Saturday, 21 June 2025
TheStatesTimes

ชลบุรี – สง่างาม ผบ.กร.เปิดซุ้มประตูนักรบ "ซีล" นสร.กร. อย่างเป็นทางการ

วันที่ 1 เม.ย.64 พล.ร.อ.สุทธินันท์  สมานรักษ์ ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ (ผบ.กร.) เป็นประธานในพิธีเปิดซุ้มประตู หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ (นสร.กร.) ณ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือฯ ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

สืบเนื่องจาก เส้นทางเข้า-ออกเดิมของ นสร.กร. ตัดผ่านสนามฝึกกองทัพเรือ หมายเลข 15 หาดยาว ที่มีการฝึกอย่างต่อเนื่อง  และในบางครั้งมีการปิดเส้นทางเข้า-ออกส่งผลให้ข้าราชการของหน่วยต้องเลี่ยงไปใช้เส้นทางผ่านหมู่บ้านช่องแสมสารที่มีความแออัด และมีระยะทางไกลกว่าเดิม ตลอดจนหน่วยได้รับการขยายอัตราเพิ่มอีก 1 กรมรบพิเศษ ข้าราชการของหน่วยเพิ่มขึ้น การผ่านเข้า-ออกเส้นทางเดิมที่เป็นลักษณะทางลงเนินโค้ง ทำให้มีความไม่ปลอดภัย หน่วยจึงได้พิจารณาสร้างเส้นทางเข้า-ออกใหม่ ให้มีความปลอดภัย และสง่างาม

การออกแบบซุ้มประตูใหม่ที่มีความโดดเด่นเป็นลักษณะคล้ายเรือล่องหน ที่มีขีดความสามารถในการเล็ดลอดการตรวจพบ ตรวจจับจากข้าศึก และสามารถทำการแทรกซึมเข้าไปในพื้นที่ปฏิบัติการ อันเป็นคุณลักษณะสำคัญในการปฏิบัติการสงครามพิเศษทางเรือ โดยด้านบนของซุ้มประกอบด้วย ชื่อหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ เหนือชื่อประดับเครื่องหมายความสามารถนักทำลายใต้น้ำจู่โจม ด้านซ้ายมีธงเครื่องหมายยศ พลเรือตรี ซึ่งเป็นยศของผู้บัญชาการหน่วย และได้พิจารณาสร้างซุ้มประตูอยู่ในบริเวณที่มีเส้นทางเข้า-ออกหน่วยกว้างขวางกว่าเดิม เป็นไปตามแนวความคิดในการออกแบบของ พล.ร.อ.ลือชัย  รุดดิษฐ์ อดีตผู้บัญชาการทหารเรือที่ได้กรุณามอบให้แก่หน่วย

จากลักษณะซุ้มประตูที่โดดเด่น  สง่างาม และทันสมัย สะท้อนความเป็นหน่วยปฏิบัตการพิเศษของกองเรือยุทธการได้เป็นอย่างดี ตลอดจนเป็นภาพลักษณ์ที่ดีต่อหน่วยอีกด้วย


ภาพ/ข่าว นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน

กระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันสหรัฐฯ พร้อมส่งคืนทับหลังสำคัญ 2 ชิ้น ให้ทางการไทย หลังจากถูกลักลอบนำออกนอกประเทศ โผล่จัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ในซานฟรานซิสโก สหรัฐ อเมริกา พร้อมรับวัตถุโบราณอีก 13 รายการ

เมื่อวันที่ 1 เมษายน ที่กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงถึงความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามทวงคืนทับหลังปราสาทหนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ และทับหลังปราสาทเขาโล้น จ.สระแก้ว และโบราณวัตถุอื่น ๆ กลับคืนสู่ประเทศไทย ว่ากรณีการติดตามทวงคืนทับหลังทั้งสองแห่ง ที่ถูกลักลอบนำออกจากประเทศไทย และถูกจัดแสดงอยู่ที่ Asian Art Museum นครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา รัฐบาลได้ได้แต่งตั้งคณะกรรมการติดตามโบราณวัตถุของไทยในต่างประเทศกลับคืนสู่ประเทศไทย

ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศ ได้ประสานกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรมอย่างใกล้ชิด เพื่อขอรับข้อมูลการศึกษาทางวิชาการพร้อมกับหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เช่น รายงานการสำรวจของกรมศิลปากร ภาพถ่ายของทับหลัง ตัวอย่างเอกสารอนุญาตในการส่งออกโบราณวัตถุ เป็นต้น เพื่อใช้ในการสืบสวนสอบสวนจนสามารถพิสูจน์ได้ว่าโบราณวัตถุทั้ง 2 รายการมีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย และได้ถูกลักลอบนำออกไปโดยผิดกฎหมาย

นายธานี กล่าวอีกว่า ขณะนี้เรื่องคดีความเสร็จสิ้นแล้ว โดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้ถอดถอนรายการทับหลังทั้ง 2 รายการออกจากบัญชีของพิพิธภัณฑ์แล้วเมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา จากนั้นในวันที่ 2 เมษายนนี้ รัฐบาลกลางสหรัฐฯ จะนำทับหลังทั้ง 2 รายการ ส่งคืนให้แก่ผู้แทนรัฐบาลไทย ผ่านกรอบการดำเนินงาน Victim Remission Program ของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ โดยจะมีพิธีส่งมอบโบราณวัตถุทั้ง 2 รายการให้แก่ฝ่ายไทยอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ดี กระทรวงการต่างประเทศ ได้ดำเนินการส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมความพร้อมรับมอบโบราณวัตถุดังกล่าว โดยประสานบริษัทขนส่งที่มีความเชี่ยวชาญในการขนส่งวัตถุโบราณกลับคืนสู่ประเทศไทย

นายธานี กล่าวต่อว่า ต้องขอบคุณสำนักงานอัยการสหรัฐฯ สำนักงานสืบสวนเพื่อความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ สถานกงสุลใหญ่ไทย ณ นครลอสแอนเจลิส และกรมศิลปากร ที่ผลักดันติดตามทวงคืนโบราณวัตถุสำคัญทั้ง 2 รายการกลับคืนสู่ประเทศไทยจนประสบความสำเร็จ ซึ่งถือเป็นกรณีตัวอย่างในการติดตามทวงคืนโบราณวัตถุชิ้นอื่นๆ ของไทย ที่อยู่ในความครอบครองของพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ ในสหรัฐฯ

นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่น่ายินดีอีกประการ คือประเทศไทยจะได้รับพระพุทธรูปเก่าแก่ที่เป็นงานโลหะสำริด ศิลปะยุคสุโขทัยและอยุธยา คืนจากสหรัฐฯ 13 รายการ รวมถึงรูปเคารพศิลปะสมัยศรีวิชัย ซึ่งทั้งหมดถูกลักลอบนำออกจากประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย และถูกนำไปจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ ในนครนิวยอร์กสหรัฐฯ โดยการดำเนินคดีเกี่ยวกับการครอบครองวัตถุโบราณส่วนนี้สิ้นสุดแล้ว ฝ่ายสหรัฐฯ อยู่ระหว่างดำเนินการส่งมอบคืนให้แก่ผู้แทนรัฐบาลไทย โดยกระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือถึงกรมศิลปากร เพื่อขอให้พิจารณาตรวจสอบเนื้อหาในเอกสารที่เกี่ยวข้อง และมอบอำนาจให้กงสุลใหญ่ไทย ณ นครนิวยอร์ก เป็นผู้แทนรัฐบาลไทยลงนามในเอกสารทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อรับมอบโบราณวัตถุทั้ง 13 รายการนี้ กลับคืนสู่ประเทศไทยต่อไป


ที่มา : https://www.dailynews.co.th/politics/834529

เข้าเรื่องแบบฉับไว....วันนี้เอย่ามีเรื่องแนวเลือดข้น คนจางฉบับเมียนมาให้ทราบ...

ฮันเลย์ (HAN​ LAY)​ ชื่อนี้สำหรับคนไทยอาจจะนึกถึงนางงามเมียนมาที่ออกมาบีบน้ำตาพร่ำเรียกแขกพร้อมกับวลีที่ตามมาว่า​ "ฉันกลับประเทศฉันไม่ได้แล้ว"

แต่ในสายตาของคนเมียนมาอย่างเอย่าแล้ว 'ฮันเลย์'​ คือ​ ดารา นางแบบสาวอดีตหวานใจของหนุ่ม​'อ่องเลย์'​ ก่อนที่จะเลิกรากันไป

Han Lay (ภาพขวา) กับอดีตหวานใจ Aung Lay ก่อนเลิกรากัน

 

ในช่วงหลายวันที่ผ่านมาเอย่าพยายามจะดูข่าวว่ามิสแกรนด์เมียนมาผู้เก่งกล้าของเรานั้นจะพยายามกลับมาอยู่เคียงข้างคนเมียนมาในการร่วมสู้ไหม?

แต่ปรากฎว่าเปล่าเลย​ แทนที่นางจะรีบกลับมาเมียนมาร่วมสู้กับพี่น้องชาวเมียนมา​ แต่นางเลือกที่จะอยู่ประเทศไทยต่อ โดย คุณณวัฒน์ อิสรไกรศีล ก็ไม่รอช้ารีบพยายามหางานให้นาง​ เพื่อให้นางสามารถต่อวีซ่าได้อีก 3 เดือน

สำหรับสายตาคนไทยนางอาจจะเป็นนางฟ้ายอดคุณธรรม​ แต่ในสายตาคนเมียนมาแล้ว 'นางคือคนที่ตัดช่องน้อยหนีเอาตัวรอดไปคนเดียว'​ โดยในส่วนที่พูดอะไรออกไปบนเวทีนั้น เพื่อหาความชอบธรรมในการที่จะไม่ต้องเดินทางกลับประเทศเมียนมาหรือเปล่า?

ปัจจุบันในเมียนมาแทบจะเรียกได้ว่ามีการประท้วงกันแทบทุกอาทิตย์ ในส่วนของดาราหลายๆ คนที่เข้าร่วมการชุมนุม​ ก็มีการลงภาพแบบถี่ๆ

(ซ้าย) Wutt Hmone Shewyi ดาราหญิงจาก From Bangkok to Mandalay

(ขวา) Khin Wint Wah Miss Supranational 2013 และ ติดอันดับ 60 ของสาวหน้าสวยที่สุดในโลกปี 2020 ของ TC Candler

 

(ซ้าย) Sai Sai Kham Leng นักร้อง นักแสดง จากภาพยนตร์ From Bangkok to Mandalay

(ขวา) Paing Takhon นักแสดงและนายแบบชื่อดังและติด 1 ใน 100 นายแบบที่หล่อที่สุดในโลกของ TC Candler

 

แต่ในขณะที่เอย่าไปดู Instagram ของ Han Lay ในชื่อ hann_may ซึ่งน่าจะเป็น Official Instagram ของนางกลับพบว่า Han Lay เธอแทบไม่เคยโพสอะไรที่เกี่ยวกับการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยในเมียนมาก่อนที่จะมีภาพเธอไปยืนโศกาบนเวทีเลย แล้วแบบนี้จะให้เราเชื่อได้อย่างไรว่าน้ำตาที่เธอหลั่งออกมานั้นเป็นน้ำตาแห่งความเสียใจหรือน้ำตาจระเข้

ภาพบางส่วนจาก Official Instagram ของ Han Lay

 

อย่างว่าแหละค่ะ เราจะรู้ว่าใครที่เป็นคนรักชาติ หรือรักประชาธิปไตยรึเปล่า? มันสื่อได้จากการแสดงออก แต่จากการแสดงออกของเธอ ไม่ได้บ่งบอกเลยว่าเป็นคนที่ต้องการให้เกิดประชาธิปไตยจริงๆ

น้ำตาของคุณมันก็แค่การแสดงฉากหนึ่งเพื่อให้คุณได้สิทธิพิเศษคือการได้ลี้ภัยอยู่ในประเทศไทยอันสงบสุขนั่นเอง


ที่มา: AYA IRRAWADDEE

ปลัดกระทรวงกลาโหม ตรวจเยี่ยมการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ประจำปี 64

เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2564 พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ  ปลัดกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก พล.ท.เจริญชัย หินเธาว์ แม่ทัพภาคที่ 1 พล.ต.ธราพงษ์ มะละคำ รองแม่ทัพภาคที่1 ร่วมตรวจเยี่ยมการตรวจเลือกทหารกองเกิน เพื่อเข้ารับราชการเป็นทหารกองประจำการประจำปี 2564 โดยบรรยากาศที่สถานที่ตรวจเลือกทหารกองเกิน เข้ากองประจำการ เขตบางบอน กรุงเทพมหานคร ได้มีชายไทยที่เกิดในปี พ.ศ. 2543 และ เกิดปี พ.ศ. 2535 ถึง 2542 ซึ่งยังไม่เคยเข้ารับการตรวจเลือก หรือการตรวจเลือกยังไม่แล้วเสร็จทุกกรณี เดินทางไปเข้ารับการตรวจเลือกตั้งแต่เวลา 7 นาฬิกา ที่วัดบางบอน 

ซึ่งทางหน่วยตรวจเลือกทหารได้จัดระบบและขั้นตอนการตรวจเลือกภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด - 19 อย่างเคร่งครัด โดยมีจุดคัดกรอง รวมถึงมีการแบ่งโซนพื้นที่ต่างๆอย่างชัดเจน ทั้งโซนพื้นที่สำหรับผู้ที่ใช้สิทธิ์ขอผ่อนผัน / โซนพื้นที่สำหรับผู้ที่เข้ารับการตรวจเลือกตามปกติ ตลอดจนโซนพื้นที่สำหรับพักคอยของญาติและผู้ปกครอง สำหรับพื้นที่หน่วยตรวจเลือกเขต บางบอน มียอดผู้ที่ต้องไปเข้ารับการตรวจเลือกทั้งสิ้น 364 คน และมีผู้ที่ใช้สิทธิ์ขอผ่อนผันจำนวน 130 คน 

โดย ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการตรวจเยี่ยมในวันนี้ ว่า เพื่อให้เป็นไปตามข้อบังคับกระทรวงกลาโหม ที่อนุมัติโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำหนดให้สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม โดยกรมการสรรพกำลังกลาโหม กำกับดูแลการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจําการ 2564  ให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  ที่กําหนดมาตรการตรวจเลือกให้เรียบร้อยทั้งในด้านสถานที่  จํานวนทหารกองเกินที่เข้ารับการตรวจเลือก และห้วงเวลาในการดําเนินการที่เหมาะสม รวมถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆของทหารใหม่ ต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่กองทัพกำหนดไว้  พร้อมจัดให้มีมาตรการต่าง ๆ ในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด ทั้งนี้  กระบวนการตรวจเลือก ต้องยุติธรรมและโปร่งใส เพื่อคัดเลือกบุคลากรที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเข้ามาเป็นทหาร

“บิ๊กป้อม” เร่งช่วยนักกีฬา/นักกีฬาพิการ ประชุม คกก.กองทุนพัฒนาฯ เน้นสวัสดิการ หวังเติมเต็มกำลังใจ หนุนพัฒนากีฬาไทยต่อเนื่อง ย้ำบริหาร งป. โปร่งใส/รวดเร็ว กำชับสมาคม ฝึกซ้อม/ดูแลนักกีฬา ระวังโควิด-19

เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2564  พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษกประจำรอง นรม. เปิดเผยว่าพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2564 โดยมี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.กก. เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล

ที่ประชุม ได้รับทราบการดำเนินงาน ของกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ที่สำคัญ ได้แก่การสนับสนุนของกองทุนฯ ด้านสวัสดิการกีฬา จำนวน 3 รายการคือ การเบิกจ่ายเงินรางวัลให้แก่นักกีฬา ที่ชนะเลิศรายการ 14th  IDBF World Dragon Boat Championships และให้ความช่วยเหลือด้านสวัสดิการเงินค่ารักษาพยาบาล ปี64 (ไตรมาส 1) รวมทั้ง สนับสนุนทุนการศึกษาของนักกีฬา และบุคลากรกีฬา ประจำปีการศึกษา2563 จำนวน 284 คน  จากนั้นที่ประชุม ได้พิจารณาเห็นชอบให้ความช่วยเหลือสวัสดิการ กรณีการเจ็บป่วย หรือบาดเจ็บของอดีตนักกีฬา และบุคลากรกีฬา จำนวน 10 ราย รวมทั้งได้เห็นชอบ ให้การสนับสนุนโครงการที่เกี่ยวกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อสร้างกระแสกีฬาสู่ประชาชน จำนวน 5 รายการ

พล.อ.ประวิตร  ได้กำชับ กกท. ให้เร่งขับเคลื่อน การส่งเสริมพัฒนาการกีฬา และบุคลากรกีฬา ตามระเบียบ ข้อบังคับ อย่างถูกต้อง เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ต่อวงการกีฬา โดยเน้นการบริหารงบประมาณ จะต้องเร่งรัดให้เกิดความรวดเร็ว โปร่งใส และมีประสิทธิภาพ  พร้อมสั่งแต่งตั้ง คกก.เผยแพร่กีฬามวยไทย เพื่อการประชาสัมพันธ์ และคณะทำงานสวัสดิการเพิ่มเติม เพื่อช่วยเหลืออดีตนักกีฬาทีมชาติ  และเน้นย้ำให้สมาคมกีฬา จะต้องเร่งฝึกซ้อมนักกีฬา เพื่อเตรียมการแข่งขันรายการต่าง ๆ มุ่งเป้าสู่ความเป็นเลิศ และให้ระมัดระวัง การแพร่ระบาดจากโรคโควิด-19 ด้วย

ไปคิดเลขมาใหม่ ! “ชำนาญ” ชี้ผลเลือกตั้งเทศบาล “คณะก้าวหน้า” สะท้อนความนิยมดีขึ้น - ย้ำรณรงค์ล่ารายชื่อแก้ รธน.เป็นสิทธิ - อัด ผช.รมต.ยุติธรรม ละเมิดจริยธรรม - ข่มขู่หรือไม่?

เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2564 นายชำนาญ จันทร์เรือง กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า กล่าวถึงกรณีที่นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์พรรคพลังประชารัฐระบุว่า การเลือกตั้งเทศบาลทีมของคณะก้าวหน้าได้แค่ 10 เทศบาล จากทั้งหมด 2,472 แห่ง คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ ไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ และการตั้งโต๊ะล่ารายชื่อเพื่อแก้รัฐธรรมนูญรายมาตรา ในแคมเปญ ขอคนละชื่อรื้อระบอบประยุทธ์ที่จะเริ่มคิกออฟในวันที่ 6 เมษายนนี้ เย้ยว่าจะถูกประชาชนออกมาขับไล่ และคงไม่มีใครบ้าจี้ไปลงชื่อเพราะกลัวว่าในอนาคตจะต้องเดือดร้อนหรือติดคุกตามไปด้วยนั้น

นายชำนาญ กล่าวว่า เกี่ยวกับผลการเลือกตั้งเทศบาลเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เพราะคณะก้าวหน้า ส่งผู้สมัคร 107 เทศบาล ถ้าได้ทั้ง 107 แห่ง จะเท่ากับ 100 % แต่ผลการเลือกตั้งที่ผ่านมาคือ เราได้นายกเทศมนตรี มา 16 แห่ง จึง (16 x100) / 107 = 14.95 % นอกจากนี้ ยังได้สมาชิกสภาเทศบาลอีกถึง 136 คน ด้วย ซึ่งถ้าจะลองเทียบกับการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อครั้งเป็นพรรคอนาคตใหม่ เราส่ง 349 เขต ได้รับเลือกตั้งมี .. 30 เขต  คิดเป็น (30x100) / 349 = 8.59 % อย่างนี้ คะแนนความนิยมไม่น่าจะเรียกว่าลด แต่ตรงกันข้าม กลับเพิ่มขึ้น ทั้ง ที่การเลือกตั้งท้องถิ่นไม่มีคะแนนจากการเลือกตั้งล่วงหน้า หรือคะแนนจากผู้เลือกตั้งในต่างประเทศ โดยเรามั่นใจว่านั่นคือผู้นิยมในส่วนของเรา  อนึ่ง จำนวนเทศบาลในปัจจุบันจากข้อมูลของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเมื่อ 30 .. 2563 มี 2,469 แห่ง มิใช่ 2,472 แห่งตามที่นายสามารถเข้าใจ

ส่วนกรณีที่ว่าการตั้งโต๊ะล่ารายชื่อเพื่อแก้รัฐธรรมนูญรายมาตรา คงไม่มีใครบ้าจี้ไปลงชื่อเพราะกลัวว่าในอนาคตจะต้องเดือดร้อนหรือติดคุกตามไปด้วย นั้น การลงชื่อเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นการใช้สิทธิตามมาตรา 256 (1) จะได้รับความเดือดร้อนหรือติดคุกไปได้อย่างไร ตัวเองเป็นถึงผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรมพูดอย่างนี้ไม่ถูกต้อง เป็นการละเมิดจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอย่างเห็นได้ชัด และที่บอกว่าไปที่ไหนจะถูกชาวบ้านขับไล่ อย่างนี้ถือเป็นการข่มขู่หรือไม่ ทั้ง ที่การรณรงค์ทำได้ และเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม เราไม่กังวลเรื่องนี้เท่าไหร่ เพราะถ้าไม่เป็นการจัดตั้งมา ส่วนใหญ่แล้วจะอธิบายพูดคุยด้วยดีก็แยกย้ายกันได้ ส่วนจำนวนผู้มาลงชื่อจะมากน้อยแค่ไหนก็ต้องรอดู ถ้ายังจำได้ตอนผลเลือกตั้งปี 2562 ออกมา มีคนลงรายชื่อ 8 แสนกว่าชื่อ เพื่อไล่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็เคยมีมาแล้วนะครับนายชำนาญ กล่าว

 

ประกันสังคม เปิดรับฟังความคิดเห็นลูกจ้าง ผู้ประกันตน ในการปรับปรุงแก้ไขสิทธิประโยชน์กองทุนประกันสังคมกรณีชราภาพ

นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีกลุ่มผู้ใช้แรงงาน และผู้ประกันตน ยื่นข้อเรียกร้องให้สำนักงานประกันสังคมพิจารณาปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสิทธิประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพ ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 ให้มีความสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน ซึ่งจากข้อเรียกร้องดังกล่าว นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้สั่งการให้สำนักงานประกันสังคมเร่งดำเนินการศึกษาแนวทาง ถึงความเป็นไปได้ เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ประกันตนให้มากที่สุด 

ในการนี้ สำนักงานประกันสังคมจึงได้จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของนายจ้าง ผู้ประกันตน ประชาชน และผู้ที่เกี่ยวข้อง ที่ได้รับผลกระทบจากการแก้ไขเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 พร้อมทั้งได้จัดทำวีดิทัศน์ เพื่อให้ผู้ประกันตนรับชมก่อนตอบแบบสอบถาม โดยมีเนื้อหาสาระสำคัญ เช่น กรณีขอเลือกให้ผู้ประกันตน เป็นผู้มีสิทธิในการเลือกรับประโยชน์ทดแทนบำเหน็จชราภาพหรือบำนาญชราภาพ กรณีขอคืน การคืนเงินสมทบกรณีชราภาพบางส่วนเมื่อผู้ประกันตนออกจากงาน กรณีขอกู้ ให้ผู้ประกันตนนำเงินสมทบกรณีชราภาพบางส่วน มาใช้เป็นหลักประกันเงินกู้กับธนาคาร หรือสถาบันการเงินได้ เป็นต้น

เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวต่อไปว่า เพื่อให้การแก้ไขเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ประกันตน สำนักงานประกันสังคมจึงขอเชิญชวน นายจ้าง ผู้ประกันตน และประชาชนทั่วไป ร่วมแสดงความคิดเห็นได้ในเว็บไซต์ของสำนักงานประกันสังคมที่ http://www.sso.go.th หรือ แสดงความคิดเห็นผ่าน QR code ได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ / สำนักงานประกันสังคมจังหวัด / สาขา ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 30 เมษายน 2564 นี้

รมว.พม. ลงพื้นที่ จ.นครปฐม ช่วยกลุ่มเปราะบางลงทะเบียนเข้าถึงสิทธิโครงการเราชนะ ก่อนหมดเขต 9 เม.ย. นี้

วันนี้ 2 เมษายน 2564 นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร  ลงพื้นที่จังหวัดนครปฐม เพื่อติดตามและตรวจเยี่ยมการอำนวยความสะดวกในการลงทะเบียนโครงการเราชนะ ให้กับผู้สูงอายุ จำนวน 47 ราย ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบางที่ไม่สามารถเดินทางไปลงทะเบียนได้ ประกอบด้วย 1) ผู้สูงอายุพิการจำนวน 1 ราย ป่วยติดเตียงช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ในพื้นที่ตำบลห้วยจรเข้ อำเภอเมืองนครปฐม 2) ผู้สูงอายุ จำนวน 44 ราย ณ สถานสงเคราะห์คนชรานครปฐม ตำบลสนามจันทร์ อำเภอเมืองนครปฐม และ 3) ผู้สูงอายุพิการ จำนวน 2 ราย ไม่สามารถเดินได้ ในพื้นที่ตำบลโพรงมะเดื่อ อำเภอเมืองนครปฐม 

นายจุติ กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้มีการขยายระยะเวลาลงทะเบียน โครงการเราชนะ จนถึงวันที่ 9 เมษายน 2564 สำหรับประชาชนกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ หรือกลุ่มเปราะบาง ได้แก่ ผู้สูงอายุ คนพิการ ทุพพลภาพ ผู้ป่วยติดเตียง ที่ไม่สามารถเดินทางออกจากที่พักอาศัยได้และจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยรับลงทะเบียนเคลื่อนที่ นั้น วันนี้ ตนพร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ได้ลงพื้นที่จังหวัดนครปฐม เพื่อติดตามและตรวจเยี่ยมการอำนวยความสะดวกในการรับลงทะเบียนโครงการเราชนะให้กับกลุ่มผู้สูงอายุซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบาง โดยมีทีม One Home พม. จังหวัดนครปฐม เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงไทย รวมทั้ง อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) ลงพื้นที่อำนวยความสะดวก โดยได้เดินทางไปยังบ้านหญิงชราพิการ อายุ 68 ปี ที่ป่วยติดเตียง ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ และได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเดือนละ 600 บาท ในพื้นที่ตำบลห้วยจรเข้ 

โดยกระทรวง พม. ได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นและบัตรประจำตัวคนพิการ เพื่อขอรับสิทธิสวัสดิการต่างๆ จากรัฐต่อไป จากนั้นเดินทางไปยังห้องเช่าของหญิงชราสองพี่น้อง อายุ 72 ปี และ 68 ปี ในพื้นที่ตำบลโพรงมะเดื่อ ซึ่งทั้งคู่พิการไม่สามารถเดินได้ ต้องอาศัยการนั่งถัดตัวเองไปกับพื้นบ้าน ครอบครัวมีฐานะยากจน ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ มีรายได้จากเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ทำให้ไม่มีเงินเพียงพอในการจ่ายค่าเช่าห้อง และใช้จ่ายประจำวัน โดยกระทรวง พม. ได้มอบบัตรประจำตัวคนพิการ เพื่อขอรับสิทธิสวัสดิการต่าง ๆ จากรัฐต่อไป พร้อมทั้งมอบเงินสงเคราะห์กรณีฉุกเฉิน เงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อย และเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น รวมทั้งประสานส่งต่อเข้ารับการอุปการะในศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุจังหวัดปทุมธานี สังกัดกรมกิจการผู้สูงอายุ (ผส.) 

นายจุติ กล่าวด้วยว่า การเดินทางลงพื้นที่ในวันนี้ เป็นการมาเยี่ยมประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สูงอายุ โดยเป็นตัวแทนของรัฐบาล เพราะว่าโครงการเราชนะ เป็นโครงการดี ๆ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนสามารถเข้าถึงสวัสดิการต่าง ๆ ซึ่งเหลือเวลาอีกไม่มาก โดยได้ให้นโยบายกับพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ทุกจังหวัด พร้อมกับธนาคารกรุงไทย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และจังหวัดว่า ให้ลงพื้นที่เข้าไปหาผู้ที่ต้องการและมีสิทธิที่จะได้รับสิทธิสวัสดิการของโครงการเราชนะ และตรวจสอบด้วยว่าการดำเนินงานมีผลลัพธ์เป็นอย่างไร ซึ่งตนรู้สึกดีใจที่จังหวัดนครปฐมสามารถเข้าถึงผู้ที่พิการ ผู้สูงอายุ  ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไปลงทะเบียนได้ด้วยตนเอง จำนวนกว่า 700 ราย โดยกระทรวง พม. จะดูแลประชาชนอย่างเต็มที่ และจะทำ 7 วันที่เหลืออย่างเต็มที่ เพื่อให้สามารถเข้าถึงสวัสดิการแห่งรัฐให้ได้มากที่สุด 

พปชร. จ่อยื่นแก้รธน.รายมาตรา 7 เม.ย.นี้ ด้าน “ไพบูลย์” เตรียมชง “ชวน” บรรจุเข้าประชุมร่วมรัฐสภา 25 พ.ค.เป็นวาระแรก เชื่อทุกฝ่ายเห็นชอบด้วย มั่นใจไม่มีใครอยากยุบสภาก่อนครบเทอม โว! หากเลือกตั้งใหม่ พปชร.ก็ชนะ

เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2564  ที่รัฐสภา นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แถลงว่า ขณะนี้ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐได้ร่วมกันลงชื่อเพื่อเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเป็นรายมาตรา โดยได้ลงนามรายชื่อทั้งหมดครบแล้วและจะยื่นต่อนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ในวันที่ 7 เมษายนนี้ โดยประเด็นที่เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญเกิดจากการพูดคุยแลกเปลี่ยนในระห่างที่เป็นกรรมาธิการเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญทั้ง ส.ส.ฝ่ายค้านและส.ว. 

จนความคิดเห็นตกผลึกในรายมาตรา จนยกร่างอกกมาเป็นญัตติดังกล่าว 5 ประเด็นใน 13 มาตรา คือ ประเด็นที่ 1. แก้ไขเพิ่มเติมหมวด 3 สิทธิและเสรีภาพแก้ไขมาตรา 29,41 และ 45 เป็นการเพิ่มสิทธิในกระยวนการยุติธรรมซึ่งเพิ่มขึ้นอีก 8 อนุมาตราในมาตราที่ 29 และเพิ่มให้ชุมชนมีสิทธิได้รับความช่วยเหลือทางกฎหมายจากรัฐอย่างเหมาะสมจากรัฐในการฟ้องหน่วยงานของรัฐ ซึ่งเดิมในมาตรา 41 เขียนให้มรการฟ้องร้องเฉยๆ แต่ชุมชนไม่ทราบว่าจะฟ้องร้องอย่างร จึงต้องเขียนเพิ่มให้ 

นายไพบูลย์ กล่าวว่า ประเด็นที่ 2 พรรคการเมืองในขณะนี้ทุกพรรคมีปัญหาการทำไพรแมรี่โหวต ดังนั้นเพิ่มแก้อุปสรรคการทำงานของพรรคการเมือง จึงแก้ไขมาตรา 45 โดยนำรัฐธรรมนูญปี 50 มาตรา 47 มาใช้แทน และเป็นการแก้ไขระบบเลือกตั้งมาตรา 83, 85, 86, 90, 91, 92 แะมาตรา 94 โดยแก้ไขให้การเลือกตั้ง ส.ส.เป็นแบบบัตรสองใบ ซึ่งจะเหมือนรัฐธรรมนูญปี 40 และ 50 และให้ส.ส. แบบแบ่งเขต 400 คน และแบบบัญชีรายชื่อ 100 คน รวมทั้งมีการแก้ไขให้การประกาศผลการเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งรัฐธรรมนูญปี 60 ให้ประกาศผลภายใน 60 วัน ก็จะแก้ให้มีการประกาศผลภายใน 30 วัน รวมทั้งให้พรรคการเมืองใดที่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตแล้วไม่น้อยกว่า 100 เขตจึงมีสิทธิที่จะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ เพื่อป้องกันไม่ให้มีพรรคการเมืองที่จัดตั้งขึ้นส่งแต่ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งเป็นปัญหาให้กับคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ในการเผยแพร่ผู้สมัครไปทั่วประเทศและหากไม่แก้จะทำให้มีพรรคการเมืองหลายร้อยพรรค 

เมื่อแก้ประเด็นนี้แล้วจะทำให้เหลือเพียงพรรคการเมืองหลาย 10 พรรคที่เข้าหลักเกณฑ์ ซึ่งคิดว่าเพียงพอที่ประชาชนจะเลือกพรรคใดพรรคหนึ่งด้วยคะแนนหนึ่งเสียงของท่าน และพรรคการเมืองใดได้คะแนนน้อยกว่าร้อยละ 1 ของคะแนนเสียงรวมทั้งประเทศให้ถือว่าไม่มีส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองนั้นได้รับเลือกตั้งและไม่ให้นำคะแนนเสียงดังกล่าวมารวมคะแนนเพื่อหาสัดส่วนส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งประเด็นนี้เพื่อไม่ให้มีส.ส.ปัดเศษ ดังนั้นพรรคการเมืองต้องได้ ส.ส.อย่างน้อย 1% ถึงจะได้ ส.ส.หนึ่งคน นอกจากนั้นแก้ไขเมื่อมีการเลือกตั้งซ่อมส.ส.ภายใน 1 ปีจะไม่มีการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อใหม่

ประเด็นที่ 3 เสนอแก้ไขมาตรา 144 การพิจารณาพ.ร.บ.งบประมาณ ซึ่งในรัฐธรรมนูญปี 60 มีปัญหากระทบต่อการหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องการจัดทำงบประมาณ จึงได้เอาข้อความตามรัฐธรรมนูญปี 50 มาตรา 168 มาใช้แทน 

ประเด็นที่ 4 การแก้ไขมาตรา 185 เพื่อแก้ไขอุปสรรคการทำงานของส.ส.และส.ว.ให้สามารถติดต่อส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ เจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อช่วยเหลือประะชาชนในพื้นที่ เนื่องจากตาามรัฐธรรมนูญที่บังคับใช้อยู่ปัจจุบัน ถ้าประชาชนเดือนร้อนจะขอร้องให้ ส.ส.หรือ ส.ว.ติดต่อราชการทำไม่ได้ เพราะเป็นการก้าวก่ายแทรกแซง ดังนั้นการแก้ไขมาตรา 185 โดยใช้รัฐธรรมนูญปี 40 มาตรา 114 มาใช้แทน 

ประเด็นที่ 5 แก้ไขบทเฉพาะการ มาตรา 270 เปลี่ยนแปลงอำนาจวุฒิสภา ซึ่งในรัฐธรรมนูญปี 60 ดำเนินการอยู่ฝ่ายเดียว จึงเปลี่ยนให้เป็นอำนาจรัฐสภาเพื่อให้ส.ส.และส.ว.มีอำนาจติดตามและเสนอแนะ และเร่งรัดการปฏิรูปประเทศเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย และการจัดทำตามยุทธศาสตร์ชาติ 

“พรรคพลังประชารัฐมีความตั้งใจแน่วแน่ ที่จะให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเกิดขึ้นกับประชาชนและไม่มีความขัดแย้งรวมทั้งเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เสร็จโดยที่ไม่มีค่าใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินที่จะให้เสียในการทำประชามติ ที่สำคัญใช้เวลาน้อย ที่สำคัญคิดว่าในการยื่นแก้ไขในวันที่ 7 เมษายนนี้และจะมีการเปิดประชุมสภาสมัยสามัญในวันที่ 22 พฤษภาคม ผมจะกราบเรียนประธานรัฐสภาว่าขอให้มีการจัดประชุมร่วมรัฐสภาในวันที่ 25 พฤษภาคม เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่พรรคพลังประชารัฐเสนอเป็นวาระแรก ดังนั้นถ้าพิจารณาในวาระแรกได้ ในวันที่ 25 พฤษภาคม และกรรมาธิการคงจะพิจารณาใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือนแล้วเสร็จปลายเดือนมิถุนายนและเข้าสู่การพิจารณาวาระ 2 ที่ประชุมรัฐสภา ต้นเดือนกรกฎาคม และวาระที่ 3 น่าจะกลางเดือนหรืออย่างช้าก็ปลายเดือนกรกฎาคม ซึ่งคิดว่าร่างรัฐธรรมนูญที่พรรคพลังประชารัฐเสนอคาดว่าจะได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมรัฐสภา เพราะจากการพูดคุยทางส.ว.ก็เห็นชอบด้วย” นายไพบูลย์ กล่าว 

นายไพบูลย์ กล่าวต่อว่า ขอเรียกร้องไปยังฝ่ายค้านหรือส.ส.ที่ต้องการยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ พิจารณาเนื้อหาตามที่พรรคพลังประชารัฐเสนอ และเชื่อว่าฝ่ายค้านน่าจะเสนอญัตติคล้ายๆ กันเพื่อให้ได้รับการยอมรับร่วมกัน เพราะ ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐจะไม่ยอมรับในเนื้อหาที่เกินไปกว่า 5 ประเด็นที่นำเสนอ โดยเฉพาะข้อเสนอให้ตัดอำนาจของ ส.ว. เกี่ยวกับการร่วมลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีในรัฐสภา อย่างไรก็ตาม ญัตติที่เสนอ มีเพียง ส.ส. ของพรรคพลังประชารัฐ เพียงพรรคเดียวที่ร่วมลงชื่อ ขณะนี้ยังรอให้ ส.ส.ได้ลงชื่อ ส่วนที่ไม่ร่วมเสนอญัตติร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลอีก 3 พรรคนั้นเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา เพราะอาจมีความเห็นไม่ตรงกัน ทั้งนี้ขอยืนยันว่าพรรคพลังประชารัฐมีความต้องการจะให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ และรัฐธรรมนูญ ทั้ง 279 มาตรา สามารถที่จะเสนอแก้มาตราใดก็ได้ แต่สิ่งที่เสนอนั้นยืนยันว่าจะไม่สร้างความขัดแย้งกับพรรคร่วมรัฐบาลเพราะเป็นประโยชน์กับประชาชนและไม่ใช่การชิงอำนาจรัฐ

นายไพบูลย์ กล่าวถึงเหตุผลของการเสนอแก้ไขระบบเลือกตั้ง จากจัดสรรปันส่วนผสม ไปเป็นการเลือกตั้งระบบปกติเหมือนรัฐธรรมนูญ 2540 ว่า เป็นไปตามความเห็นส่วนใหญ่ ร้อยละ 90 ของ ส.ส.ในสภาฯ ที่ต้องการให้กลับมาใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบอย่างไรก็ตาม ตนไม่คิดว่าการปรับระบบเลือกตั้งดังกล่าวจะทำให้พรรคการเมืองบางพรรคได้เปรียบหรือเสียเปรียบระหว่างกัน ส่วนที่แก้ไขแล้วมีผลกระทบกับบางพรรคนั้น ส่วนตัวมองว่าต้องรับฟังเสียงส่วนใหญ่ของ ส.ส. ที่ต้องการให้แก้ไขเนื้อหา 

เมื่อถามว่าการแก้ไขระบบเลือกตั้งจะทำให้พรรคพลังประชารัฐได้เปรียบในการเลือกตั้งครั้งหน้าใช่หรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวในความเห็นส่วนตัว เชื่อว่า พรรคพลังประชารัฐได้รับความนิยมจากประชาชนและความนิยมดังกล่าวจะเพิ่มมากขึ้น ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นเพื่อรองรับการยุบสภาช่วงปลายปี 2564 นั้นตนไม่เชื่อว่าจะยุบสภาฯ เพราะรัฐบาลจะอยู่ครบเทอมถึงปี 2565 อีกทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับการยุบสภา ซี่งเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี และ ส.ส.เข้าชื่อกันเพื่อยื่นเรื่องให้นายกรัฐมนตรียุบสภา ซึ่งจากที่พูดคุยกับ ส.ส.พรรคฝ่ายค้านและรัฐบาลไม่มีใครอยากยุบสภา ส่วนที่มีระบุว่าหากแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วต้องยุบสภาฯ นั้น ที่ผ่านมาไม่เคยมีธรรมเนียมปฏิบัติดังกล่าว และรัฐบาลไม่เคยระบุว่าต้องยุบสภา และไม่เคยได้ยินประเด็นนี้จากฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

กกล.เทพสตรี ลาดตระเวนพบการลักลอบขนยางพาราหนีภาษี พื้นที่ อ.กระบุรี จ.ระนอง   

ที่บริเวณชายแดน พื้นที่ริมแม่น้ำกระบุรี ม.2 ต.ปากจั่น อ.กระบุรี จ.ระนอง กองกำลังเทพสตรี โดย หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 ขณะปฏิบัติหน้าที่ซุ่มเฝ้าตรวจตามแนวชายแดนพื้นที่ริมแม่น้ำกระบุรี ตามช่องทางธรรมชาติ เพื่อป้องกันการลักลอบหลบหนีเข้าเมือง และลักลอบขนสินค้าทางการเกษตร ตรวจพบผู้ลักลอบนำเข้ายางพาราหนีภาษีจากประเทศเพื่อนบ้าน ขณะทำการลักลอบขนยางพาราแผ่น จึงแสดงตนเข้าทำการตรวจสอบ ทำให้ผู้ที่กำลังขนย้ายยางพารากระโดดน้ำหลบหนีไปได้

จากการตรวจสอบ พบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า สีดำ ทะเบียน บฉ 2530 ระนอง จำนวน 1 คัน บรรทุกยางพาราแผ่น น้ำหนักประมาณ 2,500 กก. และพบยางพาราแผ่น กองอยู่ริมน้ำ น้ำหนักประมาณ 500 กก. และเรือหางยาว บรรทุกยางพาราแผ่น อีกประมาณ 500 กก. รวมยางพาราแผ่นทั้งหมด น้ำหนักประมาณ 3,500 กก. เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งผู้นำชุมชนให้ทราบ และตรวจยึดของกลางดังกล่าว มายัง บก.ร้อย.ร.2521 เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top