันที่  13 เม.ย. 64 เจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจ. โควิค-19. กองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบจ.กระบี่ พ่นย่าฆ่าเชื้อ ที่บริเวณท่าเทียบเรือโดยสารเพื่อการท่องเที่ยว ปากคลองจิหลาด  อบจ.กระบี่  ต.ไสไทย อ.เมือง จ.กระบี่ รวมทั้งบนเรือโดยสาร หลังมีนักท่องเที่ยวใช้บริการเดินทางไปยังเกาะพีพี รวมไปถึงสถานีขนส่งจังหวัดกระบี่จำนวนมาก ในช่วงวันสงกรานต์ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโควิด19  

ส่วนที่โรงเรียนอนุบาลกระบี่ อ.เมืองกระบี่ ทางจนท.ได้ทำการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อตามจุดต่าง ๆ ภายในบริเวณโรงเรียน และภายในห้องเรียน โรงอาหาร ทำความสะอาดโต๊ะ เก้าอี้ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ หลังพบครูสอนภาษา เพศหญิงวัย 27 ปี สัญชาติบราซิล ที่สอนอยู่ในโรงเรียนติดเฃื้อไวรัสระลอกใหม่ เป็นรายที่ 5 ของจังหวัดกระบี่  นอกจากนี้ทางทีมสอบสวนโรค สนง.สาธารณสุข จ.กระบี่  ได้นำเด็กนักเรียนที่สัมผัสเสี่ยงสูงจำนวนกว่า 60 คน ไปตรวจหาเชื้อและกักตัวเป็นเวลา 14 วัน 

สำหรับสานการการณ์สถานการณ์สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 ระลอกใหม่ ในจังหวัดกระบี่  ตั้งแต่วันที่ 1-12 เม.ย. 64 พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิด -19  จำนวน 5 ราย ในอำเภอเมืองกระบี่ 4 ราย อ.เหนือคลอง 1 ราย อยู่ระหว่างรอผลตรวจอีก 30 ราย


ภาพ/ข่าว  ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง รายงาน

กาฬสินธุ์ – สั่งปิดสถานบันเทิง พบหัวหน้าการ์ดผับดังปทุมธานี กลับบ้านติดโควิดเพิ่ม

ประชาชนชาวกาฬสินธุ์กลุ่มเสี่ยงนับพันคน แห่เข้าตรวจคัดกรองเชื้อโควิด-19 หลังพบเป็นกลุ่มเสี่ยงสัมผัสช่างแต่งหน้าติดเชื้อโควิด-19 ร่วมงานวิทยาลัยนาฏศิลปกาฬสินธุ์รวมคน 4 ภาค เที่ยวตะวันแดง เดินซื้อของตลาดสด และกลุ่มเสี่ยงร่วมคอนเสิร์ตซองดูฮี พบนักดนตรีติดเชื้อโควิด-19 ในผับดังตากอากาศ ขณะที่ผู้ว่าฯกาฬสินธุ์เรียกประชุมด่วนติดตามสถานการณ์โรคอย่างใกล้ชิด หลังพบชายวัย 33 ปี หัวหน้าการ์ด Brothere pub จ.ปทุมธานี เดินทางกลับบ้านอำเภอยางตลาดติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มอีก 1 ราย พร้อมประกาศสั่งปิดสถานบันเทิง 14 วัน และคุมเข้มงานรวมคนจำนวนมาก 

เมื่อเวลา 07.30 น.วันที่ 13 เมษายน 2564 ที่บริเวณศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วย นพ.อภิชัย ลิมานนท์ นายแพทย์สาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ นพ.ประมวล ไทยงามศิลป์ ผอ.โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ ร่วมกันลงพื้นที่ติดตามการปฏิบัติงานเชิงรุกในการตรวจเชื้อผู้สัมผัสผู้ป่วยโควิด-19 ซึ่งเป็นชายอาชีพช่างแต่งหน้าวัย 26 ปี มาจาก จ.นครราชสีมา แล้วมาร่วมงานมหกรรมศิลปวัฒนธรรมไทย “เบิกฟ้าบัณฑิตพัฒนศิลป์ สู่แผ่นดินถิ่นอีสาน” ในระหว่างวันที่ 3-5 เมษายน 2564 ซึ่งวิทยาลัยนาฏศิลปกาฬสินธุ์เป็นเจ้าภาพจัดงาน ซึ่งไทม์ไลน์พบไปเที่ยวผับตะวันแดงกาฬสินธุ์ เดินซื้อของตลาดสดทุ่งนาทอง โดยได้สัมผัสกับประชาชนคนกาฬสินธุ์ส่วนหนึ่งที่ตลาดสดทุ่งนาทอง สถานบันเทิงตะวันแดง และวิทยาลัยนาฏศิลปกาฬสินธุ์

โดยมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงและเสี่ยงต่ำ มารอการตรวจหาเชื้อตั้งแต่เช้า ซึ่งมีทีม แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจากโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ สำนักงานสาธารณสุขอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ที่ทำการปกครอง อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ ร่วมปฏิบัติภารกิจ คาดว่ากรณีดังกล่าวจะมีผู้มาตรวจตลอดทั้งวันประมาณ 600 คน

ส่วนกรณีงานคอนเสิร์ตซองดูฮี ของผับตากอากาศ อ.นามน จ.กาฬสินธุ์ ที่พบนักดนตรีชาว จ.ขอนแก่น มาร่วมงานแล้วกลับไปตรวจพบติดเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2564 นั้น จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่ามีกลุ่มเสี่ยงที่เข้าร่วมคอนเสิร์ตครั้งนี้กระจายใน 8 อำเภอ ประกอบด้วย อ.นามน อ.สมเด็จ อ.ห้วยผึ้ง อ.เขาวง อ.ร่องคำ อ.ฆ้องชัย อ.หนองกุงศรี และ อ.กมลาไสย เบื้องต้นคาดว่ามีจำนวนกว่า 400 คน โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจคัดกรองเชิงรุกพบมีกลุ่มเสี่ยงสัมผัสผู้ป่วย ซึ่งพบมีอาการไข้ และน้ำมูกเข้าข่ายเกณฑ์สอบสวนโรคจำนวน 20 ราย กลุ่มเสี่ยงสูง 34 ราย กลุ่มเสี่ยงต่ำ 82 ราย ซึ่งทั้งหมดยังรอผลตรวจ ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการติดตามและตรวจสอบ

จากนั้นเวลา 11.00 น.วันที่ 13 เมษายน 2564 นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ เป็นประธานประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.กาฬสินธุ์ เพื่อติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดและวางมาตรการป้องกัน โดยมีนายแพทย์อภิชัย ลิมานนท์ นายแพทย์สาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ ในฐานะเป็นเลขานุการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์  กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด- 19)  ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 จนถึงล่าสุดวันที่ 13 เมษายน 2564 พบผู้ติดเชื้อรวม 3 ราย โดยผู้ติดเชื้อรายแรกเป็นหญิงวัย 35 ปี ได้เข้ารักษาตัวหายดีกลับบ้านแล้ว ส่วนผู้ติดเชื้อช่วงเดือนเมษายน 2564 หรือการระบาดระลอก 3 จ.กาฬสินธุ์ มีผู้ป่วยยืนยัน 2 ราย โดยคนแรกเป็นหญิง อายุ 28 ปี อาศัยอยู่ ต.หลักเมือง อ.กมลาไสย ผลตรวจยืนยันเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2564 และผู้ป่วยรายที่ 2 ซึ่งเป็นรายล่าสุด เป็นชายอายุ 33 ปี ทำงานเป็นหัวหน้าการ์ดในสถานบันเทิง Brothere pub จ.ปทุมธานี ได้เดินทางกลับบ้านใน ต.คลองขาม อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2564 ซึ่งยืนยันผลตรวจ เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2564  จากโรงพยาบาลการุญเวช จ.ปทุมธานีพบติดเชื้อ โดยทั้ง 2 ราย ขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ นอกจากนี้ยังมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจากผู้ป่วยทั้ง 2 ราย และกลุ่มเสี่ยงสูงกลุ่มอื่นๆเบื้องต้น 3 ราย ซึ่งอยู่ระหว่างการรอผลยืนยัน

นายทรงพล กล่าวอีกว่า จากสถานการณ์ดังกล่าวในการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อวันนี้ จึงได้มีคำสั่ง จ.กาฬสินธุ์ ปิดสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19  ได้แก่ สถานบริการ สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ สถานประกอบกิจการอาบน้ำ สถานประกอบกิจการ อาบ อบ นวด หรือสถานที่อื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน เป็นเวลา 14 วัน นับตั้งแต่วันที่ 13 -26 เมษายน 2564 หากฝ่าฝืนมีโทษทั้งจำทั้งปรับ และกำชับแต่ละอำเภอเข้มงวดในการจัดงานรวมคนจำนวนมาก พร้อมทั้งขอให้ประชาชนใน จ.กาฬสินธุ์ ร่วมมือกันปฏิบัติตามมาตรการ DMHTT โดยการเว้นระยะห่าง ใส่แมส ล้างมือ ตรวจวัดอุณหภูมิ ร่วมมือใช้แอปฯไทยชนะ พร้อมกับหลีกเลี่ยงแหล่งชุมชนแออัด เพื่อปลอดภัยจากเชื้อโควิด-19


ภาพ/ข่าว  ณัฐพงษ์ ประชากูล

ขอนแก่น - "บิ๊กตู่" ส่งกระเช้าเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บเหตุไฟไหม้รถทัวร์ที่ขอนแก่น ขณะที่ผู้ว่าฯ สั่งทุกหน่วยงานช่วยเหลือเต็มที่ พร้อมเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินประกันช่วยเหลือผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัสรายละ 1.1ล้านบาท

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 13 เม.ย.2564 ที่ รพ.สิรินทร ต.โนนสมบูรณ์ อ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น นำกระเช้าจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าเยี่ยมและมอบให้กับผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ไฟไหม้รถทัวร์โดยสารสายอุดรธานี-กรุงเทพฯ เหตุเกิดในพื้นที่ อ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย และบาดเจ็บอีก 12 ราย ซึ่งผู้บาดเจ็บรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสิรินทร 3 ราย ถูกไฟไหม้ที่แขน ใบหน้า และใบหู อาการโดยรวมอยู่ในขั้นปลอดภัยเฝ้าระวังแผลติดเชื้อ พร้อมทั้งพูดคุยและให้กำลังใจกับผู้บาดเจ็บและครอบครัวด้วย พร้อมทั้งยืนยันให้การช่วยเหลือทุกครอบครัวตามสิทธิเต็มที่

นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเมื่อทราบข่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้กำชับลงมายังพื้นที่ให้มีการตรวจสอบช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียชีวิตรวมทั้งครอบครัวและผู้บาดเจ็บทุกราย ซึ่งทาง คปภ.และบริษัทประกันภัยรวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการประชุมร่วมกันและสรุปค่าเยียวยาให้กับผู้บาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตรายละ 1.1 ล้านบาทตามสิทธิที่จะได้รับจากประกันภัยและพรบ.รถ โดยทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขณะนี้ทราบชื่อผู้เสียชีวิตแล้ว 1 ราย คือ น.ส.สุกัญญา เกดหอม อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57 หมู่ 14 ต.เมืองเพียง อ.กุดจับ จ.อุดรธานี ส่วนที่เหลืออีก 4 รายยังไม่ทราบชื่อ อายุ และที่อยู่ และขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจอัตลักษณ์บุคคล ที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ ส่วนผู้บาดเจ็บมีทั้งหมด 12 ราย ยังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสิรินทร ส่วนหนึ่ง และทีโรงพยาบาลขอนแก่นอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งในทางคดีขณะนี้ทราบว่าได้มีการแจ้งข้อกับพนักงานขับรถแล้ว และทราบรายชื่อผู้โดยสารทั้งหมดหมดแล้ว อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่า ผู้เสียชีวิตเป็นใคร โดยจะต้องคัดแยกรายชื่อผู้บาดเจ็บและผู้ที่รอดจากเหตุการณ์ทั้ง ก็จะเหลือรายชื่อของผู้เสียชีวิต เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ ในภาพรวมทั้งหมด

ขณะที นาย ปัญจพล ภาคสังข์ อายุ19 ปี ชาว อ.เสาไห้ จ.สระบุรี 1 ในผู้รอดชีวิตและได้รับบาดเจ็บ กล่าวว่า กลับมาหาแม่ที่ จ.อุดรธานี และได้ซื้อตั๋วกลับเพื่อไปลง จ.สระบุรี โดยขึ้นรถเที่ยว 3 ทุ่ม ที่ บขส.อุดรธานี ระหว่างทางก็นอนมากับรถ ก่อนรถจะแวะเติมแก๊สที่ จ.ขอนแก่น พร้อมกับพักรถ 20 นาที ก่อนจะขับออกมาเพื่อเดินทางต่อกระทั่งได้ยินเสียงระเบิดขึ้น 1 ครั้งก็ทราบว่ารถน่าจะยางเกิดระเบิด แล้วก็เห็นไฟลุกขึ้นบริเวณด้านหลังและเห็นจนรีบลงจากรถ ตนเองจึงรีบลงมาจากชั้นสองและวิ่งออกไปได้ทัน ซึ่งในช่วงที่วิ่งลงมาชั้น 1 นั้นทุกคนต่างเบียดเสียดกันบางคนล้มบ้าง และมีเสียงระเบิดดังขึ้นอีก 1 ครั้ง

"พอมาถึงชั้นหนึ่งก็ได้กลิ่นแก๊สลอยเข้าคอจนเกือบจะหมดสติ พูดไม่ออกและพยายามพุ่งออกไปข้างหน้าจนถึงทางออก ๆได้สำเร็จและวิ่งเข้าไปในป่าแล้วก็ได้ยินเสียงระเบิดขึ้นอีกครั้ง รวมเป็น 3 ครั้ง ก่อนที่จะมีเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลและแจ้งแม่ให้ทราบและแม่ก็เดินทางมาหาที่โรงพยาบาล

พ.ต.อ.ถนอมศักดิ์ โสภา ผกก.สภ.บ้านแฮด กล่าวว่า ขณะนี้ พนักงานสอบสวน ได้นำตัวนายพัศดี คำคอน อายุ 48 ปี พนักงานขับรถทัวร์โดยสารกันเกิดเหตุ มาสอบปาก โดยทราบว่าขณะที่เพลิงลุกไหม้ นายพัศดีได้ใช้ถังดับเพลิงฉีดพ่นใส่ไฟที่ลุกไหม้ พร้อมกับให้ผู้โดยสารลงจากรถ ส่วนการตรวจร่างกายหาสารเสพติด โดยผลออกมาไม่พบสารเสพติดและปริมาณแอลกอฮอล์ แต่ได้แจ้งข้อกล่าวหา “กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย” และจากรายงานพนักงานสอบสวนระบุว่ารถทัวร์คันดังกล่าว ได้เติมเชื้อเพลิงประเภทก๊าซ NGV โดยก่อนเกิดเหตุได้แวะเติมที่สถานีบริการในพื้นที่ ต.สำราญ อ.เมืองขอนแก่น ก่อนจะขับมาได้ประมาณ 30 กิโลเมตร แล้วเกิดเหตุสลดขึ้น จากนี้จะให้ขนส่งจังหวัดขอนแก่น ตรวจสอบว่า รถทัวร์คันนี้ได้มีการขอจดทะเบียนติดตั้งก๊าซ NGV ถูกต้องตามกฎกระทรวงคมนาคมหรือไม่

พร้อมกันนี้ผู้สื่อข่าวยังได้เดินทางไปที่ห้องเก็บศพ รพ.ศรีนครินทร์ ซึ่งยังไม่มีญาติของผู้เสียชีวิตมาติดต่อรับศพหรือแสดงตัวเป็นญาติแต่อย่างใด ซึ่งตามขั้นตอนหากมีญาติผู้เสียชีวิตมาติดต่อรับศพก็จะทำการตรวจดีเอ็นเอของญาติและผู้เสียชีวิตเพื่อส่งมอบศพกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านเกิดต่อไป

 

พังงา - ด่วน... ผู้ว่าพังงาสั่งยกเลิกการจัดงานประเพณีปล่อยเต่า หลังพบผู้ป่วยโควิดเพิ่มอีก 4 ราย

เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 13 เมษายน 2564 ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพังงา นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงาเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพังงา เพื่อติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ หลังจากได้รับรายงานผู้ป่วยยืนยันเพิ่มขึ้นอีก 4 ราย ซึ่งผู้ป่วย 3 ราย เป็นผู้ที่สัมผัสเสี่ยงสูงกับผู้ป่วยกลุ่มเดิมที่ได้รับเชื้อจากทหารเรือที่เดินทางมาจากจังหวัดภูเก็ต ส่วนอีก1 รายเป็นนักศึกษาที่เดินทางกลับมาจากจังหวัดเชียงใหม่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันของจังหวัดเชียงใหม่

โดยผู้ว่าราชการจังหวัดพังงาได้สั่งยกเลิกงานประเพณีปล่อยเต่า ครั้งที่ 52 ประจำปี 2564 บริเวณชายหาดท้ายเหมือง ที่จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 12-21 เมษายน 2564 ซึ่งเพิ่งมีพิธีเปิดเมื่อค่ำวานนี้(12 เมษายน) โดยให้มีกิจกรรมได้อีก 1 คืนภายใต้มาตรการควบคุมป้องกันโควิด-19อย่างเข้มข้น และให้ยกเลิกในวันที่ 14 เมษายนเป็นต้นไป ซึ่งทางจังหวัดพังงาต้องขออภัยพ่อค้าแม่ค้าเป็นอย่างมาก เนื่องจากสถานการณ์ได้เปลี่ยนไปในทางที่เสี่ยงในการแพร่ระบาด ทั้งนี้ทางจังหวัดพังงาเตรียมออกประกาศมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเข้มข้นมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่มีการระบาด28 จังหวัด เมื่อเดินทางเข้ามาในพื้นที่จังหวัดพังงาจะต้องมีการรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ พร้อมทำแบบประเมินความเสี่ยงอย่างเข้มข้น และให้เจ้าของสถานที่พักเป็นผู้สอบสวนรายงานต่อเจ้าหน้าที่ ให้ยกเลิกการจัดกิจกรรมที่มีการชุมชนของประชาชน ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจบังคับการสวมหน้ากากเมื่อออกจากบ้าน และอาจจะมีการประกาศล็อกดาวน์พื้นที่เสี่ยงเป็นบางจุดด้วย


ภาพ/ข่าว  อโนทัย งานดี

สกัดบริษัทประกันพลิ้ว! คปภ. ออกคำสั่งด่วน ‘รักษาในรพ.สนาม – โรงแรม’ เคลมประกันได้

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ที่ขยายวงกว้างอย่างรวดเร็ว ประชาชนยังคงให้ความสนใจในการทำประกันภัยโควิด-19 มาช่วยบริหารความเสี่ยงภัยที่อาจเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลวันที่ 31 มี.ค. 2564 มียอดทำประกันภัยโควิด-19 รวม 11 ล้านฉบับ ซึ่งเป็นยอดกรมธรรม์ประกันภัยที่เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีที่แล้ว 1 ล้านฉบับ และมียอดการจ่ายค่าสินไหมทดแทน รวมทั้งสิ้น 171 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากสิ้นปีที่แล้ว ณ วันที่ 31 ธ.ค.2563 เกือบ 100 ล้านบาท

สำหรับกรณีที่โรงพยาบาลหลายแห่ง มีเตียงไม่เพียงพอในการรองรับผู้ติดเชื้อ รวมทั้งมาตรการของรัฐบาลที่มีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามและโรงแรมเป็นโรงพยาบาลกักตัวในหลายพื้นที่ ซึ่งอาจเกิดประเด็นการตีความว่า การที่ผู้ป่วยโควิด-19 ซึ่งทำประกันภัยไว้ และเข้ารับการรักษาในสถานที่เหล่านั้น จะสามารถเคลมประกันได้หรือไม่ ดังนั้น เพื่อให้เกิดความชัดเจนในทางปฏิบัติ สำนักงาน คปภ. จึงได้ประชุมหารืออย่างเร่งด่วนกับสมาคมประกันชีวิตไทยและสมาคมประกันวินาศภัยไทย และได้ข้อสรุปเป็นที่ยุติว่าให้สามารถเคลมประกันได้

ล่าสุด คปภ. ได้ออกคำสั่งนายทะเบียน 2 ฉบับ เรื่อง การรักษาพยาบาลตามกรมธรรม์ประกันภัยหรือสัญญาเพิ่มเติม เพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สำหรับบริษัทประกันชีวิต และคำสั่งนายทะเบียน เรื่อง การรักษาพยาบาลตามกรมธรรม์ประกันภัยหรือเอกสารแนบท้าย สำหรับบริษัทประกันวินาศภัย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนว่า หากต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล จะยังได้รับความคุ้มครองตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันภัย เช่นเดียวกับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลทั่วไป

อย่าปิดแผ่นฟ้าด้วยฝ่ามือ! รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ‘อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด’ ซัด ‘แรมโบ้’ อย่าลามปาม ‘ยิ่งลักษณ์’ ออกตัวแก้ต่างให้ ‘บิ๊กตู่’ ทุกเรื่อง ทั้งที่บริหารประเทศผิดพลาดตลอด 7 ปี ที่ผ่านมา

เมื่อวันที่ 14 เม.ย. นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ พาดพิงน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุเป็นห่วงคนไทยที่ต้องเผชิญกับความยากลำบากจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 และเศร้าใจที่ยังไม่เห็นความพยายามในการแก้ปัญหาของรัฐบาล ปัญหาการเข้าถึงวัคซีนที่ยังต่ำไม่ทั่วถึงว่า นายเสกสกลทำตัวคล้ายเดินออกมาหาคู่กรณีทุกวัน ยิ่งถ้าได้พาดพิงอดีตนายกฯ ซึ่งเป็นอดีตผู้บังคับบัญชา นายเสกสกลจะยิ่งชอบ คนที่ควรอยู่นิ่งๆในสถานการณ์นี้ควรจะเป็นนายเสกสกล การออกมาเถียงข้างๆคูๆ พูดเพ้อเจ้อไปเรื่อย บอกว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยลดลง นายเสกสกลไปเอาข้อมูลจากไหนมาพูด ถ้าลดลงจริงแต่ละจังหวัดนอกจากจะจัดเตรียมโรงพยาบาลสนามไว้รองรับผู้ติดเชื้อโควิดที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังต้องเตรียมระบบกักตัวที่บ้านไว้ทำไม ไม่ใช่เพราะนี่คือการระบาดหนักของจริงหรือ การพูดด้วยข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ทำให้ประชาชนสับสน พูดแล้วไม่ได้เป็นบวกต่อตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ หรือรัฐบาลเลย

นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์เข้าสู่อำนาจด้วยวิธีที่ผิด ปฏิวัติรัฐประหารรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ฉีกรัฐธรรมนูญตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.57 ผ่านมา 7 ปีประชาชนทั้งประเทศได้เห็นการบริหารจัดการที่ผิดพลาดตลอดมา โดยเฉพาะสถานการณ์โควิดที่ปล่อยให้มีการระบาดรอบแรกโดยการอนุญาตให้ทหารจัดมวย ระบาดครั้งที่ 2 ปล่อยให้มีการเปิดบ่อน กระบวนการค้าแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย ระบาดครั้งที่ 3 ปล่อยให้เกิดไทยคู่ฟ้า2 ทองหล่อไครซิส ที่พัวพันคนของรัฐบาลเข้าไปเกี่ยวข้องและไม่รับผิดชอบต่อสังคม ไม่เปิดเผยและบิดเบือนไทม์ไลน์ โควิดระบาดมาปีกว่า แต่เพิ่งมาตั้งคณะทำงานจัดหาวัคซีน แถมไม่มีชื่อของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข นี่คือใบเสร็จและสิ่งบ่งชี้ถึงการไร้ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์

วิกฤตโควิดส่งผลกระทบถึงวิกฤตเศรษฐกิจ สังคม การเมือง นายเสกสกล อย่าจ้องแต่จะลามปามอดีตนายกฯ จนละเลยความจริง ก่อนออกมาพูดควรหาข้อมูลหรือสำรวจความเห็นว่าประชาชนคนไทยทั้งประเทศ พึงพอใจต่อรัฐบาลอย่างที่นายเสกสกลกล่าวอ้างหรือไม่ อย่าปิดแผ่นฟ้าด้วยฝ่ามือ บิดเบือนพูดไปเรื่อย ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดที่พุ่งสูงขึ้นทุกวัน จะอธิบายเป็นความสำเร็จของรัฐบาลได้อย่างไร วัคซีนที่ประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนฉีดให้ประชาชนของตนเองในแต่ละประเทศ อยู่ในสัดส่วนที่สูงกว่าประเทศไทย จนประเทศไทยเกือบกลายเป็นรั้งท้ายประเทศที่ฉีดวัคซีนให้ประชาชนต่ำที่สุดในอาเซียน

“อย่าข่มขู่ประชาชนว่าอย่าทำลายความเชื่อมั่นของรัฐบาล การปล่อยให้คนของรัฐบาลที่ฉีดวัคซีนแล้วไปเที่ยวในสถานที่อโคจรจนติดโควิด แล้วปกปิดบิดเบือนไทม์ไลน์ เป็นการทำลายความเชื่อมั่นของรัฐบาลด้วยตัวรัฐบาลเอง” นายอนุสรณ์ กล่าว

‘บิ๊กตู่’ อวยพร วันผู้สูงอายุ - วันครอบครัว ชี้ สถานการณ์ โควิด-19 ค่อย ๆ คลี่คลาย เพราะความร่วมมือของทุกคน วอนคนไทยปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด สกัดการแพร่ระบาด

เมื่อวันที่ 14 เมษายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวเนื่องในโอกาส “วันผู้สูงอายุแห่งชาติ” และ “วันแห่งครอบครัว” ประจำปี 2564 โดยส่งความปรารถนาดีมายังผู้สูงอายุ และผู้มีส่วนร่วมในการปฏิบัติงานด้านกิจการผู้สูงอายุและครอบครัวทุกคนที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสถาบันครอบครัวให้มีความอบอุ่นเข้มแข็ง

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “วันผู้สูงอายุแห่งชาติ” และ “วันแห่งครอบครัว” ถือเป็นวันสำคัญที่สร้างความตระหนักรู้ให้แก่ประชาชนและสังคมได้เห็นถึงความสำคัญของผู้สูงอายุ เปรียบเสมือนศูนย์รวมจิตใจที่เชื่อมโยง ความรักและความผูกพันให้แก่คนในครอบครัว เป็นผู้บ่มเพาะภูมิปัญญาความรู้หลากหลายประการในการดำเนินชีวิต เพื่อให้สมาชิกในครอบครัวรู้บทบาทหน้าที่ของตนเองที่มีต่อสังคม ซึ่งถือเป็นภูมิคุ้มกันให้ครอบครัวมีความเข้มแข็ง และเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาสังคมไทยให้เป็นสังคมคุณภาพ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกใหม่ ที่ค่อย ๆ คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ส่วนหนึ่งเกิดจากความรักความเอาใจใส่ของคนในครอบครัวที่คอยประคับประคองช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และจากความร่วมมือของครอบครัวคนไทยทุกคน ประเทศจึงได้ผ่านพ้นวิกฤตการณ์ต่าง ๆ มาได้ รัฐบาลจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกครอบครัวจะช่วยกันป้องกัน ดูแล และรักษาสุขภาพร่างกาย จิตใจให้แข็งแรง และปฏิบัติตามคำแนะนำด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ซึ่งนอกจากเป็นการป้องกันตนเองแล้ว ยังเป็นการป้องกันสมาชิกในครอบครัว ชุมชนและสังคม เพื่อให้ทุกครอบครัวไทยสามารถดำเนินชีวิตอย่างปกติสุขได้ต่อไป และขออวยพรผู้สูงอายุและคนไทยทุกครอบครัวมีความสุข ความเจริญ มีพลังกาย พลังใจที่เข้มแข็ง มีชีวิตที่เต็มไปด้วยความรักความอบอุ่น และความเอื้ออาทรกันในทุกโอกาส

ชลบุรี – เชฟโรงแรมพัทยาเจอพิษ ผันตัวเปิดร้านกะเพราปีศาจ ราคาย่อมเยาว์

จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วไปทั่วโลก ทำให้มีคนติดเชื้อเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่ระลอกแรกและระลอกที่สอง ซึ่งขณะนี้มีการแพร่ระบาดเป็นระลอกที่สาม  ที่มีการแพร่ระบาดเร็วกว่าสองระลอกแรก ทำให้ทางภาครัฐประกาศให้ปิดสถานบันเทิงอีกครั้ง ส่งผลกระทบต่อธุรกิจการท่องเที่ยว ผู้ประกอบการทั่วทุกหัวระแหง จึงมีผู้คนตกงานเป็นจำนวนมาก

ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 เมษายน 2564 ที่ร้านกระเพราปีศาจ ตั้งอยู่ภายในซอยเขาตาโล 3 ซอยย่อยที่ 1 เข้ามาสุดซอย พบนายต่อเกียรติ จารัตน์ อายุ 32 ปี อดีตเชฟโรงแรมในเมืองพัทยา เจ้าของร้าน เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ก่อนหน้านี้เป็นเชฟของโรงแรมในเมืองพัทยา แต่เมื่อมาประสบปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทำให้โรงแรมปิดตัวลง ก็ต้องไปหาทำงานตามร้านอาหารต่าง ๆ จนกระทั้งมีการแพร่ระบาดระลอกที่สองจึงผันตัวมาเปิดร้านเองที่บ้าน เพราะจะช่วยลดต้นทุนค่าเช่าร้าน ซึ่งทางร้านก็มีเมนูแนะนำคือก๋วยเตี๋ยวน้ำใส ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ กะเพราปีศาจ ที่ทำจากเป็ดแฮมเบิร์ก เบคอน และเนื้อโคขุน อย่างดี ที่ปรุงรสชาติจัดจ้าน โดยราคาก๋วยเตี๋ยวเริ่มต้นที่ 25 บาท อาหารตามสั่ง 40 บาท ซึ่งทางร้านยังมีโปรโมชั่น ทานครบ 12 ครั้งฟรีทันที 1 เมนู นอกจากนี้ คนท้อง คนพิการ ทานฟรี หลังดปิดร้านมาก็ได้ผลตอบรับเป็นอย่างดี

นอกจากนี้ยังฝากเป็นกำลังใจให้กับผู้ประสบสภาวะตกงานในยุคโควิด-19 นี้ด้วย เพราะเป็นการเชื้อไวรัสที่แพร่ระบาดไปทั่วโลก ทุกคนต่างได้รับผลกระทบ จึงอยากขอให้ทุกคนทำใจและอยู่กับมัน สู้กับมัน แล้วผ่านไปให้ได้ ซึ่งตนเองก็ไม่ได้ร่ำรวย แค่อยากให้ทุกคนได้กินและอิ่มท้อง จึงได้เปิดร้านขายในราคาย่อมเยาว์และให้คนท้อง และคนพิการทานฟรี


ภาพ/ข่าว อนันต์ สุขวัฒนะ / เอกชัย สุขวัฒนะ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค พัทยา จ.ชลบุรี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top