Saturday, 21 June 2025
TheStatesTimes

สุโขทัยเขียนลายสังคโลกบนผืนผ้า งานอาร์ตเวิร์คช้อป สร้างรายได้แก่คนรักงานศิล์ปที่“บ้านปรีดาภิรมย์”

ถ้าเอ่ยคำว่า ‘ลายสังโลก’ หลายคนน่าจะนึกถึงเครื่องปั้นดินเผาสังคโลก เซรามิก เท่านั้น ที่สุโขทัยลายสังคโลกสวยๆ จากงานบรรจงฝีมือลงบนผืนผ้า ก็มีให้ชม ให้ใช้ ให้เลือกหา บ่งบอกถึงสุโขทัยเช่นกัน ‘ลายสังโลก’ ถือเป็นเอกลักษณ์ของสุโขทัยมาช้านาน ไม่ว่าจะเป็นชิ้นงานจากเครื่องปั้นสังคโลก หรือจะเป็นลวดลายบนผืนผ้าที่เรานำมาใช้ประจำวัน เช่นเสื้อ หมวก ร่ม โคมไฟ  ย่าม กระเป๋า พัด กรอบภาพโชว์ และงานจากการสร้างขึ้นมาอื่น ๆ จากผ้า ที่มีความหมายสำคัญในชีวิตและวัฒนธรรมของสุโขทัย ‘ลายสังโลก’ก็ยังมีบทบาทสำคัญอย่างต่อเนื่องในประวัติศาสตร์และอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของสุโขทัยและคนไทย โดยลวดลายที่ถูกเขียนลงบนผืนผ้าสามารถบอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ความเป็นมาได้ ในยุคหลายร้อยปี   

งานศิลปะไม่ใกล้ไม่ไกลจากอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยในเขตชุมชนเมืองเก่า จ.สุโขทัย มีบ้านไม้หลังหนึ่ง รอให้ทุกคนได้มาสร้างสรรค์ลวดลายสังคโลกผ่านผืนผ้าที่ “บ้านปรีดาภิรมย์” ที่นี่เราจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับรูปแบบและความหมายของลวดลายสังคโลก ซึ่งถือเป็นงานหัตถกรรมที่สำคัญของสุโขทัยมาช้านาน โดยปกติแล้วเรามักจะเห็นลวดลายสังคโลกอยู่บนเซรามิก หรือเครื่องปั้นสังคโลก ที่เมืองเก่าแห่งนี้คือต้นกำเนิดของสุโขทัยทุกวันนี้ มีหญิงสาวท่านหนึ่งที่ถูกปลูกฝังในความเป็นคนสุโขทัยที่มีเอกลักษณ์และศิลปะในตัวเธอ คุณธารารัตน์ ปรีดาภิรมย์ “หรือฝน” ตัวเธอและครอบครัว และชาวบ้านชุมชนเมืองเก่าต้องการที่จะอนุรักษ์ สืบสานลวดลายบนเครื่องสังคโลกเอาไว้ไม่ให้หายไปตามกาลเวลา จึงเกิดเป็นกิจกรรมเวิร์คช้อปดี ๆ ให้นักท่องเที่ยว และบุคคลทั่วไปที่สนใจได้เข้ามามีส่วนร่วมในการหัดเขียนลวดลายสังคโลก

คุณธารารัตน์ ปรีดาภิรมย์  เอ่ยไว้น่าสนใจว่า การลงมือวาดลวดลายต่างๆ ของ‘ลายสังโลก’ ลงบนผืนผ้า เสื้อยืด กระเป๋าหรือโคมไฟ ไม่ว่าจะเป็น ลวดลายสัตว์ (ลายปลา ลายนกคุ้ม) ลวดลายพืชพรรณ (ลายดอกบัว ต้นไม้) และลวดลายเรขาคณิตแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์กับวิถีชีวิต สังคม ความเชื่อและรูปแบบศิลปะเฉพาะของสุโขทัย จะเป็นวิธีการหนึ่งที่จะทำให้เกิดความเข้าใจในคุณค่าของ “จิตวิญญาณของวัฒนธรรม” เมืองสุโขทัย และเข้าใจอัตลักษณ์ของความเป็นสุโขทัยมากขึ้น และผู้ที่มาเรียนรู้เพื่อขยายคนสร้างงานศิล ใจรัก หรือ ทำเป็นอาชีพเสริม อาชีพหลัก ก็ล้วนแล้วแต่ความชอบของแต่ละคนที่สนใจ ส่วนตัวฝนและครอบครัว ก็ยังใช้งานที่รักนี้มาเป็นงานสร้างรายได้ สร้างผลงาน เพิ่มความรู้และแบ่งปันความรู้สู่ผู้อื่นมาทั้งชีวิตเช่นกัน


ภาพ/ข่าว  สุริยา ด้วงมา (จ.สุโขทัย)

“จุรินทร์” รุกแก้ รธน. เผยยกร่างเสร็จแล้ว เตรียมขอเสียงพรรคร่วมช่วงเปิดประชุมวิสามัญ พร้อมหนุน พรบ. ประชามติวาระ 3

เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญว่า ตนได้สั่งการให้ทีมกฎหมายของพรรคได้ยกร่าง และขณะนี้ได้ดำเนินการยกร่างเสร็จแล้ว ทั้งในประเด็นของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 รวมไปถึงในเรื่องอำนาจการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีของวุฒิสมาชิก และประเด็นอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ถัดจากนี้ในช่วงเปิดสภาสมัยวิสามัญ ในวันที่ 7-8 เมษายน ที่จะถึงนี้ จะได้นำไปขอเสียงสนับสนุนจากพรรคร่วมรัฐบาลในเบื้องต้นต่อไป ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสให้ ส.ส. ทุกคนได้มาร่วมกันลงชื่อ เพื่อจะนำไปเสนอต่อประธานรัฐสภา ในการบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระต่อไป 


“ผมยืนยันอีกรอบนึงว่า การแก้รัฐธรรมนูญเป็นเรื่องจำเป็นที่ประเทศจะต้องเดินหน้าไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น เราจะทำควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชน นั่งคือขณะที่เรากำลังแก้ปัญหาการเมือง ก็จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจควบคู่กันไปด้วย เพราะทั้ง 2 อย่างนี้เอื้อ และมีผลต่อกัน ถ้าการเมืองไม่นิ่ง มีคนชุมนุมอยู่เต็มถนน การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจก็ยากที่จะดำเนินการไปได้ด้วยความราบรื่นและประสบความสำเร็จได้โดยง่าย เพราะฉะนั้นทั้ง 2 เรื่องนี้ต้องทำควบคู่กันไป ซึ่งเป็นแนวทางของประชาธิปัตย์ที่มีความชัดเจน” นายจุรินทร์กล่าว 

ส่วนเรื่องแผนงานที่พรรคประชาธิปัตย์จะเดินหน้าทางการเมืองในภาคใต้ หัวหน้าพรรคกล่าวว่า ที่ผ่านมามี ส.ส. ทั้งหมด 50 ที่นั่งในภาคใต้ ซึ่งประชาธิปัตย์ได้มา 22 ที่นั่งในการเลือกตั้งครั้งที่แล้วก่อนที่ตนมาเป็นหัวหน้าพรรค แต่ถัดจากนี้ก็มีแผนงานที่จะเดินหน้าเพื่อเพิ่มที่นั่งในพื้นที่ภาคใต้ โดยพรรคจะเปิดโอกาส และเปิดพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่ หรือคนใหม่ ๆ เปิดโอกาสให้เลือดใหม่ได้เข้ามามีส่วนร่วมงานทางการเมืองกับประชาธิปัตย์มากขึ้นโดยไม่มีข้อจำกัด 


“วันนี้ได้มีการเปิดตัวคิวอาร์โค้ด ที่ทุกท่านสามารถสแกนเข้าไป แล้วเข้าไปกรอกข้อความเพื่อมาร่วมทีมกับพรรคประชาธิปัตย์ในพื้นที่ภาคใต้ได้ ไม่ว่าจะในรูปแบบที่ท่านสนใจลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ในอนาคต หรือต้องการเป็นผู้สมัครการเมืองท้องถิ่นในอนาคต หรือต้องการมาเป็นคณะทำงานคณะใดคณะหนึ่งของพรรค หรือมาเป็นคลังสมองในด้านต่าง ๆ การเมือง เศรษฐกิจ สังคม และด้านอื่น ๆ ให้กับพรรค หรือประสงค์จะเข้าร่วมกิจกรรมในพื้นที่ที่ท่านถนัด หรือในอำเภอ จังหวัดที่ท่านสนใจ ก็สามารถดำเนินการได้ทั้งหมด ด้วยการสแกนคิวอาร์โค้ดแล้วกรอกรายละเอียด หรือเข้าเวปไซต์ www.democrat.or.th ซึ่งสิ่งนี้ถือเป็นการเปิดพื้นที่พรรคประชาธิปัตย์ให้กับเลือดใหม่ในภาคใต้ที่สนใจเข้ามาร่วมงานการเมืองกับพรรค ภาพใหญ่ที่สุดก็คือถัดจากนี้หากท่านสนใจสมัครเป็นผู้แทนของพรรค พรรคก็จะรับไว้พิจารณาเพื่อส่งเป็นผู้สมัครในพื้นที่ต่อไปในอนาคตได้ด้วย”  หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว


 

“เทมส์” พรรคกล้าภูเก็ต ขอประชาชนเข้ารับวัคซีน ฟื้นท่องเที่ยวภูเก็ต ดัน “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” รับนักท่องเที่ยวไม่ต้องกักตัว ให้เกิดขึ้นได้จริง 1 ก.ค.นี้ เสนอรัฐร่วมมือเอกชนรณรงค์ให้คนเห็นความสำคัญในการฉีดวัคซีน

นายเทมส์ ไกรทัศน์ สมาชิกพรรคกล้า และเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ต กล่าวหลังเข้ารับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อโควิด-19 โดยขอให้ประชาชนมั่นใจและเข้ารับการฉีดวัคซีนช่วยกันทำให้โมเดล “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” นำร่องเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยไม่ต้องกักตัวเกิดขึ้นได้จริงในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 นี้ แต่จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของพี่น้องประชาชน ตามแผนการฉีดวัคซีนที่ภาครัฐตั้งไว้ที่ 100,000 โดสภายในเดือนเมษายนนี้, อีก 300,000 ในเดือนพฤษภาคม, 260,000 โดสในเดือนมิถุนายน และเดือน ก.ค. อีก 260,000 โดส รวมเป็นทั้งสิ้น 920,000 โดส จึงจะมีความมั่นใจมากพอเพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้โดยไม่ต้องมีการกักตัว

นายเทมส์ กล่าวว่า ทราบว่าบางพื้นที่ที่ได้รับการกระจายวัคซีน แต่การฉีดวัคซีนได้ไม่ตามเป้า ซึ่งภูเก็ตจะเป็นเช่นนั้นไม่ได้ เพราะภูเก็ตเป็นหนึ่งในจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มากที่สุด รายได้ของภูเก็ตเกือบทั้งหมดขึ้นอยู่กับการท่องเที่ยว เมื่อรัฐบาลให้โอกาสภูเก็ตเป็นจังหวัดนำร่อง ก็ต้องช่วยกันฟื้นการท่องเที่ยวให้ได้มากที่สุด

ส่วนเช้าวันที่ 3 เมษายนนี้ ที่ภูเก็ตนำร่องเปิดรับเที่ยวบินจากแฟรงก์เฟิร์ต รับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีผลตรวจเป็นลบ กักตัว 7 วัน ท่องเที่ยวในพื้นที่จำกัด นายเทมส์ กล่าวว่า เป็นสัญญาณว่ารัฐบาลเห็นศักยภาพภูเก็ต ซึ่งเป็นเรื่องดีที่ได้เห็นภาคเอกชนอำนวยความสะดวกสถานที่ให้ภาครัฐจัดบริการให้วัคซีนหลายพื้นที่ในจังหวัดภูเก็ต และดียิ่งขึ้นหากหน่วยงานรัฐ บริษัทห้างร้าน กิจการต่างๆ เร่งประชาสัมพันธ์ให้คนในพื้นที่หรือแรงงานในสังกัดเข้ารับวัคซีน เพื่อเศรษฐกิจชาวภูเก็ตจะได้กลับมาฟื้นอีกครั้ง

"ราชทัณฑ์" จับมือ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เปิดโรงเรียนผู้สูงอายุทางอากาศต้นแบบ "เรือนจำจังหวัดนนทบุรีโมเดล"

วันพฤหัสบดีที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๔ นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ฝ่ายบริหาร ผศ.ดร.นิคม แหลมสัก รองอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคมมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เป็นประธานในพิธีเปิดโรงเรียนผู้สูงอายุทางอากาศต้นแบบ "เรือนจำจังหวัดนนทบุรีโมเดล" เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตต้นแบบ "เรือนจำจังหวัดนนทบุรี" ด้านการส่งเสริมและเผยแพร่ข้อมูลการพัฒนาคุณภาพชีวิต และการจัดการเรียนรู้ตลอดชีวิตของผู้สูงอายุ ณ เรือนจำจังหวัดนนทบุรีโครงการโรงเรียนผู้สูงอายุทางอากาศ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตต้นแบบ "เรือนจำจังหวัดนนทบุรี"เกิดขึ้นภายใต้ความร่วมมือของ กรมราชทัณฑ์ โดย เรือนจำจังหวัดนนทบุรี และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์โดย สถานีวิทยุมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (สถานีวิทยุ ม.ก. ด้วยการเปิดรับสมัครผู้ต้องขังสูงอายุในเรือนจำจังหวัดนนทบุรี จำนวน 30 คน เพื่อร่วมอบรมเกี่ยวกับการจัดกระบวนการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ต้องขังสูงอายุทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ

โดยมุ่งเน้นให้ผู้ต้องขังสูงอายุมีสุขภาพอนามัยที่สมบูรณ์ แข็งแรง คลายความวิตกกังวลในขณะที่อยู่ภายในเรือนจำ มีส่วนร่วมในการพัฒนาทักษะอาชีพ พัฒนาองค์ความรู้ที่ได้รับจากการอบรมนำไปต่อยอดให้กับผู้ต้องขังในเรือนจำรุ่นต่อไป ซึ่งจะช่วยเหลือผู้ต้องขังสูงวัยให้ดำรงตนอย่างมีคุณค่า  ทางสถานีวิทยุ ม.ก. จะให้การสนับสนุนการพัฒนาความรู้ เปิดโอกาสให้ผู้ต้องขังและเจ้าหน้าที่ได้เข้าถึงองค์ความรู้ในแขนงวิชาต่าง ๆ อาทิ ความรู้ด้านกฎหมาย ๒,ด้านสุขภาพ ๓.ด้านโภชนาการ๔.ด้านเศรษฐกิจและสังคม ๕.ด้านพระพุทธศาสนา ๖.ด้านการใช้ภาษาและการสื่อสาร ๗.ด้านการออม และ ๘.การจัดกิจกรรมสันทนาการ ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ต้องขังสูงวัย ให้มีสุขภาพใจและร่างกายแข็งแรงสามารถสร้างผู้สูงวัยอย่างมีคุณภาพ "Active Aging"

พร้อมต่อยอดถ่ายทอดองค์ความรู้สู่ผู้ต้องขังสูงวัยในรุ่นต่อไป  ผ่านเครือข่ายสถานีวิทยุ ม.ก. โดยมีเนื้อหาหลักสูตรใน ๕ มิติ ได้แก่ ด้านร่างกาย เน้นในเรื่องการดูแลสุขภาพของตนเอง ด้านจิตใจ เน้นการรู้จักบริหารสุขภาพจิต ด้านสังคม เน้นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ การเรียนรู้ภูมิปัญญาไทย การเปลี่ยนแปลงของสังคม สิทธิและสวัสดิการสังคมสำหรับผู้สูงอายุ ด้านเศรษฐกิจและกิจกรรมสันทนาการ การฝึกทักษะอาชีพ การให้ความรู้เรื่องการออมในผู้สูงวัย และด้านจิตปัญญา การส่งเสริมให้เข้าถึงธรรมชาติและสัจธรรมพร้อมกันนี้ ยังเป็นต้นแบบให้กับเรือนจำอื่น ๆ ในการต่อยอดองค์ความรู้ และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับผู้ต้องขังสูงอายุ

ตามมาตรการขับเคลื่อนระเบียบวาระแห่งชาติ เรื่อง สังคมสูงอายุ โดยมีแนวทางและรูปแบบการให้การศึกษาผ่านทางเครือข่ายสถานีวิทยุ ม.ก. เป็นหลัก โดยออกอากาศ ทั้ง ๔ ภูมิภาค ในระบบ เอ.เอ็ม. สเตอริโอและผู้ต้องขังสูงอายุ ยังสามารถรับชม-รับฟัง ทั้งภาพและเสียงผ่านทางเครือข่ายของสถานีวิทยุ ม.ก. ณ สถานที่เรือนจำจังหวัดนนทบุรีได้กำหนดไว้ ซึ่งผู้เข้าร่วมโครงการทั้ง 30 คน ต้องติดตามรับฟังรายการวิทยุอย่างต่อเนื่องตลอดหลักสูตร ๑ เดือน ๒ สัปดาห์ ออกอากาศเนื้อหาหลักสูตรเริ่มตั้งแต่วันที่ ๒ เมษายน - ๑๒ พฤษภาคม๒๕๖๔ รวม ๒๙ หลักสูตร จึงจะได้รับประกาศนียบัตรจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

เพชรบูรณ์ เกษตรอำเภอวังโป่ง จัดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยี (Field Day) เพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานที่ อาคารคัดแยกมะขามหวาน วิสาหกิจชุมชนไม้ผลตำบลซับเปิบ หมู่ที่ 2 ตำบลซับเปิบ อำเภอวังโป่ง จังหวัดเพชรบูรณ์  นายนาวิน สังฆมาตร นายอำเภอวังโป่ง เป็นประธานเปิดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยี (Field  Day) เพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่  โดยมี นางชรินรัตน์ ตีทอง เกษตรอำเภอวังโป่ง  กล่าวรายงาน หัวหน้าส่วนราชการอำเภอวังโป่ง นายกองค์การบริหาร ส่วนตำบลซับเปิบ กำนัน-ผู้ใหญ่บ้านตำบลซับเปิบ สำนักงานตรวจบัญชีและสหกรณ์  ชลประทานจังหวัดเพชรบูรณ์ สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม สถานีพัฒนาที่ดินเพชรบูรณ์ เข้าร่วม และสาธารณสุขอำเภอวังโป่ง ได้มีการคัดกรองผู้เข้าร่วมกิจกรรมเพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโรคโควิด-19

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ให้ความสำคัญกับเกษตรกรทั่วประเทศ จึงได้มีนโยบายเพื่อเตรียมความพร้อมของเกษตรกรที่จะเริ่มต้นเข้าสู่ฤดูกาลผลิตใหม่ และได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตร เป็นแกนหลักในการจัดงาน โดยใช้ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) จำนวน 882 ศูนย์ หรือศูนย์เครือข่ายในพื้นที่เป็นสถานที่จัดงาน เพื่อกระตุ้นให้เกษตรกรเริ่มต้นการผลิตในปีการเพาะปลูกใหม่ โดยใช้เทคโนโลยีและภูมิปัญญาที่มีความเหมาะสมกับพื้นที่ ช่วยในการลดต้นทุนการผลิต  การเพิ่มผลผลิต และการพัฒนาคุณภาพผลผลิต เป็นการสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนในอาชีพ ให้เกษตรกรทุกท่านที่มาร่วมงาน  ให้ความสนใจเรียนรู้จากฐานเรียนรู้และองค์ความรู้จากเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จในอาชีพการเกษตรสาขาต่าง ๆ ตลอดจนข่าวสารที่ได้รับจากเจ้าหน้าที่ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่มาให้บริการข้อมูลข่าวสาร  เพื่อนำไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรรายอื่นได้ทราบ เพื่อพัฒนาการเกษตรของอำเภอวังโป่งต่อไป

กิจกรรมวันนี้มีบุคคลเป้าหมายเข้าร่วมงานเป็นเกษตรกรที่อยู่ ในพื้นที่อำเภอวังโป่ง จำนวน  130  ราย โดยแบ่งเกษตรกรเข้าฐานเรียนรู้ กลุ่มละ 25 ราย โดยใช้เวลาเรียนรู้ฐานละ 30 นาที หมุนเวียนการเรียนรู้ จนครบทุก 4 ฐาน แล้วจึงสรุปผลการเรียนรู้ร่วมกัน โดยมี ฐานเรียนรู้ที่ 1 การผลิตและแปรรูปมะขามหวานคุณภาพ  ,ฐานที่ 2 การผลิตสารชีวภัณฑ์ สอนวิธีการขยายเชื้อราบิวเวอร์เรีย ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ทางการเกษตรใช้ควบคุมแมลงศัตรพืชเช่นเพลี้ยอ่อน เพลี้ยไฟ มวนเขียว ด้วงแรด ด้วงหนวดยาว ฯลฯ ,ฐานที่ 3 การเลี้ยงสัตว์เศรษฐกิจ (หนูนา) ให้ความรู้เกี่ยวกับระบบการเลี้ยงหนูแบบแยกคลอด การเตรียมบ่อเลี้ยง และวิธีการเลี้ยงหนูขุน ,ฐานที่ 4 การผลิตข้าวคุณภาพดี ให้ความรู้เกี่ยวกับการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว ให้มีมาตรฐานและคุณภาพที่ดี

ด้าน นางชรินรัตน์ ตีทอง เกษตรอำเภอวังโป่ง  กล่าวว่า ในวันนี้เราได้ให้พี่น้องเกษตรกรจำนวน 100 กว่ารายมาแลกเปลี่ยนความรู้ กับพี่น้องเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จด้านการเกษตรแล้ว  ซึ่งหวังว่างานวันถ่ายทอดเทคโนโลยี (Field  Day) เพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ ในครั้งนี้น่าจะมีส่วนที่ดีที่พี่น้องเกษตรกรได้มาพบปะกัน สิ่งสำคัญที่สุดเกษตรกรอยู่ในพื้นที่เดียวกันซึ่งเขาจะได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ต่อกันได้เป็นอย่างดี


ภาพ/ข่าว  เดชา  มลามาตย์ / มนสิชา  คล้ายแก้ว

‘อานนท์ แสนน่าน’ เตือนอดีตหมู่บ้านเสื้อแดงอย่าหลงเชื่อออกมาล้ม ‘รัฐบาลบิ๊กตู่’ ที่มาจากการเลือกตั้ง ระบุใครพาพวกเราไปติดคุกและตาย สุดท้ายคนที่สบายคือแกนนำ ‘ติดคุกวันละนิดได้เงินวันละหน่อยวันละล้านสองล้าน’ แล้วออกมาแบบสบาย ๆ

นายอานนท์ แสนน่าน ผู้ริเริ่มก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า วันนี้ตนออกมาส่งสัญญาณถึงอดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงทุกหมู่บ้านของประเทศไทย ที่มีอยู่กว่า 28,580 หมู่บ้าน ว่า อย่าไปหลงเชื่อคำเชิญชวนของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ที่จะเรียกร้องให้ประชาชนออกไปขับไล่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เป็นนายกรัฐมนตรีมาจากการเลือกตั้ง เพราะมักจะใช้วลีเดิม ๆ ที่ว่าขับไล่รัฐบาลเผด็จการ

แต่วันนี้ พล.ประยุทธ์ ได้ประกาศให้มีการเลือกตั้งตามที่พวกเราเรียกร้องขอและการเลือกตั้งผ่านมาทางพรรคพลังประชารัฐ ชนะการเลือกตั้งแล้วเลือก พล.อ.ประยุทธ์ มาเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อประเทศไทยได้เกิดวิกฤติโควิด-19 ระบาดอย่างหนักทางรัฐบาลก็ได้จัดสรรงบประมาณออกมาเยี่ยวยาช่วยเหลือประชาชน ถ้าวันนี้ไม่มีนายกรัฐมนตรีคนชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เราเชื่อได้ว่าประชาชนต้องป่วยและล้มตายจากไวรัสโควิด-19 ระบาดอย่างแน่นอน

และที่สำคัญประชาชนจะอดตาย เพราะไม่มีรายได้ แต่ทางรัฐบาลเองก็ออกมาช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องจนภาคธุรกิจ ภาคเกษตรกรรม และ ประชาชนลืมตาอ้าปากได้อีกครั้งหนึ่ง

อดีตที่ผ่านพวกเรา “อดีตหมู่บ้านเสื้อแดง” ออกมาต่อสู้ ติดคุก บ้านแตกสาแหรกขาด และ ล้มตาย แล้วกลุ่มแกนนำคนเหล่านี้!พวกเขาหนีหายไปไหนกัน? เคยได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของพวกเรากันบ้างหรือไม่ หากแต่ว่าวันนี้กลับเสนอหน้าออกมาร้องขอกำลังคนเข้าร่วมเพิ่มพูนศักยภาพให้กับพรรคพวก เสียงเรียกร้องของพวกเรามันคงเป็นเพียงเสียงกระซิบ ที่ผู้หลักผู้ใหญ่เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ทำเหมือนหูทวนลมไม่ต้องการรับรู้ใด ๆ ทั้งสิ้น หากแต่ว่าวันนี้กลับถามหาอุดมการณ์จากพวกเรา มันช่างดูน่าตลกขบขันเสียกระไร และสุดท้ายคนที่สบายคือแกนนำ “ติดคุกวันละนิดได้เงินวันละหน่อย...วันละล้านสองล้าน” ติดคุกไม่กี่เดือนแล้วออกมาเดินข้างนอกแบบสบาย ๆ

นายอานนท์ กล่าวอีกว่า จากการต่อสู้เชิงสัญลักษณ์ย้อนกลับมาสู่โลกความเป็นจริง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ประโยคเหล่านี้เราได้ยินกันมาตั้งแต่เราจำความได้ อย่าพยายามเติมเชื้อเพลิงให้คนไทยต้องแตกแยกทางความคิดไม่ว่าคุณจะพยายามมากแค่ไหน ก็ไม่มีวันสำเร็จ แผ่นดินที่เราเกิดและเป็นไทยได้ทุกวันนี้ก็เพราะพระมหากษัตริย์ที่ท่านได้เสียสละเลือดเนื้อเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทย

“สิ่งที่เราควรตระหนักคือความจงรักภักดีต่อสถาบัน คนรุ่นหลังอย่างผมไม่จำเป็นต้องถูกซื้อตัวความจงรักภักดีมันอยู่ในสายเลือดไม่จำเป็นต้องป้อนกล้วยแล้วถึงจะขยับ โปรดอย่าเอาตัวตนของคุณมาชี้วัดคุณค่าของความเป็นคนของใคร”

นายอานนท์ กล่าวด้วยว่า จากสถานการณ์ตอนนี้ ใครจะเชื่อ หรือไม่เชื่อไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะตนมองว่ามวลชนที่อยู่กับตน ต้องมีชีวิต และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ไม่ต้องเสียน้ำตาให้กับอดีตที่ผ่านมา เราทุกคนเหน็ดเหนื่อยและรู้สึกอ่อนล้าเมื่อต้องพูดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา บางชีวิตที่เหมือนตายทั้งเป็นบางคนติดคุกบางคนลี้ภัย บางคนหลบหนีคดี ครอบครัวต้องพลัดพรากจากกัน

"ผมเป็นคนหนึ่งที่ถูกกระทำ แต่ก็ไม่เคยปริปากบอกใคร เพราะรู้ดีว่าเส้นทางสายนี้ตัวเรากำหนดเอง ที่ผ่านมาถือว่าเป็นเพียงฝันร้าย เมื่อลืมตาตื่นชีวิตก็ต้องก้าวเดินไปต่อ เมื่อลมเปลี่ยนทิศ ทุกชีวิตที่เคยร่วมต่อสู้ก็ยังคงอยู่เพื่อเป็นกำลังใจให้กันและกัน ผมรู้สึกโชคดีที่มีเพื่อนพ้องน้องพี่ไม่เคยทอดทิ้งให้ผมต้องต่อสู้อยู่เพียงลำพัง เราปฏิเสธไม่ได้ที่จะเลือกข้างและยืนอยู่ข้างใครอุดมการณ์มีกันทุกคนไม่มีใครดีเกินใคร ขออย่าประณามกัน คุณมีเหตุผลของคุณเรามีเหตุผลของเรา อย่าเหมารวมว่าคุณเป็นคนดีและคนคิดต่างต้องกลายเป็นคนเลว และสำคัญวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ท่านมาจากการเลือกตั้ง ถ้าใครจะว่าอะไรก็ไปว่ากันในสภาผู้แทนราษฎร อย่ามาเป็นคนไม่รู้กาละเทศะลงถนนมาด่ากันจนประเทศไทยจะฉิบหายกันไปมากกว่านี้แล้ว” นายอานนท์ ระบุ

.

ที่มา : https://www.thansettakij.com/content/politics/474285


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

กลุ่มกะเหรี่ยงในไทย KTG เปิดรับบริจาค สิ่งของช่วยเหลือผู้หนีภัยสงครามเมียนมา

ระบุ ผู้หนีภัยสงครามส่วนใหญ่ไม่กล้ากลับเข้าบ้าน อาศัยหลบซ่อนในป่า ขาดแคลนเสบียง  ขณะที่สถานการณ์ชายแดนวันนี้ยังเงียบสงบไม่มีผู้อพยพข้ามมาแต่อย่างใด

ณ บ้านคะปวง ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน  น้องฟ้า ซึ่งเป็นผู้ดูแลรับสิ่งของบริจาคศูนย์ KTG ในพื้นที่ อ.แม่สะเรียง  ตัวแทน กลุ่มกระเหรี่ยงในประเทศไทย หรือ KTG  (Karen Thai Group) กำลังทำการรวบรวมสิ่งของบริจาคที่ได้จากพี่น้องกะเหรี่ยง และ ประชาชนไทย ในประเทศไทย ซี่งส่วนใหญ่เป็นข้าวสาร อาหารแห้ง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำดื่ม เสื้อผ้า และ  ผ้าใบสีฟ้า  ของใช้ยามหน้าฝน เช่น ผ้าใบกันฝน ซึ่งถ้าสถานการณ์ยึดเยื้อ พี่น้องที่หลบหนีกลางป่าจะได้มีที่พักพิงหลบฝนได้  โดยสิ่งของบริจาคได้ทยอยส่งมาอย่างต่อเนื่อง  ในวันนี้มีสิ่งของบริจาค ส่งมาจาก อ.แม่สอด จ.ตาก และ กลุ่มสตรีชาติพันธ์แม่สวด รวมกันส่งสิ่งของมากับรถโดยสาร จำนวน 5 คัน  ซึ่งเจ้าหน้าที่ KTG ระบุว่า พี่น้องชาวกะเหรี่ยงที่ได้รับผลกระทบจากภัยสู้รบเมียนมา ยังต้องการของบริจาคอีกเป็นจำนวนมาก เนื่องจากผู้หนีภัยสงครามส่วนใหญ่ไม่ได้กลับไปอยู่บ้านเรือนที่อยู่อาศัย แต่ยังคงอาศัยหลับนอนตามป่า ตามเขา เนื่องจากยังหวาดกลัวภัยสงคราม

โดยสิ่งของรับบริจาคส่วนใหญ่ ประกอบไปด้วย ข้าวสาร อาหารแห้ง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำดื่ม ยารักษาโรค และของใช้ยามหน้าฝน เช่น ผ้าใบกันฝน ซึ่งถ้าสถานการณ์ยึดเยื้อ พี่น้องที่หลบหนีกลางป่าจะได้มีที่พักพิงหลบฝนได้

ทั้งนี้  จากเหตุการณ์สู้รบที่เกิดขึ้นในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ส่งผลให้ประชาชน  เด็ก  ผู้หญิงและคนชราต้องทิ้งบ้านเรือนหนีภัยสงคราม แม้ต้องเดินทางกลับภูมิลำเนา แต่บางส่วนไม่กล้ากลับเข้าไปอยู่ตามบ้านเรือนที่อยู่อาศัยเดิม ยังคงหลบหนีซ่อนตัวอยู่ตามป่า และ เริ่มไม่มีเสบียง ทั้งนี้กลุ่มเครือข่ายกะเหรี่ยงในประเทศไทยจะดำเนินการขออนุญาตทางหน่วยงานรัฐในการดำเนินการส่งของออกไปช่วยเหลือพี่น้องชาวกะเหรี่ยงอย่างถูกต้องตามกฎหมาย หากยังไม่สามารถดำเนินการส่งของไปช่วยเหลือได้ ก็จะรวบรวมไว้ก่อนจนกว่าสถานการณ์จะปกติ หรือ จนกว่า ทางการไทยอนุญาตให้ส่งออกได้เท่านั้น


ภาพ/ข่าว  สุกัลยา  / ถาวร (อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน) 

รวบรวม ‘คนฮอต’ สู้อุณหภูมิร้อนเดือนเมษายน

ร้อน! ร้อน! ร้อน! เข้าเมษายนกันแล้ว ความร้อนก็ยังระอุต่อไป หันมาดูผู้คน โอ้ว! เดือดไม่เป็นสองรองกัน ช่วงนี้มีใครฮอตพอ ๆ กับอุณหภูมิกันบ้าง ไปดู!

เริ่มต้นจาก ส.ส.เจี๊ยบ นครปฐม ‘อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล’ เมื่อมีนาคมเธอก็ว่าร้อนแล้ว เข้าสู่เมษายน เธอก็ยังร้อนต่อไป! หลังจากดุเดือดจากเรื่องแบนร้านสุกี้กันไปแล้ว ยังมีก็อกสองตามมา กับการถูกร้องเรียน เรื่องไปร่วมชุมนุมม็อบ REDEM เมื่อวันที่ 20 มีนาคม ซึ่งจะเข้าข่ายผิดจริยธรรมความเป็นส.ส. หรือไม่ หากตรวจสอบพบว่ามีความผิดทางจริยธรรมจริง จะถูกส่งเรื่องต่อไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อส่งต่อศาลฎีกา พิจารณาความผิดต่อไป ซี้ดดดดด!

มาถึงคู่แม่ยก & พ่อยกม็อบ เอ้ย! หน่วยสนับสนุนการชุมนุมของเยาวชน นั่นคือ พี่ทราย เจริญปุระ และ พี่บุ๊ง - ปกรณ์ พรชีวางกูร ล่าสุดเจอปมร้อน ๆ กำลังถูกยื่นให้ตรวจสอบภาษี สืบเนื่องจากที่ทั้งคู่ เปิดรับบริจาคเงิน ในการชุมนุมเมื่อเดือนกันยายน 2563 ซึ่งอาจเข้าข่ายทำผิดกฎหมาย งานนี้จึงต้องตามดูผลว่า จะรอด หรือจะร่วง!

ด้านรุ่นพี่คนนี้ เขากลับมาแล้ว ณัฐวุฒิคัมแบ็ค! หลังจากครบกำหนดวันต้องโทษ ถอดกำไลอีเอ็มเรียบร้อย เต้น - ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ก็ออกแถลงข่าวทันที ไม่มีให้เรตติ้งตกแต่อย่างใด งานนี้เพิ่มดีกรีร้อน ๆ ด้วยการประกาศจะร่วมต่อสู้กับ ‘ม็อบน้อง ๆ’ ด้วยแน่นอน ส่วนจะสร้างตำนาน ‘เผาไปเลยครับพี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง’ อีกหรือไม่ ต้องติดตาม!

อีกหนึ่งรุ่นพี่ที่มาตามนัดเช่นกัน ตู่ - จตุพร พรหมพันธุ์ หลังเต้นฟุตเวิร์ก วิพากษ์วิจารณ์การชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมืองอยู่วงนอกมาพักใหญ่ ล่าสุดประกาศช่วยสุมไฟ เอ้ย! ประกาศชุมนุม ‘ไล่นายกฯ’ ในวันที่ 4 เดือน 4 นี้ เอาล่ะ! เมื่อตู่ออกมาไล่ตู่ งานนี้มีเดือด!

ปิดท้ายที่รุ่นน้องสายร้อนแรง ‘รังสิมันต์ โรม’ ได้ออกมาขอให้เชิญประธานศาลฎีกา มาชี้แจงเรื่องการไม่ให้ประกันตัวบรรดาแกนนำม็อบ งานนี้เป็นประเด็นร้อนทันที เพราะเชิญมาได้หรือไม่ และขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ รวมทั้งเป็นการแทรกแซงการทำงานและการตัดสินของศาลหรือไม่ สังคมต่างจดจ้องการร้องขอนี้ของทั่น ส.ส.โรม กันแบบตาไม่กระพริบเลยทีเดียว

เริ่มต้นเมษายนร้อนได้ใจขนาดนี้ เห็นทีจะเดือดกันยาว ๆ ทั้งเดือนแน่นอน!

"ศักดิ์สยาม" เดินหน้า Kick off อนุญาตให้รถวิ่งได้ 120 กม./ชม. เปิดเส้นทางต้นแบบ “ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 ช่วงบางปะอิน – ต่างระดับอ่างทอง”

วันที่ 1 เมษายน 2564 บริเวณ หมวดทางหลวงบางปะอิน นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธี “เริ่มต้นใช้ความเร็ว 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง บนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 (ช่วงหมวดทางหลวงบางปะอิน-ทางต่างระดับอ่างทอง)” ร่วมด้วยนายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง โดยมี นายปฐม เฉลยวาเรศ อธิบดีกรมทางหลวงชนบท นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา คณะผู้บริหารกระทรวงคมนาคม องค์กรปกครองท้องถิ่น และสื่อมวลชนร่วมงาน

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่ง

ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มอบนโยบายการปรับเพิ่มอัตราความเร็วของรถยนต์ จากความเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นความเร็วไม่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เฉพาะถนนที่ได้มาตรฐานตามที่กฎกระทรวงกำหนด มีช่องจราจรตั้งแต่ 4 ช่องขึ้นไป ไม่มีจุดกลับรถระดับราบ มีเกาะกลางถนนแบบกำแพงกั้น และมีความปลอดภัยด้านวิศวกรรมสูง โดยที่ผ่านมากระทรวงคมนาคมได้เตรียมการนโยบายนี้มาอย่างต่อเนื่อง จนเป็นผลสำเร็จ และประกาศกฎกระทรวงกำหนดอัตราความเร็วฉบับใหม่ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา

โดยเส้นทางแรกที่ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการใช้ความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คือ ทางหลวงหมายเลข 32 หรือถนนสายเอเชีย ช่วงหมวดทางหลวงบางปะอิน ถึง ทางต่างระดับอ่างทอง เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้ใช้อัตราความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ที่สำคัญคือ มีความปลอดภัยสูง โดยกระทรวงคมนาคมยังได้สั่งการและเน้นย้ำให้กรมทางหลวงปรับปรุงเพิ่มมาตรฐานทางกายภาพให้เกิดความสะดวกและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ได้แก่ เสริมการก่อสร้างอุปกรณ์ป้องกันด้านข้างทาง (Concrete Barrier) เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุรุนแรงเนื่องจากการเสียหลักตกเกาะกลาง ปรับปรุงจุดกลับรถระดับราบ เพื่อลดการตัดกันของกระแสจราจร ติดตั้งป้ายจราจรและป้ายเปลี่ยนข้อความได้เพื่อสื่อสารการใช้ความเร็วที่เหมาะสมในแต่ละช่องจราจร รวมทั้งติดตั้งแถบเตือน Rumble Strips เพื่อแจ้งจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดการเข้าเขตควบคุมความเร็ว โดยเส้นทางนี้ ถือเป็น “ต้นแบบ” ของทางหลวงแผ่นดินและทางหลวงชนบท 

โดยกรมทางหลวงมีแผนจะประกาศใช้สายทางในระยะที่ 2 ภายในเดือนสิงหาคม 2564 นี้ ครอบคลุมเส้นทางในภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ ระยะทางประมาณ 260 กิโลเมตร เช่น ทางหลวงหมายเลข 32 ช่วง อ่างทอง - สิงห์บุรี ทางหลวงหมายเลข 1 ช่วงหางน้ำหนองแขม - นครสวรรค์ ทางหลวงหมายเลข 2 ตอนบ่อทาง-มอจะบก และทางหลวงหมายเลข 4 ช่วง เขาวัง-สระพระ เป็นต้น พร้อมทั้งดำเนินการต่อเนื่องเพิ่มเติมบนทางหลวงสายหลัก เช่น ทางหลวงหมายเลข 1 พหลโยธิน ทางหลวงหมายเลข 2 มิตรภาพ ทางหลวงหมายเลข 24 สีคิ้ว-อุบลราชธานี ทางหลวงหมายเลข 340 บางบัวทอง -สุพรรณบุรี  และทางหลวงหมายเลข 44 กระบี่-ขนอม อีกประมาณ 1,760 กิโลเมตร ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2564 เป็นต้นไป  

นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า กรมทางหลวงได้คัดเลือกเส้นทางนำร่อง คือ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 บางปะอิน - พยุหะคีรี (ช่วงอยุธยา – อ่างทอง) ระหว่าง กม. 4+100 ถึง กม. 50+000 ทั้งขาเข้าและขาออก ระยะทาง 45.9 กิโลเมตร แบ่งการใช้ความเร็วเป็น 3 ระดับ คือ ช่องซ้ายสุด ไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ช่องกลางไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยในช่องขวาขับขี่ไม่ต่ำกว่า 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ไม่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อให้ผู้ขับขี่ที่ใช้ความเร็วแตกต่างกันในเส้นทาง ใช้ทางสาธารณะร่วมกันได้อย่างสะดวกและปลอดภัย โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 เมษายน 2564 เป็นเส้นทางแรก 

กรมทางหลวงยังได้ดำเนินการตามข้อสั่งการของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โดยติดตั้งอุปกรณ์และเครื่องหมายจราจรต่าง ๆ  ในเส้นทางที่กำหนด เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้ทาง เช่น ติดตั้งสัญลักษณ์กำหนดความเร็วบนพื้นถนน รวมทั้งติดตั้งกล้องวงจรปิดและอุปกรณ์ตรวจจับความเร็ว โดยผู้ใช้รถใช้ถนนสามารถติดตามข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Website กรมทางหลวง (www.doh.go.th) แฟนเพจกรมทางหลวง และ Call Center 1586

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ กล่าวตอนท้ายว่า การกำหนดอัตราความเร็วรถเป็น 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บนถนนสายเอเชียนั้น จะช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดและปัญหาอุบัติเหตที่เกิดจากการชนท้ายหรือการเปลี่ยนช่องจราจร อันเนื่องมาจากรถวิ่งด้วยความเร็วที่แตกต่างปะปนกันไป ไม่เป็นระเบียบ อีกทั้งยังทำให้ถนนสายเอเชียในอนาคตจะไม่มีจุดกลับรถระดับราบ ส่งผลให้ผู้ใช้รถใช้ถนนเดินทางได้อย่างรวดเร็ว สะดวก และปลอดภัยตลอดเส้นทาง และขอให้พี่น้องประชาชนศึกษาข้อมูลเส้นทาง และปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด เพื่อช่วยลดปัญหาอุบัติเหตบนท้องถนนในประเทศไทยได้อย่างยั่งยืน 

 

ศิษย์เก่าวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อุ้ม ’ชัยวัฒน์’ ร้องนายกรัฐมนตรี ขอให้ ป.ป.ท. - ทส. ทบทวนปมปลดออกจากราชการ

เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 64 สมาคมศิษย์เก่าวนศาสตร์คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จำนวน 7 คน นำโดยนายพิพัฒน์ ชนินทยุทธวงศ์ นายกสมาคมศิษย์เก่าวนศาสตร์ ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านนายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องขอความเป็นธรรมให้ข้าราชการ ทั้งนี้กรณีนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ซึ่งเป็นอดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี - ประจวบคีรีขันธ์ ให้ปลดออกจากราชการตามมติการไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)

ทั้งนี้ นายชัยวัฒน์ เป็นสมาชิกของสมาคมศิษย์เก่าวนศาสตร์ แล้วเป็นศิษย์เก่าวนศาสตร์ดีเด่นประจำปี 2553 จากผลงานการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอุตสาหะอันเป็นประโยชน์ต่อราชการหลายประการด้วยกัน สมาคมศิษย์เก่าวนศาสตร์ จึงขอความกรุณาได้โปรดพิจารณาและให้ความเป็นธรรม ดังนี้

1.) ให้สำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ท.ทบทวนการปฏิบัติหน้าที่กรณีดังกล่าวนี้อีกครั้งหนึ่ง

2.) ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) พิจารณาให้รอบคอบและเป็นไปตามระเบียบกฎหมายก่อนมีคำสั่งใดที่มีผลเสียหายต่อ นายชัยวัฒน์ ในกรณีนี้

อย่างไรก็ตาม หากได้รับความกรุณา จะเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ ตลอดจนพนักงานพิทักษ์ป่ากว่า 20,000 นาย ที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจในการปฏิบัติหน้าที่ให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติ และประชาชนสืบไป

ที่มา : https://www.posttoday.com/politic/news/649428


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top