Saturday, 21 June 2025
TheStatesTimes

ทีคิวเอ็ม เกาะกระแส ‘Surf Skate’ ฟีเวอร์ ผนึก 2 พันธมิตร ‘กรุงเทพประกันภัย - สินทรัพย์ประกันภัย’ ออกประกันออกประกันอุบัติเหตุ ‘Surf Skate’ คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล ความเสียหายอุปกรณ์ รวมทั้งร่างกายและทรัพย์สินบุคคลอื่นด้วย

นายอัญชลิน พรรณนิภา ประธาน บริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ จำกัด กล่าวว่า บริษัท ได้จับมือกับ 2 พันธมิตร คือ บมจ.กรุงเทพประกันภัย (BKI) และบมจ.สินทรัพย์ประกันภัย ออกผลิตภัณฑ์ประกัน Surf Skate ผ่านคอนเซปต์ ‘Safe Before Surf’ เจ็บมา พังมา TQM ดูแล

เน้นตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค กลุ่มลูกค้า Gen Y – Millennium ที่กำลังเกิดกระแส Surf Skate ฟีเวอร์ คาดว่า ปัจจุบันมีผู้เล่นมากกว่า 2 แสนคน โดยกรมธรรม์ดังกล่าว จะให้ความคุ้มครองทั้งค่ารักษาพยาบาล ความเสียหายของอุปกรณ์เซิร์ฟสเก็ต และค่าเสียหายต่อร่างกายและทรัพย์สินบุคคลอื่น ด้วยเบี้ยเริ่มต้นหลักร้อยบาท

ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายเอาไว้ราว 10,000 กรมธรรม์ภายในปีนี้ แบ่งเป็นกรุงเทพประกันภัย 5,000 กรมธรรม์ และ สินทรัพย์ประกันภัย 5,000 กรมธรรม์

นายแพนพิทย์ พรรณนิภา Project Owner บริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ จำกัด กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของการคิดและพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกัน ‘Surf Skate’ ครั้งนี้ว่ามาจากประสบการณ์ของตนเองที่เป็นคนชื่นชอบการเล่นเซิร์ฟสเก็ตและกีฬาเอ็กซ์สตรีม เห็นโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุและบาดเจ็บต่อตัวผู้เล่น รวมถึงอุปกรณ์เซิร์ฟสเก็ตที่มีโอกาสเกิดความเสียหาย ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวในปัจจุบันมีราคาค่อนข้างสูงมาก นอกจากนี้ในระหว่างการเล่นยังมีความเสี่ยงที่อาจจะทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บหรือทำให้ทรัพย์สินของบุคคลอื่นได้รับความเสียหายได้

ดังนั้น จึงร่วมมือกับพันธมิตรทั้ง 2 บริษัทออกแบบและพัฒนาประกันภัยดังกล่าว ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ที่รักการเล่นเซิร์ฟสเก็ตได้เป็นอย่างดี และประกันภัยดังกล่าวจะสามารถปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้บริโภคกลุ่มวัยรุ่นให้เข้าใจถึงความสำคัญของประกันภัยมากขึ้น และในอนาคตสามารถต่อยอดไปยังประกันภัยชนิดอื่นได้ เช่น ประกันชีวิตหรือประกันอุบัติเหตุอื่น ๆ ได้อีกด้วย

ด้านนายอภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ BKI กล่าวว่า จากกระแสการกลับมาของเซิร์ฟสเก็ต ทำให้บริษัทเห็นโอกาสการนำเสนอผลิตภัณฑ์เพื่อสนับสนุนให้ได้เล่นเซิร์ฟสเก็ตได้อย่างมั่นใจ จึงร่วมกับ TQM พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีความคุ้มครองรองรับการผู้เล่นเซิร์ฟสเก็ตโดยเฉพาะ ซึ่งทางบริษัทมีประกันภัยให้เลือก 2 แบบแผน คือ เบี้ย 999 และ 1,999 ต่อปี โดยให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุม ทั้งค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ ความเสียหายของตัวบอร์ดจากอุบัติเหตุ

ขณะที่ นายสุริยน ศรีอรทัยกุล ผู้อำนวยการ บมจ.สินทรัพย์ประกันภัย กล่าวว่า สำหรับแผนประกัน Surf Skate ของสินทรัพย์ประกันภัยที่มีแผนประกันให้เลือกหลากหลายตามความต้องการ ซึ่งมีทั้งหมด 4 แบบแผน คือ เบี้ย 499, 799, 999 และ 1,799 บาทต่อปี

สง่างาม โดดเด่น ซุ้มประตูใหม่ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ

พล...สุทธินันท์  สมานรักษ์ ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ เป็นประธานในพิธีเปิดซุ้มประตู หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ (นสร.กร.) หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ .แสมสาร .สัตหีบ .ชลบุรี

ทั้งนี้เนื่องจาก เส้นทางเข้า ออกเดิมของ นสร.กร. ตัดผ่านสนามฝึกกองทัพเรือ หมายเลข 15 หาดยาว ที่มีการฝึกอย่างต่อเนื่อง  และบางครั้งมีการปิดเส้นทางเข้า ออกส่งผลให้ข้าราชการของหน่วยต้องเลี่ยงไปใช้เส้นทางผ่านหมู่บ้านช่องแสมสารที่มีความแออัด มีระยะทางไกลกว่าเดิม ตลอดจนหน่วยได้รับการขยายอัตราเพิ่มอีก 1 กรมรบพิเศษ ข้าราชการของหน่วยเพิ่มขึ้น การผ่านเข้า ออกเส้นทางเดิมที่เป็นลักษณะทางลงเนินโค้ง ทำให้มีความไม่ปลอดภัย หน่วยจึงได้พิจารณาสร้างเส้นทางเข้า ออกใหม่ ให้มีความปลอดภัย และสง่างาม

ซึ่งการออกแบบซุ้มประตูใหม่ที่มีความโดดเด่นเป็นลักษณะคล้ายเรือล่องหน ที่มีขีดความสามารถในการเล็ดลอดการตรวจพบ ตรวจจับจากข้าศึก และสามารถทำการแทรกซึมเข้าไปในพื้นที่ปฏิบัติการ อันเป็นคุณลักษณะสำคัญในการปฏิบัติการสงครามพิเศษทางเรือ โดยด้านบนของซุ้มประกอบด้วย ชื่อหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ เหนือชื่อประดับเครื่องหมายความสามารถนักทำลายใต้น้ำจู่โจม ด้านซ้ายมีธงเครื่องหมายยศ พลเรือตรี ซึ่งเป็นยศของผู้บัญชาการหน่วย

โดยได้พิจารณาสร้างซุ้มประตูอยู่ในบริเวณที่มีเส้นทางเข้า ออกหน่วยกว้างขวางกว่าเดิม เป็นไปตามแนวความคิดในการออกแบบของ พล...ลือชัย  รุดดิษฐ์ อดีตผู้บัญชาการทหารเรือที่ได้กรุณามอบให้แก่หน่วยจากลักษณะซุ้มประตูที่โดดเด่น  สง่างาม และทันสมัย สะท้อนความเป็นหน่วยปฏิบัตการพิเศษของกองเรือยุทธการได้เป็นอย่างดี ตลอดจนเป็นภาพลักษณ์ที่ดีต่อหน่วยอีกด้วย

 

อียิปต์ จัดยิ่งใหญ่ ขบวนแห่เคลื่อนย้ายพระศพ กษัตริย์ฟาโรห์ 22 พระองค์ กลางกรุงไคโร ชาวอียิปต์ลือกระฉ่อน อาถรรพ์ คำสาปฟาโรห์ทำอาเพศ เรือติดคลองสุเอซ - รถไฟชนกัน

อียิปต์ ประกาศ วันที่ 3 เมษายน 2021 นี้จะมีงานพิธีจัดขบวนแห่อัญเชิญพระศพอดีตบูรพกษัตริย์ฟาโรห์ครั้งยิ่งใหญ่ จำนวนมากที่สุดถึง 22 พระองค์ จากพิพิธภัณฑ์อียิปต์ ในกรุงไคโร ไปประทับในพิพิธภัณฑ์อารยธรรมอียิปต์ที่สร้างขึ้นใหม่ในเมือง อัล ฟุสตัต ซึ่งจะใช้ชื่องานว่า Pharaohs' Golden Parade 

เป็นงานที่กระทรวงการท่องเที่ยว และโบราณคดีแห่งอียิปต์ทุ่มงบจัดอย่างยิ่งใหญ่ มีขบวนรถแห่สีทอง กับพาเหรดสุดอลังการ งานแสดงจากศิลปิน ดาราชื่อดังของอียิปต์ ที่คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมชมงานเป็นจำนวนมาก ตอนนี้มีสถานีโทรทัศน์ และสื่อมวลชนกว่า 400 ช่อง เตรียมพร้อมถ่ายทอดสดขบวนอัญเชิญพระศพฟาโรห์ตลอดพิธีแล้ว 

ในจำนวนพระศพฟาโรห์ 22 พระองค์นี้ มีถึง 18 พระองค์ที่เป็นถึงระดับกษัตริย์ฟาโรห์ ราชินีอีก 4 พระองค์ ที่รวมถึง ฟาโรห์รามเสสที่ 2 ฟาโรห์รามเสห์ที่ 4  และพระราชินีอาโมส - เนเฟอร์ทาริ ซึ่งจะนำจัดแสดงในโถงพิเศษ Royal Mummies Hall ในรูปแบบ Showcase และจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน ศกนี้เป็นต้นไป 

แต่ทว่า ตั้งแต่ที่รัฐบาลอียิปต์เดินหน้าจัดงานพิธีอัญเชิญพระศพฟาโรห์ครั้งใหญ่ ก็มีชาวอียิปต์จำนวนไม่น้อย ที่หวั่นเกรงในตำนานคำสาปฟาโรห์ ว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับผู้ที่เข้าไปรบกวนพระศพศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณ 

และในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ก็บังเอิญเกิดเหตุประหลาดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในอียิปต์ ซึ่งเหตุการณ์ที่ลือสนั่นโลกมากที่สุดก็คือ เรือยักษ์ของบริษัทขนส่ง Evergreen ติดคลองสุเอซ ตามติดมาด้วยอุบัติเหตุรถไฟ 2 ขบวนประสานงากัน จนทำให้มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุถึง 32 คน บาดเจ็บนับร้อย 

ถึงแม้ว่าอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญที่ 2 เหตุการณ์ใหญ่ในอียิปต์มาเกิดในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ในวันใกล้งานแห่พระศพฟาโรห์ แต่สำหรับคนที่เชื่อก็มีอยู่ไม่น้อยที่กระจายทฤษฎีอาถรรพ์ผ่านโลกออนไลน์ในอียิปต์กันเป็นจำนวนมาก

จุดเริ่มต้นของเรื่องเล่าตำนานอาถรรพ์ มาจากการค้นพบสุสานของฟาโรห์ตุตันคาเมน ในปี 1922 โดยทีมสำรวจของศาตราจารย์ ฮาเวิร์ด คาร์เตอร์ นักโบราณคดีชาวอังกฤษ ในหุบเขากษัตริย์ แต่ต่อมาตัวศาตราจารย์คาร์เตอร์ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการขุดสำรวจ และตรวจพระศพฟาโรห์ตุตันคาเมน ต่างเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ด้วยสาเหตุปริศนา จึงทำให้เรื่องราวของคำสาปฟาโรห์ มีการพูดถึงอย่างแพร่หลาย และยังคงเชื่อกันอยู่จนถึงทุกวันนี้ 

แต่สำหรับทีมผู้จัดงาน ก็ยังเชื่อมั่นว่าจะไม่มีเหตุการณ์แปลกๆ ในงานพาเหรดแห่พระศพฟาโรห์อย่างแน่นอน ที่มั่นใจเช่นนั้น เพราะ พระศพของฟาโรห์ถูกอัญเชิญอย่างสมพระเกียรติไปในสถานที่ที่ดีกว่าเดิม ก็ไม่น่าจะมีปัญหา

และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการเคลื่อนย้ายพระศพฟาโรห์ ทางอียิปต์เคยขุดย้ายพระศพมาก่อนหน้านี้ตั้งแต่ปี 1888 แล้ว โดยนำพระศพฟาโรห์ลงเรือ รอนแรมจากเมืองลักซอร์มาถึงไคโรนานถึง 3 วัน ก็ไม่เกิดอาเพศใดๆ ดังนั้นตำนานก็อาจจะเป็นแค่เพียงตำนานที่หลอนเฉพาะคนที่ใจคด คิดไม่ซื่อก็ได้

ก็เลยทำให้ชาวอียิปต์ และชาวโลกจะได้รับชมขบวนแห่ฟาโรห์ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดที่เคยจัด ตามกำหนดเดิม ที่กำลังรอผู้ชมมาร่วมพิสูจน์ความอาถรรพ์ ลึกลับนั้นจะมีอยู่จริงหรือไม่ 


อ้างอิง

https://en.vogue.me/culture/everything-to-know-pharaohs-golden-parade-egypt/

https://egyptindependent.com/egypts-tourism-ministry-to-broadcast-the-pharaohs-golden-parade-on-two-youtube-channels/

https://abcnews.go.com/International/pharaohs-curse-blamed-suez-canal-blockage-unfortunate-events/story?id=76813274

Surf Skate เทรนด์ใหม่แห่งยุค ก็ของมันต้องมี...

Surf Skate (เซิร์ฟสเก็ต) เป็นกีฬาบนแผ่นกระดานชนิดหนึ่ง ที่เป็นการผสมผสานกันระหว่างสเก็ตบอร์ดกับกีฬาเซิร์ฟ โดยได้พัฒนาและปรับปรุงอุปกรณ์ให้ผู้เล่นสามารถต่อยอดทักษะการเล่นเซิร์ฟ นั่นเอง และให้ความรู้สึกคล้ายการเล่นเซิร์ฟบอร์ดในทะเลมากที่สุด ถึงจะไม่ได้ไปทะเล แต่ก็ให้ความรู้สึกเหมือนโต้คลื่นทะเลได้เหมือนกันนะ

ลักษณะของ Surf Skate มีขนาดความยาวมีตั้งแต่ 26 นิ้ว จนถึง 40 นิ้ว โดยแผ่น Surf Skate ไม่แข็งเท่ากับ Skate Board และล้อหน้าของ Surf Skate สามารถหมุนซ้าย - ขวา หรือ 360 องศา ถือว่าเป็นกีฬาสไตล์เอ็กซ์ตรีมที่กำลังมาแรงตัวหนึ่งในยุคนี้เลยก็ว่าได้ แล้วยังสามารถเล่นได้ตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้สูงวัยอีกด้วย...

แล้วการเล่น Surf Skate แตกต่างจากการเล่น Skate Board ตรงไหน? 
สเก็ตบอร์ดทั่วไปจะไม่สามารถหมุนล้อได้ จะต้องไปในทิศทางเดียวเท่านั้น แต่เซิร์ฟสเก็ตสามารถบิดไปในทิศทางไหนก็ได้ เพราะตัวบอร์ดมีสปริงอยู่ข้างใต้ ช่วยให้บิดไปในทิศทางที่ต้องการได้ง่าย ด้วยการกดน้ำหนักและปล่อย ย้ำซ้ำ ๆ เพื่อเหวี่ยงไปยังทิศทางที่ต้องการ ซึ่งฟังก์ชันการใช้งานนี้เองที่พิเศษกว่าสเก็ตบอร์ดทั่ว ๆ ไป จนผู้คนหันมาเล่นแล้วถูกใจไปตาม ๆ กัน

เรามารู้ถึงต้นกำเนิดของ Surf Skate กันบ้าง เริ่มต้นจาก Neil Stratton และ Greg Falk สองผู้ก่อตั้ง Carver Skateboards พวกเขารู้สึกว่าสเก็ตบอร์ดแบบเดิมที่เล่นกันอยู่ ไม่ใกล้เคียงกับคำว่าเซิร์ฟแม้แต่นิดเดียว ทั้ง ๆ ที่ทุกแบรนด์ต่างก็โฆษณาว่าการเล่นสเก็ตบอร์ดก็เหมือนกับการเซิร์ฟบนบก ให้ความรู้สึกเหมือนการเล่นเซิร์ฟในทะเล... แต่จริง ๆ แล้วพวกเขารู้สึกว่ายังไม่เป็นแบบนั้น จึงทำให้ทั้งคู่ช่วยกันคิดและพัฒนาสเก็ตบอร์ด และนำเทคนิคของการเล่นเซิร์ฟมาใช้ร่วมด้วย จึงกลายมาเป็น Surf Skate ในปัจจุบันนี้นี่เอง

เอาล่ะ! แล้วทำไมถึงเกิดมาฮิตที่ไทยได้ หรือเริ่มมีกระแสคนหันมาเล่นกันเยอะ แล้วของมันต้องมีหรือไม่ ลองมาคิดดูแล้ว ในไทยก็มีกลุ่มคนเล่น Surf Skate จำนวนหนึ่งอยู่แล้ว แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าดารา ศิลปิน หรือแม้แต่ไอดอล เป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลมาก ในการที่จะหยิบสิ่งใดสิ่งหนึ่งมาเล่น หรือ มาใช้ เมื่ออัปลงโซเชียลแล้วล่ะก็ แฟนคลับต่างหันไปซื้อมาใช้ตาม ๆ กัน จนเกิดเป็นเทรนด์ขึ้นมา และหนึ่งในนั้นคือ Surf Skate นั่นเอง กลายเป็นกีฬาฮิตกันทั่วเมือง จนมีสถานที่เปิดให้เล่นมากมายเกิดขึ้น ขนาดในช่วงปี 2020 แม้จะดูเศรษฐกิจซบเซาในยุคโควิท-19 แต่ก็ทำให้ธุรกิจเกี่ยวกับการเล่นเซิร์ฟเติบโตถึง 5 เท่า! และตอนนี้ก็ยังคงเป็นที่ต้องการของตลาดเป็นอย่างมาก โดยมีแบรนด์ยอดนิยม หรือ ลวดลายที่ผู้คนต้องการ จนราคาพุ่งขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง ไม่หยุดหย่อน ทีนี้ถ้าหากใครยังลังเล อยากจะได้มาเป็นเจ้าของหรือว่าของมันต้องมีจริง ๆ ต้องพิจารณาให้ดีเชียวล่ะ ว่า Surf Skate จะเป็นเพียงกีฬากระแสหรือไม่...


อ้างอิง

https://thomasthailand.co/activity/surfskate/ 
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/926899 
https://www.mainstand.co.th/catalog/1-Feature/2239

ไทยสเก็ต ใครสกัด ??

ปัจจุบันกีฬา “Surf Skate” กำลังเป็นที่นิยมในประเทศไทยด้วยอิทธิพลจากดารา คนมีชื่อเสียง เริ่มหันมาเล่นกิจกรรม Surf Skate ในช่วงกักตัวโควิด-19 ด้วยความที่มีสไตล์เท่ และ เป็นกิจกรรมที่สามารถเล่นได้ทุกเพศ ทุกวัย ทำให้กีฬาชนิดนี้ได้เริ่มกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง

และด้วยความที่เริ่มเป็นที่นิยมมากยิ่งขึ้น ทางผู้ประกอบการก็ได้เล่งเห็นถึงความสำคัญของกิจกรรมประเภทนี้จึงได้มีการเริ่มจัดพื้นที่สำหรับการเล่น Surf Skate อย่างเช่นห้างร้านต่าง ๆ ก็จะมีกิจกรรมลานกว้าง สำหรับเล่นกีฬา Surf Skate ให้ผู้คนได้ออกมาวาดลวดลายโชว์ฝีมือ และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้คนไทยได้ออกมาทำกิจกรรมนอกบ้าน

รวมไปถึงมีการจัดการประกวดมีทั้งประกวดลีลาท่าทาง ความสวยงาม ชิงเงินรางวัลกัน นับได้ว่ากีฬา Surf Skate ทำให้หลาย ๆ คนที่ไม่คิดจะออกกำลังกาย หรือ อยากอยู่แต่บ้าน ได้หันกลับมาทำกิจกรรมแก้เบื่อในช่วงโควิด-19 กัน

ด้วยความนิยมของเจ้ากีฬา Surf Skate ก็ทำให้กระทรวงวัฒนธรรมได้คิดงานอีเว้นท์รวมเหล่าคนชื่นชอบ Surf Skate มาร่วมกิจกรรมในงาน “รัตนโกเสิร์ฟ” ที่จัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม 64 นำทีมโดย โจอี้ บอย ( อภิสิทธิ์ โอภาสเอี่ยมลิขิต ) และ มาดามเดียร์ (วทันยา วงษ์โอภาสี) นำทัพคนรักกีฬา Surf Skate กว่า 300 คนมาเล่นรอบเกาะรัตนโกสินทร์ในระยะทางกว่า 4 กิโลเมตร โดยมีธีมการแต่งกายด้วยชุดไทย เพื่อผสมผสานกีฬา Surf Skate และ ความเป็นไทยเข้าด้วยกัน กิจกรรมนี้ก็เรียกได้ว่าได้รับความสนใจอย่างมาก

แต่แล้วเรื่องก็ดันมาเกิดขึ้นในวันที่จัดงาน “รัตนโกเสิร์ฟ” ถึง 2 ประเด็นด้วยกันนั้นก็คือ

เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยเรายังมีมาตรการของเรื่องโควิด-19 ที่ทางรัฐบาลยังคงขอความร่วมมือกำชับให้ทุกคนสวมใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันเชื้อโควิด-19 แต่ทำไมทุกคนที่ไปร่วมกิจกรรม ไม่มีใครสวมใส่หน้ากากอนามัยสักคน ?? สร้างความงุนงง ฉงนไปทั้งโซเชียลมีเดีย มีคำถามเกิดขึ้นมากมายจนติดเทรนด์ #รัตนโกเซิร์ฟ พุ่งขึ้นอันดับ 1 ในทวิตเตอร์กันเลยทีเดียว เพราะในงานมีทั้งผู้ปกครองที่พาลูกเล็กเด็กแดงไปเล่นด้วย ผู้คนก็มากหน้าหลายตา ชาวเน็ตก็ตั้งข้อสงสัยว่าทำไมถึงกล้าที่จะไม่ปกป้องตัวเอง ไม่ใส่หน้ากากอนามัย เข้าเมืองไปเล่น Surf Skate กันได้อย่างสบายใจ โดยที่ไม่แคร์สุขภาพตัวเอง ถ้าติดโควิด-19 กันเป็นหมู่เป็นคณะขึ้นมาจะทำยังไง จะต้องกักตัวกันอีกสักกี่รอบกันคะคุณ ?

และอีกประเด็นที่รุนแรงไม่แพ้กันคือม็อบที่จัดตรงกับวันที่เหล่าชาว Surf Skate ได้ไปเล่นทั่วเกาะรัตนโกสินทร์นั้นก็คือ ม็อบ “NME of Anachy” หรือ ม็อบ “หมู่บ้านทะลุฟ้า” (ซึ่งหมู่บ้านทะลุฟ้า เป็นค่ายพักแรมของผู้ประท้วงในระหว่างการประท้วงในประเทศไทย พ.ศ. 2563–2564 ก่อตั้งโดยกลุ่มเดินทะลุฟ้า เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2564 ตั้งอยู่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ ข้างทำเนียบรัฐบาล โดยมีข้อเรียกร้อง ได้แก่ การประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน, การยกเลิกกฎหมายความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ไทย และการปล่อยตัวนักโทษการเมือง) ซึ่งผู้จัดประกาศว่าจะปักหลักชุมนุมไปอย่างไม่มีกำหนด) โดยทางฝั่งม็อบก็เรียกร้องกันกัน แต่กลับโดนเหล่าเจ้าหน้าที่ตำรวจขอเรียกคืนพื้นที่ แต่ไม่เป็นผลจึงได้รีบดำเนินจับกุมผู้ชุมนุมด้วยข้อหามีการชุมนุมมั่วสุมกันและฝ่าฝืนกฎ พ.ร.บ. ควบคุมโรค

อ่าว….แล้วทำไมม็อบถึงโดนจับด้วยข้อหานี้แล้วฝั่งรัตนโกเสิร์ฟถึงเล่นได้ล่ะเนี่ย… มันยังไงกันคะ คุณตำรวจ ?

ทางทีมผู้จัดงานถึงกับต้องชี้แจงรายละเอียดอย่างเร่งด่วนให้ชาวเน็ตผู้ที่สงสัยใคร่รู้แต่ไม่ได้เป็นคนไปร่วมกิจกรรมรัตนโกเสิร์ฟได้กระจ่างแจ่มแจ้งกันเลยทีเดียว ซึ่งมาดามเดียร์ก็ได้ออกมาแถลงผ่านเฟซบุ๊ค “เดียร์ วทันยา วงษ์โอภาสี”

แบบปัง ๆ ว่า

.

ขอชี้แจงการจัดงานรัตนโกเซิร์ฟ ที่เหมือนๆกำลังจะเป็นประเด็นดราม่า ดังนี้นะคะ

1. เรื่องการไม่ใส่แมสก์

ขออธิบายด้วยภาพนะคะ จะเห็นได้ว่าภายในงานก่อนที่จะเริ่มมาที่จุดสตาร์ท ผู้ร่วมกิจกรรมสวมแมสก์ตามปรกติ แต่ภาพที่เราเห็นกัน เป็นการถอดมาเพื่อถ่ายภาพที่ระลึกจังหวะก่อนเริ่มออกตัวจากจุดสตาร์ท และพอออกจากจุดสตาร์ทไปแล้ว การเล่นเซิร์ฟสเกตก็ถือเป็นกีฬาชนิดหนึ่งจึงจำเป็นต้องถอดแมสก์ออกเพื่อระบบการหายใจที่สมบูรณ์ในขณะที่มีอากาศร้อน และการเล่นเซิร์ฟสเกตนั้นในข้อเท็จจริงเราไม่สามารถเล่นในติดกันในระยะประชิดได้อยู่แล้ว เพราะตัวบอร์ดจะไปเกี่ยวกันทำให้เกิดอันตรายได้ ก็ถือเป็นการรักษาระยะห่างไปในตัว อีกทั้งการเล่นเซิร์ฟสเกตนี้เราเล่นอยู่ในสถานที่เปิดที่มีอากาศถ่ายเท ไม่ใช่สถานที่ปิด และเมื่อกลับถึงเส้นชัยทุกคนก็กลับมาใส่แมสก์กันตามปกติค่ะ

2. เรื่องจำนวนคนและความปลอดภัย

งานนี้ต้องลงทะเบียนล่วงหน้า จริงๆมีคนต้องการเข้าร่วมงานจำนวนมากแต่เราจำกัดคนตามกฎของ ศบค. ในการจัดงานที่ไม่เกิน 300 คน นอกจากนี้ภายในงานเรายังมีการควบคุมความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นการลงทะเบียนไทยชนะ การคัดกรองวัดอุณหภูมิ และมีจุดวางเจลแอลกอฮอล์ตามคำแนะนำของ ศบค. ทุกอย่าง ทั้งนี้เราเป็นห่วงความปลอดภัยของผู้เข้าร่วมกิจกรรมเป็นสิ่งสำคัญ เรามีการจัดเตรียมรถพยาบาล และอาสาจราจรตลอดเส้นทาง เพื่อคอยดูแลความปลอดภัยของผู้เข้าร่วมงาน และผู้ที่สัญจรไปมา จึงจะเห็นได้ว่าการจัดกิจกรรมครั้งนี้จึงผ่านไปด้วยดีไม่มีผู้ได้รับอุบัติเหตุใดๆ

สุดท้ายเดียร์หวังว่า การจัดงานกิจกรรมครั้งนี้เริ่มต้นจากความตั้งใจของคนส่วนหนึ่งในสังคมที่มีใจรักในกีฬาเซิร์ฟสเก็ต และอยากให้ออกมาทำกิจกรรมให้เป็นตัวอย่างต่อภาคส่วนอื่นๆที่จะออกมาสร้างกิจกรรมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจหรือสังคมภายใต้กฎระเบียบที่รัฐได้กำหนดไว้อย่างถูกต้องต่อไป

กิจกรรมครั้งนี้เกิดขึ้นจากคนที่รักในการเล่นกีฬา พวกเราทุกคนทักทายพูดคุยกันโดยไม่รู้ว่าใครทำงานอะไร หรือมีตำแหน่งหน้าที่อะไรในสังคม จึงอยากขอพื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ที่ปลอดเรื่องของการเมืองนะคะ

.

เคลียร์ประเด็นเรียบร้อย แจ่มแจ้งทุกข้อสงสัย หมดข้อสงสัยกันแล้วนะ เหล่าชาวเน็ตทั้งหลาย แต่อีกประเด็นนั้น (อาจจะ) ไม่เกี่ยวกับการจัดงานในครั้งนี้ ก็…ตามนั้นแหละค่ะ

สุดท้ายนี้ก็ดูแลตัวเองในช่วงโควิด-19 กันด้วยนะคะ รอวัคซีนปัง ๆ มา เราก็คงอุ่นใจขึ้นอีกนิดละคะ และถ้าใครที่อยากที่จะลองเล่นเจ้า Surf Skate นี่ล่ะก็ ลองศึกษาวิธีการเล่น ราคาของเจ้าบอร์ด Surf Skate และ อุปกรณ์ป้องกันด้วยนะคะ เพราะกีฬาทุกชนิดก็มีความอันตรายของมันอยู่ ถ้าพลาดเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจะไม่คุ้มเสี่ยงเอานะคะ Have a good day ค่ะ


ข้อมูลอ้างอิง

https://siamrath.co.th/n/230967

https://www.zipeventapp.com/blog/2021/03/12/surf-skate-location/

https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/929651

https://www.thairath.co.th/news/politic/2059487

https://www.facebook.com/dear.watanya.wongopasi/posts/298935548255742

8 ท่าโยคะอย่างง่าย ทำเองได้ที่บ้าน ป้องกันโรคออฟฟิศซินโดรม

ในยุคที่มีการแข่งขันสูง การใช้ชีวิตด้วยความเร่งรีบ การทำงานด้วยความเครียด และการใช้เทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกต่างๆทำให้ทุกคนใช้เวลาในแต่ละวันอย่างน้อย 8 - 9 ชั่วโมงในการนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ ใช้มือถือ แทปเลต ประกอบกับท่านั่งที่ไม่เหมาะสม จึงเกิดการใช้งานกล้ามเนื้อแบบผิดปกติ ทำให้กล้ามเนื้อสูญเสียความยืดหยุ่น ร่วมกับการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อเป็นเวลานาน ส่งผลไปยังข้อต่อและกระดูกต่าง ๆ บางคนอาจมีอาการชาหรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง เริ่มจากการปวดบริเวณกล้ามเนื้อคอลุกลามไปยังกล้ามเนื้อหลังและกล้ามเนื้อส่วนอื่นๆ โดยการปวดกล้ามเนื้อที่เกิดขึ้นจากการทำงานเรียกว่า “โรคออฟฟิศซินโดรม”

ข้อแนะนำสำหรับผู้เป็นโรคออฟฟิศซินโดรม

พักยืดเส้นยืดสาย หรือลุกขึ้นจากเก้าอี้และเปลี่ยนอิริยาบททุก 1 ชั่วโมง เปลี่ยนจากการจ้องมองหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วมองไปยังพื้นที่สีเขียวหรือต้นไม้

ปรับสภาพโต๊ะทำงานให้เหมาะสม ระดับหน้าจอคอมพิวเตอร์, คีย์บอร์ดและการวางเม้าส์อยู่ในองศาการใช้งานที่ถูกต้องตามสรีระ

ปรับความสูงของเก้าอี้พนักพิง มีการเสริมหมอนหนุนหลังเพื่อให้นั่งสบายขึ้นและเลือกใช้เก้าอี้ที่มีที่วางแขน

ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเอง ไม่นั่งหลังค่อม ไม่ห่อไหล่

ท่าโยคะอย่างง่ายป้องกันโรคออฟฟิศซินโดรม

ท่าแรก

: นอนคว่ำ วางแขนห่างกันเท่าความกว้างของหัวไหล่ ใช้มือดันตัวขึ้น

: เหยียดข้อศอก ยกศีรษะ ไหล่ หน้าอก เอว ให้สูงขึ้นเงยหน้าไปด้านหลัง

: สะโพกด้านหน้า ต้นขา และเท้า วางราบกับพื้น

: ท่านี้จะรู้สึกตึงบริเวณหลังและหน้าท้องเล็กน้อย หายใจเข้าออกปกติ ค้างไว้ 10 - 20 วินาที ทำซ้ำ 5 - 10 ครั้ง

ท่าที่สอง

: นอนหงาย ยกขาขึ้น2ข้าง (ถ้าตึงมากให้ยกทีละข้าง)

: พยายามใช้มือแตะปลายเท้า ถ้าไม่ถึงให้ใช้ผ้าขนหนูคล้องปลายเท้า

: ออกแรงดึงขายกสูงขึ้นมาทางศีรษะโดยให้เข่าเหยียดตรงตลอด

: สะโพกลอยพ้นพื้นเล็กน้อย คอและไหล่วางบนพื้นด้วยความผ่อนคลาย

: ท่านี้จะรู้สึกตึงบริเวณกล้ามเนื้อขาโดยเฉพาะด้านหลังของเข่า ค้างไว้ 10 - 20 วินาที ทำซ้ำ 5 - 10 ครั้ง

ท่าที่สาม

: นั่งขัดสมาธิ หลังตรง มือสอดใต้สะโพก (นั่งทับ)

: ก้มศีรษะเล็กน้อย เอียงศีรษะทางซ้าย มือซ้ายจับศีรษะ กางศอกออก กดลงเบาๆ

: ท่านี้จะรู้สึกตึงบริเวณกล้ามเนื้อคอและบ่าด้านตรงข้าม ค้างไว้ 10 - 20 วินาที ทำซ้ำ 5 - 10 ครั้ง

: สลับข้าง ทำเช่นเดียวกัน

ท่าที่สี่ : นั่งขัดสมาธิ หลังตรง มือสอดใต้สะโพก (นั่งทับ)

: ก้มศีรษะลงกดคางชิดอก เอียงศีรษะทางซ้าย มือซ้ายจับศีรษะ กดศอกเอียงด้านหน้า

: ท่านี้จะรู้สึกตึงบริเวณคอสะบักขวา ค้างไว้ 10 - 20 วินาที แล้วตั้งศีรษะตรง ทำซ้ำ 5 - 10 ครั้ง

: สลับข้าง ทำเช่นเดียวกัน นั่งทับมือซ้าย แล้วก้มเอียงศีรษะทางขวา มือขวาออกแรงกดเบาๆ

ท่าที่ห้า : นั่งขัดสมาธิ หลังตรง พาดแขนซ้ายมาด้านหน้าอก

: นำศอกขวากดศอกซ้าย เข้าหาไหล่ขวา หันหน้าไปทางด้านซ้าย

: ท่านี้จะรู้สึกตึงบริเวณต้นแขนด้านหลังและสะบัก ค้างไว้ 10 - 20 วินาที ทำซ้ำ 5 - 10 ครั้ง

: สลับข้าง ทำเช่นเดียวกัน แขนขวาพาดด้านหน้า ศอกซ้ายกดหาไหล่ซ้าย หันหน้าไปทางขวา

ท่าที่หก : นั่งขัดสมาธิ หลังตรง ประสานมือทั้ง 2 ข้างด้านหลัง บีบมือเข้าหากันให้แน่น

: ยืดอก ยืดหลังขึ้น บีบสะบักเข้าหากัน ดันแขนออกไปไกลลำตัวให้มากที่สุด

: ท่านี้จะรู้สึกตึงบริเวณต้นแขน หน้าอกและสะบัก ค้างไว้ 10 - 20 วินาที ทำซ้ำ 5 - 10 ครั้ง

ท่าที่เจ็ด : นั่งหลังตรง เหยียดขาซ้ายไปด้านหน้า ขาขวาข้ามวางข้างเข่าซ้ายด้านนอก

: ศอกซ้ายออกแรงดันเข่าขวาไปทางซ้าย บิดตัวไปทางขวาให้มากที่สุด

: มือขวาวางด้านหลัง หันหน้ามองข้ามไหล่ขวาไปด้านหลัง

: ท่านี้จะรู้สึกตึงบริเวณสะโพกและลำตัวด้านข้างขวา ค้างไว้ 10 - 20 วินาที ทำซ้ำ 5 - 10 ครั้ง

: สลับข้าง ทำเช่นเดียวกัน เหยียดขาขวา งอเข่าซ้าย ศอกขวาออกแรงดัน บิดตัวไปทางซ้าย

ท่าที่แปด : นั่งขัดสมาธิ หลังตรง จากนั้นเหยียดขาขวาออกไปด้านข้างให้ตั้งฉากมากที่สุด

: มือขวาจับเข่าซ้าย บิดตัวไปทางซ้าย ยกมือซ้ายขึ้นแนบหู เอื้อมหลังศีรษะไปจับปลายเท้าขวา

: ถ้าตึงขาหรือลำตัวมาก จับไม่ถึง ให้ใช้ผ้าคล้องปลายเท้าขวาช่วยได้

: ท่านี้จะรู้สึกตึงลำตัวและต้นแขนซ้าย ต้นขาหลังและน่องขวา ค้างไว้ 10 - 20 วินาที ทำซ้ำ 5 - 10 ครั้ง

: สลับข้าง ทำเช่นเดียวกัน งอเข่าขวา เหยียดขาซ้าย มือซ้ายจับเข่าขวา มือขวาจับปลายเท้าซ้าย

กระแสมา ราคาโดด กระแสไม่โหลด อ่าว หมดตัณหา !!

Surf Skate เป็นกีฬาบนแผ่นกระดานชนิดหนึ่ง ที่เกิดจากการผสมผสานกันระหว่างสเก็ตบอร์ด กับกีฬาเซิร์ฟบอร์ดโต้คลื่นที่เล่นในทะเล ซึ่งการออกแบบแผ่น Surf Skate นั้นก็เพื่อให้เราสามารถเล่นเซิร์ฟในรูปแบบบอร์ดขนาดเล็ก มีล้อเคลื่อนไหว บนบกได้ จนกลายมาเป็น ‘กีฬาเซิร์ฟสเก็ต (Surf Skate)

เจ็ดย่านน้ำ (มีได้หลายความหมาย) ในเรื่อง ‘ Surf Skate … เจ็ดย่านน้ำ’ ขอแทนความหมายว่า มาก มากมาย ทั่วทุกแห่งหน ปฎิเสธไม่ได้...จึงเปรียบเทียบให้เข้ากับยุคในตอนนี้ที่มีกระแสโด่งดังของ Surf Skate ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจริง ๆ พอทราบได้ว่า Surf Skate เข้ามาในช่วงของสถานการณ์ Covid19 เป็นกิจกรรมที่เกิดขึ้น จากการที่ผู้คนได้ริเริ่มหาอะไรทำใหม่ ๆ

 โดยเฉพาะบรรดาเหล่าคนดัง ดาราในวงการบันเทิง บางคนเรียกว่าเป็นผู้บุกเบิกเข้ามา ทำให้ผู้คนอีกหลายภาคส่วน ก็หันมาเล่น Surf Skate กันหมด จนตอนนี้เรียกได้ว่าเล่นกันแบบทั่วบ้านทั่วเมือง สิ่งนี้จึงทำให้กลายเป็นเป็นไลฟ์สไตล์ใหม่ กระแสนิยม Surf Skate ซึ่งถือว่าเป็นปรากฎการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นในไทย

ในขณะเดียวกันเมื่อมีปรากฎการณ์แบบนี้เกิดขึ้นแล้ว... ไทยแลนด์ โอนลี่ (ไหมหล่ะ) ความต้องการซื้อ Surf Skate ในตลาดพุ่งขึ้นสูงแบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้ Surf Skate ไม่เพียงพอกับความต้องการใช้ของผู้คนหลายภาคส่วน และนี่คือสิ่งสำคัญที่จะมาพูดถึงในวันนี้ คือ “ กระแสมา ราคาโดด ” เมื่อกระแส Surf Skate กำลังมา ทำให้คนหัวการค้าเห็นช่องทางในการค้าขาย ซึ่งนี่คือสิ่งที่ทำให้ผู้ขายบางกลุ่ม ทุ่มเงินลงทุนซื้อ Surf Skate หมดตลาด มีเท่าไหร่ลงทุนให้หมด ส่งผลให้สินค้าไม่เพียงพอในการขาย เพราะฉันจะเอามาขายเอง ...สักเท่าไหร่ดี ? แต่ไม่ใช่ทุกคนที่คิดจะหากำไรแบบเป็นธรรม นิด ๆ หน่อย ๆ คนไทยด้วยกันขอกำไรสัก สองร้อย สามร้อย ไม่สิ !! คนไทยด้วยกันขอกำไร ... สักพัน สองพัน สามพันหน่อยนะ ๆ ๆ

ในช่วงเดือนกันยายน 2563 จากความสนใจในกีฬา Surf Skate อยากทำความรู้จัก และอยากเล่นมาก ๆ ผู้เขียน ได้เริ่มศึกษาบ้างแบบคร่าว ๆ เช่น ความเป็นมา ประเภท แบรนด์ รุ่น ราคา ต่าง ๆ ซึ่งช่วงนั้นมีกระแสเริ่มเข้ามาพอสมควรแล้ว และมาเร็วมากเรื่อย ๆ ตอนนั้นตั้งใจว่าอยากได้ Surf Skate สักตัวเป็นของตัวเอง ได้ศึกษาราคาที่สามารถจับต้องได้ แบรนด์ Decathlon เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากมี Shop ให้เลือกซื้อได้ในไทย (ซึ่งอาจจะต่างจากแบรนด์อื่นที่ต้อง Pre Order) และราคาสามารถจับต้องได้ ถ้าเปรียบเทียบกับแบรนด์อื่นราคาอาจจะแตะหมื่น หรือหมื่นขึ้นไป บอร์ดรุ่นนี้ถือว่าเป็นราคาที่เหมาะสม เป็นที่รู้จัก ซึ่งส่วนใหญ่เรียกกันว่า “บอร์ดนก” เพราะใต้บอร์ดเป็นลายนก

ราคา ณ ตอนนั้น อ้างอิงจากเว็บไซต์ https://www.decathlon.co.th/th/ อยู่ที่ ราคา 3,400 บาท แต่ทว่าตอนนี้ ราคาก็ยัง 3,400 บาท เหมือนเดิม !! แล้วอะไรเปลี่ยน ? ตอนนี้บอร์ดขาดตลาด ผลิตไม่ทัน แต่ถ้าไม่นับว่าสินค้าขาดตลาด ก็สามารถซื้อสินค้าแบบจำนวนจำกัด ‘1 แผ่น ต่อ 1 สมาชิก’ ในขณะที่ตอนนั้น ยังไม่มีกระแสมาก สามารถกดเลือกซื้อสิ้นค้าใส่ตะกร้าได้เลยหลาย ๆ ชิ้น แล้วถ้าช่องทางที่เป็นทางการของผู้ผลิตโดยตรงนี้ขาดตลาด จะหาซื้อ Surf Skate ได้จากที่ไหน ?

ขออนุญาตเอ่ยถึง Platform Facebook มีกลุ่มซื้อขาย Surf Skate มีสมาชิกในกลุ่มแสนกว่าคนในช่วงเวลาอันสั้น ๆ เดิมทีส่วนใหญ่จะเป็นกิจกรรมการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ วิธีการเล่นสะมากกว่า รู้ตัวอีกทีตอนนี้กลับกลายเป็นว่าส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการโพสต์ขายสินค้า Surf Skate เต็มหน้าฟีดไปสะแล้ว ไม่รู้ตอนไหน แต่สิ่งที่น่าตกใจคือ ราคาที่สูงขึ้นมาก 2 - 3 เท่า จากราคาเดิม ...เปรียบเทียบกับบอร์ดนกเลยแล้วกัน เดิมราคา 3,400 บาท (ขณะที่เว็บไซต์ทางการยังขายในราคาเดิม) แต่กลุ่มใน Facebook ขายอยู่ที่ราคาประมาณ 6,000 - 8,000 บาท และมี Surf Skate รุ่นตัวท็อปของญาญ่า ราคาปกติราคาอยู่ที่ 18,000 บาท แต่ตอนนี้สูงลิ่วอยู่ที่ 40,000 บาท เขาว่ากันว่าเพื่อให้สมกับการที่ ณ ตอนนี้วัตถุมีมูลค่า และหายากในตลาด ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ... ผู้บริโภคจับจองกันอย่างไว ราคานี้ฉันก็ยอม แรร์ไอเทม (Rare item) / Limited บลา ๆ ๆ คนซื้อหงาย คนขายรอด

ต้องขนาดไหนถึงยอมซื้อในราคาที่สูงขนาดนั้น ? เชื่อว่าหลาย ๆ คน คงอาจจะทราบก็ได้ว่าเดิมทีแล้วมันราคาเท่าไหร่บ้าง แต่ก็ยอมที่จะเลือกซื้อ เพราะอยากได้มันมาจริง ๆ แม้ว่าราคาโดดขึ้นมาขนาดนี้

หรืออาจจะเป็นเพราะว่าสิ่งนี้ มันก็คงสร้างมูลค่าให้ตัวมันเองจริง ๆ ใช่หรือไหม หวังว่า จะมีใครที่อยากเล่นเพราะหลงใหลมันจริง ๆ ไม่ใช่ชอบเพราะตามกระแสนิยม แล้วพอหมดความชอบลงก็ปล่อยมันทิ้งไปแบบไม่มีมูลค่า...


ข้อมูลอ้างอิง

https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/926899

https://www.decathlon.co.th/th/

รูปภาพจาก Youtube SUNDAY SURF & SKATE https://www.youtube.com/watch?v=Vs1b5cjirXk

‘แก้ม ปุณิกา’ หรือฉายา PUKACHEEK สลัดลุคดีเจสาวสวยสุดคูล สู่การโชว์ลีลาพลิ้วไหวบนเซิร์ฟสเกต เพราะเชื่อว่าการเล่นเซิร์ฟสเกต ใช้ท่วงท่าที่สวยงาม ท้าทายไม่ต่างจากการเปิดเพลงบนเวที

ในยุคนี้คงแทบไม่มีใครไม่รู้จัก Surf Skate (เซิร์ฟสเกต) กีฬาสไตล์เอ็กซ์ตรีมที่กำลังเป็นกระแสมาแรงอย่างมากในไทย ด้วยการผสมผสานระหว่างการเล่นสเกตบอร์ดและการเล่นเซิร์ฟ โดยผู้เล่นจะต้องทรงตัวอยู่บนแผ่นไม้กระดาน บิดสะโพกเพื่อให้เกิดแรงเหวี่ยงในการควบคุมบังคับทิศทาง พร้อมทั้งใช้เทคนิคการถ่ายเทน้ำหนักที่เท้าในการเลี้ยวซ้าย-ขวา ส่งผลให้กีฬาชนิดนี้กลายเป็นความท้าทายใหม่ ที่ต้องผ่านการฝึกฝนอย่างหนักเพื่อโชว์ลีลาการเล่นเฉพาะตัว

กระแสที่มาแรงแซงทางโค้งของเซิร์ฟสเกต นี้เอง ทำให้มีผู้คนออกมาฝึกฝนทักษะ โชว์ลีลากันอย่างมากมาย หนึ่งในนั้นคือ ‘แก้ม ปุณิกา’ หรือที่รู้จักกันในนาม PUKACHEEK ดีเจสาวสวยสุดคูล ที่มีความเชื่อว่าการเล่นเซิร์ฟสเกตใช้ท่วงท่าที่สวยงาม ท้าทายไม่ต่างจากการเปิดเพลงบนเวที 

แนะนำตัวหน่อยค่ะ
: สวัสดีค่ะ เราชื่อแก้ม นะคะ ปุณิกา เกษมจิตต์ อายุ 24 ปี เรียนจบจากคณะการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ค่ะ 

ได้ข่าวว่าแก้มเป็นดีเจ?
: ใช่แล้วค่ะ ชื่อเวลาเราเล่นดีเจ จะชื่อ "PUKACHEEK" (ปู-ก้า-ชีค)

จุดเริ่มต้นในการเล่น เซิร์ฟสเกต
: ตอนแรกที่มาเล่นเพราะว่า เห็นว่าเป็นกีฬาที่มีท่วงท่าสวยงาม มีความท้าทายเหมือน ๆ กับตอนที่เราเปิดเพลงเลยแหละ เลยมาลองเล่นดู เลยติดใจค่ะ 

การเล่นสเก็ตท้าทายเหมือนตอนเปิดเพลง? 
: เวลาเล่นสเก็ตความท้าทายก็อยู่ที่การทำท่าใหม่ ๆ ที่ยากขึ้น ต้องใช้ความพยายามและอดทนสู้กับตนเองค่ะ ก็เหมือนกับตอนเปิดเพลงที่เราต้องพยายามทำให้ทุกคนสนุกไปกับเรา 

ฝึกมานานแค่ไหนแล้ว?
: ประมาณ 2 เดือนค่ะ 

ปกติเล่นที่ไหน กับใคร มีกลุ่มประจำไหม?
: ปกติก็จะเล่นที่ศูนย์ประชุมนานาชาติเชียงใหม่ค่ะ มีคนเล่นเยอะมาก มีทั้งรุ่นเด็ก รุ่นเพื่อน และผู้ใหญ่ เราว่าอีกอย่างที่ทำให้เรายังเล่น Surf Skate ก็เพราะว่าสังคมที่เราเล่นอบอุ่น อยู่กันแบบครอบครัว มีอะไรก็ช่วยสอน ช่วยแนะนำกันอย่างเต็มใจค่ะ 

แก้มถือว่าเล่นได้ในระดับไหน?
: สำหรับเรา ยังขั้นเริ่มต้นอยู่เลยค่ะ กำลังพยายามอยู่ค่ะ 55555555 

เคยเจ็บตัวบ้างไหม หนักที่สุดคือ?
: เราไม่ค่อยเจ็บตัวหนักมากเท่าไหร่ค่ะ เพราะเวลาเล่นก็จะใส่พวกสนับมือ สนับศอก สนับเข่าแบบจัดเต็ม กลัวเจ็บนั่นแหละ แต่ที่เจ็บก็คงจะเป็นตอนที่เล่นลงเนินละบอร์ดปลิว เลยวิ่งเอาหน้าขาไปรับบอร์ด ขาช้ำหลายวันเลยค่ะ 

เคยมีช่วงที่ถอดใจ ไม่อยากเล่นไหม บอกตัวเองว่ายังไง?
: ก็มีบางวันที่ปวดไปทั้งตัวเลยนะคะ เพราะเวลาเล่น Surf Skate ต้องใช้ทั้งตัวเลย ทั้งช่วงแขน ช่วงเอว ช่วงขา ทุกอย่างต้องสัมพันธ์กัน แต่เราฮึด! ขึ้นมาได้ เอาชนะความเจ็บปวดที่ว่า 'หนามยอกเอาหนามบ่ง' มันก็จะทำให้กล้ามเนื้อเราสร้าง และแข็งแรงขึ้น ทำให้เราทำท่าต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น 
แต่สำหรับคนที่ปวดมาก ๆ จนทนไม่ไหว เราแนะนำให้พักร่างกายก่อนซัก 2-3 วันนะคะ ดีกว่าเจ็บมากกว่าเดิม ละจะอดเล่นไปเลย

ความแตกต่าง ข้อได้เปรียบ เสียเปรียบ ระหว่างผู้หญิง-ผู้ชาย ในการเล่นเซิร์ฟสเกต
: จริง ๆ เราว่ากีฬานี้แต่ละคนอาจจะเล่นออกมาในท่วงท่าที่ไม่เหมือนกัน เพราะด้วยรูปร่างสรีระด้วย ในความคิดของเรา เราคิดว่าผู้ชายอาจจะได้เปรียบในเรื่องของความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ในการฝึกฝนท่าบน Wave Ramp ได้ง่ายกว่าผู้หญิง ส่วนผู้หญิงก็จะได้เปรียบในเรื่องความพริ้วไหวเวลาเล่นมากกว่า เพราะว่า Surf Skate เป็นการจำลองการเล่น Surf ในทะเลมาค่ะ 

ความท้าทายในการเล่นเซิร์ฟสเกต
: แก้มคิดว่า ช่วงเวลาของการฝึกฝนท่าใหม่ ๆ ที่มีความยากมากขึ้นค่ะ เวลาทำไม่ได้ก็มีบ้างนะคะที่ท้อ แต่เพื่อความสำเร็จเราต้องสู้ค่ะ เวลาที่เราทำได้แล้ว เราจะมีความภาคภูมิใจในตนเองมาก ๆ เลย 

เสน่ห์ของเซิร์ฟสเกต ในมุมมองของแก้ม
: เสน่ห์ของ Surf Skate แก้มคิดว่า มันคือความเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคนที่จะมีลีลาที่แตกต่างกันค่ะ 

สิ่งที่ได้จาก เซิร์ฟสเกต
: ข้อแรกเลย คือ ความแข็งแรง เพราะรู้สึกว่ากล้ามเนื้อมาจริงและมาไว 555555 ส่วนข้อต่อมาก็คงเป็นความสุขที่ทำท่าใหม่ ๆ สำเร็จ ส่วนข้อสุดท้ายก็เป็นการที่ได้ไปเจอผู้คนดี ๆ ได้รับมิตรภาพดี ๆ จากการเล่น Surf Skate ค่ะ 

ให้ฝากถึงคนที่อยากเริ่มเล่นเซิร์ฟสเกต ต้องเตรียมตัวยังไง มีอะไรอยากแนะนำไหม?
: คนที่อยากเริ่มเล่น แก้มอยากให้มาลองเล่นก่อน แล้วจะติดใจ จริง ๆ นะ 5555555 อย่ากลัวที่จะลองอะไรใหม่ ๆ ค่ะ ส่วนถ้าจะเริ่มเล่นแล้วก็อย่าลืมเรื่องความปลอดภัยนะคะ อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ เราต้องป้องกันไว้ก่อนค่ะ สู้ ๆ ไปด้วยกันค่ะทุกคน 

ติดตามแก้มผ่านช่องทางไหนได้บ้าง?
: ฝากทุกคนติดตามผลงาน และมาเป็นเพื่อนกับแก้มที่ Instagram @pukacheek ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนค่ะ ขอบคุณนะคะ 

ถึงแม้จะฝึกเล่น เซิร์ฟสเกต ได้เพียงแค่สองเดือน แต่ลีลาการเล่นของเธอก็นับได้ว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว ของแบบนี้ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่ต้องอาศัยการฝึกฝนและความพยายามอย่างหนัก เชื่อว่าจะได้เห็นแก้มทั้งในบทบาทของดีเจสาวและนักสเกตสาวแสนสวยสุดเท่อย่างแน่นอน! 


ขอบคุณผู้ให้สัมภาษณ์ แก้ม ปุณิกา เกษมจิตต์

มายาคติ...ต่อผู้สูงอายุ

ช่วงนี้สนใจอยากพูดถึงเรื่องของผู้สูงอายุในบ้านเรา เพราะไม่ปีนี้ก็ปีหน้าคาดว่าประเทศไทยเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ คือ มีสัดส่วนร้อยละ 20 ของประชากรทั้งประเทศแล้ว ดังนั้นการรับมือกับสังคมผู้สูงอายุจึงเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง และในฐานนักวิชาการด้านสื่อก็เกิดความสนใจว่าการศึกษาด้านสื่อกับผู้สูงอายุในเมืองไทยนั้นมีมากน้อยเพียงใดและว่าด้วยเนื้อหาเรื่องใดบ้าง ก็ไปพบว่าอาจารย์กาญจนา แก้วเทพ ได้ทำการศึกษาประเด็นการสื่อสารกับผู้สูงวัย (2554)

อาจารย์พบว่างานวิจัยเกี่ยวกับการสื่อสารกับผู้สูงอายุในประเทศไทยตั้งแต่ประมาณปี พศ.2525 มาจนถึงช่วงเวลาปัจจุบัน รวมเป็นเวลาเกือบ 30 ปีนั้น มีงานวิจัยที่ระบุหัวข้อชื่อตรงกับผู้สูงอายุและการสื่อสารไม่เกิน 10 เล่มทั้งที่จำนวนผู้สูงอายุนั้นมีถึงเกือบร้อยละ 10 ของประชากรทั้งหมด และยังพบว่าการวิจัยในประเด็นผู้สูงอายุที่มักเป็นการวิจัยเชิงปริมาณ โดยการสำรวจขนาดใหญ่นั้นไม่ช่วยเห็นลักษณะเฉพาะของความเป็นผู้สูงอายุได้และเมื่อผสมกับการขาดแนวคิดเกี่ยวกับผู้สูงอายุที่รอบด้านและชัดเจนจึงทำให้ขาดการวิเคราะห์ข้อมูลของกลุ่มผู้สูงอายุ ดังนั้นจึงทำให้ไม่มีข้อค้นพบเกี่ยวกับลักษณะเฉพาะของผู้สูงอายุในแง่มุมของการสื่อสาร และเมื่อศึกษางานวิจัยอื่น ๆ พร้อม ๆ ไปกับการสังเกตรายการในหน้าจอทีวี สังเกตได้ว่ามีความเข้าใจผิดหรือมีมายาคติเกี่ยวกับผู้สูงอายุอยู่มากในเรื่องใช้สื่อของผู้สูงอายุ ลองมาดูกันค่ะว่าเราเองก็เข้าใจผู้สูงอายุผิดไปหรือไม่

มายาคติผู้สูงอายุตื่นแต่มืดแต่ดึก : ผู้สูงอายุชอบตื่นแต่เช้ามืด ตี 4 - 5 มาดูทีวี มาฟังวิทยุ จริงหรือ?

อาจจะพูดได้ว่าการคิดว่าผู้สูงอายุชอบตื่นแต่เช้ามืดดังนั้นถ้าจะทำสื่อให้ผู้สูงอายุต้องใช้ช่วงเวลาตีสี่ตีห้า แต่แทนจริงแล้วเป็นเพียงมายาคติที่สังคมมองมายังผู้สูงอายุ เพราะมีงานวิจัยหลายเรื่องที่พบว่าผู้สูงอายุไม่ได้เปิดรับสื่อช่วงเช้ามืดอย่างที่สังคมเข้าใจ เช่น จากการศึกษาวิจัยเรื่องการพัฒนารายการโทรทัศน์เพื่อผู้สูงอายุ ของ จารุวรรณ นิธิไพบูลย์, สันทัด ทองรินทร์ และวิทยาธร ท่อแก้ว (2559) พบว่าผู้ชมที่มีอายุระหว่าง 60 - 65 ปีมีความต้องการในการชมรายการโทรทัศน์ ช่วงเช้า (06.01 น. - 09.00 น.) และ ช่วงสาย (09.01 น. - 12.00 น.) ผู้ชมที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป มีความต้องการในการชมรายการโทรทัศน์ช่วงเช้า (06.01 น. - 09.00 น.) และช่วงเย็น (16.01 น. - 19.00 น.) และพนม คลี่ฉายา (2555) ได้ทำการศึกษาวิจัย เรื่อง ความต้องการข่าวสาร การใช้สื่อ และนิสัยการเปิดรับสื่อของผู้สูงอายุไทย โดยมีสำรวจการเปิดรับสื่อ โดยพบว่าเปิดรับสื่อเป็นประจำมากที่สุด ได้แก่ โทรทัศน์ บุคคลใกล้ชิด และโทรศัพท์มือถือ ผู้สูงอายุมักจะชมโทรทัศน์มากที่สุด โดยชมรายการข่าวเป็นประจำ ในช่วงเวลา 17.01 - 21.00 น. ใช้เวลาในการชม คือ 1 - 3 ชั่วโมง/ครั้ง สอดคล้องกับแนวคิดของบริษัทอาร์เอสโปรโมชั่น ในการผลิตรายการโทรทัศน์ช่องเพลินทีวี ทีวีเพื่อผู้สูงอายุ ระบุว่าผู้สูงอายุมีวิถีชีวิต (Lifestyle) ในการรับชมโทรทัศน์อยู่กับบ้านเฉลี่ยมากกว่าบุคคลวัยอื่นถึงร้อยละ 10 โดยที่เวลาไพร์มไทม์ของกลุ่มคนสูงอายุอยู่ในช่วงเวลา 17.30 - 21.30 น. (แต่แอบกระซิบเบา ๆ ว่าหลังจากที่ออกอากาศได้เพียงแค่ 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2558 บริษัทอาร์เอสฯได้ประกาศยุติออกอากาศในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ด้วยเหตุผลทางด้านเศรษฐกิจ)

ดังนั้นจะเห็นว่าสังคมมีความเข้าใจผิดคิดว่าผู้สูงอายุนั้นมักชอบชมรายการโทรทัศน์หรือฟังวิทยุในช่วงเวลาเช้ามืดนั้นไม่เป็นความจริง และหากจะถามหาเวลาที่เหมาะในการทำสื่อเพื่อผู้สูงอายุควรจะเป็นช่วงเย็น ๆ มากว่าช่วงเช้ามืดด้วยซ้ำไป

มายาคติผู้สูงอายุชอบทำบุญเข้าวัด : ผู้สูงอายุชอบรายการธรรมะที่สุด จริงหรือ?

มายาคติอีกเรื่องที่ไม่รู้ใครบัญญัติมาให้เชื่อตาม ๆ กัน คือการเหมารวมว่าการที่ผู้สูงอายุชอบเข้าวัดทำบุญดังนั้นจึงชอบดูรายการธรรมะที่สุด แต่จริง ๆ แล้วเป็นเช่นนั้นหรือไม่?

จากการศึกษาวิจัยเรื่องการพัฒนารายการโทรทัศน์เพื่อผู้สูงอายุ ของ จารุวรรณ นิธิไพบูลย์, สันทัด ทองรินทร์ และวิทยาธร ท่อแก้ว (2559) ในประเด็นการเปิดรับความต้องการและการใช้ประโยชน์รายการโทรทัศน์เพื่อผู้สูงอายุ พบว่าส่วนใหญ่มีการใช้ประโยชน์จากการชมรายการโทรทัศน์ 3 อันดับแรก ได้แก่

1) เพื่อรับทราบข้อมูลข่าวสาร

2) เพื่อสร้างความเบิกบานใจ ความสุข และคลายเหงา

3) เพื่อนำเนื้อหาไปปรับใช้กับการดำเนินชีวิตประจำวันของตนเอง ลักษณะเนื้อหาในสื่อที่ผู้สูงอายุต้องการ จากผลงานวิจัยนี้ทำให้เชื่อมโยงได้ว่าผู้สูงอายุชอบรายการที่ให้ทราบข้อมูลข่าวมากว่ารายการธรรมะแน่ ๆ นอกจากนี้ยัง พบว่า

ผู้สูงอายุต้องการเนื้อหาให้สื่อนำเสนอให้เห็นถึงศักยภาพของผู้สูงอายุ ส่งเสริมภาพลักษณ์เชิงบวกหรือเชิดชูผู้สูงอายุ เนื้อหาที่แสดงให้เห็นความรักความผูกพันระหว่างผู้สูงอายุกับครอบครัว และเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การรักษาสุขภาพ สิทธิทางกฏหมาย และสวัสดิการต่างๆ เป็นต้นด้วย จากงานวิจัยที่กล่าวไปนี้น่าจะพอสรุปได้ว่ารายการธรรมะอาจไม่ได้เป็นรายการที่ผู้สูงอายุจะชื่นชอบที่สุดหรือจะเลือกชมเป็นลำดับต้นๆด้วยซ้ำไป

มายาคติว่าผู้สูงอายุทุกคนก็ชอบอะไรเหมือน ๆ กัน : ผู้สูงอายุมีความต้องการใช้สื่อเหมือน ๆ กันหมดจริงหรือ?

มายาคตินี้เราเจอกับบ่อย ๆ เพราะการคิดเหมารวมอีกเช่นกันว่าขึ้นชื่อว่าผู้อายุก็คงจะมีความต้องการใช้สื่อเหมือนกันหมดเพราะเป็นคนกลุ่มเดียวกัน แต่จากการศึกษาพบว่ากลุ่มผู้สูงวัยนั้นก็มีความต้องการในการใช้สื่อที่หลากหลายและแตกต่างกันไม่แพ้วัยเด็กและเยาวชน โดยสิ่งที่เป็นเงื่อนไขปัจจัยมีทั้งปัจจัยส่วนตัว เช่น ลักษณะบุคลิกภาพ ความชอบ ความถนัดและปัจจัยด้านการศึกษา และปัจจัยทางด้านสังคม สภาพครอบครัวและฐานะทางเศรษฐกิจ ตลอดจนปัจจัยทางกายภาพ เช่น พื้นที่อยู่อาศัยนั้น ล้วนส่งผลต่อพฤติกรรมการใช้สื่อทั้งสิ้น ส่วนในภาพรวมนั้นอาจกล่าวได้ว่าแม้กลุ่มผู้สูงอายุจะเป็นกลุ่มที่ใช้อินเตอร์เน็ตน้อยที่สุดหากเทียบกับกลุ่ม Gen X และ Gen Y สื่อหลักอย่างโทรทัศน์และวิทยุก็ยังคงเป็นสื่อที่เข้าถึงผู้สูงอายุได้มากที่สุด

โดยที่สื่อวิทยุนั้นจะเข้าถึงกลุ่มผู้สูงอายุในเขตต่างจังหวัดได้มากกว่าเขตเมือง แต่ประเด็นที่น่าสนใจคือมีแนวโน้มว่าผู้สูงอายุจะใช้สื่อออนไลน์มากขึ้นและสื่อออนไลน์ก็เป็นที่นิยมของผู้สูงอายุมากขึ้น และยังพบว่าผู้สูงอายุที่มีอายุแตกต่างกัน มีความพึงพอใจในการใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์แตกต่างกัน ดังเช่นงานวิจัยของ กันตพล บันทัดทอง (2557) เรื่อง พฤติกรรมการใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์และความพึงพอใจของกลุ่มคนผู้สูงอายุในเขตกรุงเทพมหานคร ซึ่งผลการวิจัยพบว่าผู้สูงอายุที่มีอายุแตกต่างกัน มีความพึงพอใจในการใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์แตกต่างกัน โดยผู้สูงอายุที่มีอายุ 66 ปีขึ้นไป มีความพึงพอใจในการใช้บริการเครือข่ายสังคมออนไลน์น้อยที่สุด ทั้งนี้เนื่องจากผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 66 ปีขึ้นไป อาจมีปัญหาเรื่องสุขภาพมากกว่ากลุ่มอื่น เช่น ปัญหาสายตา ปัญญาการใช้นิ้วหรือมือ จึงไม่สามารถใช้บริการเครื่อข่ายสังคมออนไลน์ได้ จึงมีความพึงพอใจต่ำกว่าผู้สูงอายุกลุ่มอื่น

มายาคติที่เกี่ยวกับผู้สูงอายุที่กล่าวไปข้างต้นนั้นสะท้อนให้เห็นว่าสังคมไทยโดยเฉพาะผู้ผลิตสื่อ ยังมีความเข้าใจผิดถึงพฤติกรรมการเปิดรับสื่อของผู้สูงอายุและยังไม่มีข้อมูลองค์ความรู้สำคัญพื้นฐานที่จะทำให้การผลิตสื่อที่เหมาะสมตรงความต้องการของผู้สูงอายุ ดังนั้นการทำความรู้จักและเข้าใจความต้องการของผู้สูงอายุอย่างถ่องแท้ จะเป็นประโยชน์มากในการพัฒนาสื่อเพื่อผู้สูงอายุ ภาครัฐควรสนับสนุนนโยบาย งบประมาณและพัฒนาบุคลากร เพราะในประเทศไทยการทำสื่อเพื่อผู้สูงอายุก็ประสบปัญหาเช่นเดียวกับการทำสื่อเพื่อเด็ก คือผู้ประกอบการมองว่าเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่ากับผลกำไรที่ได้ในทางธุรกิจ ดังนั้นรัฐจึงต้องเข้ามาช่วยหนุนเสริมภารกิจนี้อีกทาง เพื่อสนับสนุนการพัฒนาสื่อเพื่อผู้สูงอายุเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตและดึงศักยภาพของผู้สูงอายุออกมาให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสังคม นอกจากนี้สื่อยังสามารถทำหน้าที่ช่วยให้คนในสังคมที่มีความหลากหลายของช่วงวัยเกิดความเข้าใจซึ่งกันละกัน ซึ่งจะนำไปสู่สังคมที่ยอมรับในความหลากหลายและเคารพคุณค่าและศักดิ์ศรีของคนทุกช่วงวัย อย่างที่ย้ำเสมอว่าการเป็นสังคมผู้สูงอายุไม่ใช่เป็นเรื่องของผู้สูงอายุเท่านั้นแต่เป็นเรื่องของเราทุกคนจริง ๆ


ข้อมูลอ้างอิง

กาญจนา แก้วเทพ.(2554).ผู้คนที่หลากหลายในการสื่อสาร: เด็ก สตรี และผู้สูงอายุ.พิมพ์ครั้งที่ 1.กรุงเทพฯ.

ห้างหุ้นส่วนจำกัดภาพพิมพ์

พนม คลี่ฉายา. (2555). ความต้องการข่าวสาร การใช้สื่อ และนิสัยการเปิดรับสื่อของผู้สูงอายุไทย: รายงาน

การวิจัย (Information Need, Media Uses and Media Habit of Thai Elderly: Research Report). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

กันตพล บันทัดทอง.(2558) พฤติกรรมการใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์และความพึงพอใจของกลุ่มคนผู้สูงอายุใน

เขตกรุงเทพมหานคร.บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

“ช่องทีวีคนสูงวัย เซกเม้นท์นี้ “อาร์เอส” จอง.สืบคนเมื่อ 20 มกราคม 2556.จาก http://positioningmag.com/60832

Positioning. (2558) ช่องทีวีคนสูงวัย เซกเม้นท์นี้ “อาร์เอส” จอง. สืบค้นเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2559. จาก http://positioningmag.com/60832

เผยแนวโน้ม “สื่อรุ่ง – สื่อร่วง” ปี ’59 ชี้ชะตาอนาคตสื่อปีหน้า ใครจะได้ไปต่อ !! สืบค้นเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม2559. จาก http://www.brandbuffet.in.th/2016/12/kantar-worldpanel-media-profiler-2016

“เมื่อ...เลือกทำในสิ่งที่รัก ไม่ใช่สิ่งที่เรียนมา”

“โตขึ้นอยากเป็นอะไร” ประโยคที่ทุกคนในวัยเด็กต้องผ่านการตอบคำถามนี้ ประกอบกับท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และจนถึงวันนี้ที่เราต้องอยู่ในสภาวะปกติใหม่ (New Normal) ทำให้อาชีพทุกวันนี้ หลากหลายและมีทางเลือกมากขึ้น บางคนได้ทำในสิ่งที่เรียนมาตรงสาย บางคนอาจจะค้นพบตัวเองหลังจากที่เรียนจบแล้ว ในความเป็นจริงไม่มีสูตรตายตัวสำหรับโลกของการทำงาน

แต่เราต้องทำตัวเองให้พร้อม เพื่อจะเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานในปัจจุบัน ศิลปิน ดารา นักแสดงหลาย ๆ คน ก็ไม่ได้เรียนมาทางนิเทศศาสตร์ แต่ผันตัวเองมาสู่การทำงานในวงการบันเทิง เช่น โดม จารุวัฒน์ เชี่ยวอร่าม จบนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์

แต่ด้วยความรักในเสียงเพลง ทำให้โดม ก็มุ่งมั่นงานวงการบันเทิง จนปัจจุบันเปิดค่ายเพลงเป็นของตัวเองกับค่าย LIT ENTERTAINMENT ปั้นเด็กใหม่ให้วงการ T-POP แม้เจ้าตัวจะไม่ได้เรียนทางสายดนตรีมา แต่เก็บเกี่ยวจากประสบการณ์การทำงานมาใช้ในการบริการค่ายเพลง และยังได้นำความรู้จากตอนเรียนมาช่วยเรื่องการทำสัญญา เรื่องลิขสิทธิ์เพลง และแนวคิดในการใช้ชีวิตเรื่องของเหตุและผลต่าง ๆ ที่ปรับเอามาใช้ในชีวิตประจำวัน

จากตัวอย่าง จะเห็นได้ว่าองค์ความรู้ที่เราเรียนมาก็ไม่ได้หล่นหายไปไหน เพียงแค่ความรู้ถูกแปลงไปใช้งานตามสถานการณ์ที่เราได้เจอ เช่นเดียวกันกับอีกหนึ่งศิลปินที่เรียนมาคนละสายกับงานที่ทำในปัจจุบัน ได้แก่ ณัฐ ศักดาทร จบมาทางด้านเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และก้าวเข้ามาสู่วงการบันเทิง ในการเป็นนักร้อง นักแสดง โดยในงานประชุมวิชาการ “นักเศรษฐศาสตร์และผองเพื่อน” ของคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยศีนครินทร์วิโรฒ ณัฐ ศักดาทร ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ไว้ว่า “ตอนที่เลือกเรียนเศรษฐศาสตร์ เป็นสาขาที่คิดว่าน่าจะสามารถไปประยุกต์ใช้กับสิ่งที่ต่าง ๆ ได้ง่ายในชีวิต โดยสิ่งที่เรียนมาแล้วได้ใช้ในชีวิตประจำวันจริง ๆ ทุกวันเลยคือเรื่อง opportunity cost (ต้นทุนค่าเสียโอกาส) การเลือกซื้อของบางอย่าง เราก็จะต้องแลกกับเงินที่จะไม่ได้ซื้อของบางอย่าง เพราะเรามีทรัพยากรที่จำกัด ซึ่งทรัพยากรตรงนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่รวมถึงเรื่องเวลาด้วย คนเรามี 24 ชั่วโมงเท่ากัน อยู่ที่เราเลือกที่จะทำอะไร ถ้าเราเลือกที่จะเล่นโซเชียลมีเดีย เราก็อาจจะเสียโอกาสในการออกกำลังกาย หรือการพัฒนาทักษะอื่น ๆ” ซึ่งก่อนหน้านี้ ในรายการตามสัญญา ทางช่อง PPTV ณัฐ ศักดาทร ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า เคยติดโซเชียลมีเดีย ถึงขั้นต้องพบจิตแพทย์มาแล้ว ดังนั้น การนำหลักคิดเรื่องต้นทุนค่าเสียโอกาสมาใช้ บางทีก็ทำให้เราแยกออกว่าอะไรคือสิ่งที่เราควรที่จะต้องทำมากกว่ากัน

ณัฐ ศักดาทร ยังทิ้งท้ายไว้ในงานประชุมวิชาการว่า “การเรียนเศรษศาสตร์มาทำให้เรามีความคิดแบบนี้ตลอดเวลา ในการคิดเรื่องต้นทุนค่าเสียโอกาส และการเรียนเศรษฐศาสตร์พอเข้ามาทำงานในวงการบันเทิง มันยังอยู่ในกระบวนการคิดทุก ๆ วัน และการทำงานในวงการบันเทิงมันมีอะไรที่สนับสนุนกันอยู่”

แม้วันนี้ หลาย ๆ คนที่เรียนจบไปแล้ว เราอาจจะไม่ได้เรียนมาตรงกับสิ่งที่เราชอบ หรือไม่ได้ทำตามคำตอบของคำถามที่ว่า “โตขึ้นอยากเป็นอะไร” แต่เราสามารถพาตัวเองไปอยู่ในสิ่งที่เราชอบได้ ฝึกฝน เรียนรู้ทักษะต่าง ๆ เพื่อให้เราได้ทำในสิ่งที่เรารัก และความรู้ที่เกิดขึ้นที่เราได้สั่งสมมา วันนี้อาจจะยังไม่ได้หยิบมันขึ้นมาใช้งาน แต่ไม่แน่ว่าอนาคตข้างหน้า เราอาจจะได้รื้อฟื้นกล่องความทรงจำความรู้นั้น ๆ มาใช้แบบไม่รู้ตัว ...


ข้อมูลอ้างอิง

สัมภาษณ์ : จารุวัฒน์ เชี่ยวอร่าม

https://www.pptvhd36.com/programs/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B8%95%E0%B8%B5%E0%B9%89/%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B2/79328#part-1

https://www.sanook.com/campus/1404051/


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top