Thursday, 19 June 2025
TheStatesTimes

States TOON EP.9

ติดตามการ์ตูนขำ ๆ ได้ทุกสัปดาห์

เทพไท เปรียบ แก้ รธน.รายมาตรา เหมือนซ่อมรถแบบ “ปะผุ” ต้องซื้อใหม่ทั้งคัน วางสเปก 6 ข้อ

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง การเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ แบบรายมาตรา ของพรรคพลังประชารัฐว่า เป็นการเสนอการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยความจำใจ เพื่อต้องการจะอธิบายกับสังคมว่า รัฐบาลชุดนี้ได้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามนโยบายเร่งด่วน ที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภาแล้ว การเสนอแก้ไขเป็นรายมาตรา ซึ่งถ้าจะเปรียบรัฐธรรมนูญ ปี 2560 เหมือนกับรถยนต์คันหนึ่ง การแก้เป็นรายมาตรา ก็เปรียบเสมือนการซ่อมสี “ปะผุ” ซึ่งรถยนต์คันนี้มีสภาพแชสซีคต เสียศูนย์ ไม่สามารถใช้งานต่อไปได้ จึงจำเป็นต้องซื้อรถยนต์คันใหม่ ซึ่งเปรียบเสมือนการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ

ส่วนตัวสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ(สสร.) เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา จะไม่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนทั้งประเทศ ตนในฐานะที่เป็นผู้ริเริ่มการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญเห็นว่า รัฐธรรมนูญในฝันของตนนั้น อยากให้มีลักษณะดังนี้คือ 

1.) เป็นการปกครองระบอบประชาธิปไตย มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ซึ่งเป็นรูปแบบการปกครองที่ดีที่สุด และเหมาะสมกับสภาพของประเทศไทยมากที่สุด

2.) เป็นระบบรัฐสภา มีสภาคู่ เช่นเดียวกับรูปแบบการปกครองของประเทศอังกฤษ ที่เป็นต้นแบบของการปกครองแบบรัฐสภา ที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์เหมือนกับประเทศไทย

3.) ส.ส.มาจากระบบเขตเลือกตั้งทั้งหมด ไม่จำเป็นต้องมี ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งรูปแบบของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เป็นรูปแบบลูกผสม ที่ใช้แบบอังกฤษผสมกับแบบเยอรมันและฝรั่งเศส ขัดกับการปกครองรูปแบบรัฐสภาที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

4.) สมาชิกวุฒิสภา จะมาจากการแต่งตั้ง หรือเลือกตั้งก็ได้ ต้องขึ้นอยู่กับบทบาทและหน้าที่ ถ้ามาจากการเลือกตั้งของประชาชน จะมีหน้าที่แต่งตั้ง ถอดถอน ตรวจสอบองค์กรอิสระได้ ถ้ามาจากการแต่งตั้งก็ควรมีหน้าที่เพียงการกลั่นกรองกฎหมายเท่านั้น

5.) คณะรัฐมนตรีต้องมาจาก ส.ส.เท่านั้น เพราะถือว่าเป็นบุคคลที่ได้ผ่านการคัดเลือกของประชาชนมาแล้ว มีความยึดโยงกับประชาชน เป็นการป้องกันบุคคลภายนอก กลุ่มทุน ที่ฉวยโอกาสเข้ามาเป็นรัฐมนตรี

6.) จำนวน ส.ส.มีไม่เกิน300คน และ ส.ว.มีไม่เกิน150คน เพราะเป็นจำนวนที่เหมาะสมกับประชากรของประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศทั่วโลก และเป็นการประหยัดงบประมาณของประเทศชาติอีกด้วย 

ผมได้แต่ฝันว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง แม้ว่าจะฝันที่เป็นไปไม่ได้ก็ตาม ก็ขอแค่ได้ตั้งความหวังเอาไว้ ตามอุดมคติ “ฝันให้ไกล ไปให้ถึง”

“แรมโบ้” ยัน 1 นายกฯห่วงใยประชาชนตลอดเวลา ทุกลมหายใจเข้าออก วอน ทุกคนปฏิบัติตัวเข้ม ป้องโควิด-19

เมื่อวันที่ 12 เมษายน พ.ศ.2564 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลวันสงกรานต์ ซึ่งเป็นวันหยุดยาว ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนา นายกฯได้อวยพรให้พี่น้องประชาชน ให้พักผ่อนกับครอบครัวอย่างมีความสุขและด้วยความระมัดระวัง เพื่อดูแลทั้งตัวเราเองและคนที่เรารัก สวัสดีปีใหม่ไทยทุกคนล่วงหน้า ถือเป็นคำอวยพร และ ของขวัญปีใหม่ไทย ในเทศกาลวันสงกรานต์ที่นายกฯมอบให้คนไทยทุกคนจากใจจริง

นายเสกสกล กล่าวว่า เป็นการแสดงให้เห็นว่านายกฯ มีความห่วงใยประชาชนทุกกลุ่ม และอยากให้กลับบ้าน และท่องเที่ยวด้วยความปลอดภัย โดยเฉพาะจากการระบาดเชื้อโควิด-19 รวมถึงในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งถือว่าเป็นวันผู้สูงอายุ วันครอบครัวด้วยนั้น นายกฯยังอยากให้พี่น้องประชาชนได้ไปพบกับครอบครัว อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวของไทยด้วย ประชาชนจะต้องให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการรักษามาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดด้วย เพื่อไม่ให้มีการแพร่เชื้อเพิ่มเติม และยังจะทำให้พี่น้องประชาชน ได้กลับบ้านและท่องเที่ยว ห่างไกลโควิด และมีความสุขในช่วงเทศกาลสงกรานต์อีกด้วย

นายเสกสกล กล่าวว่า "นายกฯห่วงใยประชาชนตลอดเวลา ทุกลมหายใจเข้าออกของนายกฯ คือ ความอยู่ดีกินดีและความสุขกายสุขใจ ความปลอดภัยในชีวิตของพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งแผ่นดิน ขอให้เชื่อมั่นว่า นายกฯและรัฐบาลจะทำงานให้ดีที่สุด ทุกปัญหาต้องได้รับการแก้ไขเยียวยาให้ทั่วถึงจะไม่ทอดทิ้งหรือหนีปัญหาเด็ดขาด รัฐบาลต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนและความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนทุกคนด้วยโดยเฉพาะการร่วมมือในการปฏิบัติตนเองและครอบครัวไม่ให้ติดเชื้อไวรัสโควิดที่กำลังแพร่กระจายอยู่ในขณะนี้โดยฟังคำชี้แจงทีมเแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัว เพื่อให้คนไทยทุกคนก้าวข้ามผ่านวิกฤตโควิดไปให้ได้"

สุโขทัย - Sukhothai Crafts and Folk Art เรียนรู้ประวัติศาสตร์ "บ้านพระพิมพ์" มรดกการพิมพ์พระเครื่อง สืบทอดจากบรรพชนสู่คนรุ่นหลัง

ศูนย์เรียนรู้บ้านพระพิมพ์ หรือบ้านพระพิมพ์ลักษมณศิลป์ เป็นแหล่งเรียนรู้หนึ่งที่มีชื่อเสียงในเมืองเก่าสุโขทัย ตั้งอยู่ที่ ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.สุโขทัย ผู้ก่อตั้งได้รวบรวมพระพิมพ์ ของเมืองสุโขทัยทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น พระพิมพ์ที่ถูกค้นพบจากเมืองศรีสัชนาลัย และเมืองเก่าสุโขทัย พร้อมทั้งได้รวบรวมประวัติของวัด ผู้สร้างวัด รวมไปถึงชื่อของพิมพ์พระ ให้ถูกต้องตามความเป็นมา เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางด้านประวัติศาสตร์ และประวัติศาสตร์ศิลปะของเมืองสุโขทัย รวมไปถึงเมืองที่มีประวัติศาสตร์ร่วมสมัยเดียวกัน เป็นแหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น และมรดกของบรรพชนให้แก่เยาวชน นักท่องเที่ยว และผู้สนใจทั่วไปที่มาเยือน และมาเรียนรู้ อยากรู้ อยากทราบความเป็นมาที่แน่ชัด

คุณกบ ณรงค์ชัย โตอินทร์ ผู้ก่อตั้ง ศูนย์เรียนรู้บ้านพระพิมพ์ หรือบ้านพระพิมพ์ลักษมณศิลป์ เป็นคนรุ่นใหม่ที่ลงมือทำงานเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของสุโขทัย เป็นนักเล่าเรื่องทางประวัติศาสตร์ที่ศึกษาค้นคว้ามาอย่างลึกซึ้ง คุณกบสืบเชื้อสายตระกูลช่างแกะสลักไม้ทำพระพุทธรูป แต่เขามีความสนใจในเรื่องงานดินมากกว่า จึงเริ่มศึกษาการทำพระพิมพ์ดินเผาสุโขทัยจริงจังและเรียนรู้มามาอย่างมากกมาย ก่อนจะมาทำด้วยตนเอง เรียนผิด เรียนถูกมาตลอดตั้งแต่เป็นเด็ก มีความสนใจมากในเรื่องโบราณ เรื่องความเชื่อ เรื่องทำพระพิมพ์

บ้านพระพิมพ์ลักษมณศิลป์ นอกจากจะเป็นที่เรียนรู้ของนักท่องเที่ยว ที่จะได้เรียนรู้รูปแบบของพุทธศิลป์สุโขทัยในแบบต่าง ๆ แล้ว นักท่องเที่ยวยังจะได้เรียนรู้การ “พิมพ์พระ” และ “การเผา” เพื่อให้ได้พระพิมพ์จากดินเผาเนื้อแกร่งเป็นพระเครื่องสักองค์ ที่มาที่ไปแบบไหน ถึงจะมาได้ชื่อว่า พระเครื่องที่เราบูชา และเก็บสะสมเป็นที่นิยมกันมายาวนานของคนไทยนักสะสมพระเครื่อง และชาวต่างชาติ คุณณรงค์ และคุณญาณภัทร์ โตอินทร์ (พี่กบและพี่แก้ม) ทั้ง 2 ท่านซึ่งสามารถให้ความรู้ทั้งในด้านประวัติของพระพิมพ์เมืองสุโขทัยและในด้านเทคนิคของการพิมพ์พระ และการร่วมทำกิจกรรม “พิมพ์พระ” ไม่ใช่เพียงการเข้าสู่กระบวนการเรียนรู้มรดกวัฒนธรรมของพื้นที่ผ่านการท่องเที่ยวเท่านั้น แต่นักท่องเที่ยวจะได้มีส่วนร่วมในการ “สืบต่อพระพุทธศาสนา” สืบต่อไปนั้นเอง

ที่เรียกกันว่าพระพิมพ์ หรือพระเครื่องจากดินและผงจากแร่ธาตุ จากพืช คือการสร้างรูปพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยการนำวัสดุ เช่น ดินเหนียว โลหะ ผงว่านมงคล แร่ธาตุต่าง ๆ คลุกเคล้าจนได้ที่ของส่วนผสม นำไปกดลงไปในพิมพ์ โดยแม่พิมพ์หรือตัวพิมพ์มักจะสร้างด้วยหิน โลหะ ดินเผา ไม้ หรือกระดูกสัตว์ พระพิมพ์ในเมืองสุโขทัยถูกสร้างขึ้นตามอิริยาบถต่าง ๆ ของพระพุทธองค์ คือ นั่ง นอน ยืน และเดิน หรือสร้างตามเหตุการณ์สำคัญในพระพุทธประวัติ พระพิมพ์ถูกสร้างแพร่หลายในเมืองสุโขทัย โดยมีคติและความเชื่อที่ว่าเป็นการสั่งสมบุญบารมีให้กับผู้สร้าง และยังเป็นการสืบต่ออายุของพุทธศาสนา เพื่อให้คนเหล่านั้นสืบหาความหมายในพระธรรมของพระพุทธเจ้าจากพระพิมพ์ที่คนโบราณได้สร้างไว้ให้เรียนรู้แบบอย่าง และสืบทอดกันต่อ ๆ ไป


ภาพ/ข่าว  เสนิศชนันต์ สุขกสิกร

นครสวรรค์ - ความคืบหน้า สร้างโรงพยาบาลหนองบัว ชาวบ้านสงสัย เงินบริจาค 48 ล้านบาท ได้แค่เสาเข็มผู้มีจิตศรัทธาที่ร่วมเงินบริจาคการทำบุญในครั้งนี้ มีข้อสงสัยถึงความล่าช้าในการก่อสร้างโรงพยาบาล

วันที่ 11 เม.ย.64 เวลา 09.00 น. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่  โรงพยาบาลหนองบัว ตำบลหนองบัว อำเภอหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์ ติดตามความคืบหน้าการสร้างโรงพยาบาลหนองบัว หลังจากที่ หลวงพ่อพัฒน์ ปุญญกาโม พร้อม ดร. เสมอ งิ้วงาม (ป๋อง สุพรรณ) และทีมงานป๋อง สุพรรณ การันตี นำเงินบริจาคกว่า 48 ล้านบาท มอบให้ทางโรงพยาบาลหนองบัวตั้งแต่ วันที่ 16 ต.ค.63 จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาจนถึงเดือน เม.ย.64 แต่ทำได้แค่เพียงลงเสาเข็มเท่านั้น ชาวบ้านผู้มีจิตศรัทธาที่ร่วมเงินบริจาคการทำบุญในครั้งนี้ มีข้อสงสัยถึงความล่าช้าในการก่อสร้างโรงพยาบาลในครั้งนี้  หลังจากที่ได้มีการมอบเงินร่วมทำบุญจำนวน 48 ล้านบาทให้กับทางโรงพยาบาลหนองบัว จังหวัด นครสวรรค์ เพื่อจัดสร้างอาคารพยาบาลตามความตั้งใจของหลวงพ่อพัฒน์ ปุญญกาโม

โดยแบ่งเป็น2อาคาร ในการก่อสร้างแบ่งเป็นพื่นที่ด้านหน้าและด้านหลังของโรงพยาบาลหนองบัว ในส่วนของด้านหน้าก่อสร้าง อาคารอุบติเหตุ ฉุกเฉิน (อาคาร ค.ส.ล. อาคาร 1ชั้น) เพื่อรองรับ อุบัติเหตุฉุกเฉินและเหตุเร่งด่วนต่าง ๆ และในส่วนของด้านหลังสร้างอาคารผู้ป่วยในมีเตียง รองรับทั้งหมด 60 เตียง(อาคาร ค.ส.ล. 2 ชั้น)  โดยมีผู้รับเหมารับผิดชอบการก่อสร้าง 2 รายด้วยกัน คือ 1.บริษัท ณัฐกานต์ โปรเจค1996 จำกัด เป็นผู้รับผิดชอบการก่อสร้างอาคาร อุบติเหตุ ฉุกเฉิน วันที่เริ่มทำสัญญา คือวันที่ 8 ก.พ.64. และสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 5 ธ.ค.64 ราคาก่อสร้าง 9,000,000 บาท (เก้าล้านถ้วนบาท)  และในพื้นที่ด้านหลังก่อสร้างอาคารรองรับผู้ป่วยใน 60 เตียง เริ่มทำสัญญาวันที่ 8 ก.พ.64 และสิ้นสุดในวันที่ 3 ก.พ. 65  ราคาก่อสร้าง 19,720,000 บาท(สิบเก้าล้านเจ็ดแสนสองหมื่นบาทถ้วน) โดยมี หจก.นำแสงพาณิชณ์ก่อสร้าง เป็นผู้รับผิดชอบ

นาย พูลเกิด ชารี หรือ เกิด นครสวรรค์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า หลังจากที่ทีมงานได้มอบเงินบริจาคให้กับทางโรงพยาบาลในวันที่ 16 ต.ค. 63 แล้ว ทางโรงพยาบาลได้ดำเนินการติดต่อกับผู้รับเหมาดังกล่าวเพื่อทำการก่อสร้างอาคารอุบัติเหตุ ฉุกเฉิน และอาคารผู้ป่วยใน แต่การก่อสร้างค่อนข้างจะล่าช้ามาก ๆ และชาวบ้านที่ร่วมการบริจาคเงินทำบุญในครั้งนี้มีความสงสัยเกี่ยวกับความล่าช้าในการก่อสร้างดังกล่าว นาย พูลเกิด ชารี หรือ เกิด นครสวรรค์ กล่าวว่า จากการที่ได้มีการพูดคุยกับผู้รับเหมาก่อสร้างแล้วนั้น ได้ความว่าตอนนี้เป็นการลงเสาเข็มและตรวจเช็คการรับน้ำหนักของเสาเข็มก่อนว่าจะเกิดการทรุดตัวของดินไหม หากไม่มีปัญหาอะไรจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างต่อในวันที่ 28 เม.ย.64

ส่วนในเรื่องของตัวเงินนั้นตนไม่ขอพูดอะไร เพราะได้มอบให้ทางโรงพยาบาลเป็นผู้รับผิดชอบไปแล้ว รอให้ทางโรงพยาบาลชี้แจงเองดีกว่า เนื่องจากตอนที่มอบเงินบริจาคให้กับทางโรงพยาบาลได้มอบเป็นเงินสดให้ทั้งหมดและมีทีมงานที่มาร่วมเป็นสักขีพยานหลายคนและได้มีการไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊คด้วย หลังจากมอบเงินให้ทางโรงพยาบาลแล้วตนไม่ทราบว่าทางโรงพยาบาลหนองบัวได้นำเงินเข้าบัญชีหรือมีการจัดการยังไง ตอนนี้แค่รอทางโรงพยาบาลหนองบัวและผู้บริหารออกมาชี้แจงให้ตนและชาวบ้านได้หายสงสัย

ด้าน ดร.เสมอ งิ้วงาม หรือ ป๋อง สุพรรณ ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับกรณีนี้ว่า ตนทราบเรื่องการก่อสร้างล่าช้าแล้วและกล่าวชี้แจงว่าเงินที่ได้มอบให้ทางโรงพยาบาลไป เป็นเงินบัญชีเพื่อสร้างอาคารอุบัติเหตุ ฉุกเฉิน จำนวนเงิน 30,040,900 บาท(สามสิบล้านสี่หมื่นเก้าร้อยบาทถ้วน)  และบัญชีที่สอง เพื่อซื้ออุปกรณ์การแพทย์ จำนวนเงิน 18,236,000 บาท(สิบแปดล้านสองแสนสามหมื่นหกพันบาทถ้วน) และบัญชีที่สาม กองทุนหลวงปู่พัฒน์จำนวนเงิน  389,000 บาท(สามแสนแปดหมื่นเก้าพันบาทถ้วน) รวมทั้งหมด 48,665,900 บาท(สีสิบแปดล้านหกแสนหกหมื่นห้าพันเก้าร้อยบาทถ้วน) ในนามของทีมงานสะพานบุญป๋องสุพรรณการันตี ได้ดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ในการสร้างโรงพยาบาลและโรงเรียนของหลวงปู่พัฒน์ วัดห้วยด้วยแล้ว และมีชาวหนองบัว และผู้บริจาคได้สอบถามถึงความคืบหน้าในการก่อสร้างอาคารอุบัติเหตุ ฉุกเฉิน ซึ่งทางคุณป๋อง สุพรรณ เองก็ไม่สามารถตอบได้เช่นกันว่าจะเสร็จเมื่อไร จึงอยากให้ผู้รับผิดชอบหรือผู้รับเหมาออกมาชี้แจงถึงความล่าช้าในการก่อสร้าง

เนื่องจากมีพี่น้องชาวนครสวรรค์ได้ส่งภาพการก่อสร้างอาคารดังกล่าวมาให้ดูว่ามีความคืบหน้าไปถึงไหน อีกทั้งพี่น้องประชาชนยังสงสัยถึงจำนวนเงินที่บริจาคไปอยากให้มีการตรวจสอบได้ จึงอยากให้ทางผู้ที่เกี่ยวข้องหรือทางโรงพยาบาลหนองบัวออกมาชี้แจงถึงกรณีดังกล่าว เพื่อความสบายใจของชาวหนองบัวและผู้ร่วมบริจาคในครั้งนี้

 

สถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยและอาเซียน ประจำวันที่ 12 เมษายน พ.ศ.2564

สถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยและอาเซียน ยอดผู้ติดเชื้อในไทยวันนี้กว่า 985 ราย ขณะที่ในอาเซียนยอดยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง!

ประจวบคีรีขันธ์ - จ่อปรับ “มายาผับ หัวหิน” ต้นตอจัดคอนเสิร์ต แพร่เชื้อโควิด-19 ร่วม 100 คน

เมื่อวันที่ 12 เมษายน นายแพทย์สุริยะ คูหะรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่าจากกรณีพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 87 ราย ในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน และแพร่กระจายเชื้อโควิดอีกหลายอำเภอทั้งใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และพื้นที่ใกล้เคียง โดยผู้ป่วยร้อยละ 90 เชื่อมโยงกับการระบาดกลุ่มใหญ่จากสถานบันเทิง “มายาผับ” ในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน ล่าสุดผลการตรวจจากห้องปฏิบัติการพบประชาชนกลุ่มสี่ยงอีก 387 ราย ยืนยันว่ายังมีจำนวนผู้ติดเชื้อที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นคาดว่าถึง 100 คน แม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นผู้ติดเชื้อที่ยังไม่มีอาการ แต่ปัญหาเกิดจากจากการสัมผัสผู้ใกล้ชิดที่เดินทางไปดื่มกินในงานคอนเสิร์ต “โจอี้บอย” เมื่อคืนวันที่ 30 มีนาคม 64

สำหรับมายาผับ ขณะนี้นิติกร สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดได้รวบรวบพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับเจ้าของสถานบันเทิงดังกล่าว และจากการพูดคุยยอมรับว่ามีข้อบกพร่องในการประกอบธุรกิจ ฐานฝ่าผืนข้อปฏิบัติตามมาตรฐานการควบคุมโรคตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ 2558 จะมีการปรับในการกระทำความผิดครั้งแรก 6,000 บาท ซึ่งอาจะมองว่าค่าปรับเป็นเงินไม่มาก แต่ขณะนี้ต้องยอมรับว่าสถานบันเทิงแห่งนี้ตกเป็นจำเลยของสังคมที่ทำให้มีปัญหาโรคระบาดส่งผลกระทบหลายด้าน

ขณะที่นายนครินทร์ คีรีเพชร ทนายความชื่อดัง อ.หัวหิน กล่าวว่า กรณีมีผู้ประกอบการในภาคธุรกิจการท่องเที่ยวหรือประชาชนในพื้นที่ อ.หัวหิน ที่ได้รับความเสียหายจากการระบาดของโควิด-19 ภายหลังมีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก โดยมีต้นตอจากผับหรือสถานบันเทิง หากควบรวมหลักฐานที่พบว่าหน่วยงานรัฐบกพร่องละเลยไม่ปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ สามารถไปยื่นร้องต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อเอาผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ฐานละเว้นในการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย หากเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองที่เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจหน้าที่กำกับดูแล พ.ร.บ.สถานบริการ ปล่อยให้สถานบันเทิงเปิดเกินจากเวลาที่กำหนดก็ถือว่าเข้าข่ายมีความผิด รวมทั้งเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องที่มีหน้าที่บังคับใช้ตามกฎหมาย และเจ้าพนักงานท้องถิ่นในเทศบาลเมืองหัวหิน ฐานะกรรมการควบคุมโรคติดต่อในท้องที่ที่ไม่ยึดถือหรือปฏิบัติตามแนวทางหรือมาตรการในการป้องกันโรคระบาดร้ายแรง


ภาพ/ข่าว  นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวสยามโฟกัสไทม์ / 4เหล่าทัพ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

ประจวบคีรีขันธ์ - “หัวหิน” สร้างโรงพยาบาลสนามรับมือผู้ป่วยโควิด-19

วันที่ 12 เมษายน นายแพทย์สุริยะ คูหะรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่าขณะนี้พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมแล้วจำนวน 141 รายยอดรวมถึงวันที่ 11 เมษายน เป็นเพศหญิง 90 ราย เพศชาย 50 ราย เป็นการระบาดจากการร่วมดื่มกินและชมคอนเสริ์ตโจอี้บอย ที่มายาผับหัวหิน เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 64 โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่ ไม่มีอาการรุนแรง ไม่แสดงอาการเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลหัวหิน 114 ราย แบ่งที่โรงพยาบาลกรุงเทพหัวหิน 1 ราย  โรงพยาบาลปราณบุรี 5 ราย โรงพยาบาลค่ายธนะรัชต์ 2 ราย โรงพยาบาลสามร้อยยอด 3 ราย โรงพยาบาลกุยบุรี 2 ราย โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ 10 ราย โรงพยาบาลบางสะพาน 4 ราย และพบว่ามีผู้ป่วยอายุน้อยที่สุด 2 ขวบ อายุมากสุด 82 ปี ซึ่งมีประวัติสัมผัสกับผู้ติดเชื้อจากผู้ป่วยที่เดินทางไปเที่ยวมายาผับ ขณะที่ผู้ติดเชื้อทั้งหมดมีอายุเฉลี่ย 30 ปี นอกจากนั้นยังมีผู้ป่วยจากสถานบันเทิงมายาผับกระจายไปยัง จ.เพชรบุรี จ.สมุทรสงคราม จ.ชุมพรและ จ.กระบี่

นายชาตรี จันทร์วีระชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ กล่าวว่าวันนี้พร้อมด้วย นายเจนวิท ผลิศักดิ์ ผช.สาธารณสุข อ.หัวหิน เจ้าหน้าที่สาธารณสุข กลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อเทศบาลเมืองหัวหิน ลงพื้นที่ดูความเรียบร้อยและมาตรการการรับมือกับการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่โรงพยาบาลหัวหิน และสถานที่ต่าง ๆ ในเขตเทศบาลเมืองไม่ว่าจะเป็นบริเวณชายหาดหัวหิน ศูนย์การค้าต่าง ๆ บริเวณท่าเรือเฟอร์รี่หัวหิน-พัทยา ทุกที่มีมาตรการเรียบร้อยดีไม่ว่าจะเป็นการสวมใส่หน้ากากอนามัย มีเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ การคัดกรองผู้เข้าใช้บริการ การดูแลรักษาความสะอาด แต่จะมีปัญหาเรื่องคนมาท่องเที่ยวน้อยลงอาจจะเป็นเพราะว่าข่าวที่ออกไปว่าคนที่เข้าในจังหวัดประจวบฯ ต้องกักตัว 14 วัน และออกจาก จ.ประจวบฯ ต้องกักตัว 14 วัน ซึ่งข่าวตรงนี้ก็ไม่ค่อยถูกต้อง ซึ่งเจ้าที่สาธารณสุขบอกว่าถ้ามาจากกรุงเทพฯที่เป็นพื้นที่เสี่ยงจะต้องกักตัว 14 วัน ไม่ใช่ทุกคนที่มาจะต้องกักตัว

สำหรับที่โรงพยาบาลหัวหินได้มาเยี่ยมเยียนให้กำลังใจให้กับหมอและพยาบาลที่ทำหน้าที่ตรวจหาเชื้อ ซึ่งมีผู้มาใช้บริการจำนวนมาก สืบเนื่องจากมีการติดเชื้อโควิด-19 ที่สถานบันเทิงในอำเภอหัวหิน ทำให้หลายคนเกิดความไม่สบายใจจึงเดินทางมาตรวจกันเป็นจำนวนมาก ทางโรงพยาบาลหัวหินได้สร้างโรงพยาบาลสนามขึ้นที่โรงพยาบาลหัวหิน 5 ต.ทับใต้ และในโรงเรียนพาณิชยการหัวหินซึ่งอยู่ติดกันเพื่อรองรับผู้ป่วยที่มีจำนวนมาก ซึ่งก็ยังมีบางอย่างที่มีปัญหาเช่นเรื่องการส่งอาหารไปยังชั้นต่าง ๆ ของตึก จำนวนเจ้าหน้าที่มีน้อยกว่าจะเดินขึ้นแต่ละตึก ทางเราจะประสานงานกับเทศบาลเพื่อให้งานช่างมาดูการทำรอกส่งอาหารเพื่อความสะดวกสบายของเจ้าหน้าที่ แล้วก็เรื่องของห้องน้ำอาจต้องสร้างห้องน้ำชั่วคราวเพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้อาบน้ำฆ่าเชื้อก่อนจะออกจากสถานที่จะได้ไม่นำเชื้อออกไปติดเพื่อนร่วมงานหรือคนในครอบครัว


ภาพ/ข่าว นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวสยามโฟกัสไทม์ / 4เหล่าทัพ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

เปิดทางด่วนวิ่งฟรี ต้อนรับสงกรานต์กว่า 3 สาย นาน 3 วัน! ทางพิเศษเฉลิมมหานคร-ศรีรัช-อุดรรัถยา เริ่มหลังเที่ยงคืนวันนี้!

การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) แจ้งว่า ตั้งแต่เวลา 00.01 น.ของวันที่ 13 เมษายน 2564 จนถึงเวลา 24.00 น.ของวันที่ 15 เมษายน 2564 รวม 3 วัน กทพ. ได้ยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษ รวม 3 สายทาง คือ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร (ทางด่วนขั้นที่ 1) จำนวน 19 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช (ทางด่วนขั้นที่ 2) จำนวน 31 ด่าน ทางพิเศษอุดรรัถยา (บางปะอิน-ปากเกร็ด) จำนวน 10 ด่าน

ทั้งนี้การดำเนินการดังกล่าว เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนในวันหยุดและช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชน รวมทั้งช่วยลดปัญหาจราจรติดขัดบริเวณหน้าด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษ และยังเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคมที่ปรากฏในสัญญาสัมปทาน ฉบับแก้ไขใหม่ระหว่าง กทพ. บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) และบริษัททางด่วนกรุงเทพเหนือ จำกัด (NECL)

อย่างไรก็ตามผู้ใช้ทางพิเศษสามารถสอบถามข้อมูลการเดินทาง สภาพการจราจร และขอความช่วยเหลือจากศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ทางพิเศษ EXAT Call Center โทร 1543 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง และผู้ใช้ทางพิเศษสามารถดาวน์โหลด Application "EXAT Portal SOS" เพื่อขอความช่วยเหลือกรณีรถเกิดอุบัติเหตุ รถขัดข้องหรือเหตุฉุกเฉินต่าง ๆ ได้อีกช่องทางหนึ่ง

คุณหญิงกัลยา แนะนักเรียนใช้เวลาช่วงหยุดสงกรานต์ สานสัมพันธ์ในครอบครัว ภายใต้หลัก D-M-H-T-T ป้องกันโควิด-19

นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย โฆษกประจำตัวรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ดร.คุณหญิงกัลยา) เปิดเผยว่าคุณหญิงกัลยา ขอเชิญชวนให้นักเรียนทุกคนที่ได้มีโอกาสอยู่กับครอบครัวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ได้ใช้เวลาในช่วงนี้แสดงออกถึงความรัก ความผูกพัน และความกตัญญูต่อบิดามารดา ปู่ย่าตายาย รวมถึงญาติผู้ใหญ่ ที่เป็นผู้มีพระคุณ ซึ่งถือเป็นจารีตประเพณีที่ดีงามของสังคมไทย แต่อย่างไรก็ตามยังต้องคำนึงถึงมาตรการความปลอดภัยจากโรคโควิด-19 ภายใต้หลัก D-M-H-T-T

นางดรุณวรรณ กล่าวต่อด้วยว่า คุณหญิงกัลยา ตระหนักถึงความสำคัญของครอบครัวที่เป็นสถาบันหลักในการพัฒนาและช่วยสร้างคุณภาพคน เพราะครอบครัวที่อบอุ่น เต็มไปด้วยความรัก ความผูกพันเปรียบเสมือนวัคซีนที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจให้เด็กเติบโตมาอย่างมีคุณภาพ และเป็นคนที่ดีของสังคม ในขณะที่โรงเรียนจะทำหน้าที่ในการหล่อหลอม ให้องค์ความรู้ และเสริมสร้างประสบการณ์ชีวิตในการอยู่ร่วมกับผู้คนในสังคมได้อย่างเท่าทัน 

ทั้งนี้ ในช่วงสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ คุณหญิงกัลยา ได้ย้ำเน้นให้ทุกคนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการระบาดของโรคอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะนักเรียนที่เป็นผู้พักค้างประจำในโรงเรียนต่าง ๆ ภายใต้การกำกับดูแล ที่ต้องกลับบ้านไปพบปะกับผู้ปกครอง ปู่ย่าตายายที่เป็นผู้สูงอายุ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ให้ยึดหลัก D-M-H-T-T ของกรมควบคุมโรค คือ D : Social Distancing เว้นระยะห่าง 1 - 2 เมตร เลี่ยงการอยู่ในที่แออัด  M : Mask Wearing สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลา  H : Hand Washing ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์  T : Testing การตรวจวัดอุณหภูมิและตรวจหาเชื้อโควิด 19 ในกรณีที่มีอาการเข้าข่าย   และ T : Thai Cha Na สแกนไทยชนะก่อนเข้า-ออกสถานที่สาธารณะทุกครั้ง เพื่อให้มีข้อมูลในการประสานงานได้ง่ายขึ้น 

นางดรุณวรรณ ยังกล่าวเสริมในตอนท้ายด้วยว่า คุณหญิงกัลยาขออวยพรให้ทุกครอบครัวมีความสุขในช่วงเทศกาลปีใหม่ไทย และขอส่งกำลังใจให้กับครอบครัวที่มีผู้ติดเชื้อ หรือเป็นผู้ที่สัมผัสเชื้อและมีความเสี่ยงสูง ปลอดภัยจากโรคโควิด-19 อย่างไรก็ตามในบางครอบครัวที่ไม่สามารถอยู่ร่วมกันในช่วงเวลานี้ แต่ก็สามารถแสดงออกถึงความรัก ความผูกพัน และความกตัญญูที่มีต่อกันได้ในหลายรูปแบบเพื่อส่งเสริมค่านิยมที่ดีงามของสังคมไทย เพราะโรคระบาด อาจทำให้ห่างกันด้วยระยะทาง แต่ไม่จำเป็นต้องห่างกันทางความรู้สึก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top